ทหารพระองค์ดำรายงานตัวหน่อยครับ

คนในแผ่นดินนี้ก็ไม่ใช่ชาวไทยดั่งเดิมไปเสียหมด แต่ก็ต่างสืบรับความเป็นไทยมา แม้นจะมีตกหล่นลงไปบ้างก็ตาม

ชาติไทยแตกต่างกับชาติอื่นตรงไหน ที่แตกต่างก็คือมีพระมหากษัตริย์ที่ช่วยรักษาความเป็นไทยให้คงอยู่มาได้โดยตลอด

พระพุทธศาสนานั้นก็จะตั้งอยู่ในประเทศนี้ได้ตามกำหนดประโยชน์ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงเล็งเห็นไว้ ไม่นานไปเกินกว่านี้

 

ทหารพระองค์ดำก็อย่าได้ลืมอุดมการณ์สืบทอดพระศาสนานะ

 

เรื่องประเทศเพื่อนบ้านนี้ตามความคิดของผมคือ รับแรงงานที่มาทำงานในไทยเป็นคนไทยก่อน จากนั้นจึงร่วมมือกับพม่าเพื่อขจัดพวกไทยใหญ่และกระเหรี่ยงรวมถึงว้าแดง กวาดต้อนคนมาไทย เมื่อเห็นว่าคนมากพอสมควรแล้วก็ประกาศให้สัญชาติไทยแก่ชาวกัมพูชาที่ข้ามมา เมื่อได้คนกัมพูชาพอสมควรแล้วจึงยกทัพบุกกัมพูชาแล้วเลยไปเวียดนาม ยึดเอาแค่เวียดนามใต้พอ ส่วนเวียดนามเหนือเอาไว้เป็นกันชนจีน บุกยึดลาวต่อยกส่วนเหนือของลาวให้เป็นประเทศม้งเพื่อเอาไว้เป็นกันชนกับจีน(พยายามให้ประเทศม้งติดกับประเทศเวียดนามเหนือเพราะจะได้มีกำลังพอที่จะต้านจีนได้) ยึดเมืองมอญโดยความร่วมมือของชาวมอญ ยุให้รัฐทางตอนเหนือของมาเลเซียมารวมกับไทย หากดูจากกำลังคนและขนาดประเทศก็จะพอทำให้ประเทศไทยสงบไปได้สักสี่ถึงห้าร้อยปี

 

น่าขัน! ลาว พม่า เวียดนาม จีน ล้วนเป็นพันธมิตรกัน จะให้ทำสงครามกับกลุ่มนี้ ส่วนบรรดาชนเผ่าที่กล่าวอ้างเช่น ไทยใหญ่ มอญ รวมถึงประเทศพันธมิตรอย่างกัมพูชา กลับจะให้ทำลายล่มสลาย และทางตอนเหนือของมาเลเซียก็เป็นปรปักษ์กันกับไทยมาโดยตลอดจะให้ยุยงมาร่วม

ผมว่าไทยจะล่มสลายภายในสี่ถึงห้าปีเสียด้วยซ้ำถ้าใช้ยุทธศาสตร์นี้

 

ลาว พม่า และเวียดนามล้วนมีปัญหาเรื่องดินแดนกับประเทศจีน ชาวไทยใหญ่ไม่มีความผิดอะไร แต่ผู้นำชาวไทยใหญ่ชอบมีพฤติกรรมปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ จะเก็บไว้เป็นหอกข้างแคร่ไม่ได้ พอๆ กับผู้นำกัมพูชาที่ปากร้ายแล้วการกระทำยังแย่อีกต่างหาก ผู้นำแบบนี้ปล่อยไปทั้งชาวไทยไทยและกัมพูชาก็มีแต่เดือดร้อน

มอญนี่ถือว่าช่วยเหลือบรรพชนเขาที่ช่วยไทยมาหลายครั้ง โดยทำให้ลูกหลานเขาได้อยู่อย่างมีความสุขสักครั้งก็แล้วกัน

รัฐตอนเหนือของมาเลเซียถึงอย่างไรก็ใกล้ชิดกับไทยมากกว่านะ ยื่นข้อเสนอดีๆ เขาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ฟัง

คำว่ายึดไม่ได้หมายถึงว่ายึดเป็นเมืองขึ้น แต่หมายถึงยึดประชาชนและแผ่นดินให้ผูกไว้เป็นชาวเดียวกันกับคนไทย แม้จะพูดคนละภาษาและมีวัฒนธรรมต่างกันไปบ้าง

 

แค่ตัวผู้นำมีปัญหา ไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรได้ตามที่คิดนะครับ ประชาคมโลกจับจ้องพฤติกรรมของทุกชาติที่สร้างปัญหา

ใครก่อเหตุก่อนด้วยเหตุผลที่ไม่สมแก่เหตุ ชาตินั้นก็ต้องชดใช้ด้วยราคาที่แสนแพง ถ้าแน่จริงอย่างว่า ป่านนี้เกาหลีเหนือคงถล่มเกาหลีใต้ด้วยนิวเคลียไปนานแล้ว ในทางกลับกัน ถ้าพูดกันถึงหากเป็นอดีตนะครับ ผมจะไม่ค้านเลยสักคำ เพราะไม่มียุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย และชาติต่างๆยังไม่หยั่งรู้ในศักยภาพทางการทหารของกันและกันที่แน่ชัด อีกอย่างการทำสงครามไม่ได้ขึ้นอย่ว่า จำนวนคนมากจะชนะสงครามเสมอไป
ยกตัวอย่างจีนในอดีตบางช่วงยังรบแพ้พม่าและเวียดนามเลย จีนไม่ได้เป็นมหาอำนาจตลอดกาลเสียเมื่อไหร่ ครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังถูกญี่ปุ่นถล่มตายเป็นล้าน แม้ญี่ปุ่นจะเป็นชาติเล็กๆ

ดังนั้นหากเปิดศึกกับกลุ่มชนชายขอบประเทศรอบด้านอย่างที่ว่า มีแต่จะเสียเปรียบจนถึงขนาดประเทศที่อยู่ติดออกไป ให้การช่วยเหลือกลุ่มชนที่ว่า กลายเป็นว่าถูกรุมยำ ดุจช้างถูกฝูงจระเข้กัด นั่นทีเดียว

อีกอย่างสมัยปัจจุบันได้สร้างความคิด ปลูกฝังเรื่องชาตินิยมกันทุกประเทศ แม้แต่ชนกลุ่มน้อยก็ตาม เห็นได้จากการอ้างตำนานบรรพบุรุษที่สร้างชาติและต่อสู้เพื่อเอกราชกันทุกที่ แม้จะตีเมืองหลวงของชนกลุ่มน้อยหรือประเทศเป้าหมายแตกจริง แต่กลุ่มรักชาติจะต้องมีการกอบกู้และสร้างกองโจรปล้นสะดม ก่อวินาศกรรมไปทุกหัวระแหง ทั้งประชาชนที่ถูกกวาดต้อนมาก็ไม่มีทางที่จะรักเมืองไทยเหมือนแผ่นดินเกิดของตนเองแน่นอน นี่แหละผลงานของชาตินิยมที่บรรลุเป้าหมาย

 

ในอดีตก็มีผู้ที่พาผู้คนของอีกฝ่าย มาอยู่กับตนได้แบบดื้อๆ จนผู้มีอำนาจปกครองของอีกฝ่ายแค้นจะฆ่ากันให้ตายไปข้างเลยนะ สิ่งที่ผูกคนได้มันไม่ใช่อำนาจ หรือเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ ข้อนี้ให้คิดเล่นเป็นการบ้าน

 

เหตุที่มีการยอมเข้าร่วมง่ายๆเพราะการ ได้รับผลประโยชน์ที่ลงตัวนั่นเอง

ถ้าอย่างนั้น ผมขอเสนอแผนยุทธศาสตร์เพื่อความเป็นมหาอำนาจของไทย

เริ่มต้นด้วยเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเรื่องอาณาจักรสุวรรณภูมิ ครั้งก่อนพุทธกาล ทั้งนี้เพื่อให้ผู้คนในภูมิภาคอุษาคเนย์ มีความเข้าใจตรงกันว่าต่างมีวัฒนธรรมอันตั้งอยู่บนรากเหง้าเดียวกัน มีบรรพชนเป็นเชื้อชาติเผ่าพันธุ์เดียวกัน ต่างกันเพียงภาษาและศาสนาเท่านั้น

ต่อจากนั้นจึงสร้างระบบชลประทานทั่วประเทศโดยมีการจัดการน้ำอย่างมีระบบ สามารถควบคุมได้ผลชัดเจน ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ทางอุตสาหกรรม เกษตรกรรม การผลิตกระแสไฟฟ้าและการระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพ

เสนอประโยชน์สำหรับผู้มีสัญชาติไทย เริ่มจากจัดตั้งสหกรณ์ในการกู้ยืมและปันผล จัดสรรที่ดินเพื่ออยู่อาศัยหรือเพื่อทำเกษตรกรรม โดยมีมาตรฐานเดียวกัน เช่น คนหนึ่งคน เมื่อเกิดมาแล้วรัฐต้องจัดสรรที่ดินให้มีสิทธิครอบครองพื้นที่เพื่ออาศัยได้ 5 ไร่ เพื่อทำกสิกรรมได้100ไร่ แต่หาก 100ไร่นี้ไม่ทำกสิกรรม สามารถให้ผู้อื่นเช่าทำได้แต่ขายขาดไม่ได้ หากจะซื้อเพื่อทำกิจกรรมอื่นสามารถซื้อเพิ่มได้แต่ไม่เกิน 500 ไร่หากต้องการมากกว่านั้นต้องทำเป็นกลุ่มธุรกิจ เป็นต้น เมื่อเกิดตายที่ดินก็จะไปเป็นกรรมสิทธิ์ของคนที่เกิดมาใหม่

การมีบุตร รัฐจะเลี้ยงดูให้การศึกษาจนเป็นหนุ่มสาวและรับราชการทหารทั้งชายหญิงเป็นเวลา 7 ปี หลังจากนั้นแล้วแต่จะประกอบวิชาชีพ ซึ่งรัฐจะต้องรับผิดชอบจัดหางานให้ ไม่มีการปล่อยปะละเลยให้ตกงาน นอกจากว่าผู้นั้นจะสมัครใจหาเอง มีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลครบชุดและมีต้องมีบำนาญในวัยเกษียณทุกคนไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือเอกชนก็ตาม

ทำอย่างนี้แล้วจะนำพาผู้คนในที่ต่างๆเข้ามาสู่ประเทศได้มากขึ้น เมื่อนั้นจึงดำเนินนโยบายกระชับความสัมพันธ์กับชนกลุ่มน้อยรอบชายขอบประเทศและเชิญเข้าร่วมสหพันธรัฐ โดยมีการกระจายอำนาจและใช้ภาษาราชการกลางภาษาเดียว แต่ยังส่งเสริมกิจกรรมของชนเผ่าต่างๆภายใต้การบริหารแบบสหพันธรัฐ

หากมีประเทศหรือชนเผ่าที่ไม่เข้าร่วมกลุ่ม ก็ดำเนินนโยบาย คว่ำบาตรไม่ติดต่อสัมพันธ์และให้การช่วยเหลือเมื่อมีภัยที่เกิดภายในรัฐนั้นหรือส่งสินค้าใดๆเข้าหรือรับมาในประเทศ กดดันจนกว่าจะเข้าร่วม

 

ลองตามไปอ่านข้อความนี้ดูครับ เรื่องราวของ สมเด็จพระนเรศวรฯ กับคนไทใหญ่
(ถ้ามีคนลงข้อความไว้แล้วขออภัยครับ)

--> oknation.net


(ขอยกมาบางส่วน)

"ในคืนนั้น เวลาประมาณ ๐๒.๐๐ น. กองทหารพม่าพร้อมด้วยอาวุธ และกำลังพล ๒๐๐ คนเศษ ได้เคลื่อนกำลังอย่างเงียบเชียบที่สุด โดยการนำทางของสายลับ ที่สืบทราบอย่างแน่ชัดถึงหน่วยที่ตั้งกองกำลังหนุ่มศึกหาญ

เมื่อมาถึง นายทหารพม่าได้นำกำลังโอบล้อมไว้โดยรอบ พร้อมที่จะลั่นกระสุนสังหารหน่วยหนุ่มศึกหาญที่นอนหลับพักผ่อนอย่างสบาย โดยมิได้ระมัดระวังตัว แต่กลับปรากฏว่า ในบริเวณป่าแห่งนั้น มิใช่ป่าไม้หนาทึบตามที่สายลับรายงาน หากเป็นบริเวณอันกว้างขวาง มีป้อมค่ายทหาร ซึ่งสร้างด้วยไม้ไผ่แข็งแรง สามารถสกัดการบุกของข้าศึกจำนวนพัน ทั่วบริเวณแห่งนั้น มีขอนไม้สุมไฟกองเป็นระยะ มีทหารนับจำนวนเป็นร้อยๆ กำลังอยู่ในลักษณะเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ บ้างก็ยืนยามระมัดระวังตน บ้างก็นั่งผิงไฟยามหนาว มีกองช้าง กองม้าเรียงรายอยู่นอกค่าย ส่งเสียงร้องคำรณอยู่ไม่ขาดหาย ภายในค่ายก็ยังมีทหารคุยกันเป็นภาษาไทยอย่างชัดเจน

เมื่อมาประสบเหตุการณ์อย่างคาดไม่ถึงเช่นนี้ นายทหารพม่า ซึ่งส่งมาจากร่างกุ้ง เป็นหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนถึงกับตะลึงงัน ไม่กล้าบุกเข้าโจมตี เพราะกำลังพลที่นำไป ๒๐๐ กว่าคนน้อยกว่ามากนัก จึงต้องติดต่อรายงานไปยังผู้บังคับบัญชา โดยเข้าใจว่ากองทัพบกของไทยได้ส่งทหารไทยเข้ามาตั้งป้อมค่ายช่วยเหลือพวกกู้ชาติไตย (ไทใหญ่) ทำให้เกิดลังเลใจขึ้นไม่กล้าสั่งบุก ประกอบกับเสียงช้างม้า ส่งเสียงร้องขรมทั่วไปหมด คล้ายบอกสัญญาณอันตราย สายลับก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ ในสิ่งที่ตรงข้ามที่ตนสืบทราบเมื่อสองวันก่อน ไม่มีวี่แววจะมีค่ายพักหอรบและป้อมค่ายทหารอย่างใดเลย สร้างความผิดหวังให้แก่พม่าเป็นอย่างมาก ในที่สุดก็ต้องรีบถอนกำลังอย่างเงียบเชียบ ถอยกลับออกไปพร้อมด้วยความฉงนสนเท่ห์ และเคลื่อนย้ายที่ตั้งกำลังของตนไปอีกจุดหนึ่ง

อีกสองวันต่อมา เพื่อให้หายสงสัย กองทหารพม่าได้ออกมาลาดตระเวนยังจุดที่ตั้งป้อมค่ายที่ตนพบเห็น ด้วยการใช้กล้องส่องทางไกล สำรวจดูอย่างถี่ถ้วน ก็ปรากฏว่าไม่มีป้อมค่าย ไม่มีกำลังทหารไทย ไม่มีเสียงช้างม้า ไม่มีอาณาบริเวณตั้งทัพอันกว้างขวาง ไม่มีแม้แต่ไฟสุมขอนที่เห็นอยู่ในคืนวันนั้น มีแต่ป่าทึบ ไม้ไร่ขึ้นระเกะระกะ เช่นที่ได้มาเห็นในคราวมาสืบฐานที่ตั้งของหนุ่มศึกหาญ คือเป็นป่าอยู่ตามเดิม แต่ก็ยังไม่แน่ใจ หน่วยลาดตระเวนพม่าจึงได้บุกเข้าไปสำรวจจนถึงที่ ก็ไม่พบซากอะไร นอกจากป่าไม้ที่รกรุงรัง

ด้วยความมหัศจรรย์เช่นนี้ ทำให้ทหารพม่าตื่นเต้น แปลกใจ โจษขานกันไปทั่วทั้งกองทัพพม่า และรู้กันทั่วไปถึงชาวไตยเมืองหาง เมืองต่วน ต่างร่ำลือถึงอภินิหารของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ได้แสดงเดชานุภาพ ปกป้องคุ้มครองหนุ่มศึกหาญ ให้พ้นจากอันตรายในครั้งนี้"

oknation.net
โดย kingkaoz

 

์ดีๆๆช่วยกันคิด ทำอย่างไรศาสนาพุทธจะอยู่ที่สุวรรณภูมิ ครบ5000ปี

 

พูดถึงเรื่องนอกบ้าน เมื่อมองมายังบ้านเราแล้ว ผมกลัวว่าจะมีแต่การนองเลือดขึ้นในประเทศ จะมองไปทางไหนพี่น้องชาวไทยก็มีแต่ถูกกดขี่ ผู้ที่มีหน้าที่ปกป้องกลับกระทำซึ่งการกดขี่ข่มเหง ผู้ซึ่งทำเพื่อประโยชน์สุขของชนทั้งหลายกลับไม่ได้รับการปกป้อง หากหลายๆ คนทนไม่ไหวก็คงระเบิดความรุนแรงออกมา คงต้องหวังกับโอกาสที่แม้จะมีเพียงเล็กกันแล้วที่จะทำให้ไม่มีการนองเลือดกันแล้ว

ขอย้อนคำพูดในหนังตำนานพระนเรศวรตอนชนไก่สักนิดก็แล้วกัน ขอไม่เห็นด้วยเพราะ เพราะไม่ว่าไก่จะสู้กันเองหรือไม่มันก็ไม่ได้รับอิสรภาพอยู่ดี แต่หากพวกมันลองยอมสู้กับเจ้าของไก่โดยการลองพยายามหนีไป บางทีพวกมันก็อาจจะได้รับอิสรภาพคุ้มกับค่าตอบแทนที่เสี่ยงชีวิตหนีมาก็ได้

 

ถูกต้อง! แต่พูดก็พูดเถอะครับ กลับกัน หากเป็นเราบ้างที่มีภาระที่ต้องรักษาวงศ์ตระกูลให้คงอยู่ กับต้องปกป้องคนในปกครองของตนเองให้พ้นภัยจากฝ่ายตรงข้าม โดยที่เราเองก็มีกำลังเพียงพอที่จะทำอะไรๆได้ ฉะนั้นหนทางที่จะดำรงอยู่ของเราและต้องสลายตัวปัญหาให้หมดไป คุณคิดว่ามีหนทางไหนบ้างที่จะจัดการกับโจรที่จ้องจะปล้นบ้านเรา ในส่วนเรื่องขอให้มันกลับใจไม่ปล้นบ้านเรานั้นให้ตัดไปได้เลย (เพราะมันไม่มีทางเลิกความพยายามปล้น) และก็อย่างว่า วิสัยโจรนะครับ แม้มันจะกินอิ่มสำราญสุขอย่างไรก็ตาม ไม่วันใดก็วันหนึ่งมันต้องปล้นเพื่อสนองความอยากของมันอยู่ดี

ถึงจะอ้างถูกกดขี่ก็ตาม ถึงแม้สมัยนี้จะไม่มีทาสแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีคนยอมเต็มใจทำตัวเป็นทาสอยู่ เพื่อความอิ่มท้องและพอใจกับการได้เหยียบหัวคนอื่น โดยถือคติว่า เป็นข้าคนๆเดียว แต่เป็นนายคนทั้งแผ่นดิน เพราะหากยังมีมนุษย์พรรค์นี้อยู่ในบ้านนี้เมืองนี้ จนแล้วจนรอดก็จะยังคงมีปัญหานี้ไม่จบสิ้น

 

เรื่องนี้ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ซับซ้อน มีหลายๆ สิ่งทับซ้อนกัน

หากมีผู้หนึ่งที่ต้องทำหน้าที่รักษาและปกป้องนั้นอยู่ เขาคงไม่กระทำอะไรที่ใช้การทำลายเป็นหลัก เพราะหากเริ่มด้วยการทำลายแล้ว มันก็ต้องทำลายต่อไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด

แต่ถึงอย่างไรแล้วก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ไปได้ การกำจัดเพียงเล็กน้อยแต่ช่วยไว้ได้มากดูแล้วจะให้กำไรสูงที่สุด เพราะบางทีอาจไม่ต้องมีการฆ่าฟันเลย การให้คนต่างๆ ได้รับรู้ความจริง แต่อยู่ในความสงบ ต้องกระทำโดยละเอียดรอบครอบเพื่อไม่ให้มีการสูญเสียเกิดขึ้น หาไม่เป็นเช่นนั้นแล้วก็จะมีแต่เลือดของคนที่ไม่รู้เดียงสาที่ต้องหลั่งสังเวยให้ความรุนแรงที่ไม่สามารถควบคุมได้

วิธีการที่จะทำมันเป็นอะไรที่เล็กๆ แต่อาจจะไม่ขำสำหรับคนบางกลุ่ม

 

.
ไม่ทราบว่าจะคุยเรื่องเดียวกันรึเปล่านะครับ แต่รู้สึกว่า

ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่อง ก็ต้อง "เขียนเสือให้วัวกลัว"
บางกรณี อาจจะต้องมีการ "เชือดไก่ให้ลิงดู"
เพราะบางคนก็เป็นแบบ "ไม่เห็นโรงศพ ไม่หลั่งน้ำตา"
ก็เลยอาจเกิดเหตุการณ์ที่ว่า "สละชีพเพื่อชาติ"

แม้บางท่านอาจจะเห็นว่าเป็นการ "ขี่ช้างจับตั๊กแตน"
แต่ก็นะ ถ้าสถานการณ์เป็นใจ ก็ต้อง "น้ำขึ้นให้รีบตัก"
แบบว่าผลัดกันไงครับ ตามกฏ "น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา"
ถ้าต้องรับบทโหดก็ต้องยอม เพราะ "เราไม่ลงนรก ผู้ใดลงนรก"

ครับท่าน หึหึหึ


เล็บครุฑ นารายณ์ทรง / ไทยแรนโนเซารัส ย๊ากษ์
.

 

เอาพระองค์ดำของเราคืนมา เราไม่เอาการเมืองๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

กลับเข้าเรื่องก็ได้ครับ มาวิเคราะห์เรื่องเล่าลือของพระองค์ดำเลยนะครับ

เรื่องที่พระองค์ดำทรงลั่นธนูไปตกที่ข้าราขการนี่น่าจะเป็นเรื่องจริง แต่เป็นระหว่างการตรวจราชการเมืองต่างๆ

เรื่องที่พระองค์ดำบังคับข้าราชการที่กระทำผิดกลืนกินเนื้อของตนเองก็น่าจะเป็นเรื่องจริง แต่อาจจะเป็นเพราะพระองค์ถูกบีบบังคับด้วยผลของกรรมเก่าที่พระองค์ถูกกระทำไว้

เรื่องที่พระองค์ดำรับยายชนบทมาเป็นพระราชชนนีน่าจะเป็นเรื่องจริง เนื่องด้วยกุศลกรรมที่ยายท่านนั้นได้เคยประกอบไว้ในอดีตชาติ

เรื่องที่พระชายาหม้ายพระองค์ดำทรงขอไถ่โทษพระเจ้าปราสาททองต่อพระเจ้าเอกาทศรถน่าจะเป็นเรื่องจริง เนื่องจากทรงเห็นว่าพระเจ้าปราสาททองมีพระคุณลักษณะควรแก่การครองราชสืบต่อพระเจ้าเอกาทศรถมากที่สุดแล้ว

 

วันนี้หลงเข้ามา ก็เลยแอบอ่านค่ะ

 

เรื่องอื่นๆ เชื่อว่าน่าจะจริงยกเว้นเรื่องที่บังคับข้าราชการที่กระทำผิดกลืนกินเนื้อของตนเอง

เหตุผลคือ ภาษิตพระร่วงเจ้า ต้นราชวงศ์ มีข้อหนึ่งสอนว่า " อย่าโหดหน้าขุนนาง" คือ เว้นการลุอำนาจแลลงทัณฑ์อันทารุณต่อข้าในปกครอง ต่อหน้าขุนนางทั้งปวง ซึ่งหมายความว่า ต้องไม่ทำทารุณต่อข้าในปกครองโดยเฉพาะขุนนาง หากผิดก็ลงโทษตามกฎหมายเท่านั้น

 

พูดถึงพระนารายณ์แล้ว จะว่าไปพระนารายณ์ก็เคยเกือบทำให้อยุธยาล่มไปจริงๆ แต่ท่านยังมีโชคอยู่บ้าง

หากในตอนนั้นท่านรอบคอบเสียนิด พสกนิกรก็จะได้สบายกว่านั้นแล้วแท้ๆ

 

มีผู้ตอบกระทู้ท่าน กฮ กับ ท่านอีกาจอมภู ประจำการอยู่แล้ว สบายใจได้ กระทู้นี้อยู่แน่ เรื่องยิงหน้าไม้น่ะแน่นอน แต่เรื่องให้ขุนนางเชือนเนื้อกินน่ะไม่เชื่อ พวกเราทหารองค์ดำ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เราก็คงไม่ชอบพระองค์