ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

(deejai)(deejai)(deejai)

ไปเที่ยวภูทับเบิกด้วยกันสิครับคุณ No.9
มีสมาชิกหลายท่านฝากชวนมาด้วยครับ

ทริปมาฆบูชา 21-23 กุมภาพันธ์ 2551

 

บางกรณี ผมตรวจสอบแล้ว อาจเป็น Illusion หรือไม่
ขออนุญาต นำภาพใน #1022 มาต่อเติมสภาพโดยรอบนะครับ
อาศัยว่าเป็นนักภาพถ่ายแผนที่อยู่ และได้เคยดูสถานที่จริงทั้งตอนค่ำและตอนสว่างมาแล้ว
จากภาพนี้ วัตถุอาจอยู่ในอากาศหรือบนพื้นดินหรือไม่ เพราะเรามองจากที่สูงบนเขาลูกเล็ก (ตามแผนที่ 1:50000 ระบุ "เขาดิน")

 

ไม่สดวกด้วยประการทั้งปวงจริงๆ ครับ แค่เอารูปสวยๆ มาฝากกันก็ชื่นใจแล้ว ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้าในการที่จะไปกราบพระ ทำบุญ และนำพระธาตุไปถวายวัดด้วย (แหม..ขนาดไปเที่ยวก็ยังจะเต็มไปด้วยบุญ ด้วยกุศลนะเนี่ย) ขอบคุณมากๆ ที่ชวนครับ

 

คุณ mead ไปได้ภาพน้องมิ้งค์ มาจากไหนคะเนี่ย !



ค่ะ เพราะความที่กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) และครอบครัว ชื่นสำนวน ได้มีความคุ้นเคยกันมานาน กับ คุณ mead และเพื่อน ๆ ของคุณ mead ที่ได้เดินทางไปมาหาสู่ เยี่ยมเยียน แลกเปลี่ยนข่าวสารกันมาตลอด ตั้งแต่คุณพ่อเชิด ยังอยู่ จนกระทั่งท่านเสียไปแล้ว นับเวลาก็มากกว่า 10 ปี ซึ่งแม้ทุกว้นนี้ เมื่อมีโอกาสคุณ mead และเพื่อน ๆ ก็ยังได้แวะมาเยี่ยมเยียนอย่างต่อเนื่องเสมอมา

เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นคุณ mead ก็ยังได้เห็นหลาน ๆ เป็นเด็กเล็ก ๆ กันอยู่ ซึ่งเวลาผ่านไป 10 ปี เด็ก ๆ ก็โตกันหมดแล้ว และพี่สุดใจก็แก่ไป 10 ปีแล้วเช่นกัน ซึ่งคงต้องมีเด็กรุ่นใหม่ที่จะได้มารับช่วงงานนี้ต่อไป และน้องมิ้งค์ก็เป็นลูกสาวของคุณเจริญ - กับคุณสมจิตร ซึ่งคุณสมจิตรเป็นผู้รับผิดชอบแผนกพื้นที่ด้วย ก็คงเป็นเด็กรุ่นต่อไปของเขากะลาละค่ะ

ไปได้ข่าวประกวดนางนพมาศมาจากไหนคะนี่ ! อุตส่าห์ไม่บอกใครแล้วเชียว.

ไหน ๆ ก็ทราบแล้ว ก็เลยเอาภาพมาให้ชมด้วยละกัน พอดีสมาชิกของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ได้เดินทางไปประชุมกันที่นครสวรรค์ จึงมีโอกาสไปร่วมชมการประกวดด้วยในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2550 (ภาพไม่ค่อยชัด เนื่องจากใช้กล้องจากโทรศัพท์มือถือบันทึกภาพค่ะ)

 

ขอบคุณค่ะ ที่กรุณาให้คำแนะนำ และกรุณาทำแผนที่เทียบเคียงมาให้วิเคราะห์กัน
<O</O
<O</O
เรื่องทั้งหลายที่เกิดขึ้นที่เขากะลา พี่สุดใจได้เคยกล่าวไว้แล้วว่า ขอให้ใช้การพิจารณาไตร่ตรอง จะเชื่อ หรือไม่เชื่อนั้น มันมิใช่ประเด็นสำคัญสำหรับทางกลุ่มประสานงานฯ เพราะเรามิได้มุ่งหมายที่จะให้ทุกคนเชื่อ มิได้มุ่งหมายจะให้ทุกคนเห็นด้วยกับสิ่งที่นำเสนอ แต่เราได้ทำตามข้อมูลที่เราได้รับมา ให้นำเสนอภาพใดบ้าง และข้อมูลประกอบภาพที่ให้บันทึกไว้นั้น หมายถึงอะไร? จึงเป็นสิ่งที่แล้วแต่บุคคลจะใช้การพิจารณาเอาเองค่ะ

พี่สุดใจก็เป็นคนที่ลังเลสงสัยมากที่สุดคนหนึ่ง สิ่งที่พี่สุดใจเห็นจะไม่เชื่อไว้ก่อน เรื่องจานบินเป็นเรื่องที่ไม่เชื่อเหมือนกัน เพราะไม่อาจเชื่อได้ว่าเขาจะมาติดต่อกับมนุษย์โลก โดยเฉพาะครอบครัวของเรา ดังนั้น ถ้าพี่สุดใจไม่ได้เห็นภาพนี้ด้วยตาของพี่สุดใจเอง เรื่องจานบิน ก็ยังคงไม่ผ่านการเห็นด้วยของพี่สุดใจอย่างแน่นอน
<O</O
<O</O
เวลาประมาณ 01.00 นาฬิกา เดือน พฤษภาคม 2541 ( จำวันที่ไม่ได้แน่นอน แต่ก่อนวันที่ 17 พฤษภาคม 2541)
<O</O
<O</O
พี่สุดใจอยู่ที่บ้านสิงห์บุรี ตอนนั้นยังทำงานอยู่ที่สิงห์บุรี และกำลังนั่งแก้ไขแผ่นพับที่จะนำไปแจกในวันทำบุญบนเขากะลา ในวันที่ 17 พค. 41 แต่โรงพิมพ์เขาพิมพ์ข้อความผิดจึงนั่งแก้ไขอยู่ในบ้าน ประมาณ ตีหนึ่งเห็นจะได้ มีความรู้สึกว่าให้ออกไปนอกบ้าน ไปที่สนามหน้าบ้าน

พี่สุดใจก็วางเอกสาร และเดินออกไปที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ก็มองเห็นวัตถุขนาดใหญ่ลอยมาใกล้ถึงบ้านแล้วจากทิศตะวันตก จะไปยังทิศตะวันออก พี่สุดใจยืนงงอยู่ตรงนั้น แหงนคอขึ้นมองเมื่อวัตถุนั้นลอยผ่านศรีษะพี่สุดใจไป จึงเห็นใต้ท้องของยานลำนั้น ดังภาพ





เป็นไฟสีแดงดวงใหญ่ 4 ดวง และด้านซ้ายล่าง จะมีไฟดวงเล็ก ๆ ยิบไปหมดจำนวนมาก (มากกว่าที่พี่สุดใจเขียนให้ดู) เต็มไปทั้งแถบเลย สีขาวสว่างคล้ายไฟแฟรช แต่ไม่กระพริบนะ สว่างแช่อยู่อย่างนั้น ทุกดวงไม่มีการกระพริบทั้งสีแดง สีขาว คาดว่าน่าจะมีไฟเล็ก ๆ เหมือนกันทุกแถบรอบยานฯ เพียงแต่เขาเปิดเฉพาะแถบด้านหลังซ้ายมือเพียงแถบเดียว ที่พี่สุดใจเห็นชัดและจำรายละเอียดได้ชัด และยังจำได้ติดตาจนทุกวันนี้ เพราะเขาลอยต่ำเหนือหลังคาบ้าน เลยเสาทีวีบนหลังคาบ้านพี่สุดใจไปไม่สูงนัก และไม่มีเสียง ถ้าเป็นเครื่องบินที่บินต่ำขนาดนี้ต้องเสียงดังสนั่นหวั่นไหวแน่นอน
<O</O
แต่พี่สุดใจไม่เห็นบอดี้ของยานลำนั้นอย่างชัดเจนหรอกนะคะ เพราะท้องฟ้ามืด เห็นแต่เป็นเงา ๆ ว่าเป็นสี่เหลี่ยม แต่ดูจากลักษณะของไฟทุกมุมแล้ว น่าจะคล้ายกับขนมเปียกปูน ซึ่งระยะเวลาที่ลอยผ่านนั้น ประมาณ 2

 

คือ..ได้รูปมาตอนที่ไปเขากะลาช่วงปีใหม่ครับพี่สุดใจ ( ดร.กัณจีรานำทีม) ไปรับพี่สมจิตรที่บ้าน..เลยเห็นรูปน้องเค้าใส่ชุดไทยก็ถามจากพี่สมจิตรนั่นล่ะครับ เห็นตั้งแต่ตัวเล็กๆจนเดี๋ยวนี้ตัวโตสูง 170 CM.เข้าไปแล้ว..เลยรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้ผ่านมาหลายปีทีเดียวครับ ช่วงนั้นพอถึง เสาร์-อาทิตย์ ก็วิ่งไปกันบ่อยครับ จนสนิทกันเหมือนพี่เหมือนน้อง ทางครอบครัวพี่สุดใจก็ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นกันเองมาตลอด ต้องขอบคุณจริงๆครับ
ปล.จะบอกว่ามีเสื่อผืนนึงติดอยู่ในรถ วันหลังจะเอาไปคืนด้วยครับพี่

 

ผู้ที่เดินทางไปเขากะลาในระยะแรก ๆ นั้น ย่อมมีความสงสัย มีความกังขากันทุกคน จะต้องมีพิสูจน์ ทดสอบ ทดลอง กันเป็นธรรมดา ซึ่งก็ได้ทำทุกวิถีทางแล้ว ร่วมด้วยช่วยกันก็แล้ว เอาเทคโนโลยีของมนุษย์มาร่วมพิสูจน์ก็แล้ว แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นเรื่องตรงกันข้ามแทบทั้งสิ้น
<O</O
สิ่งหนึ่งที่นำมาใช้กับสิ่งที่พบเจอที่เขากะลาไม่ได้ก็คือ การจับให้มั่นคั้นให้ตาย การจับให้ได้คาหนังคาเขา การที่จะต้องเป็นอย่างที่ตาเห็นเท่านั้น ซึ่งเรื่องเหล่านี้มาใช้กับสถานที่บนเขากะลาไม่ได้เลย เพราะสิ่งที่มนุษย์ต่างดาวได้ทำขึ้นมานั้น มีทั้งเรื่องของมิติ เรื่องของเทคโนโลยี เรื่องของภาพลวงตา มันเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถจับได้ไล่ทัน นั่นเอง<O</O
<O</O<O</O
ดังนั้น ตัวอย่างต่าง ๆ จึงมีให้เห็นมากมาย ทำให้ผู้ที่เดินทางมาเขากะลามีความงุนงงสงสัย มีความไม่แน่ใจในสิ่งที่เห็น มีความกังขาตลอดเวลาที่ได้พบเจอ เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา จนสุดท้ายต้องปล่อยให้เป็นไปในรูปแบบที่เขาต้องการให้เป็น เลิกติดตามค้นหา เลิกค้นคว้าในเรื่องนั้น ๆ อีก ก็สักแต่ว่าเห็นไปอย่างนั้นเอง <O</O
<O</O
เราเป็นกลุ่มคนแรก ๆ ที่เฝ้าตามพิสูจน์กัน ซึ่งในระยะเวลาแรก ๆ นั้น ก็ได้มีกลุ่มคุณ mead 3

 

หรือมีหลายครั้งที่เราหลายคนเริ่มสงสัยว่า ที่ถนนหน้าเขากะลาดึกแค่ไหน ก็จะมีดวงไฟสีส้มเหมือนไฟรถวิ่งผ่านตลอดเวลา ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะพอมืดคนจะดับไฟนอนกันหมดแล้ว มีอยู่ครั้งหนึ่ง ก็ตัดสินใจลงไปพิสูจน์ มีคนขันอาสาลงไป 2 คนไปคอยนับตรงจุดที่มองเห็นคือถนนผ่านสระน้ำ อีกนับสิบคน ยืนคอยนับอยู่ด้านบน สักพักเราก็จะเห็นดวงไฟสีส้มแล่นผ่านถนนด้านหน้าเขา เราที่อยู่บนเขาก็นับกันว่ามีเท่าไร คนข้างล่างก็นับว่ามีเท่าไร ตรงจุดที่รถแล่นผ่านจุดเดียวกันนั้น เมื่อโทรถามกัน ข้างบนนับได้ 8 คัน แต่ข้างล่างที่นั่งตรงจุดเดียวกันกับที่เราเห็น บอกมีแค่ 2 คัน แล้วส่วนที่เกินมาคืออะไร?
<O</O
มีอยู่ครั้งหนึ่ง คุณอนุ และลูกชาย รวมทั้งคนอื่น ๆ หลายคน ก็มาบนเขากะลา และนั่งอยู่บนลานรอถ่ายภาพ ในคืนนั้น ด้านล่างเขามีรถไถเสียงดังมาก มาไถที่ตรงจุดที่เรานั่งกันอยู่พอดี เราก็ก้มมองลงไป ก็เห็นรถไถกำลังไถดินบริเวณนั้นอยู่ส่งเสียงดังมาก ก็ไม่ได้คิดอะไร ไถที่ตั้งแต่หลังเที่ยงคืน จนเกือบถึงเช้าเสียงก็หยุดไป แต่ก็ไม่มีเสียงขับรถออกไปจากจุดนั้น ก็คิดว่าคงหยุดพัก แต่พอสว่างขึ้นมา ตรงจุดที่เราเห็นเขาไถที่นั้นไม่มีรถไถสักคันเดียว และบริเวณที่ตรงจุดที่ไถเมื่อคืนนั้นไม่มีร่องรอยของดินที่ถูกไถสักนิดเดียว กลับเป็นพื้นไร่ที่มีต้นข้าวฟ่างปลูกไว้เต็มพื้นที่อยู่แล้ว แล้วเมื่อคืนเราเห็นอะไรกัน มีทั้งภาพ มีทั้งเสียง แต่ไม่มีตัวตนจริง ๆ ของรถไถคันนั้น

(คุณอนุ - คุณอนวัช ผู้พบเจอเหตุการณ์)<O</O

 

อีกครั้ง วันนั้นเป็นวันหลังปีใหม่ 2542 มีคนจากกรุงเทพฯ เดินทางมาเขากะลาจำนวนมาก ซึ่งได้กางเต้นท์เตรียมนอนกัน และพอตอนกลางคืนได้เกิดไฟป่าลุกไหม้ขึ้นที่บริเวณเขาด้านที่ติดกับที่เราพักอยู่ เขาที่เป็นรูปปิรามิดนั้น คนกรุงเทพฯ ก็กลัวว่าไฟจะลุกลามมายังเขาที่เราอยู่ เพราะไฟนั้นลุกแรงมาก ได้มองเห็นควันไฟ ได้ยินเสียงไม้แตกดังเปรี๊ยะ ๆ อยู่เป็นระยะ พวกเราก็เลยออกมายืนรวมกลุ่มกันบนลานหน้าพระองค์ใหญ่ดูไฟไหม้ ไฟลุกแดงเต็มเขาไปหมด และไอร้อนก็มาถึงเราเสียด้วย เท่ากับว่าสัมผัสได้ทั้งหมด ตาก็เห็น หูก็ได้ยิน จมูกก็ได้กลิ่นควันไฟ กายก็สัมผัสความร้อนที่พัดผ่านมา และมีพยานที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นไม่ต่ำกว่า 20 คน<O</O
<O</O
พอดึกมาก ไฟก็เริ่มสงบลง แต่ยังไม่ดับสนิท เราก็แยกย้ายกันเข้าเต้นท์นอน <O</O
<O</O
พอตื่นมาตอนเช้า คนที่มาจากกรุงเทพฯ คือคุณพิชัย และครอบครัวตื่นก่อน ได้ออกมาดูว่าไฟไหม้เขาเมื่อคืนนี้เป็นไงบ้าง แต่กลับมองเห็นเขาลูกนั้นปกคลุมไปด้วยต้นไม้สีเขียวขจีทั้งเขา ไม่มีร่องรอยไฟไหม้สักนิดเดียว ก็เลยไปเรียกคนอื่น ๆ ในเต้นท์ให้ออกมาดู เลยตื่นกันแต่เช้าเลยวันนั้น พอดีคุณพิชัยมีกล้องส่องทางไกลไปด้วย จึงเอามาส่องดูร่องรอยของไฟบนเขานั้น กลับไม่มีร่องรอยไฟไหม้สักนิดเดียว เขียวขจีทั้งเขา และยังมองเห็นดอกไม้ต้นเล็ก ๆ มีดอกไม้ขาว ๆ ขึ้นแซมเต็มไปหมด เราทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ ก็ยังงงในกันตอนนั้น แล้วเมื่อคืนเราเห็นอะไรกัน สัมผัสอะไรกัน นี่นับเป็นเหตุการณ์ที่มีพยานค่อนข้างมากทีเดียว และมาจากกรุงเทพฯ เสียเป็นส่วนใหญ่
<O</O
และหลังจากนั้น มีการสื่อสารมาจากมนุษย์ต่างดาว บอกว่าเทคโนโลยีของเขาสามารถฉายภาพให้เห็นได้ไม่จำกัดสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้า ภูเขา หรือในน้ำ สามารถเป็นจอภาพได้ทั้งสิ้น ไม่มีข้อจำกัดเหมือนเทคโนโลยีของมนุษย์ที่ต้องอาศัยพื้นที่ ที่เป็นจอภาพ ที่ทำขึ้นรองรับเท่านั้น

ดังนั้น ในหลายคนที่พบเจอเรื่องแปลก ๆ ภาพแปลก ๆ ก็ไม่แน่ว่าจะใช่ภาพจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ คน ๆ นั้นได้มองเห็นภาพนั้นจริง ๆ<O</O

 

มีการทดสอบทดลองกันมามากบนเขากะลา แม้กระทั่งลูกศิษย์ ดร.เทพนม เมืองแมน เป็นอาจารย์อยู่ในกรุงเทพฯ นี่แหละ ได้ไปกับ ดร.เทพนม เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2541 แล้วเห็นร่าง 3 ร่างมีไฟส่องออกมาจากตัว มาเดินพื้นราบด้านล่างเขากะลา ก็เลยตัดสินใจตามลงไปพิสูจน์ ว่าเป็นคนหรือมนุษย์ต่างดาวกันแน่ ลงไปกัน 6 คน พร้อมโทรศัพท์ 1 เครื่อง ลูกศิษย์อาจารย์อีกส่วนหนึ่งก็รออยู่บนเขากะลา และถ่ายวีดีโอไว้ด้วย
<O</O
คนที่อยู่บนเขา ก็มองเห็นกลุ่ม 6 คน เดินตาม 3 ร่างนั้นไปเรื่อย ๆ เกือบชั่วโมง แต่พอถึงจุดที่ใกล้จะทัน ปรากฏว่าร่างที่กำลังตามอยู่นั้น กลายเป็นดวงไฟสีส้มลอยออกจากตรงจุดนั้น เหินขึ้นไปบนยอดเขาอีกลูกในตอนนั้นเลย ซึ่งคนที่เฝ้าดูอยู่บนเขา ก็ตะโกนว่า บินแล้ว บินแล้ว<O</O
<O</O
คณะที่ติดตาม 6 ท่าน ก็เลยต้องเดินกลับมาที่เขาอย่างเดิม แต่ในขณะที่กลับมาถึงเขาแล้วนั้น ดวงไฟสีส้มนั้น ก็ลอยลงมาจากยอดเขา กลับลงมายังพื้นดินตามเดิม และร่าง 3 ร่างเริ่มออกเดินใหม่ ซึ่งในครั้งนี้ ไม่มีใครยอมลงไปตามพิสูจน์อีกแล้ว<O</O
ครั้งนี้ มีพยานที่ขึ้นไปบนเขา และร่วมรับรู้มากกว่า 100 คนทีเดียวนับว่ามากที่สุดอีกเหตุการณ์หนึ่งก็ว่าได้<O</O
<O</O

 

คุณคณานันท์ จากกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ ได้พาเพื่อนเดินทางขึ้นไปบนเขากะลา ยังพบเจอเหตการณ์เรื่องของมิติที่ทับซ้อน ซึ่งเขากะลามีหญ้ารกท่วมศรีษะ ศาลา หรือบริเวณด้านบนเขานั้นถูกหญ้าปกคลุมแทบมองไม่เห็น แต่คณะของคุณคณานันท์ได้เดินขึ้นไปพบว่า ทุกอย่างเตียนโล่ง สะอาด ห้องน้ำถูกขัดเงาวับ น้ำใสแจ๋ว ศาลาเอี่ยมเหมือนเพิ่งถูไปใหม่ ๆ หลังคาศาลาก็เป็นสังกะสีใหม่เอี่ยมด้วย ซึ่งความจริงปัจจุบันเป็นสนิมผุพังแล้ว จนคุณคณานันท์และคณะคิดว่ามีคนอยู่จึงรีบเดินทางกลับลงมา ซึ่งเมื่อเราได้พารายการย้อนรอยและรายการชั่วโมงพิศวงขึ้นไปถ่ายทำยังรกดังเดิม และยังคงสภาพนั้นมาตลอด
<O</O
ซึ่งคุณคณานันท์ได้ไปพบเจอเรื่องของมิติที่ทับซ้อนเหมือนเพิ่งสร้างใหม่นั่นเอง<O</O
<O</O
หรือแม้กระทั่งดารา คุณสายฟ้า ไปกับคณะสารคดี ได้นัดกับพี่สุดใจไว้ว่าจะมาเอาแผ่น cd ของกลุ่มประสานงานฯ ไปศึกษา และได้ขึ้นไปรอบนเขากะลากับเพื่อนอีก 1 คน ตั้งแต่ 5 โมงเย็น แต่พี่สุดใจขึ้นไปช้า คณะสารคดียังไม่ได้ขึ้นไป เมื่อพี่สุดใจขึ้นไปประมาณ 1 ทุ่ม ก็ไม่พบคุณสายฟ้าแล้ว ก็เลยโทรหา <O</O
<O</O
คุณสายฟ้าบอกว่า ผมขึ้นไปรอพี่สุดใจตั้งแต่ห้าโมงเย็นกับเพื่อน กำลังยืนดูวิวเพลิน ๆ ปรากฏว่าภูเขาที่ยืนอยู่นั้น สั่นไหวอย่างรุนแรง เหวี่ยงไปมาจนต้องจับราวเหล็กที่ลานปูนไว้อย่างแน่นด้วยความตกใจ สักพักก็หยุดสั่น ทั้ง 2 คนมองหน้ากันแล้วรีบขับรถลงจากเขากะลาเลย เข้าไปในเมืองนครสวรรค์ และไม่ขึ้นมาแล้ว ให้ฝากแผ่นไปกับโจด้วย
<O</O
ก็เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งอาจจะไม่ได้เกิดการสั่นไหวจริง แต่ทำเหมือนเกิดการสั่นไหวจริงก็เป็นได้ แต่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ 2 ท่านสัมผัสได้จริง จึงรีบกลับลงจากเขาทันที
<O</O
หรือคณะของคุณ zz ที่ได้เดินทางไปเขากะลานั้น ก็เกิดการหลงทางตั้งแต่ก่อนไปถึงเขากะลา และเมื่อไปถึงเขากะลาแล้ว ก็หาทางขึ้นไม่ได้ และมีความรู้สึกว่าเขาไม่อยากให้ขึ้น เขาจึงปิดทางขึ้นไม่ให้เห็น แต่ก็มาตั้งไกลยังไงก็ต้องขึ้นไปดูให้ได้

ก็เลยปีนกันขึ้นไปด้านหลัง ไปไหว้พระ สักพักเดียวก็เกิดเหมือนพายุก่อตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้คณะรีบลงจากเขาด้วยความกลัว ก็มาเจอลมพายุที่พัดแรงน่ากลัวมากขณะกำลังลงจากเขา ก็เลยวิ่งกันลงไปคนละทิศละทาง และไปลงไกลจากจุดจอดรถคนละฝั่งเขาเลย กว่าจะเดินมารวมกันที่รถได้ เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน
ก็ขอขอบคุณ คุณ zz และคณะฯนะคะ ที่กรุณาไปเยือนเขากะลา ไว้โอกาสหน้า หากจะไปกันอีก พี่สุดใจและคณะยินดีพาขึ้นค่ะ และรับอาสาดูแลทุก ๆ ท่านด้วย ปลอดภัยแน่นอนค่ะ<O</O
<O</O
เมื่อครั้งเจอกับพี่สุดใจที่ฝักข้าวโพด ก็เลยเล่าให้พี่สุดใจ คุณ zz ยังแซวพี่สุดใจแถมท้ายอีกว่า เขากะลาสงสัยมีสัญญาณกันขโมย ใครแอบขึ้นไปทีไร ก็จะเจอเรื่องที่ไม่คาดคิดทุกทีไป.<O</O
</O
เขากะลา แม้จะเป็นสถานที่เล็ก ๆ แต่ก็ยังคงเป็นสถานที่ ที่ผู้ที่ได้เคยมาสัมผัส ได้เคยมาทดสอบ ได้เคยมาพบเจอเหตุการณ์แปลก ๆ ได้เคยมาพบเจอวัตถุแปลก ๆ หลายรูปแบบ ยังคงให้ความสนใจ และแวะเวียนเดินทางไปเยือนเขากะลาอยู่เสมอ จนถึงปัจจุบันนี้<O</O
</O
มีเรื่องราวมากมาย ที่ยังไม่ได้นำมาเล่าให้ฟัง และทุกเหตุการณ์มีพยานบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงทั้งสิ้น และอย่างที่พี่สุดใจได้กล่าวตั้งแต่ตอนต้นแล้วว่า<O</O
<O</O

 

ตามหาผู้ชายสองคนซ้ายมือครับ

ครับ

คุณกวง(ใส่แว่น) และคุณวิทย์ (เสื้อสีกรมท่า)
ไม่ทราบว่าเป็นสมาชิกในเว็บพลังจิตหรือเปล่าครับ โปรดติดต่อผมด้วยครับ ไม่ได้เจอกันมาเกือบหกปีแล้วสำหรับคุณกวง

 

ประเทศไทยเรา จะสิ้นชาติสิ้นแผ่นดินเพราะพวกนักการเมือง ก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติ หรือป่าวหน่อ...(ขอบ่นนอกเรื่องหน่อยนะครับ เห็นเรา เศร้าใจ จริง ๆ)

 

สวัสดีครับพี่สุดใจและเพื่อนๆบอร์ดพลังจิต ผมเป็นสามชิกใหม่ของบอร์ดนี้ ผมสนใจเรื่องดวงดาว และ UFOตั้งแต่ยังเด็ก โดยความเชื่อส่วนตัวผมคิดว่ามี UFO มีผู้มาเยือนโลกของเราจริงและเคยเห็นวัตถุบินลึกลับบนท้องฟ้ามาหลายครั้ง แต่ยังไม่เคยเห็นในระยะใกล้และตัวบอดี้ ที่ชัดเจน เห็นเป็นแค่ดวงไฟประหลาดการเคลื่อนที่แปลกๆ เห็นเป็นดาววิ่งหักมุมเปลี่ยนทิศทางได้กระทันหัน จนกระทั่งเรียนจบทำงานก็ไม่ค่อยได้สนใจเรื่องพวกนี้อีก กระทั่ง2เดือนก่อนผมหลงเข้ามายังบอร์ดนี้ และติดตามกระทู้มามาโดยตลอด ใจผมอยากมีส่วนร่วมช่วยเหลือหากเกิดภัยพิบัตินั้นจริง เคยคิดว่าเราจะเป็น1คนที่มีส่วนร่วมการช่วยเหลือนั้นหรือเปล่า และให้คำตอบกับตัวเองว่าไม่ใช่ เพราะตัวเองยังมีกิเลสมากอยู่ จิตใจยังไม่สะอาดพอ แต่ช่วง สัปดาห์ที่ผ่านมาผมก็ได้พบกับสิ่งแปลกเกิดขึ้น ได้เห็นวัตถุลึกลับบนท้องฟ้า 2 ครั้ง ทั้งที่ไม่เคยเห็นมานานแล้ว และยังเรื่องมิติเสียงที่เราไม่ได้ทำให้มันเกิด เรื่องของหายหาเท่าไรก็ไม่เจอ มานั่งเล่นเฉยๆกลับเจอโดยไม่รู้ว่าหายไปอย่างไรกลับมาได้อย่างไร เหตุการณ์เหล่านี้จะเกี่ยวกับการที่ผมเข้ามาติดตามเรื่องราวจากระทู้นี้หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ หรือว่าผมจะบ้าไปแล้ว หรือคิดเพ้อเจ้อไปเอง ไปเล่าให้ใครฟังเค้าก็มองหน้าผมแบบแปลกๆ แต่ผมเชื่อในสิ่งที่ผมพบเจอมาเอง และขอให้กำลังใจพี่สุดใจและเพื่อนๆทำงานให้บรรลุตามที่ตั้งใจไว้ด้วยครับ

 

สวัสดีครับคุณCynosura<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_938556", true); </SCRIPT> ผมขอแย่งพี่สุดใจคุยด้วยก่อนเลยนะครับ ก่อนอื่นต้องขอว่าอย่าเพิ่งตัดพ้อตัวเองว่าบ้า หรือเพ้อเจ้อเลยนะครับ เรื่องแบบนี้ไปคุยให้ใครฟังก็รังแต่จะถูกทำร้ายจิตใจด้วยแววตาอันเชือดเฉือนเป็นประจำอยู่โดยสม่ำเสมอ แต่มาคุยกันในกระทู้นี้ได้ครับ เพราะเป็นแหล่งที่รวมพลคน(ที่คนอื่นเขาว่า)เพี้ยนอยู่แล้ว

การจะเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวมีอยู่จริงหรือไม่นั้น ต้องอาศัยสติและปัญญาในการพิจารณาไตร่ตรองครับ สติ ในที่นี้หมายถึงในขณะที่พบเห็นภาพ ปรากฎการณ์ หรือเหตุการณ์อะไรที่ผิดแผกแตกต่างจากสิ่งที่เคยพบเห็นตามปกตินั้น เรามีสติระลึกรู้ตัวอยู่จริงๆ 100% ไม่ได้เบลอเพราะฤทธิ์ยาหรือแอลกอฮอล์ หรือเป็นการคิดไปเอง และปัญญา ในที่นี้หมายถึงการพิจารณาไตร่ตรอง รวมถึงการนำเหตุและผลมาเทียบเคียง เช่นว่า เห็นดวงไฟประหลาดมีการเคลื่อนที่แปลกๆ เห็นเป็นดาววิ่งหักมุม เปลี่ยนทิศทางได้กระทันหัน อย่างนี้เป็นต้น เอาพิจารณาว่าจะเป็นวัตถุสิ่งใดได้บ้างที่มนุษย์ทำขึ้น ที่ทำให้เรามองเห็นและแสดงอาการอย่างนั้นได้บ้าง

ก็อย่างว่านะครับ เรื่องความเชื่อนี่เป็นสิทธิส่วนบุคคลไม่มีใครบังคับหรือจะกีดกั้นกันได้ แต่จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่คุณCynosura<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_938556", true); </SCRIPT> เล่ามานั้น ทั้งพี่สุดใจ ผม และเพื่อนๆ ในกลุ่มฯ ต่างก็ประสบพบเจอกันมาแล้วทั้งสิ้น การที่เขาจะมาปรากฎตัวหรือเอายานบินมาให้เห็นกันชัดๆ นั้นไม่ได้เป็นเรื่องยากเลย แต่หากมาทำให้ผู้คนทุกๆ คนในโลกนี้เชื่อด้วยรูปธรรมแล้ว รายการวัดใจคนที่จะเสียสละชีวิตส่วนตัว เพื่อจะต้องเป็นตัวแทนในการทำงานช่วยเหลือยามเกิดภัยพิบัติโดยส่วนรวมจริง ก็ย่อมจะทำได้ยากขึ้น ดังนั้นการที่มนุษย์ต่างดาวตัวเป็นๆ จะมานั่งให้ได้ชมกันอย่างใกล้ๆ ชัดๆ พร้อมกับยานบินเอามาจอดให้ได้เดินชมกันเหมือนจัดงานวันเด็ก ก็คงจะเป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์ และเชื่อแน่ว่าจะต้องมีผู้ที่บอกว่าฝรั่งทำหุ่นยนต์เป็นรูปร่างเหมือนมนุษย์ต่างดาวปลอมขึ้นมาหลอกกันอีก ฯลฯ แล้วอีกอย่างการที่จะไปอยากเห็นเขาชัดๆ ก็ไม่ได้ทำให้พ้นทุกข์ได้จริงมั๊ยล่ะครับ

และสิ่งที่น่าสังเกตุคือแม้เพียงคุณCynosura<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_938556", true); </SCRIPT> ได้เข้ามาอ่าน ถึงจะยังไม่เคยสมัครสมาชิกหรือเพิ่งสมัครใหม่ๆ ยังไม่เคยอนุโมทนาใครเลยในกระทู้นี้ แต่มีจิตที่เมตตาให้ความไว้วางใจ โดยไม่เห็นเขาเลวร้าย หรือเป็นศัตรู มนุษย์ต่างดาวก็ยังรับรู้ได้ และมาปรากฎให้เห็นถึงสองครั้ง แล้วยังจะเรื่องมิติอะไรต่างๆ ที่คุณCynosura<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_938556", true); </SCRIPT> พบเจออีก พูดง่ายๆ ว่าแม้จะใช้นามแฝงในการสมัครสมาชิก หรือหลบอยู่หลังกระทู้ เขาก็รู้เจตนาครับ เพราะเขาเคยบอกไว้ว่าความลับไม่มีในโลก ก็เห็นจะจริงอย่างที่ว่านะครับ นับว่าคุณCynosura<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_938556", true); </SCRIPT> ก็ไม่ธรรมดาเลยนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ

 

ผมก็ลืมเล่าให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ทราบกัน เดี๋ยวจะสงสัยว่า คุณเฮียปอ ตำมะลัง มาประกาศตามคนหายจากกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัยทำไมกัน ทีแรกผมก็ไม่ทราบหรอกครับ แต่แจ้งเบาะแสไปให้ทราบพร้อมกับขอรางวัลนำสืบ คุณเฮียปอ ตำมะลังก็ตอบPMผมมา ตามข้อความข้างล่างนี้ครับ (ที่แท้ก็คนกันเองน่ะครับ )


<TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: 0px; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> วันนี้, 11:21 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: 0px; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right></TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: 0px; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: 0px" width=175>เฮียปอ ตำมะลัง<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
สมาชิก
สมาชิกยอดฮิต



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 11:10 PM
วันที่สมัคร: Mar 2007
สถานที่: ตำมะลัง ไม่ใช่ ประตูน้ำ
ข้อความ: 3,386 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 11,389 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 20,366 ครั้ง ใน 3,196 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 2379




</TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title --> ขอบคุณครับ
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ขอบคุณครับสำหรับเบอร์โทรศัพท์ครับ

ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสมัยเรียนอยู่ที่ ม.หอการค้าครับ

คุณกวงมักจะชวนผมไปที่เขากะลา ตอนที่เรียนบ่อย ๆ

รางวัลเบาะแสะขอเป็นการตอบแทนด้วยการพยากรณ์แล้วกันครับ
<!-- / message --><!-- sig -->
____________________________________________________________
ความสำเร็จของชีวิตเป็นอิทธิพลมาจาก ๔ ส่วน คือ ดวงชะตา , ฮวงจุ้ย , คุณธรรม และ ฟ้าลิขิต
<!-- / sig -->

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

วันนี้ อ่านข่าวในไทยรัฐ
เห็นมีคนถ่ายวีดีโอ จานบิน มีลักษณะสีส้ม ขาว แถบกรุงเทพครับ

 

คุณเฮียปอ ตำมะลังได้พูดถึงการพยากรณ์ ดวงชะตา ฮวงจุ้ย คุณธรรม และฟ้าลิขิต ก็คงจะต้องศึกษามาทางด้านโหราศาสตร์ด้วยแน่ๆ เลยนะครับ (อ๊ะ ผมรู้ได้ไงเนี่ย..เก่งจัง) ทำให้คิดถึงคุณAstro Neemoครับ ซึ่งผมได้ทราบมาคร่าวๆ ว่าคุณAstro Neemo ก็ได้ศึกษามาทางด้านโหราศาสตร์มากว่า 10 ปีแล้วเหมือนกัน ด้วยเหตุผลเนื่องมาจากไม่ชอบดูหมอ และไม่เชื่อหมอดู ก็เลยเรียนซะเองเลย ก็เป็นแรงบันดาลใจที่แปลกดีเหมือนกันครับ ฟังเขาเล่ามาก็ขำไป แต่ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ใช้วิชานี้เป็นวิชาชีพเลย

ตอนนี้คุณAstro Neemo ไม่ได้หายไปไหนหรอกนะครับ ได้ข่าวว่างานเยอะมาก กลับกลายเป็นว่าต้องไปออกรายการTV ทางCable TV ช่องTCC ออกอากาศสดทุกวันจันทร์ เวลา 19.00 - 21.00 น.พูดคุยเรื่องดวงชะตา พยากรณ์ ฮวงจุ้ย และศาสตร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องซะแล้ว เริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม ที่ผ่านมา แล้วนี่เห็นว่ารายการTVอีกสองช่องก็ติดต่อมา ซึ่งก็กำลังจัดผังรายการอยู่ หนึ่งในนั้นก็คือช่อง 9 อสมท.นี่เองแหละครับ คาดว่าจะออกอากาศในเดือนมีนาคม ปีนี้ จะดังกันใหญ่แล้วครับเพื่อนเรา ไม่ชอบดูหมอแท้ๆ แต่ตอนนี้เป็นอาจารย์นีโม่ ทำหน้าที่เป็นโหราจารย์ไปเรียบร้อยแล้ว ท่านใดคิดถึง หรือสนใจเรื่องดวงชะตาราศรี ก็สามารถโทรเข้าไปในรายการพูดคุยซักถามสดได้ฟรีเลยนะครับ หรือท่านใดจะร่วมแจมก็ลองพูดคุยกับอาจารย์นีโม่โดยตรงได้ ส่วนพี่สุดใจตอนนี้ก็ถูกอาจารย์นีโม่เชิญไปประกบเป็นที่ปรึกษาอยู่บ่อยๆ ก็ไม่แน่นะครับ อาจจะเห็นพี่สุดใจออกมาพูดคุยเรื่องมนุษย์ต่างดาว ufo หรือการเตือนภัยฯ ผ่านทางหน้าจอTV ในวันใดวันหนึ่งก็ได้ครับ

ออกอากาศครั้งแรก วันที่ 7 มกราคม 2551
ช่องเคเบิลทีวี TCC ทุกวันจันทร์ 19.00-21.00 น.​

ออกอากาศครั้งที่ 2 วันที่ 14 มกราคม 2551​

ออกอากาศครั้งที่ 3 วันที่ 21 มกราคม 2551​

 

วันนี้ว่างๆของัดข้อมูลยูเอฟโอเก่าๆมาให้อ่านกันครับ

..........นับตั้งแต่เหตุการณ์ข่าวจานบินตกที่รอสเวล[Roswell incident] ใกล้ฐานทัพรอสเวลและสถานที่ทดลอง อาวุธนิวเคลียร์ ของสหรัฐในรัฐนิวเม็กซิโก เมื่อเดือนกรกฎาคมปี คศ 1947 ที่ทำให้คนอเมริกันในสมัยนั้น พากันตื่นตระหนกตกใจจะผ่านมาเป็นเวลากว่า 50 ปี และแม้ว่ารัฐบาลสหรัฐแถลงว่ามันเป็นเพียง บอลลูนที่ตกลงมาไม่ใช่จานบินแต่อย่างใด แต่ถึงวันนี้คนอเมริกันและคนทั่วโลกจำนวนไม่น้อยก็ยังปักใจเชื่อว่า จานบินได้ตกลงมาที่รอสเวลจริง​

​

..........หลังจากปี คศ1947 ได้มีรายงานข่าวการพบเห็นวัตถุบินทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา รัฐบาลสหรัฐได้ทำการศึกษารายงานการพบเห็นวัตถุบินหลายโครงการ ผลสรุปชี้ว่าไม่มีจานบินมาเยือนโลก ของเราหรือพูดอีกแบบสิ่งที่เห็นมันไม่ใช่จานบินจากต่างดาว กองทัพอากาศสหรัฐจึงได้เรียกขานวัตถุบิน ที่เห็นว่า Unidentified Flying objects หรือ UFOs อย่างไรก็ดีความหมายของยูเอฟโอของ นักยูเอฟโอวิทยาก็คือยานต่างดาว แต่ก็ยังมีคนที่สนใจเรื่องนี้ จำนวนมาก และไม่เชื่อในคำพูดของรัฐบาลสหรัฐ พวกเขาพาเชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐปกปิดความจริง​

​

........ การรวมกลุ่มจัดตั้งเป็นองค์กรเพื่อศึกษาหาความจริงเรื่องยูเอฟโอจึงเป็นไปอย่างกว้างขวาง ปัจจุบันในโลกอินเทอร์เนตมีเวปไซต์ยูเอฟโอนับพันเวปไซต์ นักยูเอฟโอวิทยาหลายคนมีประสบการณ์ ในการศึกษามากว่า 40 ปี งานของพวกเขาเป็นงานที่เอาจริงเอาจัง และต้องหาคำตอบให้กับโจทย์หรือคำถาม ที่ยากกว่าของเซติที่ว่าเราอยู่กันตามลำพังในจักรวาลหรือไม่ ? นั่นคือ​

"มนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลกเรา แล้วใช่หรือไม่?"​

......... ซึ่งปัจจุบันพวกเขามั่นใจว่าได้คำตอบแล้วว่า ยานต่างดาวได้เคยมาเยือนโลกของเราในอดีต และยังคงมาเยือนอยู่ในปัจจุบัน แต่งานของพวกเขาที่ยากกว่านี้ก็คือจะทำให้คนอื่นๆ เชื่ออย่างที่พวกเขาเชื่อได้อย่างไร?​

​

......... 9 พฤษภาคม 2544 คนอเมริกันสองแสนห้าหมื่นคนติดตามชม เพรสคอนเฟอเรนของ โครงการเปิดเผยความจริงเรื่องมนุษย์ต่างดาว ทางอินเทอร์เนต และคนทั่วโลกราวหนึ่งล้านคนรู้ข่าวสาร เพรสคอนเฟอเรนนี้ สื่อมวลชนทั้งสถานีโทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ของอเมริการายงานข่าวนี้อย่างครึกโครม รวมทั้งบีบีซีของอังกฤษด้วย บางคนบอกว่าเป็นเพรสคอนเฟอเรนที่แปลกประหลาด และดูราวกับเป็นนิยายวิทยาศาสตร์ แต่บางคนบอกว่ามันเป็นเรื่องประเภทบันเทิงมากกว่า​

ด๊อกเตอร์ สตีเว่น เอ็ม เกรียร์ ผู้อำนวยการโครงการ เปิดเผยความจริงเรื่องมนุษย์ต่างดาว [Disclosure Project] พร้อมกับพยานที่อ้างว่ามีประสบการณ์พบเห็นยานต่างดาวจำนวน 21 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอดีตทหารและเจ้าหน้าที่สืบราชการลับของกองทัพสหรัฐ เปิดเพรสคอนเฟอเรนที่เนชั่นแนลเพรสคอนเฟอเรนคลับ กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา เป้าหมายของโครงการนี้ก็คือต้องการให้รัฐสภา สหรัฐ รับฟังความจริงเรื่องยานต่างดาว ความจริงที่สตีเว่น เกรียร์ ชี้ว่ารัฐบาลปกปิดมากว่า 50 ปี
จอร์จ ฟิลเลอร์ อดีตนายทหารอากาศกองทัพอากาศสหรัฐเล่าว่า เมื่อครั้งที่เขาประจำการที่ฐานทัพอากาศ แมคเกียร์ในนิวเจอร์ซี่ ยานต่างดาวได้ร่อนลงที่รันเวย์ มนุษย์ต่างดาวเดินลงมาจากยาน แต่ถูกสารวัตรทหารยิงตายคารันเวย์ และอีกครั้งหนึ่งขณะที่เขา ขับเครื่องบินของกองทัพอากาศเหนือเกาะอังกฤษ ยานต่างดาว ได้บินติดตามเครื่องบินของเขา ฟิลเลอร์บอกว่าเห็นมันด้วยตา และจากจอเรดาห์ด้วย

​

.........สิบเอก คลิฟฟอร์ด สโตน อดีตทหารบกกองทัพสหรัฐ เป็นอีกคนหนึ่งที่บอกว่าเขาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ยานต่างดาวตก ที่เพนซิลเวเนีย เมื่อปี คศ 1969 ในครั้งนั้นมีมนุษย์ต่างดาวที่รอดชีวิตอยู่ด้วย แต่รัฐบาลได้ปกปิดเรื่องนี้ สโตนยังบอกว่าเผ่าพันธ์ มนุษย์ต่างดาวมีถึง 57 สปีซี่ และหลายสปีซี่มี รูปร่างคล้ายมนุษย์เรา สโตน ยังได้ให้สัมภาษณ์โดยบอกเล่าเหตุการณ์อย่างละเอียดในเวปไซต์ Earthfiles,com​

.......... เกรแฮม เบทจูน อดีตนักบินของกองทัพเรือสหรัฐ เล่าว่าเขาเห็นยูเอฟโอเรืองแสงและมีโดมที่ไอแลนด์เมื่อปี คศ 1951 และโรเบิร์ต ซาลาส อดีตนักบินกองทัพอากาศสหรัฐกล่าวว่าเขาเห็นวัตถุบินมีแสงสีแดง บินอยู่เหนือที่ตั้งขีปนาวุธนิวเคลียร์ในมอนตานา ปี คศ 1967 ทันใดนั้นระบบขีปนาวุธไม่ทำงานขึ้นมาเฉยๆ เขาตั้งคำถามว่า เป็นเพราะมนุษย์ต่างดาวทำให้มันใช้การไม่ได้หรือปล่าว ?

​

.......... พยานบุคคลที่บอกเล่าเหตุการณ์เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลขนาดใหญ่ของดิสโคสเชอร์ โปรเจ็ค สตีเฟ่น เกรียร์ มีข้อมูลการพบเห็นยานต่างดาวกว่า 500 หน้า จากพยานบุคคลมากกว่า 400 คนทั่วโลก เหตุการณ์ที่น่าสนใจเหตุการณ์หนึ่งเป็นประสบการณ์ของ จอห์น คาลาแฮน อดีตหัวหน้าฝ่ายสืบสวนอุบัติเหตุ สหพันธ์บริหารการบิน นั่นคือเหตุการณ์เครื่องบินโดยสาร 747 ของสายการบินเจแปน แอไลน์ ถูกยานต่างดาวบินติดตามเหนืออาลาสก้า ถึง 31 นาที นักบินบรรยายว่ามันมีลักษณะเหมือนลูกบอล ที่มีแสงรอบๆ และมีขนาดใหญ่กว่าเครื่องบิน 747 ราว 4 เท่า คาลาแฮนบอกว่าเรดาห์จับภาพมันได้
.......... โปรเฟสเซอร์ ทีโอดอร์ ลอดเดอร์ แห่งมหาวิทยาลัยนิวแฮมเชียร์หนึ่งในกลุ่มเปิดเผยความจริง เรื่องยานต่างดาวเป็นอีกคนหนึ่งที่เคยเห็นยูเอฟโอ เขา ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวก่อนเพรสคอนเฟอเรนว่า รัฐบาลปกปิดความจริงเรื่องยานต่างดาว รัฐบาลมีโครงการแบล็คโปรเจ็คทำการเลียนแบบเทคโนโลยี่ ของยานต่างดาวซึ่งเป็นเทคโนโลยีต้านแรงโน้มถ่วง และไร้มลภาวะ เลดเดอร์บอกว่าถ้านำเทคโนโลยีนี้ มาใช้ในทางสันติ จะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติอย่างใหญ่หลวง ในเรื่องปัญหามลภาวะและความยากจน
.............คำบอกเล่าของของพยานโครงการเปิดเผยความจริงเรื่องยานต่างดาวดูเหลือเชื่อทีเดียว เอกสารสรุปจำนวน 57 หน้า ของ สตีเว่น เกรียร์ซึ่งมีเอกสารของรัฐบาลรวมอยู่ด้วยบ่งชี้ว่า ยานต่างดาวและมนุษย์ต่างดาว เคยมาเยือนโลก มันถูกเรดาห์จับได้และยานหลายลำตกลงบนพื้นโลก
............สตีเฟ่น เกรียร์ อ้างว่าเทคโนโลยี่ของยานต่างดาวเป็นเทคโนโลยีที่ต้านแรงโน้มถ่วงและไร้มลภาวะ หากนำมาประยุกต์ใช้อย่างปลอดภัยในทางสันติแล้วละก็ จะแก้ไขปัญหาการขาดแคลนพลังงาน ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น รวมทั้งปัญหาความยากจน ยิ่งกว่านั้นเขายังชี้ว่า โครงการป้องกันขีปนาวุธนิวเคลียร์สู่อวกาศของสหรัฐเป็นการคุกคามมนุษย์ต่างดาว ดังนั้นจึงควรยุติโครงการนี้เสีย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเป้าหมายหนึ่งของดิสโคสเชอร์โปรเจ็ค โปรเจ็คนี้ยังต้องการให้สร้างโปรแกรมความสัมพันธ์ทางการฑูตเพื่อเตรียมติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวอีกด้วย
เราไม่ได้อยู่กันตามลำพัง มีสิ่งมีชีวิตอื่นนอกโลกของเรา พวกเขาไม่ได้เป็นศัตรู แต่มันชัดแจ้งว่าพวกเขาไม่พอใจกับระบบขีปนาวุธสู่อวกาศของเรา เกรียร์ กล่าว
............ แน่นอนเพรสคอนเฟอเรนนี้ย่อมต้องมีผู้วิพากษ์วิจารณ์ ทอม แมคโดนัพนักวิทยาศาสตร์อาวุโสของ skeptic society และเป็นผู้ร่วมงานของเซติไม่เชื่อในเรื่องนี้ เขาบอกว่านักวิทยาศาสตร์เซติเชื่อว่า มีสิ่งมีชีวิตอยู่ในจักรวาล แต่ไม่เคยมีมนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลกเรา และว่าเขารักที่จะเห็นยานต่างดาวมาจอดที่ หน้าบ้านเขา และเขาจะขึ้นไปบนยานในทันทีทันใดเลยทีเดียว
.........ด้านนักเอฟโอวิทยากลุ่มอื่นๆก็ออกโรงมาวิจารณ์ สตีเฟ่น เกรียร์ อย่างน่าสนใจทีเดียว นักยูเอฟโอวิทยากลุ่มหนึ่งให้ความเห็นว่า เกรียร์ มองมนุษย์ต่างดาวในแง่ดีเกินไป คือเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวมีความเป็นเพื่อน แต่ผลการวิจัยของนักยูเอฟโอวิทยาหลายคน อาทิ เช่น จอห์น เมค เดวิด จาคอบส์ บัดด์ ฮอบกินส์ และจอห์น คาร์เพนเตอร์ เป็นต้น แสดงให้เห็นว่าการเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาวเป็นเรื่องน่าสะพรึงกลัว ความเจ็บปวด การรุกราน ซึ่งละเมิดเสรีภาพของมนุษย์ และมีความเป็นไปได้ว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการยึดครองโลก
...........นักยูเอฟโอวิทยาอีกกลุ่ม บอกว่าจริงๆแล้วเรายังไม่รู้เลยว่า มนุษย์ต่างดาวมีความตั้งใจจะทำอะไร พูดอีกแบบเราไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ รวมทั้ง แผนการ กิจกรรมต่างๆ เพราะฉะนั้นเป้าหมายของดิสโคสเชอร์โปรเจ็คจะทำให้เรายิ่งห่างไกลไปจากความจริงที่เรายังไม่รู้ก็ได้ นักยูเอฟโอวิทยาคนหนึ่งบอกว่าเราไม่ควรเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวเป็นมิตรหรือเป็นศัตรูทั้งสองอย่างนั่นแหละ แต่ควรที่จะระมัดระวังและศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบเป็นดีที่สุด

.........ในขณะที่ โจเอล อาเชนเบช คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์วิจารณ์เพรสคอนเฟอเรนนี้ บนหัวข้อเรื่อง Aliens and UFOs: The Likely Scenario อย่างตรงไปตรงมา จนทำให้นักยูเอฟโอวิทยาหลายคนออกมาโต้ตอบโดยกล่าวหาว่า อาเชนเบช มองเพรสคอนเฟอเรนเป็นเรื่องโจ๊คและเขียนให้เฮฮามากกว่าที่จะสืบสวนค้นคว้ากันจริงๆ
ประเด็นที่ทอม แมคโดนัพ และโจเอล อาเชนเบชเห็นเหมือนกันคือหลักฐานเรื่องยูเอฟโออ่อนเกินที่จะเชื่อถือ ซึ่งก็คงเหมือนกับนักวิทยาศาสตร์ทั่วๆไป แต่อย่างไรก็ดีมีบุคคลหนึ่งซึ่งพยายามค้นหาความจริงเรื่องยูเอฟโอ อย่างไม่ลดละแม้ว่านักวิทยาศาสตร์ทั่วๆไป จะไม่ใส่ใจกับเรื่องยูเอฟโอเพราะหลักฐานอ่อนเกินไปก็ตาม เขาคือ ลอเรน เอส ร้อคกี้เฟลเลอร์ อภิมหาเศรษฐีอเมริกัน ร้อคกี้เฟลเลอร์ได้ให้ทุนในการวิจัยเรื่องยูเอฟโอ มาช้านานแล้ว ความพยายามครั้งล่าสุดของเขาคือ การเชิญนักวิทยาศาสตร์ชั้นยอดกว่าสิบคนจาก มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มหาวิทยาลัยปรินซ์ตัน สถาบัน MIT และศูนย์ศึกษาอวกาศฝรั่งเศสมาประชุม เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม 2544 ที่ศูนย์ประชุมโพเคนติโค ทางเหนือของเกาะแมนฮัตตันเพื่อศึกษารายงาน การพบเห็นยูเอฟโอที่เด่นๆทั้งในอเมริกาและฝรั่งเศส แม้ว่ายังไม่มีข้อสรุปจากการประชุมครั้งนี้ แต่ร้อกกี้เฟลเลอร์กล่าวว่า จะเป็นการยกระดับการถกเถียงเรื่องนี้ให้สูงขึ้น
......... นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งที่เข้าประชุมในครั้งนี้ตอบคำถามที่ว่า นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ คิดอย่างไรกับรายงานการพบเห็นยูเอฟโอ เขาพูดในทำนองว่า มันไม่มีหลักฐานพอ ปัญหาก็คือมันไม่เข้ากับตรรกะทางวิทยาศาสตร์ที่เราคาดหวัง นักวิทยาศาสตร์ก็เลยไม่ใส่ใจมัน แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน รายงานการพบเห็นยูเอฟโอบางรายงานที่น่าหัวเราะเยาะ ก็อาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นจริง
แนวความคิดนี้น่าสนใจทีเดียว ในอเมริกามีเวปไซต์ดาราศาสตร์ที่ดังๆหลายเวปไซต์ทีเดียว ที่นำเสนอรายงานยูเอฟโอด้วย นั่นหมายความว่ามันเป็นหัวข้อการศึกษาที่น่าสนใจค้นคว้าและ ไม่ควรปฎิเสธก่อนว่ามันเป็นไปไม่ได้
......... นักยูเอฟโอวิทยามักจะงัดไม้เด็ดที่มาโต้แย้งผู้ที่ปฎิเสธเรื่องยูเอฟโออยู่เสมอ นั่นคือ ผลการศึกษายูเอฟโอตามโครงการบลูบุ๊คของกองทัพอากาศสหรัฐในระหว่างปี คศ 1947 1969 โครงการนี้สรุปว่า รายงานการพบเห็นยูเอฟโอจำนวน 12,618 ชิ้น เป็นสิ่งที่อธิบายๆได้ว่า มันไม่ใช่ยานต่างดาว แต่รายงานอีก 701 ชิ้น ยังไม่กระจ่าง นอกจากนั้นแล้วเอกสารเกี่ยวกับยูเอฟโอของ หน่วยงานของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น กองทัพอากาศ ซีไอเอ หรือเอฟบีไอ ที่นักยูเอฟโอได้มา ด้วยกฎหมายข้อมูลข่าวสารมันถูกป้ายด้วยหมึกดำบนข้อความหลายแห่ง แสดงถึงลับลมคมในเกี่ยวกับเรื่องนี้ เวปไซต์ที่มีข้อมูลเอกสารเกี่ยวกับเรื่องยูเอฟโอของรัฐบาลมากที่สุดคือ http://www.blackvault.%20com/
....... ข้อมูลล่าสุดที่นักยูเอฟโอวิทยานำออกเผยแพร่ทางเวปไซต์ คือเอกสารในเวปไซต์ของเอฟบีไอ [ http// foia.fbi.gov/ufo8.pdf] เป็นบันทึกเมื่อปี คศ. 1950 รายงานการค้นพบจานบินจำนวนสามลำ ในรัฐนิวเม็กซิโกโดยกองทัพอากาศสหรัฐ มนุษย์ต่างดาวเก้าคนเสียชีวิตหมด รายงานทำนองนี้ยังมีอยู่มากมาย ในแฟ้มของกองทัพอากาศ ซีไอเอ และเอฟบีไอ นักยูเอฟโอวิทยาบอกว่าการที่กองทัพอากาศสหรัฐเคยแถลงว่า นับตั้งแต่ปิดโครงการบลูบุ๊คตั้งแต่ปี คศ 1969 แล้วไม่มีหน่วยงานของรัฐบาลศึกษาเรื่องยูเอฟโออีกเลยนั้น ไม่จริง เพราะหลักฐานเหล่านี้มันฟ้อง
......... ที่สุดแล้วความพยายามของด๊อกเตอร์ สตีเว่น เกรียร์ ก็ไม่ได้รับการตอบรับจากรัฐสภาสหรัฐ นักวิจารณ์บอกว่า เรื่องนี้จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อมียานต่างดาวร่อนลงจอดบริเวณเนินเขาในกรุงวอชิงตัน ดีซี เสียก่อน แต่ทุกวันนี้ในอเมริกาก็ยังคงมีผู้คนมากมายที่ติดตามเรื่องยูเอฟโอ รวมทั้งคนที่กำลังทำงานในแนวเดียวกับนักสืบโมลเดอร์ในภาพยนต์เอ็กซ์ไฟล์อีกไม่น้อย ดังเช่น สตีเฟ่น เกรียร์ คนนี้

******
ปล.จาก wellrider ท่านสามารถค้นหาข้อมูลจากลิงค์ภาษาอังกฤษได้เลย
อ่านได้เป็นวันๆเลยครับ ลืมนอนเลยแหละ

http://rattan.exteen.com/20050524/entry

 

<TABLE width="80%" border=1><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD> ขณะที่ทำงานอยู่กับหน่วย NSA ในปี 1964 ทอดด์ ซีเชล เคยเห็นข่าวที่ส่งไปจากหน่วยรักษาความปลอดภัยพิเศษของหน่วยซีไอเอ ซึ่งหาข่าวจากภายในข่ายงานสื่อสารของหน่วย NSA วิธีส่งข่าวคือ เรดาร์จะพล็อตรูปจานบินในลักษณะหยาบๆ ซึ่งปรากฏขึ้นใกล้บริเวณพรมแดนของประเทศ และเครื่องบินลาดตระเวนที่บินติดตามหาร่องรอยใกล้เขตนั้น ก็สามารถตรวจและรายงานทางวิทยุได้ เจมส์ แบมฟอร์ดยังกล่าวว่า หน่วยซีไอเอได้ให้คำแนะนำแก่หน่วย NSA สำหรับรายงานเรื่องราวเกี่ยวกับจานบิน สรุปได้ว่า ข่าวจานบินที่พบเห็น หน่วยงานของซีไอเอสามารถทราบเป็นลำดับแรกอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่นาที ดังนั้นเขาจึงคิดว่า วิธีการดังกล่าวมิใช่เรื่องประหลาดแก่บุคคลที่ทำงานในหน่วยงานของ NSA เลย และมิใช่เรื่องแปลกที่สามารถทราบได้ว่า เรื่องปรากฏการณ์จานบินเกิดขึ้นจริงหรือไม่ หรือ หน่วยซีไอเอสนใจติดตามเรื่องนี้มากน้อยเพียงใดด้วย เจมส์ยืนยันว่า ผู้ปฏิบัติงานส่วนใหญ่ที่เขาร่วมทำงานด้วยต่างเชื่อว่าปรากฏการณ์จานบินเกิดขึ้นจริง และหลายคนได้พบเห็นด้วยตาตนเองระหว่างฝึกงานจากข่าวกรองทางภาพถ่ายและข่าวกรองทางเรดาร์ หน่วย NSA จะเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นไว้ทั้งหมด ส่งผ่านไปยังซีไอเอ ซึ่งจะมีคณะกรรม การผู้เชี่ยวชาญพิเศษ โดยเฉพาะจากสำนักงานข่าวกรองทางวิทยาศาสตร์ของซีไอเอ เป็นผู้วิเคราะห์ข้อมูล สแตนตัน ฟรีดแมน นักฟิสิกส์นิวเคลียร์ หนึ่งในบรรดานักวิจัยจานบินระดับแนวหน้าของสหรัฐอเมริกา เคยกล่าวยืนยันถึงบทบาทหน่วย NSA ในการติดตามข่าวจานบินที่เกิดขึ้นใกล้ดินแดนของคิวบาไว้อย่างชัดเจน เอกสารเกี่ยวกับข้อสมมุติฐานต่างๆ เกี่ยวกับจานบินของหน่วย NSA เมื่อปี 1996 ซึ่งทิมโมที นักค้นคว้าจานบินได้สรุปไว้ดังต่อไปนี้ </TD></TR><TR bgColor=#cccccc><TD>เรื่องจานบินไม่ใช่ เรื่องหลอกลวง</TD></TR><TR bgColor=#cccccc><TD> ข้อเท็จจริงก็คือ ปรากฏการณ์จานบินมีพยานพบเห็นทั่วโลกมาตั้งแต่สมัยโบราณ และปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงหลายคนได้ยืนยันอย่างแข็งขันว่า ปรากฏการณ์จานบินไม่ใช่เรื่องหลอกลวง</TD></TR><TR bgColor=#cccccc><TD>ปรากฏการณ์จานบินไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน</TD></TR><TR bgColor=#cccccc><TD> ปรากฏการณ์จานบินที่เกิดขึ้นหลายครั้ง มีกลุ่มประชาชนหรือสถานีเรดาร์หนึ่งแห่งและหลายแห่ง ได้เห็นในเวลาเดียวกัน มีหลักฐานยืนยันตรงกันหลายแห่ง ที่ได้แย้งคำกล่าวของผู้ที่เห็นว่าจานบินนั้นเป็นเรื่องเพ้อฝัน</TD></TR><TR bgColor=#cccccc><TD>ปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ</TD></TR><TR bgColor=#cccccc><TD> จานบินจำนวนมากที่ผู้สังเกตุการณ์ซึ่งผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดี ได้รายงานตรงกันว่า มันมีความเร็วสูงมาก บินในระดับสูงยิ่งกว่าจรวดหรือเครื่องบินรูปร่างของจานบินมักจะกลายเป็นเป้าปรากฏบนจอเรดาร์เสมอ