เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ

ก็เมื่ออีหนู ขอพระเมตตาให้แก่ตนเองแล้ว
ก็ขอพระเมตตาให้แก่ผู้คนทั้งหลาย
ที่นำแผ่น นพเก้า-นพรัตน์ ไปเป็นสมบัติของตนด้วยความไง่เขลา ตามแต่จะมีพระเมตตาด้วยเถิด

 

ไปในเสมาแห่งการปกครอง แล้ว เริ่มฝึกพลังกับเสมา ใหม่ทั้งหมด ขออำนาจเสมา(และองค์ปฐม)ชำระล้าง ดวงมณีทั้งหมดในกายให้สะอาดและบริสุทธิ์

(สีที่ถูกต้องของ สุริยะกาญจน์ คือ เฉิดฉันท์สุกสว่างดังดวงอาทิตย์ที่มีประกายและรัศมีสีทอง)

 

เริ่มเห็นแล้วค่ะ ตอนแปะภาพเมื่อกี้(เทาหยก) เสร็จ ก็เห็นสีใหม่แล้วค่ะ แต่ไปทำอย่างหมอว่ามาดีกว่า

 

นิทานพลังอธิษฐานของกะทิ ตอน อดีต(ชาติ)ของมนุษย์ ผลในปัจจุบันค่ะ (ตอนต่อ)


บางครั้งคำสัญญาของคนๆ หนึ่ง ในอดีตชาติ อาจมีผลต่ออีกคนในปัจจุบันชาติด้วย อย่างคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งที่มาหาหมอสุวิ


วันนั้นไปบ้านหมอสุวิ กะทิเธอเข้าห้องน้ำเสร็จก็ออกมานั่งพักให้หายเหนื่อยจากการเดินทาง แต่ก็ได้รับคำถามในทันที

“ชีวิตคู่ของสองคนนี้เป็นไงบ้าง?” หมอสุวิถาม ทำเอากะทิเงิบไปเลย อะไรกันเนี่ย มาถึงก็ถามคำถามอะไรเช่นนี้


เอาวะ ผู้ใหญ่ถามมาเราก็ต้องตอบ กะทิก็เลยมองไปที่ระหว่างคนสองคนค่ะ นี่เรียกว่าเป็นครั้งแรกเลยที่จะต้องโฟกัสอะไรมากกว่าคน 1 คน ขึ้นไปแบบนี้


กะทิมองไปก็เห็นกลุ่มควันของความขุ่นมัวอยู่นะคะ แต่ไม่ได้มากอะไร กะทิจึงตอบว่า เป็นเรื่องปรกติของคู่ชีวิตที่ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง เป็นธรรมดาปรกติของชีวิตคู่ทั่วไปหนิค่ะ


สองสามีภรรยาฟังแล้วก็ชื่นโล่ง(เห็นว่าแอบถอนใจกันอะนะคะ) แต่หมอสุวิยังไม่หยุด พูดยิงเข้าประเด็น “แล้วมีอะไรอยู่ระหว่างกลางของคนทั้งสองนี้ไหม? ดูที่เตียงของเขาสิ”


กะทิก็เลยมองไปที่ระหว่างเขาทั้งสองคนนะคะ แล้วก็คิดไปถึงเตียงของเขาทั้งสองคน พอเห็นภาพแล้ว ก็เริ่มจะเห็นอะบางอย่างม้วนๆ ผลุดอยู่ที่เตียงค่ะ “ผู้หญิงรึคะ? ร้องไห้ใหญ่เลย”


“นั่นแหละๆ ทำให้ผู้หญิงคนนี้ (หมายถึงภรรยาที่มากับผู้ชายด้วยกัน) เขานอนบนเตียงไม่ได้” หมอสุวิก็ขยายความให้กะทิฟังหนะคะ ว่าฝ่ายผู้ชายไปสัญยิงสัญญาจะรักผู้หญิงที่อยู่บนเตียงนั้นตลอดไป ไม่มีคนอื่น


กะทิก็พยายามมองผู้หญิงที่อยู่บนเตียงนะคะ ในความคิดของกะทิเธอดูเป็นคนดีนะคะ แล้วพูดออกมาว่า “เพราะรัก” แล้วก็พูดต่อไปอีกประมาณว่า “คุณก็ต้องบอกเขานะ ว่าบุญกรรมในเรื่องของเวลามันไม่เท่ากัน คุณพี่ผู้ชายมาเกิดแล้ว แต่พี่ผู้หญิงบนเตียงยังไม่ถึงเวลาเกิด ทำให้เป็นแบบนี้”


พี่ผู้หญิงที่มากับพี่ผู้ชายฟังไปกก็เกิดอาการแบบมีส่วนร่วมไปค่ะ พยักหน้าฟังมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ แล้วพอกะทิพูดมาถึงตรงนี้ เธอก็แสดงท่าทางต่างๆ บอกว่า นอนไม่ได้ นอนแล้วหายใจไม่สะดวก ฯลฯ


“เขาสองคนเลยต้องแยกกันนอน ถ้าเปลี่ยนเตียงใหม่เขาก็ตามมาอีก เพราะผูกติดกับผู้ชายไว้” หมอก็อธิบาย


“คุณพี่ผู้ชายคงต้องบอกกล่าวผู้หญิงที่อยู่บนเตียงให้เข้าใจ ขอโทษ และพูดถึงเหตุผลที่เราตามเกิดไม่ทันกัน ส่วนพี่ผู้หญิงก็ต้องคุยกับพี่คนนั้นว่า ยินดีจะดูแลพี่ผู้ชายให้อย่างดีในระหว่างที่พี่ผู้หญิง(ที่อยู่บนเตียง) ยังเกิดไม่ทันกันเช่นนี้ ขอโอกาสได้ดูแลพี่ผู้ชายอย่างดี ไรๆ ก็ว่าไป จนกว่าเขาจะยอม”


กะทิเขียนเรื่องนี้เล่าให้ฟังก็เพราะจะชี้ให้เห็นถึงผลของการสัญญาว่าจะครองคู่กับใครอย่างไร จนตราบฟ้าดินสาย เหมือนนิยายวรรณกรรมขวัญกับเรียม บางคู่รักกันมากมาย แต่ผลกรรมกลับแสดงผลให้ได้ในสิ่งที่คุณอาจคิดไม่ถึง เช่น หากว่าคู่ของคุณเกิดทันกัน บางทีก็เกิดมาเป็นพี่น้องกันเอง เป็นฝาแฝดกันเอง(ไม่ใช่ว่าจะเป็นทุกแฝดนะคะ แค่ยกตัวอย่างค่ะ) ไม่ได้เกิดมาแล้วสามารถอยู่กินกันฉันท์คู่ได้


บางคนในชาติก่อนเป็นชาย ชาติต่อมาเพราะผลกรรมส่งให้เกิดมาเป็นเพศหญิง แล้วทั้งคู่ก็สนิทกันมาก (เอาเรื่องใกล้ตัวของตัวเองมาใส่ไว้สักหน่อย) โดยที่หญิงทั้งสองก็ไม่ทราบว่าเคยเป็นคู่กัน หรือเคยมีใจต่อกัน (ไม่ได้หมายถึงทอมกับดี้นะคะ แต่หมายถึงผู้หญิงกับผู้หญิงแบบธรรมดาสามัญ ที่มีจิตใจดีต่อกันเป็นพิเศาค่ะ ไม่ได้มีเรื่องอย่างว่านะคะ เป็นจิตบริสุทธิ์ใจ อันนี้เท่าที่เคยพบ มีอยู่หลายคู่เลยอะ) หรือฝ่ายชายเคยจีบฝ่ายหญิงถึงขั้นละเมอเพ้อหา แล้วมาเกิดใหม่ ความรู้สึกที่ฝังลึก จึงยังคงตามมาแสดงผล เป็นต้น


กะทิเขียนเล่าไว้ก็เพื่อชี้ให้เห็นภัยของการกล่าวคำสัญญาที่เราๆ ท่านๆ อาจไม่รู้ตัวว่ามันมีผลอย่างไร คือถึงขนาดทำให้บางคนในชาติต่อๆ มาไม่มีคู่ เพราะว่าเกิดเป็นเพศเดียวกัน หรือเป็นพี่น้องกันนั่นเอง


ดังนี้มีวิธีปรับแก้อยู่นะคะ การกล่าวขอถอนคำพูดสัญญาสาบานหนะค่ะ จุดธูป 16 ดอก ถอนคำอธิษฐานค่ะ มีพิธีอยู่นะคะ



/ ยังมีต่อ



ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจาก การเขียนข้อความให้ความรู้ ในการช่วยให้บุคคลผู้อ่านข้อความที่ข้าพเจ้าเขียนไว้นี้ทั้งหลาย ได้มีความรู้เพิ่มเติมเสริมตัว หรือมีพัฒนาการในการฝึกปฏิบัติสมาธิสมถะกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ในพระพุทธศาสนา ที่ดีขึ้นไม่ว่าด้วยประการใดประการหนึ่ง ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญนี้สรรเสริญและบูชาแด่องค์พระปฐมในพระพุทธศาสนา แด่พระพุทธเจ้า 28 พระองค์ในพระพุทธศาสนา และแด่พระธรรมในพระพุทธศาสนาทุกๆ พระองค์ในทุกๆ จักรวาล และขอบุญที่ข้าพเจ้าได้น้อมถวายนี้ จงเป็นพลังบุญส่งเสริมให้ข้าพเจ้ามีความสุขความเจริญในชีวิต อันประกอบด้วย กายธาตุ ทั้งกายหยาบและกายละเอียด มโนธาตุ กายทิพย์ และดวงจิต และขอบุญนี้จงคุ้มครองป้องกันข้าพเจ้าให้ปลอดภัยจากการเบียดเบียนจากมนุษย์ และอมนุษย์ทั้งปวง ตลอดสิ้นกาลนานเทอญ ฯลฯ

 

วันนี้โิอนเงินเข้ากองทุนไถ่ชีวิตสัตว์ 200 บาท ครับ

 

เรียนทุกท่านเพื่อทราบ
หมอสุวิ ได้เปิดบัญชีบุญ ขึ้นสามบัญชี

๑. บัญชี กองทุนยาและบูชาครู เงินจากบัญชีนี้ ส่วนหนึ่งจะนำไปใช้ในเรื่องแจกยา และการบุญทั้งปวงเช่น
การก่อสร้าง/บูรณะ โบสถ์วิหาร พระพุทธรูป ห้องน้ำห้องส้วม ค่าไฟฟ้า เลี้ยงพระ ถวายภัตราหาร สังฆทาน ฯลฯ ตามแต่หมอสุวิจะเห็นสมควร
อีกส่วนหนึ่งจะเป็นเงินที่หล่องเลี้ยงกายสังขารของหมอสุวิเอง

บัญชี กองทุนยาและบูชาครู หมอสุวิ
ธ.ไทยพานิชย์ สาขาย่อย พันทิพย์พลาซ่า งามวงศ์วาน
บช.ออมทรัพย์ เลขที่ 388-2-18293-7
ชื่อ นาย วินันท์ วงศ์เอนกอนันต์


๒. บัญชี เพื่อสร้างพระประธาน วัดป่ากังวาลไพร ชัยภูมิ (เงินที่ได้รับจะเป็นไปเพื่อสร้างพระ ตามวัดที่ระบุเพียงอย่างเดียว)

บัญชีเพื่อ ร่วมสร้างพระประธาน วัดป่ากังวาลไพร จ.ชัยภูมิ
ธนาคารกรุงเทพฯ สาขาแฟชั่น ไอส์แลนด์
เลขที่บัญชี 865-0-39663-6
นาง พัชรินทร์ วงศ์เอนกอนันต์

๓. บัญชี กองทุนไถ่ชีวิตสัตว์ (เงินที่ท่านให้มา จะเป็นไปเพื่อการไถ่ชีวิตสัตว์ ใหญ่เล็กทั้งปวง

บัญชีเพื่อ กองทุนไถ่ชีวิตสัตว์
ธนาคาร ไทยพาณิชย์ สาขาโฮมเวร์ค ราชพฤกษ์
บช.ออมทรัพย์ เลขที่ 405-567090-1
ชื่อบัญชี นาง พัชรินทร์ วงค์เอนกอนันต์"


เพียงไม่กี่วันที่หมอสุวิ ประกาศตั้งกองทุนไถ่ชีวิตสัตว์ ก็มีผู้ร่วมบุญมากมาย ทำให้ยอดเงินที่เช็คครั้งสุดท้ายเมื่อเย็นวันพฤหัส สูงเกือบ สองหมื่นบาท
ดังนั้น จึงตั้งใจไว้ว่า วันอาทิตย์นี้(๙ พ.ย.๕๗) จะไปไถ่ชีวิตวัวสักตัวหนึ่ง ที่วัด บางบัวทอง
เขาตั้งราคาไว้ ลูกวัว ๕,๐๐๐.- ตัวย่อมหน่อย ก็ ๑๐,๐๐๐.- โตหน่อยก็ ๑๕,๐๐๐.-ไอ้ตัวยักษ์ๆนี่เขาตีราคาไว้ ๒๐,๐๐๐.-

ครั้งนี้ ว่าจะขอปล่อยไอ้ตัวยักษ์ใหญ่ให้ได้สักตัวหนึ่ง
ที่วัดนี้ หมอสุวิ มาไถ่ชีวิตสัตว์หลายครั้งแล้ว ก็ได้เพียงลูกวัวตัวหนึ่งบ้าง ได้ขาข้างหนึ่งบ้าง(ก็มีเงินไม่ครบตัวนิ)
ก็เพื่อต่อชีวิตบ้าง เพื่อเปิดทางการรักษาโรคบ้าง ไห้คนไข้ในเคสพิเศษ ที่กรรมตัดรอนจนหมดทางไป

 

มีบางท่านได้โอนเงินมาทำบุญร่วมกับหมอสุวิ โดยโอนเงินมาเพียงบัญชีเดียว
และขอให้หมอสุวิ กระจายเงินเป็น ๑.กองทุนยาฯ ๒.เป็นเงินสร้างพระ และ๓.เป็นเงิน ไถ่ชีวิตสัตว์

ในกรณีแบบนี้ ขอให้ โอนเงินมาใน "บัญชีกองทุนยาและบูชาครู" เท่านั้น
แล้วหมอสุวิและคุณพัชรินทร์ จะแยกเงินออกไปให้ ตามบัญชีที่ผู้บริจาคต้องการ

หากโอนเงินมาในบัญชีสร้างพระ หรือ ไถ่ชีวิตสัตว์ หมอจะไม่ดำเนินการแยกเงินไปทำบุญตามที่ท่านต้องการ

 

โอนเงินทำบุญ กองทุนยา 300 สร้างพระ 300
ไถ่ชีวิตสัตว์ 700 (กองนี้บอกบุญ จึงมีผู้มีจิตศรัทธาร่วมด้วย...ดีใจ)
ตั้งแต่รู้จักกระทู้นี้แหละ...จิตคิดแต่เรื่องบุญ แล้วเจอเรื่องดีและ

เรื่องเหลือเชื่อมากมาย....ขอบคุณค่ะ ท่านอาจารย์หมอสุวิ กะทิ
คุณดาวทะเลทราย...และทุกๆ คน

 

วันที่ 8 พ.ย.2557 ข้าพเจ้าได้โอนเงินจำนวน 320 บาท
เข้ากองทุนไถ่ชีวิตสัตว์
ธนาคาร ไทยพาณิชย์ สาขาโฮมเวร์ค ราชพฤกษ์
บช.ออมทรัพย์ เลขที่ 405-567090-1
ชื่อบัญชี นาง พัชรินทร์ วงค์เอนกอนันต์

 

มีแฟนคลับท่านหนึ่ง เขียนมาถามกะทิเธอหลังไมค์ดังนี้นะคะ


พอดีเห็นบทความนี้ในเวป เลยสงสัยและสนใจน่ะค่ะ
เขาบอกว่า เราสามารถค้นหาออร่าของเราได้โดยคำนวนจาก วดป.เกิด

ค้นหาแสงออร่า....ทำนายดวง

มันจริงมั้ยอะคะ หรือมีความเป็นไปได้มั้ย เห็นคุณเล่าเรื่องออร่าในกระทู้
เลยอยากถามผู้รู้น่ะค่ะ จะพิสูจน์เองก็ไม่มีปัญญา

ดิฉันเข้าใจว่า ออร่าในตัวคนน่าจะเป็นเปลี่ยนแปลงได้ตามภาวะจิต รึปล่าวคะ?


ตอบ นะคะ

คนเราจะมีออร่าแตกต่างกันไปตามอารมณ์ค่ะ เช่น อารมณ์สงบ อารมณ์โกรธ แสงสีในแต่ละช่วงเวบาจะแตกต่างกันไปนะคะ การใช้พื้นดวงเกิดแบบที่คุณว่ามา ก็มีความเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ดังที่บอกแล้วว่า มันมีอารมณ์ของช่วงขณะเข้ามาเกี่ยวข้อง


ยกตัวอย่างนะคะ คนเกิดวันที่ xx ตามพื้นดวงแล้วจะเป็นคนที่มีสมาธิตั้งมั่นได้ดี แต่เพราะเป็นมนุษย์ อามรณ์ต่างๆ ในแต่ละวันย่อมมีขึ้นลงไม่เท่ากัน แสงสีในแต่ละวันย่อมไม่เท่ากันด้วย


แต่ถ้าคนผู่นั้นฝึกสมาธิเป็นนิจ จะมีใจเยือกเย็นกว่าคนอื่นได้ง่าย ต่อให้มีความโกรธ ก็อาจโกรธปรี๊ดปรอทแตกได้ ดังธรรมดาของมนุษย์ทั่วไป แต่ทว่าคนกลุ่มนี้จะควบคุมอารมณ์ได้เร็วมากๆ ดังนั้นปรอทของพวกเขาแม้พุ่งทยานแตะจุดแตก แต่ก็จะกลับลงมารวมศูนย์แห่งความสงบได้อย่างรวดเร็ว เพราะพวกเขามักตามอารมร์ของตัวเองทัน ด้วยเพราะรู้ตัวทั่่วพร้อมอยู่ตลอดเวลานั้นเอง


ผิดกับผู้ที่ไม่มีสมาธิ เขาจะแตะที่ปรอทแตกและแทบจะอยู่กับอารมณ์นั้นทั้งวัน(มักลืมสภาวะปัจจุบันของตน) และอาจพาลไปชวนให้คนอื่นปรอทแตกตามไปด้วย

เหตุนี้ในแต่ละคนๆ หนึ่ง จึงมีแสงสีออร่ามากกว่า 1 สี และจะมีสีหนึ่งที่ชัด 1 สี หรือ เพียง 2-3 แม้เวลาถ่ายรูปด้วยกล้องจับออร่ามนุษย์ค่ะ


หากถามต่อไปว่า แล้วเช่นนี้การดูออร่ามนุษย์ด้วยตาใน มันมีประโยชน์อะไรรึ?

คำตอบคือ ในทิเบตจะมีการฝึกตาในเรืองออร่าแก่ผู้ที่ผู้ใหญ่มองเห็นว่ามีแวว และฝึกให้เก่ง ซึ่งวิธีของเขาค่อนข้างโหดอยู่นะคะ แต่ก็ได้อะนะ เท่าที่จำได้หนะค่ะ


เรื่องที่กะทิพอจำได้เล่าๆ มีอยู่ว่า ครั้งหนึ่งมีฑูตมาจากต่างแดน และเตรียมสัญญาการตกลงระหว่างประเทศเอาไว้ ระหว่างที่ฑูตทั้งหลายรออยู่ในห้อง จะได้รับการสังเกตโดยไม่รู้ตัวจากผู้อ่านออร่าผู้อื่นได้ ว่าฑูตเหล่านี้มีจิตใจเป็นเช่นไร


ปรากฏว่าในคราวนั้น สีของออร่าฑูตที่มาติดต่อ เป็นสีที่ไม่น่าดู เหตุเพราะในใจรู้ดีอยู่ว่า สัญญาที่นำมาตกลงกันนั้นเคลือบไปด้วยวัตถุประสงค์ที่ไม่ชอบมาพากล

ดังนั้น การพบปะและตกลงทำสัญญาในครั้งนั้น จึงไม่ได้มีการลงนามค่ะ นี่คือประโยชน์ของการมองเห็นแสงออร่าของคนประการหนึ่งในหลายๆ ประการนะคะ

 

1. ร่วมทำบุญบัญชีกองทุนยาและบูชาครู หมอสุวิ
ธ.ไทยพานิชย์ สาขาย่อย พันทิพย์พลาซ่า งามวงศ์วาน
บช.ออมทรัพย์ เลขที่ 388-2-18293-7
ชื่อ นาย วินันท์ วงศ์เอนกอนันต์
จำนวน 300 บาทถ้วน
10/11/57 10:57:14


2. ร่วมทำบุญบัญชีเพื่อร่วมสร้างพระประธาน วัดป่ากังวาลไพร จ.ชัยภูมิ
ธนาคารกรุงเทพฯ สาขาแฟชั่น ไอส์แลนด์
เลขที่บัญชี 865-0-39663-6
นาง พัชรินทร์ วงศ์เอนกอนันต์
จำนวน 200 บาทถ้วน
10/11/57

อนุโมทนา สาธุ

 

เมื่อวันอาทิตย์ ได้ไปทำบุญไถ่ชีวิตวัว มาเรียบร้อยแล้ว ทำบุญไถ่ชีวิตสัตว์ ร่วมไปกับสังฆทานเลยเป็นเงิน ๒๐,๐๐๐.- ที่วัดบางบัวทอง
งานนี้มีคุณ นามจงกล(วรรณนันท์) มาร่วมพิธีด้วย
ตอนแรก ก็ว่า จะเอาไอ้เจ้ายักษ์ใหญ่ ๑ ตัว แต่ไปๆมาๆ ก็ ได้ ไอ้ตัวย่อม ๒ ตัว แถมลูกในท้องอีก ๑ (ไอ้ตัวสีดำ ที่เห็น นะมันมีท้อง)
เอ เข้าท่ากว่านิ
และมีเงินจากกองทุนยาและบูชาครูถวายพระไปอีก ๒ รูปแเป็นเงิน ๖๐๐.-
พระพุทธรูป ที่เห็น เป็นพระประธานประจำพระวิหารที่เราทำพิธีกัน ท่านมีนามว่า หลวงพ่อ พุทธโรรัตนะ
ท่านศักสิทธิ์มาก ผู้ที่ทำบุญแล้วขออะไรมักได้สมปรารถนา (ก็เทพประจำองค์พระเป็นพระอริยะเจ้าแล้ว และยังถืออำนาจของ มณีจินดา อยู่ในมือด้วย)

ดูตามรูปนะ

 

ได้โอนเงินร่วมทำบุญ เข้าบัญชีกองทุนไถ่ชีวิตสัตว์ จำนวน ๒๐๐ บาทค่ะ
เมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๖.๑๒ น.

 

โมทนาบุญกับอาจารย์สุวิและทุกๆท่านด้วยค่ะ สาธุ

 

ทุกคนที่สละทรัพย์ เข้าร่วมในกองทุนต่างๆของหมอสุวิ ก็ด้วยปรารถนาบุญ เพื่อระงับหรือบันเทาโทษภัยต่างๆที่กำลังประสพอยู่
และสามารถอธิษฐานบุญให้มีทางออกที่ดี อยู่เย็นเป็นสุขกันถ้วนหน้า

ดังนั้น เมื่อทำบุญแล้ว ทุกคนก็หวังในบุญทันที เพื่อการไถ่โทษ บันเทากรรม และขอหยุดวิบากกรรมแม้ชั่วขณะก็ยังดี
และทุกคนก็รอหมอสุวิมาอนุโมทนานำบุญบูชาพระ ฯลฯให้ เพื่อเพิ่งพลังบุญอันอาจต่อรองบันเทาทุกข์ได้

ดังนั้น หมอสุวิจึงอธิษฐาน สร้างเป็นมหาสมุทรแห่งบุญไว้ พร้อมบุญเต็มเปี่ยม ต่อเชื่อมเข้ากับ บุญอันมาจากกองทุนทั้งสามของหมอสุวิ
ใครก็ตามที่ได้ทำบุญในกองทุนทั้งสามแล้ว
บุญจากมหาสมุทรแห่งบุญจะต่อเชื่อมเป็นบุญของท่านตามส่วนที่ได้กระทำ(ซึ่งเป็นบุญที่ถูกเพิ่มพลังบุญจากบูชาพระแล้ว)
ท่านที่ทำบุญแล้ว สามารถอธิษฐานใช้บุญได้ทันทีตามส่วนที่ได้กระทำ (คือเบิกบุญไปใช้ก่อน แล้วหมอค่อยมาอธิษฐานเพิ่มพลังบุญแล้วส่งคืนสู่มหาสมุทรแห่งบุญภายหลัง

ในความเป็นจริง เมื่อท่านได้ตั้งจิตทำบุญ ปล่อยทรัพย์หลุดออกจากมือแล้ว ผลบุญก็ได้บังเกิดแก่ท่านสมบูรณ์แล้ว และมีปริมาณบุญ ตามที่ท่านได้กระทำ
ปริมาณบุญดังกล่าวหากได้นำบูชาพระอีกครั้ง ด้วยวิธีการที่เหมาะสม ปริาณบุญจะเพิ่มขึ้นอีกมาก
บางครั้งมากขึ้นพอเพียงกับการต่อรอง กับวิบากกรรมต่างๆได้ บางครั้งก็เพียงหยุดวิบากกรรมได้ชั่วครู่ ฯลฯ

ผู้ที่มาร่วมบุญกับหมอสุวิ ทุกท่านก็ปรารถนา ให้หมอสุวิช่วยต่อรองให้
แต่เมื่อมากๆรายเข้า หมอก็มึนนะ หมดปัญญา เป็นนายหน้าให้ได้
ก็เลยสร้างกองทุนให้ทำบุญ และสร้าง กองบุญให้ท่านเอาเครดิต มาเบิกบุญไปใช้กันก่อน
ก็เหมือนธนาคารแหละ เอาเครดิตบุญมาเบิกบุญที่เพิ่มพลังแล้ว ไปใช้ก่อน

 

วันนี้ผมและภรรยาร่วมทำบุญไถ่ชีวิตสัตว์ จำนวน 500 บาทเข้ากองทุนไถ่ชีวิตสัตว์เรียบร้อยแล้วครับ

 

วันนี้มีคนไข้คนหนึ่ง ภรรยาที่แสนดีของเขา พามาปรึกษาว่า
สุดที่รักของเธอ อยู่ดีๆก็ไม่อยากทำอะไร ให้อ่อนเพลี่ยหมดเรี่ยวหมดแรง นอนอย่างเดียว แล้วก็นอนไม่ค่อยหลับซะด้วย
ผ่านไปแค่เดือนกว่า น้ำหนักตัวลดเอาลดเอา เป็น สิบโล
ไปหาหมอแผนปัจจุบัน เขาตรวจแล้วก็บอกว่า เป็นไทรอยด์ นะ แบบมีพิษด้วย
แผนปัจจุบันก็จ่ายยารักษาไปตามอาการ ไม่สามารถบอกที่มาที่ไป และการรักษาที่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ได้

บิดาของเธอผู้นี้ รู้จัก อ.สามตา และรู้จักหมอสุวิมาแสนนาน และหลังจาก อ.จากไป เขาผู้นี้ก็มาพึ่งบริการจากหมอสุวิตลอด

หลังจากเธอมาปรึกษาหมอสุวิ
เมื่อตรวจอาการต่างๆแล้ว ก็พบว่า เหตที่ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติไปเกิดจาก พลังงานชีวิต ที่เดินหล่อเลี้ยงร่างกายโดนกดทับ ที่อก
ทำให้พลังชีวิต ที่มาหล่อเลี้ยงต่อมไร้ท่อต่างๆในร่างกาย ทำงานน้อยลง และค่อยๆเสื่อมสภาพลงไป

ที่อก ใต้กระดูกอก จะมีต่อมไร้ท่ออยูต่อมหนึ่ง ชื่อ ต่อมไทมัส ต่อมนี้ ตามแผนปัจจุบัน บอกว่าทำหน้าที่ สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายในตอนเป็นทารกจนโตเป็นเด็กๆ
และจะค่อยๆลดการทำงานลงเมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ระดับหนึ่ง(ไม่บอกอายุแน่นอน)

แต่ความเป็นจริงแล้ว ต่อมนี้จะทำงานตลอดชั่วชีวิตของเรา ต่อมนี้จะว่าเป็นจักระที่ ๔ ของกายมนุษย์ก็ได้
จะเป็นตัวควบคุมพลังชีวิต ให้ผ่านกระจายไปทั่วร่าง
เมื่อปราณ(พลังชีวิต)ที่อยู่ส่วนกลางของกาย ถูกกดทับด้วยพลังมหาศาล พลังชีวิต ก็ไม่สามารถ กระจายหล่อเลี้ยงไปทั่วร่างได้
อาการป่วย ก็จะค่อยๆปรากฏขึ้น ตั้งแต่เป็นภูมิแพ้(ต่อมหมวกไตเริ่มทำงานผิดปกติ)แบบหาสาเหตุไม่ได้ (จักระ ๒)
ตามด้วย ต่อมไร้ท่อที่ตับอ่อน ทำให้เกิดน้ำเหลืองเสีย เป็นต้นเหตุให้เกิดตุ่มหนองฝี(สิวเม็ดใหญ่)ตามร่างกาย(จักระ ๓)
ตามด้วย ต่อมไร้ท่อที่คอ (ไทรอยด์) ทำให้การเผาพลาญพลังงานผิดปกติ หัวใจเต้นเร็ว ฯลฯ (จักระ ๕)
และตามด้วย ความผิดปกติของ ต่อมไร้ท่อใต้สมอง ทำให้การควบคุมการทำงานของร่างกายระบบประสาทผิดปกตินอนไม่หลับ(จักระ ๖)

ตามที่อธิบาย การกดทับดังดล่าว เริ่มโดนกดที่จักร ๔ แล้วค่อยๆกระจายไปทั่วร่างกาย
แต่ความจริงแล้ว การกดทับดังกล่าว อาจเกิดที่จักรใหนก่อนก็ได้ แล้วสุดท้าย กันก็กระทบต่อเนื่องไปทั่วร่างกาย

การกดทับดังกล่าว ก็เกิดจากมีแหล่งที่สะสมพลังงานจำนวนมาก มาอยู่ในตัว
อาจจะเป็น จิตวิญญาน(ที่มาเบียดเบียน) อาคมคุณไสย์ พระเครื่อง ของขลัง ของศักสิทธิ์ ต่างๆฯลฯ ที่เราเอามาไว้ติดตัวแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งวันทั้งคืน

อย่างกรณีของชายผู้นี้ ที่หมอแผนปัจจุบัน บอกว่าเป็น ไทรอยด์
เขาเอาของขลังชิ้นหนึ่ง ห้อยแขวนติดตัว เสมอ ดังภาพ
ของขลังชิ้นนี้มี พลังสแตติก ๑๒๕ หน่วยอาชวิน และพลังไดนามิค ประมาณ ๒.๗ อสงไขย
ปกติคนทั่วไป จะทนกับพลัง สแตติกได้ในระดับ ๒๐-๒๘ หน่วยอาชวินเท่านั้น
ผู้ที่ฝึกพลังชนิดต่างๆ พวกนักรบโบราณ ก็จะทนพลังได้เพิ่มขึ้น ปกติก็อยูที่ ๓๐-๕๐ หน่วยอาชวิน
หากมากกว่านี้ ก็ต้องเป็นระดับขุนทัพใหญ่ผู้ผ่านการฝึกอย่างช่ำชอง
แต่ของขลังชิ้นนี้ มีพลังสแตติกถึง ๑๒๕ หน่วยอาชวิน ซึ่งเป็นของระดับจอมทัพ คนธรรมดา อย่าไปบังอาจเอามาติดตัว หากเอามาสวมใส่ ก็มีแต่เชิญโรคภัยวิ่งเข้ามาหา

แต่ เฮ้อ....
พวกที่หลงไหล ในของวิเศษ ของขลัง ที่พอรู้เรื่องต่างก็เพียรเสาะหา ของขลังที่แรงๆมาไว้กับตัว เพียงหวังการคุ้มครองที่สุดยอด
แต่ลืมนึกถึง ว่าตนเองมีแรงมีพลัง ไม่พอรองรับ ของขลังของวิเศษของศักสิทธิ์ชิ้นนั้น
เลยกลายป็น เสาะหาโรคภัยไข้เจ็บใส่ตัว

เมื่อเป็นโรคที่แสวงหาใส่ตัวดังกล่าว
ถ้ารู้ตัว ก็เอาเหตุแห่งพลังสูงๆเหล่านั้นออกไป อาการต่างก็จะดีขึ้นทันที
ถ้าเป็นของขลัง เราก็ถอดออกเองได้ แต่ถ้าเป็นอาคมคุณไสย์ หรือพวกภูติผี ก็ต้องหาผู้ช่วยเอาออกให้นิ
พวกนี้ถ้ามาอยู่ไม่นาน ร่างกายมนุษย์ไม่เสียหายมาก เมื่อนำเขาออกไป อาการป่วยต่างๆก็หายทันทีเหมือนโดยหยิบออก
แต่ถ้าเป็นนาน ร่างกายหยาบของมนุษย์ก็จะเสียหายมาก ตอนนี้ก็ต้องมียากินเพื่อซ่อมแซม ให้ร่างกายที่เสื่อมสภาพให้กลับฟื้นคืนสภาพแล้ว

 

อาจารย์หมอครับ ของขลังชิ้นนี้เป็นรูปอะไรครับ มองดูคล้าย ๆ รูปเสือ

 

กะทิถาม หมอสุวิ : กรณีของแขวน ของขลังเกินกำลังตัวเองก่อน
เมื่อถอดออกแล้ว ใช้ยันต์หลวงพ่อโอภาษี เปิดจักระ จะช่วยได้หรือไม่คะ?



หมอสุวิ ตอบ : สุดยอดเลยจ๊ะ ช่วยได้ดีมากเลย (ถ้าของเขาแรงมากๆก็เชิญหลวงพ่อ หลวงปูพระอาจารย์ด้วยนะ)


ปล. กะทิขอเสริม เพิ่มความเข้าใจนะคะ วิธีการเดินพลังเปิดจักระก็เหมือนกับการทำสมาธิทั่วไปค่ะ คือขณะนั่งก็กำหนดจิต(หรือจินตนาการไปที่จดต่างๆ ของร่างกาย) ตามจุดจักระ แล้วเคลื่อนไปตามจักระต่างๆ ทั้งเจ็ดจุด แล้วย้อนกลับมาที่จุดแรก แล้วเริ่มใหม่ (นิยมเริ่มที่จุดก้นก่อน)








หากคุณกำหนดเดินพลังจนจำได้ ก็สามารถทำได้แม้จะนั่งอยู่หรือนอนอยู่ก็ได้เหมือนกันนะคะ


และหากคุณๆ เชิญพลังยันต์พระคาถาของหลวงพ่อโอภาสีในพระพุทธศาสนาและพระอาจารย์ของท่านที่เป็นจริง มากำกับด้วย(แบบในกรณีคนไข้ผู้นี้ของหมอสุวิ) ก็จะช่วยได้ค่ะ ซึ่งเป็นไปตามเป้าประสงค์ของยันต์หลวงพ่อโอภาสีฯ ที่เขียนข้อความปริศนาไว้หลังยันต์กระดาษสีขาวค่ะ(สีขาวเหลือง ณ ชุดปัจจุบันที่กะทิเธอมีอยู่) ทั้งนี้ปริศนาข้างหลังยันต์หลวงพ่อ กะทิอ่านไปอ่านมาหลายครั้ง และเกิดความสงสัยเป็นกำลัง เลยสมาธิกราบถามท่านมาหนะค่ะ และได้ปรากฎภาพของการเปิดจุดจักระในสมาธิที่ได้กราบท่านหลวงพ่อและเห็นมา

(แต่คนไข้ผู้นี้ หมอรักษาอยู่แล้วนะคะ ผู้อ่านอ่านแล้วอาจกังวล เธอมีหมอสุวิดูแลแล้วหนะค่ะ โล่งใจ แต่กะทิพูดเผื่อสำหรับท่านอื่นๆ ที่ใส่พระเครื่องเกินกำลังตัวเองนะคะ)


อย่างที่กะทิเธอเคยเขียนเล่าไว้ให้ผู้อ่านฟังในกระทู้ก่อนหน้านี้แล้วว่า การใส่พระเครื่อง แม้เราจะรู้ว่าพระเครื่องนี้สุดยอดมากๆ และไปดั้นด้นหามาใส่ (รวมถึงผู้ที่แขวนพระเครื่องกับตัวเองจำนวนมากกว่า 1) และยังรวมถึงคุณพ่อคุณแม่ผู้หวังดีต่อลูกเล็กๆ หากตัวเองมีพระดี ก็อยากแขวนใส่ให้ลูก โดยไม่รู้กำลังของเด็ก


ผลออกมาก็อย่างที่หมอสุวิได้เขียนเล่านิทานเอาไว้นะคะ เด็กที่เกิดมาแข็งแรง ก็อาจป่วยอย่างไม่มีสาเหตุ ผู้ใหญ่ที่มีกำลังแข็งแรงดี อยู่ๆ วันดีคืนดี กำลังที่มีค่อยๆ อ่อนแรงลง เช่นนี้หนะค่ะ กำลังอายุไขถูกสั่นคลอนไป


ตอนกะทิอ่านที่หมอสุวิเขียนก็มองเห็นจุดบกพร่องและข้อดีนะคะ (กะทิเธอจะมองอะไรพยายามมองให้รอบด้านหนะค่ะ) จุดด้อยก็ยังมีซ่อนจุดดีเอาไว้ คือ น้ำหนักลด (ยอดปรารถนาของคุณผู้หญิง โดยเฉพาะผู้อายุมาก ระบบการเผาพลาญพลังงานไม่ดีเหมือนสมัยวัยรุ่น) อ่านถึงประโยคนั้นแล้วตาเธอแวววาวมาก แต่ไม่เอานะคะ ใครอยากป่วยล่ะเนอะ เขียนมาให้อ่านเล่นๆ เย็นๆ ใจนะคะ อย่าคิดมากนะคะ ท่านผู้อ่าน อิอิ



ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจาก การเขียนข้อความให้ความรู้ ในการช่วยให้บุคคลผู้อ่านข้อความที่ข้าพเจ้าเขียนไว้นี้ทั้งหลาย ได้มีความรู้เพิ่มเติมเสริมตัว หรือมีพัฒนาการในการฝึกปฏิบัติสมาธิสมถะกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ในพระพุทธศาสนา ที่ดีขึ้นไม่ว่าด้วยประการใดประการหนึ่ง ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญนี้สรรเสริญและบูชาแด่องค์พระปฐมในพระพุทธศาสนา แด่พระพุทธเจ้า 28 พระองค์ในพระพุทธศาสนา และแด่พระธรรมในพระพุทธศาสนาทุกๆ พระองค์ในทุกๆ จักรวาล และขอบุญที่ข้าพเจ้าได้น้อมถวายนี้ จงเป็นพลังบุญส่งเสริมให้ข้าพเจ้ามีความสุขความเจริญในชีวิต อันประกอบด้วย กายธาตุ ทั้งกายหยาบและกายละเอียด มโนธาตุ กายทิพย์ และดวงจิต และขอบุญนี้จงคุ้มครองป้องกันข้าพเจ้าให้ปลอดภัยจากการเบียดเบียนจากมนุษย์ และอมนุษย์ทั้งปวง ตลอดสิ้นกาลนานเทอญ ฯลฯ

 

ครับ เป็นรูปเสือ พลังที่ปรากฏ เหมือนและคล้ายของหลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย มาก
แต่เสือของหลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย จะเป็นเสือนั่ง ไม่เคยเห็น เป็นรูปเสือย่าง แบบที่ไอ้หนุ่มผู้นี้แขวน

ลองขยายภาพเสือย่างสามขุม ที่ไอ้หนุ่มู้นี้แขวนอยู่ดูแล้วเหมือน เสืออาคม หลวงพ่อหลำ วัดสามัคคีธรรม กรุงเทพฯมาก
แต่พลังไม่เหมือนและไม่คล้ายกันเลย(แค่ละม้ายนิดหน่อยเอง)
อีกอย่างระดับพลังห่างกันแยะทีเดียว

นี่มึนงงงงงงง มากๆนะ ใครรู้ช่วยบอกที

ภาพเสือสีทองที่เห็นเป็น เสืออาคม หลวงพ่อหลำ วัดสามัคคีธรรม กรุงเทพฯ