อ่านในสติปัฐฐาน4ให้เห็นเป็น อนัตตาทั้งหมด เมื่อพิจารณาร่วมลง อนัตตาแล้วต้องพิจารณา ธรรมในธรรมอีกหรือไม่ กายานุปัสสนา สติปัฏฐาน -...
ใจมีสภาพไม่เที่ยง ส่วนจิตเดิมแท้นั้นตั้งหากที่ว่าง จิตเป็นตัวรู้ใจ ใจมีสภาพแปรผันตาม กฎไตรลักษณ์
ผมจะศึกษาเพิ่มครับ
เวทนาที่ใจมันเห็นเป็นของไม่เที่ยงได้ ส่วนผัสสะที่มากระทบกายยังไงก็ต้องเจ็บ เวทนาที่ใจยังดับได้ด้วยปัญญา ส่วนความรู้สึกตราบใดที่ยังมีเส้นประสาท...
เจ็บซิครับไม่ต้องตียังรู้เลย
ผมพิจารณาว่าสิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับลงเป็นธรรมดาน่ะครับ ไม่เข้าใจว่าเป็นแบบละเอียด,ไม่ละเอียด ต่างกันอย่างไร
ติดอุเบกขาหมายถึงถ้าไม่อยู่ที่อุเบกขาแล้วทุกข์ หรือเปล่าครับ โดยปกติต้อง สุกข์ก็ดี ทุกข์ก็ดี อุเบกขาก็ดี เห็นเป็นธรรมดาหมดใช่ไหมครับ
ครับ
ผมเห็นด้วยครับ สิ่งที่ถูกรู้มีสภาพไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เอามายึดถือไม่ได้ ตามที่ อ.เว่ยหลางกล่าวไว้ อันที่จริงจิตเราก็บริสุทธิ์อยู่แล้ว...
วิตกผมแปลว่าตรึก,สิ่งที่คิดขึ้นมา วิจารณ์ผมแปลว่าตรอง,สิ่งที่นึกตามสิ่งที่คิด
อุเบกขาป่าวครับ
กฎที่เที่ยงแน่นอนครับ
แปลกมากเลยครับตอน อายุ30มีเสียงในความคิดว่า มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ จากนั้นก็ใฝ่ธรรมตลอดจน ปัจจุบัน35ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เชื่อ กลายเป็นศึกษามากขึ้นเฉยเลย
สิ่งใดไม่แน่นอนสิ่งนั้นเป็นทุกข์ ก็คงมีเพียงความไม่แน่นอนนั่นแหละแน่นอน คือกฎไตรลักษณ์นั่นเองไม่ใช่ทุกข์
ครับแค่ผัสสะก็อุปมาเป็น หมาเห่าเสียงมากระทบหู บางคนก็หงุดหงิด บางคนก็มองว่า หมามันก็เห่าเป็นปกติ เมื่อเห็นเป็นธรรมดาทุกข์ ก็ไม่เกิดผมพิจารณาแบบนี้ครับ
ผมมองเป็นธรรมดานะครับ เอามายึดมั่นถือมั่นไม่ได้ แค่ผัสสะมากระทบอายตนะ6ของเรา
เนี้ยแหละครับผมเข้าใจว่าทุกข์เป็น “อนัตตา”คือไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนของเรา เอามากอดไว้คือพลาดเลย
ผมไม่เข้าใจคำว่า9วิครับ
ผมเพิ่งรู้วันนี้ครับสติปัฐฐานมี50แบบ ผมมองแค่ กาย เวทนา จิต ธรรม
ผมเห็นว่าเราจะวิโมกด้วยอนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา ก็ยอดเขาเดียวกันเป้าหมายคือไม่มีทุกข์ เปรียบดังยอดตาลด้วนนะครับ
ต้องโยโสมนัสสิการกันเองครับ ในเมื่อธรรมรู้ได้เฉพาะตน คำถามคือทุกข์จางลงทุกข์คลายออก หรือเปล่าในการศึกษา ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ สำคัญทั้งนั้น
KeeMaoAu ผมใช่ชื่อจากเล่นเกมส์ครับอ่านว่า “ขี้เมาอู๋”ไม่ใช่คิมอึนยะอูด้วยความเคารพครับผม
เซนสำหรับผมเป็นเพียงแค่คำพร่ำบ่น ตัวผู้พูดก็ไม่มีเป็นกริยาของจิต ส่วนสติปัฐฐาน4ผมเห็นว่ารวมลงอนัตตาหมดครับ ตามที่อ่านwikiนะครับทางขึ้นเขามีหลายทาง...
เป็นอุปมาครับประมาณว่าโดยปกติเราว่างอยู่แล้ว สิ่งอื่นจึงมาตั้งอยู่ได้ ในปิฎกบอกว่าวิญญุชนบางพวกรับรู้ได้ด้วยการอุปมาผมจึงยกอุปมามาใช้ดังบทนี้...
ความว่างเปรียบเหมือนไข่มุขที่ประดับ อยู่บนหน้าพากเราแต่เรามองไม่เห็น หากไม่ว่างก็ไม่สามารถมีอะไรไปตั้งอยู่ได้ เช่นตัวเราตั้งอยู่บนความว่าง...
ผมแปลคำว่าว่าง=ไม่มี อนัตตา=มีอัตตาก็ไม่ใช่ ไม่มีอัตตาก็ไม่ใช่(ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน) สูญญตา=ความว่างที่ยอมให้สิ่งอื่นตั้งอยู่...
สรุปรวมลงที่ไม่มีหมดเลยครับ ทุกข์ไม่มี ผู้กระทำไม่มี ผู้นิพพานไม่มี ผู้เดินทางไม่มี ไม่มีก็คือว่างนั่นแหละครับไม่มีสิ่งใดบรรจุอยู่ภายในนั้น...
ไม่มีธรรมนั่นแหละธรรม
ยอมรับความจริงว่าเกิดมาต้องตาย มันหนีไม่พ้นอยู่แล้วครับ อีกอย่างนึงก็อยู่กับปัจจุบันครับ เราเป็นกังวลเมื่อคิดถึงอนาคต
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค เช่น พลังจิต, พุทธศาสนา