คำว่าสะเทือนอารมณ์กว่าสะเทือนอารมณ์ ความหมายก็คือสะเทือนโลกธาตุ คนฟังเสพข่าวอาจจะรู้สึกปกติ มีคนเกิดและตายในทุกวัน ข่าวล่าสุด...
ข่าวสะเทือนอารมณ์ ไม่ใช่อารมณ์จารุ แต่กระเทือนถึงกระแสขององค์ดำ สะเทือน มากจนต้องกลับมาเขียนเรื่องต่อ
ป้ายังมีชีวิตอยู่ ป้ายังไม่ตายนะ สำหรับใครที่บ่นถึง ป้าแค่อ้วน 555 ป้ากลับมาแล้ววววว พี่สิงห์ก็มา
เวลาจิตจะโดดออกจากร่าง ไปที่ๆไกลมาก อาจไม่ได้เกิดจากความสงบอย่างเดียว บางทีก็เกิดจากความทุกข์มากๆก็ได้ จิตไปจักรวาลได้ไหม ได้...
จนเจ้าหอน้ำเสวยพระกระยาหารเรียบร้อย ก็เอ่ยขึ้นลอยๆ จนสิงห์สะดุ้ง "ขุนสิงห์ เจ้าต้องพัก มิต้องลองประลองศึก ฝึกอีกไม่กี่ราตรี...
สิงห์หลับๆตื่นๆ ไปอีก 3 วัน ด้วยฤทธิ์ยาผสมยานอนหลับเพื่อให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น แต่ระหว่างหลับๆตื่นๆ ก็ยังได้ยินเสียงการรบ ทั้งกลางวันกลางคืน...
ขุนสิงห์ตื่นมากับกลิ่นยาฉุน รู้สึกถึงยาเย็นๆที่โปะอยู่ตามผิว ในเรือนรักษา มีทหารนอนบนผ้าดิบที่รองด้วยเสื่อ กลิ่นยาต้มฉุนเฉียว ลอยลมมาพร้อนควันยา...
ช่วงนี้สัญญานจากพญานาคมาบ่อยจัง โดยเฉพาะพญานาคสีดำ ตระกูลกัณหาโคตมะ
เขียนไป ปาดเหงื่อไป หนาวๆร้อนๆ เสียวหลัง 555
เจ้าหอหน้าทรงไม่ตัรัสกะไร สิงห์จะตายก็ไม่กล้าตาย แม้ใจจะห้าวหาญเพียงใด เพลานี้ ก็ยอมสยบให้เจ้าหอหน้า ทั้งกายแลใจ เหล่าแม่ทัพนายกอง...
ยังไม่หนำใจ พอไกล้จะถึงพลับพลา ทหารก็นำ น้ำพระทัยของเจ้าหอหน้า น้ำเกลือก็ราดรดลงบนร่างขุนสิงห์ สุดจะทานทน ขุนสิงห์แม้ไม่ร้อง...
ที่กายเจ็บปวดดั่งตกนรก ที่ใจแหลกสลายมิมีเหลือ กับประโยคสุดท้ายของเจ้าหอหน้า น้ำตาหลั่งรินแม้พยายามอดกลั้น ได้แต่สูดหายใจเข้าไป แล้วกัดฟัน...
สิงห์ตื่นมาอีกครา ด้วยให้เจ็บนัก รู้สึกถึงฝ่าพระบาทที่เหยียบบนแผ่นหลัง ผิวหนังที่ท่อนแขนผิวหน้าแสบจากการคลานไปบนพื้น เจ้าหอหน้าตรัสเบาๆ...
สิงห์จับไข้ จนสลบไป แล้วฝนก็หยุดตก ราตรีนั้นช่างยาวนัก แต่พระอาทิตย์ก็ขึ้นอีกครา ไม่มีราตรีใด ที่จะอยู่ตลอดกาล ริมฝีปากแห้งแตก รู้สึกลำคอร้อนผ่าว...
แล้วเหมือนพระพิรุณไม่เป็นใจ ฝนฟ้าลม พัดลงมา เป็นครั้งแรกที่สิงห์ร้องไห้ออกมาแบบไม่อายใคร น้ำตาไหลริน ลงพระแม่ธรณี คละเคล้ากับสายฝน...
เจ้าหอหน้า ทรงมิรอเช้า ให้สิงห์ได้คิด ทรงเปิดด้วยการเตะก้านคอ สิงห์นั้นไม่หวั่นโยกหลบ แล้วสิงห์ก็โดนเอาคืน เจ้าหอหน้าทรงเข้าล็อคคอ สู้ระยะประชิด...
ทั้งขุนสิงห์และเจ้าหอหน้า ต่างตั้งการ์ดเชิงมวย สิงห์นั้นหน้าตามิได้หวั่นไหว ลังเล เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย ดวงตาวาวดั่งตาเสือ มีแต่ความแค้นชิงชัง...
เมื่อไม่มีดาบ และก็ไม่มีใครกล้าโยนดาบให้ ด้วยเจ้าหอหน้าไม่ทรงออกคำสั่ง บัดนี้เหลือแต่ หมัด ศอก เข่า สิงห์นั้นเคยลองพละกำลังกับเจ้าหอหน้า...
สำนึกผิดแล้วจ้า 55
โดนเจ้าหอหน้าทรงเมินเสียนาน จนเขียนต่อไม่ได้ การลงโทษที่เจ็บที่สุด คือ ความเงียบ
เจ้าหอหน้าให้ทรงกริ้วนัก นักรบทั้งสองฝั่งได้แต่งงกับสถานการณ์ เลยถอยออกมาคุมเชิงไม่กล้ารบต่อ เหลือเพียงขุนสิงห์กับเจ้าหอหน้าคลุกวงใน...
เหล่าทหาร ฝั่งของสิงห์หายใจหอบ สิงห์รู้ได้ว่า ตนเพลี่ยงพล้ำเสียเปรียบ ทางรอดเดียวที่จักรอด คือกำจัดขวัญกำลังใจของฝั่งตรงข้าม...
สวัสดี ป้ากลับมาแล้ว ได้รับการอภัยโทษละ กลับมาทำภารกิจต่อ
สิงห์นั้นในเพลานี้ ใช้ทั้งศอกทั้งเข่า ทั้งดาบ เพราะเพลานี้ จากที่ล้มไปหลายครา สิงห์ก็เปรอะเลอะไปด้วยโคลนตม แต่เมื่อหันไปมองเจ้าพี่ เพลานี้...
แล้วก็มีทหารนำดาบไม้ทาด้วยชาดสีแดงไว้ด้านคมดาบมาแจกให้ทหารทั้งสองกอง แล้วการตะลุมบอนก็เริ่มขึ้น สิงห์ยังงงกับการรบ แต่ก็ใช้สัญชาติญานดิบในตน...
สิงห์ชำระร่างกาย ผลัดผ้าแล้วก็ ได้ยินเสียงกลองศึกตีระดมพล เป็นจังหวะอันเร่งเร้า ก็รีบตรงไปยังลานสับประยุทธ์ทันใด เห็นทหารสองกองร้อย ตั้งทัพสองฝั่ง...
ร่วมบุญกฐิน วัดที่ 2 ปี 2563 วัดป่าสหธรรมิการาม อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ร่วมบุญ 1,000 บาท สร้างพระอุโบสถ ปีที่ 2 อนุโมทนาสาธุกับผู้ร่วมบุญทุกท่าน...
สิงห์มิกล้าต่อปากต่อคำ กับเจ้าพี่ แต่ในสายตาที่มองพระองค์แฝงไว้ด้วยความแค้นแน่นอก เจ้าหอหน้าทอดพระเนตรมองตอบอย่างไม่ยี่หระ...
แล้วรุ่งเช้า เสียงไก่ขัน ปลุกให้สิงห์สะดุ้งตื่น เสียงดาบกระทบกันดังมาแว่วๆ สิงห์หันไปที่พลับพลาบรรทม ของเจ้าหอหน้า ก็ไม่พบพระองค์ เป็นเวลาย่ำรุ่ง...
ราตรีนั้นสายฝนกระหน่ำให้ฉ่ำชื่นใจ แต่ไฟนรกในอกสิงห์ก็ยังแผดเผา เจ้าหอหน้าทรงตรัส ก่อนจักบรรมทม เพียงว่า "ย่ำรุ่ง เจ้าจงตื่นมาเยี่ยงนักรบ"...
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค เช่น พลังจิต, พุทธศาสนา