กะลาตัน หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว

วันนี้แมงโม้บินว่อนอีกแล้ว คราวก่อน ได้เอาเครื่องรางเกี่ยวกับจันทรุปราคา มาโม้ ไปแล้ว วันนี้ ว่างมาโม้ต่อ ต้องบอกว่าเป็นหนึ่งเดียวของเครื่องรางหายากก็ว่าได้ กะลาตัน ซึ่งถือเป็นเครื่องรางทนสิทธิ์ นั้นนับว่าหาได้ยากแล้ว แต่กะลาตันที่ลงอาคมโดยหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จะหาได้ที่ใหน ด้วยงานที่ทำ ทำให้ผมได้พบผู้คนหลากหลาย และหนึ่งในบุคคลหล่าวนั้น คือเจ้าของกะลาตันหรือมหาอุตม์ที่ว่า ผมมักจะได้เครื่องราง เก่าเก็บ จากการช่วยเหลือคลายทุกข์ จากบุคคลหล่าวนั้น เมื่อเค้ารู้ว่าผมชอบสะสมบูชาเครื่องราง ต่างๆ บวกกับเครื่องรางหล่าวนั้น เจ้าของเดิมหรือลูกหลานรุ่นหลังไม่ได้สนใจใส่ใจปล่อยทิ้งจนฝุ่นจับหนาเขอะ เค้าก็มักจะเอาเครื่องรางเก่าๆที่ไม่สนใจให้ผมเป็นสินน้ำใจ อยู่เนืองๆ
ครั้งนี้ก็เหมือนกันเจ้าของเค้าถามผมว่าชอบกะลาเก่ามั้ย ถ้าชอบจะให้ ผมบอกว่าถ้าเป็นของเก่าผมชอบเก็บสะสมหมดแหละครับ เค้าเข้าไปห้องพระแล้วออกมาพร้อมกะลาเต็มใบ ฝุ่นจับเป็นฝ้าขาวเขอะหนา ครึ่งใบ น่าจะวางบนพาน แบบไม่สนใจเป็นปีๆ บอกผมว่าอยู่ใต้โต๊ะหมู่หลายสิบปี พอเอาผ้าเช็ดฝุ่นออกทั้งใบ ตามภาพ ครับ งามแปลกตา คล้ายเครื่องเบ็ญจรงค์ ตามปกติกะลาประเภทนี้ จะแกะเป็นพระราหูอมจันทร์ซะส่วนใหญ่
ทีแรกผมว่าเป็นกะลาตาเดียว แต่กะลาใบนี้เป็นกะลาตันหรือที่เรียกกันว่ากะลามหาอุตม์ แกะลายแบบสี่ทิศ ด้านบนและด้านล่าง แกะลายประจำยามหรือที่ชาวบ้านเรียกดอกสี่ทิศ ด้านซ้ายและขวา แกะลายบัวบูชา ดอกบัวตูมผลิกลีบ แกะจารอักขระขอมโอม กลางดอกบัวตูม แกะะจารอักขระตามแนวกะลาโอบใต้ดอกบัวบูชา เหมือนกันทั้งซ้ายและขวา ลงสีฝุ่นไตรรงค์ แดง เหลือง เขียว ลายประจำยามด้านบนลงสีเหลืองกลางดอกสีแดง ด้านล่างลายประจำยามสีแดงทั้งดอก ดอกบัวบูชาซ้ายขวาลงกลีบดอกสีเขียว บัวตูมตรงกลงลงสีแดง
ตามประวัติท่านเจ้าของเดิมมีมาแต่รุ่นปู่ แกะโดยช่างที่แกะหนุมานของหลวงปู่ แล้วให้หลวงปู่ท่านลงอาคมกำกับ ท่านได้รับการบอกต่อมาประมาณนี้
เมื่อผมได้มาก็มาสืบค้นต่อเพราะอยากรู้ คาถาที่แกะจารโอบบัวบูชาไว้ จากผู้รู้ได้ความว่าเป็นอักขระยันต์กันจันทร์ หรือจันทรประภา
กะลามหาอุตม์ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
ผมเรียกของผมเองว่า กะลาตัน จันทรประภา เอามาให้ชมกันครับ