ประสบการณ์กรรม-ทุกข์ของคนค้ำประกันรถและผลของคนไม่รับผิดชอบ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย yossapol, 19 กันยายน 2014.

  1. yossapol

    yossapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2014
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +192
    ผม ก็เป็นคน ๆ นึงที่มีความอยากได้ อยากมี เหมือนๆ คนทั่ว ๆ ไปแหละครับ แต่ความอยากได้สำหรับคนๆเรานี่ ถ้าการได้มาแล้วไม่ไปเบียดเบียนให้คนอื่นเดือดร้อนเป็นสิ่งที่ถูกใช่ไหม?

    รถยนต์ เป็นพาหนะ ที่ใคร ๆ ก็ใฝ่ฝันอยากมีอยากได้ไว้ครอบครองเพราะสะดวกสบายไปไหนมาไหนไม่ลำบาก ทำให้มีหน้ามีตา คนยกย่องนับถือ ฯลฯ

    แต่ ๆๆ .. ด้วยปัจจุบัน ราคารถ ค่อนข้างแพง ไม่เว้นกระทั่งมือสอง... อีกทั้งดาวน์ต่ำผ่อนนาน ๆ(จริงๆ ทุกวันนี้ก็แทบจะไม่ต้องดาวน์กันแล้วเอาไปผ่อนได้เลย) ถึงกระนั้นก็ดี ด้วยระบบไฟแนนซ์และกฏหมายยังต้องบังคับให้มีบุคคลค้ำประกันเป็นบางกรณี และผมในฐานที่เคยค้ำประกันให้เพื่อนคน ๆ นึง จะเล่าให้ฟังว่า มันทุกข์ขนานแท้เลย...

    เรื่องก็คือผมเคยมีเพื่อนคนนึงซึ่งผมได้ข่าวว่าตกงานอยู่เลยสงสารก็เลยพามาทำงานที่บริษัทฯผมนี้แหละ อยู่ตำแหน่งพนักงานขายสินค้าปลีก เริ่มงานไปได้สัก สองเดือน ก็มีรายได้ค่าคอมฯเป็นกอบเป็ฯกำ ด้วยความที่เป็นพนักงานขายและพูดจาเพราะๆ จึงทำให้มีคนเข้ามาซื้อมาก คนขายก็ยิ่งมีเงินมาก และย่อมเกิดความอยากได้เป็นธรรมดา คนนี้เขาเลยอยากได้รถ..นั่นไง ความอยากมาแล้ว ๆ ไงต่อ ก็คือ ไปติดต่อหาซื้อรถมือสองตามเต็นท์แถวกาญจนาฯ และได้เตรียมเงินดาวน์ไว้ 3 หมื่นกว่าบาท แต่ทว่า ต้องหาคนค้ำมาอย่างน้อย 2 คน.. ครับ และคนนี้ก็เลยมาขอความช่วยเหลือจากเราเพื่อให้ค้ำประกัน... แรก ๆ ก็ปฏิเสธไปเพราะเราก็ไม่อยากเอามาเป็นภาระหรือลำบากใจภายหลัง แต่ด้วยความที่เป็นคนหัวอ่อนไปหน่อย(หรือจะว่าโง่ก็ได้นะ) ประกอบกับเจอคำพูดเพราะ ๆน่าเชื่อถือ และอีกอย่างเห็นว่าเขายังทำงานอยู่ที่เราและมีรายได้ค่อนข้างดี ก็เลยหลงเชื่อค้ำไปพร้อมกับเพื่อนอีกคน (ค้ำ 2 คน) ครับ หลังจากเซ็นต์เอกสารสัญญาอะไรเรียบร้อยเจ้าตัวก็ได้รถมาขับสมใจอยาก

    ต่อมาไม่นานนักประมาณ 5 เดือน เจ้าตัวถูกไล่ออกจากงานครับ... เหตุเพราะว่าทางเจ้านายไม่พอใจเรื่องการดูแลงานและถูกจับได้ว่าอมเงินค่าสินค้า(ผมเพิ่งมารู้ทีหลัง หลังจากเจ้าตัวโดนไล่ออกไปไม่นาน) ทางผจก.เลยให้ออกจากงานไป .. ครับ บร๊ะ! กรรมสนองทันใจจริงๆ...

    ต่อมาผมกับเพื่อนคนนั้นผมก็ยังติดต่อมาเรื่อยๆ จนมันได้งานทำที่ใหม่ จนกระทั่งวันหนึ่ง มีเอกสารส่งมาถึงบ้าน นั่นคือ.... หนังสือทวงหนี้ครับ ค้างชำระ 3 งวดติด ๆ เอาแล้วสิครับทำไงดี ไอ่เราก็ไม่เคยโดนแบบนี้ด้วยสิ ไอ่เพื่อนอีกคนก็โดนเช่นกันครับ ทุกข์เกิดแล้วสิครับทีนี้ทำไง ๆ ดี ก็เลยโทรไปหา ถามว่าทำไม่ไม่จ่ายค่างวด ก็ได้คำตอบมาแบบ ฟังดูแล้วน่าสงสาร อาทิเช่น ลำบากขายของไม่ได้ ค่าเช่าห้องไม่พอ ให้แม่ ให้เมีย ให้ลูก หาเงินไม่ทันจริงๆ Bla Bla Bla ฯลฯ

    โอเคให้อภัย ๆ ถือว่า จนปัญญาจริงๆ และหลังจากนั้นมันก็ยอมไปจ่ายแต่โดยดี แต่วิธีการหาเงินมาจ่าย ยังไงรู้ไหมครับ ดันไปขายให้อีกคนซึ่งเป็นเพื่อนที่ทำงานใหม่ของมันเอง เอ้า....เอาละซิชักจะยุ่งไปใหญ่ ทำสัญญา ตกลงกันเอง คิดเองเออเองโดยไม่ได้ถามเราเลยแม้แต่คำเดียว แถมไม่โอนชื่อให้เจ้าของใหม่อีกต่างหาก คือแบบว่า ขายต่อเพื่อให้ผ่อนส่งจะได้ไม่โดนทวงหนี้หรือติดแบล็คลิสต์น่ะแหละ เอ้า เราก็ตามมมม ไปหาเจ้าของใหม่ถึงห้องเช่าเลยดีนะอยู่ใกล้ๆ บ้าน อ่ะ ๆ เคร เราก็ยังพอทน ทีนี้ผ่านไปสักพัก ทางเจ้าของใหม่เริ่มไม่อยากผ่อนละซิ (ซวยซ้ำซาก) เลยทิ้งรถไว้ที่ไหนไม่ทราบสักแห่ง ตามก็ไม่เจอ(แต่ก็ยังดี ไม่เอารถไปก่ออุบัติเหตุที่ไหน) และหยุดส่งผ่อน จนเจ้าหนี้ส่งหนังสือเตือนให้เราผ่อน มิฉะนั้นจะถูกฟ้อง แถมติดต่อทั้งคู่ไม่ได้อีก เอาอีกแล้ววครับ ช้ำใจแรก ๆ ยังไม่พอ ยังช้ำใจซ้ำสองอีก ทุกข์ซ้ำหนักจนผมไม่สบายไปพักนึง ก็เลยตกลง ปลงใจว่า "เรานี่หนอ เกิดมามีกรรมแท้ๆ" ทำไงได้ละครับ เราหลงเชื่อเขาเอง ไปแจ้งความก็แล้วอะไรก็แล้วก็ยังทำอะไรไม่ได้สักที

    หลัง ๆ ทำอะไรไม่ได้ จึงเกิดความคิดที่ว่า "เราเองในอีตก็อาจจะทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนมาเหมือนกัน ชาตินี้เลยต้องมาชดใช้ให้เขาเพราะฉะนั้น เราควรทำใจให้สบาย อโหสิกรรมต่อกันและกันจะดีกว่า ไม่อยากผูกเวรไปอีก อะไรจะเกิดมันก็เกิด เป็นไปตามกรรม หลีกเลี่ยงไม่ได้" นี่แหละครับ กรรม...กรรมของผมจริงๆ เลยยอมรับตามความเป็นจริงครับ จะถูกฟ้อง หรือจะโดนแบล็คลิสอะไรก็ยอมละ

    ต่อมาสักพักได้ข่าวว่า ทางเพื่อนคนนั้น ไปซื้อรถคืนมาจากคนที่เขาขายต่อไป และส่งคืนให้กับทางไฟแน๊นซ์ยึดไป(ยังดีที่มันไม่หายไปไหน)และไม่รู้ด้วยว่ากรรมอะไร หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้ข่าวอีกว่า ครอบครัวของมันแตกแยกเมียหนี ทิ้งลูกไว้ให้อยู่กับแม่และตัวมันเอง ส่วนทุกวันนี้ชะตากรรมของมันเป็นอย่างไร ไม่ทราบแน่ชัด แต่ที่รู้ ๆ กรรมก็ได้สนองเขาเช่นกันครับ คือไม่มีความสุขในชีวิตเลย.......นี่แหละครับ ผลของการไม่รับผิดชอบทำให้คนอื่นเดือดร้อน

    ทุกวันนี้ผมในฐานะผู้ประสบพบเจอเหตุการณ์แบบนั้นก็ยอมรับครับว่า ทุกข์จริงๆกินนอนไม่ได้ กลัวโดนฟ้อง แบล็คลิส ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ผมขออโหสิกรรมให้กับอดีตเพื่อนคนนั้นและทุก ๆ คนที่เคยทำผมมาครับ

    อยากจะบอกครับว่า "ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำให้เราเดือดเนื้อร้อนใจ อยากให้ทำใจให้สบายๆไม่เดือดร้อนไปกับอารมณ์นั้น ๆ ปล่อยวาง นึกซะว่า เราเองก็เคยไม่ดีในอดีตมาเหมือนกัน" เพราะอารมณ์แห่งความโกรธแค้นนั้น ไม่ดีเลย....


     
  2. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    ผมเป็นอีกคนครับ ที่คล้ายๆกัน แต่ยังดีที่เป็นเงินตัวเอง ก็ทุกข์พอสมควร วันสองวันนี้จะไปปลีกวิเวก ตัดใจจากทุกข์ชะบ้าง นอนไม่หลับมาหลายเดือนแล้ว แต่เหมือนจขกท ว่านั่นแหละ ต้องทำใจ
     
  3. yossapol

    yossapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2014
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +192
    แต่ตอนนี้เท่าที่ผมรู้ว่า ทาง เครดิต บูโร (ข่าววงในนะ ไม่แน่ใจต้องเช็คอีกที) เขาจะลบ Blacklist ออกทั้งหมดเพื่อให้คนที่เป็นหนี้นอกระบบ เข้าระบบครับ อีกอย่างเราก็ได้อานิสงฆ์ตรงนี้ไปเนื่องจากเราจะไม่มีรายชื่อใน Blacklist อีกต่อไป...

    และขอเป็นกำลังใจให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปให้ได้เช่นกันครับ :d
     
  4. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    มีวิบากกรรมร่วมกันมาครับ ขอให้ทำใจปล่อยวางครับ

    อนึ่งลองไปอ่านดูกฏหมายให้ดีนะครับ ว่าด้วยคดีเพ่ง ว่าด้วยหนี้สิน อันเกี่ยวกับยอดวงเงินที่ เป็นหนี้สินกัน และเราในฐานะผู้ค้ำจำเลยคนที่สอง หากมีปัญหาอะไรตามมาจากการคำ้ประกัน ขอให้ทำใจให้สงบ ให้แจ้งบริษัทกลับไปว่า ขอให้ส่งเรื่องฟ้องศาล แล้วเรายินดีไปศาลเพื่อรับฟังการตัดสิน และขอไกล่เกลี่ย ประนอมหนี้ ซึ่งตามหลักคดี เพ่ง แบบนี้ ศาลจะประนอมหนี้ และรับฟังเหตุผล ในการประนอมหนี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับเราว่าเราจะผ่อนต่อให้ตามกำลังความสามารถของเรา เดือนละเท่าไหร่ก็ตกลงกันไป ทางเจ้าหนี้ ไม่สามารถบังคับเราได้ ว่าต้องยึดทรัพย์หรือบังคับให้ผ่่อนเท่านั้นเท่านนี้ ขึ้นอยู่กับ ความสามารถของเรา เดือนละพันละ5ร้อยก็แล้วแต่
    อนึ่ง หากมีของกลาง ของกลางก็ต้องส่งคืนและตีเป็นตัวเงินปรับยอดหนี้กันไป และหากยอดหนี้เป็นยอดไม่เกินหนึ่งแสนบาท ปกติ ก็จะไม่คุ้มกับการจ้างทนาย ซึ่งส่วนมากจะไม่ได้เอาผิดอะไรกับลูกหนี้ หากแต่เจ้าหนี้ ต้องแจ้งความฟ้องร้องต่อศาลให้ศาลรับทราบดคี และตีเป็นหนี้เสีย ซึ่งจะใช้ประโยชน์ในการลดภาษีของเจ้าหนี้ ได้

    ดังนั้น อย่าไปกังวลวิตกนะครับ ทุกปัญหามีทางออกเสมอครับ อย่ารีบร้อยใจร้อนนะครับ ให้ปรึกษากับผู้รู้หรือสืบค้นข้อมูลดูจากหลายๆที่นะครับ
     
  5. เอค่ะ

    เอค่ะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +345
    ตอนนี้กำลังเป็นค่ะแต่เป็นเงินของคนอื่นด้วย และ ยืมแทนคนอื่นด้วย เพื่อให้ทำวีซ่า แต่วีซ่าไม่ได้ แถมบอกว่าจะจ่ายคืนยังไม่รู้ว่าจะได้คืนหรือเปล่าเลยค่ะ นอนไม่หลับมาเกือบ 2 เดือนแล้วค่ะ ได้แต่ปล่อยวาง และปล่อยวาง มันแย่จริงๆ
     
  6. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ================

    กรณี การยืมเงิน เพื่อนำเงินไปจ่าย ค่าเดินทางไปต่างประเทศเพื่อไปทำงานก็ดีหรืออื่นๆ ส่วนมาก กลุ่มบุคคลที่รับจัดหาคนไปต่างประเทศเขาทำกันเป็นกระบวนการ ซึ่งจากประสพการณ์ เมื่อเราจ่ายเงินให้เขาไปแล้ว ต่อหัว5หมื่น เป็นต้น พอทำเรื่องต่างๆติดปัญหาโน่นนี่นั้น ไปไม่ได้ สุดท้าย การคืนเงิน ส่วนมากจะ
    1ได้เงินคืนไม่ครบเพราะจะมีการหักค่าใช้จ่ายค่าดำเนินการต่างๆครับ
    2ส่วนที่เหลือจะได้คืนนานครับต้องใช้เวลา
    3ไม่ได้คืนคือรอไปเรื่อยๆ และเรื่องนี้การไปฟ้องร้องก็น่าจะยากเพราะเขามีเงื่อนไขไว้ชัดเจนเพื่อปกป้องกลุ่มของเขา

    ดังนั้นบางทีก็คนรู้จักกันนี่แหละแนะนำแล้วเขาก็ได้ค่าหัวด้วย แต่ไม่ได้หลอกลวงเพราะมีส่งไปทำงานต่างประเทศจริง แต่ที่เข้าข่ายหลอกลวงคือบางช่วง การส่งคนไปมีปัญหาหลายอย่าง บางครั้งปลายทางชะลอความต้องการคน แต่เขาก็ไม่บอกให้เราทราบหรอกครับ ถือว่าเป็นอะไรที่เสี่ยงมากๆครับ

    สุดท้ายก็ขอให้ลองพยายามต่อรองดูและติดตามบ่อยๆอย่าปล่อยผ่านนะครับ สาธุ
     
  7. เอค่ะ

    เอค่ะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +345
    ขอบคุณมากค่ะ บุญรักษาค่ะ ตอนนี้พยายาม ปล่อยวาง แต่ยากนักแล
     
  8. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    กลับจากปลีกวิเวกมา ทำใจได้อยู่บ้างครับ ชั่วขณะ สงสารครอบครัวครับ พวกเขายังไม่รู้ว่าผมเอาเงินไปให้เขายืม ลูกผมกู้เงินเรียน ทำงานส่งตัวเองเรียนจนจบ แล้วทำงานใช้หนี้เอง ผมไม่ได้ช่วยสักบาท ช่วยคนอื่นแต่ลูกไม่ได้ช่วยละอายแก่ใจครับ แล้วคนที่ยืมดันเป็นเพศตรงข้ามด้วย ผมกลัวว่ารู้แล้วจะเกิดปัญหาใหญ่ กลุ้มครับ
     
  9. เปาชุนไหล

    เปาชุนไหล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +2,240
    จขกท และหลายๆท่าน ทำใจได้เข้มแข็งมากครับ
    ผมเชื่อว่า เราทำดีสู้ซะอย่าง อย่างไรมันก็ต้องพ้นกรรมชั่วจนได้
    กระผมก็ประสบพบกรรมไม่ดีมาเหมือนกัน
    ทั้งตกงาน ทั้งต้องมีเหตุให้เลิกกับแฟน ทั้งๆที่คบกันมาตั้ง7ปี



    เงินก็ไม่มี กินประหยัดแค่ไหนก็แทบจะไม่พอจ่าย
    เช่น เดือนที่แล้ว ผมต้อง หุงข้าว กินปลากระป๋อง 1 กระป๋อง = 2 มื้อ เช้ากะกลางวัน
    เย็นก็กินมาม่า
    เป็นเวลา นานพอสมควร เบื่อแต่ก็ต้องทน
    ยังดีได้ซื้อโอวันตินมาชงกินแก้เบื่อได้บ้าง


    คนดูถูกก็เยอะ
    พอได้งานที่ไหนก็เจอแต่เรื่องหนักๆ คือทั้งงานหนัก เงินน้อย แถมยังโดนด่าทุกวัน
    ทำงานกับเจ้านาย2 คน ครับ ทำถูกก็เฉยๆ ทำผิดโดนหนัก บางทีก็ชมบ้าง
    แต่ผมว่าอย่าชมเลยครับ แค่เวลาทำไม่ถูกใจอย่าวีนใส่ก็พอ
    ทนไม่ไหวก็ต้องออก

    ได้งานอีกที่ ต้องยืนทั้งวัน จัดของ ฯลฯ
    เวลาที่ต้องทำงานคือ 8โมง-4 ทุ่ม ประมาณ2อาทิตย์ เพราะเปิดสาขาใหม่ ทำโอฟรี ไม่ได้โอที
    ทนไม่ไหวก็ต้องออก
    เพราะคิดว่า ถึงจะทำปกติ 8 ชั่วโมงยืนทั้งวันแบบนี้ ไม่ไหว เข่าพังก่อน
    แบบนี้ทำงาน หาเงินมารักษาเข่าตัวเองชัดๆ
    งานยืนผมจึงไม่สันทัดเท่าไร




    จนมาได้งานปัจจุบัน นึกว่าจะดี
    ก็ ซวย มาเจอ หน. ดราม่า ชอบจับผิดคนอื่น
    วันๆเอาแต่วิจารณ์เรื่องเสียๆหายๆ
    เอาง่ายๆว่า ปากจัดที่สุดใน ที่ทำงานแล้ว
    เวลาคนมาเบิกของ ด่าสารพัด ทำให้ผมได้อานิสงส์คือมีคนไม่ชอบขี้หน้า เพราะเวลาใครมาเบิกของ ก็โดนหัวหน้าผมด่ายับเกือบทุกราย
    กลายเป็นว่าผมถูก ตราหน้าว่า อาจจะนิสัย แย่เหมือน กับ หน
    คือไม่มีใครอยากมาคุยถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
    แทนที่จะอธิบายดีๆ เช่นว่า ตรงนี้ไม่ครบ นะ ให้ไปเพิ่มเติมหน่อยนะ อะไรประมาณนี้
    นี่ด่าสาดเสียเทเสีย "ทำงานยังไง ไอ่นี่ก็ไม่มี ไอ่นั่นก็ไม่มี แบบนี้ทำงานลำบาก ไปทำมาใหม่ไป"
    ตัวอย่างประมาณนี้
    บางทีก็ อะไร มะกี้เพิ่งไปจัดของมาให้ นี่เอาใบเบิกมาอีกละ ทำไมไม่ตามไปให้ที่นุ่นล่ะ ยั่งงี้ไปเอาเองเลยไป ฯลฯ
    เยอะ อะ



    แล้วผมก็ต้องได้นั่งทำงานใกล้ๆ อีก
    เป็นหัวหน้า อีก ผมก็โดนเต็มๆสิครับ
    บางทีสั่งอย่างหนึ่ง เรายังไม่ได้ทำเลย สั่งอีกอย่างหนึ่ง
    พอเสร็จอย่างที่สอง ก็กลับด่าว่า ทำไมอย่างแรกยังไม่เสร็จ มัวทำอะไรอยู่
    และ อื่นๆอีกมากมาย
    เวรกรรมอะไรเช่นนี้
    ข้อดีของหัวหน้าคนนี้คือมีประสบการณ์งานมาก เก่งงานสุด สอนให้ผมเข้าใจงานได้ง่าย และไว
    แต่ ถ้าปรับปรุงเรื่อง ความเห็นอกเห็นใจคนบ้าง ก็น่าจะโอเค
    นี่ ผมเพ้อไปงั้นแหละครับ จะไปแก้อะไรใครเขาได้


    ไหนจะทุกข์เรื่องงาน ไหนจะทุกข์เพราะความคิดถึงเหตุการณ์เก่าๆ กับแฟน ที่เราร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา
    ต่อสู้กันมา เวลาผ่านสถานที่ๆเราเคยไปด้วยกัน ใจมันจะขาดให้ได้ มันคิดถึงแบบว่า ตัวสั่นเทิ้ม ขนลุก ใจสะท้าน บอกไม่ถูก
    คิดถึงความดี ที่ เธอเคยมีให้เรา เธอดีกับเราสารพัด
    คือต่อให้มีผู้หญิงที่ดีแค่ไหน สวย รวย เพรียบพร้อมอย่างไร เราก็ไม่ขอมีใครอีกแล้ว ไม่สามารถมีใครมาทดแทนเธอได้


    แทบจะบ้าเหมือนกัน
    เหมือนมันหายใจไม่ออก ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ นอนหลับไม่เป็นสุข ฝันร้าย เกือบทุกคืน
    ร่างกายซูบ หน้าซูบ จิตใจมันห่อเหี่ยวไปหมด

    ผมจึงอธิษฐานว่า ถ้าเราไม่ได้มีโอกาศใช้ชีวิตร่วมกันอีก
    ขอให้ผมอย่าได้มีความรักใครอีกเลย ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า
    เพราะ การพลัดพรากจากสิ่งที่เรารัก ที่เราหวงแหนนั้น มันสุดแสนจะทุกข์ใจ

    นี่ขนาดผมเคยศึกษาธรรมะมาก่อนหน้านี้ พอสมควร และ ฝึกจิตใจในการพลัดพรากจากที่สิ่งรัก และพิจารณาความไม่เที่ยงของสรรพสิ่งอยู่เนืองๆ
    ยังต้องประสบความทุกข์ทางใจอย่างหนัก
    ถ้าคนที่ไม่เคย ฝึกจิตมาบ้างเลย คงจะช๊อค หรือ อยากฆ่าตัวตายให้พ้นความทุกข์นี่ไป



    ก็ต้องทนกันต่อไป
    ยอมรับผลกรรมเก่า , เราทุกข์เพราะความยึดติดในอดีต
    สร้างกรรมดีใหม่

    ไม่ไปใส่ไฟให้โทสะพุ่ง เชื่อว่า ถ้าเราทำดีอย่างไม่ท้อ ซักวันต้องพ้นกรรมไม่ดี ไปอย่างแน่นอน
    และคิดในแง่ดีคือเรามีโอกาศได้ฝึกขันติบารมี
    ทำให้เราก้าวไปอีกขั้นสู่พระนิพพาน

    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2014
  10. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    ที่ไอ้น้องเจอมา พี่เจอมาหมดแล้ว อดทน อดกลั้น จะใช้ได้ เรื่องเจ้านายคนปัจจุบัน ผมเวียนเฮดกับเธอเสียทุกครั้ง แต่ผมก็พยายามปรับตัวเราให้เข้ากับการทำงานของเธอให้ได้ เธอไม่ดีช่างเธอ เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็แล้วกัน ถ้าทนไม่ได้เสียสุขภาพจิตสุดๆ แนะนำให้ลาออกครับ ส่วนเรื่องของหัวใจถ้าเราคิดว่ามันเป็นเช่นนี้เอง เราก็จะค่อยๆทำใจได้ แล้วมานั่งคิดว่าเรื่องนิดเดียวเอง ส่วนเรื่องเงินทองต้องประหยัดครับ แล้วจะดีขึ้นเอง พอเพียงใช้ได้ทุกสถานะการณ์ รู้ไหมพวกคนมีตังค์บางคน ต้องส่งดอกวันละหกเจ็ดพันก็มี ไม่ได้สุขไปกว่าเราหรอก เวลาทุกข์นึกถึงประเทศชาติไว้ นึกถึงในหลวง นึกถึงทหารตำรวจที่ปกป้องประเทศโดยเฉพาะที่ต้องปะทะกับศัตรู แล้วมันจะดีทันตาเห็นเลย นี่วิธีของผมนะ ลองทำดูบ้างเผื่อจะชอบนะท่านเปา เป็นกำลังใจให้ครับ
     
  11. เปาชุนไหล

    เปาชุนไหล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +2,240
    ขอบพระคุณท่านน้องใหม่มากครับ
     
  12. ชไลธร

    ชไลธร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +248
    ดิฉันจะคล้ายๆเจ้าของกระทู้ค่ะ คือดิฉันซื้อรถมือสองมาเป็นรถเก๋งฮอนด้าแอคคอร์ด ซื้อกับเพื่อนของน้องที่ทำงาน เขาจัดไฟแนนซ์ให้เสร็จสรรพ ดิฉันก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ รู้สึกว่าทำไมราคารถมันถึงได้แพงจัง ยังกะรถป้ายแดง(ส่งเดือนละ 7800 บาท 6 ปี) น้องก็คะยั้นคะยลยอ จึงตกลงด้วยความไม่เต็มใจและด้วยความเกรงใจ ประมาณหนึ่งเดือน(ไม่ค่อยได้ใช้รถ เพราะขับยังไม่ค่อยเป็น ) ก็มีคนที่รู้จักกับน้องคนนี้เขาอยากได้ ดิฉันก็ว่าจะขายต่อเขา เขาเอาไปลองขับประมาณหนึ่งเดือน ก็เอามาคืนบอกไม่เอาแล้ว ค่างวด ดิฉันกับน้องคนนี้ก็ช่วยกันออก บอกให้เพื่อนของน้องที่ขายรถให้กับเรามาเอาคืนไป(เพราะก่อนจะซื้อเขาบอกว่าถ้าเราส่งไม่ไหวเขาก็จะรับคืน)
    เขาก็มารับคืนไปแต่ชื่อยังเป็นดิฉันอยู่ เขาไปขายต่อให้ใครดิฉันไม่ทราบ ดิฉันก็บอกเขาว่าให้เปลี่ยนชื่อ เขาก็บอกยังเปลี่ยนไม่ได้ ดิฉันก็ชะล่าใจ ไม่เป็นไรรู้จักกัน จนสองปีกว่าเริ่มมีปัญหา ไฟแนนซ์โทรมาทวงเงินกับดิฉัน ดิฉันก็บอกทางผู้ขายเขาก็จัดการ เงียบไปสักพักเริมมีปัญหาถี่ๆ ไม่ได้ชำระเขาสองเดือนย่างเข้าเดือนที่สาม ดิฉันบอกไฟแนนซ์ตามตรงว่ารถนี้ดิฉันคือนผู้ขายไปแล้ว แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อเพราะเขาบอกว่ายังเปลี่ยนไม่ได้ ทางไฟแนนซ์เขาก็บอกว่าส่งเกินครึ่งแล้วเปลี่ยนได้ตั้งนานแล้ว
    อ้าวแล้วคนขายรถทำไมไม่บอกเรา เราก็ติดต่ออยู่เรื่อยๆ
    แต่มันก็สายไปแล้ว ดิฉันถึงได้กุลีกุจอตามหาคนขายซึ่งก็ย้ายที่อยู่ใหม่โดยไม่บอก ดิฉันตามหาจนเจอ ถามว่าตอนนี้รถอยู่ที่ไหน กับใคร เขาก็บอกแต่เขาไม่จัดการอะไรให้เลย ดิฉันจึงติดต่อกับคนที่ซื้อรถไป เป็นป้าคนหนึ่ง แกบอกว่าลูกแกซื้อมาแล้วก็ไม่ส่ง ปล่อยให้แกส่ง และตอนนี้ลูกแกก็หายไปไหนไม่รู้ แกส่งไม่ไหวแล้ว รถซื้อมาในราคาเท่าไหร่แกก็ไม่รู้ส่งย่างเดียว ดิฉันเลยบอกให้แกเอารถมาคืนเขาซะ เพราะรถเป็นชื่อหนูอยู่ แกก็บนคนขายว่า ขายรถเอกสารอะไรก็ไม่มี รถสภาพก็ไม่ดีแกต้องซ่อมใหม่เกือบแสนบาท ก็สงสารแก สงสารตัวเองด้วย
    ตกลงดิฉันเอารถคืนไฟแนนซ์ไป ต่อมาเขาแจ้งยอดหนี้ที่ดิฉันต้องชำระ ประมาณเกือบสองแสน เขาเอารถไปขายได้ในราคาแสนห้า หักลบค่ารถที่ขายได้ กับยอดทวง ดิฉันต้องใช้หนี้อีกหนึ่งแสนเก้าหมื่นบาท ดิฉันสะอึกเลย เพราะความโง่ของเราเองแท้ๆไว้ใจคนมากไป เพื่อนๆที่ทำงานเขาบอกให้เฉยๆไว้ ดิฉันก็อยากใช้หนี้เขาให้หมด แต่ทำไมเขาแจ้งยอดขายรถต่ำจัง ถ้าเป็นหลักหมื่นดิฉันก็ยังจะอดทนใช้ แต่นี่เกือบสองแสน ดิฉันควรจะทำอย่างไรดี ถ้าไม่ส่งดิฉันจะเป็นอย่างไรกลัวเวรกรรมตามทันจังเลย จะส่งก็ทำไมเยอะจัง รู้สึกเป็นบาปยังไงไม่รู้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 ตุลาคม 2014
  13. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    กรณีอย่างนี้ ใครรู้ช่วยเขาหน่อยว่าต้องทำอย่างไร แต่ผมเห็นคนรู้จักผมมันเฉยๆรถคืนไปแล้วเหมือนกัน แต่ไม่กล้าถามเขา
     

แชร์หน้านี้

Loading...