คำสาปแห่งไอยคุปต์

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย DEEJAI243, 30 เมษายน 2015.

  1. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ''มรณะจักโบยบินมาสังหารสู่ผู้บังอาจรังควานสันติสุขแห่งพระองค์ฟาโรห์''
    ข้อความนี้เป็นคำสาปที่นักบวชไอยคุปต์ได้บรรจุไว้
    ในสุสานลี้ลับของ ฟาโรห์ตุตันคาเมน และ มันก็แสดงผล
    ในเวลาต่อมาว่าขลังและเปี่ยมด้วยอาถรรพณ์อันน่าพึงสยดสยองจริงๆ
    บรรดาผู้ใกล้ชิดคลุกคลีกับการเปิดสุสานและหีบศพของพระองค์...
    คนแล้วคนเล่ามีอันต้องตายด้วยลักษณะแปลกๆโดยไม่คาดฝันถึง 22 คน
    ประหนึ่งว่ามรณะได้โบยบินมาสังหาร
    ทุกผู้ทุกคนที่รังควานนิทรารมย์แห่ง ยุวราชา
    ตามคำสาปแช่งทุกประการ
    ที่แปลกกว่านั้น หลังจากมรณกรรมของผู้คนจำนวนมาก

    เมื่อห้าสิบปีก่อนผ่านไป ก็ยังมีการตายที่น่าแปลก
    ที่เชื่อกันว่าเป็นเพราะฤทธิ์คำสาปเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง

    สุสานตุตันคาเมนถูกเปิดในปี ค.ศ. 1922(พ.ศ. 2465)
    หลังจากนั้นผู้ร่วมพิธีเปิดได้เสียชีวิตไป 22 คน
    ครั้น ห้าสิบปีผ่านไป เมื่อมีการแสดงสมบัติตุตันคาเมน
    เพื่อฉลองครบรอบห้าสิบปีแห่งการเปิดสุสาน
    ก็เกิดมรณกรรมแก่ผู้ที่บังอาจรบกวนฟาโรห์อีกครั้งอย่างไม่น่าเป็นไปได้

    ความตายตามคำสาปครั้งที่สองเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1972 (พ.ศ.2515)
    หลังจากที่ทางราชการอียิปต์เก็บบรรดาสมบัติชิ้นสำคัญๆ
    ไว้ในพิพิธภัณฑ์กรุงไคโร จนกระทั่งทางอังกฤษ
    คิดจะจัดเสดงสมบัติ ตุตันคาเมน ขึ้นในกรุงลอนดอน
    เพื่อฉลองวาระครบ 50 ปี ที่ได้เปิดสุสานยุวราชา

    บุคคลสำคัญในการลำเลียงสมบัติของฟาโรห์
    ออกจากพิพิธภัณฑ์ คือ อธิบดีกรมโบราณคดีของอียิปต์
    ซึ่งขณะนั้นได้แก่ ดร.กามาล เมห์เรช เขาเป็นผู้ที่นำเอาครอบ
    พระพักตร์ทองคำและโลงศพทองคำของตุตันคาเมน
    ออกมาจากที่เก็บ เพื่อบรรจุหีบห่อแล้วส่งขึ้นเครื่องบิน
    ไปยังลอนดอนเพื่อเตรียมเปิดการแสดง ครั้งสำคัญนี้
    ดร.เมห์เรช ไม่รู้ตัวหรอกว่าเขาได้รังควานสันติสุขของฟาโรห์อีกครั้งหนึ่ง
    หลังจากได้มีการเปิดสุสานเป็นต้นมา

    ฟิลิปป์ แวนเดนเบอร์ก ได้ไปสัมภาษณ์ท่านอธิบดี
    ได้หยิบเอาเรื่องคำสาปในสุสานขึ้นเป็นหัวข้อสนทนา
    ดร. เมห์เรชยังกล่าวอย่างมั่นใจ
    ยืนยันความเชื่อเดิมว่า "มันเป็นเรื่องบังเอิญทั้งนั้น"

    แวนเดนเบอร์กถามว่า "ท่านแน่ใจหรือว่าคำสาปไม่มีจริง"
    ท่านอธิบดีโบราณคดีก็ตอบว่า "ไม่ เชื่อว่ามันจะเป็นจริงขึ้นมาได้
    ดูผมเป็นตัวอย่างซิ ผมคลุกคลีอยู่กับสุสานและโบราณวัตถุของฟาโรห์ไอยคุปต์
    มามากมายนับไม่ถ้วน ตั้งหลายสิบปีแล้ว "
    ท่านอธิบดีโบราณคดีย้ำแล้วย้ำอีก
    ก่อนที่จะนำสมบัติของกษัตริย์ตุตันคาเมนจากกรุ
    ในพิพิธภัณฑ์บรรจุหีบห่อเป็นพิเศษ ส่งไปแสดงยังลอนดอน...

    หลังจากที่ทำงานนี้เสร็จไม่กี่วัน ฟิลิปป์ แวนเดนเบอร์ก
    ก็ได้รับข่าวสลดใจกะทันหัน ดร.กามาล เมห์เรช อธิบดีวัย 52 ปี
    ผู้มีร่างใหญ่ แข็งแรง ไม่เคยเจ็บป่วย อยู่ๆก็เป็นลมล้มตึงในห้องทำงาน
    และเสียชีวิตตั้งแต่ยังไม่ได้นำส่งโรงพยาบาล
    หมอลงความเห็นว่าหัวใจวายเฉียบพลัน มรณกรรมของ ดร.เมเรช
    อย่างปุบปับหลังจากเข้าไป "รังควาน" สมบัติของตุตันคาเมนเป็นครั้งที่สอง
    จึงกลายเป็นหัวข้อให้คนที่เชื่อเรื่องลึกลับ
    เอามาร่ำลือกันว่าท่านต้อง อาถรรพณ์คำสาปฟาโรห์เข้าให้อย่างช่วยไม่ได้
    เลยยิ่งส่งให้ความขลังและอาถรรพณ์ของคำสาปรุนแรงมากขึ้น
    ตามจารึกในสุสานที่ว่า เป็นปีกแห่งมรณะจะโบยบินมาสังหาร
    ผู้รังควานความสงบของ พระองค์จริงๆ

    เครดิต : http://gotoknow.org/blog/babyvox/282115 ,
    http://gotoknow.org/blog/nutonnut/145847
    โพสต์เมื่อ : <ABBR title=2013-08-10T03:24:00.003Z class="time published" itemprop="datePublished">9th August 2013</ABBR>
    โดย: เอกชัย โกศัยพลกุล
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    คำสาปไอยคุปต์ : สมบัติไอยคุปต์ มากอาถรรพณ์มรณะ!

    เขียนโดย Xjungrai เมื่อ จันทร์, 03/11/2014 - 12:51.

    เรื่องนี้เกี่ยวเนื่องมาจากบล๊อก " บอกเล่าฯ "
    จองโกที่ว่าถึงตูตันคาเมนยุวฟาโรผู้มากสมบัติ
    ซึ่งฝังอยู่ในสุสานมานานหลายพันปี
    แล้วมีนักขุดค้นหาสมบัติชาวอังกฤษไปขุดเจอ
    เรื่องนี้มีนักหนังสือพิมพ์ชาวเยอรมันเสาะหาต้นเค้าเงาเรื่อง

    ซึงไหง่แปลงมานําเสนอในรูปแบบสารคดีเชิงนิยายมาเล่าสู่กันฟัง(อ่าน)
    เพื่อสาระและบันเทิง...

    เมฆดําทมึนปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า
    เหมือนอสูรมายืนบดบังแสงสูรย์มิให้ผ่านมากระทบโลก
    วันนั้นเป็นวันที่ 8 ก.พ.(ค.ศ.1960) อากาศร้อนอบอ้าว
    เมฆนั้นเหมือนปีศาจมาบอกลางร้ายที่เกิดขึ้นอย่างพิสดาร
    เหมือนประกาศต่อคนที่ล่วงละเมิดต่อมัน!

    วันนั้น ที่โรงพยาบาลในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์
    มีชายวัยกลางคนลักษณะเป็นนักท่องเที่ยว
    ได้ถูกนําขึ้นรถพยาบาลมารักษาฉุกเฉิน...
    " เอ..ทําไมมีอาการผิดปกติเช่นนี้? "
    นายแพทย์อัวคนันรําพึงอย่างแปลกใจ หลังตรวจยังคงรําพึงแบบเดิม
    " มันผิดปกติประหลาดจริงๆ "
    เพราะไม่มีอาการไข้ตัวร้อน เรื่องมาลาเรียตัดไปได้ ปอดอักเสบก็ไม่ใช่
    แพทย์จึงรําพึงอย่างแปลกใจ ขณะนั้นคนป่วยมีอาการหนาวสั่น
    ทั้งที่บนร่างกายมีผ้าห่มขนสัตว์หนาๆห่มหลายชั้น
    เขายังบ่นว่าหนาวๆๆ แต่บางครั้งก็เพ้อว่า ร้อนๆๆๆ ดูแล้วสับสนไปหมด
    เดือดร้อนแพทย์ผู้ชํานาญหลายคนจากสาขาต่างๆ พากันมาตรวจวิเคราะห์โรค
    ชายนักเดินทางผู้นั้นหมดโรงพยาบาล กระนั้นก็ไม่อาจหาสมุฐานของโรคได้

    นายแพทย์จนปัญญาที่จะให้ยารักษาที่ตรงกับโรคได้?
    วันนั้นในช่วงคํ่า ชายนักเดินทางมีอาการหนาวสั่นอย่างน่าวิตก
    นายแพทย์อัวคนันที่ติดตามดูอาการอยู่ข้างๆ
    เห็นคนไข้เพ้อครางในดวงตาเต้มไปด้วยเส้นเลือดสีแดง
    ดวงตานั้นเหลือกลานแทบทะเล็ดออกมา
    เหมือนเห็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต

    " อือ คนไข้ที่มีลักษณาการเช่นนี้ อาการเข้าขั้นโคมาแล้ว! "
    นายแพทย์จึงทําการฉีดยาระงับประสาทให้ อาการเพ้อเจ้อค่อยสงบลงบ้าง
    แต่ดวงตาแดงกํ่าเหมือนก้อนถ่าน คงจับจ้องใบหน้านายแพทย์
    แล้วหลุดเสียงกลัวสุดชีวิต " ตูตันคาเมน "
    เขาพูดชื่อนี้จนนิ่งไป นายแพทย์อัวคนันเห็นคนไข้คอตก " เอะ เป็นอะไรไป? "
    ไม่เพียงอุทาน เขาเขย่าตัวคนป่วยด้วยโรคประหลาดอย่างลืมตัว
    คนไข้คงเงียบไม่ตอบสนอง จึงรีบตรวจชีพจรทันที ไม่มีการเต้นของสัญญาณชีพ
    แน่นอน ชายนักท่องเที่ยวตายแล้ว แต่...

    " ตูตันคาเมน " เป็นคําปริศนา ให้นายแพทย์อัวคนันขบคิดจนปวดขมับ
    เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ฉับพลันตาของนายแพทย์เบิกกว้างวาวโรจน์ " หรือ...
    ชายที่ป่วยนี้จะเป็นคนสุดท้าย...มันเป็นไปได้หรือนี่?
    โอ..สวรรค์ " นายแพทย์อัวคนันรู้สึกขนพองสยองเกล้า
    ต่อคํา " ตูตันคาเมน " นั้นอย่างยิ่ง.........

    Link : สมบัติ " ไอยคุปต์ " มากอาถรรพณ์มรณะ! | HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2015
  3. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    สมบัติ " ไอยคุปต์ " ฯ (2)
    เขียนโดย Xjungrai เมื่อ พุธ, 05/11/2014 - 00:55

    การที่หมออัวคนันรู้สึกเสียวสยองต่อคําปริศนา " ตูตันคาเมน "
    เพราะเขารําลึกขึ้นมาได้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้
    เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อ 30 ปีก่อน
    มันเป็นเรื่องน่ากลัวอย่างยิ่งของยุโรปและอเมริกา...

    เรื่องประหลาดลึกลับนี้ เป็นเพียงความคิดที่นายแพทย์นํามาปะติดปะต่อ
    รวมกับเรื่องของนักเดินทางผู้เคราะห์ร้ายคนนี้...

    ทันใดนายแพทย์รู้สึกวิงเวียนหน้ามืดตามัว
    สิ่งที่นายแพทย์อัวคนันคาดคิดไว้ เป็นความรู้สึกนึกคิดที่ถูกต้อง..
    ชายนักเดินทางที่ตายด้วยโรคประหลาด
    เขาเหมือนสินค้าตกค้าง เขาน่าจะมีอันเป็นไปตั้งแต่เมื่อ 30 กว่าปีก่อน
    เพราะเขา คือ...นักขุดค้นหาสมบัติ " สุสานฟาโรห์ " ของอียิปต์

    ในเวลานั้นเขากับคณะค้นหาจํานวน 24 คน
    ทําการค้นหาสุสานของฟาโรห์ตูตันคาเมน
    แต่ผลสุดท้ายเหลือรอดชีวิตเพียง ฟิลลิป มอร์เลอร์
    ส่วนเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆตายหมดไม่เหลือ เพราะ...
    " อาเพศเรื่องแรงอาถรรพณ์ของสุสานฟาโรห์ "
    ครั้งนั้นมันเป็นข่าวใหญ่ที่ดังข้ามนํ้าข้ามทะเลไปถึงยุโรป
    หนังสือพิมพ์พากันประโคมข่าว และเขียนข่าวสาเหตุการตายของคณะขุดสมบัติฯ
    ไปต่างๆนานา

    " อะฮ้า ข่าวอย่างนี้มันสนุกเต็มไปด้วยรสชาติ "
    เจ.เอ.วิลเลี่ยมอุทาน หลังจากอ่านหนังสือพิมพ์ในมือจบ
    ฟิลลิป มอร์เลอร์ตายด้วยโรคประหลาด ที่โรงพยาบาลในกรุงไคโร
    นี่คือข่าวที่เขาสนใจ การที่เขาอุทานกับตัวเองอย่างสนใจนั้น
    เพราะเขาคือนักข่าวที่ประจําสถานีโทรทัศน์ในเยอรมัน
    วิลเลี่ยมสนใจอยากทําข่าวนี้ด้วยตนเอง

    ดังนั้น หลังจากอ่านหนังสือพิมพ์จบแล้ว
    เขาเริ่มมองหาลู่ทางที่จะไปทําข่าวประหลาดแปลกใหม่
    ตามความตั้งใจของตน เขาคิดอยากไปเยือนปิรามิดเจดีย์แห่งอียิปต์
    และมัมมี่ของฟาโรห์ เพื่อจัดทําเรื่องราวเกี่ยวกับขุมทรัพย์
    ที่เขารํ่าลือกันว่ามีอาถรรพณ์
    พร้อมกันนี้เขาจะเจาะหาข่าวของมอร์เล่อร์
    เอามาตีแผ่เหมือนสกู๊ปข่าวพิเศษว่า สาเหตุการตายที่แท้จริงคืออะไร?
    มาเสนอสู่สายตาของประชาชนอย่างกว้างขวาง

    " 35 ปีมาแล้ว มันคงทําอะไรหลายอย่างให้กระจ่างขึ้น
    เวลา 35 ปี สําหรับไขความลับของสุสานฟาโรห์
    " เขารําพึงกับตนเองพร้อมก้าวออกจากห้องทํางาน
    ตรงไปยังห้องหัวหน้าข่าว
    เพื่อเบิกเงินค่าใช้จ่ายสําหรับการเดินทางไปทําข่าวนี้..

    เวลาครึ่งวันสําหรับการจัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อม
    รวมทั้งข้อมูลที่บันทึกไว้เมื่อ 35 ปีก่อน มันเริ่มต้นดังนี้...
    ลอร์ดคานาวอนเป็นชื่อของนักลงทุนชาวอังกฤษ
    เขาเป็นนายทุนในการขุดค้นหาสุสานฟาโรห์ตูตันคาเมน
    การค้นหาในครั้งนี้เขาต้องรวบรวมผู้เชี่ยวชาญทางโบราณถึง 24 คน
    ปีนั้นเป็นปี ค.ศ. 1917 ที่เขามาดําเนินการในอียิปต์

    คณะขุดค้าหาสมบัติทุกคนรู้ดีว่าค่าตอบแทนนั้นสูง
    หากงานนี้สําเร็จ แน่นอนไม่มีใครคิดว่างานนี้ง่าย
    ดังนั้นเขาจึงจ้างคนงานถึง 100 คน
    ทําการขุดค้นหาทั้งกลางวันและกลางคืน...

    วันเวลาผ่านไปจนถึงฤดูใบไม้ร่วง
    ในปี ค.ศ. 1918 หรือ 1 ปีล่วงไปแล้ว
    แต่ยังไม่ได้ผลตามที่ม่งหวังเลย..
    พวกคนงานทํางานอืดอาดล่าช้า
    เหมือนแกล้งดึงเวลาให้ยืดยาวเท่าที่ทําได้
    นอกจากนี้ยังมีคนงานบางพวก ที่ชอบยุให้คนงานด้วยกัน
    ละทิ้งการขุดหาสุสานฟาโรห์
    บางครั้งเขาขุดพบเครื่องหมายอียิปต์โบราณ
    พวกคนงานก็คิดแย่งชิงของมีค่าเหล่านั้น ราวกับกองโจรทีเดียว

    เมื่องานขุดค้นเป็นเช่นนี้ การควบคุมไม่อาจทําได้เต็มที่
    ความหวังที่จะหาให้พบสุสานฟาโรห์ จึงดูเลื่อยลอยไม่มีกําหนด
    คล้ายกับว่ากําลังเดินถอยห่างจากสิ่งที่คาดหวัง

    " เราต้องทบทวนการทํางานที่ผ่านมายาวนานเสียใหม่
    เพราะมันไร้ประสิทธิภาพ สิ้นเปลืองเงินทองเป็นอันมาก
    พวกเราจําเป็นต้องหาคนที่รู้ลู่ทางของสุสานฟาโรห์
    มาช่วยชี้นํา มันจะทําให้งานเสร็จเร็วขึ้น! "
    ลอร์ดคานาวอนพูดอย่างเหลืออด

    ในจังหวะช่วงเวลาที่คณะขุดค้นหาสุสานฟาโรห์อยู่ในช่วงวิกฤตนั้น
    เป็นเวลาเดียวกับที่คาเตอร์ นักโบราณคดีชื่อก้องโลกชาวอังกฤษ
    ได้บินมาถึงกรุงไคโร ท่านลอร์ดจึงเชื้อเชิญเขามาที่บ้านพักอย่างคนคุ้นเคย

    " ผมไม่ขัดข้อง ที่จะทํางานร่วมกับนักโบราณคดีพวกนั้น
    เขาเอาแต่กางตํารามาทุ่มเถียงกัน
    ถ้าของทุกอย่างเป็นไปตามตําราลายแทง
    ป่านนี้รัฐบาลอียิปต์มันขุดเองได้ไปแล้ว
    ไม่ต้องรอให้ถึงมือพวกเราหรอก..

    เอาละผมเองจะขุดค้นหาสุสานฟาโรห์ตูตันคาเมน
    ให้คุณจนพบในเร็ววัน ผมสัญญา !
    " คาเตอร์พูดด้วยนํ้าเสียงจริงจัง เต็มไปด้วยความมั่นใจ
    นับจากนั้นเป็นต้นมา งานการขุดค้นหาสุสานฟาโรห์ก้าวหน้าขึ้น
    ได้ขุดพบสิ่งของที่เป็นสัญญาณว่าการขุดค้นหา
    ใกล้พบสุสานขุมมหาสมบัติเข้าไปทุกขณะ

    ครั้นถึงวันที่ 3 พ.ย.(ค.ศ.1920) คณะค้นหาสุสานฟาโรห์ตูตันคาเมน
    ก็ขุดพบประตูทางเข้าสุสานสมความตั้งใจ...
    แต่เมื่อขุดพบลู่ทางแล้ว ความละเอียดปราณีตในการทํางาน
    ยิ่งต้องมีหลักวิชาและซิกเซ้นต์เพิ่มพูนยิ่งขึ้น...

    Link : สมบัติ " ไอยคุปต์ " มากอาถรรพณ์มรณะ! | HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2015
  4. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    สมบัติ " ไอยคุปต์ " ฯ (3)
    เขียนโดย Xjungrai เมื่อ พฤ, 06/11/2014 - 17:08

    การขุดค้นสุสานอันยิ่งใหญ่ เต็มไปด้วยความละเอียดประณีต
    กินเวลาต่อมาอีก 5 ปี ความสําเร็จอย่างแท้จริงก็เกิดขึ้น
    คือในวันที่ 11 พ.ย.(ค.ศ.1925) คณะขุดค้นได้ขุดเจาะ
    เข้าไปในสุสานได้สําเร็จสมบูรณ์ ...

    มันเป็นความยินดีของมนุษย์ยุคปัจจุบัน!
    แต่มันจะเป็นความยินดีของฟาโรห์ผู้เป็นเจ้าของสุสานด้วยละหรือ?
    ในเมื่อพระองค์ได้สร้างสุสานอย่างลึกลับ
    ด้วยจํานวนเงินและจํานวนคนอย่างมหาศาล
    เพื่อให้สุสานของพระองค์ เป็นที่อันสงบสุข
    แห่งสุดท้ายสําหรับวิญญาณไปชั่วนิรันดร์...

    แต่เมื่อถูกรบกวนจากมนุษย์ที่เรียกตัวเองว่าซิวิไลซ์
    รุกเข้ามาในสถานที่ของฟาโรห์ อันมีคําสาปประกาศเตือน
    ตั้งแต่หน้าทางเข้าสุสานแล้วว่า " มรณะจักโบยบินมาสังหาร
    ผู้บังอาจล่วงละเมิดความสันติแห่งองค์ฟาโรห์ "
    คําสาปนี้ทําให้คนงานชาวอียิปต์ทิ้งงานไปกว่าครึ่ง
    จนต้องจ้างชุดใหม่ในราคาค่าแรงแพงกว่าเดิมมาก...

    การถูกรุกรานจากมนุษย์ที่เรียกตัวเองว่าศิวิไลซ์
    เข้ามาสถานที่หวงห้ามของฟาโรห์
    กษัตริย์ไอยคุปต์ที่ยิ่งใหญ่ อะไรจะเกิดขึ้นไม่มีใครรู้
    ทั้งคณะสํารวจก็ไม่เชื่อในคําสาปนั้นว่า....

    คนตายแล้วตั้งหลายพันปีจะมีฤทธิ์อํานาจอะไรอีก?
    แต่ที่แน่ๆคือนักขุดค้นได้ทรัพย์สมบัติลํ้าค่ามากมาย
    และได้ชื่อเสียงกระหึ่มโลกว่าเป็น " ผู้พลิกประวัติศาสตร์ "
    ที่อยู่ในตํานาน ให้ปรากฏเป็นของจริงที่มีตัวตน..

    มันเป็นข่าวใหญ่ที่หนังสือพิมพ์ทั้งในยุโรป-อเมริกา
    พากันพาดหัวข่าวการค้นพบสุสานตูตันคาเมนอย่างครึกโครมที่สุด
    นักโบราณคดีในประเทศต่างๆพากันสนใจข่าวนี้อย่างยิ่ง
    มันเป็นข่าวใหญ่ไม่เพียงคนในวงการโบราณคดีเท่านั้น
    ประชาชนชาวยุโรป-อเมริกา และทั่วโลกต่างให้ความสนใจ

    แต่อนิจจา... ในอีกด้านหนึ่งของคณะขุดค้นสุสานฟาโรห์
    เขาเริ่มได้กลิ่นไอแห่งแรงอาถรรพ์คําสาปมรณะ
    มันเป็นเรื่องลึกลับที่เขาไม่เข้าใจ....

    อานุภาพแห่งอาถรรพ์คําสาปฟาโรห์
    เริ่มที่ลอร์คานาวอน หัวหน้าคณะขุดค้นก่อนเป็นคนแรก
    เขาเริ่มมีอาการเมื่อวันที่ 6 เม.ย.(1923) คือเขามีอาการไข้ขึ้นสูงอย่างหาสมุฐาน
    ของโรคไม่ได้ เขาต้องนอนทนทุกข์ทุรนทุรายอยู่บนเตียง
    อย่างแสนสาหัส 3 สัปดาห์ ก่อนจะสิ้นใจตายทั้งตาเบิกโพลง

    หลังจากนั้นต่อมา คณะขุดค้นในทีมของลอร์ดคานาวอน
    ก็มีอันตายอย่างลึกลับ ที่ละคน..ทีละคน....
    มันเป็นการตายแบบหาสาเหตุไม่ได้ทั้งสิ้น
    จําเพาะในปี 1923 คณะขุดค้นตายไปแล้ว 5 คน
    ปี 1924 ตายไป 4 คน ปี 1926 ตายไป 3 คน

    พวกเขาทุกคนล้วนมีอาการไข้โดยไม่ทราบสาเหตุของโรคก่อนตายทั้งสิ้น
    หากจะผลักประเด็นไปเป็นว่า เขาป่วยเป็นไข้ตัวร้อนตาย
    แต่ความประหลาดคืออาการเหมือนเป็นไข้ขึ้นสูง
    แต่ตัวไม่ร้อนกลับตาย นับเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้
    ที่ทุกคนในคณะของลอร์ดคานาวอน จะตายในอาการโรคอย่างเดียวกัน...

    ในระหว่างที่เหตุการณ์ชวนขนพองสยองเกล้าเกิดขึ้นนั้น
    คนที่เป็นจุดเด่นในคณะขุดค้นสุสาน
    ซึ่งทุกคนกําลังจับตา เขาคือโฮเวิร์ด คาเตอร์
    นักโบราณคดีชื่อดังจะมีชะตากรรมเหมือนคนในคณะขุดค้นหรือไม่?

    แต่..แต่คาเตอร์ยังคงแข็งแรงเป็นปกติ ไม่ส่ออาการใดๆทั้งสิ้น
    เมื่อเขาอยู่ในกลุ่มคนมากมาย มักเจอคําถามว่า
    " คนอื่นพากันตายหลังจากขุดค้นสุสานฟาโรห์จนพบ
    แต่ทําไมท่านยังยืนหยัดได้อย่างผ่าเผย
    ท่านไม่รู้สึกถึงอาถรรพ์คําสาปบ้างหรือ? "

    คาเตอร์ตอบโดยไม่ต้องคิด " ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ทางโบราณคดี
    ผมจึงไม่เชื่อเรื่องคําสาปของฟาโรห์ตูตันคาเมนโดยสิ้นเชิง....

    พวกสํารวจขุดค้นในคณะของผมที่ตายไป
    ผมคิดว่ามันเป็นชะตากรรมของพวกเขาที่เป็นไปอย่างนั้น
    จึงพบจุดจบอย่างที่พวกคุณได้รับรู้กัน!
    " คาเตอร์ไม่พูดเปล่า แต่เขายังแสดงท่าทีแข็งขันต่องานของเขา
    โดยไม่เกรงกลัวต่ออํานาจลึกลับใดๆ
    อย่างที่คนอื่นหวั่นเกรง เพราะมันลี้ลับไม่อาจมองเห็นได้นั่นเอง
    การที่มันไม่อาจสัมผัสมองเห็นได้คาเตอร์จึงไม่สนใจเกรงกลัว...

    ตลอดเวลาท่านสุภาพบุรุษโฮเวิร์ด คาเตอร์ ผู้ไม่ยี่หระต่ออํานาจอาถรรพ์ใดๆ
    แต่เขาก็ไม่พ้นเงื้อมมือที่มองไม่เห็นไปได้
    มันเฝ้าติดตามคาเตอร์อย่างเงียบเชียบ
    คอยหาโอกาสแบบที่คาเตอร์ไม่มีทางรู้ตัวได้เลย
    แต่มันคงไม่ลงเอยแบบคนอื่นๆ แต่จะเป็นแบบใดตอนหน้ารู้กัน....?

    Link : สมบัติ " ไอยคุปต์ " มากอาถรรพณ์มรณะ! | HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2015
  5. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    สมบัติ " ไอยคุปต์ " ฯ (4)
    เขียนโดย Xjungrai เมื่อ อาทิตย์, 23/11/2014 - 07:40.

    มันเป็นจริงดังว่า...คาเตอร์ไม่อาจพ้น
    เงื้อมมืออาถรรพ์ที่มองไม่เห็นไปได้

    เพราะในคืนวันหนึ่ง ขณะคาเตอร์พํานักอยู่ในอเมริกา
    เขาพูดกับ รปภ.ประจําตัวเขาว่า " ผมจะไปเยี่ยมเพื่อนหนึ่ง
    คุณไปพักผ่อนได้ ไม่จําเป็นต้องตามรักษาความปลอดภัยให้ผม
    มันไม่มีภัยอะไรหรอก! "
    หลังพูดแล้ว เขาออกจากที่พักโดยลําพัง
    เขาหายไปจนถึงเช้าวันที่ 2 ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาที่พัก
    จําเป็นอยู่เองที่พนักงาน รปภ.ต้องแจ้งความ
    เจ้าหน้าที่ ตร.จึงมาทําการตรวจที่ทํางานของคาเตอร์
    แต่ไม่พบพิรุธร่องรอยอะไร...

    จวบวันที่ 3 ศพของคาเตอร์จึงสําแดงตัวออกมา
    โดยการไหลลอยไปตามแม่นํ้า ซึ่งห่างจากที่พักไกลออกไปประมาณ 4 กม.
    ในที่สุดเขาก็หนีไม่พ้นเงื้อหัตถ์แห่งฟาโรห์ตูตันคาเมน
    ที่จ้องตามล้างผู้ล่วงละเมิดสุสานของพระองค์...
    มันเป็นข่าวเกรียวกราว ที่สั่นประสาทของชาวยุโรป-อเมริกาให้เสียขวัญ
    ทุกคนเชื่อว่าเป็นอํานาจประหลาด ที่เกิดจากอาถรรพ์ของสุสานฟาโรห์

    มาถึงบัดนี้ วันที่ 8 กพ.(ค.ศ.1960) ฟิลลิป มอร์เลอร์
    คนในคณะสํารวจสุสานฟาโรห์ตูตันคาเมนที่เหลือเป็นคนสุดท้าย
    ก็มาตายลงด้วยอาการอันแปลกประหลาด ที่โรงพยาบาลในกรุงไคโร
    สรุปแล้วตอนนี้ คนในคณะค้นหาสุสานฟาโรห์ จํานวนทั้งหมด 25 คน
    ทุกคนมีอาการตายอย่างผิดธรรมชาติหาสาเหตุไม่ได้ทั้งสิ้น.

    นี่คือบันทึกรายละเอียดการตายอย่างประหลาด
    ของคณะสํารวจขุดค้นสุสาสานฟาโรห์ตูตันคาเมน
    ที่นักข่าวหนุ่ม เจ.เอ.วิลเลี่ยม กําลังอ่านเพื่อเป็นแนวในการหาข้อมูลมาทําข่าว..
    เมื่ออ่านรายงานนั้นจบ เขาตรงมายังบรรณาธิการข่าว
    ผู้รับผิดชอบเรื่องข่าวของเขาในสํานักข่าว
    วิลเลี่ยมพูดกับบรรณาธิการข่าวของเขาว่า
    " เรื่องข่าวการตายอย่างประหลาดของฟิลลิป มอร์เล่อร์ที่อียิปต์
    ประชาชนต่างให้ความสนใจมาก
    และผมคิดว่ามันเป็นผลของคําสาปฟาโรห์ตูตันคาเมน
    ที่หวนมาสําแดงเดชกับผู้บุกรุกที่เหลือคนสุดท้าย...

    พวกเราจึงคิดอยากจะทําข่าวอีกครั้ง
    เป็นสกู๊ปข่าวพิเศษโดยชื่อว่า " คําสาปสมบัติไอยคุปต์ "
    เพื่อเอามาแพร่ภาพให้สาธารณชนชม
    ข่าวนี้ผู้ชมต้องอยากรู้อยากดูอย่างแน่นอน
    เพราะมันเป็นช่วงจังหวะที่ข่าวนี้กําลังบูม
    " วิลเลี่ยมนักข่าวหนุ่มไฟแรง อธิบายอย่างกระตือรือร้น
    ให้บรรณาธิการและเพื่อนร่วมงานฟัง
    เพื่อนร่วมงานในบริษัททุกคน รู้นิสัยของวิลเลี่ยมเป็นอย่างดีว่า
    เมื่อเขาตั้งใจทําสกู็ปข่าวอะไรแล้ว เป็นเดินหน้าตลอด
    เรื่องถอยหลังเป็นอันไม่ต้องพูดกัน
    เพราะทุกข่าวที่เขาจับไม่เคยพลาด ดังเป็นพลุเป็นผลงานมาแล้ว

    ไม่นานนัก ทางบริษัทก็อนุมัติให้วิลเลี่ยมทํางานตามแผนของเขาได้
    วิลเลี่ยมจึงจัดสต๊าฟการทําข่าวนี้
    รวม 6 คนรวมตัวเขาด้วย คือ 2 คนบันทึกภาพ 3 คนบันทึกเสียง
    เป็นทีมงานที่จะบินไปอียิปต์ทําข่าว
    แล้วคนทั้ง 6 ก็ออกเดินทางจากเยอรมันตะวันตกมุ่งสู่อียิปต์
    เพื่อทําข่าวปริศนานี้ให้กระจ่างชัด
    อันดับแรกที่เขาไปหาข่าวคือ วิหารเทพละคันซูเออ
    ที่ตั้งอยู่ในปิรามิดอันเป็นร่องรอยที่มาของข่าว
    วิลเลี่ยมเที่ยวเยี่ยมเยือนสัมภาษณ์บุคคลต่างๆ
    ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับสุสานฟาโรห์
    เขาบันทึกทั้งภาพและเสียงจากบุคคลเหล่านั้น

    วิลเลี่ยมสืบสาวเรื่องราวและรวบรวมข่าว
    จากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่ง
    เขาสอบถามจนมาถึงนักโบราณคดี
    ในที่สุดก็มาลงท้ายที่ปัญหาเรื่องของสุสานฟาโรห์ตูตันคาเมน

    ลอร์ดคานาวอน กับ คาเตอร์ พวกเขาต้องบากบั่นอย่างหนัก
    ในการขุดค้นหาสุสานฟาโรห์ตูตันคาเมน
    ปัจจุบันสุสานแห่งนี้ได้รับการปรับปรุงให้มีสภาพดีขึ้น
    ในทุกๆวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งนั่งรถยนต์
    และขี่อูฐไปชมสุสานแห่งนี้จํานวนมากไม่ขาดสาย

    สุสานแห่งนี้ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์
    มีสมบัติเครื่องใช้วางโชว์เรียงราย
    ตั้งแต่ย่างก้าวแรกเข้ามาในที่นี้
    จากหัวจรดท้าย ที่เด่นชวนสะดุดใจคือหน้ากากทองคําแท้นี้
    เหมือนเกราะที่หุ้มอยู่ด้านนอก
    ส่วนภายในคือร่างพระศพหรือมัมมี่ของฟาโรห์

    หลังจากสํารวจไปรอบๆสุสานแล้ว
    ทีมนักข่าวโทรทัศน์แห่งเยอรมัน
    เริ่มจัดการบันทึกภาพและเสียงทันที
    มันมีเสน่ห์อย่างประหลาด
    ไม่ว่าจะเป็นรูปหล่อทองคําที่สวยงาม
    ส่องประกายอร่ามล้อแสงไฟ หรือซากมัมมี่อันเข้มขลัง
    รวมทั้งเรื่องราวอันน่าระทึกขวัญในการทําข่าว

    ระหว่างที่ทํางานมีเพื่อนในทีมคนหนึ่งที่ทําหน้าที่บันทึกเสียง
    มีความคึกคนองในอารมณ์พูดอย่างขําขันว่า
    " คุณวิลเลี่ยม เรามาทํางานนี้มีการประกันชีวิตไว้หรือเปล่า?
    ดีไม่ดีทําอะไรฟาโรห์ตูตันคาเมนโกรธโดยไม่รู้ตัว
    อาจมีอันเป็นไปถึงตาย เหมือนพวกคณะขุดค้นหาของลอร์ดคานาวอนก็ได้
    ใครจะรับประกันขอรับท่าน? " แม้จะตลกแต่ก็แฝงความกลัวไว้เหมือนกัน
    (มีต่อ) .................................

    Link : สมบัติ " ไอยคุปต์ " มากอาถรรพณ์มรณะ! | HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2015
  6. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    สมบัติ " ไอยคุปต์ " ฯ (5)
    เขียนโดย Xjungrai เมื่อ พุธ, 26/11/2014 - 00:38. เสาร์, 29/11/2014 - 14:28.

    เพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งค้านขึ้น " เฮ้ย คนอย่างแกเขาไม่ทําให้เสียแรงหรอกวะ
    ฉันรับรองสําหรับแก ไม่มีปัญหาแน่นอน
    เวลานี้คนสร้างยานอวกาศไปนอกโลกแล้ว มันเป็นยุคอวกาศจริงๆ
    ฉันจะไม่หัดเรียนแบบการจูบปากอย่างคาเตอร์
    และในปัจจุบันนี้คําสาปของฟาโรห์ตูตันคาเมน
    มันคงเดินทางเข้าป่าไปแล้ว "
    วิลเลี่ยมฟังแล้วอดหัวเราะอย่างขบขันมิได้
    ขณะเดียวกันรู้สึกเสียวๆในอกไม่ต่างจากทุกคนในทีม
    การถ่ายภาพอัดเสียงคงดําเนินต่อไป
    จากห้องต่างๆชั้นนอก จนเข้ามาถึงในตัวสุสาน
    พวกเขาช่วยกันผลักบานประตูให้เปิดกว้างขึ้น
    เพื่อถ่ายทําได้ทุกแง่ทุกมุม

    พนักงานทุกคนต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงโลงหินที่บรรจุพระศพเลื่อน...
    แต่เมื่อหันมาดูปรากฏว่ามันอยู่ที่เดิม แต่เครื่องเทปบันทึกเสียงตรงเข็มวัดคลื่นเสียง
    มันตีขึ้นตีลงไม่อยู่นิ่ง แสดงว่าเสียงที่ทีมงานได้ยินนั้น
    เป็นเสียงที่เกิดขึ้นจริงๆ หูพวกเขามิได้แว่วไปเองด้วยอุปทาน
    แต่ไม่ว่าจะมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น
    ทีมงานของวิลเลี่ยมยังคงทํางานในสุสานของฟาโรห์จนเสร็จสิ้น

    เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเขานั่งเครื่องบินโดยสารแพนแอม
    ออกจากสนามบินกรุงไคโร
    ระหว่างบินเหนือท้องฟ้าช่างบันทึกเสียงคนหนึ่งกล่าวว่า
    " พวกเราไม่รังเกียจเลยที่ได้กลับบ้าน
    จะได้นําภาพและเสียงที่บันทึกนี้
    ไปเผยแพร่ให้ประชาชนได้ชมได้ฟังกันทั้งประเทศ....
    แน่นอน ผมคิดว่าความลับต่างๆ ที่พวกเราสืบเสาะมา
    จะต้องเป็นข่าวดังอย่างคาดไม่ถึง
    " ขณะที่พูดเขามองออกนอกหน้าต่างเครื่องบิน
    เขาเห็นท้องทะเลเวิ้งว้าง
    บางครั้งก็เห็นเกลียวคลื่นขนาดใหญ่ม้วนตัวตีฟองขาวกระจายไป
    วิวทิวทัศน์เหล่านี้สะกดให้เขาไม่พูดอะไรต่อ

    " แน่นอน เทปบันทึกภาพและเสียงนี้
    เป็นสิ่งที่ชาวเยอรมันอยากรู้อยากเห็นมานานแล้ว
    ผมรู้สึกว่าเราได้เก็บเกี่ยวเรื่องราวเหล่านี้มาอย่างละเอียด
    แต่ใช้เวลาไม่มากเลย " นายช่างอีกคนหนึ่งพูดสนับสนุน

    " ผมคิดว่าเราหมดปัญหาเรื่องที่น่ากลัว
    เกี่ยวกับคําสาปของฟาโรห์ตูตันคาเมน
    เพราะตอนนี้เราบินอยู่บนท้องฟ้า
    คําสาปนั้นคงไม่มีฤทธิ์เดชอะไรส่งผลมาถึงได้
    คุณพูดถูกที่ว่าข่าวนี้เป็นข่าวใหญ่ "
    ช่างบันทึกภาพวิจารณ์บ้าง

    ในเวลานั้นท้องฟ้าที่มีทัศนวิสัยปลอดโปร่ง
    พลันเริ่มดําทมึนด้วยเมฆหมอกอันหนาทึบ
    เครื่องบินโดยสารเหมือนถูกหมู่เมฆกลืนหายไป
    เสียงฟ้าคะนองในหมู่เมฆดังสะเทือนเลื่อนลั่นแสบแก้วหู
    กระจกที่หน้าต่างเครื่องบินลั่นกราวสั่นพริ้ว
    เหมือนจะปริแตกออกให้ได้....

    เครื่องบินที่บินอย่างราบเรียบเมื่อครู่
    ทันใดเกิดร่อนเอียงวูบวาบอย่างน่ากลัว
    ไม่ผิดใบไม้ยามต้องพายุ สายฟ้าแลบแปลบปลาบ
    แสงแทงตาน่ากลัวอยู่แล้ว
    แต่ยัง.เท่านั้นยังไม่พอ เสียงกระหึ่มของฟ้าร้อง
    ปานโลกจะแตกดังยํ้าซํ้าเติม
    เหมือนจะบดขยี้ขวัญของผู้โดยสารทุกคน
    ในเครื่องบินลํานี้ ให้ตกอยู่ในนรกอเวจีแห่งความหวาดสยอง
    ที่ทุกคนต้องเผชิญอย่างไม่มีทางเลี่ยง
    จะหลบซ่อนอย่างไรบนเครื่องบินกลางหาว
    มันเหมือนกับว่าเครื่องบินนี้จะแตกสลายลงในไม่ช้านี้...!

    ในช่วงเวลาอันวิกฤตินี้ วิลเลี่ยมและคณะมองออกไปนอกหน้าต่าง
    ท่ามกลางหมู่เมฆอึมครึม พวกเขาได้เห็นใบหน้าขนาดมหึมาปรากฏอยู่
    โอ..พระเจ้าใบหน้านั้นเป็นใบหน้ารูปทองของฟาโรห์ " ตูตันคาเมน "
    แต่ทว่ามิได้ได้สวยงามอย่างที่ตั้งโชว์ในสุสาน
    ใบหน้ามหึมาที่ปรากฏอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆอย่างชัดเจนนี้
    บูดบึ้งถลึงตาแสดงความโกรธกริ้วอาฆาตมาดร้าย....

    ทุกคนหวาดกลัวตัวชาเหมือนกับเลือดทุกหยดในร่างกายจับเป็นก้อนแข็ง
    สามัญสํานึกในประสาทบอกตนเองว่า.." ตูตันคาเมน คําสาปตูตันคาเมน"
    พวกเขาตะลึงงันสันหลังเย็นวาบ อยากจะร้องตะโกนออกมาพร้อมกัน..
    แต่ทุกคนในทีมข่าวเหมือนมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอหอย
    ชั่วพริบตาของเสี้ยววินาที เสียงฟ้าผ่าสะเทือนเลื่อนลั่น
    แก้วหูแทบร้าว " กึก กึก คลื้นๆๆ " เสียงเครื่องยนต์ขัดข้อง
    เครื่องบินสะเทือนไปทั้งลํา พวกผู้โดยสารรู้สึกหัวทิ่มลง...

    เหตุทั้งนี้เพราะ..เครื่องบินเสียหลักเหมือนถูกแรงเหวี่ยงอันมหาศาล
    ทําเอาผู้โดยสารลงไปนอนกองอยู่กับทางเดินหลายคน
    ผู้โดยสารต่างได้รับบาดเจ็บหัวนูดหัวโนไปตามๆกัน
    ถ้าถามว่าทิศไหนเป็นทิศไหนคงตอบไม่ได้
    เพราะเครื่องบินหมุนคว้างด้วยแรงเหวี่ยงทําเอางง
    กว่าจะกลับลําได้เล่นเอาบางคนเป็นลมแล้วเป็นลมอีก
    พอเครื่องบินเริ่มทรงตัวตั้งลําได้ทุกคนพากันถอนใจเฮือก...

    แต่นั่น โอ..นั่น ที่ปีกด้านซ้ายของเครื่องบิน
    มีควันพวยพุ่งออกมา คงเป็นเพราะถูกฟ้าผ่าเมื่อครู่แน่
    ภาพของฟาโรห์ตูตันคาเมนที่ปรากฏแก่ตาของทีมข่าว
    ได้ค่อยๆเลือนหายไปแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนตายไปหลายครั้งแล้วเกิดใหม่

    ขณะที่เกิดเหตุเหมือนดําดิ่งอยู่ในห้วงนรกอันเวิ้งว้าง
    น่าสะพรึงกลัวสุดพรรณนา อุบัติการณ์ที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินโดยสาร
    ที่ทีมงานของวิลเลี่ยมโดยสารมานั้น
    กัปตันต้องนําเครื่องลงจอดที่สนามบินในอเล็กซานเดรีย
    เพื่อเปลี่ยนเครื่องบินโดยสารใหม่ พอพวกเขาบินมาถึงสนามบินอันเป็นมาตุภูมิ
    ต่างคิดว่าเรื่องราวอันน่าขนพองสยองเกล้า ต้องนํามาเปิดเผยให้ชาวโลกได้รับรู้..

    " อา..คําสาปฟาโรห์ตูตันคาเมน ยังทรงมหิทรานุภาพไม่เสื่อมคลาย! "
    วิลเลี่ยมและทีมงาน จัดเตรียมเทปต่างๆที่ถ่ายทําเรื่องสุสาสานฟาโรห์ตูตันคาเมน
    ไว้โดยละเอียด ให้เรียบร้อยทุกชิ้นพร้อมใช้งาน เพราะเรื่องราวนี้ต้องใช้ชีวิตไปแลกมา
    เขานึกไม่ถึงจริงๆว่า การทําข่าวนี้ฟาโรห์ฯจะโกรธ
    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคณะของเขา เป็นข่าวดังไปทั่วทั้งเยอรมัน...

    บัดนี้ชาวเยอรมันเชื่ออย่างสนิทใจแล้วว่า เครื่องบินโดยสารที่บินออกจากกรุงไคโร
    ถูกฟ้าผ่ากลางอากาศระหว่างเดินทาง จนเกือบตกทะเลตายทั้งลํานั้น
    มันเป็นอาถรรพ์จากคําสาปฟาโรห์ตูตันคาเมน
    ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตกาลยังทรงอํานาจ.

    Link : สมบัติ " ไอยคุปต์ " มากอาถรรพณ์มรณะ! | HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2015
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    พวกนี้มีฐานสัมผัสพิเศษและมีกำลังจิตสูงเป็นทุน
    เป็นกลุ่มที่มิควรไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่เชื่อมโยงเค้าครับ
     
  8. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    พวกที่สร้างคำสาป จะเป็นพวกนักบวชที่มีอาคมแก่กล้า
    ซึ่งในการทำพีธีสำคัญต่างๆของอียิปต์
    จะต้องมีนักบวชเป็นผู้ร่ายเวทมนต์
    ตลอดพิธีการ เช่น การทำมัมมี่
    การบวงสรวงเทพเจ้าราห์( เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์)
    เทพเจ้าอนูบีส (เทพเจ้าแห่งความตาย) เป็นต้น

    นักบวชมีบทบาทสำคัญมากต่อฟาโรห์
    เปรียบเสมือนที่ปรึกษาหรือคนสนิท
    เป็นผู้ทำนายและชี้แนวทาง
    การแก้ปัญหาให้ฟาโรห์
     
  9. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    วิธีทำมัมมี่ของชาวอียิปต์โบราณ
    Posted by: P.Kla 14/08/2555
    วิธีทำมัมมี่ของชาวอียิปต์โบราณ

    ในสมัยอียิปต์โบราณ เมื่อมีคนตายก็จะนำศพไป
    ฝังไว้ในทะเลทราย อัน ร้อนระอุ ความร้อน
    และความแห้งแล้งทำให้ร่างกายแห้งอย่างรวดเร็ว
    โดยที่แบคทีเรียไม่มีโอกาสได้ย่อยสลายศพเสียก่อน
    จึงกลายเป็นมัมมี่ไปตามธรรมชาติ คงจะมีการค้นพบโดยบังเอิญ


    ต่อมาชาวอียิปต์ก็เริ่มใช้ โลงบรรจุศพ ก่อน ฝัง
    เพื่อป้องกันมิให้สัตว์ป่าแทะกินศพ แต่ก็กลับพบว่า
    ซากศพที่ฝังในโลง ได้เปื่อยเน่าไป ไม่แห้งและอยู่คงทนเหมือนแต่ก่อน
    เพราะโลงศพทำหน้าที่เก็บกักความชื้นจากร่างกาย
    เพียงพอที่จะอำนวยให้แบคทีเรียเจริญเติบโต
    และทำการย่อยสลายให้ศพเน่าเปื่อยสูญไปได้ต่อ

    มาอีกหลายร้อยปี ชาวอียิปต์ก็ได้ศึกษาทดลองวิธีต่าง ๆ
    เพื่อที่จะรักษาสภาพศพให้คงทนอยู่ได้
    กรรมวิธีในการรักษาศพให้คงทน
    ประกอบด้วยการแช่อาบศพด้วยสิ่งที่ชะงัก
    การเจริญเติบโตของแบคทีเรีย แล้วพันด้วยแถบผ้าลินิน
    ปัจจุบันเราเรียกกรรมวิธีนี้ว่า การทำมัมมี่

    ขั้นตอนการทำมัมมี่ มีอยู่ 13 ขั้นตอน ดังนี้

    ขั้นตอนที่ 1

    ศพถูกนำไปยังเต๊นท์พิเศษ ที่เรียกว่า อีบู
    ซึ่งมีความหมายว่า สถานที่ชำระศพให้บริสุทธิ์
    ผู้ทำมัมมี่จะอาบศพด้วยเหล้าที่ทำจากน้ำตาลสด
    และชำระล้างด้วยน้ำจากแม่น้ำไนล์


    ขั้นตอนที่ 2

    ช่างก็จะผ่าช่องท้องด้านซ้ายเพื่อเอาอวัยวะภายในออก
    เนื่องด้วยอวัยวะภายใน ซึ่งมีความชื้นสูง
    จะเป็นสิ่งแรกที่เน่าสลายอย่างรวดเร็ว
    จึงต้องเอาออก เหลือไว้แต่หัวใจที่จะทิ้งไว้ภายในศพ
    เพราะพวกเขาเชื่อว่า หัวใจคือศูนย์รวมแห่งปัญญาและความรับรู้ทั้งปวง
    ที่ผู้ตายยังต้องการใช้ในโลกแห่งวิญญาณ


    ขั้นตอนที่ 3

    ส่วน ตับ ปอด กระเพาะ และลำไส้
    จะถูกนำมาชำระล้างจนสะอาด
    แล้วนำไปกลบไว้ด้วยเกลือเม็ดที่เรียกว่า Natron
    ซึ่งเป็นเกลือโซเดียมคาร์บอร์เนต

    แล้วเขาจะสอดตะขอผ่านเข้าทางช่องจมูก
    เพื่อเกี่ยวเอาเนื้อสมองออกมา
    เพราะสมองก็เหมือนอวัยวะภายในที่มีความชื้นสูง
    ถ้าทิ้งไว้จะทำให้แห้งยาก และก่อให้เกิดการย่อยสลายได้ง่าย


    ขั้นตอนที่ 4

    จากนั้นก็เอาศพไปวางกลบด้วยเกลือเม็ดให้แห้ง
    ของเหลวจากร่างกาย และผ้าที่ใช้ในการเตรียมศพทุกชิ้น
    ก็จะเก็บรักษาไว้อย่างดี เพื่อนำไปฝังพร้อมกับศพ

    Credit : อริช_ http://www.unigang.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • post-1-1222357286.jpg
      post-1-1222357286.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18.2 KB
      เปิดดู:
      95
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18 KB
      เปิดดู:
      164
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5.5 KB
      เปิดดู:
      754
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      17 KB
      เปิดดู:
      100
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2015
  10. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ขั้นตอนที่ 5

    ช่องว่างภายในก็ใส่เกลือเม็ดไว้
    เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
    อันจะทำให้ร่างเปื่อยเน่าสูญสลายไปได้


    ขั้นตอนที่ 6

    ศพจะถูกแช่เกลือไว้สี่สิบวันจนแห้งดีแล้ว
    จะถูกนำมาชำระล้างด้วยน้ำจากแม่น้ำไนล์อีก
    แล้วจะเคลือบผิวหนังด้วยน้ำมัน
    เพื่อให้ผิวหนังคงสภาพอ่อนนุ่ม
    ไม่แห้งกระด้างไปตามกาลเวลา

    ขั้นตอนที่ 7

    อวัยวะภายในที่แห้งแล้วจากการแช่เกลือ
    ก็จะถูกนำกลับมาบรรจุในช่องท้องและช่องอกตามเดิม

    ขั้นตอนที่ 8

    แล้วจะเติมด้วยของแห้งอย่างอื่นให้เต็ม
    เช่นขี้เลื่อยหรือใบไม้และผ้าลินิน
    เพื่อให้ดูเหมือนยามมีชีวิตอยู่
    ไม่ยุบตัวลงไปตามกาลเวลาในภายหลัง

    Credit : อริช_ http://www.unigang.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      6.9 KB
      เปิดดู:
      76
    • 6.jpg
      6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      20.9 KB
      เปิดดู:
      279
    • 7.jpg
      7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      20 KB
      เปิดดู:
      87
    • 8.jpg
      8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5.2 KB
      เปิดดู:
      88
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2015
  11. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ขั้นตอนที่ 9

    จากนั้นก็จะชำระศพด้วยน้ำมันหอมอีกครั้งหนึ่ง
    ก่อนที่จะนำไปพันผ้าลินินในขั้นต่อไป

    การพันห่อมัมมี่

    ขั้นแรก ศีรษะและลำคอจะถูกพันก่อน
    ด้วยแถบผ้าลินินอย่างดี แล้วก็จะพันนิ้วมือและนิ้วเท้าแยกกันทีละนิ้ว
    แล้วก็พันห่อแขนและขา แต่ละทบก็จะใส่เครื่องราง
    เพื่อปกปักรักษาผู้ตายในระหว่างการเดินทางไปสู่ภพใหม่


    ขั้นตอนที่ 10

    ในขณะที่ร่างของมัมมี่กำลังถูกห่อพันด้วยผ้าลินิน
    ก็จะมีพระท่องมนต์ เพื่อขจัดสิ่งที่เลวร้ายมิให้แผ้วพานผู้ตาย
    และเป็นการช่วยให้ผู้ตายเดินทางได้สะดวกในภพหน้า

    ขั้นตอนที่ 11

    แล้วแขนขามัมมี่ก็จะถูกพันเข้ากับส่วนร่าง
    ตำรา “มนตราสำหรับผู้ตาย”
    ก็จะรวมห่อไปด้วยให้ถือไว้ในมือของมัมมี่

    ขั้นตอนที่ 12

    จากนั้นก็จะพันผ้าเพิ่มรวมให้ร่างถูกพันรวมกันหมด
    แต่ละชั้นของผ้าลินิน ผู้ทำมัมมี่ก็จะทาไว้ด้วยเรซิน
    เพื่อให้ผ้าลินินยึดติดกันไม่หลุดรุ่ยออกได้ง่าย
    แล้วห่อด้วยผ้าผืนใหญ่อีกทีหนึ่ง
    จากนั้นก็จะวาดรูปเทพ โอซีรีส บนผ้าที่ห่อมัมมี่นั้น

    ขั้นตอนที่ 13

    จากนั้นก็เอาผ้าผืนใหญ่ห่ออีกชั้นหนึ่ง
    แล้วมัดตราสังข์ด้วยแถบผ้าลินินตลอดร่าง
    อย่างแน่นหนาอีกเป็นครั้งสุดท้าย

    จากนั้นก็ปิดด้านบนของมัมมี่ด้วยแผ่นกระดาน
    ก่อนที่จะเอาไปใส่ในโลงศพสองโลงซ้อนกัน

    ในพิธีศพ ญาติพี่น้องของผู้ตาย
    มาไว้อาลัยและทำพิธี “เปิดปากศพ”
    เพื่อเป็นการเลี้ยงอาหารให้ผู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย
    ขั้นสุดท้าย ก็จะเอาโลงไปใส่ในโลงหินแกะสลัก
    ที่ตั้งอยู่ในสถานเก็บศพ พร้อมด้วยเครื่องเรือน
    เสื้อผ้า ของมีค่า อาหารและเครื่องดื่ม
    จะถูกจัดวางไว้อย่างพร้อมเพรียง
    เป็นเสบียงกรังให้ผู้ตายได้เดินทางสู่ปรภพโดยสะดวก

    แล้วร่างของผู้ตาย ก็พร้อมที่จะออกเดินทางสู่ดินแดนใต้โลก
    ที่ที่หัวใจของเขาจะถูกตัดสิน
    ตามความดีที่ได้ทำไว้ยามมีชีวิตอยู่
    หากมีหัวใจบริสุทธิ์จริง
    ผู้ตายก็จะถูกส่งไปดินแดนอันสวยงาม
    เพื่อชีวิตอันเป็นอมตะ
    ในดินแดนที่เรียกว่า ทุ่งต้นกก

    ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่า
    ก่อนผู้ตายจะไปยังปรภพได้
    ก็ต้องผ่านดินแดนใต้โลก
    อันเป็นที่ที่เต็มไปด้วยมารร้าย
    สัตว์ที่ดุร้ายต่าง ๆ ซึ่งผู้ตายจะต้อง
    อาศัยมนต์ศักดิ์สิทธิ์
    เพื่อปกป้องให้เดินทาง
    ได้โดยปราศจากภัยร้ายมาแผ้วพาน
    มนตราเหล่านี้จารึกอยู่ในสมุดบันทึก
    ที่เรียกว่า “มนตราสำหรับผู้ตาย”
    ซึ่งเป็นตำราเขียนลงบนม้วนกระดาษปาปีรุส
    และจะถูกฝังไปด้วยกันกับผู้ตายในปิรามิด
    และก็เป็นการเสร็จสิ้นวิธีการทำมัมมี่…

    Credit : อริช_ UniGang
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 9.jpg
      9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      7.7 KB
      เปิดดู:
      96
    • 10.jpg
      10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.9 KB
      เปิดดู:
      143
    • 11.jpg
      11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      9 KB
      เปิดดู:
      103
    • 12.jpg
      12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      7.8 KB
      เปิดดู:
      84
    • 13.1.jpg
      13.1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18.1 KB
      เปิดดู:
      90
    • 13.2.gif
      13.2.gif
      ขนาดไฟล์:
      49.2 KB
      เปิดดู:
      91
  12. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    สารคดีเกี่ยวกับฟาโรห์และมัมมี่
    เป็นภาคภาษาไทยค่ะ
    สามารถดูได้จาก Link ข้างล่างค่ะ

    https://www.youtube.com/watch?v=n0K6Nub0JtE
     
  13. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
  14. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ดูสารคดีมัมมี่ ตอนที่เอาอวัยวะภายใน
    ออกมาจากศพเพื่อทำมัมมี่
    แล้วทำให้ดิฉันนึกถึง
    ตอนเรียนพยาบาล วิชากายวิภาคศาสตร์
    ในการทดลองผ่าร่างอาจารย์ใหญ่
    เพื่อศึกษาโครงสร้างอวัยวะภายใน
     
  15. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .. ถ้าเปรียบเทียบปัจจุบัน ก็ ซินแซ หมอดู พราหมณ์ ( โหรา ฯ ) พวกนี้ต้องรอบรู้ และ เก่งมาก แถมมีความอดทนสูง นับถือในความมีปัญญา และ ความสามารถพวกเขามากคะ ส่วนตัวชอบอียิปโบราณชอบศึกษาแต่จำไม่ได้ทั้งหมดนะคะ
     
  16. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    คำสาปขุมทรัพย์ฟาโร
    สามารถดูได้จาก Link นี้ค่ะ

    https://www.youtube.com/watch?v=bEOsmrkEg-k

    Post by : ณัฐสิทธิ์ เข็มกลัด
    Published on Jun 25, 2013
     
  17. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    สมบัติของชาติ ควรจะคืนให้กับประเทศ
    ผู้ที่เป็นเจ้าของถึงจะถูกต้อง
     
  18. นัมรว

    นัมรว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +78
    สิ่งที่เชื่อมโยงนี่คืกลุ่มจากนอกโลกหรือปล่าวครับ
     
  19. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    เวรกรรมที่ทำไว้จะเป็นเงาติดตามตัว
    ผู้กระทำไปตราบชั่วกัปป์ชั่วกัลย์
    เหมือนกับคำสาปแห่งฟาโรห์
     
  20. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    อ้างอิง:ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nopphakan
    พวกนี้มีฐานสัมผัสพิเศษและมีกำลังจิตสูงเป็นทุน
    เป็นกลุ่มที่มิควรไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่เชื่อมโยงเค้าครับ

    ในความคิดของฉันคุณ nopphakan
    คงหมายถึงวัตถุโบราณรวมไปถึงมัมมี่ค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...