ขอถามเล่นๆครับว่า ความสามารถผมหายไปไหนครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย pinit417, 14 เมษายน 2016.

  1. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +165
    ขอเล่าก่อน สมัยผมเด็กอายุประมาณ 12ปีได้ ช่วงนั้นผมมีความสนใจเรื่องสมาธิและฝึกเป็นประจำ จนมีอยู่ช่วงนึง เวลาผมฝัน ผมจะรู้ตัวเองว่าฝันอยู่ แต่ว่ารู้ไม่ตลอดนะครับคือรู้ แต่พอขาดสติหรือสมาธิ ก็ลืมว่าฝันอยู่ แต่อีกซักพักก็มีสติขึ้นมาอีก คือเป็นอย่างนี้สลับกันไป หลังจากนั้น ผมก็บังคับฝันได้ ....
    จนมีเหตุการณ์น่ากลัวเกิดขึ้น สำหรับเด็กมันก็น่ากลัวอ่ะครับ ก็เลยเลิกฝึกสมาธิไป

    จนตอนนี้โตแล้ว หันมาฝึกสมาธิใหม่ ทุกอย่างก็ดำเนินด้วยดีครับ จิตเป็นสมาธิดี น่าจะดีกว่าตอนสมัยเด็กอีกครับ..... แต่ทำไมเวลาผมฝัน ผมถึงไม่สามารถทำได้เหมือนตอนเด็กๆอ่ะครับ มันหายไปไหนอ่ะครับ
     
  2. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +2,040
    เนื่องผมเคยลองด้านควบคุมฝันมาพอสมควร

    มีปัจจัยดังนี้ครับ

    ความตั้งใจที่จะฝัน มีโอกาสเกิด 80%

    สภาวะสมาธิค้างก่อนนอน มีโอกาสเกิด 73 %

    การไม่เสพกามใดๆ มีโอกาสเกิด 76 %

    การฝึกตระรู้เสมอว่าตื่นหรือหลับ มีโอกาสเกิด 85 %

    การฝึกจำความฝัน มีโอกาสเกิด 68 %
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ความฝันเแนสังขารปรุงแต่งของจิต

    ฝันแล้วปรุงฝัน ก้เหมือนคนนอนในกระทะทองแดง แล้วสำคัญว่าแช่สปา

    ฝึกสมาธิ สติดีขึ้น ฝันก้ยังทำงานไปตามอำนาจของขันธ์
    แต่จิตที่อบรมดีแล้ว จะไม่ฉวยความฝันไปปั้นเปนตุเปนตะ
     
  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ถ้าสมาธิ สติ ดีกว่านี้

    จะเหนความคิดที่จรมาในจิตขณะตื่น ก้คือ จิตกำลังฝัน

    จิตตั้งมั่นดี จะเหนความคิดในจิตที่จรมา เหนขันธ์มันทำงาน
    ไม่เกี่ยวกับจิต ที่อบรมไว้ดีแล้ว จิตส่วนหนึ่ง ความคิดส่วนนึง

    จิตจะคว้าความคิด เมื่อเวทนา ความพอใจ ไม่พอใจ ทำเปนเฉย เกิดอีกส่วนหนึ่ง

    ถ้าแยกจิต วิญานขันธ์ ความคิด สังขารขันธ์
    ความพอใจ ฯ เวทนาขันธ์ อาการหมายจะคิด สัญญาขันธ์
    และ อาหารคำข้าว รูปขันธ์ ไม่รวมตัวกัน

    จะเหนเลยว่า ชีวะ การหยั่งลงของเรื่องราว
    จะเปนเรื่องของ ขันธ์5 มันทำงาน ตามปัจจัยการ
    ไม่มีเรา เขา สัตว์ ตัวตน

    เว้นแต่จะเกิดอุปทานขันธ์ จิตที่อบรมไว้ดีแล้วเสื่อมไป
     
  5. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    ที่บอกว่าบังคับฝันได้ คือ อุปทาน อย่าได้ไปยึดติด ยึดมั่นถือมั่นในสังขาร เดี๋ยวจะหลงสังขารกู่ไม่กลับ สังขารนี้ไม่ใช่ของใคร ไม่ใช่ของเรา ของเขา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับของใคร เป็นเพียงปัจจัยปรุงแต่งเท่านั้นครับ การฝึกสมาธิก็เพื่อให้เกิดปัญญารู้แจ้งโลก ส่วนสิ่งอื่นเป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้นครับ.
     
  6. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
  7. CottonFields

    CottonFields เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +149
    นับว่าคุณมีวาสนาพอสมควรนะครับ คนจำนวนไม่มากที่มีความสามารถนี้ เมื่อก่อนผมก็เป็นแบบคุณ บังคับความฝันได้ ก็นับว่าว่าเป็นเรื่องเพลิดเพลินอย่างหนึ่งนะครับสำหรับปุถุชน

    หากต้องการกลับไปมีความสามารถแบบเดิม สมาธิคุณต้องดีขึ้นกว่านี้ครับ หมั่นนั่งสมาธิเดินจงกรม ความสามารถนี้น่าจะกลับมาได้ไม่ยากนักเพราะมีของเก่า

    ถ้ายังเป็นปุถุชน การหาความบันเทิงแบบนี้ดีกว่าหาความบันเทิงแบบโลก ๆ ครับ ไม่แน่ถ้าวาสนาบารมีมากขึ้น คุณปฏิบัติให้มีพื้นสมาธิที่ดี หากได้ฟังคำสอนที่นำมาพิจารณาลงได้ขาด อาจจะไปได้ไกลกว่านี้ครับ
     
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,441
    ค่าพลัง:
    +35,042
    หลังจากที่เราลืมตาขึ้นมาแล้วหลังจากฝัน...
    ถ้าเราไม่สามารถทราบวัตถุประสงค์ในความฝันได้...
    หรือเราไม่รู้เรื่องอะไรในความฝัน..
    หรือเราไม่สามารถบังคับตัวเองในความฝันได้
    ถ้าเป็นอย่างหนึ่งอย่างใดอย่างที่กล่าวมา..
    มันฟ้องว่า กำลังสติทางธรรมเรามันยังไม่พอครับ..
    ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับบุคคลทั่วๆไปไม่ใช่เรื่องแปลก
    และส่วนตัวมองว่าไม่ใช่ความสามารถพิเศษอะไร
    มันเป็นเรื่องกำลังสติทางธรรมครับ...

    และความสามารถในการบังคับความฝันได้
    เข้าใจความฝันได้นั้น ขึ้นอยู่กับกำลังสติทางธรรม
    ที่เราสร้างจากการเจริญสติในชีวิตประจำวันครับ.....
    ไม่ใช่ว่าเรามีกำลังสมาธิ มีกำลังจิต หรือว่าตัวจิตมีความสามารถ
    ทำอะไรๆพิเศษได้ แล้วเราจะสามารถบังคับความฝันกันได้
    หรือมีส่วนร่วมในเหตุการณ์มีเหตุมีผลมีวิจารณญานในความฝันกันได้นะครับ...
    ยกเว้นว่าคุณจะเป็นพวกมีญานวิถี(คือมีความสามารถพิเศษทางจิตเลยไม่ต้องฝึก)
    ลงมาเกิดนั้นเป็นอีกประเด็นหนึ่งครับ



    เพราะเวลาเราฝันนั้น มันเป็นส่วนลึกๆเป็นส่วนละเอียดของจิตใจเราจริงๆ
    ไม่ว่าจะทางด้านนิสัยต่างๆ ไม่ว่าจะรัก โลภ โกรธ หลง กิเลสต่างๆของเรา
    ความเมตตาหรือด้านอะไรก็ตามที่ในเวลาลืมตาปกติเรามักจะไม่เป็นครับ..
    ซึ่งอาจเกิดเหตุได้ ทั้งจากความคิดระหว่างวัน เรื่องธาตุร่างกายบกพร่อง
    เรื่องการย้ำคิดย้ำทำ การไม่รู้จักปล่อยวางเรื่องราวในอดีตที่เราเคยฝันมา
    พวกนี้เป็นหนึ่งในหลายๆสาเหตุที่ทำให้เราฝันได้ทั้งนั้นครับ


    หรือ ทางด้านอื่นๆที่ตัวจิตดวงนั้นได้เคยผ่านมาแล้วในอดีตชาติไม่ว่าชาติไหนๆ
    ถ้าเราจะควบคุมความฝันได้ ต้องมาสร้างสติ ต้องมาเจริญสติในชีวิตประจำวัน
    จะด้วยวิธีอะไรก็ได้ขอให้ฐานอยู่ที่กาย เช่น นับก้าวเดิน ทำความ
    รู้สึกรับรู้ว่ามีลมกระทบเข้าและออกที่ปลายจมูกหรือจะเคลื่อนไหวมือ ฯลฯ
    วิธีการไหนก็ได้ ตามความเหมาะสมและสภาพแวดล้อมที่เราอยู่ครับ..
    และสร้างให้มันต่อเนื่องครับ กำลังสติทางธรรมที่ได้จากตรงนี้

    นอกจากจะคอยควบคุม ความคิด ควบคุมพฤติกรรมของจิตเราแล้ว
    ในเวลาปกติ ถ้ามันมีความต่อเนื่องในการฝึก และมีเพียงพอจะทำให้
    เราสามารถควบคุมความฝันได้ครับ...
    โดยหลักการแล้ว ความฝันเป็นเรื่องที่ไม่ควรใส่ใจและเก็บมาคิดครับ..
    ยิ่งลืมตาขึ้นมาแล้ว เราไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ ไม่รู้เรื่อง ยิ่งไม่ควรเก็บมาคิด
    ให้เราลืมไปเลยครับ ยิ่งอยากรู้ ยิ่งไม่รู้ และจะทำให้ความเข้าใจทางด้าน
    นามธรรมต่างๆของเราไม่ดีด้วยครับ...

    และถ้าฝันแล้วไปยึดติด ก็ยิ่งไม่ดีครับ...
    ยิ่งฝันเกี่ยวกับเรื่องนามธรรม ระดับต่างๆ สถานที่ต่างๆแล้ว
    หากเราน้อมรับไปยึดถือ ไม่ยอมปล่อยวางแล้ว
    ต่อไปมันจะกลายเป็นการสะกดจิตตัวเราเองได้ครับ
    เพราะฉนั้นแล้ว จะฝันเรื่องอะไรก็ช่างครับ ไม่ต้องสนใจ...
    แม้แต่เห็นได้แบบฝันเสร็จขึ้นมา ลืมตามายังเห็นก็ไม่ต้องสนใจครับ
    อยากรู้ อยากเข้าใจ อะไรเกี่ยวกับความฝัน
    ที่เป็นเรื่องนามธรรม ก็อยู่ที่กำลังสติทางธรรมของเรา
    ข้อดีคือ ใช้เป็นตัวชี้วัดกำลังสติทางธรรมของเราได้ครับ..
    แต่ดีที่สุดคือ อย่าไปยึด ให้เฉยๆและปล่อยวางครับ...
    ไม่งั้นเราจะเป็นเหมือน คนขาด้วนที่ฝันว่าตัวเองเดินได้ วิ่งได้
    พอลืมตาตื่นขึ้นมา ในใจลึกๆก็ยังคิดว่าตัวเองมีขานั่นหละครับ..
    ทั้งๆที่ในชีวิตจริง ขามันก็ยังด้วนอยู่ นี่พูดเชิงเปรียบเทียบให้ฟังครับ
    ปล.ประมาณนี้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...