ร่วมทำบุญบูชา มงคลองค์แห่งความเป็นไปน้ำมันครูมนต์บรมโมลีมเหศวรมายา(ศิวะยาตรา) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,128
    ค่าพลัง:
    +16,533
    หัวใจพระเจ้า

    นะปะทุกะจิ ปะตินะหะกะอิคะ วิติปะติเอหะตัง อิกะวิปะติ

    คาถาหัวใจพระเจ้านี้ให้หมั่นภาวนาไว้ได้บุญมากนักแล ผู้ภาวนาบ่มิได้ไปเกิดในอบายภูมิ(นรก)เลย มีอายุมั่นยืนยาวแล(ใครป่วยสวดบ่อยๆจะได้อายุยืน)

    ให้เสกใส่น้ำผึ้งเดือน5กิน จะมีสติปัญญาว่องไวดีด้วยเดชเดชะพระรัตนตรัยปกปักรักษาไว้ในมื้อนี้เเละมื้อหน้าเเม้โรคาพยาธิทั้งปวงก็หายแล
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,128
    ค่าพลัง:
    +16,533
    พระกริ่งของครู

    เอามาให้ชมตามสัญญา

    องค์นี้พ่ออาจารย์ท่านห้อยคอประจำมาเนิ่นนาน ท่านปั้นหุ่นเทียนเอง หล่อเอง ตะไบเเต่งเอง เสกเองใช้เองทุกอย่าง ผมคิดว่าหายากที่ครูบาอาจารย์จะใช้ของที่ตัวเองทำเอง ถ้าไม่ดีจริงคงไม่ใช้ ดังนั้นพระเครื่องที่ท่านทำให้พวกเราจึงสบายใจได้เเน่นอน

    องค์นี้ท่านตีเเผ่นทองปิดก้นเองด้วย ท่านบอกว่าเป็นพระกริ่งประจำตัวของท่าน ใช้เม็ดเงินหล่อน้ำหนักตก 5 บาท เม็ดกริ่งท่านบรรจุคดข้าวเอาไว้

    ให้ดูเฉยๆนะครับ ไม่ได้ออกให้บูชา เพราะท่านใช้สวดมนต์ทำอะไรของท่านเสมอๆ ผมว่าดูเเล้วสวยแปลกๆดีในมือถือลูกแก้วด้วย

    เนื่องจากเมื่อคืนผมตากฝน ก็เลยไข้ขึ้นยังไม่หายดีเท่าไหร่ ถ้าไม่ได้อ่านหรือตอบPM หรือไม่ได้รับสายท่านใดไปบ้างก็ขอประทานโทษมาตรงนี้ด้วย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,128
    ค่าพลัง:
    +16,533
    เรื่อง ผมใช้ของเสน่ห์ไม่ขึ้น

    เรื่องนี้เห็นว่าเป็นประโยชน์จะนำมาพิมพ์ลงไว้

    ผมได้อ่าน PM หลายๆท่าน ที่ส่งมาหาผมทำนองว่า ใช้ของเสน่ห์ไม่ขึ้น ใช้มาหลายที่เเล้วหมดเงินไปมากจะเช่าอะไรของพ่ออาจารย์ดีให้ได้ผล

    ซึ่งก็มักจะได้คำตอบเหมือนกันว่า ผมไม่ใช่อาจารย์เลยอวดอุตริตอบไม่ได้

    ทีนี้เมื่อสนทนากับท่านได้รับคำตอบก็ขอมาพิมพ์ทำความเข้าใจโดยรวมไว้ดังนี้ การใช้ของเสน่ห์หรือวัตถุมงคลให้ได้ผลนั้น เชื่อแน่ว่าผู้รับจะมีทั้งใช้ได้หรือใช้ไม่ได้ ทีนี้เขาก็จะคิดว่าคนที่ใช้ได้อาจจะดวงดีอยู่เเล้วก็เป็นได้ไม่เกี่ยวกับมงคลวัตถุอะไร

    ที่จริงวัตถุมงคลเเต่ละอย่างของเรานั้นกว่าจะสำเร็จมาเป็นรูปร่างให้เขาใช้เขากราบไหว้ได้เราอุตสาหะใช้เวลาทำมานาน ผงก็ลบเก็บนับสิบๆปี ดังนั้นสิ่งเเรกที่เขาต้องมีคือศรัทธา รู้ค่าเเละเชื่อในตัวอาจารย์เเต่ละที่ ที่เขาใช้มงคลวัตถุนั้น

    เหตุผลนี้มันก็สอดคล้องกับเรื่องดวงชะตาด้วย ว่าคนบางคนริจะเล่นของเสน่ห์เเต่ดวงนี้ครอบครัวเเตกเเยกอับเฉาไร้คู่ เป็นคนไม่มีเสน่ห์ในตัวเอง ซึ่งมันก็ถูกที่มงคลทางด้านเสน่ห์จะช่วยเสริมให้เขาดูดีขึ้นมาได้ เเต่ก็ย่อมสำเร็จช้ากว่าคนที่ดวงเขาเหมาะเขาหนุนกันอยู่เเล้ว ดังนั้นมงคลวัตถุที่ใช้จะต้องมีคุณหนุนธาตุปรับธาตุฝืนดวงชะตาได้ ซึ่งพุทธคุณที่จะถึงขั้นฝืนดวงชะตานี้จะไม่ปรากฏมีในวัตถุมงคลพวกปั้นเหน่ง น้ำมันพราย ผงผีผงพรายต่างๆ เพราะของพวกนี้เป็นสิ่งฉาบฉวยยังดำเนินอยู่ในกฏของวัฏสงสาร ทำได้อย่างมากก็เเค่ชั่วคราวประเดี๋ยวประด๋าว ถึงได้ก็ไม่ได้คนดีแบบนี้

    เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่าผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิมนี่ก็ผงผีนะเลยถามท่านว่าจัดรวมมั๊ย ท่านบอกว่าเเยกกัน เพราะมันต่างกันมาก หลวงปู่ทิมท่านเสกของไม่ได้ใช้ฌาณโลกีย์เสกท่านพ้นตรงนี้ไปแล้ว ดังนั้นผงพรายของท่านจึงถือว่าเหนือกว่าผงพรายหลายๆที่ใช้เเล้วไม่เข้าตัวเเละอีกอย่างที่เรานำมาสร้างก็ไม่ใช่ผงพรายหลวงปู่ทิมเอามาผสมกระดูกผีเพิ่มเสียเมื่อไหร่ เราต้องเข้าว่านต้องเข้าผงลบถมกระดานชนวนเสียก่อนแบบนี้ ผงลบถมกระดานชนวนเหล่านี้พระยันต์เสน่ห์ต่างๆกว่าครึ่งล้วนสำเร็จด้วยพุทธคุณ สิ่งนี้เเหละที่จะฝืนดวงชะตาได้

    ทีนี้คนเราน่ะ มันจะเป็นไปตามกฏเเห่งกรรมใช่มั๊ย วัตถุมงคลก็เสมือนน้ำ 1 เเก้ว คุณอดอยากน้ำเมื่อได้น้ำมาคุณก็อยากจะรีบดื่มค่อยๆดื่มประทังชีวิต มันก็เหมือนกัน คนที่ได้วัตถุมงคลของเรา เขาก็เหมือนได้น้ำไป 1 เเก้ว เขาจะใช้จนกฏเเห่งกรรมของเขาไม่สามารถที่จะฝืนได้เเบบนี้ก็เป็นไปไม่ได้ ของเสน่ห์ของเราก็จะบันดาลคนดีๆให้เข้ามา ทีนี้เขาก็ต้องเลือกซักคน ไม่ใช่คนนั้นก็ดีคนนี้ก็เอา แบบนี้น้ำมันก็หมดเเก้ว ไม่ใช่วัตถุมงคลเสื่อมนะ เเต่เป็นใจคนที่เสื่อม พอใจคนเสื่อมก็จะพาลให้ใช้ของไม่ขึ้น ต้องกลับไปดูอุปนิสัยตนเองด้วยว่าเคยใช้ของขึ้นมั๊ย เเล้วพอใช้ขึ้นเราเป็นคนมักมากไม่รู้จักพอรึเปล่า ถ้าเป็นแบบนี้อย่าว่าเเต่ของเราเลยของสำนักอื่นเขาก็ใช้ไม่ขึ้นเหมือนกัน เพราะคนประเภทนี้เทวดาประจำตัว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำตัวเขาไม่อยู่เเล้ว ไม่อยากรับรู้อะไรเเล้วก็เหมือนคนมีประวัติ เทวดาที่เราเชิญมารักษาวัตถุมงคลองค์ใหม่เข้ามา พอเขาเห็นเขาก็ไม่อยากช่วย

    อีกประเด็นหนึ่ง คนบางคนนี่ดวงไม่ได้เรื่องก็มีจริงๆนะ ถือวัตถุมงคลไม่ขึ้น ทำบุญไม่ขึ้น ชีวิตเหมือนโดนคำสาป แต่ก็ไม่มีสิ่งใดเกินความเพียรของมนุษย์ คนประเภทนี้ถ้าท้อก็จบเลย เเต่ถ้าทำต่อไปทำโดยไม่หวังผล เธอรู้มั๊ย เวลาสำเร็จเวลาบุญส่งผล มันจะส่งมากกว่าคนทั่วไปเสียอีก เพราะเขากระทำด้วยความเพียร เทพเจ้าทั้งหลายเขาพึงใจในสิ่งๆนี้

    ถ้ามีใครบอกว่าใช้ของเสน่ห์ไม่ขึ้น ให้ถามเขากลับไปว่าคุณทำตัวเองให้มีเสน่ห์รึยัง การทำตัวเองให้มีเสน่ห์นี้ไม่ใช่ต้องเเต่งหน้าเซ็ตผมใส่เสื้อผ้าเเพงๆ คนธรรมดายาจกขอทานก็ทำได้ มันเป็นกฏแห่งกรรมเเละเป็นผลพ่วงถึงกัน พอจะเข้าใจได้ใช่มั๊ย ว่าตัวเองนั้นจะต้องรู้จักตั้งอารมณ์ให้อยู่บนพื้นฐานของความกรุณาปราณี เเล้วก็ต้องเอื้ออารีย์มีไมตรีต่อบุคคลทั้งหลายทั้งปวงรอบข้าง แบบนี้นี่คือคนมีเสน่ห์โดยเเท้ ถ้าทำตัวแบบได้ เอาของเสน่ห์ไปใช้เสริมอีกนี่มันจะเสริมจะหนุนกันทันที

    มันมีหลายสาเหตุเเละหลายเหตุผล เเต่เราเชื่อว่าเราหรือครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ เวลาทำวัตถุมงคลให้คนใช้ก็พยายามทำให้เต็มที่เต็มภูมิรู้ไม่ฉาบฉวย เพื่อให้เขาเอาไปเปลี่ยนชีวิตของเขา ให้เขาเลือกในสิ่งที่เหมาะกับตนเอง บางสิ่งก็ลงไว้ทั้งกันทั้งเเก้ให้ครบเเล้ว

    ทีนี้ก็มีคำถามอีกชนิดหนึ่ง ที่ต้องกราบเรียนถามเนื่องจาก PM ว่าวัตถุมงคลนี้องค์ธรรมดากับองค์ครูเหมือนกันมั๊ย ก็เสกเหมือนกันพร้อมกัน พุทธคุณจะต่างกันตรงไหน

    ท่านตอบว่า มงคลวัตถุนั้น คำว่าองค์ครู มีคำว่าครูเข้ามาก็ต่างเเล้วก่อนจะขำเล็กๆ วัตถุธาตุเเต่ละสิ่ง มีขีดจำกัดในการรองรับพลังงานได้เเตกต่างกัน ทีนี้องค์ธรรมดาเสกพร้อมกันมวลสารเหมือนกันไม่ใช่ว่าจะไม่ดีนะก็ดี แต่องค์ครูนั้นที่เราฝังนั่นฝังนี่ถ้ามันไม่ดีเราจะเสียเวลาทำของฝังทำไม คิดง่ายๆเลย เป้าหมายคือจุดเดียวกัน คนหนึ่งไปเรือด่วนอีกคนไปจรวด ใครจะถึงก่อนกัน ถ้าจะถามว่าต่างกันตรงไหนก็ตรงตัวฝังตัวเร่งนี่เเหละ

    เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าในการเสกมงคลวัตถุนั้น มงคลวัตถุกองหนึ่งเสกพร้อมกัน ในระยะเวลาที่เท่ากัน เเต่พุทธคุณกลับไม่เท่ากันก็มี เนื่องจากว่าจะมีเพียงบางองค์บางอย่างเท่านั้นที่เเก่อิทธิคุณ ถึงกับกระเด็นออกมาก็มี ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นมาตั้งเเต่ยุคสมเด็จโตเสกพระสมเด็จ สมเด็จพระสังฆราชแพเสกพระกริ่งเเล้ว ดังนั้นเราในฐานะคนทำที่ตระหนักเรื่องนี้ดี เราก็ระวังของเราเป็นพิเศษ ที่ตั้งใจทำทีละองค์มีฤกษ์ค่อยทำก็เพราะว่าเราต้องการให้สิ่งนั้นเเก่อิทธิคุณทั้งหมดต้องผสมทีละองค์ทำของฝังทีละองค์ก็เพราะเเบบนี้ เพราะในสมัยก่อนการเททองหรือการผสมผงนั้น เราจะไม่รู้เลยว่าองค์ไหนได้รับมวลสารอะไรไปมากน้อยเท่าไหร่ บางองค์อาจจะได้ผงปูนไปเกือบร้อยก็ได้ น้ำทองบางช่อชนวนเเผ่นยันต์อาจจะวิ่งไม่ถึงก็ได้ นี่คือสาเหตุที่ทำให้วัตถุมงคลมีเเค่บางองค์ที่เเก่อิทธิคุณ เพื่อตัดปัญหาในเรื่องนั้นที่จะผสมผงทีละกะละมังเเล้วกดทีเดียวเสร็จ เราเลยผสมทำทีละองค์ซะเลย ก็เป็นอันจบเรื่อง

    ของบางอย่างเราใช้ใจทำ เราเสียเวลาขนาดไหนเขายังไม่ทันใช้เลย ในหัวก็มีคำถามเเล้ว บางครั้งเราก็รู้สึกนะ ว่าที่ทำๆให้ไป เราทำให้ดีกว่าที่ตัวเราเองใช้เองเสียอีก ดังนั้น หยุดความสงสัยใครรู้ เเล้วนำไปใช้ก่อน ที่เราสอนเราบอกให้ทำทานขัดเกลาจิตใจ สวดมนต์ไหว้พระอะไรต่างๆเหล่านี้ก็อย่าได้ทิ้งปฏิบัติควบคู่กันไปด้วย เราไม่ได้อยากเห็นคนประสบความสำเร็จเเค่วันนี้ชาตินี้หรอกนะ ไหนๆก็นับถือกันเเล้ว เราก็อยากให้ภพชาติต่อๆไปของเขาสบายด้วย

    ใครที่ยังสงสัยก็ลองอ่านเเละคิดตามให้ดีนะครับ ครูบาอาจารย์ท่านเหนื่อยจริงๆกว่าจะได้วัตถุมงคลมาให้เราใช้กันเเต่ละชนิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2014
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,128
    ค่าพลัง:
    +16,533
    จากที่มีผู้ถาม ผมเห็นว่าเป็นประโยช์จึงขอนำมาลงไว้

    คำถามว่าเราไปเช่าวัตถุมงคลต่อจากคนอื่น หากเขาเคยนำไปใช้ทำไม่ดีเป็นต้น ของจะเสื่อมมั๊ย

    คำถามนี้ผมได้ถามพ่ออาจารย์เเล้ว ท่านว่ามันมี2กรณีนะขึ้นอยู่กับว่าวัตถุมงคลนั้นสำเร็จด้วยการอธิษฐานจิตแบบไหน ถ้าใช้พลังอำนาจของตนเเละตนเองยังใช้ฌาณโลกีย์ไม่ได้เป็นอริยบุคคลแบบนี้ก็เสื่อมได้ เเต่ถ้าสำเร็จด้วยอำนาจพุทธคุณและอำนาจจิตที่ที่ไม่กลับมาสู่ความตกต่ำอีกแล้ว พ้นแล้ว เป็นอริยะบุคคลเเล้วแบบนี้ทำอย่างไรก็ไม่เสื่อม

    ทีนี้ต้องเข้าใจด้วยว่า พระเครื่องนั้นไม่เสื่อมเพราะพระพุทธคุณย่อมไม่มีวันเสื่อม จะมีเพียงเเค่กำลังใจของผู้้ถือครองนั้น ที่อาจจะเสื่อมถอยตกลงไปเพราะกังวลระเเวง สิ่งเหล่านี้จะไม่ก่อให้เกิดผลดีกับผู้ใช้เลย

    ครูบาอาจารย์ยุคเก่าๆเปรียบวัตถุมงคลไว้กับงูพิษ ต่อให้เลื้อยผ่านสิ่งโสโครกขึ้นชื่อว่าอสรพิษกัดคนก็ยังตายวันยังค่ำ มันไม่เสื่อมหรอกแบบนั้น ทีนี้เวลาเราใช้อะไรไม่ขึ้นไม่ได้ผลก็จะพาลไปหาเหตุผลต่างๆเช่นของเสื่อมเเบบนี้ เราก็ต้องมาดูตัวเองอีก ว่ามันเป็นเพราะเวรกรรมเรามั๊ย เเล้วเราใช้วัตถุมงคลนั้นตรงงานหรือเปล่า เขาเสกหรืออธิษฐานจิตมาอย่างไร ถ้าไม่ตรงงานมันก็จบ ถ้าวัตถุมงคลนั้นฝืนกระเเสกรรมไม่ได้ผ่อนหนักให้เป็นเบาไม่ได้เขาเสกมาแบบนี้เมื่อเรามีผลกรรมเข้ามาสนองก็จะไปโทษวัตถุมงคลไม่ได้ ดังนั้นควรเลือกให้ดีเเละทำความเข้าใจให้ตรงเสียก่อนที่จะบูชาอะไร จะได้ไม่เกิดความเคลือบเเคลงสงสัยในวัตถุมงคลนั้นๆ
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,128
    ค่าพลัง:
    +16,533
    แจ้งคาถาเเละวิธีใช้พระพิชัยมาลามหาจักรพรรดิ์(เพิ่มเติม)

    เมื่อได้รับองค์พระเเล้ว ให้พิจารณาให้ติดตา เมื่อต้องการจะอาราธนาองค์พระขึ้นมาใช้งาน ให้ท่องพระคาถาชนะมารเสียก่อน ดังนี้

    ด้วยอานุภาพแห่งพระมหาปุริสลักษณะ32ประการ แห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้อรหันต์ ผู้ตรัสรู้เเล้วเองโดยชอบ ผู้มีบุญญาธิการอันกำหนดมิได้ ด้วยพระฤทธิ์อันใหญ่เเละพระคุณอันยิ่ง อันสำเร็จด้วยพระสิริ พระปัญญาเครื่องตั้งมั่น พระปัญญาเครื่องรู้ พระเดชและพระชัย ผู้สามารถในอันห้ามเสียซึ่งสรรพอันตราย ด้วยอานุภาพแห่งพระอนุพยัญชนะ 80 ด้วยอานุภาพแห่มงคล 108 ประการ ด้วยอานุภาพแห่งพระรัศมีมีพรรณ 6 ประการ ด้วยอานุภาพแห่งพระเกศมาลา ด้วยอานุภาพแห่งพระบารมี 10 ประการ พระอุปะบารมี 10 ประการ พระปรมัตถะบารมี 10 ประการ ด้วยอานุภาพแห่งศีล สมาธิ ปัญญา

    ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ด้วยอานุภาพแห่งพระเดช ด้วยอานุภาพแห่งพระฤทธิ์ ด้วยอานุภาพแห่งพระกำลัง ด้วยอานุภาพแห่งพระเญยยธรรม ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมขันธ์ 8 หมื่น 4 พัน ด้วยอานุภาพแห่งโลกุตรธรรม 9 ประการ ด้วยอานุภาพแห่งพระอริยมรรคมีองค์ 8 ประการ ด้วยอานุภาพแห่งพระสมาบัติ 8 ประการ ด้วยอานุภาพแห่งพระอภิญญา 6 ประการ ด้วยอานุภาพแห่งพระญาณในสัจจะทั้ง 4 ด้วยอานุภาพแห่งพระญาณมีกำลัง 10 ประการ ด้วยอานุภาพแห่งพระสัพพัญญุตญาณ ด้วยอานุภาพแห่งพระเมตตา พระกรุณา พระมุทิตา พระอุเบกขา ด้วยอานุภาพแห่งพระปริตรทั้งปวง ด้วยอานุภาพแห่งเราอันระลึกถึงพระรัตนตรัยที่กล่าวมานี้ แม้เหล่าโรค โศกะ อุปัทวะ ทุกข์โทมนัส อุปายาสทั้งปวงของเราจงสิ้นสูญไป แม้เหล่าอันตรายทั้งปวงจงสิ้นสูญไป สรรพความดำริทั้งหลายของเราจงสำเร็จด้วยดี ความเป็นผู้มีอายุยืนจงมีแก่เรา เราจงเป็นผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยความเป็นอยู่สิ้น 100 ปีทุกเมื่อ เทพเจ้าทั้งหลายผู้คุ้มครองสถิตย์อยู่ในอากาศและบรรพตไพรสณฑ์ภูมิสถาน แม่่น้ำคงคามหาสมุทร จงตามรักษาเราทุกเมื่อเทอญ สาธุ.

    เมื่อจะออกเดินทางไปเเห่งหนใด ให้ปราศจากอุปสรรค ปลอดภัยจากอันตรายใหญ่น้อย ไปได้ก็กลับได้ ออกไปแสวงหาลาภก็ได้ลาภ ให้ภาวนาดังนี้
    โอมเบิกมหาเบิก โอมฤกษ์มหาฤกษ์ โอมเบิกเบิกฤกษ์ฤกษ์ สวาหะ นะเบิกทาง โมเบิกไพร พุทธเบิกเสนียดจัญไร ธาเบิกอุปสรรคทั้งปวง ยะสวัสดิ์ลาโภ นะโมพุทธายะ

    เมื่อจะขอสิ่งใดจากองค์พระพิชัยมาลามหาจักรพรรดิ์ ให้อธิษฐานจ้องที่ดวงแก้ว แล้วสวดคาถาดังนี้ ท่านว่าสำเร็จทันใจแล ได้ผลสารพัดนึกตามที่ปรารถนานั่นทีเดียว
    นะอุ นะมา อานา อานะ อามะอุอา อุมะอะอุ นะอุมะอุ มานะอามะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,128
    ค่าพลัง:
    +16,533
    เห็นถามกันเยอะ เคล็ดลับๆ

    วันนี้ก็ขอเอาเคล็ดลับๆ ของวิธีใช้ตะกรุดบ่วงตัณหามาลงไว้แล้วกัน เห็นถามกันเยอะ ขี้เกียจพิมพ์บอกทีละคน

    * ขออภัยคุณสุภาพสตรีล่วงหน้า ไม่ได้มีเจตนาทางลามกอนาจาร เพียงเเค่อนุรักษ์วิธีการใช้เเละคาถาอาคมเท่านั้น

    ผู้ที่ได้ตะกรุดบ่วงตัณหาไปแล้ว หลังจากอาราธนา ให้ท่องคาถาดังนี้ เพิ่มเติม

    อิธะเจตะโสทัฬหังคันหาหิถามะสา มุทุจิตตัง พันเทเอหิ บุปผังสาอุปปัชชะติ

    หลังจากนั้น ให้ท่องคำว่าบุบผังสาอุปปัชชะติ คำเดียวไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ วิธีท่องนั้น ต้องเข้าใจนะ สมมติว่าเรากับสตรียืนอยู่บนไม้กระดานแผ่นเดียวกันถึงท่อง ในกรณีนี้ก็คือยืนอยู่บนพื้นถนนเเผ่นเดียวกันในระยะที่ตามองเห็นนั่นเอง เมื่อเราเห็นเค้าเเล้วให้เอามือจับที่ตะกรุดคลึงๆลูบๆตะกรุดที่คาดเอวไว้ตลอดเเล้วจึงท่องคาถาตามที่ว่าไว้

    วิธีที่สอนนี้เรียกว่าการคัดกาม พิมพ์ภาษาไทยก็คือการทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดอารมณ์ทางเพ(เติมศอศาลาเอาเอง) ไม่เเนะนำให้นำไปใช้เล่นไปทั่ว ครูบาอาจารย์ท่านสาปแช่งไว้เเรงมาก ลงเป็นวิทยาทานเท่านั้น ถ้าผู้หญิงมีขัดระดู ให้นำตะกรุดนี้เเช่น้ำภาวนาคาถานั้นเสกน้ำมนต์ให้กิน มีระดูมาเเล
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,128
    ค่าพลัง:
    +16,533
    พระคาถาทำสงคราม

    ท่านให้ไว้เอาไว้อาราธนาพระขึ้นคอ รวมไปถึงอาราธนาใช้วัตถุมงคลทุกชนิดของท่านแบบรวมๆ ก่อนจะอธิษฐานขอพึ่งพุทธคุณด้านใด

    ท่อง นะโม 3 จบ
    พุทธังอาราธนานัง ธัมมังอาราธนานัง สังฆังอาราธนานัง พุทธังประสิทธิเม ธัมมังประสิทธิเม สังฆังประสิทธิเม พุทธังมหาอำนาจ ธัมมังมหาอำนาจ สังฆังมหาอำนาจ พุทธังเมตตา ธัมมังเมตตา สังฆังเมตตา พุทธังแคล้วคลาด ธัมมังแคล้วคลาด สังฆังแคล้วคลาด พุทธังกัน ธัมมังป้อง สังฆังล้อม พุทธังกำแพงแก้ว ธัมมังกำแพงทอง สังฆังกำแพงเหล็ก บังตัวข้าพเจ้า ปิดทวารบานประตู นะมัดอัดอุด อุดอัดปัดปิด อุดทังอัดโท อุดนะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ

    นะจังงังอะคัตชะติ นะอย่านะ อย่าทำนะ พระอรหังจะพุทโธนะโกหะกะ สิริติเตจิเจรุนิ พุทธะสังมิอิกะวิติ นะชาลีติอิสวาสุ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ นะมะอะอุอุด
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,128
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ขอยกบทพระราชนิพนธ์ไหว้พระเป็นเจ้า ในพระราชนิพนธ์ คำนมัสการคุณานุคุณ ของสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว(ล้นเกล้ารัชกาลที่6) มาให้อ่านกัน จะเห็นได้ว่า สิ่งเหล่านี้ ในอดีตเเม้เเต่เจ้าฟ้าพระมหากษัตริย์ ก็ทรงให้การเคารพนับถือกันมาเนิ่นนานเเล้ว

    อัญขยมบังคมบำบวง สิทธิสรวงศรีแกล้วนาถา
    วิษณุผู้ทรงศักดา งูมาเป็นแท่นแสนดี
    กลืนฟ้ากลืนดินปิ่นสามารถ เอาพญาครุฑราชมาขี่
    ถือสังข์จักรคฑาธรณี ปราบหมู่อสุรีแรงลาน

    อีกข้าบังคมปรเมศวร์ สถิตผาพิเศษไพศาล
    ขี่โคเผือกผู้ดูตระการ เงือกเปนสังวาลย์เทพไทย
    ยศยงทรงอินทร์ชฎา สามตาพระแพร่งแสงใส
    กำจัดสารพัดโพยภัย พิฆนะจัญไรกลายดี

    อีกทั้งบังคมไชยะไชย เทพไทยพรหมเมศร์เรืองศรี
    ขุนห่านกาญจนาผ่องพี พระเอามาขี่แสนสบาย
    สี่พักตร์แลเล็งเพ่งพิศ สี่ทิศสอดส่องมองหมาย
    ปกป้องปวงภัยอันตราย มิให้กล้ำกลายโลกา

    ขอพระเปนเจ้าทั้งสาม ฟังความสุนทรวอนว่า
    ขอจงทรงพระกรุณา คุ้มเกรงรักษาทั่วไป
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,128
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ความจริงเรื่องการลงตะกรุดสาลิกาป้อนเหยื่อ เเละอื่นๆ

    ก่อนจะกล่าวถึงจุดนี้ เรื่องของตะกรุดสาลิกาป้อนเหยื่อ เราก็มาทำความเข้าใจกันก่อน ถามตัวเราเองเสียก่อน ว่าเราเปิดใจยอมรับกันเเค่ไหน

    หลายท่านอาจจะงง ความจริงตะกรุดชนิดนี้เเบ่งการลงเป็น 2 ชนิด ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะอย่าง ซึ่งก็คือ
    1. การลงเดินอักขระตามเคล็ดวิชาพุทธาคมสูตรลงนะองครักษ์สาลิกาป้อนเหยื่อ
    2. การลงบนตัวอิสตรีในขณะเสพสังวาส

    เมื่อลงเสร็จเเล้วนั้น บางอาจารย์ก็ประกาศเลยว่านี่คือที่สุดของตะกรุดวิชาเสน่ห์เเล้วก็มี บางที่ก็บอกว่าลงตอนมีอะไรกัน ให้ลูกศิษย์มันไปทำในซ่องก็ได้ จำยันต์ได้ท่องคาถาได้ก็ขลังเหมือนกัน(ขนาดตัวอาจารย์เป็นฆราวาสยังไม่กล้าทำเอง) มันเป็นขนาดนั้น จริงหรือ

    ถ้าตะกรุดนี้ต้องลงด้วยการเสพสังวาสเเล้วพระโบราณที่ทรงศีลบริสุทธิ์อย่างพระคุณเจ้าหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จะลงตะกรุดนี้ได้อย่างไร ลองคิด

    ตะกรุดหลวงปู่ยิ้มก็ปรากฏประสบการณ์ทางด้านเสน่ห์เหลือล้น เพราะว่าสูตรเเละวิธีการลงนั้นกว่าจะลากเส้นยันต์เขียนจนสำเร็จนั้นยากนักหนาก่อนจะลงก็ต้องมีคาถาเรียกนามลงเเต่ละตัวก็ต้องมีคาถามีโองการ อุก็ต้องเป็นอุองการฟ้าผ่า ลงจันทร์ครึ่งซีก ลงสูรย์ ล้อมสูรย์อุณาโลม ต้องมีสูตรมีคาถาเฉพาะทุกอย่างกว่าจะได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย

    วิชานี้นอกจากจะลงเป็นตะกรุดเเล้วยังลงทำผงก็ได้ ซึ่งหลวงปู่ยิ้มก็ได้เขียนไว้ชัดเจนว่าการลงเเบบเป็นเล่ห์กลหรือลงเเบบบเสพสังวาสนั้น เป็นเพียงมติของเกจิอาจารย์บางคน ซึ่งทางผมได้ลองสอบถามไปแล้ว ปรากฏว่าบางคนก็สอนให้ศิษย์ไปทำ บางคนก็บอกว่าท่องคาถาได้หมายถึงคาถาปลุกก็ลงก็สำเร็จเเล้ว ยังไม่มีใครตอบตรงตอบละเอียดซักคนเลยเพราะกว่าจะได้เเค่นะองครักษ์สาลิกาป้อนเหยื่อนี้การลากเส้นยันต์ต่างๆต้องใช้คาถากว่า3หน้ากระดาษเอ4เลยทีเดียว

    เมื่อเป็นดังนี้สุดท้าย สิ่งที่จะเป็นตัววัดก็คือประสบการณ์ วัตถุมงคลที่จะเข้มขลังสำหรับผมเเล้วมันขึ้นอยู่ที่ความตั้งใจจริงของครูบาอาจารย์ผู้สร้างด้วย ในกรณีของพ่ออาจารย์พลนั้นท่านใช้วิธีเดินอักขระตามแบบหลวงปู่ยิ้มวางไว้ ไม่ได้ใช้การเสพสังวาสขณะทำ เพราะการลงแบบเสพสังวาสเท่าที่ผมเคยหาครูอาจารย์ต่างๆเเละนำมาใช้ก็ไม่เกิดผลอะไรเเถมดอกหนึ่งก็ราคาค่อนข้างสูงดอกเล็กๆราคา5,000 บาท จะไม่ให้เเพงได้อย่างไร เค้าก็เล่นบวกทั้งค่าสถานที่ค่าตัวผู้หญิงที่มานอนให้ทำพิธีไปด้วย

    สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลว่าชอบอะไร การลงแบบฮาร์ดคอร์ขณะเสพสังวาสฟังเเล้วดูขลังดีรึเปล่า หรือการลงเเบบเดินอักขระวิธีตามสูตรโบราณจารย์สำเร็จด้วยบารมีครูบาอาจารย์ กล่าวง่ายๆ จุดๆนี้คืออยู่ที่กำลังใจของคนห้อย เเละค่านิยมส่วนตัว ถ้าคิดว่าดีเราไม่ห้ามเเต่ให้ลองคิด ว่าผู้หญิงที่ไปลงก็คือกะหรี่ สถานที่ที่ใช้ก็คือม่านรูดหรือโรงเเรมชื่อดีๆ ชาตินี้ชีวิตคนใช้จะเจอคนดีๆรึเปล่าๆ ถ้าต้องการกะหรี่เงินมีก็ซื้อหาเอาจะมานั่งใช้วัตถุอัปมงคลทำไม(มุมมองของผมเองนะ) แล้วเราจะใช้เพื่ออะไร ถ้าใช้เพื่อเที่ยวสนุกหรือค่านิยมก็ไม่ว่ากัน เเต่พอไม่เกิดผลไปถามตัวอาจารย์ผู้ลงก็คงได้คำตอบว่า ก็เราไม่ได้เขียนเองแบบที่ผมเคยได้นั่นเเหละ ที่จริงการลงวิชานี้โดยใช้เล่ห์กลหรือการลงบนอิสตรีสมัยโบราณไม่ได้ใช้การลงบนตัวของผู้หญิงขายบริการเเต่อย่างใด เเต่หมายให้ลงขณะเสพย์สังวาสมีความสุขไม่ต้องจัดฉากสรรหาอะไรมาขนาดนั้น ไปจีบเขามีอะไรกับเขาเเล้วลงตอนมีเเบบนั้นไม่ใช่การซื้อหา ต่อให้เต็มใจก็เถอะ เพราะมันไม่ได้เกิดจากความรักเเม้จะมีความสมัครใจมันก็จบไปเเล้วอยู่ดี

    สุดท้ายก็ถามใจตัวเองว่าลึกๆเเล้ว ทีเช่าวัตถุมงคลมาใช้ เช่าเพราะการตลาดหรืออย่างไร เคยถามพระเกจิชื่อดังองค์หนึ่ง เดือนๆหาเงินได้เป็นล้าน หาของเเปลกๆมาใส่เต็มตัวไปหมดเเต่ละชิ้นราคาหลักเเสนทั้งนั้นเลยเถิดไปถึงล้านก็มีซึ่งก็หาเอาตามร้านแบกะดินและเเผงพระที่ท่านชอบไปเดิน พอคนถามก็บอกว่าธุดงค์ไปเจอมา พอคนกลับก็ถอดเก็บหมดเป็นพระธรรมดาๆไม่ได้ใส่อะไรเลย ท่านเมตตาบอกว่ามันก็เเค่การตลาด มึงไม่เคยเรียนรึ อะไรที่อยู่บนตัวกูที่กูใส่พวกมันก็จะมองว่าดี กูเรียกราคาแพงๆมันก็เอากัน อะไรที่กูทำวางไว้ให้บอกมันว่าดีมันก็ไม่อยากจะได้เพราะมันต้องการของพิเศษ ก็เเค่หาของแปลกๆเเละมาเเต่งเรื่องให้เกินจริงเล่าไปมันก็เอากันเเล้ว ก็ไม่เเปลก เพราะเรื่องเล่าของท่านสนุกจริงๆมีครบรสของทุกอย่างนี่ไปเอามาจากพญานาคพญาครุฑเจ้าพ่อเจ้าเเม่นำมาให้สารพัด อืม คนก็ยังเชื่อไปได้

    ก็ฝากไว้เป็นคติเตือนใจคน เพราะวัตถุมงคลจริงๆนั้น ชื่อก็บอกเเล้วว่ามงคล คนทำต้องบริสุทธิ์ วิชาก็ต้องบริสุทธิ์ ถ้าจะมีสิ่งใดไม่บริสุทธิ์ก็คือจิตใจผู้ใช้นั่นเอง จงมองเเละพิจารณาตัวเองว่ามีกำลังใจเเค่ไหน พ่ออาจารย์พูดเสมอว่า ที่คนบอกว่าของเราดี มีประสบการณ์นั่นนี่ ก็เพราะกำลังใจของเขาดี เขาเป็นคนดี ให้เขารักษาความดีในตัวของเขาเช่นเกลือรักษาความเค็มเเบบนั้นเอาไว้ ทำอะไรก็เจริญ

    * อีกเรื่องหนึ่งเห็นว่าเป็นประโยชน์โดยทั่วไป มีผู้ถามว่าวัตถุมงคลพ่ออาจารย์ที่เป็นรูปพระเเละเทพ รู้สึกว่าเทพจะมีประสบการณ์มากกว่า ซึ่งมันก็จริง เพราะการเช่าไปใช้นั้นต้องหมายเอาหน้าที่เเละคุณลักษณะเฉพาะของวัตถุมงคลด้วย ซึ่งเทพเเต่ละองค์มีหน้าที่ต่างกันเลือกให้ตรงวัตถุประสงค์ก็จะดีกับตัวเอง ผมเคยพิมพ์บอกจากคำพูดของพ่ออาจารย์ไปแล้วว่าเทพนั้นข้อจำกัดเขาน้อยกว่า เเละถ้าใครได้ใจท่านมีความประพฤติดีปฏิบัติชอบท่านช่วยยันตายกันไปข้าง ไม่ใช่เเค่ชั่วคราวประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น มันต่างกันตรงนี้ ถ้าจำกันได้นะ
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,128
    ค่าพลัง:
    +16,533
    บารมีท้าวเวสสุวรรณ

    อันนี้เป็นเรื่องที่ได้ยินกับหู มีสุภาพสตรีท่านหนึ่ง บินมาจากจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อจัดการให้เราเป็นธุระ เข้ากราบคารวะพ่ออาจารย์พล ซึ่งปกติเเล้วท่านจะไม่รับแขก และชอบบ่ายเบี่ยงไม่พบใครทั้งนั้น เเต่กับรายนี้ ตรงข้ามโดยสิ้นเชิง

    เราเองสรุปได้ความว่า เขาไม่ได้เป็นสมาชิกเวปพลังจิต เขาได้เเต่อ่านเเต่ไม่เคยเเสดงความคิดเห็นหรือโพสต์อะไร เราก็เพิ่งรู้นะว่าคนไม่ได้เป็นสมาชิกโพสต์ไม่ได้

    สาเหตุที่เขามากราบพบ ก็เพราะบารมีพ่อท้าวเวสสุวรรณที่ไปตามเขาให้มาพบ ซึ่ง เขาได้ฝันเห็นพ่อท้าวเวสสุวรรณเเต่งเครื่องทรงสีทองประทับอยู่บนบัลลังค์ทองได้ลุกขึ้นเดินเข้ามาหาเขา พร้อมกับเอาพระหัตถ์ขององค์ท่านมาวางไว้บนหน้าผาก แล้วก็บอกให้มาตามหาท่านพล ท่านจะช่วยแก้ไขปัญหาชีวิตของเราได้ ซึ่งเราฟังๆดูคราวๆท่านท้าวกุเวรหรือเวสสุวรรณนี้ก็เป็นมหาราชของทางทิศเหนือก็น่าจะจริงเพราะจังหวัดเชียงใหม่มันก็ภาคเหนือเนอะ

    ทีเเรกเขาบอกว่าคิดว่าฝันไร้สาระเพราะมาตามอ่านกระทู้เราเเต่เเปลกพอตื่นขึ้นมา รู้สึกอุ่นๆอยู่บนหัวบริเวณที่พระหัตถ์ของท่านสัมผัสและโรคประจำตัวทั้งหมดก็หายขอย้ำว่าโรคเรื้อรัง หายเองชนิดที่ว่ายาที่เคยกิน กินเเล้วยังไม่หาย เขาว่านี่หายสนิท(ความเชื่อส่วนบุคคลนะ) ซึ่งหลังจากเราเอาเรื่องมากราบเรียนกับท่านเป็นธุระให้เขา ก็ปรากฏว่าพ่ออาจารย์รู้เรื่องอยู่เเล้วพร้อมกับอนุญาติโดยง่าย เเถมยังกำชับกับเราด้วยว่า อย่าลืมบอกให้เขาเอากำไรเงินโบราณที่ใส่ติดตัวมาด้วยนะ(ท่านรู้ได้อย่างไรไม่ทราบ)

    เมื่อมาพบท่านก็ออกมายืนรออยู่เเล้ว หลังจากสนทนากันเสร็จ อะไรที่เป็นความลับหรือปัญหาส่วนตัวผมขอไม่เล่านะ 555เพราะผมโฟกัสเเต่วัตถุมงคล ท่านบอกว่าที่เราให้เธอเอากำไรของเธอมา เพราะเราจะทำพระให้ เเต่มีข้อแม้ว่าเธอจะต้องใส่เเล้วเงินที่หลอมออกมาได้ส่วนหนึ่งเราก็ขอเเบ่งไว้เป็นชนวนทำของให้ลูกศิษย์ในอนาคตด้วย ซึ่งทางสุภาพสตรีผู้นี้ก็อนุญาติ(พ่ออาจารย์ไม่เคยลืมพวกเราจริงๆ)

    ซึ่งท่านบอกว่าเราจะเเกะหุ่นเทียนเป็นท้าวเวสสุวรรณให้เขาเเล้วก็หล่อเนื้อเงินนั่นเเหละ เราจะให้ตรงตามความฝันเขาให้ท้าวเวสสุวรรณคอยตามรักษาเนื้อรักษาตัวเขา ไม่รู้จะเเกะมาเเบบนั่งบัลลังค์รึเปล่า ท่านว่าอีกนานนะกว่าจะทำเสร็จ(ท่านตั้งใจเเบบนี้เเต่เเรกไม่รู้ว่าทราบได้อย่างไรถึงขนาดสั่งให้เอากำไรที่ใส่มาด้วย) อาจจะถือเคล็ดว่ากำไรเงินโบราณอายุนับร้อยปี ทำอะไรได้มีกำไรเพราะท้าวเวสท่านก็เกี่ยวกับขุมทรัพย์เเละสมบัติอยู่เเล้วก็ได้กระมัง

    * ผมเคยบอกเเต่ต้นเเล้ว ว่าใครอยากได้อะไรให้เเจ้งบอกไว้ ปรึกษามาว่าท่านทำได้หรือเปล่า ที่ผมบอกแบบนี้ก็เพราะอยากให้ท่านได้วัตถุมงคลที่โฉลกกับตนเองเช่นสุภาพสตรีท่านนี้จริงๆ ด้วยความปรารถนาดีนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 11WmJGb.jpg
      11WmJGb.jpg
      ขนาดไฟล์:
      22.8 KB
      เปิดดู:
      210
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,128
    ค่าพลัง:
    +16,533
    เมื่อวานพิมพ์คร่าวๆถึงเรื่องงานบุญ พอพ่ออาจารย์รู้ ก็ดำเนินการให้ทันทีไม่รีรออะไรเลย ไม่เเม้เเต่จะบอกหรือเรี่ยไรใครๆท่านไปถอนเงินสดจำนวน 100,000 บาทถ้วน (หนึ่งแสนบาท) มามอบให้ทันทีเพื่อเอาไปถวายสร้างบุญต่อบุญให้กับลูกศิษย์ทุกคน

    แม้เเต่ตัวหลวงพ่อผู้รับ ยังอยากจะถ่ายรูปไว้หรืออยากบอกคนอื่นขึ้นชื่อให้ท่าน ว่าท่านมาร่วมทำบุญเเต่ท่านปฏิเสธ บอกแต่เพียงว่าให้ท่านเก็บเอาไว้จ่ายเป็นค่าเเรงช่างงวดเเรก และตอบยิ้มๆว่าการทำบุญของเราเป็นการปิดทองหลังพระ ผู้ให้เเละผู้รับรู้อยู่แก่ใจ เมื่อผู้รับรับไปแล้ว ผู้ให้ใจก็เป็นสุข เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ไม่ไกลจากคำที่ว่าสวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ เพียงเเค่ระลึกถึงบุญชั่วขณะจิต ใจเราก็ได้เสวยสวรรค์สมบัติเเล้ว

    การทำบุญในครั้งนี้ของท่านเป็นงานบุญที่จัดอยู่ในประเภทวิหารทานเป็นงานบุญใหญ่ให้อานิสงค์มาก แต่ท่านไม่ให้เปิดเผยชื่อวัดที่รับทั้งๆที่เราอยากจะบอก สงสัยคงต้องการปิดทองหลังพระจริงๆ

    ส่วนปัจจัยที่นำไปถวายมานั้น ขอบอกว่าก็คือเงินที่พวกเราบูชาวัตถุมงคลท่านนั่นเเหละ ก่อนจะนำไปถวาย ท่านนำมาจบหัวเสียงดังให้ครูบาอาจารย์ที่มรณภาพไปแล้วออกนามพระนางธรณีตลอดจนท้าวจตุโลกบาลให้มาเป็นสักขีพยานและให้ผลบุญของการทำวิหารทานทำหอฉันนี้ตกต้องไปถึงศิษยานุศิษย์ที่ได้ร่วมบุญมากับท่านทุกคน ท่านว่าหอฉันนี้พระใช้นั่งกันทั่วใช้รับแขกอย่างไร พระใช้ฉันอาหารอิ่มเอมกันอย่างไร ก็ขอให้ชีวิตของศิษย์ทุกคนอย่ารู้จักคำว่าอดอยากหิวโหย ให้เป็นผู้บริบูรณ์พร้อมด้วยมนุษยสมบัติ ธนสารสมบัติ สวรรค์สมบัติและนิพพานสมบัติในอนาคตอันใกล้ถ้วนทุกคน ให้ผลบุญที่ลูกศิษย์ได้เหนื่อยยากสละปัจจัยบูชาวัตถุมงคลท่านเหล่านี้ตกต้องไปถึงไม่ว่าจะมากหรือน้อยให้เขาได้รับทั่วกันทั้งหมด

    ซึ่งบอกเลยว่าจะมีการทำบุญแบบสายฟ้าเเลบแบบนี้อีกเเน่ซึ่งเเต่ละครั้งก็ครั้งละเเสนสองเเสน ท่านถือว่าทำทานตามกาลโอกาส ตามความเหมาะสมให้กับสงฆ์ที่ต้องการเเละท่านพิจารณาเห็นควรเเล้วท่านจึงทำ ทำเเทนพวกเรา ทำในนามคณะศิษย์พ่ออาจารย์พล

    ขอให้ทุกท่านที่อ่านเจอข้อความนี้ตั้งใจอนุโมทนาสาธุการรับเอาส่วนบุญกุศลที่พวกเราทุกคนได้สร้างได้กระทำร่วมกันเพื่อเป็นเหตุเเห่งความเจริญที่จะพึงเกิดขึ้นกับตนเอง

    นิสัยพ่ออาจารย์นั้นเเม้เเต่จะถ่ายรูปตอนถวายเงินท่านยังไม่อนุญาติ ทำให้เราไม่มีหลักฐานหรือภาพใดๆมานำเสนอ นอกจากข่าวที่ชวนให้ปลื้มปิติว่าพ่ออาจารย์ท่านนั้นไม่เคยลืมพวกเราทุกคนเลยจริงๆ
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,128
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ภควัทคีตา คนยุโรปอเมริกาจะสนใจกันมาก คาดว่าจะนำหน้าคัมภีร์พระเวททั้งหมดเสียอีก เพราะว่าพระเวทย์จำกัดให้เเต่พราหมณ์ศึกษา เเต่ภควัทคีตานี้ศึกษาได้ทั่วไป เมื่อผู้ศึกษาได้ค้นคว้าควบคู่ไปกับการบูชาพระกฤษณะเเล้วเขาเจอเเต่สิ่งดีๆ ก็จะเห็นได้ว่ายุคนี้มีผู้นับถือพระกฤษณะขึ้นมามากอย่างกว้างขวางเเละผิดหูผิดตา เเละจะมีมากขึ้นไปอีกในอนาคต ท่านว่าให้คิดเอาเองเเล้วกันว่ามีดีอย่างไรที่ทำให้พวกคริสต์มานับถือพระเจ้าองค์นี้ได้

    เเละเมื่อพ่ออาจารย์ท่านขอท่านสื่อ เพราะมีคำขออยากบูชาเทพที่ให้ผลเรื่องความรักโดยตรงขอเเบบเเท้ๆจริงๆ ท่านถึงลองเสี่ยงบารมีกับเสด็จพี่ที่ท่านพูดถึงบ่อยๆเเล้วเเกะมา พอเห็นเป็นพระกฤษณะเราก็รู้สึกว่าเออเนอะ แกะออกมาดูสวยเเบบเก่าๆโบราณๆจริงๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,128
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ท่านว่าเป็นคตินะ ที่เเต่ละคนเค้าจะถือมหาฤาษีองค์ใดองค์หนึ่งเป็นตัวเเทนของบรมครูทั้งหมด ซื่งคติพระฤาษีนารอดนี่เป็นตัวเเทนพ่อแก่ก็ได้รับอิทธิพลเเละมีความนิยมมาก

    คนไทยจะรู้เพียงเเต่ท่านเป็นหมอน้ำมนต์ มีดีทางด้านเมตตามหาเสน่ห์เเละเป็นเลิศในทุกๆศิลปศาสตร์ เเต่ทางฮินดู พระฤาษีนารอดหรือนารทมุนีคือมานสาบุตรของพระบรมบิดาพรหมเทพ(บุตรที่เกิดจากใจ) มีอภิสิทธิที่จะเข้าเฝ้าเเละเข้าถึงมหาเทพทั้งปวงเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นผู้มีความรู้สูงส่งเนื่องจากได้เดินทางสำรวจจักรวาลทั้งหมด ทั้งยังเป็นเสมือนผู้ส่งสาสน์ของพระผู้เป็นเจ้าทั้ง3กับมวลมนุษย์เเละมวลเทพเจ้าทั้งปวง เเม้เเต่พระผู้เป็นเจ้าทั้ง3ก็ไม่สามารถทำอันตรายท่านได้ นอกจากนั้นยังมีจิตใจที่เกื้อการุณย์ต่อผู้ที่ถือความซื่อสัตย์สุจริตรักษาคุณธรรมอยู่ในกรอบความดีงามถูกต้องท่านจะเมตตาให้พรเเละเเนะเเนวทางเเก้ปัญหาต่างๆให้เป็นพิเศษ

    พระนารทมุนีหรือมหาฤาษีนารอดนี้ มีวาทะกรรมเป็นเลิศ สามารถพูดโน้มน้าวใจเทพเทวดาได้ทั้งหมด จะให้ร้ายกลายเป็นดีหรือดีกลายเป็นร้ายก็ได้ นอกจากเป็นมานสาบุตรเเห่งพระพรหมมาเเล้วยังเป็นสาวกเอกเเห่งพระวิษณุนารายณ์เเละยังได้รับพรเเละเกียรติภูมิการยกย่องสูงสุดจากพระศิวะอีกด้วย ดังที่ปรากฏเเม้วาระสุดท้ายของพระกฤษณะที่ต้องสิ้นพระชนม์ก็เนื่องมาจากคำสาปของพระองค์

    เเม้ในอินเดียก็มีลัทธินับถือท่านอยู่ ท่านเปรียบเสมือนพระโอษฐ์ของพระเป็นเจ้าทั้งสามที่จะถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ เเละที่สำคัญอื่นใด ผมไม่อยากจะกล่าวเพราะมันพาดพิงศาสนาพุทธเรา เเม้เเต่ทางฝ่ายเราก็มีความเชื่อของการมีอยู่จริงของมหาสัปตฤาษีทั้ง8 ซึ่งพระนารทมุนีหรือพระฤาษีนารอดก็จัดรวมอยู่ด้วย เเละยังมีความเชื่อว่าถ้าไม่นับพระศิวะเเล้วท่านคือครูคนเเรกที่เราควรเอ่ยนามเเละบูชา เพราะท่านคือปฐมฤาษี เป็นพระฤาษีองค์เเรกที่ถือกำเนิดขึ้นในการสร้างสรรค์จักรวาลของพระบรมบิดาพรหมเทพนอกจากเป็นมหาฤาษีเเล้วยังเป็น1ในพระปชาบดีของโลกอีกด้วย มหาฤาษีทั้ง8 โดยเฉพาะหระมหามุนีนารทนี้ มีความเชื่อกันว่าเเม้ทุกวันนี้พระองค์ก็ยังดำรงค์อยู่ เฉกเช่นที่เราเชื่อถึงการมีอยู่ของหลวงปู่เทพโลกอุดรฉันใดก็ฉันนั้น พระองค์ยังโปรดเดินทางเพื่อสอนสัจธรรมตามหลักศาสนาของท่านเเละโปรดหมู่ศิษย์ที่เข้าถึงเเละให้พรทุกด้านตามที่ปรารถนา เพราะพระมหาฤาษีนารทท่านจะดำเนินไปตามหน้าที่ของท่านเเบบไม่มีที่สิ้นสุดจนกว่าจะถึงกาลเเตกดับของจักรวาล ท่านถือว่าเป็นผู้ถือพรหมจรรย์ที่บริสุทธิ์มากอีกผู้หนึ่ง เเละก็ยังมีกำเนิดที่สูงส่งเเละบริสุทธิ์ คือไม่ได้ออกมาจากอวัยวะเพศสตรีหรือออกมาจากไข่หรืออะไร เเต่ทรงจุติขึ้นมาจากใจของพระบรมบิดาพรหมเทพ ดั่งคำที่ว่ามานสาบุตรเเห่งพระพรหมมาคือบุตรที่เกิดจากฤทธิ์ทางใจนั่นเอง พระองคืเป็นผู้มั่นคงในตบะขั้นสูงสุด ถือว่าเป็นฤาษีที่อยู่ในขั้นสูงสุดเหนือพรหมฤาษีก็คือมหาฤาษีนั่นเอง บางที่ก็ยกท่านว่านอกจากเป็นมหาฤาษีเเล้วยังเป็นพรหมฤาษีด้วยก้มี เพราะบางตำราก็ขัดเเย้งกันเองว่าพรหมฤาษีหรือมหาฤาษีที่อยู่สูงสุด พูดง่ายๆคือไม่ว่าจะตำราไหนก็ยกพระนารทมุนีไว้ในฐานะสูงสุดนั่นเอง

    ถามว่าดีอย่างไร ท่านบอกว่าก็เปรียบเสมือนเศียรครูที่เราทำนี้เป็นครูตัวเเทนของ108พระองค์ ทั้งพระวสิษฐ์ วิศวามิตร อิศวรมุนีภพ พิราพ พรหมเมศ พรหมปรเมศ โคบุตร เป้นต้น พระฤาษีต่างๆเหล่านี้ทั้ง108พระองค์ เมื่อนำมาใส่ก็เหมือนได้ครอบครูรวมตามที่เราได้เชิญมานั่นเเหละ
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,128
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ข้อคิดเล็กๆ

    ไม่ได้นำเสนอมานาน

    สำหรับปีนี้ พ่ออาจารย์บอกว่านับเป็นโอกาสที่ดี เพราะหลังจากวันอาสาฬหบูชาเเล้วก็จะเข้าพรรษา

    ซึ่งในกรณีของการเข้าพรรษานี้ ท่านอยากจะฝากบอกถึงผู้ที่เคารพนับถือท่านทุกคนว่า ท่านขอ ขอให้เราตั้งสติ ใช้ความคิดให้หนัก ว่าในปีหนึ่งๆนี้เราทำอะไรกันมาบ้าง ลองทบทวนตัวเองว่าศีล5ข้อนี้ เราก้าวล่วงข้อไหนอย่างไรพิจารณาดูว่าเราละเมิดหรือเปล่า

    ท่านว่าให้การเข้าพรรษาครั้งนี้เหมือนกับการปฏิบัติธรรมกามกาลตามวาระอันเหมาะสม ใช้ฤดูกาลเข้าพรรษานี้ให้เหมาะให้ควร หากเคยทำตัวทุศีลก้าวล่วงละเมิดข้อปฏิบัติต่างๆ ให้ถามใจตัวเองว่า เรารู้ตัวมั๊ยตอนทำเเล้วเรามีสติพอที่จะยับยั้งชั่งใจรึเปล่า

    การเข้าพรรษาในครั้งนี้ ให้เราคิดซะว่าเหมือนเทศกาลกินเจ ให้เรารักษาศีลตลอดระยะเวลา3เดือนนั้น ไม่ต้องเดือดร้อนไปวัดก็ได้ หน้าพระพุทธรูปนี่เเหละ สมาทานศีลทั้ง5ข้อไปเลย ว่าเราจะรักษาทั้ง5ข้อนี้หรือมีจำกัดข้อไหนบ้างก็ว่าไป ตั้งสัจจะไว้กับตัวเองเเละต้องทำให้ได้ เเค่3เดือนเท่านั้น หากตัวเรายังทรยศคำของตัวเองมันก็หมดค่าความเป็นคนไปเสียเเล้ว

    ที่เราขอให้ทุกคนทำ เพราะเราคิดว่าไม่เหนือบ่ากว่าเเรงของใคร ไม่ต้องเสียเงินทำไม่ต้องเสียอะไรใช้เเต่กำลังใจของเราเท่านั้น เเละที่สำคัญคือมันดีกับตัวพวกเรา ศีลนี่เป็นสิ่งที่หอมหวาน คนใดมีศีลมีสัตย์ย่อมหอมฟุ้งไปในหมู่เทพยดาเเละทิพยกายทั้งหลาย

    คนเราทำผิดมามาก เราไม่อาจจะย้อนเวลาไปแก้ไขอดีตของเราได้ เเต่ปัจจุบันนี้คือผลที่จะเเสดงออกในอนาคตซึ่งตรงนี้เราเลือกทำได้ ถ้าการภาวนายากเกินไปยังปฏิบัติไม่ได้ เอาเเค่รู้จักให้ทาน ทำให้จิตใจของตัวเองอ่อนลงด้วยความเสียสละ ให้โดยออกมาจากความรู้สึกที่เราอยากให้อยากทำจริงๆนะ ไม่ใช่ให้เพราะใครมาขอหรือว่าให้เพราะสร้างภาพกับใคร

    เมื่อให้ทานซึ่งเราคิดว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุดเเล้ว ก็ต่อด้วยการรักษาศีลซะในช่วงเข้าพรรษานี้ เเค่5ข้อ ท่องทุกวันเช้าเย็นให้รู้ความหมายของมันด้วยนะ เมื่อเราย้ำกับตัวเราบ่อยๆมันก็จะจำได้ ความรู้สึกนึกคิดเเละสติของเราก็จะจับอยู่กับสิ่งนี้ พอเราจะก้าวล่วงละเมิดก็จะมีสติตรึกตรองฉับพลันทันที

    คนเราหากไม่มีศีลเป็นอาภรณ์มันต่างอะไรกับเดรัจฉาน เมื่อเรารู้ผิดก็ควรคิดชอบเเก้ไขให้ถูก อย่าได้เสียชื่อว่าอุตส่าห์มีโอกาสเกิดในพระพุทธศาสนา อย่างน้อย3เดือนนี้ พวกเธอก็ควรจะมีค่าความเป็นคนเต็ม100 เพราะเราคาดหวังว่ามันไม่ยากเกินไปที่ศิษย์ทุกคนจะทำได้ เเละเราเชื่อกำลังใจตลอดจนจิตสำนึกทุกคน

    ถ้าหากผิดพลาดก้าวล่วงสิ่งใดโดยมิตั้งใจ ก็ขออย่าเก็บมาคิด มาทำให้ตัวเองกังวล ให้ลืมมันไปเสียโดยเร็วที่สุดเเละตั้งใจเอาใหม่ว่าเราจะไม่ทำผิดพลาดซ้ำ2อีก คนเราถ้าไม่เคยผิดไม่เคยมีบทเรียนมันเป็นไปไม่ได้หรอก

    เเค่3เดือนนี้ พวกเธอทุกคนตั้งใจทำกันได้ พอออกพรรษาเเล้ว ให้สวดมนต์ไหว้พระปรารถนาอธิษฐานขอพรใดสิ่งใดประเสริฐก็ขอไปเถิด อานิสงค์ที่ได้รักษาศีลตลอด3เดือน ได้ทำบุญให้ทานระลึกถึงพระรัตนตรัยนี้ มันจะช่วยให้ความสำเร็จในสิ่งที่เธออธิษฐานอยู่ไม่ไกล ถ้าไม่มีกรรมหนักก็อาจจะสำเร็จโดยฉับพลันทันทีก็ได้

    เราเองก็จะอธิษฐานช่วยทุกคนที่ปฏิบัติ เเละจะคอยเป็นกำลังใจให้พวกเธอเสมอ ลองทำดูจะได้รู้ว่าฟ้าหลังฝนนั้นสดใสเพียงใด ชีวิตพวกเธอก็เหมือนอยู่ในพายุฝนจะเเรงบ้างซาบ้างอย่างไรมันก็เปียก ถ้ามีวิธีที่จะทำให้เธอไม่เปียกฝน เธอจะทำหรือเปล่า จะใช้ความพยายามของตัวเองรึเปล่า สิ่งใดที่เราทั้งหลายตั้งใจทำเเล้ว สิ่งนั้นเมื่อสำเร็จ อย่างน้อยเราก็ภูมิใจในตัวเองว่าเราสามารถทำได้ เราเองก็ประพฤติดีปฏิบัติชอบได้ เเต่อย่าได้หวังหรือคาดคำนึงถึงผลของการกระทำเเละปฏิบัตินะ ให้เราขอตอนจบเป็นไปอย่างอัตโนมัติ ตอนทำก็ตั้งใจทำไป ระลึกถึงพระรัตนตรัยให้มาก เเค่3เดือนนี้ เธอจะได้สัมผัสกับความโปร่งใสของคำว่าฟ้าหลังฝนเเน่นอน ขอให้เข้าใจตรงกันนะ ด้วยความปรารถนาดี ถ้าใครคิดว่ายังพอจะนับถือเราอยู่บ้างหรือมีบุญร่วมกันก็ขอให้ได้มาอ่านตรงนี้ หากพิจารณาเเล้วว่าเป็นสิ่งไร้สาระ ก็ขอให้มองข้ามผ่านไปอย่าได้วิจารณ์หรืออคติ

    การรักษาศีล3เดือนนี้ เราถือทางสายกลางไม่หย่อนไม่ตึงเกินไปเพียงเเค่5ข้อ หากพลาดพลั้งไปก็รีบถือใหม่ตั้งใจใหม่ไม่เก็บสิ่งที่ผิดพลาดมาคิด เราคาดว่าจะไม่เกินศักยภาพของทุกคนที่จะทำได้ คุณเเห่งศีลมีอยู่ในโลกแล้วฉันใด ก็ขอให้อานุภาพนั้นจงส่งเสริมให้พวกเธอทุกคนก้าวล่วงอุปสรรคทุกสิ่ง ประสบผลสำเร็จยิ่งใหญ่ตามมโนปณิธานตองทุกท่านทุกคน
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,128
    ค่าพลัง:
    +16,533
    เห็นถามเรื่องของเสน่ห์กันเยอะ

    ผมว่าในส่วนของเครื่องรางที่ไม่ใช่ตะกรุดนะ เพราะส่วนตัวผมขี้รำคาญไม่ค่อยชอบคาดตะกรุด ไตรภาคีของเรื่องมหาเสน่ห์ที่เป็นเครื่องรางเลย จะมี
    1. พระลักษมันอนันตนาคราช
    2. ภควันกฤษณะ
    3. พญาสุวรรณภิงคาร(เคล็ดควายเขาคำ)
    พระลักษมัณนี่ก็ออกทางชู้สาวจะดีทางตอนเราเข้าหามันจะง่ายราบรื่น ถ้าเริ่มดีไปได้สวยมันก็เหมือนคุมเกมอยู่อะไรมันก็ง่าย
    ภควันกฤษณะ นี่เทพโดยตรงเรื่องนี้เลย ถือว่าตรงทาง ในความรู้สึกผมบอกเลยว่านี่คือตัวพ่อเลย อะไรที่มันเกินบุญเกินวาสนาประเภทนางฟ้าทั้งหลายต้องขอกับท่าน ผู้หญิงบางคนนี่เดี๋ยวนี้ก็ไหว้พระเข้าหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันก็มี บางคนมีเทพเจ้าชั้นสูงดูเเลรักษา ไอ้จะพกพระขุนเเผนพกงั่งไปจีบเเห้วไปก็เยอะแบบนั้น ต้องใช้อะไรที่เด็ดขาดเเละรุนเเรงขอได้ไหว้รับให้ท่านเบิกทางให้เรา ในกรณีนี้ใช้ภควันกฤษณะผมว่าตรงทางเป็นเคล็ดเล็กๆนอกจากที่พิมพ์ไว้เเล้วข้างต้น
    ส่วนพญาสุวรรณภิงคารนี่จะเหนื่อยหน่อยเพราะออกไปทางเอาไว้เที่ยว เป็นเชิงเเบบค่ำไหนนอนนั่น อยู่ที่ไหนได้ที่นั่นออกไปทางเเนวนั้น ไม่รู้ท่านเสกมาได้อย่างไรเหมือนกัน ใช้กับผู้หญิงทั่วๆไปแบบคนรักเที่ยวรักสนุก

    ส่วนเรื่องความร่ำรวย ที่เห็นเด่นชัดเงินเข้าไม่มีไหลออกก็จะเป็น
    1. พระนารายณ์บรรทมเกษียรสมุทร มองทีไรก็งามทุกทีองค์นี้
    2. มหาราชธนบดี(เศรษฐีนั่งบัลลังค์)
    ทั้งสองนี้เเม้องค์ใดองค์หนึ่งโปรดเราก็ถือว่าสุดยอดเเล้ว ท่านใช้เคล็ดวิชาทำของช่วยคนจริงๆ มองเเล้วก็งามดีทั้งคู่ อยู่ที่ใครจะโฉลกกับเทพทางฝ่ายพุทธหรือพราหมณ์ ท่านบอกว่าเทพเจ้านี่จะไวเเละช่วยเหลือได้เเรงกว่าพระเพราะข้อห้ามเเละกฏจำกัดของท่านน้อย เเต่ให้จำไว้ ถ้าเป็นเรื่องผิดเรื่องทุจริตอย่าไปขอกับท่านเพราะเทพเขากลัวอบายภูมิ ยิ่งพระนารายณ์นี่ยิ่งห้ามเลย เหมือนเป็นเจ้าฟ้าอธิบดีใหญ่ฝ่ายปราบปราม ถ้าทำตัวเลวเอาเรื่องเลวๆไปขอไปเข้าหูท่านจะโดนดีเสียเอง ท้าวมหาราชธนบดีโลกบาลนี่ก็ไม่ได้วันดีคืนดีกระบองท่านจะวิ่งมาทุบกบาลเราเอง อยู่กับของสูงเหมือนดึงท่านมาอยู่ใกล้ๆทำดีอะไรไว้ผลดีได้เกินคาด นี่ถือว่าเป็นวิชาช่วยคนดีจริงๆนะ เพราะถ้าเราทำดีผลมันจะออกมาเยอะ เพราะท่านรู้ท่านเห็น ความดีนี่พ่ออาจารย์บอกว่ามันเหมือนกลิ่นหอม ฟุ้งไปทางไหนเทพยดาเขาก็ลงมาทางนั้น ยิ่งอยูใกล้ๆกันยิ่งอดทนไม่ได้เลยต้องช่วยกันยันตายกันไปข้าง น้ำใจของเขาประเสริฐ ไม่เหมือนมนุษย์เราต่อให้เพื่อนรักยังหักหลังกันได้ เเต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ไม่เคยหักหลังใคร

    อีกรายการหนึ่งที่อยากให้มีกันคือรูปเหมือนพ่ออาจารย์พล รายนี้ดูเงียบๆเหมือนคนมองข้ามหรือไม่ค่อยสนใจไม่รู้ เเต่เรารู้ว่าดีเเละเเรงนัก รูปเหมือนยกครู ครูยกครูในความเห็นผมมันเป็นอะไรที่สูงมาก พลาดเเล้วจะเสียใจบอกได้เเค่นี้ เวลาก่อนนอนผมจะเอารูปเหมือนครูมาวางทับไว้พวกวัตถุมงคลทั้งหลายที่ผมมี บางทีก็อธิษฐานถึงพ่ออาจารย์ขอให้ท่านช่วยเสกช่วยเติมให้หน่อย เหมือนชาร์ตเเบตความจริงท่านบอกว่าเต็มเเล้วไม่เสื่อมเเต่ใจคนเราก็โลภเนอะอยากได้เเบบเเรงๆ อาราธนาถึงท่านเอารูปท่านนี่เเหละขอให้ท่านเสกท่านคลุมเพิ่มเติมให้ บางทีเราก็เห็นเป็นเงาคนตัวใหญ่ๆอยู่ใกล้ๆเราก็มี ดูลักษณะก็รู้ว่าเป็นใครเพราะชินตา บางทีเพื่อนมาจอดรถรอ ถามว่าทำไมในห้องสว่างจังพาใครเข้ามารึเปล่า เราก็งง เพราะผมชอบความมืด ปิดไฟตลอดไฟในห้องจะไม่ค่อยเปิด ยิ่งวันที่มันทักนี่ไม่ได้เปิดไฟเลยบ้านเราเราชินถึงมืดเราก็มองเห็นเดินได้แต่ถ้าเป็นที่อื่นจะกลัวให้มืดไม่ได้ แล้วตอนสามทุ่มนี่ก็เเล้วใหญ่ คิดไปคิดมาคงเพราะอาราธนารูปเหมือนยกครูให้ช่วยเสกประสิทธิ์ประสาทของให้ เพราะบางครั้งเเม่ก็เห็นเเสงแปลกๆเหมือนกันออกมาจากรูปเหมือนของท่าน ผมจึงพอมั่นใจได้ว่ารูปเหมือนพ่ออาจารย์ไม่ใช่ของธรรมดาเป็นของทิพย์เเน่นอน

    ก็ถือว่าเเนะนำไว้เเบบรวมๆไม่อยากพิมพ์เยอะมากเพราะกระทู้เราเอง เราก็ยังทำบุญเช่าของท่านอยู่เหมือนพี่ๆน้องๆ บางอย่างปัจจัยไม่พอก็เลยไม่ได้ลอง พูดบอกได้เฉพาะของที่ลองเเล้วว่าดี ที่ไม่ได้ลองไม่ใช่ไม่ดีเเต่อาจงบไม่มีหรือยังไม่ถูกจริตเรามากกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2014
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,128
    ค่าพลัง:
    +16,533
    เวลาใช้จะทำน้ำมนต์ดื่มให้ภาวนาคู่กับพระสิทธัตถะโสฬสคาถา

    โอม พุทโธ นะโมพุทธายะ เชิญพุทธะเหยียบหัวช่วยตัวข้า
    เชิญพระธรรมคำสอนพระสัมมา เป็นดวงตาวิเศษเห็นเหตุไกล
    เชิญหมู่สงฆ์ฤทธาอารหันต์ ประทับสานเรือนร่างให้โรคหาย
    ขอถวายชีวิตพร้อมดวงใจ พาพระรัตนตรัยไปช่วยคน
    ข้าเข้าสมาธิบริสุทธิ์ ฤทธิ์พระพุทธสิงสถิตทุกขุมขน
    เชิญพระธรรมพร้อมสงฆ์องค์ ประทับดลจิตข้าให้ยาดี
    เชิญบิดรมารดาอันศักดิ์สิทธิ์ มาสถิตอยู่ช่วย ณ บัดนี้
    ให้โรคร้ายหายสิ้นทั้งอินทรีย์ พลีชีวีรับใช้ชาวประชา
    ขอเทวาอารักษ์ทั่วจักรวาล สุขสำราญรับบุญแห่งตัวข้า
    ขอมนุษย์ทุกชาติศาสนา พ้นโรคามีสุขทั่วทุกคน
    สัตว์มีจิตวิญญาณทุกชนิด จงเลิกคิดเบียดเบียนทุกแห่งหน
    อยู่ร่วมธรรมคำสอนพุทธมนต์ ประสบผลสำเร็จตามต้องการ
    ข้าทำบุญทุกอย่างที่ผ่านมา ให้เทวามนุษย์สัตว์ทุกสถาน
    ให้เปรตผียักษ์พรหมยมพบาล รับบุญทานศีลที่ข้าทำมา
    โอมพุทโธ โอมะ โอมนะโม พระพุทโธประทับนั่งในใจข้า
    ช่วยดับทุกข์ดับโศกโรคโรคา ดับกิเลสบูชาพระพุทโธ
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,128
    ค่าพลัง:
    +16,533
    โอวาสตอนเช้าๆ

    เหตุการณ์บ้านเมืองทุกวันนี้ ต้องการการปรองดองเเละสามัคคีของคนในชาติอย่างยิ่ง พ่ออาจารย์ท่านรู้ท่านเห็นอะไรเยอะมากเเละก็พูดเรื่องความรักใคร่ปรองดองมานานเเล้ว ถ้าอ่านกระทู้ผมเสมอๆน่าจะจำได้

    ความสามัคคีของคนในชาตินั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ดูพุทธประวัติสิ ราชาลิจฉวีกับวัสสการพราหมณ์เป็นอย่างไรนี่ก้มีตัวอย่างให้เห็นโทนโท่อยู่ กรุงศรีอยุธยาเพราะเหตุใดถึงกรุงเเตกนี่ก็ไม่ไกลตัวเราเลย เพราะเหตุนี้เราจึงสร้างของมงคลเน้นหนักเรื่องเมตตาเป็นพิเศษ

    พ่ออาจารย์ท่านว่าตอนนี้มันหมดสมัยไปเสียเเล้วจะไปทำของคงกระพันอะไรขึ้นมานอกจากคนจะนำไปใช้จริงๆเขาเอากัน สมัยนี้ไม่ใช่สมัยที่มีชุมเสือออกปล้นเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนเเต่ไหน ท่านว่าที่สำคัญเเละเหมาะกับคนยุคสมัยนี้จริงๆก็คือของเมตตาเอาไปใช้เสริมสร้างบุคลิกตัวเอง ด้านเสน่ห์นี่ก็เอาไว้ให้เขาได้มีคู่ครอง อีกอย่างก็เรื่องทำมาหากินอันนี้ขาดไม่ได้เศรษฐกิจไม่ต้องไปดูเเต่ไหน เอาเเค่ในบ้านของเราดูกันเองก็รู้ว่ามันดีหรือเเย่ลงซักเท่าไร รู้อยู่เเก่ใจกันทั้งนั้น

    ครูบาอาจารย์เเต่เก่าก่อนคิดค้นศาสตร์ทางด้านโชคลาภขึ้นมาส่วนใหญ่กว่า70เปอร์เซ็นต์ของวิชาจะเน้นไปที่เรื่องค้าขาย ก็เเล้วสมัยนี้อาชีพมันมีได้เเต่พ่อค้าเเม่ค้าเเต่ไหน ไม่เหมือนสมัยโบราณ เพราะฉะนั้นการทำของการใช้วิชาบางอย่างต้องร้อนให้เทพเขามานิมิตร เพราะว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป เดี๋ยวคนเขาเอาไปไม่เกิดผลจะโทษเสียเปล่าๆ ไม่ใช่วิชาไม่ดีหรอกเเต่คนใช้เอาไปใช้คนละเรื่องกับวิชาที่เสกต่างหาก สิ่งนี้ก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ค่าเงินมันยังเปลี่ยนไปเเล้วอะไรจะไม่เปลี่ยน ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีวิวัฒนาการอยู่ในตัวเองหยุดอยู่กับที่ไม่ได้หรอก

    ท่านกล่าวว่า ต่อไปจะเกิดสิ่งที่เราคาดไม่ถึงกันอีกมาก กำลังของพระรัตนตรัยเเละเทพยดาเหล่านี้จะช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้ที่ศรัทธาได้ ช่วยไม่ให้เราไหลไปตามกระเเสกรรมของสังคมในระดับหนึ่ง ปกปักรักษาพวกเราไว้ให้คงอยู่ให้ลืมตาอ้าปากกันได้ในวันที่คนอื่นเขาต่ำลง

    ศรัทธาเครื่องตั้งมั่นของพวกเราทุกคนนั้น การศรัทธาควรจะใช้ปัญญาเป็นเครื่องประกอบการพิจารณาด้วย ไม่ใช่คนตื่นข่าวตื่นเรื่อง ฟังอะไรก็คิดพิจารณาให้เเยบคาย หมั่นเป็นคนใช้ความคิดให้มากๆ ตริตรองให้เป็นนิสัย ได้ยินอะไรก็ให้คิดไปเลย มองเเยกเเยะออกมาว่าเรื่องนี้มีประโยชน์กับเราอย่างไรมีโทษกับเราเเค่ไหนสมควรทำหรือไม่เเบบนี้

    เมื่อเราฝึกคิดประจำจนเป็นนิสัยกอปรไปกับมีสติรู้จักศรัทธาสิ่งที่ควรศรัทธาไหว้สิ่งที่ควรไหว้พิจารณารู้เห็นได้ด้วยตัวเองเเล้ว เราก็จะดำเนินชีวิตต่อไปได้แบบไม่เดือดร้อนใครเขา

    ภพภูมิของโลกมนุษย์นี้มันไม่เหมือนที่อื่นนะ มันทับซ้อนเชื่อมต่อกับภพต่างๆภูมิต่างๆมากมาย ที่รู้ก็รู้ไปที่ไม่รู้ก็ยังมีอีกไม่ใช่ว่ามันหมดเพียงเเค่นั้นอย่าไปสำคัญมันผิด สิ่งที่พระพุทธเจ้าบอกกล่าวนั้นก็เพียงเเค่ใบไม้ในกำมือไม่ใช่ใบไม้ทั้งต้น พระองค์บอกให้เหมาะสมกับระดับสติปัญญาของมนุษย์ที่จะรับรู้ได้ ไม่ใช่ว่าเรื่องที่พระองค์ไม่บอกจะไม่มีอยู่

    การสำรวมระมัดระวังตัวนี่เเหละดีที่สุด อยู่ที่ไหนก็ให้มีกิริยาอ่อนน้อมนุ่มนวล เราไม่รุ้ไม่เห็นกันว่าเราเดินไปเหยียบที่ของใคร เอาเเค่บ้านเราอยู่รวมกับใครบ้างเราเห็นกันเเล้วรึเปล่า ภพซ้อนภูมิ ภูมิซ้อนภูมิ มิติซ้อนในมิติ สิ่งเหล่านี้มันเกินการคิดอ่านของพวกเธอทั้งนั้น เทพยดาที่ว่าอยู่เเสนไกลอาจจะใกล้เเค่เอื้อมถึงก็ได้ เพราะไม่รู้จึงได้ไม่สำรวมตน เเล้วจะมาบ่นว่าทำไมชีวิตไม่ดีเหมือนคนอื่น ทำไมนั่นนี่ก็ไม่ได้ สำรวจตนเองเเล้วรึยัง

    เราย้ำเสมอ เพราะคนเรานี่เเหละวันๆนึงไปทำอะไรมาบ้างมันไม่ซ้ำกันซักคนหรอก สิ่งที่เราบอกมันก็ง่ายเเสนง่าย เเค่ศีล5ท่องไว้ในใจเเล้วทำให้ได้พลาดก็เริ่มต้นเสียใหม่ไม่ได้ยากอะไร ตื่นขึ้นมากราบหมอนไหว้พระไป อรหังสัมมา.. ก่อนนอนก็ไหว้พระแผ่เมตตา ทำให้มันเป็นนิสัย รู้จักให้ทานเจอขอทานก็ให้ ถ้านั่งรถเจอคนยืนนี่ไม่ต้องรอให้ใครบอก บุรุษชาติอาชาไนยนั่งมองเขาอยู่ได้นี่ไม่อายตัวเองรึเปล่าที่เสียสละก็ควรเสียสละที่เผื่อแผ่ได้ก็ควรเผื่อแผ่ไม่ได้ยากเเละหนักเกินไปสำหรับร่างกายเรา ทำกันไว้เถอะสังคมมันจะได้น่าอยู่ขึ้น เเละคนที่เขาเห็นต่อให้เขาไม่เห็น ไอ้ที่ๆเรายืนอยู่ทุกที่นั่นเเหละ บอกได้เลยว่ามีสิ่งที่เขาเห็นเราอยู่ ไม่ต้องกลัวใครเขาไม่เห็น ประชากรเขาก็เยอะไม่ต่างจากเราหรอก อยากได้ดีก็ทำดีเสีย ความดีมันไม่ใช่ยาขม มันเหมือนขนมหวานนะ

    เราคิดว่าเราทำดีนี้ยากมั๊ย เขาบอกกันว่าอันความดีคนดีทำง่าย คนเลวทำยาก อันความชั่วคนชั่วทำง่าย คนดีทำยาก สำรวจตัวเองสิว่าเวลาทำดีมันยากหรือง่าย ตัวเราเองดีหรือชั่ว

    คนเราเกิดมาอย่างน้อยควรภูมิใจในตัวเองนะ จะยากดีมีจนต่ำสูงซักเพียงไหน อย่างน้อยก็ยังเป็นมนุษย์ เธอรู้มั๊ยว่าการเกิดมาเป็นมนุษย์ยากเพียงใด ขนาดพระโพธิสัตว์ยังมีกี่ร้อยชาติที่เป็นเดรัจฉาน จะเอาอะไรกับคนธรรมดาเเบบพวกเรา จะทำอะไรก็รีบทำรีบขวนขวายเอาไว้ก่อนที่ชาติหน้าจะไม่ได้เกิดมาเเม้จะเป็นเพียงมนุษย์

    ลูกผู้ชายนี่เราถือว่าเป็นลูกลมลูกพระอาทิตย์นะ ไม่กลัวเเดดกลัวฝนต้องรู้จักยืนหยัดให้มั่นคงเเม้ในวันที่มีพายุถาโถมเข้าใส่จิตใจตัวเอง เกิดมาเป็นผู้ชายควรจะบวชเสียซักครั้ง ให้พ่อให้เเม่เราได้เห็นชายผ้าเหลือง ถ้าท่านไม่อยู่เเล้วจุดธูปบอกท่านนึกถึงท่านก็ยังได้ ให้คุ้มกับที่เกิดมาเป็นชาย ได้มีกุศลติดตัวสืบไปเบื้องหน้า

    คนเราสมัยนี้กลัวเเต่ทำดีเเล้วจะไม่ได้ดี เวลาเราทำดีนั้นใจเราเป็นสุขมั๊ย จะต้องรอผลดีอะไรในเมือทำเเล้วใจเป็นสุขได้เสวยสวรรค์ชั่วขณะจิต คิดเเค่นี้มันก็เป็นสุขเเล้ว เเบบนี้จะต้องลังเลอะไร คนที่ไม่กล้าเเม้เเต่ก้าวขาออกไป เป็นคนลังเลคิดมาก คนเช่นนี้ประสบผลสำเร็จยิ่งใหญ่ได้ยาก จะดีกว่าใครเขาได้ ในเมื่อตนเองเอาเเต่คิดเเล้วไม่ลงมือกระทำ

    ไม่ต้องรอฤกษ์ยามอะไรจากใครหรอกนะ ถ้าจะทำ ก็เริ่มซะเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2014
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,128
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ก้อปประสบการณ์สมาชิกมาลงไว้

    --------------------------------------------------------------------------------

    สวัสดีครับ วันนี้เห็นเงียบ ๆ ก็มีเรื่องมาเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์จากตะกรุดสวรรค์หลงมาเล่าสู่กันฟังครับ

    จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรมากครับ แต่ผมถือว่าเป็นประสบการณ์ เรื่องมันก็มีอยู่ว่า...

    วันนั้น หลังจากได้ตะกรุดมาแล้ว ผมก็อาราธนาติดตัวเลย (ได้มาใหม่ กำลังเห่อเลยครับ ) แล้ววันนั้นผมก็ได้ไปนั่งที่ร้านกาแฟกับเพื่อน ๆ น้อง ๆ ซึ่งในกลุ่มมีทั้งหญิงและชาย

    สักพักมี นศ.แพทย์ฝึกงานกลุ่มเล็ก ๆ มานั่งกินกาแฟที่ร้านนั้นเหมือนกัน ผมเองก็นั่งคุยกับเพื่อน ๆ ไปเรื่อย ๆ แล้วก็รู้สึกว่ามีคนมอง ก็เลยหันไปทางทิศที่รู้สึกว่ามีคนมอง ก็จ๊ะเอ๋ครับ นศ.สาว มองมาที่ผมยิ้ม ๆ ผมยิ้มให้ เธอก็ทำเป็นเขินหลบตาไป สักพักก็เธอทำแบบแอบ ๆ ชำเลืองดูอีก ผมเองก็ตะลึง นี่หรืออานุภาพของตะกรุดอาจารย์ ที่คิดเช่นนั้นก็เพราะ วันนั้นพกไปแค่ตะกรุดคู่ชีพ ตะกรุดสวรรค์หลง และพระเนื้อขาวพิมพ์เศียรโต เท่านั้นเอง แล้วก็ตัวผมเองนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะหน้าตาดี อ้วน ล่ำ อายุมากกว่าเธอเยอะอีกต่างหาก ไม่น่าจะเป็นที่น่าสนใจของคุณน้องเธอได้อย่างแน่นอน ก็คิดว่าอาจจะบังเอิญ หรือว่าเค้าอาจจะอัธยาศัยดี ก็เลยยิ้มให้

    สักพักพอน้องเค้าลุกไปเข้าห้องน้ำ เพื่อนเค้าที่นั่งอยู่ด้วย ก็มองมาที่ผมบ้าง คนนี้นั่งจ้อง เหมือนจะจับสังเกตอะไร (ผมเองมานั่งคิดทีหลังว่า หรือว่าน้องเค้าจะลองให้เพื่อนลองสังเกตดูหรือเปล่า ว่าถ้าเธอไม่อยู่ ผมจะเป็นยังไง 555 อันนี้ผมคิดเองนะครับ เพราะว่าวันนั้นในกลุ่มน้อง ๆ ผู้หญิงที่มากับผมนั่งขนาบผมซ้ายขวาเลยทีเดียว โต๊ะมันเล็กน่ะครับ แต่อยากนั่งรวมกัน :p) จนน้องเค้ากลับมาที่โต๊ะ เพื่อนเค้าถึงได้เลิกมองครับ แต่น้องคนนี้ก็มีแบบเดี๋ยวแอบมองมาบ้าง คุยกับเพื่อนบ้าง

    แต่ผมเองก็ไม่ได้สานต่อนะครับ พอสักพักได้เวลากลุ่มน้องเค้ากินเสร็จ ก็แยกย้ายครับ

    อันนี้ผมเชื่อตามที่ท่านอาจารย์ว่าไว้ว่า พกตะกรุดไว้กับตัวเฉย ๆ เดี๋ยวคนที่เหมาะสมกับเราจะเข้ามาเอง ครูบาอาจารย์และเทวดาประจำตะกรุดจะช่วยเปิดโอกาสให้เราพบเจอคนที่เสมอกันหรือดีกว่า

    แต่ข้อที่ต้องทำตามสำหรับตะกรุดนี้ก็คือ ต้องมีศีล ๕ นี่แหละ ทำให้ต้องพิจารณาเยอะหน่อย

    และเคสนี้ผมไม่ได้สานต่อเอง ก็เลยไม่มีขั้นต่อไป แล้วหลังจากนั้นก็ยังไม่มีมาที่ชัด ๆ มาอีกเลย สงสัยเทวดาท่านจะโกรธที่ท่านหาให้แล้วไม่ยอมสานต่อหรือไม่ก็ยังไม่มีคนที่ผมเหมาะกับเขาครับ แหะ แหะ

    เพื่อน ๆ สมาชิกท่านใด มีประสบการณ์กับวัตถุมงคลของท่านอาจารย์พล ก็มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ ผมเองกว่าจะพิมพ์มาให้เพื่อน ๆ สมาชิกอ่านได้เนี่ยก็เล็งอยู่นานเหมือนกัน เดี๋ยวเพื่อนสมาชิกจะว่าเอาได้ว่า อะไรว้า แค่นี้ก็เอามาเล่าซะละ ก็ถือว่าฟังนิทานก็แล้วกันนะครับ

    Posted : 20 Jul 2014
    Share
    Share this post on Digg
    Del.icio.us
    Technorati
    Twitter
    | Like
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,128
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ของเสน่ห์แบบเย็นๆ

    จะพิมพ์อยู่หลายครั้ง เห็นท่านพูดบ่อยๆ

    พ่ออาจารย์ได้ฝากมาบอกลูกๆหลานๆพี่ๆน้องๆทุกท่านไว้ ว่าของเสน่ห์ของท่านนี้ไม่ใช่ของที่พกไว้เพื่อเร่งกำหนัดให้เเก่ตัวเองเหมือนที่อื่น ไม่ใช่พกเพื่อให้จิตใจร้อนเร่า ต้องออกไปนั่นมานี่ไปตระเวณหาจนได้ ท่านว่ามันเป็นของเก่าของเราด้วย ของที่เราทำนี้ ไม่ใช่แบบนั้นเลย ไม่ใช่ของต่ำ ถึงเเม้บางอย่างรูปลักษณ์มันจะลงไปหน่อยเเต่ก็เป็นเพียงสายวิชาเพราะสุดท้ายมันก็ต้องจบที่คนเสก

    เราบอกว่าของที่เราทำนี้เป็นของเย็น ถ้าเธอร้อนก็เหมือนเจอน้ำดับไฟดีๆนี่เอง ในบางครั้งมันเย็นไปถึงขั้วหัวใจทีเดียวนะเธอเอ๋ย ไม่ต้องกลัวว่าถ้าเราเป็นคนเย็นอยู่เเล้วจะใช้ได้หรือ สิ่งที่เสกสำเร็จนั้นเขามีตัวรู้มีชีวิต เขาจะปรับธาตุขันธ์ให้เข้ากับผู้ใช้เองนั่นเเหละ ไม่ต้องกังวลอะไรไป

    ท้ายที่สุดวัตถุมงคลมันก็อยู่ที่ตัวคนใช้ด้วย ว่าเขาเชื่อถือเราเพียงใด เขาอยู่ในกรอบในคุณธรรมหรือเปล่า ถ้าเหนือหัวเขามีพระรัตนตรัยเคารพดูแลบิดามารดา ได้ชื่อว่าประพฤติตนดีแบบนี้เขาถึงจะถือของเราขึ้น ครูบาอาจารย์เราสอนมาเเบบนี้ ศีล5การให้ทานการภาวนาเหล่านี้เราเน้นย้ำให้รู้จักทำควบไปด้วย เหมือนเป็นอะไรที่ดูยุ่งยาก จะเช่าของเราเราให้ถือศีลให้ทานรู้จักภาวนาด้วย เราไม่เคยให้ใครเอาของเราไปใช้เฉยๆนะ เพราะเราอยากให้เขาขัดเกลาตัวเองมากกว่า เหตุผลทั้งหลายก็เคยพูดๆบอกๆกันไปแล้ว ว่าเพราะอะไร ทำตามที่เราเเนะนำ เเล้วพุทธคณตามคาถาตามธาตุตามวิชาต่างๆที่เราเสกมันก็จะปรากฏออกมาเอง ไม่ต้องไปดิ้นรนเเสวงหาอะไร ทำตัวเราให้ดีก่อน ไม่ใช่ตัวเองยังไม่ดี สุดท้ายได้สมความปรารถนาเเล้ว สิ่งนั้นก็ไม่อยู่จีรังกับเรานานนักหรอก จะพาลให้ตัวเองเสียใจซะเปล่าๆ ทำตัวเองให้ดีพร้อมกับสิ่งที่จะได้รับเพื่อความมั่นคงแบบนี้ดีกว่า ที่นั่งพล่ามนั่งบ่นนี้ถ้าคิดว่าเกินเลยมากไป ก็ขอให้รู้ให้เข้าใจไว้ว่า เราไม่ต้องการเห็นอนาคตใครไปสู่ที่มืดที่ต่ำ ของเช่าเราก็ทำให้ เราให้ไปพร้อมกับให้คุณธรรม คุณธรรมที่เราให้ไปนี้มันทำให้เธอทั้งหลายใช้ของเสน่ห์เเล้วไม่ไปสู่อบายภูมินะ ลองคิดตริตรองกันให้ดี
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,128
    ค่าพลัง:
    +16,533
    พระสีวลี พระมหากัจจายนะเเละพระควัมปติ

    พอดีมีโอกาสสนทนากับพ่ออาจารย์พล ก็เลยจะนำมาเล่าเป็นวิทยาทานกัน

    หากยังจำกันได้ เคยบอกไปแต่ต้นว่าพ่ออาจารย์ท่านปรารถนาอยากทำพระมหากัจจายนะซักครั้งเเต่ก็ไม่เห็นท่านทำมาซักที ท่านเคยหลุดพูดออกมาว่า พระมหากัจจายนะของเราถ้าเราทำขึ้นเราจะทำให้ดีไม่เหมือนที่อื่นเลย

    มันติดใจของเรา ก็เลยถามลึกๆชวนท่านนั่งคุยว่าอย่างไร เราตั้งโจทย์ให้ท่านว่าพระสีวลี พระมหากัจจายนะกับพระควัมปตินี่เห็นคนเขานิยมบูชาด้านโชคลาภกัน ทั้งสามองค์นี้ต่างกันอย่างไร

    พ่ออาจารย์ท่านไล่เรียงเหตุการณ์ให้ฟังว่า ทั้งสามท่านนี้ล้วนเเต่เป็นมหาสาวกของพระพุทธเจ้าด้วยกันทั้งนั้น หากเเต่พระสีวลีกับพระมหากัจจายนะนั้น ท่านดำรงค์ตำแหน่งเอตทัคคะเฉพาะทางด้วย ต่างกับพระควัมปติซึ่งไม่ได้จัดอยู่ในเอตทัคคะเนื่องจากอดีตชาติของท่านไม่ได้ตั้งความปรารถนาไว้เช่นพระสีวลีกับพระมหากัจจายนะ

    ทั้งสามท่านนี้เป็นพระอรหันต์ผู้บริสุทธิ์หมดจดเเล้วเช่นเดียวกัน อย่าสำคัญผิดว่าพระควัมปติจะน้อยกว่าหรือจะไม่ดีเพราะไม่ได้เป็นเอตทัคคะ อันนี้ไม่ใช่เลย ด้วยอำนาจแห่งฉฬภิญญาอรหันตานุภาพของพุทธชิโนรสนั้นแทบจะไม่มีความเเตกต่างกันเลย หากเเต่ว่าท่านใดประสงค์จะเเสดงฤทธิ์ให้ปรากฏหรือไม่ก็เท่านั้นเอง

    ไหนๆก็กล่าวถึงท่านเเล้ว ก็ขอยกมาพูดเป็นองค์แรกเลยเเล้วกัน พระควัมปตินี้เธอจงจำใส่ใจไว้ว่าเป็นคนละองค์กันกับพระมหากัจจายนะเถระ ท่านเป็นพระอรหันต์ชุดแรกๆของพระพุทธเจ้าของเราเลยนะ ที่พระองค์ท่านทรงส่งออกไปจาริกเผยแพร่พระศาสนา จัดได้ว่าท่านเป็นมหาสาวกชั้นผู้ใหญ่องค์หนึ่งทีเดียว

    มีอยู่ครั้งหนึ่งพระควัมปตินี้ได้อยู่จำพรรษากับสมเด็จพระผู้มีพระภาคผู้ตถาคต พร้อมภิกษุอื่นๆ เป็นธรรมดาที่พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ใดภิกษุทั้งหลายก็จะมาเเวดล้อมจำพรรษารวมกันมาก เพราะมามากนี่เเหละในครั้งนั้นทำให้เสนาสนะไม่พอก็เลยต้องไปจำวัตรกันตามหาดทรายริมฝั่งเเม่น้ำสรภู

    กาลเบื้องหน้านั้นชื่อของพระควัมปติเถระจะปรากฏ จึงบันดาลให้เวลาเที่ยงคืนเกิดฝนตกน้ำหลากจนเอ่อล้นเเม่น้ำสรภูเข้าท่วมพระภิกษุได้รับความเดือดร้อนกันจำนวนมาก ในกาลนั้นพระผู้มีพระภาคท่านทราบเรื่อง พระองค์ได้โปรดให้พระควัมปติใช้ฤทธิ์ของท่านกั้นสายน้ำแม่น้ำสรภูที่กำลังหลากท่วมอยู่เอาไว้ เพื่อช่วยเหลือพระภิกษุทั้งหลายที่กำลังเดือดร้อน

    พระควัมปติเจ้าท่านรับพุทธบัญชาเเละออกไปใช้กำลังฤทธิ์เเห่งพระผู้อรหันต์ของท่านกั้นสายน้ำเเม่น้ำสรภูไว้ทั้งหมดไม่ให้เอ่อล้นเข้าท่วมพระเถระทั้งหลายได้ ต่อมา เมื่อท่านพระควัมปติกำลังนั่งเเสดงธรรมโปรดเหล่าเทพยดาทั้งหลายอยู่นั้น พระผู้มีพระภาคทรงปรารถนาจะให้เกียรติยศปรากฏไปในเบื้องหน้า จึงได้ตรัสสรรเสริญท่านให้รับทราบโดยทั่วกันว่า เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย พากันนอบน้อมพระควัมปติ ผู้ห้ามแม่น้ำสรภูให้หยุดไหลได้ด้วยฤทธิ์ ไม่ติดอยู่ในกิเลสและตัณหาไรๆ ไม่หวั่นไหวต่ออะไรทั้งสิ้น เป็นผู้ผ่านพ้นเครื่องข้องทั้งปวง เป็นมหามุนี เป็นผู้ถึงฝั่งแห่งภพ ดังนี้

    มาถึงพระสีวลีนั้น ผมเชื่อสนิทใจในองค์ท่านเนื่องจากมีประสบการณ์ตรงที่เรียกว่าใช้เปลี่ยนชีวิตตัวเองในช่วงเวลาหนึ่งกับพรของท่าน เเต่ก็ขอข้ามไปก่อน

    มาต่อกันด้วยคำอธิบายของพ่ออาจารย์กันดีกว่า พระสีวลีนี้เป็นเอตทัคคะของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นเลิศในทางมีลาภผลมาก เป็นหนึ่งในพระอสีติมหาสาวกทั้ง80รูปเช่นพระมหากัจจายนะเเละพระควัมปติ เรื่องนี้พวกเราก็รู้กันดีอยู่เเล้ว

    เมื่อพระสีวลีโปรดผู้ใดเช่นนางสุภาวดีเเบบนั้น ท่านก็จะให้พร พรของท่านส่งผลยิ่งใหญ่ถึงทุกวันนี้ นางสุภาวดีกลายเป็นเเม่นางกวักที่พวกเธอมีบูชากันทุกบ้านขนาดนั้น

    ก็เเน่นอนว่าหากกล่าวถึงพระสีวลีเเล้ว พวกเธอจะตระหนักถึงเรื่องลาภผลเงินทองกันเป็นอย่างมาก เเต่เหนืออื่นใดนั้น สิ่งที่มีอยู่ในองค์ท่านก็คือกระเเสแห่งความรักความเมตตาอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ใช่เเม้เเต่มนุษย์ เหล่าเทวดาทั้งหลายเองก็ยังรักใคร่ปรารถนาที่จะฟังธรรมจากท่าน ปรารถนาที่จะคอยช่วยเหลือท่าน

    เหนืออื่นใดนั้น แม้เเต่ทางไสยศาสตร์เอง มนต์พระสีวลีนี้พวกเธอรู้หรือไม่ว่าเเค่คำว่านะชาลิติ เอามาเสกสีผึ้ง ก็สามารถทำให้อยู่คงอาวุธปืนไม่สามารถยิงออกได้ แบบนี้ไงที่ครูบาอาจารย์เขาเรียกว่าใช้ได้ร้อยแปดพันประการมิได้จำกัดว่าเป็นเอกด้านใดเเล้วด้านอื่นจะใช้ไม่ได้ อันนี้เข้าใจผิด

    ทำไมเราจึงนิยมบูชาพระสีวลีกัน เพราะว่านอกจากความมีลาภมากของท่านเเล้ว ลาภที่ท่านมียังเผื่อแผ่ไปถึงผู้อื่นได้เสมอกันด้วย กล่าวง่ายๆก็คือกลุ่มคณะใดที่มีพระสีวลีอยู่ด้วย ย่อมเจริญด้วยลาถเป็นเอนกอนันต์ประการเสมอกันหมด

    ต่อจากนี้ก็จะมาถึงเรื่องพระมหากัจจายนะ นี่เลยสำคัญ พระมหาเถระองค์นี้เป็นผู้มีรูปงามละม้ายคล้ายกับพระพุทธเจ้ามาก พระมหากัจจายนะเถระนี้ไม่ใช่ผู้มีรูปอ้วนท้วมตามที่เราเห็นกันนะ ท่านงามมากไม่ต่างจากพระผู้มีพระภาคเลย เวลาท่านไปไหนเเม้เเต่มนุษย์เทวดาหรือในกลุ่มพระภิกษุก็จะพากันเข้าใจผิดว่าเป็นพระผู้มีพระภาคเจ้าเเบบนั้น

    หลังจากนั้นท่านพิจารณาเห็นโทษตัวเอง ใครเขาจะคิดอย่างไรถ้ายังให้คนอื่นต้อนรับกราบไหว้ตนในฐานะพระพุทธเจ้าจริงหรือไม่ ท่านจึงเนรมิตรรูปกายของท่านให้อ้วนท้วมลงพุงเเบบที่เราเห็นกันหวังจะให้เเตกต่างกับพระผู้มีพระภาคเเละคนเขาเลิกเข้าใจผิด การณ์มันก็สมจริงดังเจตนาท่าน คนเลิกเข้าใจผิดกันจริง เเต่รูปลักษณ์เนรมิตรที่ท่านใช้ตลอดนี้กลับเป็นที่พิศมัยในหมู่มนุษย์เเละทวยเทพเสียยิ่งกว่าเก่า พูดง่ายๆคือความนิยมไม่ได้เสื่อมลงเลย

    พระมหากัจจายนะนี้เป็นบุรุษผู้มีรูปงามมาก งามขนาดไหนเธอคิดดูว่าขนาดผู้ชายเห็นยังมีความคิดอุตริส่งผลให้ชายผู้นั้นกลายเพศเป็นสตรีไป ภายหลังได้มาขอขมาท่านจึงหลุดพ้นจากเหตุการณ์วิปริตทั้งหลาย เห็นมั๊ยว่าท่านเป็นที่รักของเทพยดาปานใด ใครคิดไม่ดีกับท่านมีอันเป็นไปต่างๆนานาไปหมด

    การบูชาพระมหากัจจายนะนี้ สำหรับเราท่านให้คุณใหญ่อยู่สามสถาน กล่าวได้ว่าสิ่งเเรก ก็คือความหลักเเหลมเเละมีสติปัญญาลึกล้ำ นี่สำคัญนะเธอจำไว้เลยอยากให้ลูกหลานฉลาดนี่อย่าลืมพระสังกัจจายน์เด็ดขาด ความคิดอ่านพิจารณาท่านเเยบคายคมคายนักถึงขนาดจดจำพระธรรมของพระพุทธเจ้าได้นำมาย่อมาขยายความในรูปแบบของท่านเองได้ทำให้ผู้ที่ไม่ทันได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า พอมาเจอพระมหากัจจายนะ ท่านยกเรื่องเดิมที่พระพุทธเจ้าสอนมาสอนโดยกลวิธีของท่านบุคคลเหล่านั้นก็เข้าใจได้สำเร็จธรรมได้ไม่ต่างกัน เรื่องนี้เเม้เเต่พระผู้มีพระภาคเจ้ายังยกย่องท่านเลย ที่โบราณจารย์กล่าวว่ามีปัญญาดั่งพระพุทธโฆษาจารย์นั้น ก็ยังเทียบมิได้เลยกับปัญญาของพระมหากัจจายนะ

    ที่เราบอกว่าสามสถานนั้น ประการที่สองเลยก็คือนอกจากจะฉลาดเฉียบแหลมหาผู้เสมอเหมือนมิได้มีความจำเป็นเลิศเเล้ว ยังเป็นผู้อุดมด้วยลาภสักการะไม่ต่างจากพระสีวลีเลยเเต่อย่างใด เพราะท่านเป็นที่รักของมนุษย์เเละเทพยดาเสมอกัน สาเหตุที่ท่านอุดมด้วยลาภสักการะมากถึงขนาดที่เเม้เเต่พระผู้มีพระภาคเจ้ายังให้ความสำคัญกับท่านก็เพราะมาจากเหตุปัจจัยในอดีตนั่นเอง ทำให้เเม้เเต่ตัวท่านเองก็สงสัย จึงลองยกมือขึ้นปิดตาอธิษฐานระลึกชาติจนทราบความเป็นไปเเละที่มาแห่งการมีลาภสักการะมากนั้น

    นี่สำคัญเลย คนมักเข้าใจผิดมีปากก็พูดกันไปเรื่อย พระปิดตาที่เราห้อยคอกันนั้นคือพระมหากัจจายนะนั่นเอง เหตุเพราะเดิมก่อนที่ท่านจะเนรมิตรพระรูปของตัวเองนั้นท่านมีความงดงามคล้ายคลึงกับพระพุทธเจ้าคนเลยเรียกท่านว่าพระภควัมปติ จำไว้นะเเค่อักษรตัวเดียวพระภควัมปติไม่ใช่พระควัมปตินี่คนละองค์กันเลย พระภควัมปตินี่เป็นอีกชื่อหนึ่งของพระมหากัจจายนะที่พระเถระเเต่โบราณท่านจับเคล็ดจับทางมาสร้างกันเพราะเชื่อว่าใครได้บูชาจะเป็นผู้อุดมลาภมีทรัพย์สินมิขาด

    ประการที่สามนั้น ก็คือเสน่ห์เมตตามหานิยมในตัวท่านเอง เอาง่ายๆก่อนบวชสตรีที่ไหนเห็นใครเห็นก็อยากได้ท่านไว้เป็นคู่ครอง ขนาดปลงผมเเล้วผู้ชายเองยังมีจิตลามกคิดอยากได้ท่านเป็นภรรยาก็เเล้วกัน ท่านงามขนาดนั้นขนาดที่เทพยดาผู้สูงส่งมีรูปกายงามเกินกว่ามนุษย์แบบจินตนาการไม่ถึงยังยอมรับในความงามของท่าน

    นี่เองที่โบราณจารย์ท่านถือเคล็ดมาสร้างพระปิดตา เพราะสมัยก่อนนั้นไม่ได้เลอะเทอะเหมือนสมัยนี้ที่ต้องมาใช้ไอ้งั่งอีเป๋อ พระปิดตานี่เเหละเป็นยอดของเสน่ห์เลย ไม่รู้คนเรามองข้ามไปได้อย่างไร อาจจะเพราะไม่รู้ถึงความงามของพระมหากัจจายนะท่าน เห็นเเต่ภาพพุงพลุ้ยกันจนชินตา ภาพที่อ้วนเเบบนั้นนั่นเป็นเเค่ภาพนิรมิตรกายของท่านเท่านั้นนะไม่ใช่ร่างจริงเเต่อย่างใด รุ่นพ่อแม่ปู่ย่าของเรานี้จะออกไปเกี้ยวสาว เขาไม่มานั่งมัวพะวงหาพระขุนแผนที่ไหนหรอก เขาใช้กันเเต่พระปิดตา เเต่อะไรๆของโลกมันก็มาเปลี่ยนยุคสมัยไปหมด อาจจะเพราะเป็นรูปพระมันไม่โดนใจวัยรุ่นกันเหมือนทำเป็นรูปขุนเเผนถือดาบขี่ม้ามีผู้หญิงนัวเนียเเบบนั้น ว่าก็ว่าเถอะสมัยพระสุรินทร์เจ้าเมืองกาญจน์ท่านมีชีวิตอยู่ท่านยังต้องไปเกี้ยวสตรีเลยถึงจะได้มาเป็นภรรยาเเต่กับพระมหากัจจายนะนี่สมัยท่านเป็นฆราวาสยังเป็นพราหมณ์ เอาเเค่สตรีเห็นท่านก็อยากวิ่งเข้าใส่เเล้ว มันต่างกันขนาดนั้น คนเราก็เลยพลาดเพราะชอบประเมินอะไรจากรูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้ใช้สมองใคร่ครวญเเละพิจารณาเเม้เเต่น้อย

    เเต่พระปิดตานี่เเหละก็อีกเรื่องนึงเพราะการเสกมันอยู่ที่คนเสกนะ จะไปทางเมตตาก็ไป ค้าขายก็ไป มหาอุตม์ก็ไป ไม่ค่อยพบเลยที่จะเสกได้ครบทั้งสามอย่างตามลักษณะอุปนิสัยของพระมหากัจจายนะท่าน พระปิดตาจริงๆผู้บูชาจะเป็นผู้ที่มีเสน่ห์มากมีคนเมตตาโดยทั่ว ลาภสักการะไม่ขาดมือมีโชคลาภวาสนาสูงส่ง เเละยังเป็นผู้มีสติรู้จักคิด ความคิดจะปลอดโปร่งรู้เเจ้งเเทงตลอดเเบบนั้นเพราะพระจะทำให้จิตใจเราผ่องใสไม่ขุ่นมัว

    หากถามเราว่าพระสีวลี พระมหากัจจายนะเเละพระควัมปติ ถ้าเอาเรื่องลาภผลเลย เราให้พระสีวลีก่อนเพราะพระพุทธเจ้าท่านยกย่องไว้ทางนี้โดยเฉพาะเเต่ลึกๆจริงๆเเล้วทั้งพระสีวลีเเละพระมหากัจจายนะนั้นไม่ต่างกันหรอก พระควัมปตินี่ไม่ใช่ เพราะท่านไม่ได้มีลักษณะเฉพาะทางด้านนี้ อุปนิสัยท่านจะเหมาะเเก่การเล่นฤทธิ์เสียมากกว่า คิดดูสิ น้ำบ่าน้ำหลากเเรงขนาดไหนคนมีฤทธิ์ธรรมดาที่ไหนจะไปหยุดเเม่น้ำสรภูให้สงบนิ่งได้ คนจำชื่อกันสับสนกับชื่อพระมหากัจจายนะที่ว่าพระภควัมปติก็เท่านั้น

    * อันนี้เเถม
    ให้เรากล่าวถึง พระสีวลี พระมหากัจจายนะเเล้ว ก็อดพูดถึงพระอนุรุทธเถระไม่ได้องค์นี้สำคัญ นอกจากเป็นเลิศทางทิพยจักษุญาณ มีอุปนิสัยเข้าญาณตลอดทั้งวันทั้งคืนเเล้ว ยังเป็นพระเอตทัคคะของพระพุทธเจ้าเเละยังนับรวมไปถึงเป็นอสีติมหาสาวกด้วย

    นอกจากความเป็นเลิศทางทิพยจักษุญาณที่เข้าออกทั้งวันจนชำนาญเเล้ว ชำนาญขนาดที่ตอนพระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน ท่านเข้าญาณตามดูได้ ว่าตอนนี้ถึงอารมณ์ไหนนิพพานหรือยังหยุดที่ตรงไหน ท่านไวมากและชำนาญขนาดนั้นก็เเล้วกัน

    สิ่งที่เราไม่รู้กันอีก ก็คือท่านเป็นเลิศทางด้านลาภสักการะด้วยเช่นกัน เพราะท่านคือพระ ผู้ไม่รู้จักคำว่าไม่มี ท่านไม่เข้าใจเลยนะคำนี้ ว่าคำว่าไม่มีคืออะไร มีความหมายว่าอะไร ไปพูดคำว่าไม่มีกับท่านนี่ท่านไม่รู้เรื่อง เพราะชีวิตท่านเปี่ยมไปด้วยบุญฤทธิ์ ทุกสิ่งที่ท่านประสงค์เเละต้องการ ถึงจะไม่มีอยู่ในโลก ก็ร้อนให้เทวดาต้องนิมิตรให้โดยฉับพลันทันที ขนาดท่านเสวยขนมจนหมด เเม่ท่านเอาถาดเปล่าครอบไปมอบให้ท่านบอกว่านี่คือขนมไม่มี เทวดาก็มาเนรมิตรไว้เต็มถาด พอเปิดออกดูขนมเต็มไปหมดเลิศรสจนท่านตัดพ้อแม่ท่านว่าทำไมไม่เคยส่งขนมไม่มีมาให้ลูกกินเเบบนั้น หลังจากนั้นเวลาท่านโปรดจะเสวยขนม พระมารดาก็จะเอาถาดเปล่าครอบออกไปทุกครั้ง เป็นหน้าที่ของเหล่าเทพยดาต้องมาตามเนรมิตรให้ท่านเสมอๆไม่รู้จักขาด

    นี่เห็นมั๊ยบุญฤทธิ์ของท่านมากขนาดนี้ ใครที่ถือพระอนุรุทธท่านเป็นครู ใช้วิชาของพระอนุรุทธท่าน ห้ามพูดเด็ดขาดเลยคำว่าไม่มีไม่ได้ ให้ถือเป็นสัจจะคำตายห้ามพูดออกจากปากเลย เเล้วชีวิตผู้นั้นก็จะมีจะได้ไม่ต่างจากเจ้าอนุรุทธะศากยะวงศ์สมัยก่อนบวชเเบบนั้น ไม่ใช่ได้เเค่ลาภสักการะนะ เเต่ได้ในทุกสิ่งทุกเรื่องเพราะคำว่าไม่มีเราไม่รู้จักมัน ไม่เข้าใจมันว่าคืออะไร เเต่วิชาพวกนี้ก็สูญหาย คนที่ทำได้จริงๆก็น้อยเต็มที จะเหลือก็เเต่คาถาเอาไว้สวดไว้ท่องไม่ได้ทำให้สัมฤทธิ์ผลได้เต็มที่อะไร เป็นที่น่าเสียดายที่ลูกหลานสมัยนี้หลงลืมกันไปหมด มองข้ามกันไปสิ้น หาของร่ำรวยก็หานางกวัก หาเสน่ห์ชู้สาวก็ไปที่ขุนเเผน ลืมความตั้งใจของบูรพาจารย์ตั้งเเต่รุ่นปู่รุ่นทวดกันเสียหมด เเล้วเเบบนี้จะมาคร่ำครวญว่าใช้ไม่ได้ผลได้อย่างไร จริงมั๊ย

    ขนาดเราให้เจ้าไปถามเขาบอกว่าใครจะบูชาอะไรก็ให้เเจ้งมา ไม่มีใครที่จะกล่าวถึงพระมหาเถระทั้งสามรูปคือพระสีวลี พระอนุรุทธ เเละพระมหากัจจายนะเลยเสียซักคน ทั้งๆที่วิชาการทำพระรูปการลงพระมหากัจจายนะเราชำนาญมากเทพยดาท่านให้นิรมิตรเห็นรูปท่านสมัยยังเป็นกัจจายนะพราหมณ์เอาไว้ เพราะคนเราชอบคิดว่าท่านนิพพานไปแล้วก็จบกัน คุณแห่งอสีติมหาสาวกคุณเเห่งพระบริสุทธิสงฆ์พระรัตนตรัยนั้น คุณเหล่านี้หายได้ด้วยหรือจบได้หรือไม่ เราย้ำเสมอว่าคุณเหล่านี้มีอยู่ในโลกเเละยังดำรงค์อยู่ อยู่ที่ใครจะเข้าไปให้ถึงเเละดึงมาใช้ได้เท่าไหร่ เเต่ก็ไม่มีใครนึกถึงเสียเลย เพราะเขาคิดว่าคุณเหล่านี้ คงหายไปพร้อมกับการนิพพานที่ไม่มีวันกลับของพระมหาเถระเหล่านั้นเเล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...