เรื่องเด่น การเตรียมการรับมือกับภัยพิบัติต่างๆและสงครามนิวเคลียร์

ปัจจุบัน ผมเองยังเตรียมการรับมือภัยพิบัติต่างๆมาตลอดครับ แม้ว่าจะยังไม่พร้อมเต็มที่ก็ตาม และผมได้ศึกษาและเตรียมวางแผนรับมือภัยพิบัตินิวเคลียร์เอาไว้ด้วย พบว่าในบรรดาภัยพิบัติทั้งหลายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ภัยพิบัติจากสงครามนิวเคลียร์เป็นสิ่งที่รับมือได้ยากที่สุด และต้องเตรียมการนานหลายปี เนื่องจากผลกระทบจากสงครามนิวเคลียร์นั้นกว้างขวางมากและส่งผลยาวนานหลายปีครับ ถ้าจะรอให้สัญญาณของสงครามชัดเจนแล้วค่อยเตรียมตัวคงจะไม่ทันเวลา การเตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆย่อมดีกว่าครับ



ก่อนที่จะเข้าเรื่องต่อไป ผมอยากสอบถามว่ามีท่านใดบ้างที่ได้คิดวางแผนหรือเตรียมการรับมือภัยพิบัติใหญ่หรือสงครามนิวเคลียร์กันบ้างครับ (เพื่อนๆสมัยก่อนก็ห่างหายกันไปเยอะเลย ถ้าจำกันได้ก็แวะมาทักทายกันหน่อยนะครับ) ขอบคุณครับ

 

Slow Life ตอนที่ 80 สวนผักกลางเมือง​

เผยแพร่เมื่อ 10 ก.พ. 2016​

 

ไปเลย ล่องแพห้วยกระทิง เที่ยวเมืองเชียงคาน​

เผยแพร่เมื่อ 30 เม.ย. 2013​

ctvthailand พาท่านไปพักผ่อนหย่อนใจและคายร้อนที่ห้วยกระทิงด้วยการล่องแพแล้วไปเยี่ยมชมเมืองโบราณที่อำเภอเชียงคานจังหวัดเลย

 

เนื่องจากสงครามใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากการรบกันด้วยอาวุธทั่วไปแล้ว ยังมีโอกาสที่จะใช้อาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงอย่างระเบิดนิวเคลียร์ซึ่งในปัจจุบันมีหลายประเทศที่ครอบครองอาวุธร้ายแรงเหล่านี้ และมีจำนวนมากพอที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตต่างๆล้มตายได้อย่างมหาศาลครับ และอานุภาพของระเบิดนิวเคลียร์ในปัจจุบันได้พัฒนาไปมากครับ

แม้ว่าประเทศไทยอาจจะไม่ได้ได้รับผลกระทบโดยตรงแต่ผลกระทบโดยอ้อมนั้นมีอยู่มากครับ ตั้งแต่ฝุ่นกัมมันตภาพรังสีจากการระเบิดที่สามารถแผ่กระจายปกคลุมได้กว้างขวาง สามารถส่งผลให้พืชพรรณธัญญาหารและแหล่งน้ำตามธรรมชาติต่างๆปนเปื้อนและเป็นพิษภัยต่อผู้ที่บริโภคหรือสัมผัสเข้าไป อย่างน้อยก็ก่อให้เกิดการระคายเคือง อาจมีอาการอ่อนเพลีย อาเจียน ท้องเสีย ผมร่วง เม็ดโลหิตขาวลดลง ถ้าได้รับเข้าไปมากก็อาจถึงแต่ความตายได้ ถ้าไม่ถึงตายก็มีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งในเวลาต่อมา มนุษย์ สัตว์และพืชพรรณธัญญาหารที่ได้รับรังสีอาจเกิดการกลายพันธุ์และเป็นหมันได้ครับ (ที่ฟูกูชิมะ ญี่ปุ่น พบพืชที่กลายพันธุ์หลายชนิดจากผลกระทบของรังสีจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์รั่วไหลครับ)

รายละเอียดเพิ่มเติมทางวิชาการเรื่องผลกระทบของรังสีต่อมนุษย์ อ่านได้จากที่นี่ครับ https://health.kapook.com/view24286.html

 

เปิดกระเป๋าฉุกเฉิน​

เผยแพร่เมื่อ 3 เม.ย. 2013​

 

นอกจากผลของกัมมันตภาพรังสีแล้ว ยังมีผลกระทบจากภาวะฤดูหนาวนิวเคลียร์อันเนื่องมาจากฝุ่นละอองจำนวนมากที่จะเข้าไปบดบังแสงอาทิตย์จนมืดครึ้มและอาจกินเวลานานหลายปีจนกว่าฝุ่นจะจางลงสู่ภาวะปกติ ความหนาวเย็นและความมืดครึ้มในเวลาที่ยาวนานจะส่งผลกระทบกับสิ่งมีชีวิตต่างๆ ทั้งมนุษย์ สัตว์ และพืชพรรณธัญญาหารทั้งหลาย ซึ่งในกรณีที่หนาวจัดและอาจไร้ซึ่งแสงแดดนานนับเดือนนับปี จะเตรียมการรับมืออย่างไร หากไม่สามารถปลูกพืชในภาวะปกติได้ เป็นเรื่องที่น่าคิด และเป็นสิ่งสำคัญในการวางแผนในระยะยาวต่อไปครับ

เรื่องฤดูหนาวนิวเคลียร์ที่น่าสนใจ http://www.thairath.co.th/content/51232

 

อิ่มบุญ อิ่มเจ พร้อมชาคริต ได้ทุกวัน กับโรซ่าเจ
​

เผยแพร่เมื่อ 5 ก.ย. 2013​

ชาคริต เเย้มนาม อิ่มบุญด้วยการละเว้นทานเนื้อสัตว์ในวันเกิดและวันพระ
ก็แค่ฉีก เท โรซ่า เจ อิ่มเจได้ ทุกมื้อทุกวัน

 

นอกจากผลกระทบดังกล่าวที่บอกมาแล้ว ผลจากการทำลายล้างจากสงครามที่กว้างขวาง สามารถส่งผลให้วัตถุดิบหรือสินค้ารวมถึงบริการที่ใช้เทคโนโลยีสูงต่างๆที่ไทยเราผลิตเองไม่ได้หรือต้องนำเข้าจากต่างประเทศอาจสูญสิ้นไป เหลือเท่าที่พอมีอยู่เดิม และคงต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควรในการฟื้นฟูเทคโนโลยีขึ้นใหม่ รวมทั้งยารักษาโรคก็จะขาดแคลนมากในช่วงนี้ อาจต้องพึ่งพายาแผนโบราณหรือสมุนไพรและแพทย์ทางเลือกมากขึ้น

 

สีสันเศรษฐกิจ : ผักผลไม้อบกรอบ บุกตลาดสินค้าสุขภาพ​

เผยแพร่เมื่อ 18 ส.ค. 2016​

ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กรีนเดย์ บุกตลาดสินค้าสุขภาพ หวังให้เด็กได้ทานขนมถุงอบกรอบ ผัก ผลไม้ จึงส่งเสริมเกษตรกรทำสัญญาปลูกพืชส่งโรงงาน และให้ บสย.ค้ำประกันสินเชื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการ

 

สินทรัพย์งานวิจัย โปรตีนเกษตร​

เผยแพร่เมื่อ 22 พ.ย. 2012​

 

ไอโอดีนเม็ด กินอย่างไรให้ปกป้องรังสี โดย เภสัชกร อุทัย สุขวิวัฒน์ศิริกุล

การเคลื่อนตัวของเปลือกโลกที่ญี่ปุ่นจนเกิดสึนามิที่กราดเกรี้ยวก่อให้เกิดความเสียหายบ้านเรือนรวมไปถึง โรงงานผลิตพลังงานจากนิวเคลียร์ ฟุกุชิม่า ไดอิจิ ขณะนี้เรากำลังอยู่ในช่วงตามติดการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีจากโรงงานดังกล่าว สิ่งที่เรากำลังวิตกคือสารกัมมันตรังสีจะเกิดผลต่อเราอย่างไรต่อไป หรือถ้าตอนนี้มีญาติพี่น้องที่อยู่หรือต้องเดินทางไปญี่ปุ่นแล้วมีความเสี่ยงเช่นนั้นหล่ะควรทำอย่างไร มาฟังเภสัชกรหนุ่มรูปหล่อเล่าให้ทราบถึงยาเม็ดไอโอดีน กินอย่างไรให้ถูกวิธีเพื่อป้องกันรังสี ผลข้างเคียง และหาซื้อได้ที่ไหน อย่างที่เตือนมาทุกครั้ง เนื่องจากวิกฤตครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่เร็วมาก จึงขอความทุกท่านกรุณาตรวจสอบข้อมูลพร้อมกับติดตามข่าวสารประจำวันร่วมด้วยนะครับ

ผลของสารกัมมันตรังสีต่อร่างกายเรา

มนุษย์เราได้เรียนรู้ผลวิกฤตครั้งแรกของการรั่วไหลสารกัมมันตรังสีสู่สิ่งแวดล้อมและปนเปื้อนอาหารได้จากกรณีการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เชอร์โนบิลล์ สหภาพโซเวียตระเบิดในปี พ.ศ. 2529 ที่มีฝุ่นกัมมันตรังสีกระจายไปยังประเทศแถบยุโรปและเอเชีย สารรังสีนี้ปนเปื้อนลงไปแหล่งน้ำ ทุ่งหญ้าซึ่งเป็นอาหารสัตว์ จึงกระทบต่อห่วงโซ่อาหารทั้งหมดและมาถึงคนเราได้ สารกัมมันตรังสีที่ตรวจพบบางชนิด ได้แก่ ไอโอดีนและซีเซียมในรูปแบบสารกัมมันตรังสี ซึ่งการหุงต้มไม่ทำให้สารนี้สลายตัวได้ นอกจากรอเวลาที่สารกัมมันตรังสีสลายตัวไปเท่านั้น

หากโชคร้าย หากเราได้รับสารกัมมันตรังสีดังกล่าวในปริมาณมากๆ หรืออยู่ใกล้กับแหล่งระเบิดอย่างมาก จะส่งผลให้เซลล์ของร่างกายเราหยุดการเจริญเติบโต เกิดแผลตามร่างกาย เม็ดเลือดต่ำทั้งเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาว ร่างกายอ่อนเพลีย และเกิดการติดเชื้อในกระแสโลหิตได้ ถึงขั้นเสียชีวิตได้ภายในเวลาไม่กี่วัน

แต่ถ้าหากเราอยู่ห่างจากแหล่งที่เกิดระเบิดก็จริง แต่ยังได้รับปริมาณรังสีเป็นจำนวนน้อยๆจากสารปนเปื้อนกัมมันตรังสี ถึงแม้ว่าปริมาณรังสีนั้นอาจไม่มากพอที่จะทำอันตรายโดยตรงกับร่างกายของเราในทันที แต่อาจทำให้เซลล์บางส่วนผิดปกติ และอาจเกิดเป็นมะเร็งตามมาได้ในภายหลัง เซลล์ของร่างกายที่ไวต่อสารกัมมันตรังสีมากที่สุดคือ ต่อมไทรอยด์ ดังนั้นหากต่อมนี้ในร่างกายได้รับสารรังสีเกินขนาด อาจทำให้เกิดมะเร็งขึ้นในอนาคตได้ อาจจะ 10-20 ปีต่อมา ขึ้นอยู่กับปริมาณรังสีที่ได้รับ

ไอโอดีนเม็ดป้องกันมะเร็งไทรอยด์ได้อย่างไร

ผมได้อธิบายอย่างละเอียดในเรื่องสารไอโอดีน โปแตสเซียมไอโอไดด์ ไปอย่างละเอียดแล้วในตอนที่แล้ว ในเรื่อง ไอโอดีน ทุกเรื่องที่คุณต้องรู้ โดย เภสัชกร อุทัย สุขวิวัฒน์ศิริกุล คุณสามารถคลิ้กตามไปเปิดอ่านได้ที่

ไอโอดีนเป็นธาตุที่เกิดในธรรมชาติ มีมากในสัตว์และพืชในทะเล เป็นธาตุที่จำเป็นแก่ร่างกายแม้ต้องการเพียงเล็กน้อยแต่ก็ขาดเสียมิได้ ในที่นี้ผมขอเรียกง่ายๆว่า ไอโอดีนธรรมชาติ แต่ทีนี้ไอโอดีนธรรมชาติไม่ค่อยคงตัวและหาได้อยากในบางท้องถิ่น เราจึงเตรียมสารนี้เป็นสารประกอบที่รวมแร่สองตัวคือโปแตสเซียมเข้าจับกับไอโอดีน ทำให้มันคงตัวมากขึ้นเรียกกันว่า โปแตสเซียมไอโอไดด์ เราจึงเรียกไอโอดีนในสภาพนี้ว่าเกลือไอโอไดด์ (iodide) หรือ เกลือไอโอเดต (iodate) มีความคงตัวสูง ดูดความชื้นน้อย ในที่นี้ผมขอเรียกง่ายๆว่า ไอโอดีนเม็ด

ต่อมไทรอยด์เป็นอวัยวะที่ดูดจับไอโอดีนธรรมชาติที่เข้ามาในร่างกายได้เร็วที่สุด ไอโอดีนธรรมชาติส่วนใหญ่มากถึงร้อยละ 99 ที่ร่างกายรับเข้าไปจะถูกจับที่ต่อมไทรอยด์ ดังนั้นหากน้ำดื่ม ปลา อาหารที่อยู่ในบริเวณที่มีการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อาจปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีในปริมาณสูงได้ และไอโอดีนธรรมชาติเองเป็นสารที่จับสารกัมมันตรังสีได้เร็วที่สุดกลายไปเป็นไอโอดีนกัมมันตรังสี (ไอโอดีน-131) เข้าไป หากคุณได้กินอาหารจากแหล่งปนเปื้อนดังกล่าว ต่อมไทรอยด์ของคุณก็จะได้รับสารไอโอดีนที่มีกัมมันตรังสีเข้าไปด้วย จึงเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้

ขอบคุณความรู้ทางการแพทย์ที่ว่า กลไกธรรมชาติในร่างกายคือต่อมไทรอยด์ได้รับไอโอดีนธรรมชาติหรือไอโอดีนเม็ดจนอิ่มแล้ว จะไม่รับไอโอดีนอื่นๆเข้าไปอีก ถึงแม้นเราได้รับไอโอดีนกัมมันตรังสีรังสีที่อาจปนเปื้อนเข้าไปในกายเราได้อีกก็ตาม แต่ก็เพิ่มเข้าไปไม่ได้อีกหรือรับแต่เพียงเล็กน้อย

ไอโอดีนเม็ดกินอย่างไรให้ป้องกันรังสี

บ้านเรามีหน่วยงานหน้าด่านที่คอยติดตามและเฝ้าระวังเกี่ยวกับสถานการณ์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด นั่นคือสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติและกระทรวงสาธารณสุข ขอเน้นย้ำนะครับ สำหรับในประเทศไทยขณะนี้ยังไม่มีการแพร่กระจายของสารกัมมันตภาพรังสีแต่อย่างใด

แต่ในประเทศญี่ปุ่นขณะนี้ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงของการการฟุ้งกระจายของสารกัมมันตรังสี หากเราต้องอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะต้องรับปริมาณรังสี เพื่อป้องกันไม่ให้ปริมาณรังสีนั้นมากพอที่จะทำอันตรายโดยตรงกับร่างกายของเรา ทำได้โดยกินไอโอดีนเม็ดเข้าไปในปริมาณพอเหมาะ จะทำให้ต่อมไทรอยด์อิ่มก่อนโดยมีไอโอดีนธรรมชาติเต็มพื้นที่ในต่อมอยู่ก่อนแล้ว หากต้องไปรับไอโอดีนที่มีสารกัมมันตรังสีที่ปนเปื้อนกับอาหารและน้ำเข้ามา ร่างกายเราก็จะมีการสะสมสารกัมมันตรังสีได้น้อยลงไป ไอโอดีนเม็ดนี้จะเข้าไปขัดขวางการรับรังสีเบต้าและแกมม่าจากสารไอโอดีนรังสี (I-131) เพื่อไม่ให้ไปสะสมที่ต่อมไทรอยด์ ช่วยเราให้ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่างๆภายหลังลงมาได้

ยิ่งไปกว่านั้นการกินไอโอดีนเม็ด จะต้องกินก่อนได้รับไอโอดีนที่มีกัมมันตรังสีเข้าไปเท่านั้น จัดว่าเป็นการป้องกัน ไม่ใช่เป็นการรักษา ถ้าหากได้รับรับไอโอดีน-131 เข้าไปในร่างกายในปริมาณมากแล้ว ไอโอดีนเม็ดไม่สามารถเข้าไปช่วยรักษาได้แต่อย่างใด

ขอทบทวนนะครับคุณที่อยู่ไกลจากที่เกิดเหตุไม่มีโอกาสได้รับรังสี การไปหาซื้อไอโอดีนมากินก่อนล่วงหน้าจึงไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใด

อย่าตระหนกไปนักเลย ในยามปกติเราก็ได้รับไอโอดีนอยุ่แล้ว

เราทุกคนสามารถหาไอโอดีนได้จากธรรมชาติ มีมากในสัตว์และพืชในทะเล เพราะฉะนั้นแหล่งอาหารไอโอดีนที่สำคัญ คืออาหารจากทะเลและพืชที่ปลูกบนดินที่มีธาตุไอโอดีน ตัวอย่างได้แก่ ปลาทะเล 100 กรัม มีสารไอโอดีนประมาณ 50 ไมโครกรัม สาหร่ายทะเล 100 กรัม มีสารไอโอดีนประมาณ 200 ไมโครกรัม เกลือทะเล 5 กรัม มีไอโอดีน 10 - 25 ไมโครกรัม

ความต้องการไอโอดีนที่แนะนำต่อวันคือ 150 ไมโครกรัมต่อวันในผู้ใหญ่ และ 200 ไมโครกรัมต่อวัน ในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร

ไอโอดีนเม็ดคืออะไร หาซื้อได้ที่ไหน?

จริงๆแล้วมีผลิตภัณท์ไอโอดีนเม็ดในหลากรูปแบบในท้องตลาด ผมไม่นำมากล่าวเพราะจะเป็นการส่งเสริมในเชิงการค้า ข่าวดีที่สุดในขณะนี้ก็คือองค์การเภสัชกรรมมีการผลิตไอโอดีนเม็ด หรือยาเม็ดโปแตสเซียมไอโอไดด์ (Protassium Iodide) ซึ่งมีสรรพคุณในการช่วยลดการดูดซึมกัมมันตรังสีเข้าสู่ร่างกาย แบ่งเป็น 2 ขนาด คือ ขนาด 65 มิลลิกรัม สำหรับเด็กและผู้ที่มีน้ำหนักตัวน้อย และเม็ดขนาด 130 มิลลิกรัมสำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งต้องกินก่อนเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง เพียงวันละหนึ่งเม็ดวันละหนึ่งครั้งก็เพียงพอแล้วเป็นเวลานาน 7-14 วัน หรือหยุดยาได้ต่อเมื่อคุณไม่มีความเสี่ยงที่จะได้รับสารกัมมันตภาพรังสีอีก

เราไม่แนะนำให้คุณไปหายาเม็ดตัวนี้มากินก่อนเข้าไปรับการตรวจจากแพทย์เสียก่อน เพราะต้องกินให้เป็น ไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสี่ยงตามมาทั้งจากไอโอดีนเม็ดเองได้ ที่สำคัญที่สุด ไม่ต้องไปหามาซื้อเก็บไว้ เพราะขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขและองค์การเภสัชกรรมได้มีมาตรการแจกจ่ายยานี้สำหรับนักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางจะไปญี่ปุ่นทั้งที่สนามบินภูเก็ต สนามบินเชียงใหม่ และสนามบินสุวรรณภูมิ ไม่ต้องไปหาซื้อตามร้านขายยา สั่งผ่านอินเตอร์เนทแต่อย่างใด คุณเองจะกลายเป็นเหยื่อแห่งความตื่นตะหนก เข้าทางพ่อค้าหน้าเลือดไร้จริยธรรมเข้าไปอีก

จึงขอเน้นย้ำว่าไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องไปหาไอโอดีนเม็ดมากินเพิ่มแต่อย่างใด รวมไปถึงการนำยาที่มีส่วนผสมของไอโอดีนเช่นยาทาแผลขวดสีเหลืองๆมาทาหรือดื่มป้องกัน เพราะว่าจะไม่ช่วยอะไรเลยและส่วนประกอบอื่นๆที่ผสมอยู่ในยาทาแผลจะทำให้คุณแย่ลงไปอีกด้วย

ซื้อเกลือไอโอดีนมากินกัน ป้องกันรังสีได้ไหม?

เพิ่งดุข่าวที่เมืองจีน ประชาชนของเขาเข้าคิวรอซื้อเกลือทะเลหรือเกลือสินเธาว์ที่มีการเติมโปตัสเซียมไอโอไดด์ที่ใช้ป้องกันโรคคอพอกในท้องถิ่นที่มีคนขาดสารไอโอดีน แต่พวกเราอย่าเพิ่งตื่นตูมซื้อเกลือไอโอดีนมากินกันเลย เพราะว่าจริงๆแล้วเกลือไอโอดีนที่ขายกันอยู่นั้น มีความเข้มข้นของปริมาณไอโอดีนอยู่ที่ 30 มิลลิกรัมต่อเกลือ 1 กิโลกรัม แต่ปริมาณไอโอดีนธรรมชาติ ที่กินเพื่อป้องกัน I-131 นั้นอยู่ที่ 65 มิลลิกรัม สำหรับเด็กและผู้ที่มีน้ำหนักตัวน้อย 130 มิลลิกรัมสำหรับผู้ใหญ่ 130 mg

ถ้าไปอุตริกินเกลือไอโอดีนป้องกันสารกัมมันตรังสีนี่ละก็ต้องกินเกลือประมาณวันละ 4 กิโลกรัมต่อวัน ถ้าไม่อ้วกเพราะรสชาติที่เค็มเสียก่อน ปริมาณแร่ธาตุอื่นๆที่อยู่ในเกลือคงทำให้ไตวายตายเสียก่อนได้รับอันตรายจากสารรังสี

แล้วคนปกติหล่ะ หากได้กินไอโอดีนเม็ดเพื่อป้องกันรังสีเข้าไปก่อน จะเกิดอันตรายไหม

ถ้าคุณแพ้ต่อโปตัสเซียมและไอโอดีนอยุ่แล้วก็ไม่แนะนำควรไปปรึกษาแพทย์เสียก่อน ยิ่งไปกว่านั้นการกินไอโอดีนเม็ดในคนปกติ ก็ควรระวังเพราะหากร่างกายรับไอโอดีนเข้าไปในปริมาณมากเกิน ระยะแรกจะทำให้ต่อมไทรอยด์หยุดทำงานชั่วคราว เกิดอาการอ่อนเพลีย แต่หลังจากนั้นประมาณ 3-5 วัน ต่อมไทรอยด์จะทำให้ไอโอดีนที่กินเข้าไปสร้างเป็นฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งหากกินไอโอดีนเม็ดเข้าไปมาก จะทำให้เกิดภาวะที่ฮอร์โมนไทรอยด์เกิน (hyperthyroid) หรือภาวะไทรอยด์เป็นพิษ กลายมาเป็นโรคที่เราหามาเองด้วยน้ำมือเราเอง ต้องกลับไปหาการรักษาอีก หากไม่รักษาร่างกายจะอ่อนเพลีย เหนื่อย ผอมลง ดังนั้น คนทั่วไปจึงห้ามกินไอโอดีนเม็ด ถ้าไม่ใช่คนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่อยู่ใกล้บริเวณที่รับสารกัมมันตรังสี มีโทษต่อร่างกาย

เราเดินทางมาถึงตอนสุดท้ายของบทความชุดไอโอดีนกับการป้องกันรังสีแล้ว หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างต่อทุกท่าน เภสัชกรชุมชนที่อยู่ร้านยาเป็นที่พึ่งอีกทางเลือกหนึ่งที่พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพนะครับ หากคุณต้องการคำตอบของเรื่องยากับรังสีในครั้งนี้ กรุณาส่งซองคำถามของคุณมาได้ที่อีเมล์ utaisuk@gmail.com หรือแวะไปที่ Facebook “UTAI SUKVIWATSIRIKUL” หรือ “37C PHARMACY” ยินดีตอบรับทุกท่านครับ

คืนนี้หนึ่งทุ่มหากท่านสนใจใฝ่รู้คำตอบสุขภาพ ผมจะไปออกรายการสดอธิบาย ขอความกรุณาติดตามชมรายการในช่องทีวีดาวเทียม Doo Dee Channel ครับ

ที่มา http://oknation.nationtv.tv/blog/DIVING/2011/03/18/entry-1

 

นอกจากสงครามนิวเคลียร์ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตแล้ว ยังมีภัยพิบัติทั่วไปที่ประเทศไทยประสบอยู่เป็นประจำ หนักบ้าง เบาบ้าง เช่น ภัยแล้ง ภัยน้ำท่วม ภัยจากพายุต่างๆ และมีความเสี่ยงเรื่องการเกิด สึนามิ แผ่นดินไหว และปัญหาสำคัญในยามนี้ก็คือเรื่องปากท้อง ทำอย่างไรจึงจะอยู่รอดได้จากปัญหาต่างๆที่นับวันจะหนักขึ้นเรื่อยๆครับ หลายท่านเริ่มมองเห็นว่าปัจจัยสี่ โดยเฉพาะอาหารและน้ำจะมีความสำคัญต่อความมั่นคงของชีวิตในอนาคต การดำรงชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ การทำเกษตรแบบผสมผสาน การปลูกป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงการฟื้นฟูและรักษาป่าไม้แหล่งต้นน้ำ และพืชพรรณต่างๆ มีความสำคัญต่อความอยู่รอดของชาวไทยในอนาคต จึงเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันรักษาเอาไว้ให้ดีครับ

 

ภาพรวมของปัญหาหลักๆผมก็ได้กล่าวไปแล้วโดยย่อครับ คราวหน้าผมจะเขียนถึงแผนการเตรียมการต่างๆในแต่ละมิติ หลังจากการที่ผมได้รวบรวมข้อมูลต่างๆมาหลายปีครับ วันนี้ขอพักแค่นี้ก่อนครับ และผมขอขอบคุณท่านเกษมด้วยนะครับที่เข้ามาเสริมให้ สวัสดีครับ

 

รอติดตามครับ

 

การเตรียมการของผมเริ่มจากการศึกษาเรื่องราวของภัยพิบัติต่างๆรวมทั้งสงครามนิวเคลียร์มานานร่วมสิบกว่าปีมาแล้วครับ ข้อมูลบางส่วนก็มาจากเว็บพลังจิต บางส่วนก็มาจากเว็บอื่นๆที่ค้นคว้าเพิ่มเติมได้และอาศัยกูเกิล ยูทูป เฟสบุ๊ค ช่วยรวบรวมข้อมูลในด้านต่างๆมากมาย ผมเชื่อว่ามีเหตุปัจจัยหลายอย่างที่ส่อเค้าว่าคำนายมีความเป็นไปได้จริง เพียงแต่ไม่สามารถระบุวันเวลาที่ชัดเจนลงไปเท่านั้น ผมเองก็ไม่ทราบว่าเหตุการณ์เกี่ยวกับภัยพิบัติร้ายแรงและสงครามนิวเคลียร์นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆก็คือถ้าไม่เตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้าไว้บ้างเลย โอกาสที่จะอยู่รอดปลอดภัยจากสงครามนิวเคลียร์นั้นถึงไม่ตายก็ลำบากมากทีเดียวครับ ความอยู่รอดนั้นอยู่ที่ทำอย่างไรจึงจะมีเสบียงอาหารและน้ำดื่มน้ำใช้ที่ปลอดสารพิษ รวมทั้งปัจจัยที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตเพียงพอที่จะอยู่รอดจนถึงช่วงที่พืชพรรณธัญญาหารจะกลับมาปลูกได้โดยปกติและรวมถึงต้องมีการวางแผนเก็บรวมรวมเมล็ดพันธุ์พืชให้ได้มากที่สุดเพื่อการเพาะปลูกเมื่อเหตุการณ์ต่างๆเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว และนอกจากพืชพรรณต่างๆแล้วก็ยังมีสัตว์ชนิดต่างๆอีกมากที่ต้องช่วยกันอนุรักษ์เผ่าพันธุ์ให้อยู่รอดไปด้วยกัน ทำให้คิดถึงเรือโนอาร์ในตำนานเลยครับ

 

ก่อนจะถึงการเตรียมการรับมือสงครามนิวเคลียร์ จะขอกล่าวถึงการเตรียมตัวรับมือภัยพิบัติโดยทั่วไปว่าเราจะเตรียมตัวอะไรกันบ้าง ดังนี้

1.เตรียมกาย
2.เตรียมใจ
3.เตรียมบุญกุศล
4.เตรียมความรู้ต่างๆที่ต้องใช้ รวมทั้งหาประสบการณ์ ฝึกฝนความสามารถเพื่อการเอาตัวรอดในบางสถานการณ์
5.เตรียมปัจจัยสี่และอุปกรณ์ยังชีพที่จำเป็น
6.เตรียมสถานที่หลบภัยพิบัติ
7.เตรียมสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ บทสวดมนต์คาถาต่างๆ
8.เตรียมวางแผนรับมือภัยพิบัติในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งแผนสำรองเพื่อการอพยพฉุกเฉิน
9.เตรียมหาเพื่อนที่ดีและมีแนวทางหรืออุดมการณ์ที่ใกล้เคียงกัน
10.เตรียมการเพื่อช่วยเหลือส่วนรวมในด้านต่างๆตามกำลังความสามารถ

 

1.เตรียมกาย หมายถึงการดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยการออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ หากเป็นโรคก็อย่านิ่งดูดายก็ควรรีบรักษาให้หายหรือควบคุมไว้ไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิต เมื่อสุขภาพดีย่อมเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเตรียมรับมือภัยพิบัติต่างๆ

2.เตรียมใจ หมายถึงการเตรียมใจให้พร้อมในการเผชิญภาวะคับขันยามมีภัยพิบัติเกิดขึ้นและหากต้องสูญเสียที่อยู่ทรัพย์สินหรือบุคคลที่เรารัก ก็ยังมีสติพอที่จะวางแผนเพื่อดำรงชีวิตให้อยู่รอดในอนาคตได้อย่างเข้มแข็งและมีคุณค่า

ในการเตรียมใจนี้ควรเตรียมอย่างไร

ประการแรก ควรเรียนรู้และศึกษาธรรมมะเอาไว้บ้างจนสามารถเข้าใจและยอมรับได้ว่าโดยธรรมชาติในโลกนี้ ทุกสรรพสิ่งล้วนไม่จีรังยั่งยืน เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ตั้งอยู่ ย่อมดับไปเป็นธรรมดา จึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น จะได้ปล่อยวางความทุกข์ทั้งหลายลงได้บ้าง และช่วยให้มีสัมมาทิฏฐิ เข้าใจเรื่องกฏแห่งกรรม เข้าใจเรื่องหลักธรรมในการดำรงชีวิต

ประการที่สอง เห็นคุณค่าของการมีชีวิตทั้งของตนเองและผู้อื่น โดยฝึกตนเองให้มีพรหมวิหารสี่ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา และมีสังคหวัตถุสี่ซึ่งเป็นวิธีผูกมิตรไมตรีด้วยการทำตนให้เป็นที่รักของคนอื่น ด้วยการให้ทานอันเป็นการสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน รู้จักเอื้อเฟื้อแบ่งปันกัน ด้วยการพูดจาไพเราะอ่อนหวาน พูดด้วยความจริงใจ ไม่พูดหยาบคายก้าวร้าว พูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์เหมาะกับกาลเทศะ ด้วยการช่วยเหลือการงานซึ่งกันและกัน สงเคราะห์ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ด้วยการไม่ถือตัวถือตน ประพฤติตนเสมอต้นเสมอปลาย

เมื่อเราเห็นว่าการทำความดีคือคุณค่าของชีวิต ใจของเราจะมีความเข้มแข็ง สามารถเสียสละและไม่ย่อท้อต่อความทุกข์ยากลำบาก ด้วยความปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุขตามกำลังที่เราสงเคราะห์ได้

ประการที่สาม ฝึกมองโลกในแง่ดี มีทัศนคติบวกให้มากขึ้น ผู้ที่มีทัศนคติบวกย่อมมีกำลังใจและมีปัญญาในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆได้ง่าย แม้มีวิกฤติก็สามารถพลิกเป็นโอกาสได้

ประการที่สี่ หมั่นสวดมนต์ นั่งสมาธิ และเจริญสติเป็นประจำ เพื่อช่วยให้ใจมีกำลังและไม่ฟุ้งซ่าน สามารถควบคุมสติได้ดี เมื่อเกิดเหตุอันตรายสามารถตั้งสติและคิดหาทางแก้ไขปัญหาได้ฉับไวทันสถานการณ์ และถ้าฝึกถึงขั้นสูงจะมีญาณพิเศษต่างๆเพิ่มขึ้นด้วย

ประการที่ห้า ระลึกนึกถึงพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะเสมอๆ แม้ในยามที่ถึงวาระใกล้ตาย การระลึกถึงพระรัตนตรัยจะช่วยให้ไปสู่สุคติภูมิได้

 

3.เตรียมบุญกุศล หมายถึงการบำเพ็ญบุญเพื่อกำหนดแนวทางหรือเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตนเองในอนาคตทั้งในชาตินี้และในชาติหน้า การเตรียมบุญกุศลเป็นเรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่ง ถ้าท่านพอเข้าใจหรือมีความเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม เรื่องภพภูมิต่างๆมีจริง ชาติก่อน-ชาตินี้-ชาติหน้ามีจริง การทำบุญทำบาปนั้นส่งผลได้จริง ท่านจะทราบว่าการบำเพ็ญสร้างกุศลด้วยการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา และอธิษฐานบุญเป็น จะมีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของท่านให้ดีขึ้นได้ในอนาคต และถ้าหลายๆท่านช่วยกันสร้างบุญกุศลและอธิษฐานเพื่อช่วยเหลือประเทศชาติหรือโลก ก็ย่อมส่งผลให้ภัยพิบัติต่างของประเทศชาติหรือโลกเลื่อนห่างออกไปหรือลดความรุนแรงลงได้เช่นกันแต่ไม่เกินกฏแห่งกรรม

ถ้าหากเราไม่ได้เตรียมบุญกุศลให้เพียงพอ แม้จะมีการเตรียมตัวด้านอื่นพร้อมเต็มที่ก็ไม่สามารถผ่อนบรรเทาวิบากกรรมที่จะเข้ามาส่งผลได้

ในการรับมือภัยพิบัติใหญ่นั้นควรทำบุญต่างๆดังต่อไปนี้อย่างสม่ำเสมอ
-ทำบุญช่วยเหลือชีวิตสัตว์ให้พ้นจากการถูกฆ่า จะเป็นสัตว์เล็ก เช่น ปลา เต่า หรือสัตว์ใหญ่ เช่น โค กระบือ จะช่วยให้พ้นจากการตายก่อนอายุขัยอันเนื่องจากอุปฆาตกรรมมาตัดรอน ถ้าหากกรรมส่งผลก็จะไม่หนักมากจนเสียชีวิต หากเจ็บป่วยอยู่ก็จะช่วยผ่อนคลายจากหนักเป็นเบาได้
-ทำบุญด้วยปัจจัยสี่ เน้นทำบุญกับพระสงฆ์ ทำเป็นสังฆทานยิ่งดี จะได้บุญมาก เช่น
*ทำบุญด้วยภัตตาหารและน้ำดื่ม
*ทำบุญร่วมจัดซื้อที่ดินและสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม กุฏิ โบสถ์ วิหาร (ร่วมทำเป็นปัจจัยตามกำลังของเรา)
*ทำบุญด้วยผ้าสบง ผ้าอาบน้ำฝน หรือผ้าไตรจีวร
*ทำบุญด้วยยารักษาโรค
-ทำบุญด้วยหนังสือสวดมนต์หรือหนังสือธรรมมะ
-ทำบุญสร้างพระพุทธรูป
-ทำบุญอื่นๆ เช่น ทำถนน ขุดบ่อบาดาล ระบบไฟฟ้า ระบบแสงสว่าง ระบบประปา เครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ปลูกต้นไม้ ห้องส้วม โรงทาน โรงครัว ยานพาหนะ ฯลฯ
-บำเพ็ญบุญด้วยการรักษาศีล ละการสร้างบาปอกุศลต่างๆ ช่วยให้เรามีความสุข พ้นจากการถูกเบียดเบียนต่างๆ
-บำเพ็ญบุญด้วยการสวดมนต์ เจริญสมาธิภาวนา ช่วยให้เรามีสมาธิ มีปัญญาในการพิจารณาธรรมต่างๆ ช่วยให้จิตใจบริสุทธิ์ผ่องใส ช่วยในการลดละกิเลสต่างๆที่เป็นเหตุให้ใจเป็นทุกข์ได้

การทำบุญทั้งหลายที่กล่าวยกตัวอย่างมานี้ เราสามารถอธิษฐานบุญมาช่วยเหลือเกื้อกูลให้เราพ้นจากภัยพิบัติ พ้นจากความทุกข์ยากลำบากต่างๆได้ตามลักษณะของบุญที่กระทำ แต่จะส่งผลช่วยได้ไม่เกินกฏแห่งกรรม และถ้าหากส่งผลไม่ทันเวลาในชาตินี้ ผลบุญนี้ก็ไม่หายไปไหนแต่จะตามไปส่งผลในอนาคตต่อไปได้เมื่อถึงวาระ (ควรทำบุญบ่อยๆตามกำลังของเราและอธิษฐานบุญย้ำๆไว้เป็นประจำครับ ทำให้ครบทุกๆด้านทั้ง ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา)

ทำบุญแล้ว อธิษฐานบุญแล้ว อย่าลืมกรวดน้ำอุทิศผลบุญให้กับผู้มีพระคุณทุกท่าน เช่น บิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ ญาติและบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว(ถ้าจำชื่อได้ควรบอกชื่อด้วยหากมีเวลามากพอ) สิ่งศักดิ์สิทธิ์และเทวดาที่ปกปักรักษาตัวท่านและครอบครัว รุกขเทวดา พระภูมิ เจ้าที่เจ้าทาง เปรตและสัมภเวสีทั้งหลาย รวมทั้งอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่เราเคยล่วงเกินทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติเพื่อขออโหสิกรรมด้วยนะครับ

ป.ล.ควรหลีกเลี่ยงการสร้างบาปอกุศลเพิ่มและระวังอย่าไปยินดีในการสร้างบาปอกุศลต่างๆของผู้อื่น ซึ่งจะทำให้ได้รับผลบาปในลักษณะของการอนุโมทนาบาปได้ครับ

 

4.เตรียมความรู้ต่างๆที่ต้องใช้ รวมทั้งหาประสบการณ์ ฝึกฝนความสามารถที่ควรจะมีบ้างเพื่อการเอาตัวรอดในบางสถานการณ์

เราควรเตรียมความรู้และหาประสบการณ์ด้านไหนบ้าง

-ความรู้เกี่ยวกับปัจจัยสี่และการยังชีพทั่วไป เช่น การทำอาหาร การปลูกพืช การเพาะเห็ด การเลี้ยงสัตว์ การทำบ้านดิน สมุนไพรและยารักษาโรค เรื่องโรคภัยไข้เจ็บ เรื่องน้ำดื่มน้ำใช้
-ความรู้ด้านการผลิตพลังงานต่างๆจากวัสดุธรรมชาติ การผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วยวิธีต่างๆ เช่น โซลาร์เซล กังหันลมผลิตไฟฟ้า กังหันน้ำผลิตไฟฟ้า จักรยานผลิตไฟฟ้า
-ความรู้ในด้านที่เราถนัดหรือใช้ในการประกอบอาชีพ
-ความรู้ในการเอาชีวิตรอดยามฉุกเฉินและการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
-ความรู้ในเรื่องภัยพิบัติต่างๆและการเตรียมตัว
-ความรู้ในด้านธรรมมะ การปฏิบัติธรรม
-ความรู้เรื่องวัตถุมงคลและบทสวดมนต์ต่างๆ ใช้ในด้านป้องกันภัยอันตราย ด้านเมตตา ด้านค้าขาย-โชคลาภ ด้านทำน้ำมนต์แก้โรค-แก้สิ่งไม่ดีต่างๆ
-ความรู้ในด้านศิลปะป้องกันตัว
-ความรู้ในการถนอมอาหาร แปรรูปอาหารเพื่อให้สามารถเก็บได้นาน
-ความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาชาวบ้าน เช่น การทอผ้า สานเสื่อ ทำไม้กวาด สานตะกร้า สานเปล ทำหม้อดิน ทำโอ่งน้ำ หล่อโลหะ ตีมีด ทำกระดาษ ฟั่นเชือก การทำเทียน การทำสบู่ การเผาถ่าน ฯลฯ
-ความรู้พิเศษบางประการเพื่อประโยชน์ในการช่วยเหลือตนเองและส่วนรวม เช่น การอนุรักษ์ป่า การบริหารจัดการน้ำ การทำเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียง การใช้พลังงานทดแทน การประหยัดพลังงาน การกำจัดขยะและการรีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ การทำถ่านอัดแท่ง การปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การเพาะเลี้ยงสาหร่ายสไปรูไลน่า การเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืช การขยายพันธุ์พืชแบบต่างๆ การเพาะเลี้ยงและเก็บรักษาจุลินทรีย์ การบำบัดโรคด้วยวิธีนวดหรือกดจุด การผลิตโอโซนฆ่าเชื้อโรค ฯลฯ
-ความรู้อื่นๆที่มีประโยชน์

ในแต่ละหัวข้อยังมีรายละเอียดอีกมาก ผมขอเขียนเอาไว้แค่นี้พอเป็นแนวทางก่อนครับ ซึ่งความรู้ต่างๆที่ควรเตรียมสำรองไว้นั้น ให้สมมุติว่าเทคโนโลยีระดับสูงในปัจจุบันล่มสลายไปหมดแล้วหลังสงครามนิวเคลียร์ เราจะใช้ชีวิตกันอย่างไร เช่น จะจุดไฟ หุงข้าว สีข้าว ทำอาหารกันอย่างไร แบบย้อนยุคไปสมัยอดีตที่บ้านเมืองยังไม่เจริญนัก

 

มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนไหน พ.ศ.อะไรครับ