ผู้หญิงมีแฟนแล้วก็งี้ทุกคนแหละ ผู้หญิงกว่า ครึงโลก มีแฟนแล้ว หรือทุกคนในโลกไม่โสด อะไรงี้ ผู้ชายแบบ สาวๆหน่อยถ้ามีแฟนก็งี้แหละ โดนฉาบย้อม
คือตอนเราไม่มีศีล ก็ต้องมีประสบการณืไม่มี เราน่าจะระลึกได้ว่าตอนนั้นๆ ล่าสุดไม่มีหนะไม่มีข้อไหน ตอนที่มีก็ต้องจำได้สิว่าไม่มีข้อไหน...
ไม่ได้ต้องการอะไร อยากให้คนอื่นรู้ว่าผมทุกข์
ผมหงุดหงิดสุดขีด
เอ้ามา คือเราเห็นเราดูตัวมันช่ายปะ แล้วเราจะไปหยุดมันทำไม
ตราบที่เรามีร่างกาย จะมีฟุ้งเกาะตามกายของเราอยู่แล้ว เกาะลมหายใจเกาะความโน่นนี่นั้น ก็เลยถามว่า ไปหยุดมันทำไม
ตอนหลับผมยังฟุ้งนะ
คือฟุ้งเนียะตัวจริงของมันไม่เคยเป็นของใคร ไม่มีใครฟุ้งได้แต่แรกอยู่แล้ว ยิ่งเราไปหยุดมันก็อาจจะ ล่อให้เราไปยึดมันเข้า
ถ้าตอนนั้นทรงฌาน จะระงับความฟุ้งไปได้ แต่ไม่ได้ไปหยุดมัน
มันไม่มีหรอกไปหยุดฟุ้งได้หนะ ไม่เคยมีใครทำได้ อสงไขยไหนก็ไม่มี
หลายท่านก็ไม่ได้ตอบคำถามผม "ห้ามฟุ้งไปทำไม???"
ฟุ้งก็คือฟุ้งแหละ ไม่มีตามคนอื่น ตามใจตัวเองหรอก ฟุ้งก็คือฟุ้ง มันไม่มีจบหรอก มันก็ฟุ้งอย่างนี้มาทุก อสงไขย
คือเวลาเราป่วยหนะ ก็ต้องกินยา ต้องรักษาหละ สำหรับผมมันคือกระแสไฟฟ้าที่เอาไว้กระตุ้นการเต้นของกล้ามเนื้ออัตโนมัติ กล้ามเนื้อหัวใจ...
คือคนเราหนะต้องมีประสบการณ์ส่วนตัวบ้าง เราควรจะนึกออกว่าล่าสุดที่เราไม่มีสติหนะเมื่อไหร่ และก็น่าจะนึกออกว่าล่าสุดที่เรา มีสติหนะเมื่อไหร่...
คือเรากำหนดให้ท่านชื่อ พระวิจิกิจฉา กับพระอุทัจจะอุกุจจะ ในพระนีวรณ์บรรพะ ในพระมหาสติปัฐฐานสูตร คืออำนาจพระธรรมรัตน ธรรมในธรรมในธรรม...
เอางี้ ทำไมห้ามฟุ้ง คือมีวิจิกิจฉา กะอุทัจจะอุกุจจะพร้อม เกิดดับสลับกัน ผมถามว่าทำไมห้ามฟุ้งขอคำตอบด้วย
คืิอนิวรณ์ มีฟุ้ง พอใจในกาม ขี้เกียจ พยาบาท และสงสัย คนที่เต็มไปด้วยข้อสงสัย และห้ามคนอื่นทักท้วงด้วย มีนิวรณ์อีกตั้งหลายตัว...
ถ้าเราต้องกำหนดสติ เพราะพระรัตนตรัยสั่ง ก็ทำตามท่านสั่ง ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา ไม่ต้องไปสั่งใคร ให้อำนาจพระรัตนตรัยสั่ง
คิดคือสังขารขันธ์ไง ทะยานอยากที่จะไม่คิด เป็นพระสมุทัยอริยะสัจจะ มีอานุภาพทำลายอวิชชา แล้วก็อุทิศกุศลให้ฟุ้ง ว่ากูเนียะแหละได้ทำลายอวิชชา...
อุปปาทานว่านี้คือเรา และนี่คือทุกข์ของเรา ก็เรียกมาดูกัน น่าจะเป็ฯวิธีทำลายอวิชชา ถ้ารู้สึกว่าฉลาด ก็เกิดกุศล...
จริงๆเมตตา คือรู้ว่าตัวเราเองหนะทุกข์ และก็เรียกให้คนอื่นมาดูพระทุกข์อริยะสัจจะ น้อมไว้กะตัว ก็น่าจะเรียกเมตตานะ ก้ทำลายอวิชชาได้นะ
เนียะๆๆถ้าผมเพ้อตรงนี้เลยก็เท่ากะผมเมา แล้วอกมาอาละวาดในที่สาธารณะ แต่ปรกติตอนผมเมา ผมไม่รู้ ตัว ยังต้องการให้รู้อยู่ ชิมิ
คือคนเราหนะ เพ้อได้ เพ้อก็คือ อุทัจจะอุกุจจะ เพ้อได้ แต่ทำที่ไหนเท่านั้น กรรมก็เท่าๆกะกินเหล้าไม่ยอมสร่าง
คือจิตตานุปัสสนา ก็คือการ ฝึกฝน การศิกษาหาความรู้ เพิ่มพูนสติปัญญา อยู่แล้ว แต่ก็จะคะยั้นคะยออะไรซะขนาดนั้น เหมือนกะเนียะ...
เช่นการที่ผมจะละลึกรู็ ว่าผมควรดู หรือไม่ควรดู จิต ก็ต้องถามว่าเช้าเมื่อวานกะ เช้าวันนี้ อันไหนเกิดก่อน
คืออย่างผมเนียะ ผมมีอาการทางจิต แต่ผมหนะไม่รู้ตัว คนที่รู้ว่าผมมีอาการทางจิต เค้าก็ดูจิต แต่เค้าจะมีอาการทางจิตหรือไม่ ผมไม่ดูไง
ถ้าถามต่อว่าอย่างไรจึงจะเรียกอำนาจพระรัตนตรัย ตอนนี้เรียกว่า วิจิกิจฉา เป็นพระธรรมรัตน คิดถึงพระวิืจิกิจฉา ในพระนีวรณ์บรรพ...
จริงๆคนที่กำหนดว่าอะไรคือเจโตวิมุตติ คือ พระรัตนตรัย ก็ไปยึดอำนาจพระรัตนตรัยมากันเอง
น่าจะเรียกว่าโลกทิพย์ ในโลกใบนั้นถ้าเรากินข้าวอิ่ม คนที่รักเราและเรารัก ถ้าเราอุทิศความอร่อย ความอิ่ม หรือจะเป็นความดีอื่นๆๆๆ...
ประมาณว่า บุญใดกุศลใดประดยชน์และความสุขใด ที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ยทานศีลภาวนาศีลสมาธิปัญญา ที่ได้บำเพ็ยมาในทุกภพทุกชาติ...
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค เช่น พลังจิต, พุทธศาสนา