คุณภัทรฯ ไม่ได้ทะเลาะกับสร้อยฟ้าฯ หรอกเจ้าค่ะ ไม่มีใครทะเลาะกับใครหรอก เจ้าค่ะ เหตุเกิดที่สร้อยฟ้ามาลา เอง เมื่อสร้อยฟ้าฯ เป็นตัวทำให้เกิด สร้อยฟ้าฯ ก็จะดับเอง แต่คุณภัทรฯ เป็นเพื่อนที่ดี และจะดับไปกับสร้อยฟ้าฯ ด้วย ซึ่งสิ่งนั้นสร้อยฟ้าฯ มิได้ปรารถนา จะให้เป็นไป
WELL, I'm fine.. หวัดดีครับคุณสร้อยฟ้า ฯ สวยงามมากครับ รูปที่ถ่ายมาให้ชม....ไม่สบายยังไปถ่าย แปลว่า ต้องผูกพันธ์อย่างมาก แค่อธิบาย ความรู้สึก ที่เป็นอยู่ เคยพูดกับใครหลายคน เขาหาว่า จิตไม่ปรกติ นี่สิ เจ้าคะ
ธรรมะของหลวงปู่ใหญ่ ชา สุภทฺโท ปล่อยวางจากสิ่งทั้งปวง แล้วเมื่อเราพยายามทำไปๆ เห็นโทษในอารมณ์ที่ว่า มันชอบใจหรือว่ามันไม่ชอบใจ หรือเห็นโทษในสรรเสริญ เห็นโทษในการนินทา สม่ำเสมอกันอยู่ นั้นแหละ ไม่มีอะไรแปลกกัน นินทาก็สม่ำเสมอกันสรรเสริญมันก็สม่ำเสมอกัน เมื่อพูดถึงจิตคนเราในโลกนี้ ถ้านินทาละก็ไม่ได้บีบหัวใจเรา ถ้าถูกสรรเสริญมันแช่มชื่นสบาย มันเป็นอย่างนี้ตามธรรมชาติของมัน เมื่อมันรู้ตามความเป็นจริงเสียแล้วว่าอารมณ์ที่เขานินทานั้นมันก็มีโทษ อารมณ์ที่เขาสรรเสริญนั้นมันก็มีโทษ ติดในสรรเสริญมันก็มีโทษ ติดในการนินทามันก็มีโทษ มันเป็นโทษทั้งหมดทั้งนั้น ถ้าเราไปหมายมั่นมันอย่างนั้น เมื่อความรู้อย่างนี้เกิดขึ้นมา เราก็จะรู้สึกอารมณ์ถ้าไปหมายมั่นมันก็เป็นทุกข์จริงๆ มันทุกข์ให้เห็น ถ้าไปยึดดียึดชั่วมันก็เป็นทุกข์ขึ้นมา แล้วก็มาเห็นโทษนั้นว่าความยึดทั้งหลายนั้นมันเป็นเหตุให้เราเป็นทุกข์ เพราะชั่วก็ตะครุบ ดีก็ตะครุบ ทำไมจึงเห็นโทษมัน? เพราะเราเคยยึดมั่นมันมา เคยตะครุบมันมาอย่างนี้ จึงเห็นโทษ มันไม่มีสุข ทีนี้ก็หาทางปล่อยมัน จะปล่อยมันไปตรงไหนหนอ? ในทางพุทธศาสนาท่านว่า อย่าไปยึดมั่นถือมั่นแต่เราฟังไม่จบไม่ตลอด ที่ว่าอย่าไปยึดมั่นถือมั่นนั้นคือว่าท่านให้ยึดอยู่แต่อย่าให้มั่น เช่นอย่างนี้ อย่างไฟฉายนี่น่ะ นี่คืออะไร ไปยึดมันมาแล้วก็ดู พอรู้ว่าเป็นไฟฉายแล้วก็วางมัน อย่าไปมั่นยึดแบบนี้ ถ้าหากว่าเราไปยึด เราจะทำได้ไหม? จะเดินจงกรมก็ไม่ได้ จะทำอะไรก็ไม่ได้ต้องยึดเสียก่อน ครั้งแรกจะว่ามันเป็นตัณหาก็ได้ แต่ว่าต่อไปมันจะเป็นบารมี อย่างเช่นท่านชาคโร จะมาวัดป่าพง ก็ต้องอยากมาก่อน ถ้าไม่รู้สึกว่าอยากมาก็ไม่ได้มา โยมทั้งหลายก็เหมือนกัน ก็มีความอยากนั่นแหละจึงได้มานี้จึงมาด้วยความอยาก เมื่อมีความอยากขึ้นมา ท่านก็ว่าอย่ายึดมั่นคือมาแล้วก็กลับ อย่างที่สงสัยว่านี่อะไร แล้วก็ยึดขึ้นมา เออ มันเป็นไฟฉายนะ นี่น่ะแล้วก็วางมัน นี้เรียกว่ายึดแต่ไม่ให้มั่น ปล่อยวาง รู้แล้วปล่อยวาง พูดง่ายๆก็ว่ารู้แล้วปล่อยวาง จับมาดูรู้แล้วปล่อยวาง
ความผูกพัน คือ ความเจ็บปวด ความทรมาน ความหว้าเหว่ที่ต้องพลัดพรากจากกัน เหลือแต่ความทรงจำที่มีความอบอุ่นยังหล่อเลี้ยงหัวใจให้คงนึกถึงและโหยหา แต่ไม่อาจพบเจอกันได้ เข้าใจความรู้สึกนี้ไหม เจ้าคะ คุณเฮียปอฯ มันทรมาน อยากมากเลย...
เฮียขอบคุณมากนะค่ะ อุ้มเดินไปซื้อยาที่บอกมาแล้วค่ะ แล้วอุ้มก็ทานยาเรียบร้อยแล้วค่ะ ซื้อยามาทำด้วยค่ะเฮีย
บอกเฮียดีกว่า เฮียมาช่วยอุ้มหน่อยนะค่ะ เดี๋ยวอุ้มนั่งพักนึงก่อนยังช๊อคอยู่เดี๋ยวออกไปซื้อ เค๊าเตอร์เพนมาทาค่ะเฮีย ส่วนเพื่อนในออฟฟิส เขารู้ว่าอุ้มเจ็บแต่เขาก็ทำอะไรให้ไม่ได้ ตัวใครตัวเผือกค่ะที่นี่ ใครตายเขาก็ไม่สนหรอกค่ะเฮีย
เฮียขา อุ้มอยู่ที่ทำงานไม่รู้จะออกไปหาหมอได้ไงค่ะ ไม่อยากขอเขาออกไป ภายนอกมันดูปกติค่ะเฮียขา แต่ข้างในมันเจ็บหมดเลย แล้วอุ้มก็ยังไม่ได้ไปร้านหมอซื้อยาเลย แล้วจะทาได้ยังไงละค่ะมันต้องเปิดโปงทาค่ะเฮีย เนี่ยเฮียน่ารักที่สุดเลย เห็นใจอุ้ม ไม่เหมือนคนอื่นหรอก มาหัวเราะขำอีกเห็นอุ้มล้ม เขาชอบใจร้ายกับอุ้มเรื่อยเลย เก็บความใจดีไว้ให้คนอื่นมั้ง แต่เฮียใจดี๊ ใจดีกับอุ้มตลอดเวลาเลยนะค่ะ
สวัสดี เจ้าค่ะ ขอเชิญชมพระเมรุมาศที่สร้อยฟ้าฯ ไปถ่ายรูปมาเมื่อคืนนะเจ้าคะ http://board.palungjit.com/showthrea...96#post1676996
สวัสดีค่ะเฮีย อุ้มไม่สดชื่นหรอกเจ็บระบมไปหมดแล้วจร้า เมื่อเช้าล้ม ทั้งหลังทั้งก้นฟาดอย่างแรงเลย ฮือๆ เฮีัย
ขอบคุณ ธรรมมะดีๆ ที่ส่งมาให้ ยามเช้า เช่นกันค่ะคุณปอ วันศุกร์ สุขสดชื่นนะ แล้วอย่าลืมหาต้นขาไก่ดำนะ รักษาสุขภาพด้วยจ๊ะ ^ ^