ไดอารี่ ชีวิต , ผี , วิญญาณ , พุทธศาสนา By Specialized

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะครับ เดี๋ยวจะลองถามเบื้องบนดูว่าควรย้ายไปไว้ไหนดี หุหุ แล้วเดี๋ยวยังไงก็จะมาอัพเดทเรื่อยๆนะครับ :d

 

6.วัดพุทไธสวรรค์

วัดพุทไธสวรรย์ อยู่ริมแม่น้ำด้านใต้ ฝั่งตรงข้ามของเกาะเมือง หากเดินทางโดยรถยนต์และใช้เส้นทางสายอยุธยา-เสนา ทางทิศ ตะวันตกของเกาะเมือง ข้ามสะพานวัดกษัตราธิราช แล้วเลี้ยวซ้ายจะผ่านวัดไชยวัฒนาราม มีป้ายบอกทางเป็น ระยะไปจนถึงทางแยกซ้ายเข้าวัดพุทไธสวรรค์ วัดนี้สร้างขึ้นบริเวณที่สมเด็จพระเจ้าอู่ทองอพยพมาสร้างเมือง ใหม่ เดิมบริเวณนี้เรียกว่า "เวียงเล็ก" หรือ "เวียงเหล็ก" ซึ่งเป็นตำหนักที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจคือ พระปรางค์ประธานองค์ใหญ่เป็นศิลปะแบบอยุธยาตอนต้นครับ



พระประธานในอุโบสถวัดพุทไธสวรรค์ ซึ่งใต้ฐานพระประธานนี้มีสมบัติของพระเจ้าอู่ทองฝังอยู่มากมาย หลวงปู่หวล ท่านบอกว่าสมบัติเหล่านี้ประเมินค่ามิได้ครับ



ระเบียงคตรอบๆพระปรางค์วัดพุทไธสวรรค์



พระปรางค์วัดพุทธไธสวรรค์



รอยพระพุทธบาทจำลองภายในพระปรางค์



ด้านในสุดของพระปรางค์ไม่ทราบว่าภายในมีอะไร

*เพิ่มเติม วัดพุทไธสวรรค์ยังมีอะไรให้ชมอีกมากนะครับเช่น วิหารองค์จตุคามรามเทพ , พระเหล็กไหล , อนุสาวรีย์พระเจ้าอู่ทอง พอดีผมไม่ได้ถ่ายรูปมาน่ะครับ หุหุ ไปชมกานเองเด้อ
<!--END-->

 

7.วัดหน้าต่างนอก (หลวงพ่อจง)



ภายในศาลาวัดหน้าต่างนอก



รูปหลวงพ่อจงทำน้ำมนต์


<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=950 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff height=153>พระครูสมบูรณ์จริยธรรม( พระอาจา์รย์แม้น อาจารสมฺปนฺโน)

เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันได้เล่าถึงประวัติของ
วัดหน้าต่างนอก พอสังเขปว่า ท่านได้ฟังมาจากคำบอกเล่าของ
หลวงพ่ิอสังข์ วัดน้ำเต้า เจ้าคณะฺ์อำเภอบางบาล
หลวงพ่อไวทย์ วัดบรมวงศ์ อดีตเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธ์กบเจา อำเภอบางบาล หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้วเจ้าคณะอำเภอบางไทรถึงประวัติของ
วัดหน้าต่างนอกอย่าง ตรงต่อกันว่า​

</TD><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff colSpan=2 rowSpan=2>

วัดหน้าต่างนอกนี้ได้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปลายกรุงศรีอยุธยาเมื่อประมาณปีพ.ศ.2300
ซึ่งหลวงปู่เณรเป็นผู้ดำเนินก่อสร้างขึ้นเหตุที่ชื่อวัดหน้าต่างนอกนั้น ก็มีเหตุอยู่สองประเด็นด้วยกัน
ประเด็นแรก กองทัพพม่าที่ยกมาตีกรุงศรีอยุธยา ได้ตั้งค่ายใกล้กับสะพานสีกุก ทางกองทัพกรุงศรีอยุธยาก็ได้ให้
ทหารหน่วยสอดแนมสอดส่องดูว่า ข้าศึกจะขยับเขยื้อนไปทางไหน โดยให้ดูด้วยการเปิดหน้าต่าง หน้าต่างใน
หมายถึง ใกล้ชายแม่น้ำน้อย ก็คือที่ตั้งวัดหน้าต่างใน หน้าต่างนอก หมายถึง ทางนอกทุ่งก็คือที่ตั้งวัดหน้าต่างนอก
ประเด็นที่สอง ในสมัยโบราณนั้น พระสงฆ์ท่านเคร่งครัดในทางปฏิบัติพระกัมมัฏฐาน และได้มีการกล่าวเอาไว้ว่า เดิมทีตรงวัดหน้าต่างนอกเป็นสถานที่ปฎิบัติธรรมของพระสงฆ์วัดหน้าต่างใน ต่อมาหลวงปู่เณรได้สร้างเป็นขึ้น
อาจจะตั้งชื่อวัดโดยอรรถโดยธธธรรมก็ได้เช่น วัดหน้าต่างนอกท่านหมายเอา อายตนะภายใน
คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจเมื่อหลวงปู่เณรได้มรณภาพไปแล้ว ทางคณะสงฆ์ คณะอุบาสกอุบาสิกา
ได้อาราธนาหลวงปู่เอี่ยมขึ้นมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแทนหลวงปู่เณรสืบมา
ปฎิปทาของหลวงปู่เอี่ยมเป็นที่เลื่องลือกันมากในสมัยนั้นท่านเป็นพระปฏิบัติในด้านพระกัมมัฎฐานน้ำมนต์ของ
ท่านศักดิ์สิทธิ์์์์ืมากผูุุุุ้คนเลื่อมใสศรัทธาไปมาหาสู่เพื่อสักการะไม่ขาดสาย
ครั้นพอต่อมาหลวงปู่เอี่ยมท่านได้มรณภาพ สิ้นอายุขัย ทางคณะสงฆ์จึงได้อาราธนาหลวงปู่อินทร์ ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็้นเจ้าอาวาสแทนหลวงปู่เอี่ยม ต่อมาหลวงปู่อินทร์ืืืืืได้ลาสิกขาบททางคณะสงฆ์จึงได้อารธนาหลวงพ่อจง ซึ่งบวชอยู่วัดหน้าต่างใน มาดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดหน้าต่างนอก เมื่อหลวงพ่อจงได้มาดำรงตำแหน่งเป็นเจ้า
อาวาสวัดหน้าต่างนอกนั้น ท่านก็ได้บูรณะอุโบสถหลังเก่าซึ่เดิมทีเป็นเรือนไม้ แล้วก็ได้บูรณะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ตลอดทั้งวิหารซึ่งคู่กับอุโบสถนั้น แล้วก็ได้สร้างพระพุทธฉายขึ้นที่หน้าวัด ขึ้นเป็นอนุสรณ์และได้สร้างเรือหงส์ขึ้นอีกหนึ่งลำจากนั้นได้ซ่อมแซมเสนาสนะเช่น กุฏิมีสภาพทรุดโทรม ให้อยู่ในสภาพที่ดี เป็นต้นจนกระทั่งหลวงพ่อท่านอายุย่างเข้า 93 ปี กับ 10 เดือนท่านก็มาป่วยด้วยโรคอัมพาตอยู่เดือนหนึ่งแล้วท่านก็มรณภาพลงเมื่อวันจันทร์ เดือน 3 พ.ศ.2508 ทางคณะกรรมการจึงได้ทำฌาปนกิจศพหลวงพ่อจง พ.ศ.2509 จากนั้นก็ได้อาราธนาพระอาจารย์ไวยท์ ดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาส และได้แต่งตั้งเมื่อพ.ศ.2510 พระอาจารย์ไวยท์ได้เป็นเจ้าอาวาสเพียง 5 เดือนก็ได้มรณภาพลง จากนั้นก็้จึงได้อาราธนาพระอารย์พุท ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส พระอาจารย์พุทเป็นเจ้าอาวาสอยู่ได้เพียง 3 ปีราว พ.ศ.2514พระอาจารย์พุทก็ได้มรณภาพลงจากนั้นพ.ศ.2515ทางคณะกรรมการจึงได้อาราธนาพระอาจารย์แม้น หรือพระครูสมบูููููููููุรณ์จริยธรรม จากวัดกลางคลองสาม อำเภอคลองหลวงจังหวัดปทุมธานี มารักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหน้าต่างนอก เ<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=950 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff height=153>

พระครูสมบูรณ์จริยธรรม( พระอาจา์รย์แม้น อาจารสมฺปนฺโน)

เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันได้เล่าถึงประวัติของ
วัดหน้าต่างนอก พอสังเขปว่า ท่านได้ฟังมาจากคำบอกเล่าของ
หลวงพ่ิอสังข์ วัดน้ำเต้า เจ้าคณะฺ์อำเภอบางบาล
หลวงพ่อไวทย์ วัดบรมวงศ์ อดีตเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธ์กบเจา อำเภอบางบาล หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้วเจ้าคณะอำเภอบางไทรถึงประวัติของ
วัดหน้าต่างนอกอย่าง ตรงต่อกันว่า​

​

</TD><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff colSpan=2 rowSpan=2>

วัดหน้าต่างนอกนี้ได้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปลายกรุงศรีอยุธยาเมื่อประมาณปีพ.ศ.2300
ซึ่งหลวงปู่เณรเป็นผู้ดำเนินก่อสร้างขึ้นเหตุที่ชื่อวัดหน้าต่างนอกนั้น ก็มีเหตุอยู่สองประเด็นด้วยกัน
ประเด็นแรก กองทัพพม่าที่ยกมาตีกรุงศรีอยุธยา ได้ตั้งค่ายใกล้กับสะพานสีกุก ทางกองทัพกรุงศรีอยุธยาก็ได้ให้
ทหารหน่วยสอดแนมสอดส่องดูว่า ข้าศึกจะขยับเขยื้อนไปทางไหน โดยให้ดูด้วยการเปิดหน้าต่าง หน้าต่างใน
หมายถึง ใกล้ชายแม่น้ำน้อย ก็คือที่ตั้งวัดหน้าต่างใน หน้าต่างนอก หมายถึง ทางนอกทุ่งก็คือที่ตั้งวัดหน้าต่างนอก
ประเด็นที่สอง ในสมัยโบราณนั้น พระสงฆ์ท่านเคร่งครัดในทางปฏิบัติพระกัมมัฏฐาน และได้มีการกล่าวเอาไว้ว่า เดิมทีตรงวัดหน้าต่างนอกเป็นสถานที่ปฎิบัติธรรมของพระสงฆ์วัดหน้าต่างใน ต่อมาหลวงปู่เณรได้สร้างเป็นขึ้น
อาจจะตั้งชื่อวัดโดยอรรถโดยธธธรรมก็ได้เช่น วัดหน้าต่างนอกท่านหมายเอา อายตนะภายใน
คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจเมื่อหลวงปู่เณรได้มรณภาพไปแล้ว ทางคณะสงฆ์ คณะอุบาสกอุบาสิกา
ได้อาราธนาหลวงปู่เอี่ยมขึ้นมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแทนหลวงปู่เณรสืบมา
ปฎิปทาของหลวงปู่เอี่ยมเป็นที่เลื่องลือกันมากในสมัยนั้นท่านเป็นพระปฏิบัติในด้านพระกัมมัฎฐานน้ำมนต์ของ
ท่านศักดิ์สิทธิ์์์์ืมากผูุุุุ้คนเลื่อมใสศรัทธาไปมาหาสู่เพื่อสักการะไม่ขาดสาย
ครั้นพอต่อมาหลวงปู่เอี่ยมท่านได้มรณภาพ สิ้นอายุขัย ทางคณะสงฆ์จึงได้อาราธนาหลวงปู่อินทร์ ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็้นเจ้าอาวาสแทนหลวงปู่เอี่ยม ต่อมาหลวงปู่อินทร์ืืืืืได้ลาสิกขาบททางคณะสงฆ์จึงได้อารธนาหลวงพ่อจง ซึ่งบวชอยู่วัดหน้าต่างใน มาดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดหน้าต่างนอก เมื่อหลวงพ่อจงได้มาดำรงตำแหน่งเป็นเจ้า
อาวาสวัดหน้าต่างนอกนั้น ท่านก็ได้บูรณะอุโบสถหลังเก่าซึ่เดิมทีเป็นเรือนไม้ แล้วก็ได้บูรณะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ตลอดทั้งวิหารซึ่งคู่กับอุโบสถนั้น แล้วก็ได้สร้างพระพุทธฉายขึ้นที่หน้าวัด ขึ้นเป็นอนุสรณ์และได้สร้างเรือหงส์ขึ้นอีกหนึ่งลำจากนั้นได้ซ่อมแซมเสนาสนะเช่น กุฏิมีสภาพทรุดโทรม ให้อยู่ในสภาพที่ดี เป็นต้นจนกระทั่งหลวงพ่อท่านอายุย่างเข้า 93 ปี กับ 10 เดือนท่านก็มาป่วยด้วยโรคอัมพาตอยู่เดือนหนึ่งแล้วท่านก็มรณภาพลงเมื่อวันจันทร์ เดือน 3 พ.ศ.2508 ทางคณะกรรมการจึงได้ทำฌาปนกิจศพหลวงพ่อจง พ.ศ.2509 จากนั้นก็ได้อาราธนาพระอาจารย์ไวยท์ ดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาส และได้แต่งตั้งเมื่อพ.ศ.2510 พระอาจาร​

</TD></TR></TBODY></TABLE>มื่อเดือนสี่ พ.ศ.2515 และเป็นเจ้าอาวาสสมาจนถึงปัจจุบันนี้


</TD></TR></TBODY></TABLE>​

หลวงพ่อทำน้ำมนต์
เกี่ยวกับประวัติภาพถ่ายนี้ คือ
ในงานพุทธาภิเษกแห่งหนึ่ง ครั้งนั้นทางเจ้าภาพได้นิมนต์พระเกจิอาจารย์ไปหลายรูปด้วยกัน ซึ่งเจ้าของภาพจำ
ได้ว่า 2 องค์ที่เขาเห็นและศรัทธาอย่างยิ่งก็คือ 1.พ่อท่านคล้าย วัดสวนขันธ์
2.หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก สาเหตุเพราะได้ประจักษ์กับตา ถึงอภินิหารของทั้งสองท่านนี้
แต่ว่าไม่สามารถถ่ายภาพของหลวงพ่อคล้ายได้ ถ่ายได้เฉพาะหลวงพ่อจงรูปเดียวเพราะเขาไม่คิด
ว่าจะมีการทดลองวิชาของพระคุณเจ้าเกิดขึ้น ที่มาของภาพมีดังนี้
ในงานนั้นพ่อท่านคล้ายและหลวงพ่อจง นั่งพักอยู่ใกล้ๆกันก็บังเอิญมีโยมคนหนึ่ง มาขอให้
พ่อท่านคล้ายช่วยทำน้ำมนต์ให้ พ่อท่านจึงบอกกับโยมคนนั้นว่า ให้ไปเอาขวดมา และเอาน้ำมาแก้วหนึ่งด้วยท่านจะทำน้ำมนต์ให้ โยมคนนั้นก็ไปเอาขวดและน้ำมาให้พ่อท่านคล้ายทำน้ำมนต์
พ่อท่านรับแก้วน้ำมาแล้วให้โยมคนนั้นเอาขวดไปตั้งไว้ข้างหน้าห่างไปพอสมควร จากนั้น
พ่อท่านก็ยกแก้วน้ำขึ้นมาเหมือนดื่มแต่ไม่ได้ดื่มเพียงอมไว้แล้วก็พ่นน้ำไปที่ขวดใบนั้น
พรวดเดียวน้ำเต็มขวดเลย
หลวงพ่อจงท่านหันมามองแล้วก็หัวร่อ หึ หึ แล้วก็บอกว่า ​

 

คุยกับเบื้องบนมาแล้วครับ สรุปว่ากระทู้นี้ยังคงเดิมอยู่ที่นี่ไม่ย้ายไปไหนครับ :d

 

ขอบคุณครับ

<TABLE class=tborder id=post930192 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Carbonato<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_930192", true); </SCRIPT>
สมาชิก ยอดนิยม
สมาชิกยอดฮิต



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 04:51 PM
วันที่สมัคร: Jun 2005
อายุ: 23 ปี
ข้อความ: 3,299 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 4,382 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 10,678 ครั้ง ใน 2,258 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 1430


</TD><TD class=alt1 id=td_post_930192 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->เล่าบรรยากาศในงานด้วยดิ ถ้าว่างๆนะ เล่าประสบการณ์ต่างๆด้วยครับ
<!-- / message --><!-- sig -->
____________________________________________________________
komgrish_j@hotmail.com

เว๊ปแห่งการสร้างบุญบารมี : http://www.watthummuangna.com/board/index.php

ด้วยเดชแห่งพระพุทธเจ้าองค์ปฐมบรมจักรพรรดิ์ จนถึงพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันมหาจักรพรรดิทุกๆพระองค์ บารมีพระปัจเจกทุกๆพระองค์ บารมีพระโพธิสัตว์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย พรหมทั้งหมด เทพทั้งหมด ครูบาอาจารย์ทั้งหมดสืบๆกันมา มีหลวงปู่ดู่เป็นที่สุด ... บารมีทุกพระองค์ที่เอ่ยนามก็ดี มิได้เอ่ยนามก็ดี ขออัญเชิญทั้งหมดทั้งมวล ร่วมสวดบทมหาจักรพรรดิ์โดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อเสริมกำลัง
<!-- / sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>

ไอ่อยากเล่าก็อยากเล่านะ แต่กลัวเขาจะว่าโม้ ฮ่าๆๆ

เอาเป็นว่าเดี๋ยวโพสทัวร์อยุธยาเสดแล้วจะลงภาพที่ไปหล่อหลวงปู่ที่วัดหน้าพระเมรุเมื่อวันที่ 12 ให้ชมเด้อ

 

8.วัดบางนมโค (หลวงพ่อปาน)



มาอีกหนึ่งวัดของเรา บูรพาจารย์ขององค์หลวงพ่อฤาษี หลวงพ่อปาน พระมหาโพธิสัตว์บารมีเต็ม ซึ่งมาถึงวัดก็รู้สึกถึงกระแสเก่าๆ ที่เคยเกี่ยวเนื่องกับองค์หลวงพ่อเยอะมาก มาถึงก็เข้าไปกราบหลวงพ่อปาน(รูปหล่อ)ภายในมณฑปกัน



หลวงปู่คล้ายอดีตเจ้าอาวาสวัดบางนมโค



ภายในบุษบกมีอัฐิของหลวงพ่อปานด้วยครับ

 

ประจวบกับตอนนั้นที่เราเดินทางมา เรามาถึงวัดบางนมโค 4 โมงกว่าๆแล้วทำให้ทางวัดก็เริ่มเงียบๆลง แล้วไกด์ประจำของเราพี่โมทย์ก็พาเดินไปชมกุฎิหลวงพ่อปานและหลวงพ่อฤาษีกัน แต่พอไปถึงปรากฎว่า ปิด !! ครับ พอยืนเสียดายอยู่ด้านนอกนั่นเองก็คิดในใจเล่นๆว่า โถ หลวงพ่อลูกมาไกลจากเชียงราย ไฉนมาปิดกันก่อนได้หนอ .. ทันใดนั้นก็มีหลวงพี่รูปหนึ่งเดินมาพอดี ท่านก็ถามว่าอยากเข้าไปชมไหม ? ท่านจะเปิดให้ เฮ .. โชคดีจริงๆ



พอมาถึงหลวงพี่ท่านก็นั่งรอพวกเราแล้วก็บอกว่า ที่ต้องปิดประตูล็อคกุญแจกุฎิเพราะว่า เดี๋ยวนี้มีพวกมือบอนเยอะมากที่เข้ามาชมแล้วไม่พอยังหยิบนู่นหยิบนี่ติดมือออกไปอีก ซึ่งเมื่อก่อนพอเข้ามาเราสามารถเข้าไปชมรูปหล่อภายในกุฎิหลวงพ่อ , เตียงนอนของท่านได้ แต่เดี๋ยวนี้ต้องใส่กระจกกั้นไว้เพราะพวกมือบอนมันเยอะจริงๆ (ใครหนอช่างทำไปได้ นรกเห็นๆ)



ชมกุฎิหลวงพ่อปานทั่วแล้วก็เดินถัดมาอีกห้องเป็นห้องของหลวงพ่อสมัยอยู่วัดบางนมโค เป็นห้องเล็กๆ เท่านั้นเอง ภายในมีรูปหล่อองค์หลวงพ่ออยู่ในสุด



ชมกุฎิเก่าเสร็จแล้วออกมา ด้านนอก แชะ ! ต้นตะเคียนคู่ในวัดซะหน่อย ใครเคยอ่านประวัติหลวงพ่อปาน คงรู้กันดีว่าต้นตะเคียนคู่นี้มีกิตศัพท์ยังไง หึหึหึ

 

ประวัติ พระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงพ่อปาน)
วัดบางนมโค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา​

​

วัดบางนมโคนี้ สร้างขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรไม่ปรากฏ บางท่านก็ว่ามีในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เดินชื่อวัดนมโค ครั้นเมื่อ พ.ศ. 2310 ในคราวที่ควันแห่งศึกสงครามกำลังรุมล้อมกรุงศรีอยุธยา พม่าข้าศึกได้มาตั้งค่ายหนึ่งขึ้นที่ตำบลสีกุก ห่างจากวัดบางนมโค ซึ่งย่านวัดบางนมโคนี้มีการเลี้ยงวัวมากกว่าที่อื่นพม่า ก็ได้ถือโอกาสมากวาดต้อนเอา วัว ควาย จากย่านบางนมโคไปเป็นเสบียงเลี้ยงกองทัพ
ในที่สุดกรุงศรีอยุธยาก็เสียแก่พม่า บ้านเมืองระส่ำระสาย วัดบางนมโคจึงทรุดโทรมไปบ้างตามกาลเวลา ต่อมาก็ได้มีการซ่อมแซมขึ้นใหม่ ก็ยังมีการเลี้ยงโคกันอยู่อีกมากมาย ชาวบ้านจึงเรียกติดปากว่า วัดบางนมโคอาณาเขตของวัดบางนมโค วัดบางนมโคมีเนื้อที่ทั้งหมด 24 ไร่ 21 วา 3 งาน ทิศตะวันออกจดที่ดินเลขที่ 163 ทางสาธารณะประโยชน์ทิศตะวันตกจดที่มีการครอบครองแม่น้ำปลายนา ทิศเหนือจดที่ดินเลขที่ 134 มีการครอบครองแม่น้ำเก่าปลายนา ทิศใต้จดที่ดินเลขที่ 162, 163, 165 ทางสาธารณะประโยชน์

ลำดับเจ้าอาวาสวัดบางนมโค

เจ้าอาวาสวัดบางนมโค จะมีกี่รูปไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด เริ่มจะมีการบันทึกเป็นหลักฐานก็ตั้งแต่
1. เจ้าอธิการคล้าย
2. พระอธิการเย็น สุนทรวงษ์ มรณภาพ ปี พ.ศ. 2478
3. ท่านพระครูวิหารกิจจานุการ (ปาน) โสนันโท รับตำแหน่งเจ้าอาวาสตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 มีโอกาสได้เป็นเจ้าอาวาสได้เพียง 2 ปี ก็มรณภาพลงเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2480
4. พระอธิการเล็ก เกสโร
5. พระอธิการเจิม เกสโร
6. พระมหาวีระ ถาวโร (ฤาษีลิงดำ)
7. พระอาจารย์อำไพ อุปเสโน
8. พระครูวิหารกิจจานุยุต (อุไร กิตติสาร) ได้รับการอาราธนามาเป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน

ประวัติ พระครูวิหารกิจจานุการ​

(หลวงพ่อปาน โสนันโทเถระ)

​

 

สู่ร่มกาสาวพัสตร์

​

 

องค์อาจารย์ของหลวงพ่อปาน

​

 

อุปนิสัยและปฏิปทาของหลวงพ่อปาน

​

 

9.วัดพระขาว (หลวงปู่ทิม)

หลังจากออกจากวัดบางนมโคมาก็มุ่งหน้าไปวัดของหลวงพ่อเพิ่มวัดป้อมแก้ว พอไปถึงปรากฎว่าหลวงพ่อท่านกำลังจำวัดอยู่เลยไม่มีโอกาศได้กราบท่าน กราบแค่เลาๆก็พอละกัน ก็บูชาเหรียญท่านมาเหรียญนึง เมตตาสูงดี หุหุ (ไม่ได้ถ่ายรูปวัดมาให้ชมเพราะแวะไปแปปเดียว อุโบสถกำลังก่อสร้างอยู่)



จากนั้นเลยถือโอกาศไปแวะวัดพระขาว ซะหน่อยแต่ก็คงไม่มีหวังได้กราบหลวงปู่ทิม เพราะว่าท่านติดกิจนิมนต์เยอะมากๆครับ เลยได้แต่แชะรูปมานิดๆหน่อยๆมาฝากกัน

๑.ชื่อวัดโดยทางราชการ " วัดพระขาว " สังกัด
มหานิกาย อยู่ในเขตปกครองคณะสงฆ์ ตำบลน้ำเต้า
อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภาค ๒
๒.ตำแหน่งที่ตั้งวัด วัดตั้งอยู่ เลขที่ ๓๔ หมู่ที่ ๓
ต.พระขาว อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
๓.ที่วัด ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ ๑๗ ไร่ ๒ งาน
๔.อาณาเขต
ทิศเหนือ จดทางสาธารณะ
ทิศใต้ จดคลองสาธารณะ
ทิศตะวันออก จดถนนหลวง
ทิศตะวันตก จดแม่น้ำเจ้าพระยา
๕.ธรณีสงฆ์ -
๖.ลักษณะพื้นที่โดยทั่วไปของบริเวณที่ตั้งวัด
ทิศเหนือและทิศใต้มีบ้านล้อมทั้งสองทิศ
ทิศตะวันออกติดถนนหลวงและป่า
ทิศตะวันตกมีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านตลอดปี
๗.หลักฐานการตั้งวัด -
๘.ประวัติความเป็นมาของวัด สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา
๙.ปูชนียวัตถุ-โบราณวัตถุ มีพระประธานใน
อุโบสถ ปั้นด้วยปูนมาแต่โบราณ หน้าตักกว้าง
ประมาณ ๔ ศอก สูงประมาณ ๕ ศอก ชาวบ้าน
เรียกชื่อว่า "หลวงพ่อขาว" เป็นที่เคารพนับถือ
ของชาวบ้านนี้มาก
๑๐.เสนาสนะ และสิ่งปลูกสร้าง
๑๐.๑ อุโบสถ กว้าง ๗ เมตร ยาว ๑๑ เมตร
สร้างเสร็จเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๔๗๓
(และในขณะนี้กำลังก่อสร้างบูรณะสร้างใหม่ทั้งหลัง)
๑๐.๒ ศาลาการเปรียญ กว้าง ๑๐ เมตร
ยาว ๒๐ เมตร สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๗
ลักษณะเป็นทรงไทย และมีศาลาเรียงด้านนอก
ด้านในเป็นศาลาแปด ๓ หลังคู่
๑๐.๓ หอสวดมนต์ กว้าง ๙ เมตร ยาว ๑๖ เมตร
ลักษณะเป็นทรงไทยมุงกระเบื้องเคลือบ เทปูน
เสริมเหล็ก
๑๑.การบริหารและการปกครอง
ปัจจุบันเจ้าอาวาาสชื่อ "พระครูสังวรสมณกิจ
(หลวงปู่ทิม อตฺตสนฺโต)"เป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๖
เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๔-ปัจจุบัน
เจ้าอาวาสรูปที่ ๑ ชื่อ พระครูทัต
เจ้าอาวาสรูปที่ ๒ ชื่อ พระครูทรัพย์
เจ้าอาวาสรูปที่ ๓ ชื่อ พระอาจารย์ปลั่ง
เจ้าอาวาสรูปที่ ๔ ชื่อ พระอาจารย์กลึง
เจ้าอาวาสรูปที่ ๕ ชื่อ พระอาจารย์ติ่ง
๑๒.การสาธารณะสงเคราะห์
มีมูลนิธิให้โรงเรียนประชาบาลของวัด ส่งพระภิกษุ
สามเณรไปเรียนบาลีที่กรุงเทพ และปริญญา
ยังประเทศอินเดีย



องค์นี้คือหลวงพ่อขาวครับพระประธานของวัด อืมม์ ดูแล้วรู้สึกยังไงมาตอบให้บ้างเด้อพี่คำอ้น หึหึ

ประวัติหลวงพ่อพระขาว

<TABLE height=542 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=382 background=image/watc003.gif border=0 cool gridx="16" gridy="16" showgridx showgridy><TBODY><TR height=184><TD vAlign=top width=336 colSpan=3 height=184 xpos="23" csheight="168" content>สันนิษฐาน ว่า สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา ปั้นด้วยปูนมาแต่โบราณ หน้าตักกว้างประมาณ ๔ ศอก สูงประมาณ
๖ ศอก ชาวบ้านเรียกชื่อว่า "หลวงพ่อขาว" เป็นที่
เคารพบูชาของชาวบ้านมาก

ความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เลื่องลือกันมากมาย อธิษฐาน
บนบานสมความปารถนา บุคคลใดมีหลวงพ่อขาวไว้สักกา-
ระบูชา จะมีแต่ความสุข ความเจริญ ค้าขายมีกำไร
แคล้วคลาดปลอดภัย ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข


</TD><TD width=22 colSpan=2 height=184></TD><TD width=1 height=184><SPACER type="block" width="1" height="184"></TD></TR><TR height=31><TD width=114 colSpan=2 height=31></TD><TD vAlign=top width=165 height=31 xpos="114" csheight="21" content>คำบูชาหลวงพ่อพระขาว</TD><TD width=102 colSpan=3 height=31></TD><TD width=1 height=31><SPACER type="block" width="1" height="31"></TD></TR><TR height=175><TD width=23 height=175></TD><TD vAlign=top width=339 colSpan=4 height=175 xpos="23" csheight="153" content>ข้าพเจ้า ขอบูชา หลวงพ่อพระขาว อันเป็นรูปเปรียบแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งประดิษฐานอยู่ ณ พุทธสถานแห่งนี้ ด้วยเครื่องสักการะอันประเสริฐนี้ขอการบูชา หลวงพ่อพระขาว ด้วยเครื่องสักการะอันประเสริฐของข้าพเจ้านี้ จงเป็นไป เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข เพื่อความเจริญ แก่ข้าพเจ้า ตลอดกาลนานเทอญ ฯ</TD></TR></TBODY></TABLE>

สำหรับประวัติของหลวงปู่ทิม ใครสนใจลองเข้าเวปนี้อ่านดูเอาเองเด้อ ^^"
http://www.luangputim.com/profile01.html

แต่ขอบอกว่าชานหมากของหลวงปู่ทิมท่านสุดยอดมากครับ (good) ใครมีไว้บูชาเก็บรักษาให้ดีๆเด้อ​

 

มีทั้งของจริงและของที่ทำขึ้นเพื่อสักการะครับ บางครั้งรอยเล็กมาก จนถึงใหญ่มากอย่าลืมนะครับว่าเป็น "พุทธวิสัย" ของพระพุทธเจ้า เรื่องนี้มันเล็กๆครับ

พระพุทธเจ้าท่านเคยเสด็จมาดินแดนสุวรรณภูมิ (ประเทศไทยในปัจจุบัน) จริงครับ และได้เคยทำนายถึงสถานที่ต่างๆว่าจะมีความเจริญรุ่งเรือง ท่านก็จะเหยียบรอยพระพุทธบาทไว้ด้วยตัวท่านเอง หรือบางคราวก็มีพวกนาค คนธรรพ์ ขอรอยพระพุทธบาทไว้สักการะท่านก็เหยียบไว้ หรือแม้บางครั้งท่านไม่ได้เหยียบแต่ก็มีการเสยพระเกศาให้ร่วงลงไปฝังในหินก็มีต่อมาก็มีการสร้างเจดีย์ครอบไว้ในหลายๆที่เพื่อเก็บเกศาไว้

ความจริงเจดีย์ ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าท่านมีหลายแห่งนะครับที่มีในพุทธประวัติและตำนานพระเจ้าเลียบโลก(น่าจะของทางล้านนา)ลองหาอ่านดูนะครับ

ส่วนรอยพระพุทธบาทในปัจจุบันนี้ มีเยอะแยะครับทั้งพบใหม่ และเก่า ทำยังไงถึงรู้ว่าเป็นของจริงน่ะเหรอครับ ? คำตอบนี้อยู่ที่ผู้ที่ฝึกปฎิบัติธรรมอยู่เสมอครับ ของแบบนี้ ไม่ทำเอง ไม่รู้หรอกครับ

 

แก้ขนาดตัวอักษรแล้วเด้อพี่จิม ไม่รุเหมือนกันว่าจะอ่านง่ายหรืออ่านยากกว่าเดิม ฮ่าๆๆ