ชมพูทวีปคือ ดินแดนสุวรรณภูมิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย paramitra, 21 กรกฎาคม 2005.

  1. PalmPlamnaraks

    PalmPlamnaraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2005
    โพสต์:
    766
    ค่าพลัง:
    +5,790
    เรื่องนี้ไม่ใช่วิสัยที่เราจะมาถกเถียงกันให้เสียเวลา โปรดน้อมเอาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติจะดีกว่า เถียงกันไปก็ไม่พ้นเวียนว่ายตายเกิด ถ้าไม่ละกิเลส
     
  2. Supernova

    Supernova เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +2,488
    เท่าที่คุ้นๆเคยอ่านเจอในพระไตรปิฎก ชมพูทวีปคือโลกมนุษย์ไม่ใช่หรือครับ ซึ่งอยุ่ทางใต้เขาอะไรซักอย่างและพระพุทธองค์ว่ามนุษย์ทางนี้รูปหน้าเป็นรูปไข่ครับ(ก็มนุษย์โลกนิครับ) และมีโลกที่เหมือนกับชมพูทวีปที่อยู่รอบทิศของเขานี้รูปหน้าลักษณ์ต่างกันมากๆอยู่ในจักรวาลเดียวกันจำได้ว่ามี 4 โลกครับ ผู้ที่มีความรู้จริงอธิบายเถอะครับ
     
  3. chanin

    chanin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2005
    โพสต์:
    675
    ค่าพลัง:
    +1,331
    คุณ supernova บอกว่า

    เท่าที่คุ้นๆเคยอ่านเจอในพระไตรปิฎก ชมพูทวีปคือโลกมนุษย์ไม่ใช่หรือครับ ซึ่งอยุ่ทางใต้เขาอะไรซักอย่างและพระพุทธองค์ว่ามนุษย์ทางนี้รูปหน้าเป็นรูปไข่ครับ(ก็มนุษย์โลกนิครับ) และมีโลกที่เหมือนกับชมพูทวีปที่อยู่รอบทิศของเขานี้รูปหน้าลักษณ์ต่างกันมากๆอยู่ในจักรวาลเดียวกันจำได้ว่ามี 4 โลกครับ ผู้ที่มีความรู้จริงอธิบายเถอะครับ

    ขอตอบว่า
    ชมพูทวีป เป็นชื่อที่คนทั่วไปในสมัยโบราณเรียก อินเดีย อันมีความหมายถึงทวีปต้นหว้า หรือทวีปที่มีสัณฐานดั่งต้น หว้า ในปัจจุบันได้แก่ประเทศทั้ง ๔ คือ อินเดีย ปากีสถาน เนปาล และบังคลาเทศ บางช่วงที่กษัตริย์อินเดียเรืองอำนาจ อัฟกานิสถานก็ถูกผนวกเข้ามาด้วย ดังเช่นสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชหรือพระเจ้ากนิษกะ พระเจ้าหรรษวรรธนะ เป็นต้น ชมพูทวีปอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของไทย แต่คำว่าชมพูทวีป กลับไม่เป็นที่รู้จักในอินเดียมากนัก ยกเว้นนักการศึกษาเท่านั้น พวกเขาจะรู้จัก คำว่า ภารตะมากกว่าเพราะเป็นชื่อที่มาจากท้าวภารตะ ปฐมวงศ์แห่งราชวงศ์ปาณฑปจากเรื่องมหาภารตะ ความจริงคำที่เรียกชื่ออินเดีย มีหลายชื่อ เช่น ภารตะ ฮินดูสถานสินธุสถาน อินเดีย คำว่า "อินเดีย" เพี้ยนมาจากคำว่า สินธุ (Sindhu) อันเป็นชื่อแม่น้ำสำคัญทางภาคเหนือของอินเดีย ชาวเปอร์เซียพูดเพี้ยนเป็นอินดู ชาวฮอลันดา เรีกอินดัส และอังกฤษเรียกอินเดียตามลำดับ อากาศของชมพูทวีปมีตั้งแต่หนาวที่สุดในเขตเหนือ โดยเฉพาะเทือกเขาหิมาลัย จนถึงแห้งแล้งที่สุด ในเขตทราย รัฐราชสถาน ดังนั้นแต่ละภาคจึงมีอากาศไม่เท่ากัน ด้วยความที่ใหญ่โต จนกล่าวได้ว่าเป็นทวีปเล็ก ๆ (Subcontinent) ทวีปหนึ่ง อินเดียเป็นประเทศที่เคยเจริญรุ่งเรืองมายาวนาน เทียบเคียงได้กับอีหยิปต์และจีนหลักฐานทางราณคดีที่ค้นพบมีหลายแห่งเช่น ซากโบราณสถานเมืองโมเหนโจ ตาโร ที่แคว้นสินธุ และมหัปปะที่แคว้นปัญจาปในปากีสถาน ซึ่งมีอายุเก่าแก่ราว ๓,๕๐๐ ปีก่อนพุทธกาล

    ชมพูทวีปยุคก่อนและยุคพุทธกาลแบ่งแคว้นออกเป็น ๑๖ แคว้นใหญ่ ๆ ตามที่ปรากฏในอุบาลีอุโบสถสูตร ติกนิบาต อังคุตตรนิกาย คือ

    ๑.อังคะ ๒.มคธะ ๓. กาสี ๔.โกศละ ๕.วัชชี ๖.มัลละ ๗.เจตี ๘.วังสะ ๙.กุรุ ๑๐.ปัญจาละ ๑๑.มัจฉะ ๑๒.สุรเสนะ ๑๓.อัสสกะ ๑๔.อวันตี ๑๕.คันธาระ ๑๖.กัมโพชะ และมีแคว้นเล็กๆ อีก ๕ แคว้นคือ สักกะ โกลิยะ ภัคคะ วิเทหะ และอังคุตตราปะ

    แคว้นพระบิดาของพระพุทธองค์ก็อยู่ในแคว้นเล็ก ๆ นี่อาณาจักรเหล่านี้ปกครองในระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์คือพระราชามีอำนาจเด็ดขาดบ้าง ระบบสามัคคีธรรม คือมีสภาเป็นที่ปรึกษาบ้าง ระบบประชาธิปไตยบ้าง แต่ส่วนมากจะเป็นระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ด้วยเหตุที่พุทธศาสนาถือกำเนิดในแผ่นดินอินเดีย จึงควรจะได้ศึกษาภูมิหลังของอินเดียในยุคก่อนการกำเนิดของพุทธศาสนาพอสังเขป ดังนี้

    ชนชาติที่เชื่อกันว่า เป็นชนชาติดั่งเดิมของอินเดียคือ เผ่าซานโตล (Santole) มุนดา (Mundas) โกลาเรีย (Kolaria) ตูเรเนียน (Turanians) ดราวิเดียน (Dravidians) คนพวกนี้เป็นพวกผิวดำจำพวกหนึ่ง ปัจจุบันพวกเขายังพอหลงเหลืออยู่ที่รัฐพิหาร และเบงกอลของอินเดีย



    <!-- / message -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. เงาตะวัน

    เงาตะวัน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +36
    สงสัยมานานแล้วครับ ทำไมพระพุทธเจ้าต้องจุติลงมาที่ชมพูทวีป ทำไมไม่มีพระพุทธเจ้าที่ยุโรป อเมริกา หรือทำไมพระพุทธเจ้าไม่เกิดเป็นฝรั่งบ้าง (จากที่เห็นพระนามของแต่ละองค์ ออกไปทางแนว อินเดีย เนปาลตลอด) ทำไมไม่มีพระปีเตอร์ พระเดวิด บ้าง (สงสัยจริงๆ ไม่ได้ลบหลู่นะครับ หากข้อความของข้าพเจ้าส่อไปในทางไม่เหมาะสมก็ขอขมาไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ)
     
  5. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    ผมเชื่อว่า ชมพูทวีป คือ โลกมนุษย์ทั้งใบครับ
    ถ้าจะให้อิงตามพุทธพจน์ในพระไตรปิฏก

    ผมลองค้นหา พระไตรปิฏก ไม่พบพุทธพจน์ ที่เกี่ยวกับว่า ชมพูทวีป เจาะจงเฉพาะ ประเทศอินเดียในปัจจุบัน

    ส่วน ความเชื่อที่ว่า ชมพูทวีปคือ เฉพาะ แถบอินเดียนั้น คนสมัยก่อนเขาเอาเข้าใจกันเอง

    แล้วนักวิชาการรุ่นต่อมาก็จำสืบทอดกันมาเรื่อยๆ เขียนเป็นหนังสือและลงในพจนานุกรมต่างๆ

    ชมพูทวีป คือ ทุกประเทศในโลกรวมกัน ไทย พม่า อินเดีย อังกฤษ อเมริกา

    **********************************************************************************
    ความหมายของ คำว่าทวีปของพระพุทธเจ้า จะไม่เท่ากันกับคำว่า ทวีป ของโลกเราปัจจุบน

    ทราบได้จากตอนพระพุทธเจ้าแบ่ง สิ่งมีชีวิตในจักรวาลออกเป็นโลกต่างๆ

    ความหมายทวีปของพระพุทธเจ้า
    คือ 1 ดวงดาวที่มีสิ่งมีชวิตอยู่ ขอบเขตจักรวาลที่เราอยู่

    ความหมายทวีปของมนุษย์ปัจจับุน
    คือ กลุ่มของแต่ละประเทศบนโลก เช่น ทวีป ยุโรป ทวีป เอเซีย


    พระพุทธเจ้าแบ่งไว้ว่า ทวีป
    มีอยู่ 4 ทวีปใหญ่ๆ

    1. มีโลกเรา คือ ชมพูทวีป - ต้นหว้าหรือต้นชมพู่หรือชมพู
    *** ที่ได้ชื่อว่า ชมพูทวีปเพราะว่าชื่อตามต้นไม้

    อีก3ทวีป หรือ3ดวงดาว คือ ดวงดาวของมนุษย์ต่างดาว

    2. อุตตรกุรุ-ทวีป - ต้นกระทุ่ม
    3. อมรโคยานทวีป - ต้นกัลปพฤกษ์
    4.บุพพวิเทหทวีป - ต้นซีก

    **********************************
    ต้นไม้ชมพูหรือต้นหว้าไม่มีอยยู๋บนโลกเราแบบมองได้ด้วยตาเนือ้ เป็นต้นไม้ทิพย์
    ซึ่งมีขนาดใหญ่มากกกกกกกกกก


    ต้นหว้าใหญ่
    ตระหง่านสูง ๑๐๐ โยชน์ กิ่งยาว ๕๐ โยชน์ ลำต้นกลม ๑๕ โยชน์

    ลำต้นกลม ๑๕ โยชน์ = 60 กิโลเมตร
    ๑ โยชน์ = ๔ กิโลเมตร


    ต้นไม้ เมื่อ 2พันกว่า กว่าปี มี ลำต้นกลมขนาด 60 กิโลเมตรไหม
    ใหญ่มากกกกกกกกกกก มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์บนโลกไหม ?

    ตอบว่าไม่มีซากอะไรเลย

    นี่คือ นี่คือต้นไม้ทิพย์
     
  6. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    <TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#111111 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=644 border=0><TBODY><TR><TD width=560>

    **** ให้สังเกตุการแบ่ง ขนาดของโลกต่างๆของพระพุทธเจ้า
    จะเห้นว่าชมพูทวีปเป็นดวงดาวดวงหนึ่ง จะไม่ไช่เฉพาะกลุ่มประเทศ****





    พ. ดูกรอานนท์ นั้นเป็นสาวก ส่วนพระตถาคตนับไม่ถ้วน ท่านพระอานนท์ ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคแม้เป็นครั้งที่ ๓ ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับฟังมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่าดูกรอานนท์ สาวกของพระสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งมีนามว่า อภิภู สถิตอยู่ในพรหมโลก ทำให้พันแห่งโลกธาตุรู้แจ้งได้ด้วยเสียง พระเจ้าข้า ส่วนพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเล่า ทรงสามารถที่จะทำโลกธาตุเท่าไรให้รู้แจ้งได้ด้วยพระสุรเสียง ฯ

    </PRE>




    พ. ดูกรอานนท์ เธอได้ฟังเรื่องพันโลกธาตุ เพียงเล็กน้อย ฯ อา. ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าแต่พระสุคต บัดนี้เป็นกาลเวลาแห่งเทศนาที่พระองค์จะพึงตรัส ภิกษุทั้งหลายได้สดับธรรมเทศนาของพระผู้มีพระภาคแล้ว จักทรงจำไว้ ฯ

    </PRE>




    พ. ดูกรอานนท์ ถ้าอย่างนั้น เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าวท่านพระอานนท์ทูลรับสนองพระผู้มีพระภาคแล้ว



    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรอานนท์

    จักรวาลหนึ่งมีกำหนดเท่ากับโอกาสที่พระจันทร์พระอาทิตย์โคจร ทั่วทิศสว่างไสวรุ่งโรจน์ โลกมีอยู่พันจักรวาลก่อน ในโลกพันจักรวาลนั้น มีพระจันทร์พันดวง มีอาทิตย์พันดวง มีขุนเขาสิเนรุพันหนึ่ง มีชมพูทวีปพันหนึ่ง มีอปรโคยานทวีปพันหนึ่ง มีอุตตรกุรุทวีปพันหนึ่ง มีปุพพวิเทหทวีปพันหนึ่ง มีมหาสมุทรสี่พัน มีท้าวมหาราชสี่พัน มีเทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นดาวดึงส์พันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นยามาพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นดุสิตพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นนิมมานรดีพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นปรนิมมิตวสวัสตีพันหนึ่ง มีพรหมโลกพันหนึ่ง ดูกรอานนท์ นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างเล็กมีพันจักรวาล โลกคูณโดยส่วนพันแห่งโลกธาตุ อย่างกลางมีล้านจักรวาลนั้น นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล ดูกรอานนท์ตถาคตมุ่งหมายอยู่ พึงทำโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาลให้รู้แจ้งได้ด้วยเสียง หรือทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่มุ่งหมาย ฯ

    </PRE>




    อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระผู้มีพระภาคพึงทำโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล ให้รู้แจ้งด้วยพระสุรเสียง หรือทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่พระองค์ทรงมุ่งหมายอย่างไร ฯ

    </PRE>




    พ. ดูกรอานนท์ พระตถาคตในโลกนี้ พึงแผ่รัศมีไปทั่วโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล เมื่อใด หมู่สัตว์พึงจำแสงสว่างนั้นได้ เมื่อนั้นพระตถาคตพึงเปล่ง

    </PRE></TD><TD vAlign=top width=100>



    </TD></TR></TBODY></TABLE><!--</p>
    <table width='90 %' border=0 cellpadding=0><tr><td> พ. ดูกรอานนท์ นั้นเป็นสาวก ส่วนพระตถาคตนับไม่ถ้วน ท่านพระอานนท์ ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคแม้เป็นครั้งที่ ๓ ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับฟังมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่าดูกรอานนท์ สาวกของพระสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งมีนามว่า อภิภู สถิตอยู่ในพรหมโลก ทำให้พันแห่งโลกธาตุรู้แจ้งได้ด้วยเสียง พระเจ้าข้า ส่วนพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเล่า ทรงสามารถที่จะทำโลกธาตุเท่าไรให้รู้แจ้งได้ด้วยพระสุรเสียง ฯ พ. ดูกรอานนท์ เธอได้ฟังเรื่องพันโลกธาตุ เพียงเล็กน้อย ฯ อา. ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าแต่พระสุคต บัดนี้เป็นกาลเวลาแห่งเทศนาที่พระองค์จะพึงตรัส ภิกษุทั้งหลายได้สดับธรรมเทศนาของพระผู้มีพระภาคแล้ว จักทรงจำไว้ ฯ พ. ดูกรอานนท์ ถ้าอย่างนั้น เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าวท่านพระอานนท์ทูลรับสนองพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรอานนท์ จักรวาลหนึ่งมีกำหนดเท่ากับโอกาสที่พระจันทร์พระอาทิตย์โคจร ทั่วทิศสว่างไสวรุ่งโรจน์ โลกมีอยู่พันจักรวาลก่อน ในโลกพันจักรวาลนั้น มีพระจันทร์พันดวง มีอาทิตย์พันดวง มีขุนเขาสิเนรุพันหนึ่ง มีชมพูทวีปพันหนึ่ง มีอปรโคยานทวีปพันหนึ่ง มีอุตตรกุรุทวีปพันหนึ่ง มีปุพพวิเทหทวีปพันหนึ่ง มีมหาสมุทรสี่พัน มีท้าวมหาราชสี่พัน มีเทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นดาวดึงส์พันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นยามาพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นดุสิตพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นนิมมานรดีพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นปรนิมมิตวสวัสตีพันหนึ่ง มีพรหมโลกพันหนึ่ง ดูกรอานนท์ นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างเล็กมีพันจักรวาล โลกคูณโดยส่วนพันแห่งโลกธาตุ อย่างกลางมีล้านจักรวาลนั้น นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล ดูกรอานนท์ตถาคตมุ่งหมายอยู่ พึงทำโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาลให้รู้แจ้งได้ด้วยเสียง หรือทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่มุ่งหมาย ฯ อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระผู้มีพระภาคพึงทำโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล ให้รู้แจ้งด้วยพระสุรเสียง หรือทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่พระองค์ทรงมุ่งหมายอย่างไร ฯ พ. ดูกรอานนท์ พระตถาคตในโลกนี้ พึงแผ่รัศมีไปทั่วโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล เมื่อใด หมู่สัตว์พึงจำแสงสว่างนั้นได้ เมื่อนั้นพระตถาคตพึงเปล่ง[คำวิจารณ์][โหวต] </font></td></tr><tr><td></td></tr><tr><td>>> </td></tr></table>​
    <hr noshade color="#CCCCCC" align="right" width="60%" size="1"> -->
    <CENTER><TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#111111 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=644 border=0><TBODY><TR><TD width=644 colSpan=2><HR color=#ebebeb noShade SIZE=1></TD></TR><TR><TD width=560>




    พระสุรเสียงให้สัตว์เหล่านั้นได้ยิน พระตถาคตพึงทำให้โลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาลให้รู้แจ้งได้ด้วยพระสุรเสียง หรือพึงทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่พระองค์ทรงมุ่งหมาย ด้วยอาการเช่นนี้แล ฯ

    </PRE>




    เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสดังนี้แล้ว ท่านพระอานนท์ ได้กราบทูลว่า เป็นลาภของข้าพระองค์หนอ ข้าพระองค์ได้ดีแล้วหนอที่ข้าพระองค์มีพระศาสดาผู้มีฤทธิ์มีอานุภาพมากอย่างนี้ เมื่อท่านพระอานนท์กราบทูลอย่างนี้แล้ว ท่านพระอุทายีได้กล่าวกะท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์ ในข้อนี้ท่านจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าศาสดาของท่านมีฤทธิ์ มีอานุภาพมากอย่างนี้ เมื่อท่านพระอุทายีกล่าวอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะท่านพระอุทายีว่า ดูกรอุทายี เธออย่าได้กล่าวอย่างนี้ ถ้าอานนท์ยังไม่หมดราคะเช่นนี้ พึงทำกาละไป เธอพึงเป็นเจ้าแห่งเทวดาในหมู่เทวดา ๗ ครั้งพึงเป็นเจ้าจักพรรดิในชมพูทวีปนี้แหละ ๗ ครั้ง เพราะจิตที่เลื่อมใสนั้น ดูกรอุทายีก็แต่ว่าอานนท์จักปรินิพพานในอัตภาพนี้เอง ฯ จบอานันทวรรคที่ ๓

    </PRE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
     
  7. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    ผมก็เคยสังสัยมาก่อน
    อย่างเช่น พระพุทธเจ้า ระลึกชาติเมื่อหลายพันปีที่แล้วมา
    ทำไมชื่อคน ต่างๆ หลายพันล้านปีที่แล้ว จึงเป็นชื่อบาลี แล้วการเกิดแต่ละชาติ ชื่อจะเป็นบาลีตลอดเลย

    ที่ผมคิดคือ

    ภาษาจะต่างกันออกไป
    ไม่ใช่ชื่อเป็นบาลี ที่ พระพุทธเจ้า เอามาบอกเรา คือ พระองค์ แปลความหมายชื่อ ของภาษาเมื่อหลายล้านปี
    ออกมาเป็นความหมายแล้ว แล้วแปลเป็น ภาษาปัจจุบันเพื่อให้คนเข้าใจ


    คุณชื่อ เงาตะวัน
    ถ้าพระพุทธเจ้าเกิดเป็นฝรั่ง แล้วเผยแผ่พุทธศาสนา
    พระองค์ก็จะแปลความหมายของชื่อคุณออกมา แล้วก็เรียกชื่อ คุณ ว่า นาย SHADOW
     
  8. ป้ามา

    ป้ามา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +5
    หากอ่านมาก ศึกษามากจริงๆ จะเห็นว่ามีอะไรบางอย่างที่ขัดแย้งกันอยู่จริงๆ
    ข้อสรุป ตามตำราประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา ในปัจจุบัน กล่าวว่า
    ชมพูทวีป คืออินเดีย เนปาล
    ชมพูทวีปที่กล่าวกันในยุคนี้ หมายความถึงเรื่องราว สถานที่ต่างๆ ตามพระไตรปิฎก
    (คนละบริบทกันกับที่เวบ สโนว์กล่าว ซึ่งถ้าไม่อยากเหนื่อยติดตามศาสตร์ทางโลก เชื่ออย่างนี้ก็ดีแล้ว พอแล้ว : ))
    แต่เอกสารโบราณ จะไม่ได้ระบุว่า ชมพูทวีปคืออินเดียหรือเนปาลใดๆ
    บางแห่งก็ระบุว่า ชมพูทวีปคือ ไทย พม่า มอญ ลาว (หาข้อมูลเพิ่มได้ที่เวปที่เจ้าของกระทู้โพสไว้)
    อย่าง อาณาจักรกัมโพช คือที่ไหน ลองไปหาดูว่า มติต่างกันอย่างไร
    อาณาจักรโยนกคือที่ไหน ลองไปหาดูว่า มติต่างกันอย่างไร
    ตำราปัจจุบัน บอกว่า อยู่แถวๆ ต่างประเทศโน่น
    แต่เอกสารโบราณบอกว่า โยนก ก็คือโยนกเรานี่แหละ ภาคเหนือของไทยเรานี่แล
    อย่างสุวรรณภูมินี่ แต่ก่อนเขามีมติกันว่าอยู่โน่นนนน แถวอินเดียใต้อะไรโน่น

    บางคน (นักวิชาการเคร่งๆ) บอกว่า เอกสารโบราณเชื่อไม่ได้
    แต่ดิฉันเอง เห็นว่า ในหลายๆ ครั้ง เอกสารที่ว่าโบราณนี่แหละ ก็ถูกนำไปอ้างอิงจากคนเหล่านั้นเสียเอง

    ถามว่า บ้านเรานี่ เก่าพอที่จะมีอารยธรรมยาวนานร่วมยุคสมัย กับพระพุทธเจ้าไหม
    ตำรากลางเก่ากลางใหม่บอกว่า เราไม่เก่าพอถึงเพียงนั้น
    แต่การศึกษาและวิจัยในปัจจุบัน ยิ่งค้นพบว่า บ้านเรานี่ ยิ่งค้นไปก็ยิ่งเก่า
    หักล้างข้อมูลเก่าๆ เช่นการค้นพบบ้านเชียง ค้นพบ ทุ่งกุลาอาณาจักรเกลือ
    แอ่งอารยธรรมโคราช ฯลฯ ซึ่งยังไม่ได้มีการชำระประวัติศาสตร์กันใหม่แต่อย่างใด
    อันที่จริง ประเด็นสำคัญ มันอยู่ตรงที่ว่า ความจริงทางโลกนี่ มันไม่แน่นอนจริงๆ
    100 ปีผ่านไป สิ่งที่เคยเชื่อ เคยเผยแพร่กันมาว่าถูกต้องอย่างนี้ๆ ก็มีอันกลายเป็นผิดไปเสียแล้ว

    เฮ้อ... สิ่งที่จริงแท้แน่นอน เป็นอกาลิโก คุณๆ ก็รู้กันอยู่แล้ว ว่าคือสิ่งใด

    แต่ตามประสาผู้ที่ยังรักสนุกอยู่อย่างดิฉัน (หมายถึงสนุกกับการติดตามข้อมูลด้านประวัติศาสตร์-โบราณคดีน่ะ)
    ก็คงต้องติดตามกันต่อไป ว่าหวยจะออกอะไร : )
     
  9. ป้ามา

    ป้ามา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +5
    ขอเพิ่มอีกนิด
    มีข้อมูลอีกมากมายที่ *ลง* กันไม่ได้ เช่น เรื่องการนับปีพ.ศ., การนับครั้งสังคยานา, ความมีตัวตนจริงของพระโอรส - ธิดา ของพระเจ้าอโศก
    คือมันมี ชุดของเหตุผล ที่แต่ละฝ่ายนำมาใช้อ้างอิงอยู่
    เช่นหากเราเชื่อว่า โยนก และกัมโพช อยู่แถวๆ บ้านเรานี่เอง
    อาณาจักรมคธก็ต้องขยับตามไปด้วย อาจเป็นแถวพม่า เหนือ อีสาน ของไทย
    ไม่ใช่ที่อินเดีย-เนปาล เพราะฝ่ายที่บอกว่า แคว้นมคธอยู่อินเดีย-เนปาลนั้น
    เขาไม่ได้เชื่อว่า กัมโพช, โยนก หรือสุวรรณภูมิ อยู่ที่นี่!
    อย่างพระพุทธโฆษาจารย์ ที่รจนาวิสุทธิมรรค เขาเขียนกันว่าเป็นชาวอินเดีย
    (ตามฝ่ายที่ว่า ชมพูทวีป อยู่อินเดีย)
    แต่ทราบหรือไม่ว่า มีข้อมูลที่ต่างออไปอีก คือบ้างว่าท่านเป็นชาวพม่า อยู่ที่พม่า
    บ้างว่าเป็นชาวมอญ แม้กระทั่งชาวไทย

    ล่าสุดนี้ ดิฉันเพิ่งได้อ่านพบในหนังสือของหลวงพ่อฤาษีลิงดำว่า
    ท่านอยู่เมือง สะเทิม คือเมืองมอญ อยู่ในพม่าปัจจุบัน

    อะไรแบบนี้เป็นต้น ที่แสดงให้เห็นว่า ประวัติศาสตร์ที่ออกข้อสอบ
    กับประวัติศาสตร์ที่แปรเปลี่ยนไปตามความเชื่อ การค้นพบของยุคสมัยนั้น
    อาจจะไม่ใช่สิ่งเดียวกันก็ได้
     
  10. ผไท

    ผไท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +257
    ดินแดนชมพูทวีป ตามที่ผมเข้าใจน่าจะเป็นดินแดนของโลกมนุษย์ของเรานะครับ เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า พระองค์เคยตรัสไว้ว่ามีมนุษย์อยู่ ๔ ทวีป แต่อีก ๓ ทวีป จิตจะสูงกว่ามนุษย์ในโลกของเรามาก และกายจะละเอียดกว่า ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าของมนุษย์ นอกจากผู้ทรงฌานจะสามารถมองเห็นได้ด้วยอำนาจของจิตที่ฝึกมาดีแล้ว ผมเข้าใจอย่างนั้นนะครับ
     
  11. pbij

    pbij สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +19
    ไม่เห็นด้วย

    ผมคิดว่าจะไม่ออกความเห็นแล้วแต่ก็อดไม่ได้
    ผมอ่านบทความแล้วผมรู้สึกว่าผู้เขียนจงใจจะหาข้อผิดพลาดของประวัติศาสตร์
    และเอามาบิดเบือนตามความคิดของตนเอง โดยไม่มองให้กว้างถึงข้อผิดพลาด
    ของทฤษฏีของตนเอง
    1. ผู้เขียนเชื่อได้อย่างไรว่าพระไตรปิฏกที่ถูกแปลไม่ได้ถูกบิดเบือน ตามความเป็นจริง เป็นไปได้ยากมากที่ข้อมูลที่มีปริมาณมากกว่าหมื่นกว่าหน้ากระดาษ A4 จะผ่านเวลามาถึงสองพันห้าร้อยกว่าปีโดยไม่ได้มีการบิดเบือน
    2.ลัทธิต่างๆที่กล่าวถึงในพระไตรปิฏกทำไมถึงยังมีและยังอยู่ในอินเดียและไม่มีในแถบภูมิภาคนี้เลย
    3.เป็นไปไม่ได้ที่เวลาผ่านไปถึงสองพันหกร้อยปีแล้วจะให้ประเพณีและวัฒนธรรมรวมทั้งวิถีชีวิตของคนที่ปรากฏในพระไตรปิฏกเหมือนเดิมโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งผู้เขียนเองก็ไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต วัฒนธรรม และความเป็นอยู่ของคนอินเดียในสมัยนั้นอย่างดีพอ
    4.เป็นการศึกษาที่ก้าวกระโดดเกินไป ตามหลักการต้องเริ่มจากการพิสูจน์ว่าเป็นไปได้แค่ไหนที่เรื่องราวในพระไตรปิฏกจะเกิดขึ้นในประเทศอินเดีย จากนั้นจึงมาชั่งน้ำหนักถึงเรื่องที่เป็นไปได้และเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ จากนั้นจึงมาประเมินต่อว่าเรื่องที่เป็นไปได้นั้นเป็นเรื่องราวจริงตามพระไตรปิฏกฉบับดั้งเดิม(พระไตรปิฏกฉบับภาษามคธที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่จะหาได้)โดยไม่ได้ถูกบิดเบือนหรือเปล่าและเรื่องที่เป็นไปไม่ได้นั้นเป็นเรื่องราวจริงตามพระไตรปิฏกฉบับดั้งเดิมโดยไม่ได้ถูกบิดเบือนหรือเปล่า จากนั้นก็ต้องมาดูอีกว่าวิถีชีวิตและวัฒนธรรมและประเพณีของคนอินเดียเมื่อสองพันหกร้อยปีที่แล้วเป็นอย่างไรมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างมากน้อยแค่ไหน
    ... ขี้เกียจพิมพ์แล้วเพราะขี้เกียจคิดต่อ
    5.เวลาสองพันหกร้อยปีเกิดการเปลี่ยนแปลงทางภาษามากน้อยแค่ไหน
    6.ความหมายนัยประหวัดที่มีในพระไตรปิฏกจริงๆแล้วน่าจะหมายถึงอะไร อย่างเช่นนาคพิภพ พูดตรงๆ นะอินเดียเค้าเรียกงูว่า naja แล้วไทยเราอุตริไปเปลี่ยนเป็นพญานาคไปซะ นาคพิภพเค้าอาจจะหมายถึงเมืองที่มีงูเยอะก็ได้ อาจจะไม่ได้หมายถึงเมืองชายทะเล
    7. รอยพระพุทธบาท คุณบ้าหรือเปล่าที่ไปเหมาว่ารอยพระพุทธบาทคือรอยเท้าของพระพุทธเจ้าจริงๆ พระพุทธเจ้าไม่ได้ชื่นชอบการแสดงอิทธิฤทธิ์และไม่ได้คิดจะทิ้งอะไรไว้นอกจากพระธรรมแล้วพระองค์จะแสดงอภินิหารประทับรอยเท้าทำไม จริงๆ แล้วเมื่อก่อนคนเรานับถือพระพุทธเจ้ามาก มากจนไม่กล้าจะสร้างรูปเคารพเพราะกลัวว่าจะไม่เหมือน หรือกลัวว่าจะไม่สวยงามเท่าองค์จริงจึงทำการสร้างรอยพระบาทเอาไว้ ข้อมูลไปหาอ่านเอาแล้วกัน
    http://www.dhammathai.org/buddhism/india/index.php
    ขี้เกียจจะพิมพ์แล้ว
    8. ถ้าศาสนาพุทธมีในแถบนี้จริงๆ แล้วศาสนาพุทธไปอยู่ที่ทิเบตได้อย่างไรและศาสนาพุทธเข้าไปในจีนได้อย่างไรและศาสนาพุทธเข้าไปจนถึงกรีกได้อย่างไร ถามหน่อยเหอะ
    แล้วก็ถามอีกหน่อยเหอะ ถ้าศาสนาพุทธเริ่มต้นในประเทศไทยแล้วพวกลัทธิต่างๆ ที่มีหายไปไหน ศาสนาชินหายไปไหน และทำไมศาสนาชินถึงได้เจริญงอกงามในอินเดีย
    ผมจะไม่เชื่อทฤษฎีนี้จนกว่าจะมีการพิสูจน์ถึงอายุของสังเวชนียสถานต่างๆที่มีในประเทศไทยให้ได้ก่อนว่ามากกว่าสองพันหกร้อยปีจริง ของพวกนี้ตรวจสอบกันได้อยู่แล้ว
    แล้วอีกอย่าง พวกนิกายต่างๆของศาสนาพุทธอีกหล่ะ ทำไมในเมืองไทยมีแค่มหายาน หีนยานหายไปไหนทำไมถึงเพิ่งจะมามีตอนสมัยรัชกาลที่สี่ พวกตันตระหายไปไหน พวกนิครนห์ (ศาสนาพระชิน Jain) หายไปไหน พวกอาชีวก หายไปไหน แต่ขอโทษทีนะศาสนาพวกนี้ยังมีอยู่ครบถ้วนในอินเดีย
     
  12. pbij

    pbij สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +19
    ไม่เชื่อ (ต่ออีกหน่อย)

    ถ้าคุณเชื่อเรื่องนี้ก็เหมือนกับว่าคุณเชื่อว่า Afganistan เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งศาสนาอิสลาม หรือเชื่อว่า ตุรกี เป็นแดนแห่งศาสนาอิสลามมาแต่ดั่งเดิม
    ลองไปดูรูปพวกนี้เองแล้วกัน
    http://images.google.co.th/images?q=afganistan%20buddha&hl=th&lr=&sa=N&tab=wi
    น่าจะสนับสนุนทฤษฎีว่าเดิมทีนั้นชมพูทวีปเป็นดินแดนแห่งพุทธศาสนาแต่มาถูกล้างหายไปหลังจากโดนรุกรานโดยพวกมุสลิม
    ถ้าแค่นี้ไม่ทำให้ตาสว่างก็ ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว
    ฝรั่งมันคงไม่มาทำหลักฐานเท็จไว้ซะใหญ่โตขนาดนี้หรอก
    เหนื่อย ฉลาดขึ้นมั่งอ่ะเปล่าเนี่ย
     
  13. chanin

    chanin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2005
    โพสต์:
    675
    ค่าพลัง:
    +1,331
    การอ่านพระไตรปิฎก ไม่จำเป็นถือเคร่งครัดไปทุกตัวอักษรนะครับ
    ต้องนึกถึงความเป็นจริงด้วย เพราะว่า
    เรื่องราวของพระพุทธเจ้าต้องมีอิทธิปาฏิหารย์แทรกอยู่ด้วยเสมอ
    เพื่อชี้ให้เห็นว่าการอุบัติของพระพุทธเจ้า ไม่ธรรมดา ก่อให้เกิดประโยชน์แก่มวลมนุษย์ด้วย
    จึงต้องต่อเติมเสริมแต่งให้เกินจริงไปบ้าง ซึ่งเรียกกันว่า " บุคคลาธิษฐาน "
    เช่นตามตำนานกล่าวว่า
    เมื่อพระพุทธเจ้าประสูติออกมา เสด็จดำเนินไป 7 ก้าว
    หมายถึง พระพุทธเจ้าประกาศศาสนาไปได้ ๗ แคว้น เป็นต้น
    ฉนั้น จึงต้องนำหลัก กาลามสูตร มาเทียบเคียงด้วย


    รูปที่แนบมาข้างล่าง เป็นหนังสือที่ทำคนที่มีเหตุมีผลอ่าน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • chompoo3.jpg
      chompoo3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      247.9 KB
      เปิดดู:
      196
  14. anucha_tee

    anucha_tee สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ช็อคโลก-ศาสนาพุทธกำเนิดในไทย

    ช็อคโลก-ศาสนาพุทธกำเนิดในไทย

    ลองอ่านดูครับ มีความเป็นไปได้สูงครับ
     
  15. ยอดยาหยี

    ยอดยาหยี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    576
    ค่าพลัง:
    +2,697
    ขอค้านด้วยคนว่า ศาสนาพุทธไม่ได้เกิดที่เมืองไทย หรือสุวรรณภูมิ ผู้ที่บิดเบือนข้อมูลกำลังทำบาปหนักมาก

    พระพุทธเจ้าทรงบอกไว้ในพระไตรปิฎกแล้ว ก่อนที่พระองค์จะปรินิพพาน พระองค์ทรงบอกให้พระอานนท์ ยึดพระไตรปิฎกเป็นที่พึ่งเลยนิค่ะ

    อย่าได้เถียงกันเรื่องนี้เลย ยังไงพระองค์ก้อประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพาน ที่อินเดียค่ะ และเผยแพร่ศาสนาไปทั่วชมพูทวีป และสุวรรณภูมิ

    ที่เมืองไทยมีเหรอค่ะ ที่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพาน มีมั้ยค่ะ อ่านความหลงในสงสารสิค่ะ แล้วท่านจะได้ไม่คิดผิด
     
  16. เอก999

    เอก999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +143
    ประวัติศาสตร์คือสิ่งที่เราได้เรียนมา ถ้าสิ่งที่เรารับรู้มานั้นผิด ทุกอย่างก็ผิดด้วย ...กาลามสูตร 10 ประการให้คำตอบได้๑. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา๒. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา๓. อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ๔. อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา๕. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา๖. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา๗. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล๘. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน๙. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้๑๐.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน
     
  17. ภูติอาคเนย์

    ภูติอาคเนย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +1,326
    ถ้าเก่งกันนักเกิดมาทำไม
    จบข่าว ความจริงเป็นอย่างไร จะเอาความโง่ของมนุษย์ไปบอกได้ยังไงว่าอะไรจริงอะไรเท็จ
    ศาสตร์ทั้งหลายมนุษย์ก็เอาความโง่มาเป็นตัวกำหนดว่าต้องอย่างนู้นจ้องอย่างนี้ทั้งนั้น
    ดังนั้นไปปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าดีกว่าจะเจริญในธรรมกว่าเยอะ แล้วจะได้รู้ความจริงด้วย ไม่ต้องมานั่งยึดตำราแห่งความโง่
     
  18. ยายทองประสา

    ยายทองประสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +3,069
    ผมได้ถามเพื่อนนักโบราณคดี ม.ศิลปากร
    และนำบทความทั้งหมดในบล็อคให้เขาอ่าน

    เพื่อนผมอ่านไปหัวเราะไป
    เหตุผลคือ นักโบราณคดี จะเชื่อ ก็ต่อเมื่อ พบหลักฐาน ร่วมสมัยเท่านั้น
    แม้แต่ตำราที่แต่งขึ้นภายหลัง เช่น ตำนวนพระอุรังคธาตุ หรือพระเจ้าเลียบโลก หรือตำราอินทร์ตก คำทำนายนั้น เค้าจะไม่เชื่อเลย
    เพราะเป็นตำราที่แต่งภายหลัง เมื่อดูจากเนื้อหา ภาษา และที่มา(หลักฐานที่พบ) เค้าจะไม่สรุปจากอ้างอิงตำราเลย เค้าจะสรุปจากหลักฐาน ที่เด่นชัด เท่านั้น

    ต่อไปนักประวัติศาสตร์ จะเอาหลักฐานนี้ ไปเขียนเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ ซึ่งกลับกันอีก นีกโบราณคดี ก็จะไม่เชื่อนักประวัติศาสตร์ โดยอ้างหลักฐานแค่เพียงชิ้นเดียว เช่นบอกว่า เมืองไทย เป็นศูนย์กลางที่เรียกว่า อาณาจักรฟูนัน มาก่อน เพราะพบเหรียญกษาป เพียงเหรียญเดียว

    ดังนั้น เราทุกคนควร มีเหตุมีผล เอาหลักฐานมาว่า อย่าเพียงแต่ทฤษฎี หรือคำบอกเล่า ความเชื่อคือความเชื่อ ความจริงคือความจริง คนละส่วนกัน

    ความจริงย่อมทนต่อการพิสูจน์

    ปล. ส่วนตัวผมเชื่อว่า ชมพูทวีป คือ โลกเรานี่แหละ
    เขาพระสุเมร คือ โลกเราส่วนเหนือเส้นศูนย์สูตร
    ทะเลหลวงก็คือทะเลนี่แหละ ซึ่งส่วนใหญ่อยูใต้เส้นศูนย์สูตร
    เขาสัตตบรรพต คือ แผ่นทวีปทั้ง 7 บนโลกนี่เอง

    เมื่อมองจากนอกโลก ด้านข้าง ตามขวางแนวเส้นศูนย์สูตร แล้วที่บอกว่า ...

    ดินตั้งอยู่บนน้ำ คือ ทวีปแผ่นดิน อยู่ส่วนเหนือเส้นศูนย์สูตร น้ำทะเลอยู่ส่วนใต้เส้นศูนย์สูตร จึงกล่าวว่าดินตั้งอยู่บนน้ำ

    น้ำตั้งอยู่บนลม คือ ใต้เส้นศูนย์สูตรเป็นน้ำ และโลกเราถูกหุ้มไว้ด้วยลม ดังนั้นเมื่อมองตามขวาง จึงพบว่า น้ำตั้งอยู่บนลม(ชั้นบรรยากาศนั่นเอง)

    ลมตั้งอยู่บนอากาศ คือ ถัดออกมาก็เป็นความว่าง (อวกาศ นอก ชั้นบรรยากาศโลก) สมัยนั้นใช้ศัพท์ว่าอากาศ แปลว่า ช่องว่าง

    มีพระจันทร์อยู่ รอบ
    มีพระอาทิตย์ ให้แสงสว่างไปโดยรอบ (ท่านไม่ได้บอกดวงอาทิตย์โคจรรอบโลกนะ)

    แล้วยังมีอีก 3 ทวีป อันนี้คงต้องคิดเอา ผมคิดไม่ออก
    อาจต้องรอการพิสูจน์ทราบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2008
  19. กังขา ณ ปลาย

    กังขา ณ ปลาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +1,763
    ชมพูทวีป หมายถึง โลก ก็จริง
    แต่ไม่ได้หมายถึง พระพุทธองค์ จะต้องเป็นคนไทย

    ไม่งั้นคงได้กราบ สังเวชณียสถาน ในไทยกันแล้ว
    ได้นมัสการแต่รอยพระบาท ที่พระพุทธองค์เสด็จมา


    [​IMG]


    พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ใน "จูฬนีสูตร" พระไตรปิฎก หน้า ๒๑๕ เล่ม ๒๐ ว่า
    จักรวาล ประกอบด้วยดวงจันทร์ โลก ดวงอาทิตย์ และดาวเคราะห์ทั้งหลายโคจร ไปร่วมกัน
    จะมีขุนเขาสิเนรุ (เขาพระสุเมรุ) (เป็นภูเขาทิพย์ที่เห็นได้เฉพาะผู้มีอภิญญา) ทวีปต่างๆ ที่ตั้งชื่อกันในสมัย
    นั้นคือ ชมพูทวีป อปรโคยานทวีป อุตรกุรุทวีป และปุพพวิเทหทวีป มหาสมุทรทั้ง ๔ (นับกันได้ในสมัยนั้น)

    มีนรกขุมต่างๆ สวรรค์ชั้นต่างๆ และพรหมโลกชั้นต่างๆ

    โลกธาตุ มี ๓ ขนาด คือ โลกธาตุอย่างเล็กมีจำนวนพันจักรวาล โลกธาตุอย่างกลางมีจำนวนล้านจักรวาล โลกธาตุอย่างใหญ่มีจำนวน แสนโกฏิจักรวาล

    ทั้งโลกธาตุอย่างเล็กก็ดี อย่างกลางก็ดี อย่างใหญ่ก็ดี ยังมีอีกจำนวนมากมาย
    "ทุกสิ่งทุกอย่างมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และแตกดับไปในที่สุด"
    กำเนิดของโลกพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ใน "อัคคัญญสูตร" พระไตรปิฎก หน้า ๖๑ เล่ม ๑๑ ว่า
    เกิดมีน้ำขึ้นในห้วงอวกาศอันมืดมิดก่อนแล้วนานๆไปเกิดการรวมตัวงวดเข้าเป็นง้วนดิน แล้วพัฒนาเป็นกระบิดิน ต่อไปเป็นเครือดิน จากนั้นมีต้นข้าวและพืชทั้งหลายเกิดขึ้น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หมู่ดาว
    นรกขุมต่างๆ เทวโลกและพรหมโลกชั้นต่างๆ ก็เกิดขึ้นเอง

    กำเนิดชีวิตพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า "เพราะมีความอยาก จึงมีการเกิดเป็นสัตว์เป็นบุคคลขึ้นมา
    เมื่อไม่มีความอยากการเกิดเป็นสัตว์เป็นบุคคลก็ไม่มี"

    <!-- / message -->
    ....


    ทวีปในที่นี้ ขอคะเนเอาว่าเป็นโลกอื่น ในกาแล็กซี่เดียวกัน (ทางช้างเผือก) (deejai)
    อันนี้ก็ยังไม่ทราบ


    ความจริงพยายามอ่านหลายรอบ
    ว่าจักรวาลจะเท่ากับ สุริยจักรวาล หรือ ดาราจักร (กาแล็กซี่)

    ถ้าจักรวาล เทียบเท่าดาราจักร
    โลกธาตุ ก็น่าจะเทียบเท่า เอกภพ

    ไม่รู้เหมือนกันนะ



    .....



    http://palungjit.org/showthread.php?t=109847
    จากกระทู้คุณ wellrider น่าสนใจมาก


    :boo:

    <!-- sig --><!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2008
  20. คีตเสวี

    คีตเสวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2007
    โพสต์:
    980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +750
    อดีตอยู่ตรงนั้น ปัจจุบันอยู่ตรงนี้ อนาคตมีที่ไปคือนิพพาน หลงสมมติ ติดสมมติ ย่อมอยู่ในที่สมมติ
     

แชร์หน้านี้

Loading...