ทอดกฐิน ๓ วัด,ธรรมยาน,แก่งสร้อย,ห้วยต้ม

ในห้อง 'กฐิน - ผ้าป่า - งานวัด' ตั้งกระทู้โดย บุญรักษา, 21 กรกฎาคม 2015.

  1. บุญรักษา

    บุญรักษา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    574
    ค่าพลัง:
    +6,112
    ด้วยคณะได้รวบรวมปัจจัยร่วมทอดกฐินสามัคคีเป็นประจำ ทำกันมาทุกปี ๆละ ๓ วัด สำหรับปีนี้ก็จะร่วมทอดกฐินดังนี้
    ๑.วัดธรรมยาน ต.นาเฉลียง อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์
    พระปลัดวิรัช โอภาโส พระกรรมฐานลูกศิษย์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    ๒.วัดพระธาตุแก่งสร้อย ในเขื่อนภูมิพล พระป่านิกร ชัยยเสโน ลูกศิษย์ครูบาวงศ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม
    ๓.วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ,ลำพูน

    ในคณะมีการรวมกลุ่มกันประมาณ ๓๐ คนบอกบุญคนใกล้ชิด และรวบรวมปัจจัยทอดกฐินกับทางวัดต่อไป..

    ร่วมทำบุญ และร่วมโมทนาบุญได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
    โอนเงินได้ตลอดจนถึง วันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ บัญชี บุญทรง แจ่มศรี ออมทรัพย์ ธนาคาร กรุงไทย สาขาหาดใหญ่
    เลขที่ 902 0 54969 3

    บอกบุญกันเฉพาะในกลุ่มนะครับ การบอกบุญดังกล่าวเป็นรวบรวมบอกบุญกันในกลุ่มทางวัดไม่ได้ใช้ให้กระทำการเรี่ยไรแต่ประการใด หากการใดเป็นการไม่ถูกต้องก็ขออภัยมา ณ โอกาสนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 กรกฎาคม 2015
  2. บุญรักษา

    บุญรักษา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    574
    ค่าพลัง:
    +6,112
    ร่วมทำบุญ 2000บาทได้รับเหรียญเงินพระปัจเจก วัดเขาวง ถำ้นารายณ์ มีเหรียญเดียว คณะมอบมาให้บอกบุญ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. assarat

    assarat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +118
    ธนาคารอะไรค่ะ
     
  4. บุญรักษา

    บุญรักษา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    574
    ค่าพลัง:
    +6,112
    บัญชี บุญทรง แจ่มศรี ออมทรัพย์ สาขาหาดใหญ่
    เลขที่ 902 0 54969 3
     
  5. nanbatakeshi

    nanbatakeshi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    17,593
    ค่าพลัง:
    +20,416
    วันที่24/07/58เวลา16.03น.ได้ร่วมทำบุญทอดกฐิน-๓-วัด-ธรรมยาน-แก่งสร้อย-ห้วยต้มจำนวน60บาทค่าธรรมเนียม10บาทและขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ได้ร่วมทำบุญในครั้งนี้ทุกๆท่านครับ สาธุๆๆๆๆอนุโมทนามิ
     
  6. ไข่หวานน้อย

    ไข่หวานน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    15,589
    ค่าพลัง:
    +19,097
    อนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  7. ekarad

    ekarad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,196
    ค่าพลัง:
    +6,264
    ผมร่วมทำบุญ ทอดกฐิน ๓ วัด,ธรรมยาน,แก่งสร้อย,ห้วยต้ม 100 บาทครับ
     
  8. บุญรักษา

    บุญรักษา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    574
    ค่าพลัง:
    +6,112
    โมทนาครับ..ใครโอนมาลงชื่อแจ้งไว้ด้วยนะครับ
     
  9. พระมหากุลวัฒน์ธนะ

    พระมหากุลวัฒน์ธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    607
    ค่าพลัง:
    +3,589
    ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคีเป็นประจำปี ๆละ ๓ วัด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. บุญรักษา

    บุญรักษา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    574
    ค่าพลัง:
    +6,112
    อานิสงส์กฐินทาน
    โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    ตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เป็นเวลากาลที่จะทอดผ้าพระกฐินทาน เหตุฉะนั้น ในวันนี้อาตมาภาพจะได้นำเอาเรื่องราวของบุญที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “ปุญญานิ ปรโลกัสมิง ปติฏฐา โหนติ ปาณินัง” ซึ่งแปลเป็นใจความง่าย ๆ ว่า “บุญกุศลย่อมจะทำให้บุคคลมีความสุขต่อไปในภายภาคข้างหน้า”
    ความมีอยู่ว่า ในสมัยเมื่อองค์สมเด็จพระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงพระชนม์อยู่ เวลานั้นองค์สมเด็จพระบรมครูทรงเสด็จประทับอยู่ในพระคันธกุฎีมหาวิหาร อันเป็นวิหารที่นางวิสาขา มหาอุบาสิกาสร้างถวาย ตั้งอยู่ในเขตแห่งเมืองสาวัตถี คือ เมืองสาเกต อันเป็นเขตพระราชฐานของพระราชา มีนามว่า พระเจ้าปเสนทิโกศลบรมกษัตริย์
    เวลานั้น เป็นเวลาก่อนที่จะเข้าพรรษา มีภิกษุชาวปาฐา 30 รูป ตั้งใจไปเฝ้าองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เมืองสาเกต อันเป็นเขตของเมืองสาวัตถี แต่ว่าเวลานั้นองค์สมเด็จพระมหามุนีได้มีพระพุทธฎีกาบัญญัติว่า ถึงวาระเวลากาลฤดูฝนตั้งแต่กลางเดือน 8 ให้บรรดาภิกษุทั้งหลายหาที่พักจำพรรษา ห้ามเดินไปในสถานที่อื่นจนกว่าจะถึงวันกลางเดือน 11
    ทั้งนี้ เพราะว่าในสมัยก่อนนั้น องค์สมเด็จพระชินวรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังไม่ได้ทรงบัญญัติฤดูกาลแห่งการจำพรรษา ฉะนั้นจึงมีเหตุอยู่ว่า เวลาฤดูฝนชาวบ้านเขาปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารมาก สาวกขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าบางท่านก็ดี แต่บางท่านก็เต็มที เพราะว่าไร้มารยาทเดินลัดทุ่งหญ้าทุ่งนา เหยียบพืชพันธุ์ธัญญาหารที่ชาวบ้านเขาปลูกไว้ ทำให้ต้นพืชต้นข้าวเขาเสียหาย
    ต่อมาเมื่อมีคนตำหนิว่า สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไร้มารยาท ปราศจากความดี จึงได้ทรงบัญญัติว่า “ตั้งแต่ต้นฤดูฝน คือ กลางเดือน 8 เป็นต้นไปให้บรรดาภิกษุสงฆ์ทั้งหลายจำพรรษาสิ้นเวลา 3 เดือน ถึงกลางเดือน 11”
    เวลานั้นภิกษุชาวปาฐา 30 รูป จะเข้ามาเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เดินมาระหว่างทางไม่ทันจะถึง ก็ปรากฏว่า ถึงกลางเดือน 8 พอดี จึงต้องหยุดพักจำพรรษาตามที่องค์สมเด็จพระชินสีห์ทรงอนุมัติ คือ การจำพรรษานั้นจะจำพรรษาที่บ้านทุ่งก็ได้ ที่บ้านร้างก็ได้ บ้านว่างก็ได้ ในโพรงไม้ก็ได้ อย่างนี้เป็นต้น เพราะเป็นที่กันฝนได้ ครั้นเมื่อออกพรรษาภิกษุ 30 รูป ทั้งหลายเหล่านั้นก็ตั้งใจจะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา
    เวลานั้นพระพุทธเจ้าก็ยังทรงบัญญัติว่าพระต้องมีผ้าแค่ 3 ผืน นั่นคือ สบง 1 ผืน จีวร 1 ผืน สังฆาฏิ 1 ผืน และมีผ้าเกิน คือ ผ้าอังสะอีก 1 ผืน ใช้เป็นผ้าซับในกับรัดประคตเอว มีเกินนอกนี้ไปไม่ได้ เหตุฉะนั้นบรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายเวลานั้นจึงมีผ้าจำกัดเวลาที่จะเดินไปเฝ้าพระทรงสวัสดิโสภาคย์ ก็ต้องผ่านใบหญ้าใบไม้ที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนและน้ำค้าง สบง จีวร ของท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็เปียกชุ่มไปในระหว่างทาง
    พอไปถึงเมืองสาเกตเวลานั้นองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์กำลังแสดงพระธรรมเทศนาอยู่ ครั้นเทศน์จบแล้ว บรรดาพระสงฆ์ทั้งหมายจึงพากันไปเฝ้าองค์สมเด็จพระบรมครูก็ต้องเข้าไปทั้งที่เปียก ๆ เพราะมันไม่มีผ้าจะผลัด เมื่อเข้าไปแล้วก็ถวายนมัสการองค์สมเด็จพระทรง สวัสดิโสภาคย์ แล้วก็นั่งอยู่
    เวลานั้นนางวิสาขา เฝ้าองค์สมเด็จพระบรมครูอยู่พอดี ครั้นเห็นบรรดาภิกษุชาวปาฐาทั้ง 30 รูปนี้ มีผ้าสบง จีวรเปียกโชกไปอย่างนั้น จึงได้กราบทูลขอพรต่อองค์สมเด็จพระภัควันต์ บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า “ภันเต ภควา ข้าแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เจริญ พระพุทธเจ้าข้า ต่อแต่นี้ไปข้าพระพุทธเจ้าขอประทานพรจากพระผู้มีพระภาคว่า ฤดูกาลหลังจากออกพรรษาแล้ว ขอบรรดาประชาชนทั้งหลายมีโอกาสถวายผ้าไตรจีวรแก่คณะสงฆ์ในพระพุทธศาสนา”
    เมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาได้สดับดังนั้นแล้วองค์สมเด็จพระประทีปแล้วก็ทรงอนุมัติแล้วก็ทรงประกาศให้บรรดาประชาชนถวายผ้าพระกฐินทานแก่บรรดาพระภิกษุสงฆ์ที่จำพรรษาครบไตรมาสในอาวาสนั้น ๆ ได้
    นี่เป็นอันว่าต้นเหตุแห่งการทอดผ้าพระกฐินในศาสนานี้ก็มีนางวิสาขาเป็นคนแรก สำหรับอานิสังสกุศลบุญราศรีในการถวายผ้าพระกฐินทานนี้ องค์สมเด็จพระชนิสีห์ตรัสว่า มีอานิสงส์มากเป็นกรณีพิเศษคือคนถวายผ้าพระกฐินทานหรือร่วมในการถวายกฐินทานครั้งนี้ จะปรารถนาเป็นพระอัครสาวกก็เป็นได้จะปรารถนาพระนิพพานเพื่อเป็นพระอรหันต์ปกติก็เป็นได้
    ยิ่งกว่านั้นไซร้ก่อนที่บรรดาผลทั้งหลายเหล่านั้น คือ ความเป็นพระพุทธเจ้าก็ดี ความเป็นพระอัครสาวกก็ดี หรือว่า เป็นอรหันตสาวกก็ดีจะมาถึงสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกล่าวว่า ในขณะที่เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏะ มีบารมียังไม่สูงดี ยังไม่พอที่จะบรรลุมรรคผลได้ อานิสงส์กฐินทานจะให้ผลตามนี้
    กล่าวคือ อันดับแรก เมื่อตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นเทวดา แล้วก็จะลงมาเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช ปกครองประเทศทั่วโลก มีมหาสมุทรทั้ง 4 เป็นขอบเขต 500 ชาติ
    เมื่อบุญแห่งความเป็นพระมหาจักรพรรดิสิ้นไป บุญก็หย่อนลงมา จะได้เป็นพระมหากษัตริย์ 500 ชาติ หลังจากนั้นมา เมื่อบุญแห่งความเป็นกษัตริย์ได้หมดไป ก็จะเป็นมหาเศรษฐี 500 ชาติ บุญแห่งความเป็นมหาเศรษฐีหมดไป ก็จะเป็นอนุเศรษฐี 500 ชาติ บุญแห่งความเป็นอนุเศรษฐีหมดไป ก็จะเป็นคหบดี 500 ชาติ
    รวมความแล้ว สมเด็จพระบรมโลกนารถตรัสว่า “คนที่ทอดผ้าพระกฐินครั้งหนึ่งก็ดี หรือว่าร่วมในการทอดผ้าพระกฐินทานครั้งหนึ่งก็ดี บุญบารมีส่วนนี้ยังไม่ทันจะหมด ก็ปรากฏว่า ท่านเจ้าของไปนิพพานก่อน” เมื่อองค์สมเด้จพระชินวรตรัสอย่างนี้แล้ว จึงได้ตรัวอีกว่า “เราเทศน์คราวนี้ เทศน์ตามนัยที่องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดามีพระนามว่า ปทุมุตระ ได้เทศน์ไว้เมื่อ 91 กัปป์มาแล้ว พระองค์ก็รับรองว่าอานิสงส์เป็นอย่างนี้”
    หลังจากนั้น องค์สมเด็จพระมหามุนีจึงได้นำเอาเรื่องราวอดีตนิทานซึ่งเป็นอัตตโนบุพกรรม กล่าวคือ เป็นกรรมของพระองค์มาตรัส ตอนนั้นองค์สมเด็จพระทรงสวัสดิ์ทรงตรัสว่า “ภิกขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถอยหลังจากกัมปป์นี้ไป 91 กัปป์ ถ้านับกัปป์นี้ด้วยก็เป็น 92 กัปป์ ยังมีพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งทราบอุบัติขึ้นในโลก มีพระนามว่า ปทุมุตระ เวลานั้นพระปทุมุตระได้แสดงพระธรรมเทศนาอานิสงส์กบินตามที่กล่าวมาแล้ว
    ขณะนั้นเอง ปรากฏวา มีชายมหาทุคคตะคนหนึ่ง คำว่า มหาทุคคตะ นี้จนมาก เป็นทาสของท่านคหบดี ได้ไปเฝ้าองค์สมเด็จพระชินสีห์ โดยนั่งอยู่ท้ายบริษัท ฟังเทศน์ที่องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์เทศน์นั้น ท่านเทศน์ตามนัยเมื่อกี้นี้ เมื่อฟังจบก็รู้สึกดีใจนักว่า อานิสงส์กฐินนี่มากมายเหลือเกินแต่ว่าเราอยากจะทอดกฐิน เราก็เป็นเพียงทาสของเขา เงินสักบาทหรือสลึงหนึ่งก็ไม่มี ไอ้เครื่องแต่งกายของเรานี้ มันก็แสนจะขาดแสนจะเก่า เราจะทำอย่างไรเล่าจึงจะมีโอกาสได้ทอดกฐิน แต่ว่าพระพุทธเจ้าตรัสว่า นอกจากจะเป็นเจ้าภาพแล้ว ถ้าหากว่ามีการช่วยในการทอดกฐิน เราก็มีอานิสงส์เหมือนกัน ซึ่งองค์สมเด็จพระภควันต์กล่าวว่า ถึงแม้ว่าจะช่วยในการทอดกฐิน จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ เป็นพระอัครสาวกก็ได้ เป็น มหาสาวกก็ได้ เป็นปกติสาวกก็ได้ และนอกนั้นไซร้ก็ยังได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นกษัตริย์ เป็นมหาเศรษฐี เป็นอนุเศรษฐี เป็นคหบดี ถ้ากระไรก็ดีเราจะช่วยนายของเราทอดกฐิน
    เมื่อดำริอย่างนี้แล้ว ครั้นฟังเทศน์จากสมเด็จพระประทีปแก้วจบ ชาวบ้านเขากลับ ท่านมหาทุคคตะ ก็กลับเหมือนกันเมื่อกลับมาถึงบ้านก็ชวนนายทอดกฐิน พูดถึงอานิสงส์ให้ฟัง นายฟังแล้วก็ดีใจว่า เออหนออานิสงส์กฐินทานนี่มีอาสงส์มาก การถวายก็ไม่ยากเรามีผ้าจีวรผืนหนึ่ง หรือว่าสบงผืนหนึ่ง หรือว่าสังฆาฏิผืนหนึ่ง อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ จะถวายทั้งไตรก็ได้ ถวายมากก็ได้ ถวายน้อยก็ได้อานิสงส์เหมือนกัน ฉะนั้น ท่านนายจึงกล่าวว่า “โภ ปุริสะ ดูก่อนบุรุษผู้เจริญ ถ้ากระไรก็ดีทรัพย์สินของเรานี้มีอยู่ แต่ว่าการทอดกฐินเป็นของใหม่ เราไม่มีความเข้าใจ ถ้าเธอจะให้ทอดกฐินทานก็จงเป็นผู้จัดการในการทอดกฐินก็แล้วกัน”
    ท่านมหาทุคคตะก็จัดการทุกอย่างตามที่พระพุทธเจ้าตรัส ว่ามีอะไรบ้าง นอกจากนั้นของที่เกินออกไปจากของบริวาร เจ้านายจะทำก็ตามใจทุกอย่าง จนเสร็จภารกิจทุกประการ เมื่อจัดการครบถ้วนเรียบร้อย ถึงวันจะทอดกฐินท่านก็มานั่งนึกว่าไอ้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดนี่เป็นของนายแต่ผู้เดียว เรามีหน้าที่
    ในการจัด แต่ไม่มีส่วนในทานแม้แต่น้อยหนึ่งเลย จึงได้เข้าไปในป่าเปลื้อง เครื่องแต่งตัวออก ถอดเสื้อ เอากางเกงออก กลัดใบไม้แล้วก็นุ่งใบไม้ห่มใบไม้แทน เข้าไปในร้านที่ตลาด เอาเสื้อกับกางเกงนี่เข้าไปบอกเจ้าของร้านว่า ไอ้เสื้อเก่า ๆ กางเกงเก่า ๆ ของฉันนี่มันจะแลกของอะไรได้บ้างหนอ ของในร้านนี้เอาอะไรก็ได้ ฉันต้องการแต่เพียงอย่างเดียวที่ท่านจะพึงให้ได้
    เจ้าของร้านมานั่งพิจารณาว่า ไอ้ผ้าเก่า ๆ เสื้อเก่า ๆ มันก็เปื่อยแล้ว จะไปเทียบกับอะไรมันก็ไม่ได้สักอย่าง ก็เลยตัดสินใจให้ด้ายไป 1 กลุ่ม ให้เข็มไป 1 เล่ม แล้วก็บอกว่าเสื้อผ้าของท่านเหล่านี้ ความจริงราคาก็ไม่เท่ากับเข็ม 1 เล่ม ด้าย 1 กลุ่ม แต่ว่าในฐานะที่ท่านจะเอาไปทำบุญ เราขอตัดสินใจให้ ฝ่ายท่านมหาทุคคตะท่านได้เท่านั้นท่านก็ดีใจ ด้าย 1 กลุ่ม เข็ม 1 เล่ม เอามาร่วมในการทอดผ้าพระกฐินทานกับเจ้านาย
    เมื่อทอดผ้าพระกฐินทานเสร็จแล้วไซร้ องค์สมเด็จพระจอมไตร คือ พระพุทธเจ้า ก็ทรงอนุโมทนากล่าวถึงอานิสงส์เมื่อกี้นี้ เป็นเหตุ ครั้งองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์กล่าวจบ คนทั้งหลายเขาก็กลับกันหมด ท่าน มหาทุคคตะก็คลานเข้าไปไหว้พระพุทธเจ้าทราบพระนามว่า ปทุมุตระ แล้วได้กล่าวคำมโนปณิธาน ตั้งความปรารถนาว่า “ด้วยอานิสงส์บุญบารมีที่ข้าพระพุทธเจ้ามีหน้าที่ขวนขวายในการจัดงานทอดผ้าพระกฐินทานก็ดี และข้าพระพุทธเจ้าสละเสื้อผ้าอันเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ข้าพระพุทธเจ้ามี โดยแลกกับด้ายกลุ่มหนึ่งกับเข็มเล่มหนึ่ง เข้ามาร่วมในการทอดกฐิน ขออานิสงส์กุศลบุญราศรีอันนี้จงดลบันดาลให้ข้าพระพุทธเจ้าได้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาลเถิดพระเจ้าข้า”
    เมื่อท่านมหาทุคคตะตั้งมโนปฏิธานอย่างนั้นแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วทรงพระนามว่า ปทุมุตระ ก็ทรงพิจารณาดูด้วยอำนาจพระพุทธญาณว่า มหาทุคคตะคนนี้ปรารถนาพระโพธิญาณ อยากจะทราบว่ามโนปณิธานความปรารถนาของเธอจะสำเร็จผลหรือไม่ หลังจากนั้นองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสนา ก็ทรงทราบว่า หลังจากนี้ไป ต่อไปอีก 91 กัปป์ มหาทุคคตะคนนี้จะไปเกิดเป็นลูกกษัตริย์ ที่กรุงกบิลพัสดุ์มหานคร จอมบพิตรอดิศรจะได้นามว่า สิทธัตถะราชกุมาร หลังจากนั้นจะออก
    บำเพ็ญมหาภิเนษกรมณ์ จะได้เป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระสมณโคดม
    เมื่อทรงทราบอย่างนี้แล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วทรงพระนามว่า ปทุมุตระ ก็ทรงประกาศคำพยากรณ์ให้ทราบ ท่านมหาทุคคตะก็ดีใจกลับมาที่บ้าน หลังจากนั้นไซร้ท่านก็ตั้งใจบำเพ็ญกุศลบุญราศรีตามกำลังที่จะพึงมี โดยนัยว่าทรัพย์ทั้งหลายเหล่านี้ของท่านไม่มี เพราะท่านเป็นทาสเขา แต่อานิสงส์ ที่พาเจ้านายไปทอดผ้ากระกฐินทาน เพราะอานิสงส์ที่พระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ว่า ท่านจะได้เป็นพระพุทธเจ้ามีพระนามว่า พระสมณโคดม จากนี้ไปอีก 91 กัปป์ เหตุนี้เป็นเหตุให้เจ้านายมีความยินดี ได้กล่าวว่า
    “มหาทุคคตะ ความดีในการทอดผ้าพระกฐินทาน พร้อมด้วยเครื่องบริวารที่เราจะได้โดยมาก ซึ่งเป็นอานิสงส์ที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคตรัสว่า ต่อแต่นี้ไปถ้าเราจะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ เป็นอัครสาวกก็ได้ เป็นปกติสาวกก็ได้ แต่เวลาใดที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏสงสาร ในกาลข้างหน้าถ้าบุญบารมีนั้นยังไม่เต็ม เราสามารถจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิได้ถึง 500 ชาติ จะเป็นพระมหากษัตริย์ได้ 500 ชาติ เป็นมหาเศรษฐีได้ 500 ชาติ เป็นอนุเศรษฐี 500 ชาติ และเป็นคหบดี 500 ชาติ

    แต่องค์สมเด็จพระบรมโลกนาถ ก็ยังตรัสว่า อานิสงส์ทั้งหลายเหล่านี้ยังไม่ได้หมด ก็ปรากฏว่าบุคคลผู้เป็นเจ้าของกฐินและผู้ติดตาม จะไปนิพพานก่อน อาศัยที่ความดีขององค์สมเด็จพระชินวรทรงเทศน์และเธอก็ได้แนะนำเราให้ปฏิบัติความดีที่เราไม่เคยเข้าใจมาก่อน ฉะนั้นความดีอันนี้ มหาทุคคตะ เราขอปล่อยท่านจากความเป็นทาส คือนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเจ้าก็จงเป็นไท ไม่ต้องเป็นทาสต่อไป และเราจะให้บ้านส่วยของเรา 100 หลัง เป็นที่เก็บส่วย เป็นเครื่องทำมาหากิน ให้ข้าทาสหญิงชาย ช้าง ม้า วัว ควาย พอสมควรแก่ฐานะ”
    รวมความว่า นับแต่เวลานั้นมาท่านมหาทุคคตะก็พ้นจากความเป็นมหาทุคคตะ กลายเป็นคหบดีคนหนึ่ง อยู่ในฐานะคหบดีมีเงินกิน มีเงินพอใช้พอสมควรแก่ฐานะ และหลังจากนั้นมาท่านก็บำเพ็ญกุศลจริยาสัมมาปฏิบัติ เมื่อสิ้นอายุขัย เจ้านายของท่านก็ตาย แล้วไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก มีความสุข
    สำหรับท่านมหาทุคคตะ ได้เคยบำเพ็ญบารมีเพื่อปรารถนาพระโพธิญาณมาก่อน และในตอนนี้องค์สมเด็จพระชินวรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า บารมีเข้าขั้นเริ่มต้นปรมัตถบารมี เหตุฉะนั้นมหาทุคคตะคนนี้เมื่อตายจากความเป็นคน จึงไปเกิดบนวรรค์ชั้นดุสิต มีความสุข
    หลังจากนั้นมา เมื่อองค์สมเด็จพระบรมศาสนาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระกกุสันโธ พระโกนาคม พระพุทธกัสสป 3 องค์ เป็นต้น อุบัติขึ้นมาในโลกแล้วก็ปรากฏว่าท่านมหาทุคคตะที่เป็นสันตดุสิตก็ลงมาเกิดเป็นดาบสทุกสมัย
    นี่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย จะเห็นว่ากัปป์หนึ่งการมีพระพุทธเจ้านั้นหายาก คือ ถอยหลังจากกัปป์นี้ไป 91 กัปป์ก็เป็นกัปป์ที่ 92 มีพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า ปทุมุตระ อุบัติขึ้นในสมัยนั้น สำหรับพระปทุมุตระก็ดี พระวิปัสสีทศพลก็ดี ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นกัปป์เดียวกัน กัปป์นั้นจะมีพระพุทธเจ้า แค่ 2 องค์ แล้วก็ต้องเว้นระยะมาถึง 90 กัปป์ โดยไม่มีระพุทธเจ้าเลย แล้วก็มากัปป์ที่ 92 นี้ก็เป็นกัปป์ที่ 9 นับกัปป์โน้นด้วยก็เป็น 92 สำหรับกัปป์ที่ 92 คือ กัปป์นี้ปรากฏว่ามีพระพุทธเจ้าถึง 10 องค์
    ฉะนั้น บุคคลที่เกิดมาแล้วในโลกนี้ระหว่างกัปป์ใดก็ดี ถ้าเจอะพระพุทธเจ้าก็ดี เจาะศาสนาขององค์สมเด็จพระชินสีห์ก็ตาม ถ้าไม่สามารถทำตนให้พ้นจากอบายภูมิได้ ก็รู้สึกว่าเป็นคนที่มีกรรมหนัก เพราะไม่ใช่ว่าพระพุทธเจ้าจะมีทุก ๆ กัปป์ ซึ่งนับกันไม่ยาก จะเห็นว่านับจากกัปป์นี้ถอยไป 91 กัปป์ มีพระพุทธเจ้า 2 องค์ แล้วก็เว้นมาอย่างว่าง ๆ จริง ๆ ที่เป็นสุญญกัปป์ 90 กัปป์ แล้วจึงมีพระพุทธเจ้าในกัปป์นี้ถึง 10 องค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระพุทธเจ้าที่มีมากที่สุดในอดีตถึงปัจจุบันก็มีกัปป์นี้เท่านั้นที่มีพระพุทธเจ้าถึง 10 องค์
    กัปป์นี้ถ้าบุคคลใดที่เกิดในกัปป์นี้ตายแล้ว ยังไปอบายภูมิ ก็มีหวังอีกหลายอสงไขยกัปป์ จึงจะกลับขึ้นมาเกิดเป็นคน เพราะว่าคนนั้นมีกำลังใจเป็นอกุศลเกินกว่าที่จะนับที่จะประมาณ

    ต้นกัปป์นี้ สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาทรงพระนามว่า พระกกุสันโะ ทรงอุบัติขึ้นมา 1 องค์ ก็ทรงเทศน์สอนพุทธบริษัทตามสมควร นับเวลาเป็นหมื่นปี หรือว่าท่านจะเทศน์สอนถึงสองหมื่นปีแล้วก็นิพพาน
    ต่อมาพระพุทธโกนาคมก็ทรงอุบัติขึ้น ทรงสอนบรรดาพุทธบริษัทประมาณสองหมื่นปีเหมือนกัน แล้วก็นิพพาน
    มาสมัยสมเด็จพระพุทธกัสสป ก็ทรงสอนพุทธบริษัทหมื่นปีแล้วก็นิพพาน และเมื่อองค์สมเด็จพระพิชิตมารทั้ง 3 พระองค์ทรงสอนขนาดนี้ คนยังเอาดีไม่ได้ ก็ไม่มีใครจะได้ดีต่อไป
    ต่อมาในสมัยสมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาองค์ปัจจุบันทรงอุบัติขึ้น ท่านสอนพุทธบริษัทอยู่ 45 ปี แล้วก็ทรงตั้งพระศาสนานี้ไว้ 5,000 ปี เวลานี้พระพุทธศาสนายังสมบูรณ์แบบการประกาศตั้งพระศาสนาไว้ 5,000 ปี พระองค์ทรงความหมายว่า
    พันปีที่ 1 จะมีพระอรหันต์มากไปด้วยปฏิสัมภิทาญาณ
    พันปีที่ 2 จะมีพระอรหันต์มากไปด้วยฉฬภิญโญ คือ อภิญญา 6
    พันปีที่ 3 จะมีพระอรหันต์มากไปด้วยเตวิชโช คือ วิชชาสาม
    พันปีที่ 4 จะมีพระอรหันต์มากไปด้วยสุกขวิปัสสโก
    พันปีที่ 5 จะมีพระอริยเจ้ามากไปด้วยพระอนาคามี
    เป็นอันว่าทั้ง 5,000 ปีนี้ที่องค์สมเด็จพระชินสีห์ทรงประกาศพระศาสนาไว้ไม่ไร้ผล

    คำว่ามาก ก็หมายความว่าพวกนั้นมาก พวกอื่นยังมีอยู่ อย่างสมัยนี้ท่านบอกว่ามากไปด้วย อรหันต์วิชชาสาม แต่ว่าปฏิสัมภิทาญาณก็ดี อภิญญา 6 ก็ดี สุกขวิปัสสโกก็ดี ก็ยังมีอยู่
    เมื่อนับจากนี้ไปพ้นปีที่ 4 จะมากไปด้วยสุกขวิปัสสโก ก็แสดงว่ามันมากแต่ว่าส่วนน้อยก็ยังมี ตั้งแต่ปฏิสัมภิทาญาณ อภิญญา 6 และวิชชาสาม ท่านยังมีอยู่
    เมื่อพันปีที่ 5 เข้ามาถึง ท่านไม่กล่าวว่ามากไปด้วยอรหันต์ กล่าวว่ามากด้วยอนาคามี แต่พระอรหันต์ทั้ง 4 ประเภทก็ยังมีอยู่
    เป็อันว่าศาสนาขององค์สมเด็จพระบรมครูเวลานี้ยังสมบูรณ์ เพราะยังมีพระอริยเจ้า ถ้าบุคคลที่เกิดมาทันศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ยังบำเพ็ญตนประกอบไปด้วยอกุศลลงอบายภูมิ พ้นจากกัปป์นี้แล้วอีกกี่กัปป์จึงจะมีพระพุทธเจ้าใหม่ ก็ถือว่ากรรมของท่านหนัก ผู้นั้นไม่สามารถจะช่วยได้
    เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ในปักษ์นี้เห็นว่าเป็นปักษ์แห่งการทอดกฐิน ทอดผ้ากฐินทาน จึงได้นำเอาเรื่องราวอานิสงส์แห่งการทอดกฐินมาเล่าแต่โดยย่อเข้าใจกัน
    ในที่สุดนี้ อาตมภาพก็ขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีพระพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ ทั้ง 3 ประการ ขอจงดลบันดาลให้บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน มีแต่ความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล และจงเจริญไปด้วยจตรุพิธพรชัยทั้ง 4 ประการ มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ หากทุกท่านมีความประสงค์สิ่งใดก็ขอให้ได้สิ่งนั้นสมความปรารถนาจงทุกประการ
     
  11. บุญรักษา

    บุญรักษา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    574
    ค่าพลัง:
    +6,112
    ปีหน้าวัดธรรมยานผูกพัทธสีมา...คงได้เจอกันนะครับ
     
  12. ชมพูอุษมัน

    ชมพูอุษมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +7,342
    ร่วมทำบุญทอดกฐิน ๓ วัด,ธรรมยาน,แก่งสร้อย,ห้วยต้ม 40 บาทค่ะ โอนปัจจัยเข้าบัญชีแล้วค่ะ
     
  13. บุญรักษา

    บุญรักษา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    574
    ค่าพลัง:
    +6,112
    ยังมีเวลานะครับ
     
  14. บุญรักษา

    บุญรักษา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    574
    ค่าพลัง:
    +6,112
  15. ปัญจ

    ปัญจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2009
    โพสต์:
    27,326
    ค่าพลัง:
    +88,009
    ร่วมบุญกฐิน 3 วัด 33 บาทครับ
     
  16. pwttwp

    pwttwp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +667
    ร่วมบุญทอดกฐิน ๓ วัด เป็นจำนวน ๑๐๐ บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. ปีติ

    ปีติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    526
    ค่าพลัง:
    +2,500
    สวัสดีครับ
    ผมขอร่วมทำบุญกฐินสามัคคี ปี 2558 ณ.วัดธรรมยาน ,วัดพระธาตุแก่งสร้อย และวัดพระพุทธบาทห้วยตุ้ม เป็นเงินจำนวน 300 บาท ครับ
    ผมขอ อนุโมทนา ในบุญกุศลด้วย สาธุครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    โอนเงิน ๒๐๐ บาท

    ร่วมทอดกฐิน ๓ วัด
    ๑.วัดธรรมยาน
    ๒.วัดพระธาตุแก่งสร้อย
    ๓.วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม

    วันที่ ๐๑/๐๙/๕๘
    เวลา ๐๙.๒๙ น.
     
  19. ต่อกิจ

    ต่อกิจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2007
    โพสต์:
    257
    ค่าพลัง:
    +1,539
    วันนี้ โอนเงินร่วมบุญด้วยแล้ว จำนวน ๓๐๐ บาท ขออนุโมทนาบุญด้วยทุกประการ "ต่อกิจ"
     
  20. บุญรักษา

    บุญรักษา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    574
    ค่าพลัง:
    +6,112
    โมทนาบุญทุกประการ..สำหรับกลุ่มได้ทำกิจกรรมงานบุญเป็นประจำทุกปี..หน้ากฐินก็สามวัดทุกปี..มีกระทู้เก่าๆ..
    ..และทอดผ้าป่าช่วงเดือนมีนาคมทุกปี...
    โมทนากับทุกท่านอีกครั้ง
     

แชร์หน้านี้

Loading...