มหากาพย์สามก๊ก - วรรณกรรมที่รวมศาสตร์ต่างๆมากที่สุดระดับโลก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Bhuddha3210, 12 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. Bhuddha3210

    Bhuddha3210 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +312
    กว่าแผ่นดินจะแยกเป็นสามก๊ก วิถีผู้นำแต่ละคนที่ขึ้นมาผงาดเป็นเจ้าแต่ละก๊กนั้น ก็มีการดำเนินคนละรูปแบบ เล่ห์เหลี่ยม กลยุทธ์ ทั้งบุ๋นบู้ ศาสตร์ต่างๆมากมายที่เข้าสัปยุทธ์กัน
    เพื่อชิงชัยความเป็นใหญ่ในแผ่นดิน เพื่อเป้าหมายสูงสุดในทางโลก


    เรื่อง "สามก๊ก" มิเพียงแต่มีคุณค่าทางวรรณคดีเท่านั้น
    หากยังเปรียบเสมือนสารานุกรมที่เกี่ยวกับสังคมสมัยศักดินาอีกด้วย เนื่องจากว่า "สามก๊ก" เขียนถึงทุกมุมทุกด้านของสังคมในสมัยนั้น

    ที่ประเทศจีนนับวันมีนักวิชาการมากยิ่งขึ้นที่ดำเนินการวิจัยคุณค่าทางวัฒนธรรมและความสำคัญของ "สามก๊ก" ที่มีต่อยุคปัจจุบัน ได้แก่ ประวัติศาสตร์ ศาสตร์ว่าด้วยทรัพยากรมนุษย์ จิตวิทยา ศาสตร์ว่าด้วยสาธารณสัมพันธ์ (Public Relation) วิทยาการบริหาร การทหาร การปกครอง การฑูต การเมืองระหว่างประเทศ จิตวิทยา การบริหารองค์กรขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ การจัดการ ฯลฯ เป็นต้น


    เจ้าก๊กทั้งสามเหล่านั้นมีใครกันบ้าง กระผมขอนำเสนอดังนี้


    [​IMG]

    วุยก๊ก - โจโฉ "ผู้ไม่ยอมให้โลกทรยศ"



    [​IMG]

    ง่อก๊ก - ซุนกวน "ทายาทเจ้าสัวพยัคฆ์"



    [​IMG]

    จ๊กก๊ก - เล่าปี่ "ผู้พนมมือให้ชนทุกชั้น"


    เรื่องราวในสามก๊กได้สะท้อนถึงกิเลส ตัณหา ของมนุษย์ปุถุชน ศาสตร์การปกครอง จิตวิทยา การเมือง บริหาร กลยุทธ์ ฯลฯ รวมถึงการใช้ชีวิตท่ามกลางเล่ห์เหลี่ยมว่าจะเอาตัวรอดอย่างไร และจะแก้ปัญหาได้อย่างไรแบบรู้เท่าเอาไว้กัน รู้ทันเอาไว้แก้



    ขออนุโมทนาบุญกับท่านที่นำไปใช้ป้องกันตัวเองจากคนเลว และช่วยเหลือสรรพชีวิตอื่น


    เพลง : สามก๊ก (ต้นเรื่อง)

    <table style="width: 409px; height: 223px;" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="409"><tbody><tr> <td>กุ๋นกุ่นฉางเจียงตุงซื่อเสว่ย์</td> <td>น้ำแยงซีรี่ไหลไปบูรพา</td> </tr> <tr> <td>ล่างฮวาถาวจิ้นอิงสยุง</td> <td>คลื่นซัดกวาดพาวีรชนหล่นลับหาย</td> </tr> <tr> <td>ซื่อเฟย์เฉิงไป้จ่วนโถวคุง</td> <td>ถูกผิดแพ้ชนะวัฏจักรเวียนว่างดาย</td> </tr> <tr> <td>ชิงซานอีจิ้วจ้ายจี่ตู้ซีหยางหุง</td> <td>สิขรยังคง ตะวันยังฉาย นานเท่านาน</td> </tr> <tr> <td> </td> <td> </td> </tr> <tr> <td>ไป๋ฟ่าอวี๋เฉียวเจียงจู๋ซ่าง</td> <td>เกาะกลางชล คนตัดฟืนผมขาว เฒ่าหาปลา</td> </tr> <tr> <td>กว้านค่านชิวเยวี่ยชวุนเฟิง
    </td> <td>สารทวสันต์เห็นมาเหลือหลายที่กรายผ่าน</td> </tr> <tr> <td>อี้หูจว๋อจิ่วสี่เซียงเฝิง</td> <td>สรวลสุราขุ่นป้านใหญ่ให้ตำนาน</td> </tr> <tr> <td>กู่จินตวอส่าวซื่อโตวฟู่เซี่ยวถานจุง
    </td> <td>เก่าๆ ใหม่ๆ เสพสราญว่ากันไป</td></tr></tbody></table>

    และขอทุกท่านที่สนใจโปรดติดตาม ทางช่อง TPBS ทุกวัน 22.30 - 23.30




    [music]http://palungjit.org/attachments/a.279040/[/music]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 3K start 1.mp3
      ขนาดไฟล์:
      2.7 MB
      เปิดดู:
      6,666
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 กุมภาพันธ์ 2008
  2. Bhuddha3210

    Bhuddha3210 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +312

    [​IMG]

    สามก๊ก (อังกฤษ: Romance of the Three Kingdoms; จีนตัวเต็ม: 三國演義; จีนตัวย่อ: 三国演义; พินอิน: sān gu&oacute; yǎn y&igrave

    สามก๊กแต่งขึ้นประมาณช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 ในสมัยราชวงศ์หยวน โดย หลอกว้านจง (Luo Guanzhong) (羅貫中) กล่าวถึงประวัติศาสตร์จีนในยุคสามก๊ก (ค.ศ. 220-280) โดยเริ่มปูที่มาที่ไปตั้งแต่ยุคโจรโพกผ้าเหลือง (ค.ศ.183) เนื้อเรื่องเน้นการชิงอำนาจในช่วงปลายราชวงศ์ฮั่น ของก๊กต่างๆ อันประกอบด้วยวุยก๊ก (เว่ย์ 魏) จ๊กก๊ก (ฉู่ 蜀) และง่อก๊ก (หวู 吳) จนไปถึงการสถาปนาราชวงศ์จิ้นโดยสุมาเอี๋ยนหลานชายของสุมาอี้ (บุตรชายของสุมาเจียว) สามก๊กเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดวรรณกรรมจีนร่วมกับไซอิ๋ว ซ้องกั๋ง และความฝันในหอแดง บางคนบอกว่าสามก๊กเป็น บทเรียนตำราพิชัยสงคราม ภาคปฏิบัติ

    สามก๊กฉบับต้นฉบับนั้น แต่งขึ้นโดย "เฉินโซ่ว" ชาวเสฉวนที่มีชีวิตอยู่ในยุคสามก๊กจริงๆ แต่เกิดไม่ทันฉากสำคัญหลายฉาก เขาเกิดหลังพระเจ้าเหี้ยนเต้ตกบัลลังก์ไปแล้ว ตระกูลของเขานั้นทำงานเป็นบริวารให้จ๊กก๊กของเล่าปี่ รวมทั้งตัวเขาด้วย แต่พ่อเขาบันทึกเรื่องราวการต่อสู้ของทั้งสามก๊กไว้อย่างละเอียดและเป็นจริง

    ค.ศ. 264 แผ่นดินแคว้นฉู่ที่เขาอยู่ประกาศยอมแพ้ต่อแคว้นเว่ย์ เฉินโซ่วและครอบครัว และชาวแคว้นฉู่อื่นๆ จึงถูกนำตัวไปที่แคว้นเว่ย์ ขณะนั้นสุมาเจียว (司馬昭) อ๋องแห่งแคว้นเวย์ เสียชีวิตลง สุมาเอี๋ยนขึ้นเป็นวุยอ๋องแห่งเว่ย์แทน
    ค.ศ. 265 สุมาเอี๋ยน ขับกษัตริย์พระเจ้าโจฮวน (曹奐) ออกและสถาปนาตนเป็นพระเจ้าจิ้นหวู่ตี้ (晉武帝) จักรพรรดิพระองค์แรกแห่งราชวงศ์ใหม่ ราชวงศ์จิ้นตะวันตก และสามารถรวบรวมสามก๊กเป็นหนึ่งเดียวได้ พระเจ้าจินหวู่ตี้ ทรงโปรดให้เฉินโซ่ว รวบรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงศึกสามก๊กมาให้ละเอียดตั้งแต่ช่วงจุดเริ่มต้นกบฏโพกผ้าเหลืองในค.ศ. 183 จนถึงพระเจ้าจินหวู่ตี้ขึ้นครองราชย์ใน ค.ศ. 265 อย่างละเอียด เพื่อเอากลศึกต่างๆ ที่เกิดในยุคนี้ให้เป็นตำราสงครามให้แก่คนรุ่นหลัง สามก๊กฉบับแรกนี้มีชื่อว่า "ซานกว๋อจื้อ" แต่ซานกว๋อจื้อก็ไม่ได้รับความนิยม

    แล้วต่อมาในช่วงใดช่วงหนึ่งระหว่าง ค.ศ. 1330 - ค.ศ. 1400 หลอกว้านจง ก็ได้นำซานกว๋อจื้อมาแต่งใหม่ในรูปแบบนิยายกึ่งประวัติศาสตร์ โดยเนื้อเรื่องนำมาจากซานกว๋อจื้อบ้างและแต่งเพิ่มเองบ้าง ซึ่งเมื่อเทียบกับซานกว๋อจื้อนั้น พบว่ามาจากซานกว๋อจื้อ ร้อยละ 70 และแต่งเอง ร้อยละ 30 โดยประมาณ เรื่องราวที่หลอกว้านจงได้แต่งเพิ่มขึ้นเองที่เด่นๆนั้น มีหลายจุด ซึ่งผู้ที่จำเนื้อเรื่องของสามก๊กได้ทั้งเรื่องควรรู้ เช่น

    จุดแรก จุดเริ่มต้นของเรื่อง ฉากที่ เล่าปี่ กวนอู และเตียวหุย ได้กรีดเลือดสาบานเป็นพี่น้องกันนั้น สมัยนั้นยังไม่มีประเพณีการสาบานเป็นพี่น้องกันแบบนี้ มีเพียงการดื่มเลือดสาบานของเหล่าบ่าวรับใช้ว่าจะจงรักภักดีต่อนายเท่านั้น การดื่มเลือดสาบานเป็นพี่น้องนั้นมาจากลัทธิหมิงเจี้ยว ที่เพิ่งเกิดขึ้นและโด่งดังมากในช่วงชีวิตของหลอกว้านจง และหลอกว้านจงได้นำลัทธิหมิงเจี้ยวนี้เอง มาใส่ลงวรรณกรรมสามก๊กของตน และในซานกว๋อจื้อของเฉินโซ่วก็ไม่ได้กล่าวว่ามีการดื่มเลือดสาบานระหว่างเล่าปี่ กวนอู และเตียวหุยแต่อย่างใด
    อีกจุดหนึ่งที่เด่นๆ คือ จุดที่กล่าวว่า ขงเบ้งตอนจนตรอกถูกสุมาอี้ยกทัพมากว่าแสนคนจะมายึดเมืองเสเสีย ขณะที่ตนมีเพียงทหารที่ไม่ชำนาญศึกเพียงห้าพันนาย ขงเบ้งจึงเปิดประตูเมืองทุกบาน ให้ทหารปลอมเป็นชาวเมืองและทำกิริยาเหมือนเป็นชาวบ้านกำลังทำกิจวัตรตามปกติ ส่วนขงเบ้งก็ไปนั่งดีดพิณบนกำแพงเมืองอย่างสบายใจ เมื่อสุมาอี้มาถึงเห็นว่าชาวเมืองและขงเบ้งไม่มีอาการตกใจหรือลนลาน ขงเบ้งคงเตรียมการรับมือไว้อย่างดีแล้วกระมัง เราคงสู้ขงเบ้งไม่ได้ สุมาอี้จึงถอยทัพไปเอง

    จุดที่กล่าวมานี้ไม่มีในซานกว๋อจื้อ แต่หลอกว้านจง นำประวัติศาสตร์จากยุคจิ๋นซีฮ่องเต้มา โดยมีเรื่องราวว่า ในสมัยนั้นจีนก็แตกเป็นแคว้นๆดังเช่นยุคสามก๊ก และมีช่วงหนึ่ง รัฐฉู่ยกทัพมาจะรบรับรัฐเจิ้ง รัฐเจิ้งอ่อนแอกว่ารัฐฉู่อย่างเห็นได้ชัด แต่แม่ทัพใหญ่แห่งรัฐเจิ้งได้หลอกชาวเมืองว่ารัฐฉู่มาค้าขายไม่ใช่มารบ ชาวเมืองจึงเชื่อสนิทยกข้าวของมาค้าขายนอกกำแพงรัฐอย่างเอิกเกริก เมื่อทัพฉู่มาถึงก็ตกใจว่าทำไมรัฐเจิ้งไม่ตกใจลนลานกลับทำทุกอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่จะเป็นกลลวงหรือเปล่า บุกเข้าไปเราคงตายหมดแน่ ทัพฉู่จึงถอยทัพ
    หลอกว้านจงจึงนำเรื่องราวนี้มาแต่งเพิ่มลงในสามก๊กฉบับของตน และหลอกว้านจงยังมีการแต่งเพิ่ม หรือดัดแปลงเนื้อเรื่องจากซานกว๋อจื้ออีกหลายจุด เมื่อหลอกว้านจงแต่งเสร็จ สามก๊กของหลอกว้านจงก็เป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบัน

    ฉบับภาษาไทยมีหลายสำนวนแปล ที่โด่งดังคือฉบับของเจ้าพระยาพระคลัง (หน) และยาขอบ (สามก๊กฉบับวณิพก)


    ได้รับการยกย่องจากองค์กรยูเนสโกให้เป็นสุดยอดวรรณกรรมชิ้นหนึ่งของโลกด้วย


    ข้อมูล : วิกิพีเดีย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 กุมภาพันธ์ 2008
  3. Bhuddha3210

    Bhuddha3210 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +312
    ผู้นำก๊กคนแรกที่กระผมจะนำเสนอชีวประวัติ คือ โจโฉ

    [​IMG]

    โจโฉ "ผู้ไม่ยอมให้โลกทรยศ"

    โจโฉ (จีน: 曹操 พินอิน: C&aacute;o Cāo เวด-จิลส์: Ts'ao&sup2; Ts'ao&sup1 มีชีวิตอยู่ระหว่าง ค.ศ. 155 - ค.ศ. 220 เป็นขุนศึกและผู้สำเร็จราชการแผ่นดินคนสุดท้าย ในราชวงศ์ฮั่นตะวันออกของประเทศจีน ในภายหลังโจโฉได้ก่อตั้งวุยก๊ก ซึ่งเป็นหนึ่งในสามอาณาจักรของยุคสามก๊ก
    ในวรรณกรรมเรื่องสามก๊กบางสำนวน โจโฉได้รับการบรรยายให้เป็นกษัตริย์ที่โหดเหี้ยมและทะเยอทยาน แต่ตามประวัติศาสตร์แล้ว โจโฉเป็นผู้ปกครองที่สามารถ นักการทหารที่ชาญฉลาด และยังเป็นกวีอีกด้วย

    ประวัติการสงครามของโจโฉ

    เริ่มต้น โดยเป็นหนึ่งในแม่ทัพของฝ่ายราชวงศ์ฮั่นที่ออกปราบกบฏโจรโพกผ้าเหลืองซึ่งมี "เตียวก๊ก" เป็นหัวหน้า ซึ่งมี พระเจ้าเลนเต้เป็นจักรพรรดิ โจโฉ มีชื่อรองว่า เมิ่งเต๋อ เป็นบุตรของโจโก๋ อดีตข้าหลวงในวัง เดิมมิได้แซ่ "โจ" แต่แซ่ "แฮหัว" โจโฉเป็นคนรูปร่างเล็ก ฉลาดแบบเจ้าเล่ห์ เชี่ยวชาญตำราพิชัยสงคราม แต่ก็ชื่นชอบในศิลปะ อุปนิสัยรอบคอบ โจโฉได้รับความดีความชอบในการปราบโจรโพกผ้าเหลือง แต่ท้ายสุดถูกหักหลัง ต่อมาเมื่อตั๋งโต๊ะเป็นใหญ่ โจโฉก็ร่วมมือกับเจ้าเมือง 18 หัวเมืองตั้งเป็น "กองทัพสิบแปดหัวเมือง" โดยมี อ้วนเสี้ยวเป้นแม่ทัพใหญ่ ปราบตั๋งโต๊ะ

    ระหว่างหลบหนีจากการผิดพลาดในการสังหารตั๋งโต๊ะ โจโฉได้พบกับนายอำเภอคนหนึ่งชื่อ ตันก๋ง ระหว่างพักค้างแรม โจโฉได้สังหารแป๊ะเฉีย และคนในครอบครัว ด้วยเข้าใจผิดในความปรารถนาดีของแป๊ะเฉียที่จะฆ่าหมูมาเลี้ยง ความโหดเหี้ยมของโจโฉจึงปรากฏในตอนนี้ โจโฉได้กล่าววาจาที่แสดงถึงตัวตนของเขาได้ชัดเจนว่า " ข้ายอมทรยศคนทั้งโลก แต่ไม่ยอมให้ใครทรยศข้า " เมื่อโจโฉตั้งตัวได้ ก็กล้าที่จะปลอมราชโองการ กล้าที่จะแอบอ้างราชโองการเพื่อที่จะกำจัดฝ่ายตรงข้าม ทำให้ในที่สุด โจโฉได้รับการสถาปนาเป็นสมุหนายก หลังจากนั้น ก็ มหาอุปราช(ไจเสี่ยง) มีอำนาจสามารถสั่งการแทนฮ่องเต้ ทำให้มีอำนาจล้นฟ้า ไม่มีใครที่จะคานอำนาจ จึงกล้าถึงขนาดทดสอบบารมีของพระเจ้าเหี้ยนเต้ด้วย จนพระเจ้าเหี้ยนเต้ต้องแอบเขียนหนังสือลับด้วยโลหิตตนเองถึงเล่าปี่ ให้จัดการกับโจโฉที่ทำตนเป็นตั๋งโต๊ะอีกคน

    โจโฉ ได้ครองเมืองลกเอี๋ยง ซึ่งเป็นเมืองหลวง ทำให้แคว้นวุยก๊กของเขาเป็นแคว้นที่ใหญ่ที่สุด มีไพร่พลมากที่สุด มีบุคลากรมากที่สุด มั่งคั่งและอุดมสมบูรณ์มากที่สุด โจโฉเป็นคนที่หลงมัวเมาในอำนาจและกิเลสตัณหาต่าง ๆ มักมากในกาม มีภรรยาและสนมมากมาย สมัยรุ่งเรือง โจโฉได้สร้างตำหนักของตนชื่อว่า " นกยูงทองแดง " โจโฉเป็นคนรอบคอบเสียจนกลายเป็นขี้ระแวง ได้สั่งประหารบุคคลสำคัญไปหลายคน ทั้ง ๆ ที่ไม่มีความผิด เพราะความขี้ระแวงของตน และเมื่อสำนึกได้ ก็มักมาเสียใจในภายหลัง
    โจโฉ มีภรรยา 3 คน กับภรรยาคนแรกไม่มีบุตร ภรรยาคนที่สอง มีบุตรเพียงคนเดียวเป็นชาย ชื่อ โจงั่ง ตายเมื่อครั้งสงครามกับอ้วนเสี้ยว กับภรรยาคนที่สาม คือ นางเปียนสี มีบุตรชายทั้งหมด 4 คน คือ โจผี โจเจียง โจสิด และ โจหิน ซึ่งโจโฉรักภรรยาคนนี้มาก ยกให้เป็นภรรยาหลวง

    โจโฉ ในบั้นปลายชีวิต ป่วยเป็นโรคประสาท มักปวดหัวอยู่เสมอ ๆ เมื่อหมอฮูโต๋หมอชื่อดังแห่งยุคมารักษา หมอฮูโต๋ได้เสนอให้ผ่าศีรษะ ซึ่งก็คือการผ่าตัด ถือว่าเป็นวิทยาการทางการแพทย์ที่ล้ำสมัยมาก แต่โจโฉไม่เข้าใจ หาว่าคนจะผ่าศีรษะโดยไม่ตายได้อย่างไร จึงพาลจองจำหมอฮูโต๋ในคุก เมื่ออาการหนักขึ้นก็เห็นภาพหลอน ก่อนตาย โจโฉเห็นหัวที่ถูกตัดแล้วของกวนอูลืมตาขึ้นได้ จึงละเมอว่ากวนอูจะมาเอาชีวิต โจโฉสิ้นชีวิตเมื่ออายุได้ 66 ปี (บ้างก็ว่าโจโฉตายด้วยโรคกามโรค) และภายหลังการสิ้นของโจโฉ โจผี ลูกชายคนรองก็ขึ้นมา และถอดพระเจ้าเหี้ยนเต้ออกจากตำแหน่ง และสถาปนาตนเองเป็นพระเจ้าโจผี ราชวงศ์วุย และยกย่องโจโฉบิดาของตนขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์วุย


    ข้อมูล : วิกิพีเดีย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กุมภาพันธ์ 2008
  4. Bhuddha3210

    Bhuddha3210 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +312
    [​IMG]



    ซุนกวน "ทายาทเจ้าสัวพยัคฆ์"


    ซุนกวน (อังกฤษ:Sun Quan จีนตัวเต็ม: 孫權; จีนตัวย่อ: 孙权; พินอิน: Sūn Qu&aacute;n) (ค.ศ. 182-ค.ศ. 252) เป็นผู้ก่อตั้งและจักรพรรดิของง่อก๊ก (อู๋ 吳) หนึ่งในสามอาณาจักรของยุคสามก๊ก
    ซุนกวนเป็นบุตรคนที่สองของซุนเกี๋ยน และเป็นน้องชายของซุนเซ็ก เมื่อซุนเซ็กพี่ชายตายไปจึงได้ขึ้นครองเมืองกังตั๋งแทนด้วยวัยแค่ 18 ปี แม้ซุนกวนจะไม่เก่งในการรบเหมือนผู้พี่แต่ซุนกวน มีความสามารถในการปกครองสูงมาก
    ซุนกวนมีตาสีเขียว เมื่อขึ้นครองเมืองแต่ยังเล็ก จึงได้รับฉายาว่า "ทารกตาเขียว" ซึ่งในบรรดาผู้นำก๊กทั้ง 3 นั้น ซุนกวนเป็นผู้มีอายุน้อยที่สุด แม้ตอนที่โจโฉยกทัพไปรบกับง่อก๊กของซุนกวนในศึกหับป๋า ซุนกวนก็บัญชาการรบอย่างแข็งขัน จนโจโฉที่แม้แต่เป็นศัตรูยังเอ่ยปากชมว่า "ถ้าจะได้บุตร ต้องได้บุตรอย่างซุนกวน"

    ซุนกวนมีน้องสาวอยู่นางหนึ่ง ซึ่งต่อมาในภายหลังได้แต่งงานกับเล่าปี่ เป็นภรรยาคนที่ 3 ของเล่าปี่ ซุนกวนออกอุบายให้นางกลับคืนมาง่อก๊ก โดยเชิญนางให้เร่งรีบกลับมาพร้อมอาเต๊าโดยที่เล่าปี่ไม่รู้ แต่ขงเบ้งอ่านอุบายออก จึงให้จูล่งเร่งรีบเดินทางติดตามไป เมื่อถึงเรือของนางก็กระโดดขึ้นเรือขอให้นางกลับไป แต่นางไม่ยอม จูล่งจึงให้นางไปได้แต่อาเต๊า บุตรของเล่าปี่ต้องอยู่ ท้ายที่สุดอาเต๊าก็ได้กลับไปจ๊กก๊ก และเมื่อแม่นางซุนทราบเมื่อกลับไปถึงว่านี่เป็นอุบายของพี่ชาย ก็เศร้าโศกเสียใจ ท้ายที่สุดนางก็ตรอมใจตาย

    ซุนกวน เองก็ปรารถนาก็จะเป็นใหญ่ในแผ่นดินเช่นเดียวกับโจโฉและเล่าปี่ เมื่อตอนที่ซุนกวนเชิญเล่าปี่มาที่ง่อก๊ก ขณะที่ทั้งคู่ขี่ม้าออกชมทัศนียภาพของง่อก๊กอยู่ ได้เจอหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง เล่าปี่อธิษฐานว่าหากตนจะได้เป็นใหญ่ ขอให้ใช้กระบี่ฟันหินนี้ให้แตกเป็น 2 ท่อน ก็ปรากฏว่าฟันหินได้ขาดจริง ๆ ซุนกวนเห็นดังนั้นจึงอธิษฐานบ้าง ก็ปรากฏว่าสามารถฟันหินได้แตกเช่นกัน แต่นโยบายในการทำสงครามของซุนกวนจะไม่ประกาศเป็นศัตรูกับก๊กใหญ่อีก 2 ก๊ก นั้นอย่างเต็มที่ แต่จะผูกไมตรีกับทุกก๊กที่จะเป็นประโยชน์กับตัวเอง ดังจะเห็นว่า ซุนกวนเองแม้จะผูกไมตรีกับจ๊กก๊ก แต่ก็หาทางจะกำจัดเล่าปี่อยู่เสมอ ๆ ถ้ามีโอกาส และซุนกวนเองก็เป็นสาเหตุการตายของกวนอู เมื่อซุนกวนออกอุบายทำให้จับกวนอูได้ และตัดหัวกวนอูส่งไปให้โจโฉ ซึ่งทำให้ทั้งเล่าปี่และเตียวหุยแค้นซุนกวนมาก และทั้งเตียวหุยและเล่าปี่ก็ต้องมาตายด้วยการมาแก้แค้นให้กวนอูทั้งสิ้น

    ภายหลังซุนกวนเสียชีวิตไปแล้ว บุตรชายก็ได้ขึ้นเป็นผู้นำก๊กต่อ แต่สภาพภายในง่อก๊กไม่แข็งแกร่งเหมือนเก่า ขุนนางแตกแยกกันเอง จนนำมาสู่การล่มสลายของก๊กในที่สุด

    ข้อมูล : วิกิพีเดีย
     
  5. Bhuddha3210

    Bhuddha3210 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +312
    ตระกูลพยัคฆ์แซ่ซุน

    [​IMG]

    ซุนเกี๋ยน ผู้พ่อ




    [​IMG]

    ซุนเซ็ก ผู้พี่



    ซุนกวน ผู้สืบทอดปณิธาน จากพ่อ คือ ซุนเกี๋ยน รุ่นบุกเบิก และ พี่ คือ ซุนเซ็ก รุ่นสานต่อ ตระกูลซุนนั้นได้ฉายาว่า "พยัคฆ์แดนใต้(กังตั๋ง)" ซุนเซ็กเคยกล่าวกับซุนกวนไว้ว่า " ถ้าหากเป็นการรบนั้นเจ้าสู้พี่ไม่ได้ แต่ถ้าเป็นการปกครอง ข้าสู้เจ้าไม่ได้ " ก่อนซุนเซ็กตาย ได้กล่าวสั่งเสียให้ซุนกวนจำไว้คือ " มีเรื่องภายในให้ถามเตียวเจียว มีเรื่องภายนอกให้ถามจิวยี่ "

    แม้โจโฉเองก็ยังเคยชมซุนกวนในศึกบุกภาคใต้ครั้งสุดท้ายของชีวิตตนเองว่า "ถ้าหากมีบุตร ก็ขอให้มีบุตรอย่างซุนกวน"

    นับว่าซุนกวนเป็นบุตรที่ดีที่สืบทอดกิจการของตระกูลได้สมบูรณ์แบบ ไม่เคยคิดขายสมบัติเก่ากินแม้แต่น้อย กลับพยายามให้กลับทำนุบำรุงให้มั่งมียิ่งๆขึ้นไป สมกับคนรุ่นหลังควรเอาเป็นแบบอย่างโดยแท้ในการครองชีวิต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กุมภาพันธ์ 2008
  6. Bhuddha3210

    Bhuddha3210 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +312
    [​IMG]


    เล่าปี่ "ผู้พนมมือให้ชนทุกชั้น"

    เล่าปี่ หรือ หลิวเป้ย ถ้าอ่านตามสำเนียงจีนกลาง (จีนตัวเต็ม: 劉備 จีนตัวย่อ: 刘备 พินอิน: Li&uacute; B&egrave;i) (ค.ศ. 161-ค.ศ. 223) เป็นขุนศึกที่มีอำนาจในยุคสามก๊กของประเทศจีน และเป็นจักรพรรดิผู้ก่อตั้งจ๊กก๊ก

    ประวัติ

    มีผู้อ้างว่า เล่าปี่ได้สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ฮั่น โดย จงซานจิ้งอ๋อง ได้แต่งงานกับสาวสามัญชนจึงได้ออกจากฐานันดรมาเป็นสามัญชน รูปพันสันฐาน เป็นคนผิวขาว หน้าขาวดังหยวก ตาเลียวเล็กสามารถมองถึงใบหู หูยาว แขนยาวถึงเข่า เดิมเป็นคนยากจน ทอเสื่อขาย ได้ร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับ กวนอู เตียวหุย ที่สวนดอกท้อ เพื่อปราบปรามโจรโพกผ้าเหลือง นิสัยมีน้ำใจดีงาม เป็นที่รักใคร่แก่คนทั่วไปใช้กระบี่คู่เป็นอาวุธคู่กาย ต่อมาได้เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วหลังจากการของโตเกี๋ยม แล้วก็ภายหลังเสียเมืองซีจี๋วต้องหกระเหเร่ร่อนไปอาศัยเจ้าเมืองต่างๆ อยู่ต้องคอยอาศัยเมืองต่างๆอยู่ไม่ว่าซีจิ๋วที่ถูกลิโป้ยึดครอง ฮูโต๋ที่ไปอาศัยโจโฉอยู่ ฮ่องแต่ได้แต่งตั้งเป็นพระเจ้าอา หวังช่วยเป็นเรี่ยวแรงให้ฮ่องแต่ ไปกิจิ๋วของอ้วนเสี้ยวครั้งที่ซีจิ๋วโดนโจโฉตีแตกและยังหนีไปอาศํยอยู่กับเล่าเปียวที่เกงจิ๋ว จนได้ขงเบ้ง เป็นที่ปรึกษา จึงได้เริ่มฟื้นตัวเพื่อการกอบกู้ราชวงศ์ฮั่นอีกครั้ง โดยร่วมมือกับซุนกวนแห่งง่อก๊ก ปราบปรามกองทัพ 1 ล้านของโจโฉ โดยโดนยุทธวิธีไฟของจิวยี่ เผาเรือรบและทหารต้องตายหลายแสน จนโจโฉต้องหนีเอาตัวรอดอย่างน่าเวทนา

    ระหว่างหลบหนีได้หัวเราะว่าจิวยี่และขงเบ้งไม่ได้เก่งสมคำล่ำลือ ถ้าเป็นเขาเองจะซุ่มทหารไว้ แล้วก็ได้หัวเราะแบบนี้ถึงสามครั้งสามสถานที่ แต่แล้วต้องกลของขงเบ้งที่ให้ทหารไปซุ่มรอทั้งจูล่ง เตียวหุย กวนอู และได้วานขอชีวิตต่อกวนอู เพราะโจโฉก็เคยไว้ชีวิตกวนอูและเลี้ยงดูอย่างดี สุดท้ายโจโฉเหลือทหารเพียงหยิบกำมือกลับเมือง หลังจากยุทธการนี้เล่าปี่ได้ยึดเมืองและขยายอาณาเขตออกไปกว้างขวาง ได้แม่ทัพ และกุนซืออีกมากมาย จิ๋วยี่ได้ใช้กล ให้แต่งกับซุนฮูหยินน้องสาวของซุนกวน เป็นอีก1ตำนานของบุรุษสตรีงามคู่กัน แต่ขงเบ้งก็แก้กลได้

    เล่าปีมีเหล่าแม่ทัพผู้จงรักภักดีมากมาย มีทั้งขงเบ้ง ฉายามังกรหลับและบังทอง ฉายาหงเหิน สองกุนซือดังแห่งยุคช่วยเหลือภายหลัง สามารถครอบครองดินแดนเสฉวนได้ในชื่อว่าจ๊กก๊ก ในภายหลังจากที่กวนอูเสียท่าแก่ลิบอง และลกซุน แห่งง่อก็ได้ตั้งตัวขึ้นเป็นฮ่องเต้ครองราชได้ 3 ปีก็ยกทัพไปเพื่อล้างง่อให้สิ้น แต่เตียวหุยก็ยังโดนลอบสังหารจนถึงแก่ความตาย ยิ่งทำให้เล่าปี่คิดแต่จะล้างแดนง่อแต่ก็โดนวางเพลิงโดยลกซุน จนต้องหนีตายไปป่วยและเสียชีวิตที่เมืองเป้งเต้ บุตรชายคนโต ชื่อ เล่าเสี้ยน (อาเต๊า) ได้ขึ้นครองราชต่อ แต่เป็นคนไม่มีสติปัญญา เชื่อฟังขุนนางชั่ว ขันทีโฉด สุดท้ายต้องเสียดินแดนให้ วุ่ยก๊ก


    ข้อมูล : วิกิพีเดีย
     
  7. Bhuddha3210

    Bhuddha3210 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +312
    [​IMG]


    ก่อนเริ่มเรื่องสามก๊กในภาพยนต์ เราจะพบกับบทเพลงอันสะท้อนถึงความไม่เที่ยงแท้แห่งอำนาจ ยศศักดิ์ วาสนา บารมี ความมี ความเป็นของผู้ยิ่งใหญ่มากมี หรือ ผู้น้อยด้อยค่า และสิ่งสินต่างๆในอดีต ว่าไม่เที่ยงแท้แน่อน คงมีแต่ความดีงามเท่านั้นที่จะได้จดจำ เล่าต่อๆกันสืบไป ชั่วลูกชั่วหลาน


    ในบทเพลงที่ท่านได้กำลังฟังอยู่นี้นั้นมีความหมายดังนี้ครับ



    ๑ <!--coloro:#696969--><!--/coloro-->น้ำแยงซี รี่ไหล สู่บูรพา


    คลื่นพัดกวาดพา วีรชน หล่นลับหาย


    ถูกผิดแพ้ชนะ วัฏจักร เวียนว่างดาย


    สิงขรยังคง ตะวันยังฉาย นานเท่านาน


    เกาะกลางชล คนตัดฟืนผมขาว เฒ่าหาปลา


    สาร์ทวสันต์เห็นมา เหลือหลาย ที่กรายผ่าน


    สังสรรค์สุรา ป้านใหญ่ ให้ตำนาน


    เก่าเก่าใหม่ใหม่ สรวลสราญ เล่ากันมาฯ




    ขอให้ท่านได้ซาบซึ้ง และสัมผัสกลิ่นไอ ของวีรบุรุษผู้กล้าในอดีต ที่จะกลับมาโลดแล่นอีกครั้ง ฤาท่านจะไม่ภูมิใจในอุบัติกาลครั้งนี้!



    http://palungjit.org/showthread.php?t=87785&highlight=%CA%D2%C1%A1%EA%A1
     
  8. Bhuddha3210

    Bhuddha3210 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +312
    [​IMG]


    สูงสุดคืนสู่สามัญ


    โลกนี้คือโรงละคร ปวงนิกรเราท่านเกิดมา

    ต่างร่ายรำทำทีท่า ตามลีลาของบทละคร

    บางครั้งก็เศร้า บางคราก็สุข บางทีก็ทุกข์ หัวอกสะท้อน

    มีร้าง มีรัก มีจาก มีจร

    พอจบละคร ชีวิตก็ลา

    ดูหนังละครย้อนดูตัว หากแม้ยิ่งใหญ่ได้ในโลกา

    แต่สุดท้ายเราท่านหนา หาได้มีอะไรติดไปไม่

    เหลือดีชั่วให้โลกรู้ บาปคู่บุญนำเราไป.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 3K end.mp3
      ขนาดไฟล์:
      2.7 MB
      เปิดดู:
      472
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 กุมภาพันธ์ 2008
  9. karain

    karain เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    639
    ค่าพลัง:
    +707
    ก็ชอบเรื่องๆนี้เหมือนกันครับ แต่อ่านยังไงไม่เคยจบ
     
  10. สุมาอี้.

    สุมาอี้. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +47
    สามก๊ก ใครศึกษาไว้จะทำให้คนเรียนลัด รู้นิสัยสันดานคน ถ้าไม่ดีจริง พระพุทธยอดฟ้าฯ (ร.1) ท่านคงไม่ให้เจ้าพระยาพระคลัง(หน) แปลอย่างเป็นทางการครั้งแรกในไทยเมื่อ200กว่าปีที่ผ่านมา

    ยิ่งคนไหนอ่านมาก ก็จะเข้าใจในสันดานคนลึกๆมากว่าจะหาคนดีทั้งหมดนั้นไม่มี มันมีทั้งชั่วบ้างเลวบ้าง แต่เราจะดึงเอาข้อดีของคนเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่เรา หรือสังคมได้อย่างไรบ้าง

    สามก๊กทำให้ "ขี้ข้า" กลายเป็น "เจ้า" มาหลายคนแล้ว อยากรู้ก็ไปถาม คุณธนินทร์ เจียรวนนท์เจ้าสัวของCP นั่นดูประไร และคนจีนโพ้นทะเลที่เข้ามาได้ดิบได้ดีว่าสามก๊กนั้นมีคุณประโยชน์อย่างไร เพราะมันไม่ใช่แค่นิยายอิงประวัติศาสตร์อ่านแค่ให้สนุกๆ หรือเหมือนนิยายกำลังภายใน อ่านเอาความมันส์ แต่สิ่งที่เขียนอยู่ในหนังสือสามก๊ก มันจับต้องได้ในชีวิตจริงทั้งหมด แง่มุมทุกข้อความในสามก๊กดึงเอามาใช้ได้ เตือนสติ สอนใจว่า " ในการวุ่นวายในสังคมคนตราบใดที่ยังมีกิเลสอยู่ในสันดาน ตราบนั้นสามก๊กก็ยังมีคุณค่าควรแก่การศึกษาเรียนรู้ไว้

    แต่ถ้าจะเอาเล่ห์เหลี่ยมไปใช้ กรรมมันก็จะตามสนอง แต่อ่านเอาเป็นความรู้ไว้ป้องกันตัว และช่วยคนจึงควร

    มีคนเคยบอกข้าพเจ้าว่า อ่านสามก๊กครบ3รอบนั้นคบไม่ได้เพราะจะมีสติปัญญาเหนือกว่าคนทั่วไป ท่านผู้อ่านสามก๊กทั้งหลายเห็นว่าเป็นอย่างไรวานช่วยอธิบาย (อีกครั้ง) ....


    ซินเจี่ยยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ ย้อนหลัง ทุกท่าน
     
  11. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,572
    ค่าพลัง:
    +4,560
    เข้ามามองต่างมุมคุณซุนวูอีกครั้ง
    สามก๊กของจีน ในเรื่องจริง เก่งสู้มองโกเลียเจงกิสข่านกุ๊บไบข่านไม่ได้
    น่าจะไม่มีใครแต่งของมองโกเลียไว้ เมื่อนั้นดังระดับโลกแน่นอน
    อีกอย่างคนแต่งในรุ่นแรกๆน่าจะตายไปก่อน
    จึงผูกเรื่องให้เล่าปี่กวนอูเตียวหุยและขงเบ้งเป็นเอก
    ทั้งที่ความจริง ก๊กนี้ก็ครองเสฉวนไม่นาน เสฉวนก็แตก แม้แตกเมื่อขงเบ้งตายแล้วก็ตาม แต่ก็ถือว่า ไม่ยั่งยืน
    คนเก่งจริงๆในสามก๊กคือสุมาอี้และตระกูลที่สามารถรวบรวมแผ่นดินได้
    เสียดายคนแต่งประวัติรายละเอียดน้อยไปหน่อย
     
  12. สุมาอี้.

    สุมาอี้. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +47
    สามก๊ก: สุดยอดแหล่งรวมกลยุทธ์การดำรงชีวิตและการทำงาน

    สามก๊ก: สุดยอดแหล่งรวมกลยุทธ์การดำรงชีวิตและการทำงาน

    ถ้าไม่อ่าน ท่านจะต้องใช้เวลากี่ปีจึงจะคิดกลยุทธ์ออกสักเรื่องหนึ่ง
    เมื่อต้นเดือนที่แล้วผมได้รับของขวัญเป็นแผ่นดีวีดีเรื่องสามก๊ก จากอาจารย์สมทรง นักศึกษาปริญญาเอก หลักสูตรพัฒนบูรณาการศาสตร์ ม. อุบลราชธานี ที่ครบทั้งชุด

    ที่จริง ผมก็เคยดูมาแล้วแต่ไม่ครบทุกตอน และยังดูแบบวิ่งตามพยายามเข้าใจเรื่อง เลยไม่ได้มีโอกาสทำความเข้าใจเรื่องในเชิงลึกด้านกลยุทธ์มากนัก แค่ตามเรื่องให้ทันก็ยากพอสมควร
    หลังจากได้แผ่น ดีวีดีมา ด้วยความดีใจผมก็เลยพยายามหาโอกาสดูแบบเนียน ไม่รีบร้อน ย้อนดูได้ในตอนที่น่าสนใจ คำพูดที่สนใจ

    จากการค่อยๆดูแบบ “เนียน” ทำให้ผมเห็นใจผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้มาก ที่แค่นำคำและท่าทางที่สะท้อนกลยุทธ์ในการทำงานมาต่อกัน ก็ต้องทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ยาวถึง ๑๑ แผ่น DVD แผ่นละ ๕ ตอน

    ลองคิดดูซิครับว่าน่าจะมีอย่างน้อยกี่กลยุทธ์ จริงอยู่ว่า จะมีซ้ำกันบ้าง แต่ก็ไม่บ่อยนัก แต่ก็เป็น ร้อยๆ แน่นอน

    ถ้าไม่อ่าน ท่านจะต้องใช้เวลากี่ปีจึงจะคิดกลยุทธ์ออกสักเรื่องหนึ่ง

    ผมจึงขอแนะนำให้ท่านที่มีโอกาสได้ดู หรืออ่านเรื่องนี้อย่างพินิจพิเคราะห์ แล้วท่านจะได้อะไรมากมายเหลือเกิน เช่น

    1.ญาติสนิทกว่ามิตร (อ้วนเสี้ยว)

    2.บุรุษย่อมหลงใหลในนางงาม (เตียวเสี้ยน)

    3.รู้เขารู้เรา สู้ร้อยครั้งชนะร้อยครา (ซุนวู)

    4.ความยิ่งใหญ่ย่อมมีจุดอ่อน (อ้วนเสี้ยว)

    5.กลอุบายเมืองร้าง (ขงเบ้ง)

    6.ขึ้นบนภูดูเสือกัดกัน (โจโฉ)

    7.คนซื่อสัตย์ไปมาชัดเจน (กวนอู)

    8.สุราพาพินาศ (เตียวหุย)

    9.ถ่มน้ำลายรดฟ้า (จิวยี่)

    10.คิดการใหญ่ต้องผูกใจผู้คน (เล่าปี่)

    11.ยุให้เสือกินหมาป่า (โจโฉ)

    12.ไม่มีความสุขใดเท่าชีวิตที่อยู่กับธรรมชาติ(ซุยเป๋ง)

    13.เครือข่ายข้อมูลสู่การสร้างความรู้ และภูมิปัญญา (ขงเบ้ง)

    14.ฯลฯ ผมจึงขอแนะนำอีกครั้งสำหรับคนที่ยังไม่ได้สัมผัสสามก๊กแบบ “เนียน” เพราะ

    มีปราชญ์หลายท่านได้กล่าวไว้ว่า

    “ยังไม่อ่านสามก๊ก อย่าเพิ่งคิดการใหญ่”



    โดย ดร.แสวง รวยสูงเนิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น [​IMG]<table><tbody><tr><td width="10%">
    </td><td class="username" width="25%">
    </td></tr></tbody></table>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2008
  13. สุมาอี้.

    สุมาอี้. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +47
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="95%"> <tbody> <tr> <td valign="top">
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="95%"> <tbody> <tr> <td> <table border="2" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td colspan="2" rowspan="2" bgcolor="#204080" width="100%">
    • วิเคราะห์พิชัยสงครามขงเบ้ง 24 บทและค่ายกลแปดทิศ เหตุใดเกียงอุยที่รับต่อมาจึงไม่อาจใช้เอาชนะศึกได้ <!--MsgIDBody=0-->
    • พิชัยยุทธ์ของแท้หรือเทียม


      เป็นบทวิเคราะห์ที่เกิดขึ้นหลังจากศึกษาและค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับพิชัยยุทธ์ขงเบ้งมาจากแหล่งต่างๆพอสมควร

      ในสามก๊กช่วงท้ายเรื่องนั้น ขงเบ้งได้มอบพิชัยยุทธ์ที่ตนเขียนและเรียบเรียงทั้ง 24 บท ให้เกียงอุยสืบต่อ แต่ผลกลับเป็นว่าเกียงอุยไม่อาจนำเอาพิชัยยุทธ์เหล่านั้นมาใช้เอาชนะศึกวุยก๊กได้เลย ซึ่งจะว่าความสามารถของเกียงอุยไม่ถึงขั้นก็ไม่น่าใช่ เพราะก่อนจะมาอยู่กับขงเบ้งเขาเป็นขุนพลหนุ่มที่เคยอ่านแผนของขงเบ้งขาดและตีกลับอย่างยอดเยี่ยมมาแล้ว

      ในหนังสือบางเล่มเช่นผลงานของเล่า ชวน หัว เคยวิจารณ์เอาไว้ค่อนข้างรุนแรง แต่ก็มีมูลเหตุให้เชื่อถือ ว่าพิชัยยุทธ์ขงเบ้งที่ว่านี่ไม่ใช่ของดีจริง ไม่ก็เป็นสิ่งที่คนรุ่นหลังที่นิยมขงเบ้งนำมาใส่ไว้ภายหลัง แล้วยกให้เป็นชื่อขงเบ้ง

      ด้วยความสงสัยในเรื่องนี้ จึงใช้เวลาหาข้อมูลอยู่นานมาก แน่ละว่าข้อมูลที่เป็นภาษาจีนผมต้องโบกมือลา เพราะอ่านแค่งูๆปลาๆ แต่ในส่วนที่เป็นภาษาไทย เช่นบันทึกเก่าๆที่หายากหลายๆแหล่งก็ทำให้การค้นหานี้พอจะชัดเจนขึ้น และผมยังได้มีโอกาสอ่านตำราพิชัยสงครามหลี่จิ้งซึ่งถือว่าข้อมูลในนั้นได้ช่วยเอาไว้มาก

      จึงขอเอามาเขียนเป็นบทความวิเคราะห์สั้นซะหน่อย เพื่อช่วยให้แนวคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดูเป็นกลางมากขึ้น


      ...................................

      ในจ๊กก๊กหลังจากขงเบ้งขึ้นเป็นมหาอุปราชนั้น ด้านจัดการกองทัพ เขายึดวิธีการฝึกฝนทหารโดยการใช้ค่ายกลที่ตนคิดค้นและปรับปรุงดัดแปลงจากค่ายกลแบบโบราณมาเข้าช่วย ดังนั้นกองทหารของจ๊กก๊กในช่วงที่ขงเบ้งเป็นผู้ฝึกฝนนี้จึงมีความเจนจัดในการศึกและสามารถที่จะสู้กับทหารของวุยที่มีจำนวนมากกว่าได้ ขงเบ้งเองยังได้แต่งและรวบรวมพิชัยสงครามขึ้นมาเพื่อใช้ในการศึกโดยเฉพาะ รวมได้ทั้งหมด 24 บท ซึ่งภายหลังได้ส่งมอบให้เกียงอุยรับไป

      เกี่ยวกับพิชัยยุทธ์ขงเบ้งนี้ เคยมีการวิเคราะห์และวิจารณ์ว่าอาจจะไม่ใช่ผลงานโดยตรงของขงเบ้ง แต่เป็นสิ่งที่คนรุ่นหลังหรือผู้นิยมในขงเบ้งเป็นผู้เรียบเรียงและยกย่องให้ขงเบ้งเป็นผู้แต่ง ตรงจุดนี้ผู้เขียนเคยลองศึกษาค้นคว้าดูในระดับหนึ่ง พบว่าพิชัยยุทธ์ของขงเบ้งโดยเฉพาะในส่วนของค่ายกลและหลักการฝึกทหารนั้นน่าจะเป็นของจริง อาจจะไม่ถึงกับทั้งหมด เพราะมีการนำเอาพิชัยยุทธ์โบราณมาปรับปรุงดัดแปลงเพิ่มเติม แต่ก็นับว่าเป็นผลงานชื่อดังของขงเบ้งเช่นกัน

      เกี่ยวกับข้อมูลและอ้างอิงในส่วนนี้ที่พอจะใช้ได้ก็มาจากคำกล่าวและข้อความในบันทึกพิชัยสงครามหลี่จิ้ง อันเป็นพิชัยสงครามชื่อดังฉบับหนึ่งในสมัยถัง อันเกิดหลังสามก๊กไปหลายร้อยปี หลี่จิ้งนั้นเป็นแม่ทัพในสมัยถังที่ได้รับการยกย่องว่าไร้พ่าย โดยพิชัยยุทธ์เล่มนี้เกิดจากการบันทึกเอาบทสนทนาโต้ตอบระหว่างเขาและหลี่ซื่อหมินหรือฮ่องเต้ถังไท่จงนั่นเอง ตัวถังไท่จงนั้นก็เป็นฮ่องเต้ที่ปรีชาในด้านการศึกอย่างมาก รบชนะศึกมานับไม่ถ้วน โดยในพิชัยยุทธ์ฉบับนี้แบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือบันทึกกการสนทนาการศึกหลังจากที่ถังไท่จงรวมประเทศได้ใหม่ๆ ส่วนที่สองคือช่วงหลังจากที่หลี่จิ้งเป็นแม่ทัพใหญ่และนำกองทัพถังบุกไปเอาชนะชนเผ่า
      ถูเจี๋ยที่นอกด่านได้ อันเป็นแม่ทัพเพียงไม่กี่คนของจีนที่ทำได้แบบนั้นในประวัติศาสตร์

      ในพิชัยสงครามหลี่จิ้งนั้นเป็นการถาม-ตอบระหว่างตัวเขาและถังไท่จงฮ่องเต้ ซึ่งพูดได้ว่าเป็นการถามตอบระหว่างแม่ทัพและฮ่องเต้ที่รบเก่งที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน โดยถังไท่จงมักเป็นผู้ถามถึงหลักการพิชิตศึกและการปฏิบัติของขุนพลและการใช้ทหารเป็นส่วนมาก รวมถึงข้อซักถามถึงการใช้กลยุทธ์ในการศึกต่างๆ และมักจะอ้างถึงเรื่องราวในสามก๊กมาใช้ โดยในคำอธิบายของหลี่จิ้งต่อถังไท่จงนั้น หลายครั้งจะพูดถึงหลักการฝึกทหารและค่ายกลแปดทิศอันเป็นสิ่งที่เขาได้ศึกษามาจากพิชัยสงครามขงเบ้ง ซึ่งเขาได้นำมาปรับปรุงและดัดแปลงให้เข้ากับสภาวะในตอนนั้นอีกที นอกจากนี้ยังมีการตีแผ่ถึงเนื้อความและแนวคิดในตำราเมิ่งเต๋อเซินซูของโจโฉอีกด้วย อันเป็นการแสดงว่าตำราพิชัยสงครามของโจโฉที่ว่ากันว่าถูกเผาไปหมดนั้น แท้จริงยังมีฉบับคัดลอกตกทอดมาอยู่

      ในความเห็นของหลี่จิ้งแม่ทัพไร้พ่ายนั้น พิชัยยุทธ์ของขงเบ้งเน้นที่การฝึกฝน วินัยทหารและการใช้ค่ายกลเป็นหลักใหญ่ หากว่าพิชัยยุทธ์ขงเบ้งเป็นของจริง แสดงว่าตัวขงเบ้งเป็นคนที่ยึดถือในเรื่องระเบียบวินัยสูงมาก และในเรื่องการฝึกทหารนั้น หลี่จิ้งยังเคยกล่าวไว้ในตำรานี้ว่า เขายึดหลักการฝึกทหารและค่ายกลมาจากตำราขงเบ้งเป็นส่วนมาก ส่วนตำราของโจโฉนั้น เมื่อศึกษาอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วพบว่ามีจุดบอดหลายจุด แต่นั่นไม่ใช่เพราะว่าตัวตำราหรือโจโฉผู้เขียนนั้นสู้ขงเบ้งไม่ได้ แต่เพราะในตำราของโจโฉซึ่งเน้นการตีความพิชัยยุทธ์ซุนหวู่นั้นมีลักษณะการเขียนในแนวทางที่หลอกคนอ่านซะมาก เรียกว่าถ้าศึกษาพิชัยยุทธ์โจโฉแบบผิวเผินละก็ เตรียมตัวแพ้ในสงครามได้เลย

      จากการวิเคราะห์ ในเมื่อหลี่จิ้ง ขุนพลรุ่นหลังของราชวงศ์ถังที่เก่งกาจไร้พ่าย ยังใช้พิชัยยุทธ์ขงเบ้งเป็นแบบแผนหลักในการฝึกฝนทหารและสามารถใช้อธิบายหลักการศึกให้ถังไท่จงฟังจนยอมรับได้แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงพอพูดได้ว่าพิชัยยุทธ์ของขงเบ้งเป็นของจริง เพราะถังไท่จงไม่ใช่ฮ่องเต้ธรรมดา แต่เป็นมหาราชที่ได้รับการยอมรับว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จีนและเป็นฮ่องเต้ที่ทำศึกด้วยตนเองเก่งที่สุดคนหนึ่ง

      แต่หากจะถามว่าเหตุใด ในภายหลังตัวของเบ้งหรือกระทั่งเกียงอุยที่รับมอบตำราต่อมาจึงไม่อาจเอาชนะศึกการปราบวุยก๊กได้เลยนั้น คงพอจะอธิบายได้ว่าตัวขงเบ้งที่แท้แล้วเก่งในด้านการจัดการภายในมากกว่าการนำทัพออกศึก หรือไม่ก็ตัวเขาเองนั้นไม่อาจประยุกต์หลักการศึกที่ตนคิดค้นหรือรวบรวมขึ้นมาให้ใช้การได้ดีกว่าแม่ทัพนายทหารที่ผ่านการศึกมาอย่างโชกโชนจริงๆ

      หรือจะพูดว่าขงเบ้งนั้นสมควรเป็นนักการปกครองมากกว่านักการทหารก็ได้

      ......................................................................


      ดังนั้นจากข้อมูลเท่าที่ค้นหามานี้จึงพอจะบอกได้ว่าพิชัยสงครรามขงเบ้งนั้นมีอยู่จริง และเป็นผลงานที่ใช้การได้ ไม่เช่นนั้นหลี่จิ้งคงไม่ใช้เป็นหลักอ้างอิงในการถามตอบพิชัยศึกของตนกับถังไท่จงฮ่องเต้ แต่หลักการของขงเบ้งนี้ อาจจะต้องนำมาปรับประยุกต์ใช้อยู่มากเสียหน่อย ตรงนีก็จะพ้องกับคำของสุมาอี้ที่เคยพูดถึงขงเบ้งว่า ใช้แผนการต่างๆไม่เคยเสี่ยงภัย หรือจะพูดว่าขงเบ้งขาดความพลิกแพลงในการศึกทั้งที่เขาได้ระบุแนวคิดนี้ไว้ในตำราของตนนั่นเอง

      ที่เขียนนี้ไม่ใช่เพื่อบอกว่าขงเบ้งหรือเกียงอุยไร้ฝีมือ เพราะบางทีเรื่องมันอาจจะง่ายกว่านั้น คือเตงงายตัวจริงเก่งกว่าที่เรารับรู้ในนิยายสามก๊กมากก็ได้ เพียงแต่เขียนขึ้นมาเพื่อเป็นอีกมุมมองหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องตำราพิชัยสงครามของขงเบ้งเท่านั้น เพราะจากบทวิเคราะห์ของเล่า ชวน หัว ที่เคยเขียนไว้ในหนังสือเปิดหน้ากากขงเบ้งนั้น พูดราวกับว่าเป็นพิชยัยุทธที่ห่วยแตก

      แต่ข้อมูลที่เล่า ชวน หัว ละเลยไม่ได้กล่าวถึง ทั้งที่เขาเองก็น่าจะรู้ เพราะก็มีการอ้างถึงเรื่องตำราของหลี่จิ้ง นั่นก็คือถ้าตำราของขงเบ้งห่วยจริง หลี่จิ้งก็คงไม่ยกย่องไว้ในตำราของตนเอง หรือมันอาจจะเป็นอย่างที่เล่า ชวน หัว คิด คือคนรุ่นหลังมาแต่งไว้ แล้วยกเป็นเครดิตขงเบ้งก็ได้


      อันนี้ก็แล้วแต่ว่าใครจะเชื่อเช่นไร ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งสิ้น <!--MsgFile=0-->

      จากคุณ : <!--MsgFrom=0-->eagle1000 [​IMG] [​IMG] - [ <!--MsgTime=0-->13 ก.พ. 51 15:34:53 <!--MsgIP=0-->] <!--InformVote=0--> <script language="JavaScript">MsgStatus(Msv[0], 0);</script> [​IMG] [​IMG]


      <!--EcardSend=0--><!--pda content="end"--><!--Begin Console--> <hr align="left" color="#e0e0e0" size="1" width="93%">
      <table border="0" cellpadding="3" cellspacing="0" width="87%"> <tbody> <tr> <td align="center">หน้าหลัก</td> <td align="center">แจ้งลบ</td> <td align="center">bookmark</td> <td align="center">ส่งต่อกระทู้</td> <td align="center">พิมพ์</td> <td align="center">โหวตกระทู้</td> <td align="center">เก็บเข้าคลังกระทู้</td> <td align="center">กระทู้ก่อนหน้า</td> <td align="center">กระทู้ถัดไป</td></tr></tbody></table>​
      <!--End Console-->
    </td></tr></tbody></table></td> <td rowspan="2" bgcolor="#000000" valign="top"> <table bgcolor="#403e68" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td width="10"> </td></tr></tbody></table></td></tr> <tr> <td colspan="2" align="left" bgcolor="#000000"> <table bgcolor="#403e68" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody> <tr> <td width="10"> </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>​
    </td></tr></tbody></table>​
    <!--pda content="begin"--> <hr align="center" color="#f0f0f0" width="90%"> <!--pda content="end"-->
     
  14. Bhuddha3210

    Bhuddha3210 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +312
    เรียนรู้จากสามก๊ก ตอน 1
    คงไม่มีปัญญาอ่านเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...ทั้งหมด อย่าว่าแต่จบเดียวเลย

    เรียนรู้จากสามก๊ก ตอน (1) การสร้างตัวของเล่าปี่
    คอลัมน์ มืออาชีพ

    โดย ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย thaicoon2004@yahoo.com

    ว่ากันว่าใครอ่าน "สามก๊ก" สามจบ คบไม่ได้
    ประโยคนี้แสดงว่าสามก๊กนั้นเป็นหนังสือที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม คนที่อ่านมากถึงสามครั้ง ย่อมซึมซับเพทุบายต่างๆ ไปโดยไม่รู้ตัว
    เพราะตัวละครสำคัญในสามก๊กนั้นมากเล่ห์เพทุบาย
    อ่านมากๆ เข้าก็อาจจะคิดแบบโจโฉเข้าสักวัน
    พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา
    อันนี้ก็เป็นประโยคที่ติดปากเหมือนกัน
    ผมเคยถามผู้บริหารหลายคนว่าชอบตัวละครใดในสามก๊กมากที่สุด
    จำได้ว่าคุณก่อศักดิ์ ไชยรัศมิศักดิ์ ตอบว่า "เล่าปี่"
    นอกจากนั้นแล้ว ผมก็ยังมองนักธุรกิจระดับ tycoon ด้วยว่าเขาเป็นตัวละครใดในสามก๊ก
    กล่าวสำหรับคุณก่อศักดิ์นั้น เมื่อละครที่เขาชอบมากที่สุดคือเล่าปี่ ซึ่งเป็นพระเอกในสามก๊ก ก็เป็นไปได้ว่าเขามองธนินท์ เจียรวนนท์ นายใหญ่ของเขานั้นคือเล่าปี่ ส่วนตัวเขาอาจจะเปรียบเทียบได้กับอะไร ก่อศักดิ์ไม่ยอม แต่ถ้าจะให้เดาอาจเป็น "ขงเบ้ง"
    วันนี้จะเขียนถึงภูมิปัญญาจากสามก๊ก โดยจะหยิบตัวละครทีละตัวจากพงศาวดารจีนเรื่องนี้มาเขียนถึงเชื่อมโยงเข้ากับกลยุทธ์และการจัดการสมัยใหม่ โดยกล่าวถึงตัวละครเล่าปี่
    อาจจะมีคนเขียนถึงเล่าปี่มามาก
    หลายคนถึงกับ "ดูเบา" เพราะในบรรดาเจ้าก๊กทั้งสามนั้น เล่าปี่อาจดูด้อย เมื่อเปรียบเทียบกับโจโฉ และไม่เด่นอะไรมากเมื่อเปรียบเทียบกับซุนกวน แต่ผมกลับมองอีกมุม
    ถามว่าเล่าปี่คือตัวละครที่ผมชอบมากที่สุดใช่ไหม ตอบได้ทันทีเลยว่าไม่ใช่
    ตัวละครที่ผมโปรดปรานมากที่สุดคือขงเบ้ง

    ส่วนตัวละครที่ผมพยายามศึกษานิสัยใจคอมากที่สุดคือ โจโฉ เพราะโจโฉเป็นตัวละครที่สามารถพบเห็นได้ในชีวิตจริงๆ เป็นตัวละครที่คุณผู้อ่านอาจจะพบเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอยู่แล้วก็เป็นได้ ทว่าอาจจะไม่ได้เห็นชัดเจนว่าเป็นโจโฉ เพราะโจโฉเป็นตัวโกง คงไม่มีใครสรรเสริญเยินยอตัวโกงเป็นแน่
    จึงเป็นธรรมดาอยู่เองที่ไม่มีใครแสดงว่าตัวเองเป็นโจโฉ
    แต่ถ้าให้คุณหญิงหมอพรทิพย์ตรวจดีเอ็นเอ จะพบว่าเป็นโจโฉ
    กลับมาที่เล่าปี่
    เล่าปี่เป็นคนที่สร้างตัวเองคนที่ไม่มีอะไรเลย
    ฝรั่งจะเรียกว่า Create Something out of Nothing
    หรือที่เราเรียกจีนโพ้นทะเลที่สร้างธุรกิจยิ่งใหญ่ว่ามีแค่เสื่อผืนหมอนใบเท่านั้น
    คนที่สร้างตัวจากมือเปล่าจนกลายเป็นหนึ่งในสามฮ่องเต้นั้น ไม่เก่งก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
    ที่สำคัญก็คือเล่าปี่ไม่ใช่คนที่ฉลาดปราดเปรื่อง ไม่ว่าจะเชิงบุ๋นหรือเชิงบู๊
    รบก็รบไม่เก่ง
    วางแผนก็ไม่ใช่จุดแข็ง
    เช่นนั้นแล้ว เล่าปี่ขึ้นเป็นใหญ่ได้อย่างไร
    สิ่งที่เล่าปี่มีก็คือ "ภาพลักษณ์ที่ดี" และความเป็นเชื้อพระวงศ์ราชวงศ์ฮั่น ที่แม้จะห่างจากพระเจ้าเหี้ยนเต้เหลือเกิน แต่เล่าปี่ก็รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ได้
    ทว่าไม่ใช่อยู่ดีๆ จะไปประกาศว่าตนเป็นเชื้อพระวงศ์ ถ้าไม่มีคนยอมรับล่ะ ไม่หน้าม้านรึ
    คนเรานั้นหากจะคิดทำการใหญ่ได้ต้อง "สะสมคนเก่ง"
    การที่เล่าปี่ซึ่งเป็นลูกคนทอเสื่อขาย เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับกวนอู เตียวหุย โดยที่มีปณิธานตรงกัน ถือว่าเป็นการมองคนขาด เพราะในเวลานั้นทั้งกวนอู เตียวหุย ก็ยังไม่ได้สร้างวีรกรรมลือลั่นแต่อย่างใด
    เล่าปี่คงมีลักษณะดึงดูดบางประการ ถึงทำให้จูล่ง มาเป็นทหารเอกคู่ใจ
    จุดเด่นของเล่าปี่ก็คือเป็นคนมีภาพลักษณ์
    เล่าปี่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ความเป็นคนโอบอ้อมอารี มีเมตตา และเป็นเชื้อพระวงศ์ (แม้จะปลายแถวก็ตามที) ได้กลายเป็น Positioning ที่แข็งแกร่ง ที่ยากจะหาใครเทียมทานในช่วงเวลานั้น
    แม้เล่าปี่จะมีเชื้อพระวงศ์ แต่ในสภาพความเป็นจริงแล้ว เขาคือลูกชาวบ้าน ที่เรียนหนังสือไม่เก่ง แต่คิดการใหญ่
    ทว่าเล่าปี่สามารถแปลงจุดอ่อนให้เป็นจุดแข็งได้
    การที่เขามาจากลูกชาวบ้านนั้น ทำให้เขารู้ว่าชาวบ้านต้องการผู้ปกครองแบบไหน เขาจะเป็นผู้ปกครองในฝันของชาวบ้าน
    Positioning เช่นนี้ได้ขจรขจายไปแบบปากต่อปาก ไม่เพียงชาวบ้านจะรัก บรรดาผู้มีฝีมือต่างเข้าด้วยกับเล่าปี่ไม่น้อย
    และเป็นเหตุให้ได้ขงเบ้งมาเป็นกุนซือในเวลาต่อมา
    ความที่เล่าปี่เรียนไม่เก่ง ทำให้เขาอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าหาปราชญ์
    การไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์ ทำให้เขาเป็นคนเก็บความรู้สึก ไม่แสดงออกทางใบหน้า
    อย่างไรก็ตาม โจโฉกลับหวาดเกรงเล่าปี่มากที่สุด
    เพราะมองว่าคนอย่างเล่าปี่นั้นคิดการใหญ่ สะสมคนดีมีฝีมือ
    อาจจะเป็นภัยต่อตนในภายภาคหน้าได้

    ----------------------------------------------------

    สามก๊ก ผมได้อ่าน1ครั้งฉบับเจ้าพระยาพระคลังฯ แต่อ่านฉบับวิจารณ์หลายฉบับมาก และ อ่านฉบับ คนขายชาติจบ1จบ ดูและฟังหลายครั้งทีเดียวครับ ได้มุมมองทุกครั้งที่ได้ดูและฟังหรืออ่านจริงๆครับ เวลามีปัญหาในการค้า ธุรกิจ จะเอาหนังสือมาอ่าน ถ้าว่างๆก็ดู จะเข้าใจคนที่เราcontact ได้มากขึ้นจริงๆ เป็นการเรียนรู้ความผิดพลาดได้น้อยลงมาก ยิ่งธุรกิจมีการแข่งขันมากเท่าใด ใครที่ได้เคยอ่านหรือดูสามก๊ก จะคิดถึงสามก๊กขึ้นมาจับใจจริงๆ เพราะมันไม่แตกต่างกันเลย เพียงแต่detail มันเปลี่ยนไปแค่นั้นเอง แต่Contentหลักๆ ยังอยู่ครบหมดจริงๆ ผมคิดว่า ไม่ว่าจะนานแค่ไหน สามก๊กก็ยังมีประโยชน์กับคนทุกยุคทุกสมัย แต่ขึ้นอยู่กับคนที่ศึกษาสามก๊ก ว่าจะadeptมาใช้กับชีวิตจริงได้แค่ไหน บางคนนำมาใช้ได้มากจริงๆเหมือนเพื่อนผม บางคนนำมาใช้ไม่ได้เลยแค่ดูเอาสนุกๆ ของแบบนี้ขึ้นอยู่กับปัญญาคนๆนั้นจริงๆครับ ดีใจที่ช่องไทยPBS นำสามก๊กมาฉายอีก คนรุ่นใหม่ๆจะได้ฉลาดรู้เท่าทันคนมากขึ้น

    ว่างๆผมจะช่วยหาบทความมาร่วมลงด้วยครับ
     
  15. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,174
    ค่าพลัง:
    +7,815

    ที่ไม่แต่งเรื่องเกี่ยวกับเจงกิสข่าน ก็เพราะว่าเขามิใช่ชาวจีน(ชาวฮั่น) ซ้ำยังจัดเป็นชนกลุ่มน้อยที่ด้อยพัฒนาในสายตาชาวจีนครับ แค่จีนเสียเมืองให้พวกเขา ก็นับว่าเสียหน้าอยู่เอาการ
    แต่ถึงจะรบเก่ง และยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็ไมอาจเอาชนะธรรมชาติได้ ดูได้จากครั้งยกทัพบุกณี่ปุ่น ทัพมองโกลถูกพายุพัดกระหน่ำ กองเรืออับปางตั้งแต่ยังไม่ได้ยกไปถึงฝั่งณี่ปุ่นถึงสองครั้งด้วยซ้ำไป จึงเป็นที่มาของ"คามิคาเซ่"(เทพแห่งลม)ที่ปกป้องณี่ปุ่นครับ
     
  16. สุมาอี้.

    สุมาอี้. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +47
    สามก๊ก ฉบับ ไทย PBS


    ไหมเส้นเดียวไม่เป็นด้าย ต้นไม้ต้นเดียวไม่เป็นป่า


    หากใครได้ติดตามความเป็นไปของทีวีสาธารณะ ซึ่งเป็นผลมาจากการผ่าตัด "ทีไอทีวี" ตาม พ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 หน้าตาของทีวีสาธารณะโดยความรับผิดชอบของ "คณะกรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือ ทีพีบีเอส" ภายหลังจาก "ทีไอทีวี" ได้ยุติการออกอากาศเมื่อเที่ยงคืนของวันที่ 14 มกราคม 2551 ทำให้ผมได้ชมรายการสารคดี และรายการดีๆ มากมายหลายเรื่องด้วยกัน


    หนึ่งในนั้นคือภาพยนต์จีน ชุด "สามก๊ก"

    ซึ่งเพิ่งจะออกอากาศเป็นตอนแรกเมื่อวันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยออกอากาศทุกวันในเวลา 22.30 น. อันที่จริงภาพยนต์จีนชุดสามก๊กที่ว่านี้ผมเคยยืมวีดีโอ (สมัยที่ยังมีลักษณะนามเป็น "ม้วน") จากห้องสมุดจอห์น เอฟ. เคเนดี้ ตอนสมัยเรียนปริญญาตรีเมื่อประมาณ 10 ก่อนมาดู ตอนนั้นจำได้ว่าต้องใช้เวลาดูเป็นเวลาแรมเดือน เพราะมีไม่ต่ำกว่า 40 ม้วนวีดีโอ และสมัยคราวที่ผมไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่กรุงเทพฯ ก็พบว่าเขาวางขายเป็นแผนซีดีชุดใหญ่คิดเป็นเงินก็หลายพันบาทครับ



    พูดถึงภาพยนต์จีน ชุด สามก๊ก ทำให้ผมต้องกลับไปค้นหาสมุดจดที่บันทึกเรื่องย่อของสามก๊กไว้เมื่อหลายปีก่อน เป็นบันทึกที่เล่าเรื่องสามก๊กแบบลัดย่อชั่วพริบตา ส่วนแหล่งที่มานั้นจำไม่ได้แล้วครับว่าลอกมาจากไหน ลองอ่านกันดูนะครับ
    "เป็นเวลา 400 ปีที่การปกครองภายใต้ราชวงศ์ฮั่นทำให้จักรวรรดิจีนเจริญรุ่งเรื่อง กระทั่งราชสำนักเสื่อมโทรมขาดผู้สืบทอดราชบัลลังก์ที่เข้มแข็ง ขันทีและเหล่าขุนนางพากันฉ้อฉลโกงชาติ ประชาชนเดือดร้อน เกิดกระแสต่อต้านอำนาจรัฐ กระพือพัดไปทั่วแผ่นดิน ราวกับแม่น้ำเหลืองที่คลุ้มคลั่ง


    ความวุ่นวายใต้ฟ้าในครั้งนั้นมาจากความบัดสีของอำนาจที่ตกอยู่ในกำมือของ 10 ขันทีไร้ศีลธรรม เมื่อหลักบ้านหลักเมืองมีอันต้องฟั่นเฟือนไปประชาชนจึงพากันขบถ ตั้งตนเป็นโจรโพกผ้าเหลือง และเมื่อราชสำนักระดมกำลังปราบปรามกลุ่มกบฏเหล่าขุนศึกจึงมีอำนาจกล้าแข็งขึ้นมาจนปราบปรามโจรโพกผ้าเหลืองลงได้
    ภายหลังจากพระเจ้าเลนเต้สวรรคต โฮจิ๋นกับพระนางโฮเฮา ร่วมมือกันยึดราชบัลลังก์มาให้พระเจ้าเซ่าเต้ เกิดความขัดแย้งกับพระนางตังไทฮอและกลุ่ม 10 ขันที โฮจิ๋นทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วยการเชิญบรรดาขุนศึกจากหัวเมืองให้เข้ามาปราบกลุ่ม 10 ขันทีในพระนคร


    สถานการณ์พลิกผันเกินควบคุม 10 ขันทีชิงลงมือฆ่าโฮจิ๋นเสียก่อน ขณะที่ตั๋งโต๊ะได้นำกองทัพมหาศาลมาถึงพระนครพอดี อยู่ได้ไม่นานตั๋งโต๊ะก็ปลดพระเจ้าเซ่าเต้ออกจากราชบัลลังก์ และสนับสนุนพระเจ้าเหี้ยนเต้ขึ้นแทน จากนั้นจึงตั้งตนเป็นผู้สำเร็จราชการแทน ทำการหยาบช้าตามอำเภอใจ บ้านเมืองไร้ขื่อแป ระบบการปกครองเสียหายยับเยิน
    ข้าราชสำนักที่ภักดีต่อราชวงศ์ฮั่นหลายคนหนีออกไปอยู่ที่อื่น อ้วนเสี้ยวไปรวบรวมกำลังพลอยู่ที่ปุดไฮ พวกที่เหลือแสร้งสวามิภักดิ์ตั๋งโต๊ะ เพื่อหาโอกาสลอบสังหารมัน


    โจโฉอาสาฆ่าตั๋งโต๊ะ แต่ทำการไม่สำเร็จ ต้องหนีกลับภูมิลำเนา ซ่องสุมกองกำลัง จากนั้นจึงออกเทียบเชิญขุนศึกหัวเมืองให้ยกมาร่วมกันปราบตั๋งโต๊ะ กอบกู้ราชบัลลังก์ รวมกันได้ 18 หัวเมือง ให้อ้วนเสี้ยวเป็นแม่ทัพใหญ่ ส่วนโจโฉเป็นเสนาธิการทัพ
    หลังจากเอาชนะตั๋งโต๊ะ โจโฉจึงแยกตัวออกมาตั้งมั่นที่กุนจิ๋ว รวบรวมผู้มีความสามารถทั้งบุ๋น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ กุยแก กุนซือคนสำคัญของโจโฉ) และบู๊ ทำสงครามสยบเหล่าขุนศึกก๊กเล็กก๊กน้อย ทำศึกกับลิฉุย - กุยกี พิทักษ์องค์ฮ่องเต้ ทำศึกกับลิโป้ ทำศึกกับเตียวสิ้ว ทำศึกกับอ้วนสุด และทำศึกใหญ่กับอ้วนเสี้ยว จนกระทั่งสามารถเอาชนะกองทัพอันมหึมาของอ้วนเสี้ยวได้จนได้เป็นใหญ่เหนือขุนศึกทั้งปวง


    เมื่อดินแดนตลอดทั่วภาคเหนือสงบราบคาบลงแล้ว ภารกิจรวมแผ่นดินของโจโฉก็เหลือเพียงภาคใต้ ซึ่งเป็นดินแดนของเล่าเปียวที่เกงจิ๋ว และดินแดนทางทะเลเมืองกังตั๋งของซุนกวน
    แต่แผนการรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียวใต้หล้าของโจโฉกลับต้องมีอุปสรรคเมือโจโฉสูญเสียกุยแกกุนซือคนสำคัญที่ช่วยให้เขาเอาชนะศึกต่างๆ ได้ด้วยความรอบคอบ หนำซ้ำในปีเดียวกันนั้นเอง มังกรหลับก็ได้ตื่นขึ้น เมื่อขงเบ้งได้ตัดสินใจก้าวลงมาจากภูเขาโงลังกั๋ง เพื่อช่วยเล่าปี่ในภารกิจฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่น

    และขงเบ้งนี่เองที่เป็นผู้ทำให้เงื่อนไขของใต้หล้าแปรเปลี่ยนไปเป็น "สามก๊ก"

    โจโฉเป็นใหญ่อยู่ทางภาคเหนือ เรียกว่า "วุยก๊ก" ซุนกวนเป็นใหญ่อยู่ทางภาคใต้ เรียกว่า "งอก๊ก" ส่วนเล่าปีเป็นใหญ่อยู่ทางตะวันตก เรียกว่า "จกก๊ก"
    โจโฉเป็นขวัญใจของเหล่าข้าราชการ เล่าปี่เป็นขวัญใจของชาวบ้าน ส่วนซุนกวนเป็นขวัญใจของพวกพ่อค้าคหบดี
    บุคคลในเรื่องสามก๊กมีทั้งข้อดีและข้อด้อยในตัวเอง ความไม่สมบูรณ์พร้อมของ 3 ผู้นำ ทำให้เกิดความคาดหวังและการถกเถียงกันในหมู่ชาวบ้านและบัณฑิตนั่นเองที่ทำให้เรื่องสามก๊กสนุก เกิดการวิวัฒน์ เป็นนิทาน เป็นบทกวีเป็นบทเพลง เป็นการแสดงงิ้ว และเป็นนิยาย

    กล่าวโดยสรุป
    เนื้อเรื่องของสามก๊กจึงเป็นเรื่องของการแย่งชิงอำนาจกันในหมู่ขุนศึก แต่ละฝ่ายต่อสู้กันจนเหลือเพียง 3 ก๊กของผู้นำ 3 คนที่กินกันไม่ลง ว่ากันว่าเนื้อเรื่องของสามก๊กเป็นของตาย แต่ความรู้สึกของผู้ที่รับรู้เรื่องสามก๊กมีชีวิตเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา และความเคลื่อนไหวนั้นเองที่สะท้อนความเป็นมนุษย์ปุถุชนอันน่าค้นหา"
    ภายหลังจากที่ผมชมภาพยนต์ไปเพียงไม่กี่ตอน ผมก็ได้บันทึกคำพูดคมๆ ของตัวละครในสามก๊กมาได้พอสมควร อ่านแล้วก็ได้แง่คิดการดำเนินชีวิตที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว


    "ไหมเส้นเดียวไม่เป็นด้าย ต้นไม้ต้นเดียวไม่เป็นป่า"

    "นกดีต้องรู้จักเลือกกิ่งไม้เกาะ ลูกน้องที่ดีต้องรู้จักเลือกนาย"

    "พุ้มไม้มีหนามหนา ไม่เหมาะที่หงส์จะอาศัย"

    "นกน้อยหรือจะรู้จิตใจพญาครุฑ"

    "ข้ายอมทำร้ายคนทั้งโลก แต่จะยอมให้ใครทรยศข้าไม่ได้"


    <center> [​IMG]
    </center>
    Pisan Banchusuwan
    มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี

     
  17. สุมาอี้.

    สุมาอี้. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +47
    สามก๊ก ตอนที่19 พี่น้องพร้อมหน้า

    สามก๊ก ตอนที่19 พี่น้องพร้อมหน้า


    [​IMG]


    หลายๆท่านคงสงสัยภาพด้านล่างเหล่านี้ว่าใช่ เตียวหุย กวนอู เล่าปี่ เหมือนภาพด้านบนใช่หรือไม่?


    [​IMG]



    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]



    สมัยก่อนที่ผมศึกษาสามก๊กใหม่ๆก็คิดแบบนั้น แต่มารู้ความจริงทีหลังว่าไม่ใช่ แ้ท้จริงคือ

    " จิวฉอง กวนอู กวนเป๋ง "

    ในภาพยนตร์สามก๊กวันนี้ ถ้าท่านติดตามจะพบท่านจิวฉอง และกวนเป๋ง ว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร

    หลายคนคงสงสัยอีกว่าทำไม ถึงมีรูปสามคน?

    ี้
    ก็เพราะว่า ตอนท่านกวนอูไม่ยอมเข้าด้วยกับซุนกวน ซุนกวนก็เลยตัดสินประหารชีวิตนั้นกวนเป๋งก็โดนด้วย และพอจิวฉองที่ท่านกวนอูให้รักษาด่านเป๊กเสียไว้ทราบข่าวว่าท่านกวนอูโดยซุนกวนประหารแล้ว จิวฉองก็เอาดาบเชือดคอตายตาม

    ชาวจีนจึงยกย่องทั้งสองท่านพร้อมกับท่านกวนอูไปด้วย ว่าเป็นบุคคลที่ซื่อสัตย์ยิ่ง



    ผมมีประวัติคร่าวมาให้อ่านกันครับสำหรับคนอยากรู้เรื่องราวในตอนที่ท่านกวนอูี่รับจิวฉองและกวนเป๋งมาเข้าด้วย


    <center>รับจิวฉองเป็นผู้ถือง้าวมังกรฯ

    </center>
    [​IMG]

    หลังจากที่ท่านกวนอูได้ปกป้องคุ้มกันพี่สะใภ้ ให้รอดพ้นอันตราย ทั้ง 5 ด่านมาได้ กระ ทั่งลุถึงยังภูเขาโงจิวสัน พบฝูงม้าและคนกลุ่มหนึ่ง ในจำนวนนั้นมีชายผู้ทนึ่ง ร่างกายกายาสูงใหญ่ ผิวหน้าดำคล้ำ หนวดเครา หงิกงอขึ้นรกปรกคางจบถึงต่างหู ขี่ม้าถือทวน ท่วงท่าสง่าองอาจ เขาคือ " จิวฉอง" เป็นชาวเมืองกวางสี
    จิวฉองผู้นี้เป็นจอมพลัง สองแขนกายาแข็งแรงมาก สามารถยกของ หนักได้ถึง 1000 ชั่ง ในอดีตเคยเป็นขุนพลแห่งกองโจรโพกผ้าเหลือง ซึ่งต่อมากองโจรพ่ายแพ้เหล่าทหาร จึงแตกกระเจิงแยกไปคนละทิศละท าง ส่วนใหญ่ ระเหเร่ร่อนไปตามยถากรรม
    ตัวจิวฉองเอง ได้ยินกิตติศัพท์อันเลื่องลือระบือไกลของท่านกวนอูมา นานแล้ว คราวนี้ได้พบเข้าจริง ๆ ความรู้สึกมีทั้งดีใจ ทั้งพรั่นพรึงหวาดเกรง จึงรีบลงจากหลังม้าทรุดตัวลงคำนับ พร้อมกับแจ้งว่า
    "ข้าน้อยได้ยินชื่อเสียงอันเกรึยงไกรของท่านขุนพลมาช้านาน ไม่นึกเลยว่าจะมีบุญวาสนาได้พบจริง ๆ วันนี้ หากท่านขุนพลไม่รังเกียจ ที่ข้าน้อยต่ำต้อยด้อยค่า ข้าน้อยขอน้อมอาสาเป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ จงรัก ภ้กดี จะขอติดตามท่านขุนพลไปทุกหนทุกแห่ง แม้ตายก็ไม่หวั่น"
    ท่านกวนอูเห็นท่าทีอันสัตย์ซื่อและวาจาที่จริงใจ จึงรับไว้เป็นผู้ติดตาม โดยมอบหมายให้เป็นนายทหารคนสนิท มีหน้าที่ถือง้าวมังกร ซึ่งหนักถึง 82 ชั่ง ตั้งแต่บัดนั้น.


    รับกวนเป๋งเป็นลูกบุญธรรม

    ระหว่างการเดินทางจะไปพบเล่าปี่พี่ชายร่วมสาบาน ท่านกวนอูได้หยุดพักที่บ้านหลังหนึ่ง ชายชราเจ้าของบ้านชื่อ กวนติ้ง พอทราบข่าวว่าท่านกวนอูจะมาขออาศัยพักค้างคืน จึงรีบถ่อไม้เท้ายันกายออกมาต้อนรับถีงหน้าลานบ้าน
    ผู้เฒ่ากวนติ้ง มีบุตรชาย 2 คน คนโตชื่อ กวนหนิง มีนิสัยชอบเล่าเรียนเขียนอ่าน ส่วนน้องชื่อ กวนเป๋ง กลับมีนิสัยชอบการต่อสู้ผู้เฒ่าเจ้าของบ้านจึงเรียกลูกชายทั้งสองให้เข้ามากราบคำนับท่านกวนอูพร้อมกับกล่าวขี้นว่า

    "ข้าพเจ้าคิดอยู่เสมอว่าอยากให้กวนเป๋งลูกชายคนเล็ก ซึ่งชอบการต่อสู้ ได้มีโอกาสติดตามรับใช้ท่านขุนพล ไม่ทราบว่าท่านขุนพลจะกรุณาเห็นเป็นประการใด "

    ท่านกวนอูจึงถามว่า "ปีนี้กวนเป๋งอายุเท่าไหร่ ?"
    กวนติ้งผู้เป็นบิดาตอบว่า " ๑๘ ปีเต็มพอดี"
    ท่านกวนอูจึงกล่าวว่า
    " ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว ในเมื่อท่านผู้เฒ่ามีความตั้งใจเช่นนี้ ประกอบกับตัวข้าไม่มีลูก ข้าก็จะรับกวนเป๋งไว้เป็นลูกบุญธรรมก็แล้วกัน"
    กวนเป๋งได้ยินดังนั้นรู้สึกดีใจเป็นล้นพ้น รีบเข้าไปก้มกราบคารวะท่านกวนอู พร้อมกับเรียกขาน "ท่านพ่อ" อย่างสนิทใจ

    จากนั้น กวนเป๋งได้ติดตามท่านกวนอูไปตามหาเล่าปี่ เมื่อได้พบกันแล้วจึงหวนกลับมาหาเตียวหุย ดังนั้น สามสิงห์พี่น้องจึงได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง

    http://thai.mindcyber.com/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=225&page=4
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2008
  18. สุมาอี้.

    สุมาอี้. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +47
    คำคมสามก๊ก ตอนที่13 อวสานลิโป้


    มัดเสือก็ต้องมัดให้แน่น - โจโฉกล่าวแก่ลิโป้

    ลิโป้แม้ปัญญาน้อยแต่ก็ไม่เจ้าเล่ห์คดโกงแบบท่าน - ตันก๋งกล่าวแก่โจโฉ

    ท่านไม่เห็นตัวอย่าง เต็งหงวน ตั๋งโต๊ะ เหรอ - เล่าปี่กล่าวแก่โจโฉหลังจากโจโฉถามเรื่องจัดการลิโป้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กุมภาพันธ์ 2008
  19. สุมาอี้.

    สุมาอี้. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +47
    คำคมสามก๊ก ตอนที่14 เล่าปี่โจโฉวิจารณ์วีรบุรุษ


    คนที่เหมาะจะเป็นวีรบุรุษ จะต้องคิดการใหญ่ มีแผนกลยุทธ์ ต้องมีสติปัญญาเยี่ยม มีปณิธาณที่ยิ่งใหญ่ - โจโฉกล่าวแก่เล่าปี่

    นายท่านยังไม่ได้ฆ่าเล่าปี่ เพราะท่านมองการณ์ไกล แต่ครั้งนี้ท่านก็ไม่ควรจะปล่อยไป โบราณว่าปล่อยศัตรูวันเดียว ภัยร้อยชาติ - กุยแกกล่าวแก่โจโฉ

    เราเหมือนนกถูกขังกรง ปลาติดแห พอดิ้นหลุดก็เหมือนนกคืนฟ้า ปลาคืนทะเล ไม่ถูกกักขังบังคับอีกแล้ว - เล่าปี่กล่าวกับเตียวหุยตอนหนีจากโจโฉ

    อ้วนเสี้ยวแม้จะมีกองทัพใหญ่แต่ก็ปกครองอย่างไร้ระเบียบ เตียนห้องหยาบช้าดื้อดึง ส่วนเขาฮิวก็โลภมาก สิมโพยไร้เล่ห์อุบาย ฮ่องกี๋ก็ดีแต่พูด คนเหล่านั้นต่างขัดแย้งไม่ถูกกัน ต้องแตกแยกแน่นอน ทั้งอ้วนเสี้ยวก็ขาดความเด็ดเดี่ยว แม้มีกองทัพใหญ่ก็ไม่น่ากลัว -ซุนฮกวิเคราะห์ทัพอ้วนเสี้ยวให้โจโฉฟัง

    เมื่อฝ่ายบุ๋นดี ก็ต้องมีฝ่ายบู้ดี ประกาศนี้ีแม้้เขียนดี แต่เสียดาย..อ้วนเสี้ยวทำศึกไม่เป็น 555 - โจโฉกล่าวกับทหาร หลังจากหายปวดหัวเืมื่อได้ฟังประกาศทำศึกจากทัพอ้วนเสี้ยว

    ข้าให้พวกท่านใช้ธงของข้ายกทัพไปซีจิ๋ว เพื่อเป็นกลลวงหลอกล่อข้าศึก ท่านทั้งสองให้ตั้งค่ายอยู่ซีจิ๋วไม่ออกรบ รอเมื่อข้าทำลายอ้วนเสี้ยวแล้ว ให้รวมพลทำลายเล่าปี่ - โจโฉชี้แจงแผนทำศึกกับเล่าต้าย อองต๋ง แม้ทัพหน้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2008
  20. สุมาอี้.

    สุมาอี้. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +47
    คำคมสามก๊ก ตอนที่16 กวนอูทำสัญญาสามข้อ

    ตัวท่านก็เป็นบัณฑิตคงรู้ธรรมเนียมดี ฮ่องเต้จะเสวยยา อำมาตย์ก็ต้องชิมก่อน พ่อป่วยจะกินยา ลูกก็ต้องชิมก่อน ท่านเป็นคนใกล้ชิดข้าเหตุใดจึงไม่ชิมยาเสียก่อน - โจโฉกล่าวกับหมอเกียดเป๋ง

    ูกวนอูมีฝีมือร้ายกาจ จำเป็นต้องใช้กลอุบาย ท่านจงใช้ทหารเล่าปี่ที่ย้อมแพ้แสร้งปนที่แห้ฝืืออ้างว่าหลบหนีมาได้ ให้พวกนี้ซุ่มก่อการในเมืองและล่อกวนอูออกรบ ข้าจะแกล้งยอมแพ้ให้กวนอูไล่ติดตาม และจากนั้นให้ตัดทางถอยกลับเข้าเมือง ถึงตอนนั้นข้าจะลองไปเกลี่ยกล่อมดู - เตียวเลี้ยวเสนออุบายให้กวนอูเข้าด้วยกับโจโฉ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2008

แชร์หน้านี้

Loading...