ท่านใดทราบช่วยตอบทีอาการอย่างนี้

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เศษธุลีในจักวาล, 9 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. เศษธุลีในจักวาล

    เศษธุลีในจักวาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2008
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +150
    ความเดิมที่เคยถามว่านั่งสมาธิแล้วเอนไปข้างหลัง พอนั่งไปเรื่อยไม่ได้ใส่ใจในอาการตอนนี้นั่งทีไรตัวเอนไปข้างหลังนอนไปเลย แล้วลุกขึ้นมานั่งใหม่เอนไปเฉาะส่วนหัว เอนมากจนคอจะหัก จะทำยังไงต่อไปดีคะ
     
  2. rux

    rux เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    308
    ค่าพลัง:
    +990
    น่าจะเพิ่มตัวสติครับ
     
  3. sutanee

    sutanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +3,248
    ข้าพเจ้าก็เคยมีอาการอย่างนี้เหมือนกันสติก็อยู่ครบไม่ได้ไปไหนแต่มันเอนไปเรื่อยจนแหงนคอตั้งบ่าก็ยังไม่เลิกเลยนอนซะเลยให้รู้แล้วรู้รอดพอนอนแล้วไม่เห็นจะแหงนไปไหนอีกก็เลยนอนสมาธิซะเลยก็ยังมีสติควบคุมอยู่ตอนที่เอนไปที่ละน้อยๆถ้านั่งอยู่บนเก้าอี้ก็คอพาดพนักเลยเพราะฉนั้นไม่ได้เป็นที่ขาดสติแน่แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอะไรแต่ไม่ได้เป็นทุกครั้งที่นั่งแต่ชอบเป็นแบบนั่งไปสวดไปภาษาอะไรไม่รู้มากกว่า
     
  4. กังขา ณ ปลาย

    กังขา ณ ปลาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +1,763
    โดยปกติ
    ถ้าสมาธิมา ตัวจะตรงขึ้นเรื่อยๆ เบาขึ้นเรื่อยๆ ระบบภายในจะรู้สึกดี
    ยิ่งนิวรณ์ดับไปด้วย สติจะชัดไปหมดรอบตัว
    ถ้าณานไม่ทรง ก็จะเข้าๆ ออกๆ ณานไปจนสมาธิล่วงไป

    ถ้าสมาธิไม่มาหรือกำลังน้อย ก็จะแพ้ถีนมิทธะ
    นิวรณ์ตัวอื่น อาจหายไป แต่ตัวนี้ มาแน่ๆ หลับสบายหายห่วง

    เขาถึงต้องนั่งตามป่าช้า มันตื่นตัวดี

    หากถ้าเข้าถึงณาน เป็นได้เห็นกำลังรุนแรงทีเดียว


    ถ้าตัวเอน บ่อยๆ อาจเพราะความพอใจ หรือยึด โดยไม่รู้ตัว
    ให้ทำความรู้ตัว ตลอดการนั่ง



    (||)
     
  5. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    เพื่อนเล่า ไม่รุ้อ่ะค่ะ
     
  6. คีตเสวี

    คีตเสวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2007
    โพสต์:
    980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +750
    ละนิวรณ์ 5 ให้ได้ก่อนนะครับแล้วอาการจะหายเป็นปลิดทิ้งเลย
     
  7. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +7,815

    ลองนั่งพิงข้างฝาดูซิจ๊ะ
     
  8. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    ผมขอแสดงความคิดเห็นนะครับ ว่าควรจะพยายามตั้งสติให้มั่น มีสมาธิอยู่กับองค์ภาวนา จะพุทโธ หรือยุบหนอ พองหนอก็แล้วแต่ หากมีสติมั่นคงในองค์ภาวนาแล้ว อาการต่างๆ น่าจะดีขึ้น แต่ถ้าบางทีที่มันมีอาการแปลกๆ จะสวดอะไรๆ ออกมา มีท่าทางแปลกก็ปล่อยมันให้ออกมา ท่านอาจจะมีภาวะของทุกข์ขังก็เป็นไปได้ ยังไงก็ตั้งใจปฏิบัติไปเรื่อยๆ จนถึงวาระหนึ่งมันจะหายไปเอง ถ้าเราผ่านญาณต่างๆ แล้ว เพราะบางทีสิ่งที่ออกมานั้นเป็นสภาวะธรรม บางทีก็เป็นของเก่า บางทีก็เจ้านิวรณ์ 5 นี่แหละ บางทีความคิดผมก็อาจจะผิดก็ได้ กรุณาใช้ปัญญาไตร่ตรองดูนะครับ อย่างไรก็ดีตั้งใจปฏิบัติต่อไปนะครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ ขอให้ได้บรรลุธรรมในเร็ววัน
    .................................................................................

    ขออนุโมทนากับความดีทุกอย่างที่ทุกๆ ท่านได้กระทำแล้ว กำลังกระทำ และจะกระทำต่อไปในอนาคตจวบจบเข้าสู่แดนทิพย์พระนิพพานบรมสุข สาธุ ๆ
    .................................................

    นิพพานนั้น เป็นสุขอย่างยิ่ง
     
  9. ยายทองประสา

    ยายทองประสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +3,069
    บางคนว่าเป็นเศษกรรม (ผมนี่แหละว่า)
    บ้างก็ว่าเป็นสายพรามณ์ (ประเภทฤษีหรือโยคี) คือเคยใช้ท่านี้มาก่อนจนชิน มาชาตินี้มันก็จับจุดเดิมอีกครับ

    วิธีแก้
    นั่งกายตรง ดำรงสติให้มั่นเฉพาะหน้า โดยไม่แหงนหน้าเกินไป(ย้ำไม่แหงนหน้า) ไม่ก้มเกินไป เหมือนกับว่าเรามองสิ่งๆ หนึ่งในระดับสายตา ห่างไปเมตรนึงกำลังพอดี ทำสติรู้กองลมทั้งปวง หายใจเข้าภาวนาพุท หายใจออกภาวนาโธ อย่าเร่ง อย่าบีบ อย่าฝืน ให้สบายๆ ผ่อนคลาย
    และอย่าทิ้งอารมณ์สมาธิ ไม่ว่าอิริยาบถใด ให้ภาวนาได้ทั้งวันทันทีที่ว่าง จะได้ชินกับอาการอื่นๆ ที่ไม่ใช่การนั่ง
    หากยังไม่ได้ผลให้เปลี่ยนไปเดินแทน หรือยืนแทน จะได้ทอดสายตาลงต่ำ

    แก้กรรมโดยทำสมาธิ ทำทาน แล้วอุทิศให้เฉพาะเจ้ากรรมที่ทำให้เกิดอาการนั้น

    ยากเหมือนกันนะ เพราะเคยมีน้องคนนึงเป็นอีกอย่าง แก้ไม่หายสักที คือ ตัวสั่น เรียกว่านั่งกระโดดเลย โยกแรงมาก ต้องแก้กรรม และทำสมาธิท่าอื่น หรือเปลี่ยนคำภาวนา ลองดูนะครับ ขอเอาใจช่วย
     
  10. ren

    ren เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +2,646
    ดูๆมันไป เป็นอะไรก็เป็น ไม่ต้องไปสนใจอ่ะ
    เราเองก็เปนโน้นเป็นนี้ เหมือนกัน แต่น่ะ เมื่อก่อนก็อยากรู้
    เดวนี้เฉยๆ เป็นอะไร ก็เป็นไม่สนใจอ่ะ

    เอาจิตแนบกับคำภาวนา และทรงตามสภาวะของฌานไม่สนใจอะไรอ่ะ เมื่อเรามัวกังวล ว่าเดวมันจะเอน เดวนอน

    สมาธิมันก็หายไปแล้วววว ไปอยู่ที่เอน ที่นอนหมด

    สติมันไม่ได้อยู่กับคำภาวนาแล้วอ่ะ

    แต่เชื่อดิ ทำยาก
     
  11. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,075
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    อาจเป็นกรรมเก่า หรืออาจเป็นอาการของปิติ

    แต่ละคนไม่เหมือนกันครับ บางคนเกาเป็นลิง บางคนโยกซ้ายขวาไม่หยุด
    บางคนทำมือเหมือนเทพปางต่าง ๆ บางคนก็สั้นเป็นเจ้าเข้า บางคนก็เอามือ
    เข็กพื้นดังตุ๊บ ๆ

    พยายามทำต่อไปครับ เดี๋ยวก็จะผ่านไปได้ด้วยดี แนะนำให้พิจารณาไป
    เรื่อย ๆ เช่น พิจารณาว่ากายนี้ไม่ใช้ของเรา เราถึงบังคับมันไม่ได้ เป็นต้น

    มาถูกทางแล้วครับ อนุโมทนา สาธุ
     
  12. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +1,936


    ลองอุบาย การนั่งรู้สึกถึง"ความตรง"ก็ได้ครับ ผมลองแล้วได้ผลดี


    โดยเวลานั่งก็ นั่งสบายๆ ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติให้มั่นอยู่ในการรู้สึกว่าเรานั่งตรงๆอยู่
    ไม่ต้องนั่งเกร็งให้ตรงแน่ว ให้รู้สึกตรงๆ สบายๆ

    พอใจเราไปนึกถึงเรื่องราวต่างๆ แปลกปลอมเข้ามา นอกจากความรู้จักหลังตรง ก็ให้รู้ว่าจิตมันหลงไปคิดเรื่องอื่น ก็ไม่ต้องตกใจ ไม่ต้องไปห้ามมัน เพราะจิตมีหน้าที่คิดนึก ปรุงแต่ง

    แต่เราเพียงแค่ระลึกรู้ความรู้สึกหลังตรง หรือความรู้สึกนั่งตรงๆ เมื่อกายเอนไป ซวนเซไป ก็ให้รู้ว่าขาดสติ และกลับมามีความรู้สึกกับความรู้สึกตรงๆใหม่ ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
     
  13. นาๆจิตตัง

    นาๆจิตตัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +412
    ก็.......ขอช่วยตอบไปอีกมุมมองหนึ่ง บางทีอาจพอช่วยได้บ้าง ไม่มากก็น้อย
    จากที่ผู้ตอบในกระทู้ ทั้งสติ การนั่งหลังตรง ตัวตรง ก็เป็น....ตัวที่แก้ ได้ตรงในทุกเรื่อง
    ไม่เอนเอียงไปข้างหน้าข้างหลัง ถ้าทำได้ ระลึกได้ .................ซึ่ง สติคือการระลึกได้
    สัมปชัญญะคือการรู้ตัว การนั่งกรรมฐานทำสมาธินั้นก็ต้องหาอุบายในการฝึกฝนตัวเอง
    หาจุดพอดี......ไม่ตึง ไม่หย่อน จนเกินไป เดินสายกลางคือมัฌชิมาปฏิปทา ซึ่งกลางของแต่ละคน
    ก็ไม่เท่ากันอีก ถ้ารู้สึกเพลียหรือง่วงจนทนไม่ไหวก็ต้องไปพักผ่อน หรือนอนหลับ แต่ถ้าพอสู้ไหว
    หรือมีเวลำเวลา ไม่กังวลกับภาระกิจ การงานต่างๆ เช่น พรุ่งนี้เป็นวันหยุด เป็นต้น ก็จะลองสู้
    อาจหาญ นั่งสมาธิปฏิบัติพระกรรมฐาน ลุยกันดูก็ได้ นั่งปฏิบัติกันไปเรื่อย ๆ (ก็สะสมชั่วโมงบินเยอะๆ
    เข้าไว้เหมือนกัปตันเครื่องบินเหมือนกัน พอสะสมเยอะเข้า ตัวนั้นแหละมันจะช่วยแก้ปัญหาหรือตอบ/ไข
    ข้อข้องใจให้เราเอง เป็นปัจจัตตังเหมือนกัน) บางครั้งอาจใช้เครื่องผ่อนแรงเครื่องทุนแรงเข้าช่วย
    ได้อยู่...อีกเหมือนกัน ได้แก่ รู้ว่านั่งแล้วเอน เอียงหรือคอยจะเจ็บหลังเจ็บเอว ลองนั่งพิงพนักบ้าง นั่งแบบ
    ไร้พนักพิงบ้าง ต้องหมั่นคอยสังเกต จิตแลใจของเราไว้ให้ดี แต่อย่าไปติดสุขเข้าให้ล่ะ เพราะนั่งพิง
    มันสบายดี เดี๋ยวจะหลับทั้งนอกทั้งในเข้าให้ (การฝึกเราฝึกที่จิตไม่ได้เน้นฝึกที่กาย...ต้องพิจารณา
    ปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม) บางทีก็ต้องเด็ดขาด ให้หลาบจำเหมือนกันถ้ามันเป็นอาการ ของ
    ความง่วง ความเกียจคล้าน ก็อาจนั่งในที่ ที่มีอันตรายหรือผวักผวงถึง เช่นนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ไม่มีผนักพิง
    ถ้าจะเอนหรือสับประงก มีสิทธิตกเก้าอี้ได้ (การนั่งสมาธิในที่อันตรายเช่น กลัวผีไปนั่งป่าช้า
    กลัวเสือ/สิงห์ต้องเข้าป่า นั่งง่วงสับประงกไปนั่งบนที่สูงเช่นภูเขาหรือใกล้หน้าผา ก็จะทำให้ตื่นตัวตลอด
    จิตมันเคารพ เชื่อฟังง่าย เข้าสมาธิ พิจารณาธรรมได้ดี) ทั้งนี้ทั้งนั้น เราต้องพิจารณาเลือกหรือหาอุบาย
    ตามถนัดตามความเหมาะสมกันเอาเอง หรือจะเปลี่ยนเป็นไป เดินจงกลม ก่อนสัก 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง
    แล้วกลับมานั่งสมาธิต่ออีก 30 ถึง 1 ชั่วโมงก็จะเป็นการดี อีกทั้งผลของสมาธิจากการเดินจงกลม
    จะคงอยู่ได้นานและไม่เสื่อมไปโดยง่าย ทำให้นั่งสมาธิ เข้าสมาธิได้ง่ายและนั่งได้นานอีกด้วย

    ที่ว่าจะทำยังไงต่อไป ตามความคิดเห็นของผู้เขียนแล้ว ไม่ต้องทำอย่างไรหรือยังไง คือ.............
    นั่งสมาธิต่อไป เพียงเตรียมร่างกายให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ แบ่งเวลาให้ดี ไม่พวักพวง
    หรือกังวลในเรื่องต่างๆ พิจารณาอยู่แต่ ในกรรมฐาน (ที่เราใช้ฝึก ทั้งบริกรรมนิมิตหรือบริกรรมภาวนา)
    อย่าให้ขาดหาย หล่นหาย ให้อยู่กับเราตลอดสาย ไม่เผอญหรือทำกรรมฐานนั้นตกหล่นไปไหน
    ไม่ส่งจิตส่งใจแส่ส่ายไปข้างนอก (นอกเหนือจากกรรมฐานที่ใช้ฝึก)......นั่งไปเรื่อย ๆ สบาย ๆ
    ที่สำคัญนั่งแล้วต้องสบาย ถ้าไม่สบายแปลว่าไม่ถูกวิธี ต้องไปหาเหตุนั้นแล้วปรับเปลี่ยนให้สบายๆ
    รู้สึกผ่อนคลาย มีความสุขในการนั่งสมาธิ...............เอาแค่นี้พอ........ถึงเวลาจะได้หรือจะเป็น มันจะ
    ได้ของมันเอง เหมือนปลูกต้นมะม่วง หมั่นรดน้ำ พรวนดิน ใส่ ปุ๋ย ไปเรื่อย ๆ พอนานวันเข้า ก็ผลิดอก
    ออกผล จากดิบ ก็สุก เอามารับประทานได้..............ต้องคอยดูเหตุ สังเกตุผล ต้องอดทน.................

    อาการต่างๆ ที่ว่า...บางทีต้องต้องค้นหาเอง/แก้เอง มักจะได้ผลดี เพราะอาจมีอาการแทรกซ้อน สมมุติฐาน
    สมมุติโรคนั้น มันแปลงเปลี่ยน ยอกย้อนนัก และมักเป็นโรคนั้นโรคนี้กำเริบ (กิเลส) บางทีดับที่จิตที่ใจ
    ปล่อยวางอุปทานของขันธ์ (๕)...........โรคนั้น(กิเลส)และโลกนี้พลันดับลง วิมุตติ (ความว่าง.....เหนือทุกข์เหนือสุข)
    ก็อาจปรากฏขึ้นได้เหมือนกัน
     
  14. ศิษย์น้อย

    ศิษย์น้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    427
    ค่าพลัง:
    +3,047
    ถ้าแก้อย่างไร ก็ไม่หาย ให้กราบขอคำปรึกษาต่อครูบาอาจารย์ที่เป็นที่ปรึกษาเราอยู่.....

    ครู ย่อม รู้ ศิษย์ดี....
    แนะนิดเดียว ไปรุ่งเลย....


    ผมแนะนำดังนี้ครับ...

    ฟังดูแล้วอาจตลก ... อย่ากินอิ่มเกินไป ก่อนนั่งกรรมฐาน
    ถ้าเป็นไปได้ลองอดข้าวเย็น วันพระดูครับ....

    ขอให้โชคดีครับ
     
  15. อยาก เวียนว่าย

    อยาก เวียนว่าย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +17
    ถ้าคุณกำลังฝึกสมถะกรรมฐาน อย่าวิตกกับอาการภายนอกเหล่านี้เลยครับ
    เพียงแต่มีสติระลึกรู้เบาๆก็พอแล้ว ยิ่งคุณมาวิตกกับอาการภายนอกเท่าไร
    สมาธิจะยิ่งแกว่ง จิตจะไม่ตั้งมั่นในอารมณ์กรรมฐาน ตัวจะเอียงหัวจะเอียง
    ช่างมัน มันเป็นแค่การหาสมดุลย์ของร่างกายเท่านั้น จะโยกหน้าโยกหลัง
    ช่างมัน สำคัญที่ประคองจิตไปกับอารมณ์กรรมฐานให้ต่อเนื่อง พอละวิตก
    ละกังวลแล้วอาการนี้ก็จะลดไปเอง บางทีก็หายไปเลย

    ถ้าเป็นวิปัสสนาก็คงต้องเพิ่มสติให้แรงขึ้นตามที่ท่านๆทั้งหลายได้แนะนำไปแล้ว

    หรือจะลองทำแบบนี้ดูก็ได้คือ หลังจากที่พร้อมจะทำสมาธิลองหลับตาแล้ว
    ระลึกรู้ท่าทางทั่วทั้งตัวของเราวาดมืดทั้ง2ข้างจากหน้าตักออกไปทางด้านข้าง
    ทั้ง2ข้างค่อยๆเหยียดให้สุด ค่อยๆกวาดยกแขนทั้ง2ข้างขึ้นไปเหนือหัวพร้อม
    กับหายใจเข้าช้าๆพลิกข้อมือหมุนมาประกบกันหายใจออกพร้อมกับลดมือลงมา
    เป็นท่าพนมมือ ทำซ้ำๆซัก2-3รอบแล้วจึงค่อยเริ่มต้นทำสมาธิ

    ถ้ายังไม่หายอีก ก็ลองตรวจดูจุดที่วางนิมิตหรือเส้นทางการเดินลม
    หรือสอบถามจากครูบาอาจารย์ ท่านผู้ชำนาญจะเป็นการดีที่สุดครับ

    ขอแสงธรรมแห่งองค์พระศาสดาจงชี้ทางสว่างแด่ทุกท่านเทอญฯ
     

แชร์หน้านี้

Loading...