กระตุ้นจักระ 1 ???

ผมนั่งอ่านเกี่ยวกับเรื่องของจักระ เห็นมีแต่บอกว่าอย่ากระตุ้นจักระ 1 เพราะมันอันตราย แต่ไม่เห็นมีใครบอกเลยว่ามันอันตรายยังไง ทำแล้วมีผลยังไง จะเกิดอะไรขึ้น ท่านใดเป็นผู้เชี่ยวชาญ ช่วยไขข้อข้องใจให้ผมหน่อยครับ ขอบคุณครับ

 

อันนี้เดาเอา น่าจะห้ามเฉพาะคนที่เป็นริดสีดวงจนหัวริดสีดวงยื่นออกมา ถ้าบีบจนแตกก็จะทำให้เสียเลือดมาก

 

เขียน ๒๒.๐๗

เราชอบคิดเอาเอง ว่าเชื่ยวเรื่องพวกนี้อ่ะนะ คิดเอาเองนะ ขอบอก
เคยลองมาแล้ว ยี่สิบปีก่อนโน้นแน่ะ คิดว่าใช่นะ เนอะ

อาการจะแบบว่า ร้อนรุ่ม ทุรนทุราย อึดอัด เหมือนจะระเบิดออกมาน่ะ
จะเริ่มคุมสติไม่อยู่ ใกล้บ้า สติแตก พลุ่งพล่าน ประมาณนี้อ่ะนะ

ก็ไม่ยืนยันนะ ว่าใช่รึเปล่า แต่ถ้าไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะครับ หึหึหึ
คงคล้ายกะอาการไฟธาตุแตก ของทางสายลมปราณล่ะมั้ง นะ

วันนั้น ก็หันรีหันขวาง มองไปมองมา ทำไงดีวะ แย่แล้ว ซวยล่ะสิ
เฮ้อ..ไม่น่าเลย เค้าก็เตือนแล้ว อ่านเจอตั้งหลายที่ ดันไม่เชื่อ ลองทำดู

แต่โชคดี ที่บังเอิญมีหนังสือ ภาพธรรมชาติ อันมีเส้นสายอันงดงาม เปลือยเปล่า อยู่ใกล้ๆ
ก็เลยหยิบมาเปิดดูอ่ะ ๕๕๕ ก็บังเอิญดึงจิตที่ใกล้แตกกลับมาได้แฮะ โชคดีแท้ๆ

แต่ไม่เข็ดนะ พอสงบดีแล้ว ก็ทบทวนดู ว่าเกิดอะไรขึ้น จากไหน อย่างไร
สรุป แล้วก็เก็บข้อมูลไว้ วันหลังก็เอามาโยนิโส ทบทวนดูอีก ให้ครบถ้วน ชัดเจน

พอโอกาสเหมาะๆ ก็ลองทำดูใหม่ ลองปลุกงูไฟขึ้นมาอีกทีดิ๊
ก็มีอาการเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้มีประสบการณ์แล้ว เลยรับมือได้ทันท่วงทีน่ะครับ

จิตตามจับใจไว้ตลอดเวลา สติสมาธิเต็มร้อย ตามติดทุกอาการแห่งกาย
และสกัดอาการได้ตั้งแต่ต้น เลยไม่เป็นไร วันหลังก็ลองอีก หลายครั้งอยู่
จนเชี่ยวล่ะมั้ง นะ แล้วก็เลิกทำอีก อันตรายจริงแท้ ขอบอก ว่านิทานน่ะครับ หึหึหึ

ปล.ไม่ง่ายนักหรอกนะ ถ้าจะลองทำเล่นดู ฝึกนานเชียว กว่าจะทำได้
ต้องรู้หลายอย่างเลยล่ะ แต่ถ้าไม่กลัวตาย ก็ลองดูดิ ๕๕๕


กระต่ายป่า ข้างวัด / ชาวหมู่บ้านในนิทาน
.

 

ตัวจิตเรามันจะไปยึดเกาะอารมย์ที่เกี่ยวข้องกับความรัก
เข้ามาโดยที่เราจะไม่รู้ตัวไปยึดติดจนมันกลายเป็นตัวเรา
ทำให้เราวางไม่เป็น ปล่อยไม่เป็น แม้ปากจะบอกว่าไม่
แต่เราก็จะไปรู้สึกรับรู้จนมันมาบิดบังตัวจิตเราในอนาคตครับ
และถ้าสติเรามันไม่แข็งแรง หรือไม่ได้ฝึกสติมาก่อน
ภูมิต้านทางพลังงานภายนอกเราจะต่ำครับ
มีโอกาสที่เราจะถูกพวกพลังงานภายนอกที่ไม่ดีต่างๆ
แอบแทรกเข้ามาทางท้ายทอยและผ่านเข้ามายังต่อม
ไพเนียลแกน และก็ไปควบคุมจิตเราได้ครับ แม้ว่าเราจะกลายเป็นคนที่มี
สัมผัสรับรู้อะไรก็ตามหรือเครื่องรู้ขึ้นมาทันทีแบบที่ไม่ต้องฝึก
มันก็จะเป็นเครื่องรู้การรับรู้ ที่เกิดจากพลังงานภายนอกพวกนั้นครับ
เรียกว่าแม้ว่าจะทำบุญสร้างบารมีอะไร พวกพลังงานภายนอกพวกนั้น
จะเก็บกินเรียบครับ..เรียกว่า เราไม่ได้อานิสงค์อะไรเลยครับ
บางครั้งมันจะทำให้คนนั้น พูด และทำอะไรลงไปโดยที่เค้าไม่รู้ตัวครับ
อย่างรุ่นน้องผมที่โดน เค้ารักษาคนได้ แต่ว่าตอนรักษาเนี่ยเค้าจะไม่รู้ตัวครับ
เพราะว่าเป็นพวกพลังงานภายนอกที่ควบคุมจิตเค้าทำงานอยู่
เราจึงเหมือนดูคนที่เสมือนไร้ความรู้สึก เคลื่อนไหวร่างกายอยู่ครับ
พอถามเค้าว่ารักษาอย่างไร เค้าก็ตอบว่าผมไม่รู้ตัวเลยครับพี่ประมาณนี้ครับ..
คนนี้ก็มีงูน้อยเหมือนๆที่ คุณ กระต่ายป่า เล่ามาเหมือนกันครับ
แต่ช่วงหนึ่งดันไปหลงเชื่อพวกสำนักที่บอกว่าทำแล้วจะมีคุณวิเศษ
อย่างนั้นอย่างนี้แบบไม่ต้องฝึก บอกว่าเค้าเป็นคนสำคัญอย่างนั้นอย่างนี้..
และที่สำคัญไม่ฝึกเจริญสติมาก่อน ไม่เดินปัญญามาก่อน
ไม่ฝึกสมาธิมาก่อน แต่อยากได้อะไรที่พิเศษๆ
เลยขาดภูมิต้านทานพลังงานภายนอกที่เข้ามานั่นหละครับ
เรื่องทำนองนี้ พิจารณาให้ดีๆนะครับ ที่สำคัญจะหลงตัวเองได้ง่ายๆด้วยครับ
แม้ว่าจะพูดอ้างพระพุทธฯแต่พฤติกรรมจะตรงข้ามแบบที่ชาวพุทธควรเป็นครับ
จำเอาไว้นะครับ..เราจะมีอะไรก็ตามที่พิเศษได้นะครับ
มันต้องมาจากตัวเราสร้างด้วยตัวเราเอง
ยึดมั่นในพระรัตนตรัยเอาไว้จะปลอดภัยครับ
ที่เปิดจักระตรงศรีษะก่อนเพราะตำแหน่งนั้นจะเป็น
เสมือนการเชื่อมกับครูบาร์อาจารย์ข้างบนครับ
เป็นเสมือนด่านป้องกันตัวเราที่ดียังไงครับ
นั่นหมายความว่าตัวเราก็ต้องมีความดีพอตัว
ตำแหน่งนี้ถึงจะเปิดด้วยไงครับ
จักระ ๗ เปิดหรือตำแหน่งบนศรีษะเปิดเด่วตำแหน่ง
อื่นๆมันก็จะเปิดได้เองนั่นหละ และเปิดได้ตลอดไม่ปิดด้วยครับ
เตรียมสร้างสติทางธรรม กำลังสมาธิสะสม
เดินปัญญาลด ละ กิเลส เอาไว้ด้วย
ทำตัวให้ดีๆเพื่อให้จิตมันเชื่อมครูบาร์อาจารย์ข้างบนไว้
ถึงจะปลอดภัยถ้าสนใจทางด้านนี้นะครับ..


ปล.ประมาณนี้ครับ

 

.
เขียน ๒๓.๒๔

ดูท่าทางแล้ว ตำราของเรากะของท่านนพ เขียนกันคนละภาษาล่ะมั้ง นะ ๕๕๕
ไม่ค่อยเข้าใจเลย ที่เคยผ่านตามา ก็ไม่เห็นมีแบบนี้นี่หน่า เนอะ

การปลุกจักระ เราก็ปลุกมาหมดแล้วล่ะครับ คิดว่างั้นนะ
หลายเดือนเลย กว่าจะสร้างภาพให้เห็นได้ชัดเจน รู้สึกได้ดี มากมาก
แต่ละจักระ กว่าจะกำหนดตำแหน่ง ขอบเขต รัศมี จนชัดแจ้งได้ ยากนะ

ฝึกฝนและค้นหา พร้อมกับการฝึกลมปราณ โยคะ การหายใจแบบต่างๆ สารพัด
ฝึกพร้อมกัน ปนกัน ผสมกัน ข้ามสายพันธุ์กันไปมา มั่วแบบมีหลักการน่ะครับ หึหึหึ

ส่วนสติกับสมาธิ ฝึกมาก่อนนั้นนานแล้ว คิดว่าแจ๋วพอตัวเลยล่ะ ขอบอก หึหึหึ
ถึงจะไม่เหมือนในตำราเล่มไหน เหมือนจะมั่วๆ แต่เราก็พอใจ พอใจ
หลักธรรมต่างๆ ก็มีตามตำราจากเกาะนาฬิเกร์ ถูกต้องตามทฤษฎีและหลักการ

ใครจะว่าไงก็ช่าง เราชอบของเราอย่างนี้ ไม่ได้หวังผลอะไร อย่างไร
มีหน้าที่ฝึกฝนและค้นหา ก็ทำตามหน้าที่ของเราไป นิพพานอะไร ไม่สน
เป้าหมายไม่มี แต่วิถีชัดเจน ครบถ้วนทุกศาสตร์ตะวันออก คิดว่างั้นนะ

คิดว่าระบบคุ้มครองป้องกันตัว ก็คงมีประสิทธิภาพดีอยู่หรอกครับ
สติสัมปชัญญะสมบูรณ์ รู้ตัวดีเป็นปกติ ไม่น่ามีอะไรแทรกแซงครอบงำได้นะ เนอะ
เอ..แต่สามปีก่อน ตอนแปลงร่างเป็นนักรบแสง ก็โดนมาแยะนะ
เป็นบ้าไปพักนึงเลยล่ะครับ ตอนนั้นน่ะคงโดนแน่ๆ หลายขนานเชียวล่ะมั้ง นะ

แต่มาถึงวันนี้ก็คงปกติดีแล้ว และคงยังอยู่ในเส้นทางที่ควรจะเป็นนะ เนอะ


กระต่ายป่า ข้างวัด / ชาวหมู่บ้านในนิทาน
.

 

นี่คุณ กระต่ายป่า ขอจัดซักดอกหน่อยนะ จะได้รู้ว่าใครที่งงกันแน่ ๕๕๕
ที่ คุณกระต่ายป่า ฝึกนั้นมัน บ่ แมนว่าจักระอย่างเดียวเน้อ
ที่เคยฝึกมานั้นมันรวมปราณที่ก่อเกิดจากการดึงพลังงานภายนอก
หน่อยหนึ่งแล้วมาสร้างเป็นพลังงานภายในไว้หลายๆจุดในร่างกาย
ตอนที่ทำ มันจึงเหมือนวูบวาบๆป่านว่า ซุนหงอคง มีกระแสพลังงาน
ไหลเวียนหมุนไปหมุนมาเหมือนเกลียวตั้งแต่เท้าขึ้นมาจนถึงศรีษะ
และที่มือก็ยังกับว่าจะมีก้อนพลังงานเตรียมปล่อยแสงได้ ๕๕๕๕๕
และขณะเดียวกันจะมีกระแสพลังงานบางส่วนเชื่อมภายนอก
ตามแนวกระดูกสันหลังผ่านกระโหลกศรีษะส่วนกลางร่วมด้วย
คล้ายๆว่าเป็นพลังงานหนุนหรือเสริมประมาณนี้ระบบปราณที่เคยฝึกมา งงไหม ๕๕๕

and โยคะที่ดูเหมือนไม่มีอะไรแต่ว่า มันทำให้พลังงานที่ซู่ซ่า พร้อมรบตอนที่ฝึกปราณนั้น
มันเรียบร้อยและไหลเป็นระเบียบขึ้น (คือจะฝึกไปรบกับมนุษย์ดาวหรือ ๕๕๕)
และพื้นฐานการฝึกของคุณ กระต่ายป่า และพื้นฐานพลังงานที่ได้จากการฝึกมา
มันคนละแบบกับที่ข้าพเจ้าเล่าเพื่อเตือนเจ้าของกระทู้เน้อ..

ส่วนพลังงานที่เกิดจากจักระคุณ กระต่ายป่า
นั้นมันเด่นตรงจักระ ๑ ที่แระที่มันคอยช่วยส่งกำลัง
รวมทั้งตรงฝ่ามือทั้ง ๒ ข้าง แต่ว่าพอผ่านจักระหนึ่งแล้วมันก็วิ่งขึ้นตรงมา
เตรียมหนุนอีกรอบคือมาหมุนใหม่ใต้กระโหลกศรีษะ
แล้วถึงขึ้นออกไปข้างบนโน้น...๕๕๕๕๕
ถึงไม่แปลกว่า ทำไม คุณกระต่ายป่า ถึงงงๆ
และเอาไปปนกับ พลังงานกสิณ พลังงานอื่นๆ ๕๕๕๕
ปล.พอเข้าใจที่พูดไหม
เขียน ๐๑.๓๓ ๕๕๕๕

 

ขอบคุณพี่ๆสำหรับคำตอบและคำแนะนำครับ แต่อ่านแล้วก็ยังงงๆเพราะปัญญาผมคงยังไม่ลึกซึ้งถึงขั้นนั้น ตอนนี้อยากศึกษาเพื่อเอามารักษาโรคตัวเองครับ ที่ถึงเรื่องมีจิตอื่นมาแฝงแล้วมีพลังวิเศษรักษาโรคได้ ตัวผมเองก็ผ่านมาแล้วครับ จะเรียกว่าร่างทรงก็น่าจะได้ แต่ผมรู้สึกตัวนะครับตอนรักษาคน แต่ตอนนี้เลิกแล้ว จะว่าทำบุญก็ใช่ แต่ก็กลายเป็นว่าไปสร้างกรรมเพิ่มกับเจ้ากรรมนายเวรของคนอื่นเขา ไม่คุ้มๆ

 

อืม..รู้ตัวเองตอนรักษาคนอื่นๆ แล้วทำไมถึงไม่รู้ว่าจะรักษาตัวเองอย่างไรหละครับ
การรักษามันก็เหมือนกับที่เรารักษาคนอื่นๆนั่นหละครับ.เพียงแต่สร้าง
ให้เกิดจากตัวจิตเราเองนั่นหละครับ...แต่ไม่เป็นไร..
ถ้าคุณอยากจะรักษาตัวเอง ต้องฝึกให้จิตตัวเองเข้าสู่โหมดที่เรียกว่าวิญญานธาตุ
คือการที่เรามองเห็นเส้นสายพลังงานได้ด้วยตาเปล่าให้ได้ก่อน
มันถึงจะกำหนดเป็นพลังงานส่วนเกินให้ออกจากจุดที่ร่างกายเราบกพร่องได้
เช่น บริเวณตับใต้ลิ้นปี่ บริเวณอวัยวะเหนือสะดือ อาการตึงบริเวณหน่อง
บริเวณแขนช่วงต่อกับมือหรืออาการปวดศรีษะคงค้างแบบลึกๆมานาน
อะไรทำนองนี้ยกตัวอย่าง ให้กำหนดเป็นพลังงานส่วนเกินให้ออกจาก
ร่างกายตรงจุดนั้นไป ปกติถ้าจะเอากำลังจิตด้วยต้องยืนพื้นด้วยกสิณ
เป็นอย่างน้อย แต่ถ้าเอาแต่จักระมันจะได้ทางพลังงานร้อนและเย็น
ซึ่งมันพอรักษาได้ แต่มันเห็นผลสำเร็จได้ยาก นอกจากว่าพลังงาน
ตกค้างเล็กๆน้อยๆ ที่สำคัญคุณจะขาดกำลังจิตที่จะเป็นภูมิป้องกันตัวเอง
ถ้าคุณไม่มีฐานสมาธิฐานกำลังสติที่จำเป็นต้องสร้างให้เกิด
โอกาสจะโดนพลังงานภายนอกแทรก
ก็สูงอีกนั่นหละครับ เพราะว่าแม้ว่าพวกพลังงานภายนอกที่แทรก
จะส่งเสริมให้เราเห็นทางนามธรรมแต่พลังงานพวกนี้มันจะไปปิด
กระแสเชื่อมครูบาร์อาจารย์ข้างบนของเราครับ นานๆเข้ามันจะทำให้
เราปวดศรีษะแบบลึกๆได้ด้วยครับ และตัวจิตยังไงๆ
มันจะโน้มๆจะสนใจไปทางพิเศษเท่านั้น
แต่โดยทั่วไปแล้วการเข้าโหมดวิญญานธาตุ
ก็ใช้การทำสมาธิเป็นพื้นฐานหรือไม่ก็ให้ไปทางสายบารมี
ด้วยการสวดคาถาพระจักรพรรดิ ตามแบบของ
หลวงตา ม มีชื่อทางภาคเหนือครับ มันถึงจะมีโอกาสที่จะรักษาตัวเองได้
ให้ร่างกายกลับมาอยู่ตามสภาพที่เป็นในปัจจุบันครับ
ถ้าคุณทำได้แรกๆจะเห็นเป็นควันดำๆออกจากบริเวณ
ส่วนที่ร่างกายพร่องก่อน ตามด้วยควันสีขาว
และถึงค่อยมาใสครับ
ปล.ประมาณนี้ครับ

 

ลักษณะมันเป็นธาตุไฟนะถ้าเราไปกระตุ้นมันมากธาตุไฟในร่างกายเราจะผิดปกติ คือจะรู้สึกอยู่ไม่สุข อยู่นิ่งไม่ได้ รู้สึกร้อนกระแสร้อนเย็นในร่างกายเคลื่อนไปมาผิดปกติ แบบเย็บวูบ ร้อนวูบ นอนไม่หลับ อยากใช้พละกำลังตลอดเวลาแบบนั้น แก้ไขด้วยการนอนมากๆ

 

ฐานหนึ่งจะเป็นการปลุกกุญทาดินี
ซึ่งเป็นงูไฟ
หากไม่มีความพร้อมจากงูอันศักดิ์สิทธิ
ก็กลายเป็นงูพิษได้

 

เขียน ๑๔.๕๘

ถ้ายังงงงง เดี๋ยวเราจะช่วย ให้งงงงยิ่งยิ่งขึ้นไปนะ ๕๕๕

เรื่องการฝึกจักระ หาอ่านได้ตามเวบทั่วไป
ส่วนใหญ่ก็ไม่น่าจะมั่วนะครับ ลองเลือกดีๆ
ฝึกตามตำรา ผลก็ออกมาตามนั้น ล่ะมั้ง นะ

เราก็ฝึกตามหนังสือนั่นแหละครับ อ่านแล้วทำตามนั้น
ก็ได้ผลเป็นขั้นตอนตามหนังสือบอก เกินกว่าที่บอกก็แยะ ๕๕๕
เพราะพอเราทำตามได้แล้ว ก็จะก้าวต่อไป ทันที
พลิกแพลง ผาดโผน ดำน้ำ หรือมั่วมันเรื่อยไป หึหึหึ

ถ้าจะรักษาตัวเอง แล้วสนใจเรื่องจักระ ก็ต้องพ่วงปราณยามเข้าไปด้วยครับ
การหายใจแบบโยคี ที่เราเคยฝึกมีสิบกว่าแบบแน่ะ ได้ผลดีด้วยนะครับ
ถ้าไม่รู้จะเอาแบบไหน ขอแนะนำเล่มที่เคยฝึกมาเป็นหลักนะครับ

ของอ.สุนีย์ ยุวจิตติ ครับ เล่มนี้มีวิชาการหายใจเพียบเลย ขอบอก ชอบมาก
ไปถามอากู๋มาตะกี้ มีเวบโรงเรียนของเค้าด้วย
แต่ตอนยี่สิบกว่าปีก่อนโน้น เราเคยจะไปเรียน เค้าบอกหกพันบาท ๕๕๕
เลิกคิดเลย ฝึกเองก็ได้ฟะ หนังสือก็มีแล้ว ไม่เห็นต้องให้ใครสอนเลย หึหึหึ

นี่นี่ หน้าปกอันนี้แหละ อากู๋บอกมา แต่เวบนี้เค้าประมูลกันแฮะ ๒๒๕ บาทแน่ะ
˹ѧ��ͷ����� : �¤�..����;�ѧ�����о�ѧ�Ե ((..��� �ع��� ��ǨԵ��..������͡ ��٪� ��Ⱥ����..)) ����������� �����´ ���������Ѻ�ء�дѺ �ء��� �ء���..��Ѻ..�� ---- ��Ҵ A 4 ˹� 156 ˹�� // ��������Ǥ�Ѻ //



ก็ขอขอบคุณหนังสือไว้ณ.ที่นี้ด้วยนะครับ ๕๕๕

ว่าแต่ที่เคยรักษาชาวบ้าน ใช้วิธียังไงครับ
โม้ให้ฟังบ้างดิ การแนะแนวจะได้ยึดแนวเดิมได้ถูก
ท่านอื่นจะแนะบ้าง ก็จะได้ไม่ออกทะเล ๕๕๕
แนะเพิ่มจากสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ก็จะไปได้ง่าย ได้ไว ได้ดีกว่านะ เนอะ


ปล.ยังมีการฝึกลมปราณแบบจีนอีกนะ แจ๋วด้วย ขอบอก
แล้วปราณยามน่ะ ควรจะต้องฝึกโยคะอาสนะด้วยนะครับ
ถึงจะได้ผลดี ดีมาก จนถึงดีมากที่สุด ๕๕๕


กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.

 

จักระ 1 กามล้วนๆๆ
จักร 2 ความรัก
จักร 3 การให้ทาน
จักร 4 เมตตา
จักร 5 พูด
จักร 6 ตาทิพย์
จักร 7 องค์เทพ

จักร 7 จะตรงข้ามกับ จักร 1 คนที่จักร 7 มาก จักร1จาน้อย จักร 1มากจักร7จาน้อย ..พวกผู้หญิงหากิน..จักร 1จามาก จักร 2น้อย เขามีsexได้โดยไม่มีความรัก
ใครจักร3น้อยเห็นแก่ตัว ใครจักร4น้อยมักโกรธเจ้าอารมณ์ ใครจักร 5มากพูดมาก ร่างทรงก็ต้องดูจักร 7 กับ1 ถ้า7ปิดพวกผีมาทรง จักร7เปิด 1 ปิดเทพมาทรง

จักรพวกนี้ไม่ต้องไปขวนขวายเสียเงินเป็น พันเปิดหรอก เปิดมาแล้วก็ปิดเหมือนเดิม เพราะกิเลส.....ทำหน้าที่ปิดกั้นจักร.....ถ้าจักร7เปิด จักรอื่นก็มีโอกาสเปิดเพราะว่าจักร 7 เป็นฌาน จักร1จาปิดเพราะฌานไม่มีกาม....

จักร7เปิดไม่ได้หมายความว่าจักรที่เหลือทั้งหมดจาเปิดนะไม่เสมอไป....ตามจริตนิสัยแต่ละคน....

พวกที่ฝึกสมาธิจนได้ตาทิพย์จักร 6จาเปิดแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจักร 7 จาเปิด
พวกที่ฝึกสมาธิจนได้ตาทิพย์ จักร6เปิด และคนๆๆนี้มีองค์เทพชั้นสูง จักร7ก็เปิดด้วย
พวกที่จักร6ปิด แต่มีตาทิพย์แสดงว่าจักร7เปิดรับเทพสายตาทิพย์
พวกที่จักร6ปิด แต่มีตาทิพย์แสดงว่าจักร1เปิดรับผีที่มีตาทิพย์
เทพมีหลายประเภทบางองค์ก็ไม่มีตาทิพย์ บางองค์ก็มี

ถ้าคนที่เป็นพระโสดาบัน จักร7จาเปิดเอง แล้วเส้นแสงจากหัวจาวิ่งเป็นเส้นตรงขึ้นไปชั้นพระนิพพาน

เยอะมาก...เล่าไปก็ไม่จบ...ถ้าจาดูนิสัยคนก็ได้ดูที่จักระ...1เปิดเกิน100% 2ปิด 3ปิด 4ปิด 7ปิดคนพวกนี้ เป็นสัตว์นรกในคราบมนุษย์

 

คุณ ball21 ดูคล้ายกับที่ผมดูคนเลยครับ
แต่มีความละเอียดย่อยในการดู
จุดจักระตรงนี้มากผมครับ

 

ขอบคุณครับ

 

อยากทราบว่าอันใหนเปิดหรือปิด มากหรือน้อยทำไงครับ .... รบกวนดูให้ได้มั๊ยครับ

 

หากจักระที่1ถูกกระตุ้น
ความร้อนรุ่มจะสุมร่าง
อยากย่างกรายไปมาหาความสุข
อยากกระทำทุกสิ่งให้คลายทุกข์
อยากจะลุกอยากโลดโผนโลนทะยาน

 

ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบครับ ดีมากๆเลยครับ ทำให้เข้าใจเรื่องจักระมากขึ้น ทีนี้ก็จะได้รู้ว่าจะเปิดจะปิดอะไร เรื่องที่พี่กระต่ายป่าถามมา เมื่อก่อนตอนผมรักษาคนมันก็ง่ายๆครับ มองไปที่ตัวคน มันก็รู้เองในใจแล้วว่าเขาเป็นอะไร ตอนจะรักษาก็ไปบีบๆนวดๆเขาหน่อย แล้วก็เป่าไปที่ตำแหน่งที่มันผิดปกติ แค่นี้ก็เสร็จแล้ว นี่แหละมันเลยรักษาตัวเองไม่ได้ เพราะมันไม่รู้จะไปนวดยังไง แล้วจะเป่ายังไง เพราะมันดันเป็นที่คอกับหัว 555

 

สาธุครับ ช่วยคนอื่นๆถือเป็นเรื่องประเสริฐและเรื่องดีครับ จะวิธีไหนก็ตามก็ดีทั้งนั้นครับและจะช่วยได้มากได้น้อยก็ดีทั้งนั้นครับ.
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น..ก็ต้องช่วยตัวเองให้ได้ก่อนเช่นกัน ป้องกันผลกระทบที่จะเกิดกับตัวเอง
ไม่ว่าทางใดทางหนึ่งครับ..เหมือนคนว่ายน้ำเป็น กำลังช่วยคนที่กำลังจมน้ำอยู่นั่นหละครับ
จะโดดตูมไปช่วยเลย หรือว่าจะหาอุปกรณ์มาให้จับ จะหาคนมาช่วยเพิ่ม หรือว่า
บางกรณีก็จำเป็นที่จะต้องปล่อยให้จมน้ำไป ก็สุดแล้วแต่กรณีไปครับ..