การทดลองจิตเร็วกว่าความเร็วของแสง

ในห้อง 'การทดลองทางจิต' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 16 สิงหาคม 2005.

  1. TeePhakin

    TeePhakin Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +51
    จิตไวกว่าแสง พริบตาเดียวไปไหนก้อได้...
    ความคิดเป็นอุปทานซะมาก...ต้องเคยเห็นถึงไปได้ หรือไม่ก้อ จินตภาพเอาล้วนๆ ดังนั้นไม่จริงเท่าจิต โดนหลอกความคิดเอาได้
    จิตเบา จิตไว จิตใส ไวที่สุดแล้ว เห็นด้วยครับ อนุโมทนา จิตไวกว่าแสง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2013
  2. roserasa

    roserasa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +243
    ถ้าจิตอยู่ในกายละเอียด(กายทิพย์) ที่ไม่ใช่กายเนื้อ(กายหยาบ)
    จะไปมาได้เร็วดุจพริบตา ที่เร็วกว่าแสง เช่นเทวดา พรหม
    www.watnapp.com
     
  3. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    977
    ค่าพลัง:
    +3,498
    ผมเองก็เข้าใจว่า แสงอาจไม่ใช่สิ่งที่เร็วที่สุด
     
  4. อีกัวน่า

    อีกัวน่า สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +0
    ผมเคยดูสาระคดี (ไม่แน่ใจนะแต่คิดว่ารายการสำรวจโลก) เขากล่าวถึงอนุภาคพระเจ้า (ควันตั้ม) และกล่าวถึงการรับรู้ในระดับควันตั้ม ซึ่งอาจจะไปสนับสนุนเรื่องที่ว่า มนุษย์ผู้ฝึกจิตอาจจะสามารถรับรู้สรรพสิ่งในจักวาลหรือสื่อสารทางจิตข้ามกาแล็กซี่ก็เป็นได้ ที่จริงบอกว่าสื่อสารก็ไม่ถูก เป็นการสัมผัสทางจิตมากกว่า ถ้าเรื่องนี้จริง ก็สามารถสรุปได้ว่าจิตจะไปถึงจุดหมายได้โดยไม่ต้องเดินทางครับ
     
  5. รอดป่อง

    รอดป่อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2013
    โพสต์:
    292
    ค่าพลัง:
    +2,473
    ขอแสดงความคิดเห็นด้วยคนครับ ผมว่าความคิดกับจิตนั้นไม่เร็วกว่าแสงครับ เพราะว่าทั้งสองอย่างนั้นไม่ได้เดินทางไปไหน หากแต่อยู่ในกายของเรา ส่วนแสงนั้นเดินทางได้ ผมว่าไม่น่าจะวัดกันได้นะครับ ความคิดกับจิตอยากไปที่ไหน ก็แค่ดึงมโนภาพมาปรุงแต่งว่าเป็นสถานที่แห่งนั้น สมมติว่าอยากไปดวงอาทิตย์ก็ดึงภาพดวงอาทิตย์มาจากมโนภาพที่ความคิดและจิตใจปรุงแต่งขึ้นมาแค่นั้นเอง เพราะในความจริงนั้นท่านไม่สามารถไปดวงอาทิตย์ได้หรอกครับ อนุภาคความร้อนจะเผาไหม้ท่านตั้งแต่ยังไม่ออกจากชั้นบรรณญากาศของโลกซะอีก ด้วยเหตุนี้จึงคึดว่าไม่น่าจะแข่งกันได้ครับ
     
  6. mrkyo

    mrkyo สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +3
    คำตอบ....ไม่ได้มี แค่ คำตอบ....ขอ อนุโมธนา แต่มัน มีอีกเยอะครับ อย่าจบเพรียงแต่ ว่า จิต เร็วกว่าแสง ...ขอให้ต่อเรื่องนี้ด้วย ครับ

    หาคำตอบให้ ผมทีครับ 1 คูณ 1 = ?
     
  7. ท้องทุ่ง

    ท้องทุ่ง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +9
    “มนุษย์”จักวาล” คือเพชรเม็ดงาม ของการปรุงแต่งแห่งนามรูป
    ความรู้ของมนุษย์และ”จักวาล” คือมายาของนามรูป ซึ้งอยากที่ผู้ไดจะรู้ได้ เมื่อมีนาม ก็ต้องมีรูป เมื่อมีรูปก็ต้องมีนาม เมื่อมีนามรูปจึงมีวิญญาณ เมื่อไม่มีเวลา ที่มาและที่ไปจึงไม่มี (นิพพาน เหนือกาลเวลา) เมื่อมีเวลา ที่มาและที่ไปจึงเกิดมี - สสาร – แรงดึงดูด – ดวงดาว - จักวาล “แรงดึงดูดคือการปรุงแต่งของ- สสาร - ดวงดาว- จักวาล” “การปรุงแต่งของมนุษย์” คือสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกมัด (วิญญาณ – นาม – รูป - สสาร – แรงดึงดูด – ดวงดาว - จักวาล อยู่ในกฎของเวลา-นิพพาน เหนือกาลเวลา) “เพราะมีสิ่งนี้ สิ่งนี้ จึงมี” “ เพราะการดับไปของสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป” "กฎอิทัปปัจจยตา" เพราะการปรุงแต่งของนามรูป จึงมีทุกสิ่ง ที่เรารู้ เราสัมผัส (วิญญาณ นามรูป อยู่ในกฎของเวลา) เพราะการดับไปของนามรูป วิญญาณ หรือ สิ่งที่เรารู้ เราสัมผัส จึงดับไป (ความมีคือการรับรู้สิ่งหนึ่ง หรือ นิพพาน เหนือ กาลเวลา) วิญญาณ หรือ สิ่งที่เรารู้ เราสัมผัส ที่ยังไม่ดับ (คือการ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ของทุกสิ่งที่เรารู้ เราสัมผัส)
    สิ่งที่เล็กที่สุดคือ (นิพพาน เหนือกาลเวลา) ความเห็นของ “มนุษย์” อะตอมประกอบขึ้นด้วยโปรตรอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน ซึ่งเป็นคลื่นไฟฟ้าประจุ ลบ บวก (ซึ้งตรวจวัดได้ด้วยเครื่องมือที่“มนุษย์” เป็นผู้เสร้าง เรียกว่ารูป นามคือชื่อเรียกละเอียดกว่าเล็กกว่ารูป (เรียกว่ามี) เพราะเหตุนั้น วิญญาณ นามรูป จึงอยู่ในกฎของเวลา) สิ่งที่ใหญ่ที่สุดคือ (นิพพาน เหนือกาลเวลา)
    อีกนัยหนึ่งคือการอยู่ด้วยกันในสิ่ง 2 สิ่ง รูปนาม อยู่ในกาลเวลา และนิพพานอยู่ เหนือกาลเวลา อยู่ด้วยกัน ขนาดเท่ากัน เล็กเท่ากัน ใหญ่เท่ากัน นั้น ปราศจากขอบทุกๆด้านของสิ่งทั้ง 2 นั้นอย่างสินเชิง จึงเป็นกฎคู่ขนานที่ไม่อาจเข้ากันได้แม้จะอยู่ด้วยกันเหมือนน้ำ กับ ใบบัว ดัง พุทธภาษิตกล่าว ว่า ผู้เข้าถึงธรรม (มุนี) ไม่ติดอยู่ในสิ่งทั้งปวง ไม่ทำอะไร ๆ ให้เป็นที่รักให้เป็นที่ชัง ความรำพึงรำพันและความหวงแหน จึงมิได้แปดเปื้อน เหมือนน้ำไม่แปดเปื้อนใบบัว แต่ความไม่เที่ยงของนามรูปอยู่ในกฎของเวลานั้น มีหนทางปฎิบัติให้ออกมาจากความไม่เทียงนั้นได้โดย ภพของ“มนุษย์” และสัตว์ที่กระดูกกระดิกได้ โดยการรู้ อริยสัจ 4 ปฏิจจสมุปบาท แต่กาลเข้ามาถึง ซึ้งนิพพาน เหนือการเวลาซึ้งเป็นความบริสุทธิ์ อย่างที่สุด ไม่มีสิ่งใด ปรุงแต่งได้ จึงเป็นความสงบที่รุ่งเรืองเหนือสิ่งใดๆ เมื่อเป็นความสงบแท้จริง การปรุงแต่งจึงไม่อาจมีได้ด้วย กฎดังที่กล่าวมาข้างต้น (เส้นขนานไม่อาจบรรจบกันได้และไม่อาจกล่าวถึงที่มาที่ไปได้เลย)เพราะการปรุงแต่งของนามรูป จึงมีทุกสิ่ง ที่เรารู้ เราสัมผัส “การไปให้ถึงขอบจักวาลคือส่วนหนึ่งที่“มนุษย์” ไม่มีทางไป”(วิญญาณ นามรูป อยู่ในกฎของเวลา) **การไปให้ถึงขอบจักวาลคือความว่างเหนือกาลเวลาที่ไม่อาจเข้าถึงได้** (ความว่างที่เราท่านไม่อาจเข้าใจ ได้ คือ(นิพพาน เหนือกาลเวลา) สิ่งที่ไม่สามารถไปให้ถึงได้ด้วย การไป การมา การเดินทาง รูปและนาม ไม่ อาอาจหยั่งถึงได้ (คือนิพพาน เหนือกาลเวลา) ช่องว่างที่เกิดขึ้นระหว่างรูป-นาม (คือนิพพาน เหนือกาลเวลา ที่ถูกอวิชชาครอบ) ซึ้งมีในตัว“มนุษย์” และสัตว์ที่กระดูกกระดิกได้ สิ่งที่เกิดดับระหว่าง รูป-นาม ดับ เป็นอวิชชา หรือ วิญญาณ ดับ ไม่ใช่ จิต (เป็นชื่อที่ใช้เรียกตามที่เข้าใจต่างกัน) ความจริงสิ่งนี้ไม่มีชื่อเรียก (คือการรับรู้สิ่งหนึ่ง หรือ นิพพาน เหนือกาลเวลา)*การสุดรอบ “ของสิ่งสองสิ่ง” (คือความว่างที่ไม่มีสิ่งไดหยั่งถึงทั้งรูปและนาม) อีกนัยหนึ่ง ช่องว่างของสิ่งที่มีการกระตุ้นเร่งเล้า และการตอบสนองของสิ่งที่ถูกกระทำ (คือนิพพาน เหนือกาลเวลา ที่ถูกอวิชชาครอบ) ช่องว่างของสิ่งที่กระตุ้นเร่งเล้า และไม่มีการตอบสนองของสิ่งที่ถูกกระทำ (คือการรับรู้สิ่งหนึ่ง หรือ นิพพาน เหนือกาลเวลา) พระอริยเจ้า มีวิหารธรรมเป็นเครื่องอยู่ (คือการอยู่กับสิ่งหนึ่ง หรือ นิพพาน - ความสงบ เหนือกาลเวลา) ท่านอยู่กับกายและลมหายใจ – ความสงบ - เหนือกาลเวลา หากยังมีชิวิตอยู่ และหากปรินิพพานท่านอยู่กับ ความสงบที่รุ่งเรือง - เหนือกาลเวลา ส่วนสัตว์ทั้งหลายผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกมัด วิ่งไป ท่องเที่ยวไป ที่อยู่ในกาลเวลา ... ในระดับล่างสุด คือ สัตว์นรก เปรต อสุรกายและสัตว์เดรัจฉาน ถัดมาคือ มนุษย์ เทวดา และพรหม นรก-สวรรค์เป็นเครื่องอยู่ วิ่งไป ท่องเที่ยว จนกว่า อวิชชา หรือ วิญญาณ ดับ ถึงจะหลุดพ้น เป็นพระอริยเจ้า มีวิหารธรรมเป็นเครื่องอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่“มนุษย์” ค้นหา หรือสำเร็จ ก็มีดังนี้ แล... ข้อธรรมดังที่ข้าพเจ้ากล่าวมาทั้งหมด โปรด ใคร่ครวญ พิจารณา เฉพาะที่เกิดประโยชน์แก่ท่าน
     
  8. tongsongcat

    tongsongcat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +997
  9. wh0

    wh0 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2016
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +0
  10. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ถ้ำพระสารีบุตร
     

แชร์หน้านี้

Loading...