เมื่อพระยามัจจุราชมาทวงชีวิตข้าพเจ้า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย tjs, 14 มิถุนายน 2013.

  1. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ==================

    ตอบข้อ2 ท่านหลวงพ่อพรหมท่านเป็นพระอรหันต์ทรงอภิญญา คุณมีวาสนาเดิมที่เคยสร้างไว้ ควรบูชาท่านให้เจริญรอยตามท่านเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติธรรม เพื่อการชำระจิต ครับ

    ตอบข้อ3 เป็นนิมิต ของเวลาของการไปทำบุญแต่ละที่ซึ่งบ่งบอกให้ทราบว่า เป็นมงคลแก่ชีวิต เลขสามหมายถึงพระรัตนตรัย เลขสี่หมายถึง พรหมวิหาร ส่วนเลข1หมายถึงอุ หมายถึงจิตแห่งพุทธะครับ

    ขอให้ตั้งปณิธาณให้ดีงามและสร้างบารมีตามที่ปราถนาครับให้จงได้ให้สำเร็จครับ
     
  2. changthai

    changthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2008
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +515
    ผมอ่านกระทู้แล้วรู้สึกมีกำลังใจอยากจะปฏิบัติบ้าง แต่ผมเคยนั่งแล้วเหมือนฟุ้งซ่านเอาจิตออกจากตัวไปเรื่อย ซึ่งตอนนี้ก็ห่างหายไปหลายเดือนแล้วเพราะหน้าที่การงานหนัก. แต่ไม่กี่วันมานี้ผมฝันถึงท่านพระยายม ในฝันท่านบอกว่า"เราผู้เป็นพยานบุญให้ท่าน" (ปกติเวลาทำบุญผมยึดตามบทอุทิศของหลวงพ่อฤาษีฯ) แต่ผมไม่ได้มีความกลัวท่านนะครับ จนได้เข้ามาอ่านกระทู้พี่นี่แหละครับเห็นว่าเกี่ยวกับท่านพระยายมราช ผมอยากสอบถามเกี่ยวกับวิบากกรรมของผมหน่อยครับทำอะไรก็ติดขัดและชอบรู้สึกว่ามีวิญญาณติดตามมาไม่รู้คิดมากไปหรือเปล่าขอความเมตาด้วยรับ
     
  3. มหาเมตตา

    มหาเมตตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +283
    ขออนุโมทนาในคำตอบของท่าน tjs ด้วยครับ ผมรู้สึกและเข้าใจในคำตอบของท่านดี บางอย่างเป็นเรื่องที่พูดยาก ยิ่งทำให้ปุถุชนคนทั่วไปเข้าใจนั้นยิ่งยากกว่า เพราะท้ายสุดแล้ว เมื่อเกิดความเห็นต่างก็ย่อมเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ทั้งดีและร้าย กลายเป็นการสร้างกรรมขึ้นมาใหม่ แต่อย่างที่ผมเคยได้กล่าวไปในเจตนาครั้งแรกที่โพสต์ถามท่าน tjs ก็คือ เราปรารถนาที่จะเผยแพร่เรื่องราวลี้ลับที่มนุษย์ปุถุชนทั่วไปยังไม่ทราบหรือทราบแล้วแต่ยังเข้าใจไม่ถูกต้องชัดเจนให้ได้ทราบได้กระจ่างกันในการนำเสนอเรื่องราวประสบการณ์ชีวิตจริงของมนุษย์คนหนึ่งโดยผ่านครูบาอาจารย์เบื้องบนชี้นำ

    หัวข้อที่ถามข้างต้นก่อนหน้านี้ ย่อมมีความเกี่ยวพันในเรื่องของ “การกลับชาติมาเกิด” ซึ่งเป็นเรื่องที่พูดยากและเข้าใจยากในเวลาเดียวกัน ขอย้อนภาพเหตุการณ์ในวันเดินทางกลับบ้านช่วงสงกรานต์ของผมในวันนั้น คือ เมื่อบังเอิญในความไม่บังเอิญระหว่างบนเส้นทางกลับบ้านต่างจังหวัดของผม จากที่ไม่ได้กลับบ้านมา 2 ปี และในปีนี้ก็ได้ใช้บริการ Google เหมือนเดิม แต่เส้นทางที่ปรากฏใน Google นั้น มันมี 2 เส้นทางเกิดขึ้น อีกเส้นทางเป็นเส้นทางใหม่ที่ยังไม่เคยขับผ่าน ซึ่งผมกับน้องก็ได้ตกลงว่าจะใช้เส้นทางใหม่นี้ เพราะเส้นทางหลักมุ่งตรงสู่ภาคเหนือนั้น เราคิดว่า มันจะต้องมีรถเยอะแน่นอน จะทำให้ถึงบ้านช้า ซึ่งก่อนหน้านี้ น้องผมก็ขับวนอยู่ใน กทม ประมาณชั่วโมงกว่า มันเป็นไปได้อย่างงัย ก็เป็นไปแล้ว ! แต่ในความรู้สึกผมเหมือนมีอะไรมาบังตาบังใจน้องชายซึ่งเป็นคนขับ ทั้งๆ ที่เราก็ใช้ Google แท้ๆ แต่น้องชายผมกลับไม่เชื่อในทิศทางของ Google พอถึงทางแยกก็ดันขับไปอีกทาง ผมก็ได้แต่นึกในใจว่าให้ท่านพระพิฆเนศช่วยเปิดทางที่บังตาบังใจน้องผมอยู่ด้วย

    ระหว่างบนเส้นทางใหม่นั้น พอขับมาน้องชายผมก็เห็นป้ายวัดช่องแค น้องก็ถามผมว่า จะแวะไปไหม? เป็นวัดของหลวงพ่อพรหม พวกเรายังไม่เคยไปเลย วันนี้โชคดีขับผ่านมาเจอพอดี พอผมได้ยินว่าเป็นวัดของหลวงพ่อพรหมเท่านั้น ผมก็รีบบอกทันทีเลยว่า “แวะๆ” เนื่องจากก่อนหน้านี้ก็อยากจะไปวัดใดวัดหนึ่งสักแห่งระหว่างทางกลับบ้าน ซึ่งเหมือนจะเป็นธรรมเนียมของพวกเราแล้ว วัดอื่นๆ ที่เป็นทางผ่านมีชื่อเราก็ไปมาหมดแล้วหลายครั้ง น้องชายผมจึงไม่ค่อยอยากไปแล้ว เลยไม่รู้จะไปวัดไหน? ในใจผมก็เฉยๆ แล้วว่า จะได้แวะหรือไม่ได้แวะวัดก็แล้วแต่ละกัน อีกอย่างรถเยอะ อาจทำให้เรากลับบ้านช้า ซึ่งหลังจากที่ผมแค่เห็นป้ายบอกทางวัดช่องแคก่อนจะถึงวัดไม่กี่กิโลเมตร จิตผมก็เกิดความรู้ความคิดเรื่องหลวงพ่อพรหมผุดขึ้นเป็นสายโดยฉับพลันทันที ทำให้จิตผมย้อนนึกไปถึง จุดห้วงเวลาในช่วงนั้นที่เปลี่ยนชีวิตผมไปสู่แดนธรรม คืนนั้นมีเหตุให้ผมน้องและพ่อได้เอาพระเครื่องออกมาดูกัน และเหมือนมีสิ่งดลจิตดลใจผมให้หยิบ “เหรียญหลวงพ่อพรหมรุ่น อายุ ๘๗ ปี พรรษา ๖๗ ครั้งที่ ๒ (จารอักขระขอมด้วยมือของหลวงพ่อพรหมเอง)” และเหมือนมีสิ่งดลใจให้ลูกศิษย์ก้นกุฏินำพระหายากที่มีจารอักขระด้วยมือหลวงพ่อเอง มอบให้พ่อผมเก็บไว้ก่อนที่ผมจะเกิด และอีกไม่นานท่านก็มรณภาพไป(ช่วงรอจุติจิตนี้คาบเกี่ยวเรื่องมิติเวลา ส่วนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจชัดแจ้ง ถ้ามองในมุมมองทางโลก มันย่อมเป็นไปไม่ได้แน่นอน แต่ผมรู้สึกว่ามันมีวิถีของมันอยู่ในทางพุทธะ) ทุกอย่างล้วนเนื่องด้วยเหตุปัจจัยทั้งสิ้น มีแค่รู้หรือไม่รู้ในวิถีนั้น

    ซึ่งพอผมนำเหรียญหลวงพ่อพรหมที่มีจารอักขระขอมขึ้นคอไม่นาน เหมือนความรู้ต่างๆ มันวิ่งเข้ามาในหัวไม่หยุด ซึ่งความรู้แรกที่เกิดขึ้น ก็คือ เรื่องกิจหน้าที่ที่จะทำให้ผู้มีทุกข์ได้เห็นภาพกรรมในภพอดีตด้วยตัวของจิตผู้มีทุกข์เอง... ต่อจากนั้น ผมก็หาภาพหลวงพ่อพรหมทาง Google เอามานั่งมองดูก็รู้สึกแปลกๆ กับท่านตั้งแต่นั้นมา ผมดูแล้วรู้สึกแปลกๆ และเฉยๆ กับท่านอย่างงัยไม่รู้ ต่อมาผมก็ไม่ได้ใส่ใจ แต่ช่วงนั้น ผมก็เกิดความรู้ผุดขึ้นมาว่าผมกับหลวงพ่อพรหมมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร แต่เนื่องด้วยช่วงแรกเพิ่งหัดฝึกฝนจิต แค่สวดมนต์ยังไม่ได้เริ่มนั่งสมาธิ ก็ทำให้อุปาทานฟุ้งซ่านมีอยู่มาก แยกไม่ได้ว่าอันไหนเป็นจริงหรืออุปาทานกันแน่ ต่อมาจึงเลิกคิดถึงเรื่องหลวงพ่อพรหม ก็ตั้งหน้าตั้งตาเจริญสติ,สมาธิ,ปัญญามาเรื่อยๆ จนมาถึง ณ จุดห้วงเวลาที่สายตาผมมองเห็นป้ายวัดช่องแคพร้อมกับได้ยินชื่อ “หลวงพ่อพรหม” เท่านั้น ความรู้ความคิดเรื่องหลวงพ่อพรหมจึงผุดขึ้นมาเป็นสายในจิตอีกครั้ง จากที่เคยคิดเมื่อ 4 ปีที่แล้ว มันเหมือนเป็นสัญญาณย้ำเตือนผุดขึ้นในจิตเราอย่างแจ้งชัดในเรื่องนี้อีกครั้งโดยไม่มีข้อลังเลสงสัยอีกเลย เนื่องเพราะภาวะจิตเราพร้อมแล้วในระดับหนึ่ง และห้วงเวลานี้ย่อมเชื่อมโยงไปยังวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วซึ่งเป็นวัดของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ซึ่งการไปวัดนี้โดยครูบาอาจารย์ชี้นำ เป็นสัญญาณบอกเหตุถึงการเริ่มต้นของการทำกิจหน้าที่ในทางพระพุทธศาสนา ถึงแม้ว่าผมเองก็รู้สึกว่า ตนเองยังไม่มีคุณวิเศษอะไรที่เป็นเครื่องมือที่จะใช้งานได้จริงอย่างชัดเจนก็ตาม แต่คำสอนที่ผุดขึ้นมาในจิตผม ก็คือ ให้ผมไม่ยึดมั่นถือมั่นในกิจหน้าที่เหล่านั้น ให้ผมไม่ยึดมั่นในดวงจิตของตนเอง ให้ผมไม่ยึดมั่นในบารมีของตนเอง ให้ผมไม่ยึดมั่นในจิตของครูบาอาจารย์ ให้ผมไม่ยึดมั่นในบารมีของครูบาอาจารย์ ให้ผมไม่ยึดมั่นในจิตของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ให้ผมไม่ยึดมั่นในบารมีของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์...

    ความรู้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาในวันนี้ก่อนที่ผมจะเขียนบรรยายนั้น มีว่า ผู้มีความหลุดพ้นเสมอมาในอดีต ย่อมมีกิจหน้าที่ที่ตั้งมั่นพึงกระทำในจิตตน รู้แจ้งชัดในญาณวิถีว่า ชาติภพต่อไปจักเกิดเป็นอะไรเป็นใครสืบด้วยบุญกรรมสัมพันธ์ส่งผล รู้แจ้งตลอดสายในวิถีจิตบุญกรรมในภพถัดไปและกิจหน้าที่ที่พึ่งมี โดยกำหนดฝากกระแสจิตในเทพพรหมและพระอรหันตพระโพธิสัตว์ที่มีบุญร่วมกัน รวมถึงฝากกระแสจิตในองค์พระพุทธเจ้าเป็นที่สุดแห่งที่พึ่งใหญ่ ถัดมา ก็ทำเหตุปัจจัยใหม่เสริมเพื่อเลื่อนวิบากกรรมบางอย่างออกไปมิให้ส่งผลต่อกิจหน้าที่ทางพระพุทธศาสนา แต่วิบากกรรมบางอย่างยังคงต้องรับผล สร้างเหตุปัจจัยใหม่ให้ดวงจิตในภพถัดมาได้ระลึกรู้ในสัญญาบารมีเดิมที่เคยสั่งสมมาตามจิตเดิม เช่น จิตปัญญาเดิม,จิตพรหมจรรย์เดิม,จิตฌานเดิม,จิตวิปัสสนาเดิม,จิตญาณบารมีเดิม,อื่นๆ เป็นต้น ฝากกระแสจิตในวัตถุเพื่อเปิดบารมีให้จิตระลึกได้ในภพถัดไป เช่น เหรียญพระ,ภาพพระ,ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่เคยใช้ในอดีต เป็นต้น เหล่าเทพพรหมและพระอรหันตพระโพธิสัตว์ที่มีบุญร่วมกันที่เคยฝากกระแสจิตไว้ ท่านจะช่วยดลจิตดลใจให้วัตถุที่มีกระแสจิตเดิมนั้นส่งผ่านไปยังตัวบุคคลหรือตัวเราผู้ฝากกระแสจิตเดิมในร่างใหม่ในภพชาติถัดไปได้ในที่สุด และชี้นำพาเราไปยังสถานที่ที่เราเคยเกิดเคยเป็นเคยอยู่ในภพก่อน และท่านๆ ที่เราฝากกระแสจิตไปนั้น ท่านจะช่วยเกื้อกูลเราในทุกด้านตามสมควร ท่านจะช่วยดลจิตดลใจให้เราทำบุญทำกุศล ดลใจให้ปฏิบัติธรรม ดลใจให้เราพบเจอกับผู้มีบุญสัมพันธ์เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ดลใจให้กระทำแต่สิ่งที่ดีงาม เตือนสติเรายามคิดพูดกระทำในสิ่งที่ไม่ดี ชี้นำเราให้เข้าสู่กระแสจิตบารมีเดิมเพื่อการสร้างบารมีและทำกิจหน้าที่ที่เคยตั้งปณิธานไว้ ยิ่งถ้าบารมีใหญ่กิจหน้าที่ก็ใหญ่ตามและย่อมส่งผลต่อทั้ง 3 ภพไม่เป็นอื่น แต่การจักสืบสารพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนสืบต่อไปได้นั้นย่อมต้องพร้อมด้วยทุกบารมีน้อยใหญ่ร่วมแรงกันจึงจักสำเร็จลุล่วงได้ เปรียบดั่ง มหาสมุทรจักเกิดขึ้นได้เป็นมหาสมุทรฉันใด มหาสมุทรนั้นย่อมต้องพรั่งพร้อมด้วยเม็ดทราย,เม็ดดิน,หินก้อนทุกเม็ดทุกก้อนจึงจักกลายเป็นมหาสมุทรขึ้นได้ฉันนั้น บารมีน้อยใหญ่ก็เฉกเช่นเดียวกันนั้นแล. จิตเราก็เป็นเพียงบารมีหนึ่ง จิตท่าน tjs ก็เป็นเพียงบารมีหนึ่ง สาธุ !

    .... อย่ายึดมั่นถือมั่นใดๆ ....

    -------------------------------------

    เพิ่มเติม

    เมื่อคืนวานขณะดูละครอยู่ เหมือนครูบาอาจารย์ท่านมาทำให้จิตเราหวนนึกถึงความฝันที่เคยไปเฝ้าพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันและได้คำตอบจากท่าน tjs มา ทำให้เราปรารถนาที่จะโพส์ตอ้างอิงในลำดับภาพจิ๊กซอที่นำมาต่อเชื่อมโยงกัน วันถัดมา ขณะที่เราอ่านคำถามคำตอบเรื่องความฝันนี้ 2-3 รอบทำให้จิตเราเกิดความรู้ขึ้นว่า พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันยังทรงดูแลพระพุทธศาสนาของท่านอยู่โดยการที่พระองค์ทรงให้ปัญญาผ่านทางจิตแก่เหล่าผู้ที่สืบทอดพระศาสนาของท่านในเหล่าเทพพรหม พระอรหันตโพธิสัตว์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสัมมาทิฐิใน 3 ภพ สารนี้จึงส่งผ่านมายังผู้มีบุญทั้งหลายด้วยเหตุด้วยกาลฉะนี้ สาธุ !
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 เมษายน 2015
  4. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    =======================

    ขออนุโมทนาครับ สิ่งที่กล่าวมาดีงามถูกต้องทั้งหมด เป็นสิ่งที่ท่านรู้แจ้งด้วยจิตท่านเองและกระผมก็เห็นว่าเป็นเช่นนั้นจริง

    ขออนุโมทนาอีกครั้งในปณิธาณในการสร้างบารมีครับ สาธุ
     
  5. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    หลวงพ่อพรหม ท่านเป็นบรมครู ในการสวดมนต์ภาวนาวันหนึ่งๆ ประจำวันทุกวันนั้น ผมต้องสวดบูชาท่านดังนี้คือ

    พรหมมาอรหันต์ พรหมมาอาราธนานัง เมตตาสุขคตะ มหาลาภัง สัพเพปิอันตรายา เมมะเหสุงประสิทธิเมโสภควา ครับ

    บทครูอาจารย์ที่ผมบูชา จะมีทั้งพระพระรัตนตรัยพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านเมือง พระโพธิสัตว์พระอริยะหลายพระองค์ครับ ซึ่งก่อนที่จะสวดบทบูชาและเสริมดวงบารมีต้องบูชาครูอาจารย์สายพุทธ ก่อน หลังจากนั้นก็บูชาเทพพรหม และเจริญภาวนา

    ในปัจจุบัน ผมสวดพาหุงมหากา อิติปิโส43 และพุทโธ 108 ซึ่งยังผลให้สมาธิดีมาก
    ส่วนการวิปัสสนาทำบ้างตามโอกาส พิจารณาธรรม บุญกรรม วิบากกรรม

    ผมชอบดูรายการธรรมะซึ่งมีหลายช่อง เช่น ddtv,ธรรมกาย, ,issarathamหลวงพ่อพุทธอิสระ, หลวงตามหาบัว, หรือแม้แต่ช่องbooniyom ของสายวัดอโศก ดูหมดไม่แบ่งแยก

    การปุจฉาวิสัจชนา หรือขยายธรรมปฏิบัติ หรือศีลวินัย หรือเรื่องราวต่างๆที่ถ่ายทอด มีประโยชน์มาก เพื่อทบทวนความรู้ความเข้าใจของตน ครับ

    มีหลายช่องทางขอให้ทุกท่านใช้เวลาที่มีให้เกิดประโยชน์

    ผมขอกล่าวว่า
    เวลาคือสิ่งที่มีอยู่ ซึ่งใน1วันทุกคนมีเวลา
    แต่โอกาสคือการดึงเอาเวลาที่ตนมีอยู่แสวงหาสิ่งดีงามเข้าสู่กายใจของตน
    โอกาสจึงไม่ใช่สิ่งที่เกิดได้เพราะต้องรอโชคชะตา
    แต่โอกาสคือการที่เรารู้จักแสวงหาไขว้คว้าสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเราเอง โดยไม่ต้องรออะไรใดๆ โอกาสเริ่มต้นที่จิต ที่เปิดกว้างและเป็นผู้แสวงหา

    เมื่อเราสร้างโอกาสให้เกิดกับตัวเราได้แล้ว จงสร้างวิธีคิดและทางเลือก ที่มีทางเดินที่ลัดตรงไม่เนิ่นช้าล่าช้าและเกิดประโยชน์สูงสุด
    เมื่อท่านลงมือปฏิบัติก้าวเดินทางทางเดินที่ท่านเลือกแล้ว จงมีศรัทธาและตั้งมั่นเชื่อมั่นไม่ย้อท้อ

    ความพ่ายแพ้นับพันครั้งยังไม่น่ากลัวเท่าความท้อแท้ล้มเลิกเพียงครั้งเดียว

    เจริญธรรม เจริญพรครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2015
  6. mcusys

    mcusys เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +106
    คุณก้องครับ ผมรบกวนอีกสองเรื่องนะครับ ข้อความอยู่ในข้อความส่วนตัวที่ผมส่งให้คุณก้องนะครับ ขอรบกวน 2 คำถามครับ
    ผมไม่กล้ารบกวนคุณก้องมากจริงๆเพราะรู้ว่าคุณก้องต้องยุ่งมากแน่ครับ ขอรบกวน 2 เรื่องนี้นะครับ....
     
  7. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    =================

    จากที่ได้ตรวจสอบพบว่า มีปัจจัยสองส่วนคือ

    1 กรรมในอดีตให้ผลร่วมกันในอดีตชาติเคยร่วมกันทำบาปกรรมทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนเจ็บป่วย เพราะการขาดอาหารและไม่แบ่งปันยารักษาโรคให้ชาวบ้านทาสบริวารที่รับใช้ เป็นกรรมติดตัวมาครับ
    2 เกิดจากการเข้าไปอยู่ในสถานที่คือบ้านหรือที่พักตรงนี้ ให้ทำการขอขมาท่านเจ้าที่และควรกราบไหว้ เดิมนานมากแล้วตอนสร้างบ้านหลังนี้มีไม้ใหญ่ คล้านกระถินหรือต้นขี้เหล็ก ที่บ้านเดิมเป็นที่ไม่เสมอและบางจุดมีน้ำขัง เป็นดินดำเพราะปลูกอะไรก็ดี นานแล้วได้ได้ตัดต้นไม้เหลือแต่ตอแล้วเผาตอ แต่เผาไม่หมดเหลือตอใต้ดินไม่ได้ขุดออก แล้วเมื่อไม่นานมานี้มากนักก็ได้สร้างบ้านตรงนี้ จึงเหมือนไปทับที่ท่านโดยไม่ทราบ

    เราไม่เจตนาให้แก้ไขกรรมตรงนี้ได้ไม่ยากคือ
    1 ให้ทำบุญถวายสังฆทานสดและสังฆทานยา พระพุทธรูป4นิ้วมารวิชัย ปล่อยปลา ทำบุญกับคนป่วย คนพิการคนแก่ที่ลำบากตามศรัทธา
    แล้วอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวรและเทวดาที่รักษาตน
    2ให้ทุกคน แก้ไขด้วยการจุดธุป9ดอกกลางแจ้ง ขอขมาท่านในความไม่รู้และไม่เจตนาล่วงเกินท่าน และให้แก้ไขด้วย ตั้งศาลให้ท่านเป็นศาลเทพารักษ์ เรียกชื่อท่านว่า ท่านพ่อขาวเทพารักษ์ เป็นชายแก่ผมขาวผิวขาวเหลืองนุ่งขาวห่มขาว หน้าตารูปกลมมีหนวดขาวแซมดำอายุประมาณ60-70ปี ครับ หรือไม่ก็ให้แก้ไขด้วยการตั้งหิ้งพระให้ท่านครับ มุมใดมุมหนึ่งของบ้านให้เป็นทางทิศตะวันออก หันหน้าไปทางทิศตะวันออกครับ

    ให้บูชาท่านด้วยผลไม้ มาลัย หมากพลู น้ำเปล่าครับ

    ให้ทำให้เรียบร้อยภายในเดือน6ก่อนวิสาขะนี้ จะดีมาก หากเลยเวลาไปจะอันตรายกับทุกคนครับ สาธุ
     
  8. มหาเมตตา

    มหาเมตตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +283
    เราขออนุโมทนา สาธุ! กับเมตตาจิตและบารมีธรรมของท่าน tjs ด้วยครับ

    เมื่อตะกี้เราได้ยินเสียงฟ้าร้องกึกก้องในยามฟ้าโปร่งมีแดดส่อง ปีนี้ฝนมาเร็วกว่าทุกปี อุปาทานที่บังเกิดขึ้นนี้จึงทำให้เราปรารถนาจะสอบถามท่าน tjs ว่า ด้วยญาณวิถีพุทธะในท่าน ท่านรู้เห็นหรือไม่ครับว่าปีนี้จะเกิดอาเพศใดขึ้นอีกบ้างหรือไม่ครับ? นอกเหนือจากแผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาล ถ้าอนาคตกาลอันใกล้มีแนวโน้มจะเกิดก็จักเป็นการเตือนสติผู้มีบุญทุกท่านให้ตระหนักในการทำความดีทำบุญทำกุศลไว้ครับ เมื่อครั้นประสบพบเจอเหตุอาเพศกับตนเองแล้วก็จักรอดพ้นด้วยบุญกุศลที่ตนได้เคยกระทำไว้ดีงามแล้ว เนื่องเพราะอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เหตุนี้เราจึงควรทำเหตุปัจจัยในบุญกุศลให้ดีงามเพื่อความผาสุขร่มเย็นให้เกิดขึ้นแก่ตนเอง เพื่อสามารถดำรงชีวิตในการสร้างบารมีสร้างความดีได้นานๆ ในภพชาติปัจจุบันนี้ครับ เราขออนุโมทนาในคำพยากรณ์ของท่าน tjs และครูบาอาจารย์ในการนี้ด้วยครับ สาธุ !

    ....อย่าได้ใส่ใจในอุปาทานของเราเลย สายตาเหลือบเห็นเวลา 3:33 pm....

    ... จิตเราไม่ใช่ของเราฉันใด บารมีเราก็ไม่ใช่ของเราฉันนั้น ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2015
  9. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ===============

    เกิดจากวิบากกรรมในอดีตชาติ อันเกิดจากการมีคู่หลายคู่ มีกามราคะเป็นกิเลสหนุนส่ง ให้มีคู่้มาก เมื่อมีคู่มากในคราวนั้น จึงสร้างกรรมจากการละทิ้งคู่ไปมีคู่ครองใหม่ ทำให้คู่ครองที่ถูกทิ้งและบุตร มีความเสียใจ เกิดความทุกข์ยากไม่มีผู้เลี้ยงดู ดูแล ครอบครัวขาดความอบอุ่นทำให้ ดวงชะตาเกิดมาครอบครัวไม่มีความสุข ขาดความอบอุ่น ต้องเดินทาง ห่างไกลหรือพลัดพลาก จากครอบครัวเป็นต้น ตลอดจน การเงินแม้ไหลดีบางชาวงก็เก็บไม่อยู่ ทำคุณคนไม่ขึ้นครับ พึ่งพาใครคนอื่นได้ยากต้องพึ่งตนเองเท่านั้นครับ

    ต้องบวชถือศีลแก้ไข หรือการทำทานบ่อยๆ ทานชีวิตสัตว์บ่อยๆ ก็จะแก้ไขให้เบาลง รวมทั้งควรสร้างพระหรือถวายพระพุทธรูปจะแก้กรรมได้ดีครับ ทำแล้วอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรครับ
     
  10. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ================

    ผมเคยบอกกับสหายธรรมบางท่านที่ลพบุรี เพราะเขาต้องทำสวน ทำไร่ จึงสอบถามสภาพดินฟ้าอากาศ ซึ่งเมื่อต้นปี ผมเคยบอกไปว่า ปีนี้ จะแล้งร้อนมากแต่ไม่นานฝนก็จะตกมาเร็วกว่าปกติตั้งแต่ต้นเดือนเมษา แต่ฝนที่มาเร็ว มามีเวลาตกไม่นานมากนักหลังจากวิสาขบูชาไปแล้ว ฝนจะเบาลงและขาดช่วง แต่จะตกหนักและเกิดภัยพิบัติร้ายแรงในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าครับ

    ช่วงเข้าพรรษาช่วงปลายๆถึงฤดูหนาวอากาศจะร้อนมาก บางพื้นที่ขาดน้ำ และจะเกิดมรสุม ภัยพิบัติในบางพื้นที่ ทั้งดิน น้ำ ลม และไฟครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2015
  11. มหาเมตตา

    มหาเมตตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +283
    ขอบคุณครับในคำพยากรณ์ของท่าน tjs

    ผมอ่านคำพยากรณ์ของท่าน tjs แล้วก็ไม่เห็นมีภัยพิบัติอะไรมากมายหนักหนาเลย คงท่วมเหมือนทุกปีปลายปี ท่วมมากบ้างน้อยบ้างตามทั่วประเทศ ภาคใต้ก็คงท่วมหนักเหมือนเดิม ไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านๆ มา แล้วมันมีภัยอย่างอื่นอีกหรือเปล่าครับ? นอกเหนือจากภัยธรรมชาติ แต่เป็นภัยที่เกิดจากมนุษย์กระทำ หรือถ้ามีภัยจากมนุษย์กระทำจริง อาจทำให้คนอ่านตื่นตกใจเป็นกระแสข่าวเป็นกรรมอีกได้ หรือไม่ก็ผมคงอุปาทานนึกไปเองว่ามันจะต้องมีเหตุการณ์ร้ายที่ไม่ดีอะไรเกิดขึ้นสักอย่างในเมืองไทยที่ไม่ใช่เกิดในภาคใต้ เพราะถ้าเกิดระเบิดในภาคใต้มันคงเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว อันนี้ผมยกขึ้นมาเปรียบเปรยเฉยๆ นะครับ ไม่ได้ชี้นำว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ผมแค่รู้สึกว่าจะต้องมีเหตุร้ายเกิดขึ้นแค่นั้นเอง อย่าใส่ใจคำพูดของคนช่างฝันเลยครับ ผมคงฟุ้งซ่านไปเองเละครับ ไม่รู้ตัวเองจะเขียนทำไม ฮ่าฮ่า ขอบคุณครับ !
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2015
  12. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ความจริงเรื่องการทำนายทายทักก็มีผิดบ้างถูกบ้าง หมอดูคู่กับหมอเดา ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้

    ปัญหามันอยู่ที่การดูหรือตรวจชะตาก็เพื่อทราบแนวโน้มของปัญหา สิ่งที่อาจจะเกิด ซึ่งมันก็เป็นเรื่องของสถิติอย่างหนึ่ง และส่วนหนึ่งก็เป็นการใช้กำลังใจ ที่เราฝึกฝนมา เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น

    ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือการใช้ชีวิตอยู่บนความไม่ประมาท ด้วยการรู้จักทำความดีสร้างบารมี หรือรู้จักแก้ไขกรรมไม่ดีของตน รู้จักการให้ โดยเฉพาะการให้บุญคืนแก่ท่านเจ้ากรรมนายเวรหรือผู้มีพระคุณ คือสิื่งที่ต้องทำ

    ฉนั้น ทุกอย่างมีด้านที่ดีและไม่ดี คนที่ดีและมีสติปัญญาย่อมรู้ดีว่าควรเลือกสรรพ์สิ่งดีงามให้เกิดแก่ชีวิตของตนอย่างไรตามกาละเทศะอย่างไร นี่คือสิ่งหนึ่งที่ทุกคนควรเรียนรู้ทำความเข้าใจเพื่อความปกติสุขของชีวิตครับ สาธุ
     
  13. มหาเมตตา

    มหาเมตตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +283
    ขออนุโมทนาในข้อธรรมชี้แนะและเมตตาจิตของท่าน tjs สาธุครับ !
     
  14. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    =================

    การซื้อขายรถ ปกติทั่วไปจะเป็นคดี แพ่ง หากเราผิดจริง หรือเกินกำลังของเรา เพราะสถานภาพต่างๆเปลี่ยนไป ให้ยอมความกันไกล่เกลี่ยกันได้ สองวิธีคือ การไกล่เกลี่ยก่อนเรื่องไปถึงศาล หากไกล่เกลี่ยไม่ได้หรือไม่ลงตัว ให้ไปไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ในศาล ซึ่งเราไม่ได้หนีไม่ได้คิดจะไม่รับผิดชอบ แต่เราจะรับผิดชอบตามกำลังความสามารถของเราที่สามารถผ่อนชำระได้ในรายเดือนที่ตนทำได้ จะกี่ปี่ก็แล้วแต่ ซึ่งศาลเขาจะพิจารณาให้อย่างเป็นธรรมกับผู้บริโภคอุปโภคอย่างเราๆ

    ส่วนกรณีที่ร้ายแรงคือกรณีที่เป็นคดีอาญา ที่เป็นการซื้อขายรถที่กระทำโดยมิชอบ จากการลักขโมย หรือความผิดอื่นๆที่ผิดกฏหมาย ตรงนี้ เมื่อเป็นคดีอาญา ถ้าเราผิดจริงก็ควรต้องยอมรับและไกล่เกลี่ยก่อนไปถึงศาลให้ได้ เพราะเมื่อไปถึงศาลแล้ว จะจนด้วยหลักฐานพยาน ถ้าเราผิดจริงการตั้งทนายสู้คดีก็ไม่คุ้มเพราะเราผิดจริงสู้ยังไงก็แพ้คดีเพราะมีหลักฐานผูกมัด

    จากกรณีนี้ ผมแนะนำว่าหากผิดจริงก็ให้ไกล่เกลี่ยกับเจ้าทุกข์อีกฝ่ายให้ได้ การติดคุกเป็นเรื่องใหญ่มาก ขอให้คิดให้ดีนะครับ ดวงชะตาเขาตกนาคราชมีเรื่องเดือดร้อน ถึงขั้นขึ้นศาล มีกรรมเก่าหนักพอสมควรให้ไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา ทำให้เจ้ากรรมนายเวร แล้วปัญหาจะคลี่คลายครับ

    ครอบครัวก็ต้องอดทนและใจเย็นกับการแก้ไขปัญหานะครับ เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว มีหน้าที่คือต้องช่วยกันแก้ไขประคับประคองนะครับสาธุ
     
  15. มหาเมตตา

    มหาเมตตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +283
    เมื่อคืนวานขณะผมนั่งทำธุระอยู่ในห้องน้ำและสายตาก็ดูละครไป ทันใดนั้นทำให้จิตผมนึกถึงเหรียญหลวงพ่อพรหมขึ้นมา จิตหวนนึกไปถึงตอนเปิดบารมีครั้งแรกโดยไม่รู้ตัวด้วยเหรียญหลวงพ่อพรหมที่ท่านฝากกระแสจิตบารมีเดิมไว้ จนในคืนนั้นที่นำเหรียญขึ้นคอเพียงไม่ถึงวันเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ส่งผลให้หัวสมองผมมันมีความรู้ผุดขึ้นมาเป็นสายวิ่งไม่หยุดไม่ว่าจะเป็นเรื่องกิจหน้าที่ในชาตินี้หรือความรู้อื่นๆ ก็ตาม ซึ่งเหรียญหลวงพ่อพรหมนี้ผมไม่ได้ขึ้นคอมาประมาณ 2 ปีแล้ว ไว้อยู่ที่หิ้งพระตลอด ซึ่งที่หิ้งพระก็มีพระธาตุของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันและพระธาตุของพระปัจเจกพุทธเจ้า รวมถึงพระธาตุของพระสีวลีด้วย จิตผมพิจารณาต่อเนื่องว่า การนำเหรียญพระไว้ใกล้ๆ พระธาตุจะทำให้เหรียญนั้นซึมซับกระแสพุทธคุณของพระธาตุเก็บไว้ และขณะจิตต่อมา ก็นึกถึงข้อความที่ตนเองได้เขียนเล่าไว้ในเว็บเรื่อง “การกลับชาติมาเกิด” รวมถึงข้อความที่ว่า “ฝากกระแสจิตในวัตถุเพื่อเปิดบารมีให้จิตระลึกได้ในภพถัดไป เช่น เหรียญพระ...” ทำให้จิตผมรู้สึกว่า การจักเชื่อมต่อกระแสจิตบารมีเดิมในภพก่อนได้โดยง่ายนั้น จักต้องนำเหรียญพระที่หลวงพ่อพรหมเคยอัดฝากกระแสจิตบารมีเดิมไว้มาขึ้นคออีกครั้ง จิตเกิดความรู้ต่อเนื่องว่า การนำบารมีเพียงชาติเดียวนั้นมิเพียงพอต่อการทำกิจหน้าที่ จักต้องเชื่อมต่อกระแสจิตบารมีเดิมเพื่อการสร้างบารมียิ่งๆ ขึ้นไปและยังกิจหน้าที่ให้ลุล่วงลงได้ แลเหตุด้วยสิ่งแวดล้อมต่างๆ ในยุคปัจจุบันยุคเทคโนโลยีนี้ไม่เอื้ออำนวยในการฝึกฝนจิตเท่าที่ควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการร่ำเรียนสรรพวิชชาต่างๆ ไม่เหมือนสมัยยุคก่อนที่เทคโนโลยีและเครื่องอำนวยความสะดวกมีน้อย สิ่งล้อตาล้อใจยังน้อย โดยความเป็นจริงในยุคสมัยปัจจุบัน การจักประทังชีวิตได้จักต้องทำมาหากินเพื่อนำเงินมาเลี้ยงชีพตนเอง เพื่อการจับจ่ายในปัจจัยสี่ที่จำเป็นและสิ่งฟุ้มเฟือยต่างๆ ที่ไม่จำเป็น จึงไม่มีเวลามากพอดั่งเช่นสมัยยุคก่อนที่ปลูกผักผลไม้ปลูกข้าวกินกันเองหรือแต่ละบ้านนำพืชผลมาแลกกัน ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ป่าไม้เป็นแหล่งอาหารและที่พึ่งใหญ่ของสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตรวมถึงมนุษย์ ทุกสิ่งทุกชีวิตต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ด้วยเหตุนี้ครูบาอาจารย์เบื้องบนจึงแจ้งชัดในวิถีชีวิตในแต่ละยุคสมัย ต่อมา จิตเราก็พิจารณาเห็นถึงวิถีชีวิตตนเองในชาตินี้ที่เคยเป็นมาและดำเนินอยู่ ก็เข้าใจชัดแจ้งแล้วว่า ตั้งแต่เกิดมาก็ร่ำเรียนหนังสือมาหลายปีจนถึงอายุ 20 กว่า เรียนจบก็ยังต้องมาทำงานออฟฟิตเพื่อหาเงินมาดำรงชีวิต แลการฝึกฝนจิตให้เข้าถึงความบริสุทธิ์ของจิตโดยตั้งมั่นยังเป็นสิ่งที่พึงกระทำได้เสมอในทุกยุคทุกสมัย แต่การจักร่ำเรียนความรู้สรรพวิชชาต่างๆ ในทางธรรมนั้นในยุคสมัยนี้ย่อมกระทำได้ยากดั่งที่กล่าวไว้ ดังนั้น การเชื่อมกระแสจิตบารมีเดิมเพื่อดึงความรู้สรรพวิชชาต่างๆ ในภพอดีตที่เคยร่ำเรียนสั่งสมมาในหลายภพชาตินั้น จึงเป็นคำตอบที่แจ้งด้วยจิตปัญญาพิจารณาดีงามแล้วของครูบาอาจารย์เบื้องบน

    หลังจากที่ผมออกจากห้องน้ำ ผมก็รีบนำเหรียญพระมาขึ้นคอโดยทันที แต่ก่อนจะขึ้นคอนั้น ผมก็มองพิจารณาตัวเหรียญทั้งด้านหน้าและด้านหลังดูอีกครั้ง พอมองดูด้านหลังทำให้ผมเอะใจว่า เราเขียนรุ่นของเหรียญผิดไป จริงๆ มันต้องเป็น “เหรียญหลวงพ่อพรหมรุ่น อายุ ๘๗ ปี พรรษา ๖๗ ครั้งที่ ๒” ไม่ใช่ รุ่น “90 ปี” แต่ทำไมคราวนั้น ผมจึงจำผิดไปได้ แต่เมื่อวานผมก็ไม่ได้ใส่ใจ บอกตนเองว่า เขียนผิด ก็เขียนแก้ใหม่ละกัน ถ้าไม่ลืมนะ ซึ่งเมื่อกี้ผมก็ดันจำได้ขึ้นมาว่า เขียนผิด ต้องแก้ไขให้ถูกต้องนะ หลังจากแก้ไขข้อความรุ่นเหรียญให้ถูกต้องแล้ว ก็นึกว่าไม่มีอะไรแล้ว แต่เหมือนมีอะไรดลจิตดลใจให้เรานำรุ่นเหรียญมาค้นหาใน Google ต่อ ซึ่งข้อมูลที่พบ จะออกแนวเช่าบูชาพระเครื่องเป็นส่วนใหญ่ โดยมีเนื้อหากล่าวถึงลักษณะของเหรียญและวิธีสังเกตุเหรียญว่าแท้หรือปลอม พอผมเปิดอ่านก็สะดุดใจตรงอักขระขอม ๙ ตัวบนเหรียญด้านหน้า คือ คำว่า “อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ” เป็นหัวใจพุทธคุณ 9 ห้อง เรียกว่า " นวหรคุณ " หรือ "หัวใจพระคาถาอิติปิโส108"

    คำถาม

    1. อักขระขอม ๙ ตัวบนเหรียญด้านหน้า “อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ” มันมีผลต่อการเชื่อมกระแสจิตบารมีเดิมและความรู้สรรพวิชชาเดิมของผมอย่างไรบ้างครับ?

    2. การสวดอักขระขอม ๙ ตัวนี้มีอานิสงค์เช่นไรบ้างครับ? มีอานิสงค์ในทางพระเวท,พุทธคุณ,ปาฏิหาริย์อย่างไรครับ?

    3. ขณะสวดอักขระขอม ๙ ตัวนี้ด้วยจิตอันหลุดพ้นบริสุทธิ์ตั้งมั่นเป็นเหตุ พร้อมด้วยกำลังสติตั้งมั่น,กำลังฌานวิปัสสนาญาณตั้งมั่นและด้วยกำลังจิตปัญญาตั้งมั่นเป็นปัจจัยแล้ว จักมีกระแสจิตและกระแสธาตุสำแดงขึ้นเป็นลักษณะเช่นไร? และส่งผลต่อวิญญาณทั่วไป,เทพพรหม,พระอรหันตโพธิสัตว์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใน 3 ภพเช่นไรครับ?

    4. แท้จริงแล้ว กำลังจิตกำลังปัญญาอันหลุดพ้นอันบริสุทธิ์ตั้งมั่นเข้มแข็งเป็นเหตุปัจจัยสำคัญที่สุดที่ก่อเกิดสำแดงฤทธิ์ผลเป็นอัศจรรย์ในทางพระเวท,พุทธคุณ,ปาฏิหาริย์ ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ทำสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงให้เกิดมีจริง ทำมายาให้เป็นของจริงจับต้องได้ด้วยการรวมธาตุ ทำของจริงให้เห็นเป็นมายาหรือสลายแยกธาตุให้ของนั้นหายไปจากโลกนี้ไม่มีตัวตนเหลืออยู่ ให้ทุกสิ่งเกิดเป็นอัศจรรย์ด้วยพระเวท,พุทธคุณ,ปาฏิหาริย์ ตามใจนึกปรารถนา ในทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า "อภิญญาใหญ่" และส่วนคำสวดบทสวดหรืออักขระภาษาต่างๆ เป็นเพียงการสื่อเจตนารมณ์เพื่อให้สำแดงฤทธิ์ผลตามใจปรารถนาในบารมีต้นและบารมีกลาง ส่วนบารมีปลายหรือบารมีเต็มแล้วเพียงกำหนดจิตอย่างเดียวและใจนึกให้เกิดขึ้นจริงมันก็สำแดงฤทธิ์ผลแล้ว หรือ บริกรรมเพียงไม่กี่อักขระคำก็สำแดงฤทธิ์ผลเช่นกัน ใช่ไหมครับ? ท่าน tjs มีความคิดเห็นเช่นไรครับ?

    5. ท่าน tjs เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการสวดอักขระขอม ๙ ตัวนี้หรือไม่? อย่างไรครับ?

    ขอท่าน tjs และครูบาอาจารย์ กรุณาช่วยให้ความกระจ่างด้วยครับ สาธุ !

    ---------------

    อ้างอิง : http://palungjit.org/9546020-post14.html

    ส่วนตัวผมเห็นว่า ถ้าเราท่านปฏิบัติธรรมเจริญวิปัสสนาญาณให้มากขึ้น เราก็จะเห็นความจริงที่เป็นสัจธรรมอย่างหนึ่งตามคำตรัสสอนของพระพุทธองค์ คือ “เจตนาเป็นตัวกรรม” ชี้แจงได้ดังนี้ คือ ถ้ามโนกรรม,วจีกรรมและกายกรรมนั้นประกอบด้วยเจตนาที่เป็นกุศลแล้ว แต่ถึงแม้ผลที่ประจักษ์แสดงออกมานั้นมันจะส่งผลร้ายต่อผู้ใดหรือจิตวิญญาณใด ก็ขอให้เรานึกเสมอว่า มันย่อมมีเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดผลเช่นนั้น กล่าวคือ มันเป็นผลแห่งวิบากกรรมที่ผู้นั้นเคยได้กระทำไว้ส่งผลมาเช่นนี้ และไม่ว่าผู้นั้นจักเป็นพระสงฆ์หรือฆราวาสก็ย่อมได้รับผลตามที่ตนเองได้เคยกระทำไว้ไม่เป็นอื่นแน่นอน เช่น เราเจตนาจะกวาดขยะบนพื้นเพื่อเอาไปทิ้งในถังขยะ แต่ต่างหูเพชรถูกกวาดลงถังขยะและรถขยะเอาไปแล้ว แต่เราไม่เห็นขณะกวาด กรณีนี้ถือว่า เป็นวิบากกรรมของเจ้าของต่างหูเพชรที่จะต้องสูญเสียทรัพย์เพราะเคยโกงเครื่องประดับมีค่าของผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นอดีตชาติหรือปัจจุบันชาติก็ตาม เรื่องนี้เราขอให้ความคิดเห็นประมาณนี้ครับ

    ส่วนเรื่องที่ว่า ผู้นั้นจะใช้ดินเจ็ดป่าช้าหรือกะโหลกศีรษะหรือน้ำเหลืองหรือว่านหรือสิ่งมงคลใดๆ นั้นในการนำมาประกอบพิธีกรรมหรือเป็นส่วนผสมของวัตถุที่จะทำนั้น ข้อนี้ เราปรารถนาจะให้ทุกท่านเข้าใจก่อนว่า พลังงานต่างๆ,วัตถุสิ่งของ,ซากศพ,โครงกระดูก,สิ่งอัปมงคลต่างๆ นั้น มันเป็นเพียงสมมติบัญญัติและการให้คำนิยามความหมายในทางกุศลอกุศลจากสิ่งที่มนุษย์และโลกทิพย์ทั้งหลายกำหนดบัญญัตินามขึ้นมาทั้งสิ้น ในทางกรรมฐานนั้น ทำไมพระพุทธองค์ทรงให้กำหนดอสุภกรรมฐาน เจตนาก็คือ ให้เราไม่ยึดมั่นถือมั่นในร่างกาย,โครงกระดูก,น้ำเหลือง,เลือดและอวัยวะอื่นๆ เป็นต้น โดยให้นำสิ่งเหล่านี้มาใช้จิตพิจารณา ในเบื้องต้นให้จิตเห็นถึงความเบื่อหน่ายความไม่สวยงามของสิ่งที่กำหนดให้คลายจากความยึดมั่นถือมั่นในร่างกายเป็นการกำหนดสภาวะหยาบ แต่เมื่อกำหนดต่อจนถึงในเบื้องปลายแล้วนั้น พิจารณาให้จิตได้เห็นถึงสัจธรรมความจริงเรื่อง ความเกิดขึ้น,ตั้งอยู่และดับไปเป็นธรรมดาของทุกสรรพสิ่งทุกอารมณ์สภาวะที่ไม่เที่ยง(อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) เหตุเพราะพระพุทธองค์ทรงเห็นแจ้งแล้วว่า ทุกสรรพสิ่งล้วนคือ “ธาตุ” ซึ่งมีความไม่เที่ยงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นมีการแปรเปลี่ยนสภาพสภาวะอยู่เสมอนั้นเอง จึงต้องฝึกจิตให้คลายจากความยึดมั่นถือมั่นจนจิตเคยชินและตั้งมั่นจนจิตเราถึงกาลหลุดพ้นทุกข์ในที่สุด(อริยผลตั้งแต่โสดาปัตติผลจนถึงอรหัตผล ผลที่แท้จริงนั้น ย่อมหมายถึง ผลที่เกิดขึ้นหลายครั้งจนผลนั้นมีอยู่แบบเคยชินและตั้งมั่นในตัวจิตไม่มีผลเป็นอื่น มิใช่ผลที่เกิดเพียงครั้งเดียวหลายครั้งแต่ผลนั้นไม่ตั้งมั่น ก็ถือว่า อริยผลแท้ยังไม่เกิด) จากการฝึกจิตเช่นนี้ ผลแท้ในที่สุด ก็คือ จักไม่มีอะไรสามารถมาเกาะติดจิตดวงนี้ได้ จิตสักแต่รู้แต่เห็น สักแต่รับรู้อารมณ์ความรู้สึกต่างๆ และคลายความยึดมั่นถือมั่น ณ ขณะจิตนั้นโดยทันที เช่นนี้แล้ว จิตจึงไม่เศร้าหมองไม่ขุ่นมัวและไม่ทุกข์ในที่สุด จิตจึงอยู่ในสภาวะหลุดพ้น

    สรุปคือ เรากระทำเช่นไรไว้ก็ได้รับผลเช่นนั้น หว่านพืชเช่นไรก็ได้รับผลเช่นนั้น เจตนาย่อมเป็นวิบากกรรมหรือกรรมดีเสมอ มิใช่ว่าเรานำสิ่งที่ทุกคนคิดเห็นบัญญัติขึ้นมาว่าเป็นกุศลอกุศล,ดีไม่ดี,สมควรไม่สมควร แล้วมาตัดสินว่ามันเป็นไสยดำไสยขาว,เป็นบุญเป็นบาป โดยที่ยังไม่เห็นแจ้งถึงแก่นแท้ในสัจธรรมความจริงในเรื่อง “สัตว์โลกและจิตวิญญาณทั้งปวงย่อมเป็นไปตามกรรม เจตนาก็คือตัวกรรม” เราทุกคนปรารถนาที่จะพบแต่ความสุขความเจริญ ดังนั้น เราก็ต้องกระทำแต่ความดีทำบุญทำกุศลไว้ ถ้ากระทำบาปชั่วก็ย่อมได้รับวิบากกรรมนั้นเอง สาธุ !

    ตัวอย่าง เช่นเรื่องของกุมารหรือผีต่างๆ เราไปตัดสินว่า เอากุมารหรือผีมาขังไว้ในตุ๊กตา เอาสายสิญจน์กักขังไว้นั้น ส่วนใหญ่คนเรามักจะมองแค่เปลือกนอกโดยไม่มองที่เจตนากุศลที่แท้จริง เราขังไว้เพื่อเจตนาใด ขังเพื่อให้เป็นที่สิงสถิตนั้นไม่ใช่เจตนาและประเด็นสำคัญ แต่ถึงไม่ขังไว้ เนื่องด้วยวิสัยของจิตวิญญาณทั้งปวงนั้นย่อมต้องหาสิ่งยึดเหนี่ยวเพื่อให้จิตเกาะเกี่ยวเพื่อเป็นสภาวะที่อาศัยของจิตวิญญาณ แต่ก็มีบางกรณีที่ผีหรือกุมารเหล่านั้นโดนกักขังเป็นเวลานานที่เป็นเหตุจากวิบากกรรมที่ผีตนนั้นเคยกระทำไว้ในอดีตจึงต้องได้รับผลแห่งวิบากกรรมนั้น และถ้าเราได้กุมารหรือผีต่างๆ มาในครอบครอง เพื่อเจตนากุศลเพื่อต้องการให้พวกเขาเหล่านั้นหลุดพ้น และระหว่างที่อยู่ร่วมกันนั้น มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันก็เป็นเรื่องธรรมดาของการสร้างบุญบารมีร่วมกันระหว่างมนุษย์กับผีหรือกุมารตนนั้น แต่ผู้ใดไม่อยากเลี้ยงกุมารหรือผี ก็เป็นเพราะผู้นั้นไม่มีกรรมสัมพันธ์ในเรื่องนี้ ผมเองก็ไม่ได้เลี้ยงผีหรือกุมาร แต่เวลาเจริญสมาธิก็เผื่อแผ่บุญกุศลให้ครับ เป็นเมตตาจิตที่มี สุดท้าย ผมไม่ได้สนับสนุนหรือแนะนำให้เลี้ยงผีหรือกุมารนะครับ แค่พูดตามความคิดเห็นเท่านั้น อีกอย่าง ทำไมโลกยุคปัจจุบันนี้ มีสิ่งแปลกๆ มากมาย มีทั้งเลี้ยงกุมารเลี้ยงผี,ไสยศาสตร์และผู้มีญาณรวมถึงพระโพธิสัตว์มาจุติช่วยเหลือคนมากมายและเปิดกว้างตามสื่อต่างๆ สมัยก่อนไม่ใช่ว่าไม่มี สมัยก่อนก็มีแต่อาจไม่เยอะขนาดนี้และไม่เปิดตัวอย่างเช่นทุกวันนี้ เป็นเพราะยุคนี้มันเป็นแบบนี้มีความเสื่อมมากจึงต้องมีสิ่งลี้ลับมาปรากฎมากเป็นธรรมดา เทพเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็มาฉุดช่วยมนุษย์,มาสร้างบารมีเป็นธรรมดา มันมีเหตุปัจจัยครับ ขอบคุณที่อ่านครับ ^_^

    ---------------------

    พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ เชื่อมโยงจาก http://rirs3.royin.go.th

    เวท, เวท [เวด, เวทะ] น. ความรู้, ความรู้ทางศาสนา; ถ้อยคําศักดิ์สิทธิ์ที่ผูก ขึ้นเป็นมนตร์หรือคาถาอาคมเมื่อนํามาเสกเป่าหรือบริกรรมตาม ลัทธิวิธีที่มีกําหนดไว้ สามารถให้ร้ายหรือดี หรือป้องกันอันตราย ต่าง ๆ ตามคติไสยศาสตร์ได้ เช่น ร่ายเวท, บางทีก็ใช้เข้าคู่กับคำ มนตร์ เป็น เวทมนตร์; ชื่อคัมภีร์ภาษาสันสกฤตโบราณซึ่งเป็น พื้นฐานของศาสนาพราหมณ์ยุคแรก มี ๔ คัมภีร์ได้แก่ ๑. ฤคเวท ว่าด้วยบทสวดสรรเสริญเทพเจ้าทั้งหลาย ตอนท้ายกล่าวถึงการ สร้างโลกซึ่งต่อมาได้กลายเป็นต้นแบบความเชื่อของชาวอินเดีย ๒. ยชุรเวท ว่าด้วยรายละเอียดการประกอบยัญพิธีและลำดับมนตร์ ที่นำมาจากคัมภีร์ฤคเวทเพื่อสวดในขั้นตอนต่าง ๆ ของพิธี ๓. สามเวท ว่าด้วยบทขับที่คัดเลือกมาจากประมาณหนึ่งในหก ของฤคเวท และใช้เฉพาะในพิธีที่บูชาด้วยน้ำโสม ๔. อถรรพเวท หรือ อาถรรพเวท เป็นเวทมนตร์คาถาเพื่อให้เกิดผลดีแก่ฝ่ายตน หรือผลร้ายแก่ฝ่ายศัตรู ตลอดจนการบันดาลสิ่งที่เป็นมงคล หรืออัปมงคล การทำเสน่ห์ การรักษาโรค และอื่น ๆ สามคัมภีร์แรก เรียกว่า ไตรเวท หรือ ไตรเพท ต่อมารับอถรรพเวทหรืออาถรรพเวท เข้ามารวมเป็นสี่คัมภีร์เรียกว่า จตุรเวท หรือ จตุรเพท, เรียกยุคแรก ของศาสนาพราหมณ์จนถึงประมาณสมัยพุทธกาลว่า ยุคพระเวท มีวรรณกรรมหลักประกอบด้วยคัมภีร์พระเวท คัมภีร์พราหมณะ คัมภีร์อารัณยกะและคัมภีร์อุปนิษัทรุ่นแรก. (ป., ส.).
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2015
  16. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    1. อักขระขอม ๙ ตัวบนเหรียญด้านหน้า “อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ” มันมีผลต่อการเชื่อมกระแสจิตบารมีเดิมและความรู้สรรพวิชชาเดิมของผมอย่างไรบ้างครับ?
    =====================
    อะสังวิสุโลปุสะภุพะ เป็นพระคาถาที่สรุปเหลือแก่นแท้สั้นๆ เป็นหัวใจ ที่ถูกนำมาใช้ในเครื่องวัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง แต่การปลุกเสกเรียกยันต์ลงอักขระต้องมีวิธีการ
    ยันต์เก้า ตัวนี้ เป็นหัวใจแก่แท้ของพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ในทางพระคาถา เขาจะทราบดีว่ามีอานุภาพมากมายนัก ครับ
    บางท่านก็ใช้ยันต์10 ก็มีครับ คือ อะสังวิสุโล อะปุสะพุภะ ครับ หลวงพ่อพรหมท่านใช้ยันต๋์สิบครับ ก็คือยันต์9แต่เพิ่มอะ ไปอีกหนึ่งตัวครับ

    2. การสวดอักขระขอม ๙ ตัวนี้มีอานิสงค์เช่นไรบ้างครับ? มีอานิสงค์ในทางพระเวท,พุทธคุณ,ปาฏิหาริย์อย่างไรครับ?
    ==================
    มีครบทุกอย่างครับ แต่การลงยันต์ต้องมีวิชารู้วิธีการลงอักขระยันต์ ต้องเรียกเรียกยันต์เป็น เรียกตาข่ายตาราง ลงตารางเป็น เมื่อลงตารางตาข่ายแล้ว จึงลงอักขระคือเรียกอักขระแล้วลงอักขระ เสร็จแล้วสวดอักขระแบบย่อหรือเต็มก็แล้วแต่ สุดท้ายให้ลงตรึงอักขระกำกับไม่ให้เสื่อม กว่าจะเสร็จ ทุกขั้นตอนต้องใช้สมาธิที่แน่วแน่ ใช้กำลังจิตเพ่งด้วยอำนาจของพระรัตนตรัยอันเป็นอำนาจฝ่ายโลกุตระเหนือโลก ครับ

    3. ขณะสวดอักขระขอม ๙ ตัวนี้ด้วยจิตอันหลุดพ้นบริสุทธิ์ตั้งมั่นเป็นเหตุ พร้อมด้วยกำลังสติตั้งมั่น,กำลังฌานวิปัสสนาญาณตั้งมั่นและด้วยกำลังจิตปัญญาตั้งมั่นเป็นปัจจัยแล้ว จักมีกระแสจิตและกระแสธาตุสำแดงขึ้นเป็นลักษณะเช่นไร? และส่งผลต่อวิญญาณทั่วไป,เทพพรหม,พระอรหันตโพธิสัตว์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใน 3 ภพเช่นไรครับ?
    ==================
    ว่าไปแล้วเป็นพระคาถาที่จิตวิญญาณชั่วร้ายเกรงกลัวครับ ส่วนอำนาจนั้น มี ร้อยแปดหรือเป็นอนันต์ตามแต่ท่านปราถนาในสิ่งที่ดีงามครับ

    4. แท้จริงแล้ว กำลังจิตกำลังปัญญาอันหลุดพ้นอันบริสุทธิ์ตั้งมั่นเข้มแข็งเป็นเหตุปัจจัยสำคัญที่สุดที่ก่อเกิดสำแดงฤทธิ์ผลเป็นอัศจรรย์ในทางพระเวท,พุทธคุณ,ปาฏิหาริย์ ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ทำสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงให้เกิดมีจริง ทำมายาให้เป็นของจริงจับต้องได้ด้วยการรวมธาตุ ทำของจริงให้เห็นเป็นมายาหรือสลายแยกธาตุให้ของนั้นหายไปจากโลกนี้ไม่มีตัวตนเหลืออยู่ ให้ทุกสิ่งเกิดเป็นอัศจรรย์ด้วยพระเวท,พุทธคุณ,ปาฏิหาริย์ ตามใจนึกปรารถนา ในทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า "อภิญญาใหญ่" และส่วนคำสวดบทสวดหรืออักขระภาษาต่างๆ เป็นเพียงการสื่อเจตนารมณ์เพื่อให้สำแดงฤทธิ์ผลตามใจปรารถนาในบารมีต้นและบารมีกลาง ส่วนบารมีปลายหรือบารมีเต็มแล้วเพียงกำหนดจิตอย่างเดียวและใจนึกให้เกิดขึ้นจริงมันก็สำแดงฤทธิ์ผลแล้ว หรือ บริกรรมเพียงไม่กี่อักขระคำก็สำแดงฤทธิ์ผลเช่นกัน ใช่ไหมครับ? ท่าน tjs มีความคิดเห็นเช่นไรครับ?
    =================
    ก็ไม่ถูกต้องทั้งหมด ความเป็นอภิญญาโลกุตระ ต่างกับอภิญญาโลกียะ ด้วยความบริสุทธิ์ ที่แตกต่างกัน ในเรื่องอักขระคาถาและยันต์ ที่เป็นฝ่ายโลกุตระก็ต้องทำให้ถูกต้องตามวิธีการที่กำหนด เราลงอักขระหนึ่งตัว ต้องทำด้วยกำลังจิตสมาธิืที่บริสุทธิ์ และต้องรู้ว่าหมายถึงอะไร เราเรียกอักขระ หนึ่งตัวหมายถึงเรากำลังอาราธนาอะไร ถ้าเป็นพระพุทธเจ้าเราต้องรู้อักขระตัวนั้นหมายถึงใคร หรือถ้าเป็นพระธรรม หมายถึงพระธรรมอะไร เป็นต้น ท่านต้องรู้ลึก เมื่อรู้แจ้งในวิชาที่ทำ ที่ใช้ เวลาที่เราทำ ก็ต้องใช้สมาธิ ใช้กำลังจิตส่งไปเมื่อนั้น พุทธานุภาพ แห่งบรมครูก็ปรากฏ ในทุกคราว พระพุทธเจ้าอาจมาร่วมอนุโมทนาประสิทธิให้ด้วย เพราะเราต้องมีครูอาจารย์ ทำอะไรจึงถูกต้องเจริญก้าวหน้า แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องทำด้วยเจตนาอันดีงามเป็นเจตนาเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์ ต้องมีจิตแบบพระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ หรือพระพุทธเจ้า แล้วทำสิ่งต่างๆออกมาย่อมงอกงามเจริญรุ่งเรืองครับ

    5. ท่าน tjs เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการสวดอักขระขอม ๙ ตัวนี้หรือไม่? อย่างไรครับ?
    ===============
    เป็นบทที่สวดภาวนาเจตนาเพื่อบูชาคุณพระรัตนตรัย เป็นหลักไม่ได้ใช้ในทางอิทธิใดๆ ครับ อาจจะมีใช้บ้างในบางครั้งที่ไปทำพิธีเช่นทำน้ำมนต์หรือเกี่ยวกับการปลุกเสกครับ ครูอาจารย์ท่านใช้ครับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถือว่ายอดเยียมในทางอานุภาพทุกประการครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2015
  17. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    การช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นญาติๆ ด้วยกัน เพื่อนสหาย หรือคนใกล้ตัว คนรู้จักและแม้คนที่เรามไ่สนิทไม่รู้จักก็ตาม ต้องยอมรับว่า
    1 เราต้องช่วยด้วยใจบริสุทธิ์ คือปราถนาให้ เขาพ้นทุกข์ผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ จะมากหรือน้อย ก็ตามกำลังความสามารถ
    2เมื่อเราปราถนาช่วยแล้ว ขอให้มีสติปัญญาประกอบ ให้มาก คิดพิจารณาด้วยเหตุผล ให้มาก ทำอะไรให้อยู่บนพื้นฐานที่ดีงามเท่านั้น
    3ขอให้มีสติปัญญาในการวางแผนแนวทางและวิธีการที่ดีงาม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีงาม
    4ขอให้ดำเนินไปด้วยความเพียรและมีขันติต่อสู้อย่ายอมแพ้
    5เมื่อได้ทำดี อย่างเต็มกำลังความสามารถแล้ว ผลที่ได้รับ จึงต้องเข้าใจในผลที่ได้รับ อาจมีทั้งดีมากดีน้อย หรือไม่ดีก็มี ไม่ว่าผลจะเกิดอย่างไรให้ยอมรับและปล่อยวางไม่ยึดติด เพราะถือว่าเราได้ทำอย่างเต็มกำลังแล้ว

    การช่วยเหลือผู้อื่น จึงเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรเรียนรู้วิธีการ ซึมซับประสพการณ์ เรื่องราวต่างๆ แน่นอนในที่สุด สิ่งต่างๆเหล่านั้น ย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์ สั่งสมความรอบรู้ สั่งสมอบรมจิตตนไปด้วยในตัว มีความดีที่งอกงามพอกพูนขึ้นไปด้วย ผลที่ดีที่จะได้รับย่อมมีมาก ทั้งตนเองและผู้อื่น

    ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร แต่หากท่านมีจิตใจช่วยเหลือเมตตาผู้อื่น แค่นี้ผมก็ขอนอบน้อมและขออนุโมทนาด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2015
  18. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    คนบางคนต่อให้พยายามดึงให้พ้นนรก แต่เค้าไม่ยอมแถมจะฉุดเราลงไปด้วยเจอคนแบบนี้เข้าคงต้องยอมไม่ว่าจะเมตตาแค่ไหนย่อมใช้กับเค้าไม่ได้อย่างเด็ดขาด รูป-นาม รูปมีผลกับนาม นามเมื่อสะสมสิ่งใดมากจนเกินไปจะแสดงสิ่งนั้นออกมาทางรูป ตามพฤติที่ปรากฏ เมื่อเข้าใจรูป-นามจะเข้าใจจิต คน รูปคือรูปต่างๆที่เห็นด้วยตา นามคือจิตที่อาศัยรูป แสดงผลแห่งกรรม และก่อกรรม แทนที่จะอาศัยรูปเพื่อชดใช้กรรมชั่ว หมั่นสร้างกรรมดี แต่กลับอาศัยรูปชดใช้กรรมทั้งดีและชั่ว และยังสร้างทั้งกรรมดีและชั่วต่ออีก แล้วเมื่อไรจะพ้นวัฏสังสารเล่า มนุษย์เมื่อปฏิบัติธรรมยังไม่เท่าไร กลับมีมานะในตนว่าได้ขั้นนั้นขั้นนี้ เที่ยวแสดงตนว่าเก่งยังงั้นยังงี้ แต่กล้บไม่สำรวมตนแสดงอวดในสิ่งที่ตนเองก็ไม่รู้ใช้ความคิดอันมีมิจฉาทิฏฐิเทียบองค์บรมครูท่าน ผมเข้าใจในบุคคลมากขึ้นดูพฤติการแสดงออกของแต่ละคน จนเข้าใจในสิ่งที่เค้าแสดงว่าจิตเค้าต้องการอะไร จึงเข้าใจในวงจรของการเกิด-ดับ กฏของไตรลักษณ์ และเข้าใจ รูป-นาม ขันธ์5 วงจรปฏิจสมุทบาท มันจะต้องหมุนไปตามนี้ เป็นไปตามนี้ ตราบเท่าที่จิตยังติดอยู่ในกรงขังแห่งมาร ใครก็ไม่สามารถจะช่วยใครได้หากผู้นั้นย้งมืดบอด ยังมีนันทิอยู่ ยังเพลิดเพลินในอารมณ์อันน่ารื่นรมณ์น้้น ยังห่างจากความสงบ ยังไม่เคยเข้าถึงแก่นแห่งพระธรรมที่พระบรมครูตรัสไว้ ยังไม่เข้าใจในธรรม ยังสำคัญผิดในพระธรรม ยังไม่ล้างจิตให้สะอาดจึงต้องเป็นไปตามกรรมต่อไปตราบเท่าที่จะสำนึกได้ในสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงพร่ำสอนมาตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ สาธุ
    ป.ล.คงอีกนานกว่าจะมีคนอย่างท่านมาจุติอีก คงอีกนานกว่าจะเสาะแสวงหาคนอย่างท่านพบเพิ่มอึกสักคน เราคงเคยร่วมอนุโมทนาบุญร่วมกันมาก่อนจึงได้เวียนมาพบกันในที่นี้ ผมจะเดินทางต่อ ท่านคงมีกิจที่ต้องทำต่อเราคงได้สนทนาธรรมกันอีกนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2015
  19. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    รูป-นาม ทั่วทั้งจักรวาลนี้มีแค่นี้ มีแค่นี้จริงๆ รูปมีจิตอาศัย เปลี่ยนแปลงไปตามรูปที่อาศัยไปเรื่อยๆ ไม่จบสิ้น ไม่รุ้เบื้องต้นและเบื้องปลาย กรรมคือสิ่งนำไปจุติตามที่ทำไว้หมุนเวียนไปตามภพภูมิต่างๆเรื่อยไป อริยสัจ4เท่านั้นที่จะพ้นจากการนำจุติของกรรมได้ ไม่มีภพไม่มีเกิด จงตั้งมั่นทำความเข้าใจ ปฏิบัติ ให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์เถิด สาธุ
     
  20. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    อย่างที่ผมเคยกล่าวไว้ การช่วยเหลือ ว่าไปแล้ว คือต้องมีใจ เป็นประธาน แต่ในการช่วยเหลือ ก็ต้องประกอบด้วยสติปัญญา รู้กำลังของตน รู้กำลังของผู้ที่เราจะช่วย ท่านVERAJAK กล่าวได้ถูกต้องในส่วนหนึ่งนั้น สำหรับบุคคลที่มืดบอดมีมิจฉาทิฏฐิมีมานะอัตตามาก หรือมีกิเลสครอบงำหนักมาก ก็ยากในการช่วยเหลือ แต่บางครั้งการช่วยเหลือ ก็ไม่ได้หวังผลระยะยาว บางครั้งแค่เราได้ช่วยคนที่มีปัญหาให้เขาสงบมีความสุขแค่ชั่วเวลาสั้นๆได้ ก็ถือว่าเยี่ยมแล้วครับ

    แม้สัตว์นรกที่มีกรรมมากต้องเสวยวิบากกรรม ทุกขทรมานมาก การแผ่อุทิศให้แก่สัตว์นรก แม้เขาส่วนหนึ่งอาจจะไม่สามารถอนุโมทนาได้ รับได้ แต่เราก็ไม่ได้หยุดทำเพราะ เรามีเจตนาที่ตั้งมั่นแล้ว อันความดีที่เราทำนี้ แม้วันนี้อาจจะไม่สามารถช่วยเขาได้ แต่หากมีความพยายาม แน่นอนว่าเมื่อถึงเวลานั้น ผลบุญย่อมส่งผลให้แก่เขาไม่มากก็น้อย ครับ อนึ่งผลบุญหรือความดีที่เราทำ ย่อมให้ผลแก่ตนเองด้วย เรากำลังฝึกหรือสร้างบารมีที่เรียกว่า เมตตาบารมี วิริยะบารมี ขันติบารมี อันความดีทั้งปวงที่เราทำไม่สูญเปล่าแน่นอน กรรม เมื่อกระทำลงไปแล้วด้วยกาย วาจา จิต ย่อมให้ผลแน่นอนตามวาระของมัน มีวิบากกรรมติดตามแน่นอน และมีปิติสุขย่อมปรากฏทันทีที่ทำ

    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ ชี้แนะในบางด้านที่เราก็ต้องรับฟังอันมีเหตุผลที่ดี ก็เพื่อความไม่ประมาทและการสร้างความดีครับ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...