ฝันไปถึง เมืองบังบด เมืองผี แดนลับแล แล้วแต่จะเรียก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย jarujun, 21 มกราคม 2015.

  1. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สิงห์นั้นครุ่นคิดจนหลับไป

    และตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเจ้านิลกาฬ
    เจ้าม้าควบเท้าอยู่กับที่ ที่หน้ากระท่อม
    สิงห์เหมือนรู้ตัวว่าจะเกิดเหตุไม่ดี
    สิงห์นั้นรีบกระโดดลุกจากที่นอนตามที่พ่อครูสอนไว้
    รู้สึกผิดในใจตนนัก เมื่อคืนสิงห์หลับไปอย่างไร้สติ
    ไม่ได้นอนอย่างมีสติ ถ้าอยู่ท่ามกลางสนามรบ ไม่แคล้วคงไม่รอด

    สิงห์รีบลงไปล้างหน้า
    และอาบน้ำล้างเนื้อตัว

    เมื่อขึ้นมาผลัดเสื้อผ้าบนบ้าน
    กลับได้ยินเสียงม้าควบมา
    สิงห์มองจากชานเรือนไปทางเข้าหมู่บ้าน
    เห็นกลุ่มชายควบม้ามาอย่างรวดเร็วประมาณ 10 คน

    บางคนนอนซบอยู่กลับคอม้า เลือดไหลลงมาตามคอม้า
    สภาพแต่ละคน ล้วนสะบักสะบอม

    หนึ่งในนั้น คือพ่อครูเอก โดนฟันมากลางหลัง
    คนที่ขี่ม้ามากับพ่อครู คือ เข้ม
    ชายหนุ่มผิวคล้ำ คิ้วเข้ม หน้าตาเรียบเฉย
    ซึ่งเป็นศิษย์เอกของพ่อครู
    และคู่หมายของแม่เอื้อม

    เข้มนั้นมีเพียงแผลถากที่แขนซ้าย ที่เลือดยังไหลซึม
    พ่อครูสั่งให้ทุกคนควบม้ามาหาสิงห์

    ทุกคนโดดลงจากม้า รับร่างนักรบที่บาดเจ็บ
    แม่เอื้อมแลชาวบ้าน ต่างวิ่งมาที่หน้าบ้านสิงห์
    แล้วบ้านสิงห์ก็กลายเป็นที่พยาบาลดูแลนักรบ

    สิงห์รีบไปประคองพ่อครู
    พ่อครู ทำไมเป็นเยี่ยงนี้
    พ่อครูยกมือที่สั่นขึ้นมาจับมือสิงห์

    สิงห์เอ็งจงรีบรวบรวมนักรบไปอีก 20 คน
    จงควบม้าอย่าได้หยุดพัก
    ทัพพ่อถูกตีแตก พ่อกับไอ้เข้มแหกทัพมา
    พวกที่เหลือ กองทัพทมิฬ มันจับเป็นเชลย
    พวกเราที่ไม่ตาย ถูกจับไปอีกเป็นสิบ
    เอ็งจงไปกู้ชาวเราคืนมา

    เจ้ายังเด็กนักสิงห์ และไม่เคยอยู่ท่ามกลางที่รบ
    แต่ขรัวอินทร์บอก หากข้าต้องการขุนศึก
    เพื่อช่วยบ้านข้า เจ้าจักช่วยได้
    ข้าจึงสอนมวยให้เจ้า ที่แม้อวดดี

    จงรีบไป อย่าห่วงข้า
    เข้ม แม้เอ็งเป็นศิษย์เอกข้า
    และอายุมากกว่า และชำนาญการรบ
    แต่พ่อขอซักครา จงให้สิงห์นำทัพ

    เข้มแม้หนักใจ แต่เมื่อครูสั่ง แม้ให้ไปตายก็ยอม

    แม่เอื้อมที่นั่งเช็ดเลือดให้พ่อ
    สบตากับสิงห์ น้ำตาไหลไม่รู้ตัว
    สิงห์มองตานาง แล้วพูดกับพ่อครูว่า
    ไม่ต้องห่วงพ่อครู ข้าจักไม่ลืมสัญญา
    ข้าจะพาพี่น้อง ศิษย์ของพ่อครู
    กลับมาให้ได้ แม้เป็นหรือตาย
    ข้าก็จักนำเขามาตายบนผืนแผ่นดินไทย

    แม่เอื้อมสบตากับสิงห์
    นางอธิษฐาน ด้วยหัวใจโหยหา
    ของให้ผัวข้าจงคลาดแคล้วโพยภัย
    ชนะศึกกลับมา
     
  2. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    อิอิ หนุกอ่ะดิ
    คืนนี้พอแค่นี้ก่อน
    ปล่อยให้ค้างกันไป
    นะจ๊ะ

    พรุ่งนี้พี่สิงห์จะออกรบแล้วนะวู้ฮู้
    ขอบอกว่าจะมันมาก
    บทรักผ่านไป ก็บทบู๊
    พี่สิงห์เรา สุดยอด
    ดุดัน และมีไสตล์เป็นของตัวเอง

    ณ เมตตา มหาเสน่ห์
     
  3. khunpak

    khunpak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +115
    ตามติดอย่างกับละครช่อง3เลย เริ่มเข้มข้นทุกตอน
     
  4. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สอบเสร็จแล้วนะจ๊ะ ขอพักผ่อน เอนหลังซักนิด
    คืนนี้จักต้องไปรบ กับกองทัพทมิฬ

    อย่าลืมมาเป็นกำลังใจให้พี่สิงห์ล่ะ
     
  5. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    หลับไปแล้วก็ฝันตอนสี่โมงกว่า

    ฝันว่าไปที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง
    มีพี่คนสวนที่บ้านเป็นคนนำทาง

    หลังๆๆ พอไปเข้าป่าลึกๆไปเรื่อยๆ
    ป่านั้นไม่มีดอกไม้ มีแต่ไม้ใบเขียวๆ
    กำลังกระหายน้ำ
    อ้อลืมบอกก่อนนอนกินองุ่นเขียวแช่เย็นอร่อยมาก
    ก็เลยคิดไปว่า เฮ้อ อยากกินองุ่นเขียวเย็นๆ
    ทันใดนั้นก็มีเทพบุตรรูปงาม
    ยื่นผลไม้ชนิดหนึ่งให้
    เป็นผลพวงเหมือนองุ่น
    แต่สีมันเป็นสีน้ำเงินอมม่วง
    และผลของมันแทนที่จะกลมยาว
    กลับมีลักษณะคล้ายชมพู่ อ้วนๆป้อมๆ มีหยัก
    และพวงของมันก็มีลูกดกยาวมาก
    ลักษณะเหมือนกล้วยไม้ผสมองุ่น
    เป็นพวงแต่พวงยาว
    เราก็ไม่ได้สนใจเทพบุตร
    เอาผลไม้นั้นมากินเฉย
    ชุ่มฉ่ำ ชื่นใจ หวานล้ำกว่าองุ่น
    และมีกลิ่นหอมเหมือนดอกมะลิผสมกับดอกลิลลี่
    แล้วพี่คนสวนก็หายไป
    เทพบุตรก็หายไป
    ป่ารอบข้างก็หายไป
    เราไปโผล่ที่หิมพานต์

    แล้วก็ตกใจตื่น ตื่นมาก็รู้สึกคอแห้งมาก

    ป.ล.น่าจะรู้ว่ามาจากหิมพานต์
    ผลไม้นั้นมันไล่สี คือสีตรงด้านหัว
    มันเป็นสีออกม่วง
    พอปลายๆลูกเป็นสีน้ำเงิน
    แถมผิวมันก็เต่งตึงมาก
    ไม่มีรอยตำหนิ
    เฮ้อ ตะกละกะทั่งในฝัน
    สัญญาแล้วนะ ว่าจะไม่ทำนิสัยกินไม่เลือก

    ก่อนตื่น ยังได้ยินเสียงเทวดาหัวเราะเยาะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2015
  6. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สิงห์สบตากับเข้ม
    นัยน์ตาของเข้มดูดุดันนัก แลดูมีพลัง
    เข้ม หนุ่มลพบุรีวัย 25 ปี

    สิงห์พ่อครูให้เจ้านำทัพ
    เจ้าจงเร่งรีบเถิด

    เข้มมองสิงห์ให้รู้สึกครั่มคร้าม
    เด็กหนุ่มนี้รูปงามเหลือเกิน
    เครื่องหน้าคมเข้ม คมคาย ดูมีเสน่ห์เหลือเกิน
    แต่ความงามนั้นก็ดูทรงพลังเหลือเกิน
    แล้วใยแม่เอื้อมมองสิงห์ด้วยสายตาอ่อนหวานเช่นนั้น

    สิงห์เหมือนจะรับรู้ความรู้สึกของเข้ม
    พวกหญิงชาวบ้านเหมือนรู้งาน
    การออกทัพ
    นำเสบียงแลน้ำในกระบอกไม้ไผ่
    จัดเตรียมเปลี่ยนม้า

    ชายในหมู่บ้าน รวมสิงห์ประมาณแค่ 20 คน
    กับม้าอันไม่ค่อยสมบูรณ์นัก
    พร้อมอาวุธคู่ใจของแต่ละคน
    เมื่อสิงห์ขึ้นม้าแล้ว เข้มก็ขี่ม้าเป็นคู่กับสิงห์
    ตามด้วยแถวเป็นขบวนยาว
    ก่อนที่สิงห์จะควบม้าออกไป
    ก็มีชาวบ้านวิ่งมาพร้อมดาบคู่

    สิงห์พ่อครูให้เอาดาบท่านมาให้เจ้า

    สิงห์นั้นรับดาบของพ่อครู แล้วยกไหว้ขึ้นเหนือหัว
    สิงห์สบตาเข้ม แล้วพยักหน้า
    กองทัพเพียงหยิบมือของสิงห์
    ก็วิ่งออกจากหมู่บ้านไปเต็มกำลังฝีเท้าม้า

    ทิ้งไว้แต่เพียงฝุ่นสีส้ม ตลบอบอวล
    และรอยน้ำตาแห่งความเป็นห่วงเป็นใย
    ของเมียแลลูกแลแม่ของเหล่านักรบ

    ไม่รู้จักเป็นหรือตาย
    ไม่รู้จุดเริ่มต้นและสิ้นสุดแห่งสงคราม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2015
  7. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ในสมัยอโยธยานั้น
    ดาบเป็นของมีครู
    เป็นของประจำตัว
    ไม่นิยมใช้ร่วมกัน
    ยกเว้นพ่อให้ลูก
    หรือเป็นของสืบทอดเมื่อพ่อสิ้นชีพเท่านั้น

    ทุกวันทุกคืนต้องกราบไหว้บูชา
    สวดมนต์
    แลอธิษฐานถึงเทวดาประจำตัว
    เทวดาผู้รักษาดาบ
    เพื่อให้การไปรบนั้นแคล้วคลาดปลอดถัย
    ชนะศตรู

    ดังนั้นที่พ่อครูให้ดาบสิงห์
    เพื่อแสดงถึงความรัก ให้เกียรติอย่างสูงสุด
    และเหมือนการอวยพรให้สิงห์ชนะการรบ
     
  8. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สิงห์ควบม้าทั้งวันทั้งคืน
    กับกองทัพ

    ความรู้สึกของลมเริ่มกลับมา
    ทุกคนไม่มีใครพูดคุย
    จิตใจคิดแต่จะไปให้ถึงกองทัพทมิฬเร็วที่สุด

    กองทัพทมิฬสุดเหี้ยม
    ผูกนักรบไทย ด้วยเชือก ล่ามเป็นสายยาว
    แล้วควบม้าด้วยความเร็ว
    ร่างของพวกเขาก็ถูกลากไปตามพื้นดิน
    เจ็บแสบทรมานเหลือแสน
    แล้วพวกมันก็ควบม้าให้หยุดลง
    พอพวกตัวประกันโซซัดเซ
    เลือดท่วมกาย
    หมดเรี่ยวแรงหนี
    พวกมันก็ใช้แส้เฆี่ยน
    กระโดษถีบ
    กระทืบบ้าง

    เลี้ยงไว้ไม่ให้ตาย
    แต่ให้กลับไปถึงทัพหลวงของมัน
    พวกมันต้องการรู้ความลับในค่ายลพบุรี
    มีทหารเท่าไหร่

    เพราะพวกมันได้ประมือกับครูเอก
    และฝีมือพ่อครูจัดมาก
    อีกทั้งเพลงมวยเพลงดาบ รวดเร็วดุดันนัก
    ถึงแม้พวกมันจะมีมากกว่าเท่าตัว
    ก็ไม่สามารถกำจัดพ่อครูได้
    พวกมันจึงต้องจับตัวไปให้แม่ทัพอังวะ
    ตามคำสั่ง ว่าหากพบนักรบฝีมือฉกาจ
    ให้นำตัวไปสอบ ให้รู้แจ้ง
    ถึงจักฆ่าได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2015
  9. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สิงห์รู้สึกถึงลม ผสมฝุ่นจากกลีบม้า
    ถึงแม้จะเบาบาง
    สิ่งหนึ่งที่แปลกมาก ที่สิงห์เพิ่งค้นพบว่าตนเองทำได้
    เมื่อสิงห์นั้นกำหนดจิต หลับตาลงไป
    ขณะควบม้าตามเข้มที่ตอนนี้ขึ้นหน้าไปเพื่อนำทาง
    ในความมืดนั้น สิงห์เห็นภาพเพียงรูปแสง
    เป็นภาพของกองทัพทมิฬ
    สิงห์เห็นลักษณะที่มันกระทำกับเชลย
    สิงห์นั้นแปลกใจ และไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็นในนิมิต
    ถึงแม้ภาพนั้นไม่ชัดเท่าที่ลืมตา
    แต่ก็ชัดจนรู้รายละเอียด
    ขณะที่กำลังสงสัย ปรากฏภาพขรัวอินทร์ยิ้มให้
    เพียงแวบเดียว
    แล้วภาพทุกอย่างก็หายไป
    สิงห์ลืมตา น้ำตารื้นมากลบตา

    พ่ออยู่กับข้าเสมอ ขอบพระคุณขอรับ
    ลูกจักไปช่วยนักรบให้ได้

    ควบม้าทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หยุดพัก

    เพลานั้น ตกค่ำ พวกกองทัพทมิฬก็ชะล่าใจ
    จึงหยุดทัพ เพื่อนอนพัก
    เพราะทัพหลวงนั้นอีกไกล
    ยิ่งนำเชลยไปด้วย ยิ่งทำให้การเดินทางชักช้า
    และหากเร่งเดินทางทั้งคืน
    เชลยที่แต่ละคน เลือดไหลโทรมกาย
    อาจไม่รอดซักคน

    พวกมันหุงข้าวปลาอาหาร
    กินกันสำราญ
    พอกินเสร็จ
    มันก็เอาข้าวในหม้อดินนั้น
    เทราดลงบนพื้น
    ให้ข้าวคลุกดินคลุกทราย
    แล้วเอาตีนกระทืบข้าวนั้นอย่างช้าๆ
    แล้วบอกกับเหล่าเชลย

    อ้าว จงกินเสีย คงจะหิวซินะ
    555

    เหล่านักรบไทย รู้สึกแค้นจนจุกอก
    และไม่ได้คิดเลยว่าจะมีใครมาช่วย
    เพราะพ่อครูก็เจ็บหนัก คงตามมาไม่ทัน
    น้ำตามันมาจุกที่อก ท้อแท้ สิ้นหวัง
    ชิงชัง คลั่งแค้น
    กัดฟันจนรู้สึกราวกับฟันจะหัก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2015
  10. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เพลานั้น เข้มหยุดม้า แล้วบอกกับสิงห์ว่า

    สิงห์ข้าว่าพวกเราเหนื่อยล้ามากแล้ว
    หยุดพักทัพพักม้าก่อน

    สิงห์สบตาพ่อเข้มนิ่ง แล้วหันไปทางนักรบที่ตามมา

    ข้าเป็นผู้นำทัพ ข้าขอสั่งไม่ให้ทุกคนพัก
    เพลานี้พวกมันคงพักทัพเช่นกัน
    หากเราเร่งติดตามจักทันได้
    เพราะคืนนี้ หากมันพักทัพ พรุ่งนี้มันคงมีเรี่ยวแรง
    ทั้งม้าแลคน เราอาจไม่มีโอกาสตามมันทันอีกเลย

    ศึกนี้เดิมพันด้วยชีวิตพี่น้องเรา

    ข้าศิษย์ขรัวอินทร์
    ขอเดิมพันด้วยชีวิตว่า
    ศึกนี้เราจะกุดหัวไอ้พวกชั่วชาติ
    มาเลือดมันมาทาแผ่นดินเรา
    ให้สมกับที่มันทำบ้านทำเมือง
    ทำพ่อครูเอก ครูของเรา

    ไป สิงห์ตะโกนก้อง

    ทุกคนรู้สึกราวกับอยากก้มหัวให้สิงห์
    แม้สิงห์จะเด็กนัก

    แต่หลังจากคำพูดนั้น
    ทุกคนรู้สึกเข้าใจและมั่นใจว่า
    ทำไมครูเอกให้สิงห์นำทัพ

    และทุกคนยังรู้กิตติศัพท์ของขรัวอินทร์
    ที่บ้างก็ว่าท่านเหาะเหินเดินอากาศ
    หายตัวได้ อีกทั้งเรียกผี เรียกลม เรียกฝนได้

    ทั้งม้าและคนใช้แรงฮึดเฮือกสุดท้าย
    ควบสุดฝีเท้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2015
  11. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ขอกราบกรานเทพเทวา ทุกชั้นฟ้า
    เทพอสุรินทร์เทพบุตร
    พระแม่ธรณี พระสยามเทวาธิราช
    บูรพกษัตริย์ไทยทุกพระองค์
    แม่ทัพ ทหารหาญ เหล่านักรบไทย
    ลูกขออารธนา คุณพระศรีรัตนตรัย
    ขอให้ค่ำคืนนั้นจงหวนมาในจิตในใจลูก
    ขอให้เหล่านักรบที่หลับไหล
    ที่ลืมเลือน เพลงหมัดเพลงดาบ
    ขอให้เลือดจงร้อน ขอให้จำได้ทุกขณะจิต
    แม้เป็นหญิงหรือชาย ขอให้รับรู้วาระจิตของลูก ด้วยเทอญ
    บุญใดที่ลูกได้ทำ ขอบุญนั้นจงสำเร็จแก่ท่านถ้วนทั่วทุกชั้นเทอญ

    ไม่ว่าอยู่แห่งหนตำบลใด แม้อยู่แผ่นดินไทย หรืออยู่นอกแผ่นดินไทย
    หากได้ยินเสียงเรียกแห่งกู มึงจงรีบมา
     
  12. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    โห เอาซะขนาดนั้นเลยหรอ
     
  13. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    พักคั่นเวลา ขนหัวลุก มึนงง
    อารมณ์มาแรงมาก รู้สึกยังกับตูจะเป็นรบจริงๆ
    ดาบกูอยู่หนายยยยย ม้ากูอยู่หนายยยยยยยย

    5555
     
  14. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    มันรู้สึกจริงจังเนอะ
    มันรู้สึกไงก็พิมพ์ไปแบบนั้นแหละ

    ไอ้สองประโยคสุดท้าย
    เค้าฝากมาเรียก ...
    คนรักอโยธยายิ่งชีพ เค้าฝากมาเรียก
     
  15. btme

    btme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +319
    เอ้าจะมัวพักชักช้าอยู่ใย เดี๋ยวเป็นอันไม่ทันทัพข้าศึกกันพอดี
     
  16. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ในฐานะที่ทำสอบได้ ฉลุยกว่าที่คิด
    ก็จักไม่ขัดศรัทธา เกรงว่าจะมีการค้างเกิดขึ้น
    เดี๋ยวแอบบ่นให้คนเขียน คนเขียนก็หูดี
    ได้ยิน ว่า อะไรว้า แบบนี้ 555
     
  17. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ควบม้าไป ซักพักใหญ่
    ดวงอาทิตย์ ลับขอบผ้าไปเนิ่นนาน
    คืนนั้นเป็นคืนเดือนหงาย
    แหงนมองขึ้นไปบนฟากฟ้า
    ฟ้าเปิดคืนนั้น แต่อากาศกำลังดี ลมเย็นพัดมาเป็นวูบ

    สิงห์ยิ้มแยกเขี้ยว หมายมั่นในใจ
    ขรัวอินทร์ขอรับ ลูกขอใช้วิชาของพ่อ
    ดวงตาสิงห์วาวโรจน์ในความมืด
    เพลานั้นเข้มหันมามองสิงห์
    ในใจเข้มคิดว่า
    ช่างราวกับใบหน้าของพญาราชสีห์จ้องเหยื่อ
    มองแล้วให้นึกสยองใจนัก
    แม้ใบหน้างดงาม แต่แฝงไว้ด้วยความอำมหิต

    หยุด สิงห์สั่งม้าแลทัพหยุด
    ทุกคนงุนงง มองไปข้างหน้าว่างเปล่า
    มีแต่รอยเท้าม้าเท่านั้น ไม่เห็นมีใคร

    สิงห์สั่งต่อว่า ลงจากม้าให้หมด
    ทุกคนแม้สงสัย แต่ก็เชื่อมั่นในตัวสิงห์

    สิงห์กล่าวต่อไปว่า เราไกล้ถึงทัพมันแล้ว
    แต่ทัพมันมีกำลังมากกว่า
    หากเราเข้าไปโจมตี อาจเพลี่ยงพล้ำ
    และอาจไม่ได้เชลยกลับมาเป็นๆ
    พวกชั่วชาติเห็นพวกเราบุกมา มันคงฆ่าเชลยเสียสิ้น
    กว่าเราจะจัดการมันทุกตัว พี่น้องเราคงตายหมด
    เราจักเดินเท้าเข้าไป
     
  18. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ทุกคนในทัพ เมื่อควบม้าออกจากค่ายนั้น
    รู้สึกหวั่นไหว ศึกนี้ไม่รู้จักเป็นหรือตาย
    แค่ได้ยินชื่อกองทัพทมิฬก็ให้หวั่นใจ
    ไหนจักต้องชิงตัวประกัน ที่คงเจ็บปวด
    และอ่อนแรง ไม่สามารถร่วมรบได้
    หากโดนทัพพวกมันไล่ต้อน ตลบหลัง
    คงได้ตายกันยกทัพ

    แต่ด้วยศักดิ์ศรีความเป็นไทย
    ด้วยความรักเพื่อนพ้องน้องพี่
    แม้ตายก็ดีกว่านั่งนอนอยู่ที่ค่าย
    กูขอสู้จนเลือดหยดสุดท้าย
    เพื่อคนที่กูรัก เพื่อพ่อครูที่กูเคารพ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2015
  19. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    แต่ความรู้สึกนั้นหมดไป

    หมดไป มลายไปสิ้น เพราะสิงห์

    สิงห์เปรียบเหมือนดวงจันทร์ที่ผันผาย
    ขึ้นในคืนมืดมิด แม้มองเห็นทางเพียงเงาสลัว
    แต่ก็รู้สึกมีหวังในใจ

    ทุกหัวใจในทัพ ต่างสยบให้สิงห์
    ทุกความเชื่อมั่น
    ศึกนี้ศึกไหน เราจักชนะ
     
  20. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เมื่อไกล้ถึงทัพทมิฬสิงห์สั่งให้ทุกคนหยุด
    บริเวณนั้น เป็นพุ่มไม้หนาแน่น

    ขอพวกท่านจงเชื่อมั่น สิ่งที่จะเกิดต่อไปนี้
    เป็นสิ่งที่พวกท่านไม่เคยพบเห็น

    ข้าคือศิษย์ของขรัวอินทร์
    เดิน อีกเพียงอึดใจ
    เราจักถึงทัพของมัน
    ตอนนี้เราอยู่ใต้ลม
    สิงห์พูดพลางคุกเข่าหยิบดินขึ้นมาหนึ่งกำมือ
    แล้วค่อยๆโปรยดินนั้น

    เมื่อไปถึงทัพขอให้พี่เข้มแบ่งคนห้าคนไปทางขวา
    พวกเชลยถูกมัดรวมกันอยู่ที่นั่น
    พี่ต้องไปปลดปล่อยพี่น้องเรา
    แล้วจงพาทั้งหมดมา
    แอบซ่อนที่พุ่มไม้นี้เสีย

    ส่วนพวกท่านที่เหลือ อีกห้าคนย่องไปทางซ้าย
    จงรวบรวมม้าให้มากที่สุด ม้าพวกมันอยู่ทางนั้น
    แล้วนำมารวมที่จุดนี้

    ให้พี่เข้มพาทุกคนขึ้นม้ารอข้าก่อน
    ข้ากับพวกที่เหลือจักจัดการพวกมัน
    แล้วจักตามมาสมทบ
    เราจักไปที่จุดพักม้า
    แล้วจักควบม้าไม่พักจนกว่าจะถึงค่าย

    เข้มรู้สึกเป็นห่วงจึงกล่าวว่า
    แผนเจ้าดีมาก แต่มันจักทำได้เยี่ยงไร
    พวกมันมากกว่าเราตั้งเท่าตัว

    สิงห์แสยะยิ้ม ใครว่าพวกมันมากกว่าเรา
    พี่จงวางใจไป ข้าจักทำให้มันจำข้าไปทุกภพทุกชาติ

    เข้มนั้นงงนัก

    แล้วสิงห์ก็พูดต่อว่า
    พีเข้มจงตามข้ามา
    ข้าจักให้พี่ดูวิชาขรัวอินทร์เป็นบุญตา
     

แชร์หน้านี้

Loading...