ฝันไปถึง เมืองบังบด เมืองผี แดนลับแล แล้วแต่จะเรียก

นางยื่นมือมาให้เราเกาะ พาเรากลับไปที่ห้องรับแขก
ผญ แก่คนนั้นไม่พูดอะไร นัยน์ตาเธอหรี่เล็ก อย่างน่ากลัว

กลายเป็นไม่ใช่ความฝัน เราเป็นแค่ผู้มองดูเหตุการณ์ ตัวเราในอดีต
ที่ใส่ชุดงดงามเดินไปคุกเข่าที่หน้าผญ คนนั้น ก้มหัวลงจรดพื้น
เราในอดีตร้องไห้ สะอึกสะอื้นเบา ๆ บรรยากาศดูน่าอึดอัดมาก ผ่านไปนาน

ผญ แก่คนนั้น ก็ยกมือขึ้น สาวใช้คนนั้น พยุงเราลุกขึ้นนั่งข้างๆนายหญิง
นางยื่นมือด้านที่มีปลอกเล็บยาวนั้นมาบีบคางเรา ใช้เล็บปลอมที่แหลมคม
บีบหน้าเรา
"อย่านึกว่าใบหน้างามๆ ที่ทำให้ลูกข้าหลงใหล จักช่วยให้เจ้ารอดพ้นอำนาจข้าไปได้"

แล้วนางก็ตบหน้าเรา ในฝัน เราในฝัน กำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น นั่งก้มหน้า
ไม่กล้าแม้แต่สะอื้น แล้วก็มีสาวใช้เดินเข้ามา พร้อมห่อผ้าขนาดใหญ่ในมือ

ในใจรู้สึกได้ถึงหัวใจของเราเองในอดีต มันเต้นอย่างแรง ด้วยความตื่นเต้นดีใจ

สาวใช้ ส่งห่อผ้าให้เรา เราในอดีตรับห่อผ้านั้นมา ในนั้นเป็นเด็กผช ตัวอ้วนใหญ่
กำลังดูดนิ้วอยู๋

"ข้าจะให้เจ้าเลี้ยงลูกเจ้าได้ ถ้าเจ้าจักไม่ดื้ดดึงอีก มิเช่นนั้น เจ้าจะไม่มีลมหายใจอีกต่อไป"

ตัวเราในฝัน กำลังอุ้มเด็กคนนั้นแนบอก

มันรู้สึกเจ็บปวดมาก แล้วเราก็ตื่น

 

นิทาน นะจ๊ะ นิทาน

 

ดอกเหมย ดอกไม้ที่เราเห็นในภาพอดีต

อยู่ในเสื้อผ้า ลายปัก ผ้าเช็ดหน้า ภาพวาด แม้แต่ฉากต่างๆในห้อง ที่่เราพัก

มันเหมือนเป็นสัญลักษณ์แทนตัวของเราในอดีต

ชื่อในอดีต ออกเสียงแบบไทยๆ ก็ เหมยฮัว

ออกเสียงแบบจีนๆ ก็ เหม่ยฮวา

 

ขออภัย ชาวอโยธยาที่ให้รอนาน

ช่วงนี้เจ้าของกระทู้มีเรื่องให้ขบคิด มากมาย ใจไม่ตัด สะบัดสายใยไม่ขาด

ขอเวลาอีกนิด บางทีการตัด มันต้องปลุกให้ความรู้สึกตื่นขึ้นมาให้สุดๆก่อน

มันถึงจะพิจารณาได้ว่า ควรดับไฟนั้นที่ไหน ต้นเหตุคืออะไร

 

บรรยากาศพาไป ทำให้ความคิดถึง และภาพอดีตมันหลอกหลอนหลอนเรา

เหม่อมองไกล ไปถึงดาว
ที่เคยจองเป็นดาวของเรา
ก็ยังคงอยู่ที่เดิมให้พบเจอ
อยู่ตรงนี้มองเห็นดาว
และดวงดาวคงมองเห็นเธอ
อย่างน้อยเราอยู่ใต้ดาวดวงเก่าเดียวกัน

 

มีหลายๆอย่างในเวปพลังจิต ที่สร้างความงุนงงให้แก่ชีวิตเราพอสมควร

 

ส่วนตัวชอบเพลงนี้นะ เนื้อหาดี
ปล.กว่าจะรู้สึกตัว ก็สายเกิน.สม..อ่า..

 

เงียบจัง กลัวว่าห้องจะร้าง เลยขออนุญาตเอาข่าวบุญมาบอก
พอดีวันนี้ได้ไปสำรวจสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งมา เพิ่งจะเริ่มทำการก่อสร้างมาประมาณ 3 เดือน ที่อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เห็นว่ายังขาดปัจจัย วัสดุการก่อสร้างอีกมากจึงแจ้งข่าวมายังทุกท่าน เผื่อท่านใดอย่ากสร้างบารมีช่วยสร้างวัดครับ
ที่ตั้งคร่าวๆนะครับ
ตำบลอุดมทรัพย์ อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา พิกัด 14.563319,101.987614 อยู่ฝั่งตรงข้ามค่ายปักธงชัยเลยไปทางวังน้ำเขียวประมาณ 1.5 ก.ม

 

วันนี้ ได้มีโอกาสไปกราบหลวงปู่เหลืองวัดกระดึงทอง พระอริยบุคคลมา
เดี๋ยวมาเล่านะจ๊ะ โดนเทศน์จนตาสว่างเลย 555

 

ส่วนอันนี้ รูปลูกแก้ว ที่คุณที จะให้นำไปเชียงใหม่ด้วย

ป.ล.ที่เห็นน่ะ บ้านคุณที ไม่ใช่วัดนะจ๊ะ แต่เข้าไปนั่งก็บรรยากาศเดียวกันเลย 555

ป.ล.ที่นอนอยู่หน้าพระ(แมวสามสีสุดสวย) คือประชาสัมพันธ์ของชมรมสมาธิ สาธุ

 

ขอเล่าประวัติคร่าวๆของสถานที่แห่งนี้ (สำนักสงฆ์คำช้อย)
เดิมทีสถานที่ ที่ทำการก่อสรา้งสำนักสงฆ์แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของวัดคำช้อยและพื้นที่โดยรอบเป็นหมูบ้านคำช้อยมาก่อน และได้ถูกทิ้งให้รกร้างไปเมื่อประมาณ 50-60 ปีที่แล้ว เนื่องจากในช่วงนั้นเกิดโรคห่าระบาด ทำให้ผูคนในหมู่บ้านล้มตายกันเป็นจำนวนมาก และศพของคนที่ตายก็ถูกฝังรวมกัน ณ บริเวณนี้ ผู้คนในหมู่บ้านจึงได้ทำการอพยพย้ายมาตั้งหมูบ้านแห่งใหม่ปัจจุบันชื่อหมู่บ้านบะใหญ่ ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ต่อมาเมื่อประมาณเดือนมีนาคม ของปีนี้ พระอำนาจ ธีรธโร (ฉายาท่านไม่แน่ใจว่าจำได้ถูกต้องรึเปล่า) ได้ธุดงค์มาจาเพชรบูรณ์และพิจารณาเห็นว่าสถานที่แห่งนี้ควรที่จะสร้างเป็นที่ของสงฆ์ จึงได้เริ่มสร้างสำนักสงฆ์คำช้อยขึ้นมา(เรียกชื่อตามวัดเดิม) ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างมาประมาณ 3 เดือนแล้ว
จากการกราบเรียนถามท่านเบื้องต้นถึงเหตุที่ธุดงค์มาและสรา้งสำนักสงฆ์ ณ ที่แห่งนี้ของท่าน ได้ความว่าท่านนิมิต ได้ที่แห่งนี้เมื่อหลายปีมาแล้ว เมื่อเห็นว่าถึงเวลาแล้วจึงได้ธุดงค์มาและสรา้งสำนักสงฆ์ดังกล่าว
ส่วนรายละเอียดประวัติของท่าน ผมขออนุญาตไม่เล่านะครับ เพราะจำไม่ได้เป็นแต่เพียงการกราบเรียมถามท่านเพียงคร่าวๆ หากท่านใดสนใจที่จะมาสร้างบารมี หรือมาสนทนาธรรมกับท่านก็มาได้ หรือจะมาพักปฏิบัติธรรมกับท่านก็ได้ แต่อาจจะลำบากบ้างเพราะสถานที่ยังไม่พร้อม ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีไฟฟ้า อาบน้ำก็อาศัยจากคลองน้ำที่ไหลผ่านวัด ถ้าจะปลดทุกข์หนัก ท่านก็จะได้เข้าห้องน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยครับ 55+

 

แล้วจะให้ทำบุญอย่างไรล่ะพ่อ มีเลขที่บัญชีให้โอนมั้ย พ่อคุณ

ป.ล.กายไม่พร้อมแต่ใจพร้อม

 

ท่านไม่สะสมเงินทองได้มาท่านก็ซื้อของมาสร้างเลย จะเก็บไว้เพียงไว้ซื้อของที่จำเป็น เช่นน้ำมัน ไว้สำหรับเครื่องปั้มน้ำ เครื่องปั่นไฟ ซึ่งจำเป็นเพราะกำลังทำการก่อสรา้งอยู่ ส่วนเรื่องปัจจัยร่วมทำบุญหากมีคนอยากร่วมบุญแต่ไม่สะดวกมา แม่หญิงจารุ ก็รน่าจะรู้หน้าที่ดีอยู่แล้วนะว่าจะต้องทำยังไง จัดการเลยจ้า ส่งไม้ต่อละ

 

แหม พ่อคุณ มาโยนกันแบบรับไม่ทัน เลย 5555

ไม้แทบตกใส่หัว

 

เหมือนลมในคืนนั้น จะหยุดนิ่ง เมื่อสิงห์บริกรมคาถา

วาโยหรือลมนั้นโดนดูดสู่ศูนย์กลางบังคับด้วยจิตของสิงห์ ทุกคนในบริเวณที่สิงห์บริกรรมคาถา
รู้สึกราวกับถูกดูดลมหายใจ ลมหายใจไปไม่ทั่วท้อง มันอึดอัดอยู่ในอก
ขนลุกขนพอง ขนทั้งหลายในตัวตั้งชันขึ้นเอง ไม่มีใครเอ่ยอันใด
ทุกคนตกอยู่ในวังวนของจิตอันเต็มไปด้วยอำนาจของสิงห์

 

กระแสจิตของสิงห์ ไม่เหมือนกระแสจิตของการบริกรรมคาถาทั่วๆไป
มันเข้มข้น ลึกล้ำ กดดัน จิตของสิงห์จดจ่อ เหี้ยมเกรียม เป็นด้านสุดของส่วนดำมืด

จิตนั้น แผ่ขยายไปทุกทิศ ทุกทาง ไม่ใช่ แผ่แบบแนบระนาบ การแผ่กระแสจิตเช่นนี้
ถ้ามีการประลองกัน อาจทำให้ผู้ต่อต้าน จิตแตก หรือ เป็นบ้าไปได้
หมดหนทางต่อสู้ โดนล้อมกรอบทางจิต จะขึ้นสูงหรือหนีลงต่ำ ก็ไม่พ้น คลื่นจิตแบบนี้

หรือจะให้พูดลึกล้ำไปอีก กระแสจิตของสิงห์ มันหมุนได้ หมุนแบบไร้ทิศทาง
มันเป็นการแผ่กระแสจิต แบบ ยืดหด ตามจังหวะการเต้นของหัวใจ
ไม่เป็นทรงกลม เหมือนการยิดและหดตัวของการระเบิดของแสง

ถ้าใครมองไปเห็นสิงห์ตอนนั้น ด้วยสายตาใน มองเห็นด้วยจิต
สิงห์ในตอนนั้น เหมือนมีออร่า เป็นสีเทาดำ เป็นคลื่นควันออกมา

นั่นคือเคล็ดลับ สิงห์แลกจิต กับความแน่วแน่ที่จะเป็นฆาตรกรเลือดเย็น ชั่วร้าย
พระคาถาหลายคาถา จึงทรงพลานุภาพ
(แต่สุดท้ายก็แพ้พุทธคุณ พุทธมนต์ กฏแห่งกรรม)
หรือจะพูดได้ว่า เคล็ดวิชา ของจอมขมังเวทย์

ใจเดียว เด็ดเดี่ยว ดำดิ่ง ไม่ลังเล




(ป.ล.อธิบายไป เผื่อมีใครเห็นภาพ มั้งๆๆ)

ถ้าเป็นการใช้พุทธมนต์ เมื่อเริ่มบริกรรมคาถา ทั้งหลาย
ในรูปแบบของพระสงฆ์ตามพิธีต่างๆ จะเห็นการระเบิดของจิตมากมาย
แสง สี ขาว ควัน เหมือนควันสีขาว หมอกแห่งพุทธคุณ
สว่างจ้า แสงนั้น ควันนั้น สามารถไหลไปบรรจุในวัตถุต่างๆ
ผ่านสื่อนำอันบริสุทธิ์เช่น สายสิญจน์

บางรูป บางองค์ ที่จิตท่าน มีใจเดียว เด็ดเดี่ยว ตั้งมั่น ทั้งเส้นสายไปตาม
สายสิญจน์ ออกจากศูนย์กลางกาย ออกจากตำแหน่ง กลางแกนสมอง
ออกจากทุกรูขุมขน มันเจิดจ้า จากสีขาว
กลายเป็นเหลือง จากเหลืองกลายเป็นส้ม ส้มกลับมาขาว

บางองค์ก็มีแสงแปลกสีออกไป ในสมัยโบราณเคยเห็นเส้นพลังงานสีน้ำเงิน
แต่ไม่เคยเห็นในโลกปัจจุบัน

เมื่อก่อน สายสิญจน์ มีความศักดิ์สิทธิ์ทางด้านพุทธคุณ เท่าๆ กับ พระเครื่องสมัยนี้ทีเดียว

 

ปล.บ้านคุณที หลับสบายมาก แค่นี้หละ..๕๕๕

 

เชอะ ยัยผีผมยาว เห็นผช ล่ะ ทำเรียบร้อย แม้แต่ผียังมีมารยา

อ่ะโด่ว น่าจะไล่ผช มากกว่า ผญ ผีหนอผี

อย่าให้ได้ไปอีกนะ จะถามให้รู้เรื่องเชียว ทีเรา แค่โพล้เพล้
ทำมาหลอกเป็นจูออน อารมณ์เสีย เว้ย เฮ้ย

 

๕๕๕ ธรรมดาหละ ผู้ชายใจดีเนาะ ผีเค้าก็ต้องเกรงใจซิ
เธอเป็น ญ นิก็ต้องมีบ้างอะไรบ้าง ตามสไตล์ ญๆ ๕๕๕

 

ขอเชิญชวนพวกเราร่วมทำบุญกับครูบาเหนือชัย(ครูบาขี่ม้าออกบิณฑบาตร)แห่งวัดถ้ำป่าอาชาทอง อ.แม่จัน.จ.เชียงราย
ในการเปลี่ยนหลังคาศาลาปฏิบัติธรรมซึ่งชำรุดมาก(ดังรูป)งบประมาณ150,000บาท
ท่านอยากจะทำให้เสร็จก่อนเข้าพรรษานี้ เพื่อที่จะได้ใช้ศาลาในการทำวัตรตลอดพรรษานี้
.ขณะนี้ยังขาดปัจจัยอยู่อีก100,000บาท บุญครั้งนี้อานิสงส์มากนะ ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่าน ขอขอบน้ำใจ

บัญชีกสิกรไทย ออมทรัพย์ ชื่อ สุวิจักข์ กิจทวีประดิษฐ์ สาขา ห้วยไผ่
เลขที่ 429-2-27212-5

เห็นรูปพระ(ตุ๊เจ้า)ขี่ม้า นึกถึงภาพตอน ขรัวอินทร์ พาสิงห์ไปเพื่อฝึกวิชาในถ้ำ และวันเวลาที่ศิษย์อาจารย์ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุข

คำบอกเล่าถึง ครูบาเหนือชัย เจ้าอาวาสวัด ถ้ำป่าอาชาทอง
" ชาวเขาส่วนใหญ่จะรับจ้างขนยา แล้วพวกนี้ก็เสพยาเองด้วย
เด็กอายุแค่ 10 ขวบก็ติดยาแล้ว ติดกันทั้งหมู่บ้าน ฝิ่น เฮโรอีน ยาบ้า มีหมด
ครูบาท่านมองว่าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว
ท่านก็พยายามเอาชาวเขามาเรียน หนังสือ มาฝึกอาชีพ
สอนมวยไทยให้เด็กๆ พอโตหน่อยพวกนี้ก็ไปรับจ้างแสดงในเมือง มีรายได้ขึ้นมา
ใครมาวัด ก็ให้ข้าวของติดมือกลับไป แล้วก็สอนธรรมะไปด้วย สอนว่ายาเสพติดมันไม่ดี
หลังๆชาวบ้านก็เลิกเสพเลิกค้าไป เยอะจนขุนส่าเริ่มไม่พอใจ ก็มาดูตัว มาคุยกับพระครูบา
แต่สุดท้ายราชายาเสพติดอย่างขุนส่าก็ยอมรับในตัวครูบา และขอให้ท่านไปอยู่ที่เมืองยอน
ซึ่งเป็นเมืองของพวกว้าแดง เขาจะสร้างวัดให้ แต่ครูบาท่านไม่ไป ท่านบอกท่่าน
เป็นคนไทยจะอยู่และตายบนผืนแผ่นดินไทย"