เอามาฝาก อิอิ Mail ใครกัน Run หน้าจอ ขอเป็นมิตร เรา Click ปิด ทิ้งไป ไม่ใช่เพื่อน แต่ไม่นาน ก็พลัน Run มาเยือน อยากเป็นเพื่อน อยู่อย่างนั้น วันหลายครา เริ่มรำคาญ พาลคันปาก อยากด่าใส่ Click เข้าไป ใจอิดเอียน หวังเขียนด่า แต่พอเห็น หน้า M อย่างเต็มตา มุมบนขวา มีรูปด้วย ว๊าว! สวยจริง จึงลองพิมพ์ Chat ไป ใจเริ่มอ่อน เขาก็ On In จ๊ะจ๋า ประสาหญิง ก็เลย Out ออกไม่ได้ ใจประวิง เราเริ่มยิง M ไปมา ภาษาใจ เริ่มคุ้นเคย เอ่ยถาม ความลึกลึก ความรู้สึก สองเรานั้น ตรงกันไหม สรุปผล ออกมา น่าพอใจ ผูกสายใย ไม่โยเย Say Good-bye ตัดสินใจ Hello กดโทรหา เสียงตอบมา พาให้ เราใจหาย ใยสาวสวย เสียงใหญ่จัง ดังเสียงชาย อุ๊ยต๊ายตาย ว๊ายเนื้อเย็น เป็น"กระเทย"
หวัดดีจ้ะ สงสัยถูกกักบริเวณแน่เยย อิอิ [IMG] ฉันผูกใจไว้กับการมีเพื่อน ฉันผูกเงื่อนงามเปี่ยมด้วยความหมาย ฉันผูกความเป็นเพื่อนด้วยเงื่อนตาย ฉันผูกสายใยรักกับเพื่อนนับเดือนปี ต่างสายเลือดกลับผูกได้เป็นสายร่วม เรียงร้อยรวมทุกใจไปทุกที่ คือเงื่อนรักที่ผูกไว้จากไมตรี โดยไม่มีเงื่อนไขอะไรเลย
อุปมาศีล สมาธิ ปัญญา....หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับหลวงน้าสายหยุด ท่านได้เมตตาเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า หลวงพ่อเคยเปรียบธรรมะของพระพุทธเจ้าเหมือนแกงส้ม แกงส้มนั้นมี 3 รส คือ เปรี้ยว เค็มและเผ็ด ซึ่งมีความหมายดังนี้..... รสเปรี้ยว หมายถึง ศีล ความเปรี้ยวจะกัดกร่อนความสกปรกออกได้ฉันใด ศีลก็จะขัดเกลาความหยาบออกจากกาย วาจา ใจ ได้ฉันนั้น..... รสเค็ม หมายถึง สมาธิ ความเค็มสามารถรักษาอาหารต่างๆ ไม่ให้เน่าเสียได้ฉันใด สมาธิก็สามารถรักษาจิตของเราให้ตั้งมั่นอยู่ในคุณความดีได้ฉันนั้น.... รสเผ็ด หมายถึง ปัญญา ความเผ็ดร้อนโลดแล่นไป เปรียบได้ดั่งปัญญา ที่สามารถก่อให้เกิดความแจ้งชัด ขจัดความไม่รู้ เปลี่ยนจากของคว่ำเป็นของหงาย จากมืดเป็นสว่างได้ ฉันนั้น.... ..........สวัสดีตอนหัวค่ำครับ...(^__^)...