อยากรู้ว่านิวรณ์๕ประการของแต่ละท่านคิดว่าตัวไหนที่ตัดยากที่สุด

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธนานุวัตร, 11 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. ธนานุวัตร

    ธนานุวัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +968
    (tm-love)
    ๑.กามฉันทะ ความพอใจใน รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส อันเป็นวิสัยของกามารมณ์
    ๒.พยาบาท ความผูกโกรธ จองล้างจองผลาญ
    ๓.ถีนมิทธะ ความง่วงเหงาหาวนอน ในขณะเจริญสมณธรรม
    ๔.อุทธัจจกุกกุจจะ ความคิดฟุ้งซ่าน และความรำคาญหงุดหงิดใจ
    ๕.วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในผลของการปฏิบัติ ไม่แน่ใจว่าจะมีผลจริงตามที่คิดไว้หรือไม่เพียงใด
    ของผมขอยกให้ข้อ ๓ กับข้อ ๔ ครับ ไปไม่ค่อยได้ไกลเพราะ ๒ข้อนี้แหละ
     
  2. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,979
    ค่าพลัง:
    +3,259
    ยากส์ทุกตัวครับ ถ้าคิดจะถอน เพราะมันเป็นของคู่กายสังขาร
    เมื่อเรายังมีกายอยู่อย่างไรแล้ว นิวรณ์เหล่านี้ก็ต้องมี ตรงกาม
    นั้นต้องเข้าใจไปในความพอใจ ในการสัมผัสด้วยอยาตนะต่างๆ
    ด้วย ไม่ใช่แค่เรื่อง sex อย่างเดียว เช่น เวลาเราจะนั่งสมาธิ
    เอาละ จะหาที่นั่งนุ่มๆ ที่ไม่ทำให้เจ็บปวดมาก อันนี้ ติดกามละ
    เพราะกว่าจะนั่งลง ก็เสียเวลาไปพักใหญ่

    นิวรณ์จึงเป็นเรื่องที่ไม่ใช่การตัด แต่ให้ระลึกรู้ว่ามีหรือไม่ แล้วก็
    จัดการไปตามแต่ปัจจัย เช่น ต้องการนั่งสมาธิ คราวนี้ถ้าต้องการ
    นุ่มๆ เอาละ ไปนั่งบนเตียงฝูก อันนี้คราวหน้าก็ต้องข่มนิวรณ์กัน
    เล็กน้อย แทนที่จะนั่งบนฝูก ก็หากระดานเสีย ก็จะช่วยข่มนิวรณ์ได้
    ทำให้วันหลัง ถ้าเกิดอยากนั่งสมาธิขึ้นมา ที่ไหนก็นั่งได้ วัดไหนจัด
    ที่นั่งใหอย่างไรก็นั่งได้ เป็นต้น
     
  3. prapaisri

    prapaisri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +151
    ยากทุกข้อ ยากเป็นพิเศษคิดว่าข้อ 4 ค่ะ
     
  4. นายจั๊บ

    นายจั๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    419
    ค่าพลัง:
    +1,109
    ผมก็ว่าข้อ 4นะครับ เพราะจิตเรามันถูกปรุงแต่งไว้นานนมแล้วน่ะครับ
     
  5. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    เห็นด้วยกับเพื่อนๆ ข้อความฟุ้งซ่านนี่ต้องตัดเป็นตัวสุดท้ายเสมอๆ
    .................................................................
    อนุโมทนา สาธุๆ ครับ
     
  6. pom980095

    pom980095 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2008
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +181
    สำหรับดิฉันเอง ข้อ4 มีมากสักหน่อย ถ้าช่วงใหนติดละครก็มี ข้อ1 มากหน่อย
    ปกติไม่ดูทีวีค่ะ เพราะจะทำกรรมฐาน ส่วนข้ออื่นมันเป็นตอนเริ่มทำกรรมฐานใหม่ๆ ตอนนี้ไม่ค่อยมีแล้ว
     
  7. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ๔.อุทธัจจกุกกุจจะ ตัวนี้มาออกฤทธิ์ออกเดชอยู่บ่อยๆและถี่มาก เผลอสติเป็นเสียท่าทุกที
    ตัวอื่นๆ มาเป็นครั้งคราว
    แต่ก็ไม่ท้อ สู้กันต่อไป
    ขออนุโมทนากับทุกท่านที่เห็นนิวรณ์ ครับ
     
  8. lonely_pkw

    lonely_pkw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +333
    1กับ5แฮะ
    ส่วนข้อ 1 อย่างที่คุณ เอกวีร์ ว่าไว้ คือไม่ได้หมายความว่าผมจะติดอยู่กับ sex แต่มันเป็นความพอใจในรูป รส กลิ่น เสียงต่างรวมอยู่ด้วย

    อนุโมทนาครับ
     
  9. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    ถ้าเปรียบเทียบตามหลักสังโยชน์แล้ว

    วิจิกิจฉา พระโสดาบันก็ละได้แล้ว

    ส่วนกามฉันทะกับพยาบาท พระอนาคามีจะละได้

    มีแต่อุทธัจจะนั้น ที่ต้องเป็นพระอรหันต์แล้วจึงละได้ครับ

    ปล.ส่วนถีนมิทธะนั้นคาดว่าถ้าเป็นพระโสดาบันก็น่าจะละได้แล้วเช่นกัน เพราะพระโสดาบันเป็นผู้ตกกระแสธรรม เป็นผู้ไม่ถอยกลับอีกแล้ว
     
  10. อาคันตุกะนิรนาม

    อาคันตุกะนิรนาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +1,469
    ทุกข้อเลยครับ...
     
  11. Sukato

    Sukato Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +35
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">ยากทุกข้อครับ แต่ขอให้รู้เวลาที่นิวรณ์มันเกิด บ่อยๆ แล้วเดี๋ยวเราก็จะจำสภาวะการเกิดของนิวรณ์แต่ละตัวได้ โมทนาสาธุ ครับ
    </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    895
    ค่าพลัง:
    +1,936
    ขอนำข้อความจากกระทู้ http://larndham.net/index.php?showtopic=29224&st=0
    มาให้อ่าน เพราะเห็นเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกัน และอธิบายได้ชัดเจน
    -------------------------------------------------------

    กำจัดตัวการที่ทำให้ขาดสติ

    ขั้นแรกของการฝึกมีสติอยู่กับสภาวธรรม

    ถ้าผ่านการฝึกสติมาถึงขั้นนี้ เราจะเริ่มเห็นรำไรว่าตัวเองมีสิทธิ์ทำลายอุปาทานในกายใจได้แน่ เพราะกายใจถูกถอดแยกทีละชิ้นเหมือนปอกกาบกล้วยทีละกาบ จนเกือบจะเห็นอยู่รอมร่อว่าแก่นแท้หามีสิ่งใดไม่ นอกเสียจากความว่างเปล่า หาตัวตนเป็นชิ้นเป็นอันให้จับต้องไม่ได้เลย

    เมื่อจวนเจียนจะรู้ความจริง กำลังใจและความกระตือรือร้นย่อมต้องเกิดขึ้น และคำถามสำคัญที่มักอยู่ในใจนักเจริญสติช่วงนี้ก็คือ ทำอย่างไรจะมีสติได้ตลอดเวลา?

    การขาดสติไม่ได้หมายถึงแค่ตอนเหม่อลอยหรือแส่ส่ายคิดโน่นคิดนี่เรื่อยเปื่อย ยังมีคลื่นรบกวนสติอีกหลายชนิดซึ่งเราควรทำความรู้จักและเข้าใจวิธีจัดการให้ดี ไม่ควรเลี้ยงไว้เป็นตัวถ่วงความเจริญเปล่าๆ การมุ่งมั่นกำจัดอุปสรรคในการเจริญสติ จะเป็นตัวพิสูจน์ว่าที่เราทำมาทั้งหมดนั้นเอาจริงหรือแค่ทำเล่นๆ

    อุปสรรคสำคัญของการเจริญสติได้แก่

    ๑) ความติดใจในกาม

    ความติดใจในกามเกิดจากรสชาติน่ายินดี ชวนให้อยากเอาอีก ความรู้สึกถวิลหาไม่เลิกนั่นแหละฟ้องว่าติดใจในกาม และตราบใดที่ยังติดใจในกาม ตราบนั้นย่อมมิใช่วิสัยที่จะรู้สึกว่ากายไม่น่ายินดี กายไม่เที่ยง กายไม่ใช่เรา อย่างไรก็ต้องสำคัญมั่นหมายว่ากายน่ายินดี กายเที่ยง กายคือตัวเรา

    ความติดใจในกามเกิดจากการตรึกนึกถึงกาม ดังนั้นถ้าเริ่มตรึกนึกถึงกามแล้วรู้ว่าตรึกนึกถึงกาม สติที่ขาดไปก็จะคืนกลับมา ไม่ตรึกนึกถึงกามต่อ และจะเห็นอีกด้วยว่าความติดใจในกามหายไป ก็เหลือแต่ความว่าง ความแห้งสะอาดจากกาม เหมือนขึ้นจากหนองน้ำสกปรกเสียได้

    แต่หากกำลังของสติยังอ่อน ความติดใจในกามยังไม่หายไป ก็ต้องอาศัยคู่ปรับของความติดใจในกาม นั่นคือการระลึกถึงกายโดยความเป็นของสกปรก ไล่จากผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ไปจนกระทั่งของโสโครกเน่าเหม็นที่อยู่ข้างใน ดังที่เคยผ่านมาแล้วเมื่อฝึกมีสติอยู่กับกาย

    ๒) ความผูกใจเจ็บ

    ความผูกใจเจ็บเกิดจากการกระทบกระทั่งน่าขัดเคือง ชวนให้อยากเอาคืน ความรู้สึกขึ้งเคียดไม่เลิกนั่นแหละตัวฟ้องว่าเราผูกใจเจ็บอยู่ และตราบใดที่ยังผูกใจเจ็บ ตราบนั้นย่อมมิใช่วิสัยที่จะรู้ตามจริงว่าความทุกข์เป็นสิ่งน่าอึดอัด ความทุกข์ไม่เที่ยง ความทุกข์ไม่ใช่เรา อย่างไรก็ต้องสำคัญมั่นหมายว่าความทุกข์เป็นของตั้งมั่นแกะไม่หลุด ความทุกข์คือตัวเรา

    ถ้าเริ่มผูกใจเจ็บแล้วรู้ว่าผูกใจเจ็บ สติที่ขาดไปก็จะคืนกลับมา ไม่ตรึกนึกถึงเรื่องน่าขัดเคืองต่อ และจะเห็นอีกด้วยว่าหลังจากอาการผูกใจเจ็บหายไป ก็เหลือแต่ความว่าง ความโปร่งสบายหายหนัก หายเจ็บใจ เหมือนตอนหายป่วยแล้วกลับมีกำลังวังชาสดใสกันใหม่

    แต่หากกำลังของสติยังอ่อน ความตรึกนึกถึงเรื่องน่าขัดเคืองไม่หายไป ก็ต้องอาศัยคู่ปรับของความผูกใจเจ็บ นั่นคือการแผ่เมตตา เริ่มต้นด้วยการทำความรู้สึกตัวตามจริง เห็นว่าผูกใจแล้วใจตัวเองนั่นแหละที่อึดอัดคัดแน่น หรือกระทั่งเร่าร้อนทรมาน หากหายจากโรคทางใจพรรณนี้เสียได้ค่อยโล่งกายโล่งใจหน่อย

    วิธีหายจากโรคพยาบาทก็คือใช้ยาชื่อว่า ‘อภัย’ อันไม่อาจซื้อหาจากไหน ต้องปรุงด้วยใจ ซึ่งก็แค่เห็นเข้ามาที่จิตให้ได้ ดูว่าเพียงวูบหนึ่งของการคิดอภัย จิตจะคลายออกจากอาการยึด เปลี่ยนจากแน่นหนักคับแคบ เป็นโปร่งเบาและเปิดกว้างเหมือนคลี่ม่านดำเผยฟ้าใส เมื่อสภาพจิตที่โปร่งโล่งปรากฏขึ้น สิ่งที่ตามมาเป็นธรรมดาคือความปรารถนาสันติสุขแก่ทุกฝ่าย ทั้งเราทั้งเขา

    เมื่อเห็นธรรมชาติของการเกิดความรู้สึกดีๆเช่นนั้น ก็ให้ใส่ใจอยู่กับรสสุขของภาวะแห่งจิตไปเรื่อยๆ เพียงเท่านี้ก็ได้ชื่อว่าอยู่ในอาการแผ่เมตตาแล้ว

    ๓) ความง่วงเหงาซึมเซา

    ความง่วงเหงาซึมเซาเกิดจากความเกียจคร้าน ความมัวเมาในรสอาหาร และการตั้งจิตไว้กับความรู้สึกหดหู่ ขอให้ทราบว่าความง่วงเหงาซึมเซาในที่นี้แตกต่างจากความง่วงเพราะเพลียที่ทำงานมาอย่างหนักและต้องการการพักผ่อนบ้าง ความง่วงเหงาซึมเซาในที่นี้เจืออยู่ด้วยความขี้เกียจ ยังไม่ถึงเวลาพักก็อยากพัก ยังไม่ถึงเวลานอนก็อยากนอน สำหรับนักเจริญสติย่อมเห็นเป็นหมอกมัวเคลือบคลุมจิต ให้เจริญสติท่ามกลางหมอกมัวแน่นทึบย่อมมิใช่วิสัย

    ถ้าเริ่มซึมเซาแล้วรู้ว่าซึมเซา สติที่ขาดไปก็จะคืนกลับมา ไม่ซึมเซาต่อ และจะเห็นอีกด้วยว่าหลังจากความซึมเซาหายไป จะกลายเป็นสดชื่นกระปรี้กระเปร่า แม้เมื่อเซื่องซึมอีกก็รู้ได้อีก ยิ่งสั่งสมความเคยชินที่จะรู้มากขึ้นเท่าไร ก็จะกลับสดชื่นได้มากและรวดเร็วขึ้นเท่านั้น

    แต่หากกำลังของสติยังอ่อน ความซึมเซาไม่หายไป ก็ต้องอาศัยคู่ปรับของความซึมเซา นั่นคือคิดเร่งความเพียร อาจจะเดินจงกรมเร็วๆ ออกกำลังกายหนักๆ เคลื่อนไหวกระทำกิจในชีวิตประจำวันด้วยความทะมัดทะแมง ขอเพียงดึงจิตออกมาจากความแช่จมหมกตัวนิ่งได้ ก็นับว่าดีทั้งนั้น

    ๔) ความฟุ้งซ่านรำคาญใจ

    ความฟุ้งซ่านรำคาญใจเกิดจากความไม่สงบของจิต กล่าวคือถ้ามีเรื่องรบกวนจิต หรือเป็นผู้ไม่ชอบใจในความผาสุกสงบทางใจ ก็โน้มเอียงที่จะดิ้นรนซัดส่ายไปได้เรื่อย

    ถ้าเริ่มฟุ้งซ่านแล้วรู้ว่าฟุ้งซ่าน สติที่ขาดไปก็จะคืนกลับมา ไม่ฟุ้งซ่านต่อ และจะเห็นอีกด้วยว่าหลังจากความฟุ้งซ่านหายไป จะกลายเป็นสงบวิเวก เมื่อฟุ้งอีกก็พร้อมจะรู้ว่าฟุ้งอีก โดยไม่กระจัดกระจายเป็นขี้เถ้าถูกเป่าดังเคย

    แต่หากกำลังของสติยังอ่อน ความฟุ้งซ่านไม่หายไป ก็ต้องอาศัยคู่ปรับของความฟุ้งซ่าน นั่นคือความสงบแห่งจิต ซึ่งก็ต้องอาศัยทั้งสิ่งแวดล้อมที่เบาบางจากความวุ่นวาย การเลือกเสพสมาคมกับผู้มีจิตอันระงับจากความเร่าร้อน สวดมนต์ให้เสียงอันเป็นมงคลจากปากดังกลบเสียงอัปมงคลในหัว ตลอดจนปิดตาทำความรู้สึกถึงสายลมหายใจที่ลากยาว แช่มช้า เป็นต้น

    ๕) ความลังเลสงสัย

    ความลังเลสงสัยในที่นี้มุ่งเอาแง่ของการไม่ปลงใจในการเจริญสติ และเหตุที่สงสัยก็เพราะไม่ใส่ใจโดยแยบคาย เช่น คาใจในวิธีปฏิบัติและผลการปฏิบัติ ไม่แน่ใจว่าที่ตัวเองทำอยู่ถูกหรือผิด ได้ผลอย่างหนึ่งแล้วจะต้องทำเช่นใดต่อไป

    ถ้าเริ่มสงสัยแล้วรู้ว่าสงสัย สติที่ขาดไปก็จะคืนกลับมา ไม่สงสัยต่อ และจะเห็นอีกด้วยว่าหลังจากความสงสัยหายไป จะกลายเป็นความเชื่อมั่น เมื่อสงสัยอีกก็พร้อมจะรู้ว่าสงสัยอีก โดยไม่ไขว้เขวไปไหนไกล

    แต่หากกำลังของสติยังอ่อน ความสงสัยไม่หายไป ก็ต้องอาศัยคู่ปรับของความสงสัย นั่นคือการทำความเข้าใจให้กระจ่าง ซึ่งก็อาจต้องอาศัยครูบาอาจารย์หรือตำรับตำราช่วย การด้นเดาหรือเสี่ยงผิดเสี่ยงถูกทั้งไม่แน่ใจ รังแต่จะก่อผลเสียไปเรื่อยๆในระยะยาวได้

    เมื่อทำความรู้จักและสามารถเท่าทันบรรดาตัวการที่ทำให้สติขาด เราก็จะเป็นผู้มีสติอยู่เสมอ แม้ไม่ถึงขนาดทุกวินาทีตลอด ๒๔ ชั่วโมง ก็สมควรเรียกว่าเป็นผู้ขวนขวายเจริญสติทั้งวัน มีสติอยู่เกือบตลอดเวลาแล้ว
     
  13. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,562
    ค่าพลัง:
    +2,128
    ขอเสนอวิธีเอาชนะข้อ 1 2 อย่างนี้ครับ
    การที่เราจะหนีจากสิ่งไหนนั้นไม่ไช่ไห้เราหนีต้องเข้าใจตรงนี้นะ นึกถึงความเป็นจริง เมื่อคุณหนี เมื่อไรคุณจึงจะชนะ
    ทีนี้ถ้าไม่ไห้หนีแล้วไห้ทำยังไง
    คือไห้คอยตามดูตามรู้ อย่างรูป รส กลิ่น เสียง
    เมื่อมันมา ไห้เรามีสติ รู้ไห้ทัน ว่า มันมาแล้ว และใช้สติ ดูมันเช่น รูปมาสวยจัง
    สวยแล้วยังไง สวยจริงหรือ หน้า ทำไมขาว ขนตา ทำไมงามงอน ผมทำไมเป็นลอนๆ ปากทำไมแดงสวย ทั้งหมดที่เห็นเป็นของจริงหรือไม่ คนที่ยังไม่เข้าใจต้องตอบว่ามันของจริงแน่นอน แต่คนที่ปฎิบัติถึงระดับหนึ่งจะเข้าใจ

    ขอยกตัวอย่างคำของพระพุทธเจ้าที่ตรัสกับหญิง ที่มาชอบพระอานน ถ้าจำไม่ผิดนะ น่าจะพระอานน . . .
    พระพุทธเจ้าตรัสแบบนี้ว่า ดูก่อนน้องหญิง ร่างกายนี้เปรียบเหมือนเรือน
    ซึ่งสร้างด้วยโครงกระดูก มีหนังและเลือดเป็นเครื่องฉาบทา
    ที่มองเห็นเปร่งปรั่งผุดผาด เป็นเพียงผิวหนัง เหมือนมองเห็นความงามของหีบศพ แม้นภายนอกจะวิจิตรตระการตาเพียงใด แต่หาความน่าพอใจยินดีไม่
    เพราะทราบชัดว่า ภายในแห่งหีบอันสวยงามนั้น มีสิ่งปฏิกูลพึงรักเกียจ
    ....
    ข้อ2ก็เหมือนกัน ๒.พยาบาท ความผูกโกรธ จองล้างจองผลาญ
    ใช้วิธีเดียวกันได้ คือสติคอยรู้พิจารณา อย่าหนี หนีไม่ชนะ
    เมื่อเรามีสติรู้แล้ว อารมณ์ในข้อ2นี้ มันก็จะเบาลงไปเองโดยอัตโนมัติครับ

    4-5ไว้วันหลังละกัน
     
  14. ธนานุวัตร

    ธนานุวัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +968
    ขออนุโมทนาทุกความคิดเห็นนะครับ จะได้นำคำแนะนำไปปฏิบัติ แต่ส่วนใหญ่จะเผลอไปกับนิวรณ์ข้อ ๔ ซะก่อนทำให้สติที่จะคอยดูจิตมันเลือนไปซะก่อน ยังไงก็จะคอยดูเรื่อยๆครับ
     
  15. koymoo

    koymoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    2,068
    ค่าพลัง:
    +7,066
    ๓.ถีนมิทธะ ความง่วงเหงาหาวนอน ในขณะเจริญสมณธรรม
    ๔.อุทธัจจกุกกุจจะ ความคิดฟุ้งซ่าน และความรำคาญหงุดหงิดใจ
    สำหรับก้อยก็คิดว่า อันดับหนึ่งคือ ความง่วงนอน อันดับสองคือ ความฟุ้งซ่านค่ะ โมทนา
     
  16. กังขา ณ ปลาย

    กังขา ณ ปลาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +1,763
    สังโยชน์เบื้องสูง 5 ข้อสุดท้าย ที่พระอรหันต์ต้องตัด

    เป็นอุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ
    คือ รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ และอวิชชา

    ถ้าพิจารณาว่า ต้องตัดโดยพร้อมกัน
    จะสงเคราะห์ให้อยู่ใน กามฉันทะ อุทธัจจะ วิจิกิจฉา อย่างละเอียดได้หรือเปล่า?
    (พระอาจารย์มั่น : กามมี 2 ชั้น ไม่ใช่ชั้นเดียว ที่พระอนาคามีละได้นั้น เป็นส่วนกำหนัดในเมถุน ซึ่งเป็นคู่กับพยาบาท ส่วนความยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับเมถุน จึงเป็นสังโยชน์เบื้องบน คือรูปราคะ ส่วนความยินดีในนามขันธ์ทั้ง 4 หรือสมถวิปัสสนาหรือมรรคผลชั้นต้นๆ เหล่านี้ ชื่อว่าอรูปราคะ ซึ่งตรงกับความยินดีในธัมมารมณ์)

    แต่ถ้าหากคิดเอาว่า ตัดอวิชชา เป็นตัวสุดท้าย (น่าจะมีน้ำหนักว่าประการแรก)
    จะสงเคราะห์ว่าเป็น วิจิกิจฉา โดยละเอียด ได้หรือเปล่า ???


    ในอารมณ์ฌาน
    เรื่องนิวรณ์ กับ สังโยชน์นี่ สังโยชน์คงละเอียดกว่ามาก




    สำหรับดิฉัน สมัยก่อนเป็นอุทธัจจะ ชอบคิดแบบไม่หลับไม่นอนเอาเลย
    ตอนนี้ตัวถีนมิทธะ โหดสุดค่ะ หลับได้ทุกที่ทุกเวลา
    ถ้ามีตัวขี้เกียจด้วย ก็ตัวนี้แหละ อีกตัว (deejai)



    ^-^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2008
  17. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    [​IMG]

    ธมฺมกาโม ภวํ โหติ</SPAN>
    ผู้ฝักใฝ่ในธรรมเป็นผู้เจริญ
    ธมฺมเทสฺสิ ปราภโว

    ผู้ชังธรรม เป็นผู้เสื่อม
    นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ

    สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี.

    ................................................
    อนุโมทนาครับ สาธุ ๆ ๆ
     
  18. sunseat

    sunseat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2007
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +195
    ของผมข้อ 5 อ่ะครับ
    ๕.วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในผลของการปฏิบัติ ไม่แน่ใจว่าจะมีผลจริงตามที่คิดไว้หรือไม่เพียงใด
    เพราะส่วนใหญ่คนเราจะหวังผลการปฏิบัติไม่มากก็น้อย
     
  19. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,562
    ค่าพลัง:
    +2,128
    วันนี้ผมนั่งนึกมา1วัน ว่าตัวไหนนะตัดยากที่สุด
    ตอบตามตรงแบบนี้นะครับว่า ไม่รู้สึกว่ามันยากเลยครับ
    เพราะ ผม ไม่ได้อยากตัดมันเลยมันเฉยๆ
    ไม่ได้เล่นคำอะไรนะครับ แต่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
    คือไม่ได้อยากตัดเลย เพราะมันลดลงไปเองทีแรกก็นึกถึงข้อ3แต่
    ผมทำแบบนี้ ง่วงก็นอนสิไม่ฝืน
    ทนไม่ได้ก็ไม่ทน ผมอาจจะปฏิบัติหย่อนยานไปหน่อยมั๊งคับ 5 5
     
  20. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,810
    ค่าพลัง:
    +18,982
    แต่ละคนไม่เหมือนกันครับ

    สำหรับผมเป็นคนวิตกจริตนี่จะไปติด ข้อ ลังเลสงสัย..
     

แชร์หน้านี้

Loading...