กรรมอันใดที่ทําให้คนเรา คิดเปลี่ยนศาสนาครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย sad boy, 22 พฤศจิกายน 2013.

  1. sad boy

    sad boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +454
    กรรมอันใดที่ทําให้คนเรา คิดเปลี่ยนศาสนาครับ
    เเล้วถ้าเปลี่ยน เป็นบาปมั้ยครับ ส่วนตัวไม่คิดจะเปลี่ยนเด็ดขาดถึงตายก็ไม่เปลี่ยนจากพุทธ เเต่ รู้จักคนที่ เปลีี่ยนจากพุทธไปเป็น คริสเตียน ส่วนตัวคุณพ่อก็เปลี่ยนนะครับ คุณพ่อเป็นชาวอเมริกา เปลี่ยนจาก คริสเตียน มาเป็นพุทธเหมือนคุณเเม่
     
  2. อิ๊ด

    อิ๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +551
    บัตรประชาชนผมพุทธครับ และรักศาสนาพุทธ (ทุกนิกาย) แต่ก็เปิดกว้างกับศาสนาอื่นเหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2013
  3. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    เคยร่วมทำบุญในศาสนานั้นๆมาก่อน แล้วขอให้ได้กลับมานับถืออีก
     
  4. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ก็คงไม่ใช่กรรมอะไรหรอก ขึ้นอยู่กะว่าทัศนะคติเราโน้มเอียงไปทางศาสนาใดกว่ากัน จริตเราอย่างไรเราก็เลือกศาสนาที่ตรงตามความเชื่อเรา อย่างดิฉันเป็น atheist ในช่องศาสนาคุณน่าจะรู้ว่าคืออะไร คือไม่ปักใจเชื่อศาสนาใดศาสนานึง ซึ่งคนทางตะวันตกส่วนใหญ่ก็จะเป็นกัน เพราะมันยังพิสูจน์ไม่ได้

    ดิฉันไม่ค่อยเชื่องเรื่องกรรมและเรื่องกลับชาติมาเกิด เชื่อว่าเป็นบางกรณีที่มันผิดปกติหรือ ฟรุ๊คจริงๆ จึงจะมีผีเกิดหลังจากคนตาย หรือ การกลับชาติมาเกิด คือเชื่อว่ามีแต่ไม่ใช่กฏตายตัว แต่ศาสนาพุทธมีประโยชน์ในแง่จิตวิทยาในการ ทำให้คนมีสติ สงบขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2013
  5. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090

    ขอยกเรื่องปัจจัตตังสำหรับผมมาเล่าสู่กันฟังนะครับ

    ผมเกิดมาในครอบครัวที่พ่อเป็นพุทธแม่เป็นอิสลาม
    และตนเองก็ต้องมานับถืออิสลามตามแม่
    ส่วนน้องชายสบายไป
    แต่ถึงกระนั้น ก็เติบโตมาในสังคมพุทธ
    กลายเป็นแกะดำ เขายืนหน้าเสาธงกัน
    เราไม่ยกมือไหว้พระ โดนล้ออยู่บ่อยๆ
    "อิสลามปาม" คำนี้โดนประจำ ล้อกันตั้งแต่เพื่อนยันครู
    ได้ไปเข้าพิธีซูหนัดตอนอายุราวๆ ๑๑-๑๒
    เพราะตอนเด็กๆไม่ยอมโดนคลิปเพราะกลัวเจ็บ
    แม่ก็หยวนๆมาตลอด จนสุดท้ายก็หนีไม่พ้น
    แผลอักเสบ ไปเรียนก็เดินถ่างๆ
    เพื่อนไม่รู้มันก็กอดบ้างดึงแขนบ้างทรมานตาย
    จนต้องบอก พอบอกมันก็ยิ่งแกล้งหนักเลย
    อักเสบเป็นหนองไปหลายเดือน
    วันเวลาผ่านไป เราก็เติบโตขึ้น
    แต่ความแปลกแยกไม่ได้หมดไป
    เพียงแค่รู้ว่าตัวเรานั้นไม่กินหมูไม่ไหว้พระ
    นับถือศาสนาอิสลาม เกิดช่องว่างระหว่างกันขึ้นเสมอ
    ชีวิตดำเนินมาเจอเรื่องราวสุดบรรยาย ฯลฯ
    จนมาถึงอายุ ๒๗ (ปีก่อน) ตอนนั้นครอบครัวไม่มีอยู่แล้ว
    พ่อกับแม่เลิกรากันไปได้หลายปี น้องชายก็ไปทำงาน กทม
    แม่ย้ายกลับบ้านที่สตูล
    เพราะผมป่วยเกือบจะตาย และได้เจอกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน
    จึงทำให้เริ่มสงสัยในความมีอยู่ของวิญญาณ
    ได้นั่งสมาธิ ยิ่งนั่งก็ยิ่งรู้สึก สุดท้ายเป็นอิสลาม
    แต่ขอแม่ไปบวชอยู่พรรษาหนึ่ง
    นั่นแหละจุดหักเหของชีวิต
    จะบอกว่านับถือพุทธแล้วก็ได้
    แต่จะบอกว่านับถืออิสลามอยู่ก็ได้
    ผมไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้น

    แต่ต่อมาถึงรู้ว่าบุพกรรมอะไรทำให้เป็นไป
    ทำให้ต้องไปเจอสภาพชีวิตแบบนี้
    นั่นก็เพราะ
    ในอดีตชาติ ได้บวชเป็นพระ
    แล้วก็ไปพูดจาไม่ดีกับศาสนาอิสลาม
    จึงต้องมาเจอสภาพแบบนี้
    วจีกรรมล้วนๆ
    ถึงไม่ส่งผลไปถึงนรก
    แต่วจีกรรมมันออกผลตอนเป็นมนุษย์
    เพราะฉะนั้น เรื่องวจีกรรมนี้อันตรายมาก
    ทำง่าย ได้รับแบบง่ายๆและก็สาสมเลยทีเดียว

    พระสมณะโคดม
    ก่อนจะตรัสรู้ ต้องหลงทางอยู่หลายปี
    ก็เพราะวจีกรรมในอดีตชาตินี่แหละ
     
  6. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    ชอบคำพูดนี้ของคุณ
     
  7. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    ทุกวันนี้ทีเรา(ตัวเรา) ดำรงชีวิตประจำอยู่ได้อย่างมีสติ เพราะเข้าหาธรรม
     
  8. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    น่าจะเป็นเพราะพลังศรัทธา ปัญญา สมาธิ ไม่พอจะเห็นธรรมตามจริงดังที่พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ได้

    จึงไม่อาจรักษาศรัทธาไว้ได้ ต้องเปลี่ยนไปนับถือศาสนาที่สอดคล้องรองรับความเชื่อของตน

    แต่ข้าพเจ้าว่าคนที่นับถือพุทธตามบัตรประชาชนก็คล้ายๆ กันนะ
     
  9. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,850
    แม้แต่ชาวต่างชาติ มีโอกาสเข้าไปในบริเวณวัดพระแก้ว
    จะด้วยศรัทธาหรือไม่ก็ตาม
    ก็ได้เข้ามาสู่วงศ์พระพุทธศาสนาโดยปริยาย
    หรือจะบังเอิญก็แล้วแต่ สามารถเป็นนิสัยให้เข้ามาได้
    ต่อไปจะสามารถมาเกิดเป็นคนไทย
    สืบต่อบุญบารมีสำเร็จมรรคผลได้
    http://palungjit.org/threads/หลวงปู่มั่น-กล่าวถึงพระแก้วมรกต.490392/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2013
  10. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090

    คุณไม่ค่อยเชื่อเรื่องกรรม
    ไม่เชื่อเรื่องการกลับมาเกิดใหม่
    ก็เลยคิดว่าศาสนาพุทธมีประโยชน์เพียงแง่จิตวิทยาดังกล่าว
    แต่จริงๆแล้ว ศาสนาพุทธไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ
    เป็นศาสนาที่ว่ากันด้วยความเป็นจริง
    แต่ผู้ที่ไม่เชื่อไม่เห็นไม่ลองปฏิบัติ
    ไม่มีโอกาสได้ประสบกับตนเอง
    ทำให้ไม่ได้รับรู้ ไม่ได้เข้าใจจริงๆ
    เฝ้าแต่จะหาสิ่งที่พิสูจน์เป็นรูปธรรมแต่เพียงเท่านั้น
    พระธรรมคือความจริงแท้ๆ เลยกลายเป็นแค่ความเชื่อ
    กลายเป็นเพียงศาสนาไป ทั้งที่จริงๆแล้วพระธรรมคือวิชชา
    ไม่ใช่ศาสนา ไม่ใช่ความเชื่อ
    เหมือนตอนที่มีคนบอกว่าโลกแบน
    ไม่มีใครพิสูจน์ได้ ก็เป็นเพียงความเชื่อ
    และในปัจจุบันได้พิสูจน์แล้วเห็นด้วยตนเองแล้ว
    ว่าโลกกลม ดังนั้นโลกกลมจึงไม่ใช่ความเชื่อ
    แต่เป็นความจริง
    เหมือนกัน
    ศาสนาพุทธ ก็ยังเป็นความเชื่อ
    สำหรับผู้ที่ไม่คิดจะพิสูจน์ความจริง
    แต่สำหรับผู้ที่ลงมือพิสูจน์แล้วเห็นแล้ว
    มันคือความจริง


    พระธรรมเป็นวิชชาว่าด้วยเรื่องที่
    เปรียบเทียบด้วยตรรกะด้วยเหตุด้วยผลได้
    ไฟในตะเกียงน้ำมันพืช ย่อมแสดงให้เห็นว่าไฟคงอยู่
    แต่ในความเป็นจริงแล้วไฟนั้นมันดับแล้วก็ติดติดแล้วก็ดับ
    ต่อเนื่องกันจนเรามองไม่ทัน แต่สิ่งที่เป็นปัจจัยนั้นก็คือน้ำมันพืช
    ไฟที่จุดในคราวแรกเพียงครั้งเดียว ก็เหมือนดวงจิตดวงเดียว
    เมื่อน้ำมันพืชคือกิเลส ที่เป็นปัจจัย
    ที่ขยายให้ดวงจิตดวงเดียว (คือไฟที่จุดขึ้นนั้น)
    มีสภาวะดับแล้วเกิด เกิดแล้วดับต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดกิเลส(น้ำมันพืช)
    ฉะนั้นแล้ว ชีวิตเราเนี่ย จิตวิญญาณเฉพาะของเรานะ
    มีดวงเดียว ตายไปในแต่ละภพชาติ มันก็ึิคือการดับ
    แต่มันก็ยังมีกิเลสเป็นเชื้อ จิตก็เลยเกิดขึ้นใหม่
    ฉะนั้น ที่เรามีตัวตนนั้น มีที่มา และเมื่อเราตาย ก็มีที่ไป
    ไม่ใช่การดับสูญ ไม่ใช่ตายแล้วจบกันไป
    เราไม่สามารถยกเหตุในเรื่องนี้มาให้เห็นเป็นรูปธรรมได้
    เพราะสิ่งที่เรากำลังเป็น คือผล และผลที่จะกลายไปเป็นเหตุต่อๆไป
    แต่เราสามารถหาข้อเปรียบเทียบได้
    เมือเราเห็นบ้านหลังหนึ่ง เราเห็นผล ผลนั้นคือการก่อสร้างบ้านออกมาเป็นบ้าน
    เราไม่เห็นเหตุ คือไม่เห็นผู้สร้าง แต่เราย่อมรู้ชัดว่า ต้องมีผู้สร้าง
    เพราะบ้านจะปรากฏเองไม่ได้

    พระธรรมก็ยังเป็นวิชชาว่าด้วยการพิสูจน์เรื่องที่เป็นนามธรรม
    ด้วยการฝึกจิตฝึกสมาธิ
    ก็จะสามารถระลึกรู้เรื่องราวเก่าๆที่ผ่านมาได้
    รู้ว่าสิ่งที่เรามีสิ่งที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้
    คือผลของการกระทำของเราในอดีตที่เป็นเหตุปัจจัย
    ซึ่งเป็นสิ่งที่รับรู้ในจิต ไม่สามารถนำมาโชวให้ผู้อื่นเห็นตามได้
    มีเพียงผู้ที่ลงมือปฏิบัติจริงๆจังๆเท่านั้นที่จะได้รับรู้


    ฉะนั้นแล้ว ผู้ฉลาดในธรรม ต้องพิจารณาให้เห็นแล้วทั้งสองส่วน
    อย่าพึ่งตัดสินว่า สิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ จะไม่เป็นความจริง
     
  11. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ขออนุโมทนาความแน่วแน่ในศรัทธาในพระพุทธศาสนาของท่านจขกท ครับ...

    การเปลี่ยนศาสนาเป็น"กรรมใหม่" ในปัจจุบันชาติ..เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น เพราะเคยสั่งสมความนิยมในคำสอนนั้นๆมาในอดีตชาติ ตัณหาย่อมกระตุ้นให้หันเหเข้าหาอีกได้เมื่อได้พบเจอในปัจจุบัน..หรือเพราะใคร่ครวญด้วยปัญญาเห็นได้ว่าคำสอนนั้นๆเป็นสิงที่ถูกต้องตามจริง หรือเพราะไม่แยบคายไม่มีปัญญาใคร่ครวญก็เชื่อดายตามเขาไปไม่อาจเห็นความไม่มีเหตุผลสมควรในสิ่งนั้น..หรือบางทีก็เปลี่ยนตามความนิยมตามกลุ่มเพื่อนฯลฯ เป็นต้น..
    ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า คำว่า บาป หมายถึงสภาพจิตที่เป็นอกุศลเศร้าหมอง ทำให้ผู้อื่น และตนเองเดือดร้อน... ถ้าจิตดีผ่องใส เป็นกุศลไม่ทำให้ตน และผู้อื่นเดือดร้อน ชื่อว่าบุญ ...

    ฉะนั้น เมื่อมีศรัทธาในพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์แล้ว กุศลและปัญญาเจริญขึ้น ย่อมเป็นสิ่งที่ดี เป็นบุญไม่มีโทษบาปใดๆเลย ..

    พึงทราบว่า มีเพียงคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่สามารถนำสัตว์ให้พ้นทุกข์ได้โดยไม่มีส่วนเหลือ..ดังนั้นผู้มีความแน่วแน่ในการถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะเท่านั้นจึงเป็นผู้ที่จะมีโอกาสหลุดพ้นจากวัฏฏะได้..นอกนั้น ไม่ใช่ฐานะที่จะพ้นได้...


    ขอยกข้อความที่เกี่ยวข้องมาแสดงเพิ่มดังนี้...

    แสดงสรณคมน์ขาด ไม่ขาด และผล
    บัดนี้ จะแสดงสรณคมน์ขาดเป็นต้น ที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้ว่า จะแสดงสรณคมน์ขาดและไม่ขาดทั้งผล ทั้งสรณะที่ควรถึง ดังต่อไปนี้.
    การขาดสรณคมน์ ของบุคคลผู้ถึงสรณคมน์อย่างนี้ มี ๒ อย่าง คือ มีโทษและไม่มีโทษ
    การขาดสรณคมน์เพราะการตาย ชื่อว่าไม่มีโทษ
    การขาดสรณคมน์เพราะหันไปนับถือศาสดาอื่น และประพฤติผิดในพระศาสดานั้น ชื่อว่ามีโทษ.

    การขาดแม้ทั้ง ๒ นั้นย่อมมีแก่พวกปุถุชนเหล่านั้น สรณะของปุถุชนเหล่านั้นย่อมชื่อว่าเศร้าหมอง เพราะประพฤติไปด้วยความไม่รู้ ความสงสัยและความรู้ผิด และเพราะประพฤติไม่เอื้อเฟื้อเป็นต้นในพระพุทธคุณทั้งหลาย
    ส่วนพระอริยบุคคลหามีสรณะที่ขาดไม่ และหามีสรณะเศร้าหมองไม่ เหมือนอย่างที่ตรัสไว้ว่า
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยทิฎฐิ [สัมมาทิฎฐิ] จะพึงนับถือศาสดาอื่น มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส
    ส่วนพวกปุถุชน ยังไม่ถึงการขาดสรณะตราบใด ตราบนั้น ก็ยังชื่อว่าเป็นผู้มีสรณะไม่ขาด การขาดสรณะของปุถุชนเหล่านั้น ย่อมมีโทษ มีความเศร้าหมองและอำนวยผลที่ไม่น่าปรารถนา การขาดสรณะที่ไม่มีโทษ ก็ไม่มีผล เพราะหาวิบากมิได้.
    ส่วนการไม่ขาดสรณะว่าโดยผล ก็ย่อมอำนวยผลที่น่าปรารถนาอย่างเดียว เหมือนอย่างที่ตรัสไว้ว่า
    ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ
    ชนเหล่านั้นละกายมนุษย์ไปแล้ว ก็จักไม่เข้าถึงอบายภูมิ
    จักทำหมู่เทพให้บริบูรณ์ ดังนี้.

    ก็ในข้อนั้น พึงทราบอธิบายแห่งคาถาอย่างนี้ว่า
    ชนเหล่าใด ถึงสรณะด้วยการตัดอุปกิเลสได้ขาดด้วยสรณคมน์ ชนเหล่านั้น จักไม่ไปอบาย ส่วนชนนอกนั้น จักไม่ไปอบาย ก็ด้วยการถึงสรณะ.
    แสดงสรณะขาดไม่ขาดและผลเพียงเท่านี้ก่อน.
    ...

    ที่มา..

    [http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2013
  12. toseal

    toseal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +618
    คือ เราเรียนรู้และศึกษาที่เรานับถืออยู่แค่ไหน เอาเป็นว่าชาวพุทธส่วนมากทำบุญกับตักบาตรตอนเช้า อย่างอื่นทำตามพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ไม่เคยแม้แต่ศึกษาหลักธรรมคำสอนที่สามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
     
  13. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301


    ดิฉันจะเชื่ออะไรก็ต่อเมื่อพิสูจน์แล้วเท่านั้นคะ ส่วนใครเขาจะเชื่อแบบหมดใจทั้งที่ตัวเขาเองยังพิสูจน์ไม่ได้ก็เรื่องของเขาคะ......... แต่ดิฉันเชื่อเท่าที่มีความสามารถจะพิสูจน์ได้ในขณะนี้และตอนนี้ก็เชื่อเท่าที่ตัวเองสามารถพิสูจน์ได้ แต่ในส่วนที่ตนเองยัไม่สามารถพิสูจน์ จะให้เชื่อได้ยังไงะคะ? อย่าง เรื่อง ป่าหินมพานท์ เขาพระสุเมร นางเงือก กินรี คนธรรพ์ ฯลฯ ถ้าเอาเชื่อตามที่คนอื่นบอกก็ ไม่ใช่นิสัยดิฉันคะ คงจะเพราะว่าพ่อดิฉันท่านเป็นหมอด้วย และปกติครอบครัวก็ค่อนข้างแข็งๆ กัน ดิฉันยอมรับศาสนาพุทธ ระดับนี้ก็นับว่าค่อนข้างมากแล้วคะ

    เพราะขนาดพ่อแม่ของดิฉัน ท่านระดับผู้ใหญ่ ท่านไหว้พระอะไรจริง แต่ก็ไม่ได้งมงายเชื่อแบบไม่ลืมหูลืมตาคะ อย่างเรื่องมโณยิทธิ คุณแม่ดิฉันท่านยังไม่เชื่อเลยคะ ท่านบอก คิดกันไปเอง แต่ท่านถือเอานั่งสมาธิเอาเองให้จิตใจสงบ ห้านาที สิบนาที อะไรอย่างนี้มากกว่า นิพพานท่านก็ไม่หวัง ด้วย ท่านบอก ทำบุญ มีศีลห้า ได้เกิดมาเป็นคนประคองตนให้มีความสุขตามอัตรภาพก็พอแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2013
  14. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    เอ.... แล้วคลิปหมอปลาล่ะ พิสูจน์ยังอะ เห็นเชื่อจัง ได้ค่านายหน้าป่าว เอามาโฆษณาเนี่ย หรือ อยู่แก๊งเดียวกัน เหอๆๆ
     
  15. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090


    ผมก็หมายเอาเฉพาะะเรื่องที่พิสูจน์ หรือเปรียบด้วยเหตุผลได้จริงๆเท่านั้นสิครับ
    เรื่องป่าหิมพานเอย เขาพระสุเมร นางเงือก กินรี คนธรรพ์ พระอินทร์ ฯลฯ
    เรื่องพวกนั้นมันเรื่องของความเชื่อสอดแทรกเข้ามา
    ที่ผมต้องการจะบอกคือ เรื่องของกรรม เรื่องของการตายแล้วมาเกิดใหม่
    เพราะเห็นว่าคุณบอกว่าไม่ค่อยเชื่อเท่านั้น
    ก็เลยเป็นประเด็นให้ผมชี้แจงน่ะครับ
    สำหรับผมเรื่องที่เป็นศรัทธาผมก็ไม่เอาเหมือนกัน
    สวรรค์นรกผมก็ไม่ได้เชื่อว่าเป็นชั้นๆอย่างนั้น
    ไม่ได้เชื่อว่ามีป่าหิมพาน คนธรร นาคา อะไรนั่น
    มโนมยิทธิเป็นอย่างไร ทำงานได้อย่างไร
    ผมได้ฝึกสมถะมานาน และได้สัมผัสกับผลของมันบ้างแล้ว
    ทำให้รู้ว่า มโนมยิทธิ ก็คือผลของสมถะนั่นแหละ
    คือส่วนของ จุตูปปาตญาณ นั่นแล
    ต้องผ่านการทำสมาธิอบรมจิตเป็นเวลาพอสมควร
    ผู้จะได้มโนมยิทธิจริงๆ ต้องฝึกกรรมฐานให้ได้ฌานมาก่อน
    และจึงไปฝึกแบบมโนมยิทธิในภายหลัง
    จะทำให้ใช้กำลังของสมถะได้ถูกต้อง
    การเริ่มต้นฝึกมโนมยิทธิโดยไม่มีพื้นฐานการฝึกสมถะ
    ก็เป็นไปได้แค่บุคคลที่นั่งหลับฝันไปตามจินตนาการตนเอง
    หรือฝันไปตามเสียงที่มีผู้บอกกล่าวเท่านั้น


    แต่ที่ผมจะสื่อคือ
    ที่เราเห็นๆกันอยู่ทุกวันนี้ คือเรื่องของกรรม
    ทำอะไรไว้ก็ได้อย่างนั้น
    ปลูกมะม่วง ก็ย่อมได้มะม่วง
    ไปโกงเขามา สักวันก็ถูกโกง
    ไปทำสิ่งผิดกฏหมาย ก็ต้องรับโทษติดคุกติดตาราง
    ฉะนั้นแล้ว กฏแห่งกรรมมีจริง
    ผู้ที่ทำชั่วช้ามากๆ เช่นฆ่าสัตว์ตัดชีวิตได้ง่ายๆนั้น
    บุคคลจำพวกนั้นไม่เชื่อเรื่องกรรม ไม่สนบุญบาป
    ส่วนใหญ่เชื่อว่า เกิดมาครั้งเดียว ตายครั้งเดียว
    ดับสูญไม่เกิดอีก จึงต้องตักตวงหาความสุขให้มากที่สุด
    โดยจะเบียดเบียนใครก็ได้ ไม่สนใจเรื่องศีลธรรมคุณธรรมจริยธรรม

    อย่างเรื่องของบุคคลในศาสนาหนึ่ง
    ที่คุณ(รึเปล่า)ได้ยกตัวอย่างมาโพส
    ว่าเขามีทัศนคติต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
    ว่าเกิดมาเป็นอาหาร ฆ่ามันไปจะบาปได้อย่างไร
    อย่างนี้แล เป็นอาการของมิจฉาทิฏฐิ
    เมื่อผมเห็นคุณโพสแบบนั้น
    จึงหมายเข้ามาเตือน
    เพราะความคิดอย่างนั้น
    หากมันอยู่กับบุคคลใดนานๆ
    มันก็จะฝังรากลงไปลึกๆในจิต
    คุณธรรมเริ่มเสื่อมถอย
    บุคคลนั้นๆจะเริ่มกลายเป็นผู้เห็นแก่ตัว
    จึงได้บอกกล่าวมาตรงนี้ครับ


    ปล.ผมก็ไม่ไหว้พระ ส่วนใหญ่จะศึกษาธรรม และนั่งสมาธิเท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2013
  16. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    สำหรับคลิปหมอปลา ตามการวิเคราะห์ ของดิฉันคือ เชื่อคะเพราะเขาไม่ได้สนับสนุนให้คนไหว้เจ้าไหว้ผี ดิฉันถึงเชื่อเขาคะ
     
  17. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    อุ้ย..เป็นพระจริงๆด้วย
    แอบตามอ่านมาแต่กระทู้โน้น นะค่ะ อิอิ

    ดิฉันก็วจีกรรมเยอะ มโนกรรมเยอะมากๆๆ เพื่อนหลายคนเตือนแล้วเตือนอีก ให้หยุดได้แล้ว

    ยังไม่นับ กายกรรมอีก เฮ้อออออ
     
  18. saisiam_amn

    saisiam_amn สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +12
    แม่น้ำหลายสาย ไหลสู่มหาสมุทรเดียวกัน ศาสนาหลากหลาย เป้าหมายเดียวกัน ^^
     

แชร์หน้านี้

Loading...