ขอถามเรื่องการแผ่เมตตา ครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย oun5011, 30 มิถุนายน 2013.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. oun5011

    oun5011 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2011
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +61
    คือผมสงสัยมานานแล้วอะครับ ระหว่างที่ผมขี่รถมอไซด์ไปเรียนทุกวัน ผมมักจะเจอศพสัตว์ที่รถทับตาย มากมายเลยครับ ซึ่งผมก็แผ่เมตตาให้ทุกครั้งอะครับ เลยสงสัยว่าเค้าจะได้รับมั้ย แล้วการแผ่เมตตาที่ถูกต้อง ต้องสวดตามบทแผ่เมตตาที่ท่องมาแต่เด็กรึเปล่าครับ ขี่มอไซด์ไปเจอและผมก็สวดไปขี่ไป นึกถึงเค้าตลอด จนสวดจบ มันถูกมั้ยครับ แนะนำผมที
     
  2. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    แผ่เมตตาได้โดยไม่ต้องสวดอะไร แต่ตั้งจิตนึกปรารถนาให้เขามีความสุข ด้วยใจจริงก็สำเร็จประโยชน์การเเผ่เมตตาแล้วครับ..


    บทความเรื่อง "เมตตาเป็นอย่างไร"..โดยท่าน อาจารย์ปราณี สำเริงราชย์

    เมตตา เป็นอย่างไร ?‏...เมตตา ได้แก่ ธรรมชาติที่รัก กล่าวคือ เยื่อใยปรารถนาดีต่อบุคคลอื่น

    เพื่อเป็นการทำความรู้สึกกับธรรมชาติที่ชื่อว่า “ เมตตา ” นี้ ให้ดียิ่งขึ้น จึงควรทราบถึงลักษณะ กิจ ผลปรากฏ และเหตุใกล้ที่ทำให้เกิด ตลอดทั้งสมบัติและวิบัติแห่งเมตตานี้อีกหน่อยหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    เมตตา - มีความเป็นไปโดยอาการที่ประพฤติแต่ประโยชน์ เป็น ลักษณะ อธิบายว่า เวลาที่เมตตานี้เกิดขึ้นบุคคลย่อมรู้ได้ว่าเวลานี้เมตตาเกิดขึ้นแล้วในจิตใจ ของเรา ก็เพราะกำหนดลักษณะของเมตตาที่แตกต่างจากลักษณะของธรรมชาติอย่างอื่นได้นั่น เอง นั่นก็คือ ความเป็นไปโดยอาการที่ประพฤติประโยชน์ กล่าวคือ เยื่อใยในบุคคลอื่น ธรรมชาติใดมีความเป็นไปอย่างนี้ ธรรมชาตินี้แหละคือเมตตา ไม่ใช่กรุณาและไม่ใช่ธรรมชาติอย่างอื่น

    - มีการน้อมเอาประโยชน์เกื้อกูลเข้าไปเป็นกิจ อธิบายว่า เมื่อเมตตาเกิดขึ้นแล้ว กิจ

    กล่าว คือหน้าที่ที่เมตตาพึงกระทำ ก็ได้แก่การน้อมเอาประโยชน์เกื้อกูลเข้าไปในสัตว์ทั้งหลาย มีการสละบริจาควัตถุสิ่งของ การช่วยเหลือแห่งเบาภาระของคนอื่น เป็นต้น และแม้ยังไม่มีโอกาสแสดงออกมาทางกาย หรือวาจา เกี่ยวกับการสละบริจาควัตถุสิ่งของ เป็นต้นอย่างนั้น ก็มีใจน้อมไปเพื่อการกระทำอย่างนั้น

    - มีการกำจัดความอาฆาตเป็นผลปรากฏ อธิบาย ว่า เวลาที่เมตตานี้เกิดขึ้น เมตตาเป็นปฏิปักษ์ต่อโทสะอันเป็นมูลแห่งความอาฆาต เพราะฉะนั้น ผลปรากฏที่บัณฑิตเห็นได้ด้วยปัญญาก็คือ การกำจัดความอาฆาตได้

    - มีการเล็งเห็นภาวะที่สัตว์ทั้งหลายเป็นผู้นำชอบใจเป็นเหตุใกล้ให้เกิด อธิบาย ว่า ก่อนที่เมตตาจะเกิดขึ้น เวลานั้นจะต้องเห็นบุคคลอื่น คนเดียวก็ตาม หลายคนก็ตาม ว่าเป็นผู้ที่น่าชอบใจ คือประสบพบเห็นแล้วก็เจริญใจ ไม่เห็นว่าเป็นผู้น่ารังเกียจ ต้องมีการเล็งเห็นอย่างนี้ก่อนเมตตาจึงจะเกิดขึ้นได้ หากเล็งเห็นว่าเขาเป็นผู้น่ารังเกียจ เกี่ยวกับไปใส่ใจถึงความประพฤติที่ไม่มีของเขาเข้าเป็นต้น เมตตาก็ไม่เกิดขึ้น


    ส่วน สมบัติ (ความสำเร็จ) และ วิบัติ (ความ พินาศ) บัณฑิตทั้งหลายพบว่า เมตตานี้มีความสงบความอาฆาตได้นั่นแหละเป็นสมบัติ มีความเกิดขึ้นแห่งความเสน่หาคือตัณหาเป็นวิบัติ ด้วยว่าเมตตามีสภาพคล้ายตัณหา เมื่อแผ่เมตตาไปยังบุคคลอื่นเนือง ๆ หากว่าไม่มีสติคอยควบคุมให้ดี โอกาสที่จะกลับกลายเป็นตัณหาย่อมมีได้โดยง่าย นั่นคือ ความพินาศแห่งเมตตา

    อานิสงส์ของเมตตา
    เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดความใคร่จะเจริญเมตตา ก็ขอแสดง อานิสงส์ หรือประโยชน์ที่พึงได้รับจากการเจริญเมตตา ดังต่อไปนี้

    พระพุทธเจ้า

    ตรัสไว้ (ใน องฺ เอกาทสก. ๒๔/๓๗๐) ว่า เม ตฺตาย ภิกขเว เจโตวิมุตฺติยา อาเสวิตาย ภาวิตาย พหุลีกตาย ยานีกตาย วตฺถุกตาย อนุฏฐิตาย ปริจตาย สุสมารทฺธาย เอกาทสานิสํสา ปาฏิกงฺขา เป็นต้น แปลว่า
    “ ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย บุคคลเมื่อได้ส้องเสพเมตตาเจโตวิมุตติ (การทำจิตให้น้อมไปด้วยเมตตา) ได้เจริญ ได้กระทำให้มาก ได้กระทำให้เป็นเครื่องนำออก (จากความอาฆาต) ได้กระทำให้เป็นที่ตั้งอาศัย ทำให้ตั้งมั่น สั่งสม ปรารภดีแล้ว ก็หวังได้ซึ่งอานิสงส์ ๑๑ ประการ อานิสงส์ ๑๑ ประการไฉน ? ได้แก่
    ๑. นอนหลับเป็นสุข
    ๒. ตื่นเป็นสุข
    ๓. ไม่ฝันร้าย
    ๔. เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย
    ๕. เป็นที่รักของอมุษย์ทั้งหลาย
    ๖. เทวดารักษา
    ๗. ไฟก็ดี ยาพิษก็ดี อาวุธก็ดี ย่อมกล้ำกรายเขาไม่ได้
    ๘. จิตย่อมตั้งมั่นได้เร็ว
    ๙. มีสีหน้าผ่องใส
    ๑๐.ไม่หลงตาย
    ๑๑.เมื่อยังไม่แทงตลอดธรรมที่สูงขึ้นไป (กว่าเมตตานี้) ก็จะเป็นผู้เข้าถึงพรหมโลก ” ดังนี้
     
  3. AYACOOSHA

    AYACOOSHA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ส่วนตัวผมเมื่อพบเห็นก็จะนึก อนิจจัง วะตะสังขารา สังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยงท่านได้ละสังขารจากภพนี้แล้วด้วยบุญของข้าพเจ้าที่ได้กระทำมาขอให้ท่านได้ภพใหม่ สังขารใหม่ ที่เป็นไปเพื่อรู้ธรรมเพื่อบรรลุธรรม อย่างนี้ไม่รู้ว่าใช้ได้หรือเปล่า สวัสดี
     
  4. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941

    สาธุๆครับท่าน Ayaฯ น่าจะเหมาะสมที่สุดในการนี้ครับ .:cool::cool:
     
  5. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    เจ้าของกระทู้มีจิตใจเมตตา น่าชมเชยมากค่ะ
    ตัวเราก็ชอบอุทิศส่วนกุศลให้กับสัตว์ที่ถูกรถทับตายตามท้องถนนบ่อยครั้งเหมือนกัน
    สิ่งที่ทำน่ะดีแล้วค่ะ แต่ขอเปลี่ยนนิดนึง
    จากการแผ่เมตตา เปลี่ยนเป็นอุทิศบุญให้กับเหล่าสัตว์นั้นจะได้ผลตรงมากกว่านะคะ


    เช่นเห็นแมวถูกรถทับ แล้วนึกถึงบุญที่เราเคยทำมา เช่นเคยทำบุญสร้างพระมาก่อน
    ก็ให้นึกถึงบุญนั้น แล้วน้อมจิตนึกถึงสัตว์ที่ถูกรถทับตาย แล้วกล่าวในใจว่า
    "ผลกุศลใดที่ข้าพเจ้าได้เคยสร้างพระมาก่อน หากข้าพเจ้าได้รับผลเช่นไร
    ก็ขอให้แมวที่ถูกรถทับตัวเมื่อครู่ได้รับผลสมบูรณ์เช่นเดียวกับข้าพเจ้าทุกประการ"


    หากวิญญาณแมวยังวนเวียนอยู่แถวนั้นก็จะได้รับบุญและไปสู่สุคติยภูมิทันทีค่ะ
    ขอโมทนาบุญกุศลทุกประการนะคะ
     
  6. ooi2211

    ooi2211 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    239
    ค่าพลัง:
    +2,987
    กรณีที่ท่านเจ้าของกระทู้ถามมานั้น เข้าใจว่าหมายถึงการอุทิศส่วนกุศลหรือเปล่าครับ
    การแผ่เมตตากับการอุทิศส่วนกุศลนั้นต่างกัน ลองอ่านที่หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน ท่านตอบปัญหาธรรมนะครับ



    ถาม : การแผ่เมตตากับกาอุทิศส่วนกุศล เหมือนหรือต่างกันอย่างไรเจ้าคะ ?

    ตอบ : การแผ่เมตตากับการอุทิศส่วนกุศลเป็นคนละเรื่องกัน สมมุติง่าย ๆ ว่า ถ้าหากมีบุคคลที่หิวมา
    การแผ่เมตตาเป็นการให้ร่มเงาแก่เขา เขาอาจจะมีความสุข ความเย็นสบายขึ้น แต่ไม่หายหิว
    การอุทิศส่วนกุศล คือการเอาข้าวปลาอาหารให้เขา คือสามารถทำให้เขาหายจากความหิวนั้นได้


    หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญโญ เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน จังหวัดกาญจนบุรี
    ตอบปัญหาธรรมะ ณ กลุ่มสมาธิ จุฬาลงกรณ์หมาวิทยาลัย
    วันอังคาร ที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๕


    --------------------------------------------------

    ถาม : การแผ่เมตตา..(ไม่ได้ยิน).. ?

    ตอบ : แผ่เมตตากับอุทิศส่วนกุศลเป็นคนละเรื่องกัน แผ่เมตตา คือ เราตั้งความหวังดีปรารถนาดีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ขอให้เขาล่วงพ้นจากกองทุกข์ มีแต่ความสุข ส่วนอุทิศส่วนกุศล ก็คือ เราทำความดีอะไรมา ก็แบ่งปันให้แก่ผู้อื่นเขา

    แผ่เมตตาเหมือนกับเขาหิวมา เราให้ร่มเงาแก่เขา ถึงแม้ว่าจะร่มเย็นก็จริง แต่ท้องเขายังหิวอยู่ ส่วนอุทิศส่วนกุศลเหมือนกับเราแบ่งอาหารให้เขา เขาได้กินอิ่มก็มีความสุข
    ดังนั้น..ต้องคิดให้ถูก พูดให้ถูก ทำให้ถูก ไม่อย่างนั้นใช้คำพูดแบบนี้ เดี๋ยวผีก็นั่งตาปริบๆ ไม่ได้อะไร

    ถาม : อุทิศส่วนกุศลอย่างไร ?

    ตอบ : ให้เราตั้งใจว่า ผลบุญทั้งหมดที่เราทำมาตั้งแต่ต้นจวบจนบัดนี้ ขออุทิศให้แก่ใครก็ว่าไปเลย ถ้าตามแบบของ หลวงพ่อวัดท่าซุง ก็ให้เจ้ากรรมนายเวรก่อน ต่อมาก็ให้เทวดาทั้งหลาย โดยเฉพาะพระยายมราช แล้วก็ให้แก่ญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว


    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    ณ บ้านวิริยบารมี ต้นเดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๖


    --------------------------------------------------

    ถาม : ที่เมื่อสักครู่บอกว่า อุทิศส่วนกุศลให้กับคนเป็น ผมอ่านในหนังสือหลวงพ่อบอกว่า คนที่เป็นศัตรูกับเรา ที่ไม่ถูกกันอยู่ตลอดเวลา เราก็อุทิศส่วนกุศลให้เขา แล้วเขาก็จะดี ทีนี้เขาก็ไม่ได้มาโมทนา แล้ว..?
    ตอบ : ลักษณะนั้นเขาเรียกว่า "แผ่เมตตา"

    แผ่เมตตากับอุทิศส่วนกุศลเป็นคนละอย่างกัน

    อุทิศส่วนกุศล คือ เราทำความดีอะไร เราตั้งใจให้เขามีส่วนในบุญนั้นด้วย
    แผ่เมตตา คือ การส่งกำลังใจที่ประกอบด้วยความดีถึงเขาอยู่ตลอดเวลา ขอให้อย่าได้มีเวรมีกรรมและเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย


    ลักษณะเหมือนกับว่า เอาของเย็นไปดับของร้อน ดับไปเรื่อย ๆ ถ้าหากว่าของเย็นมีกำลังสูง ของร้อนก็จะเย็นลงไปเอง เขาก็จะกลับมาดีกับเรา

    จะเห็นว่าเป็นคนละอย่างกัน อุทิศส่วนกุศล คือทำบุญอะไรแล้วอยากให้เขาได้ด้วย
    ส่วนแผ่เมตตาคือ ตั้งจิตที่ประกอบด้วยกรรมดีไปถึงเขา
     
  7. sriprae somsri

    sriprae somsri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +853
    ดิฉันเคยได้ยินมาว่าการแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศลนั้นมีข้อจำกัดอยู่ที่ผู้รับปลายทางนั้นอยู่ในภพภูมเช่นไร เช่นถ้าเป็นเทพ ก็จะสามารถอนุโมทนาบุญที่อุทิศนั้นได้ รวมถึงสัมพเวสีต่างๆ นั้นก็ยังอยู่ในภพภูมิที่ต่างกันไป ส่วนเดรัจฉานนั้น ไม่สามารถรับได้จนกว่าสัตว์เหล่านั้นจะตายไปและอยู่ในภพภูมิที่สูงขึ้นคะ ดังนั้นการอุทิศอาจจะไม่ได้มีคำตอบอยู่ที่แลายทางแต่อยู่ตรงที่การปรับสภาพจิตของผู้อุทิศให้เจริญพรมวิหารสี่อยู่ตลอดเวลา ปลายทางรับได้หรือไม่เป็นเรื่องยากที่จะรู้คะ
     
  8. Nantnapas P

    Nantnapas P เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    287
    ค่าพลัง:
    +902
    ไม่ว่า เขาจะได้รับหรือไม่
    ผลดีย่อมเกิดแก่สภาพจิตใจ ที่สูงขึ้นๆ แก่ผู้ที่ขยันแผ่เมตตาค่ะ

    อนุโมทนาด้วยค่ะ สาธุ :)
     
  9. Janthakorn

    Janthakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +141
    ขออนุโมทนาในความมีจิตใจอ่อนโยนของท่านค่ะ บทแผ่เมตตาให้สัมภเวสีตามท้องถนนตามที่ได้อ่านเจอมาค่ะ "เมตตัญจะ สัพพะโล กัสมิง มานะ สัมภาวะ เย อัปปะริมานัง " ผิดถูกอย่างไรโปรดให้อภัยค่ะ
    สาธุ
     
  10. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ============

    อนุโมทนาครับ ท่านหลวงพี่เล็กกล่าวสอนได้กระจ่างชัดเจนมากเข้าใจง่ายครับ

    การแผ่เมตตา ประการสำคัญคือต้องทำด้วยอำนาจของสมาธิ แผ่ออกไป หากจิตไม่เป็นสมาธิ ยังไม่แน่วแน่ ก็ไม่สามารถแผ่เมตตาออกไปได้
    อานิสงค์คือให้มีปิติสุขระงับทุกข์ชั่วคราวเท่านั้น ครับ

    ส่วนการอุทิศบุญ อาศัยสมาธิแผ่อุทิศบุญและการกรวดน้ำ อานิสงค์ก็ขึ้นอยู่กับกำลังบุญที่กระทำไว้ที่เราอุทิศให้เขาครับ

    เมื่อเข้าใจแล้วควรรู้ว่าณเวลาใดควรแผ่อุทิศเมตตาอย่างไร อุทิศบุญอย่างไรนะครับ เพื่อประโยชน์แก่ผู้รับและแก่ตนเองครับ สาธุ
     
  11. ooi2211

    ooi2211 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    239
    ค่าพลัง:
    +2,987
    ขอเพิ่มเติมให้นะครับ เพราะรู้สึกว่ายังหาคำตอบมาให้ไม่หมด

    --------------------------------------------------

    [​IMG]
    หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง


    ทำบุญไปแล้วสัก ๓๐ ปี ก็ยังอุทิศส่วนกุศลได้ บุญไม่หาย

    การทำบุญไปแล้วครั้งหนึ่งสักกี่ปี ๆ บุญก็ยังมีอยู่
    ถ้าทำไปแล้วสัก ๓๐ ปีก็ยังอุทิศส่วนกุศลได้ บุญไม่หาย
    ไม่ใช่เราทำบุญแล้วเดี๋ยวเดียวบุญหายไป ไม่ใช่อย่างนั้น .
    ถ้าทำบุญแล้วไม่ได้อุทิศส่วนกุศผู้ทำเป็นผู้ได้บุญเต็มที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว
    อยู่ที่ว่าเราจะให้เขาหรือไม่ให้ ถ้าเราไม่ให้เราก็กินคนเดียว
    ทีนี้ถ้าเราให้เขาบุญของเราก็ไม่หมด ส่วนที่เราให้ไปไม่ได้ยุบไปจากของเดิม

    อย่างเรื่องของ พระอนุรุทธ สมัยที่ท่านเกิดเป็นคนเกี่ยวหญ้าช้างของมหาเศรษฐี
    เวลาที่ท่านทำบุญแล้ว เจ้านายมาขอแบ่งบุญ ท่านก็สงสัยว่าการแบ่งบุญจะแบ่งได้ไหม
    จึงไปถามพระปัจเจกพุทธเจ้าที่ท่านรับบาตร ท่านก็เปรียบเทียบให้ฟังว่า

    "สมมติว่าโยมมีคบและก็มีไฟด้วย แต่คนอื่นเขามีแต่คบไม่มีไฟ
    ทุกคนต้องการแสงสว่างก็มาขอต่อไฟที่คบของโยม แล้วคบของทุกคนก็สว่างไสวหมด
    อยากทราบว่าไฟของโยมจะยุบไปไหม"

    ท่านพระอนุรุทธก็ตอบว่า "ไม่ยุบ"

    แล้วพระปัจเจกพุทธเจ้าท่านก็บอกว่า

    "การอุทิศส่วนกุศลก็เหมือนกัน เราให้เขา เขาก็โมทนา
    แต่บุญของเราก็ยังอยู่เต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้หายไป"



    จากหนังสือ : ตายแล้วไม่สูญ..แล้วไปไหน
    เรื่อง : การอุทิศส่วนกุศลให้คนตาย
    หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี



    --------------------------------------------------

    อุทิศส่วนกุศลให้ผี...ต้องกระชับและรวดเร็ว

    ถาม : หลังจากทำบุญเราจะอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ให้ตอนนั้นหรือว่าตอนที่เรากลับมาบ้านแล้ว ?
    ตอบ : หลังจากกลับมาแล้วก็ได้ แต่ว่าให้เร็ว ๆ เพราะว่าผีเขาก็ไม่ค่อยมีเวลานัก ปลีกตัวมาได้ไม่นาน

    หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเจอในลักษณะที่มีผู้คุมเขาคุมผีมาโมทนาบุญ ท่านก็มัวแต่ "อิมินา ปุญญะกัมเมนะฯ ... " ผู้คุมก็ไม่รอ... ผีถูกลากคอไปเพราะเขามีเวลาให้นิดเดียว เพราะฉะนั้น..ให้ไว ๆ ให้เร็ว ๆ และง่ายที่สุด

    ถาม : สรุปว่าตอนที่พระให้พร เราพยายามให้ตอนนั้นเลย ?
    ตอบ : ใช่จ้ะ..ให้ตั้งใจเลยว่า ผลบุญทั้งหมดที่เราทำมานี้ ขออุทิศให้กับใคร ขอให้เขาผู้นั้นมาโมทนา เราจะได้รับประโยชน์ความสุขเท่าใด ก็ขอให้เขาได้รับด้วย

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕

    --------------------------------------------------


    ไม่สามารถโมทนาบุญได้

    ถาม : ในการให้โมทนาบุญ มีไหมที่เขารับไม่ได้ ?
    ตอบ: มี..บางคนกรรมเขาหนัก รับไม่ได้ หรือไม่ก็เราให้ผิด เขาก็รับไม่ได้

    หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยเล่าว่า สมัยท่านบวชใหม่ ผีมาขอส่วนกุศล ท่านก็อุทิศส่วนกุศลบท "อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อุปัชฌายา คุณุตตะรา ฯ" ..ไม่ถึงผีสักที ลองแปลดูสิ
    "อุปัชฌายา คุณุตตะรา"
    ให้อุปัชฌาย์ผู้มีคุณ
    "อาจาริยู ปะการาจะ
    " อาจารย์ผู้มีอุปการะ
    "มาตาปิตา จะญาตะกา" บิดามารดาและญาติ

    ผีตนนั้นไม่ได้สักที หมดเวลาก็ถูกเขาลากไป เช้าขึ้นมา หลวงปู่ปานถามว่า “เป็นอย่างไร พ่ออิมินาคล่อง ไปท่องอย่างนั้นผีเขาจะได้หรือ ?”
    หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็ถามว่า "ต้องทำอย่างไรครับ ?"
    หลวงปู่ปานท่านบอกให้ใช้ภาษาไทยง่าย ๆ ให้ตั้งใจว่า "กุศลบารมีใด ที่เราทำมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ ขอให้เธอโมทนา เราจะได้รับประโยชน์ความสุขเท่าไร ขอให้เธอให้เธอได้รับด้วย" เอาง่าย ๆ ไปท่องคล่อง ๆ แบบนั้น ถ้าไม่ตรง เขาก็รับไม่ได้ อีกประเภทหนึ่งคือ กรรมของเขาหนักมาก

    มีอยู่รายหนึ่ง ตอนนั้นไม่ทราบว่าเป็นวันสำคัญอะไร ? น่าจะเป็นมาฆบูชา ปรากฏว่าตอนบ่าย ๓ โมง เข้าโบสถ์สวดปาฏิโมกข์ มีผีมาโมทนาบุญอยู่มากันแน่นขนัดไปหมด เพราะว่า วันมาฆะ วิสาขะ เข้าพรรษา ออกพรรษา พระยายมฯท่านจะหยุดงานช่วงละ ๓ วัน ปล่อยผีให้ไปโมทนาบุญ

    ผีพวกนี้ถ้าโมทนาได้ก็ไปเลย ท่านจะได้ไม่ต้องเหนื่อย วันนั้นผีเขาก็มากันมากมายมหาศาล แต่ปรากฏว่ามีอยู่ ๓ ตนที่โมทนาบุญไม่ได้ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็เรียกผีเข้ามาใกล้ ถามว่า "ทำไมให้บุญแล้ว โมทนาบุญไม่ได้ คนอื่นได้หมด"
    ผีเขาบอกว่า "เขาทำกรรมหนักไว้มาก อยู่โรงฆ่าสัตว์ ฆ่าควาย ฆ่าวัวเป็นประจำเลย" คนฆ่าสัตว์ใหญ่ กรรมก็เลยหนัก โมทนาบุญไม่ได้

    หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็ถามกลับว่า "อ้าว..แล้วมากันได้อย่างไร ?"
    ผีบอกว่า "ที่มาได้เพราะพระยายมเขาปล่อยมา" แล้วตัวเองกรรมของเขายังไม่หนักพอที่จะลงสู่ขุมโดยตรงเลย ก็เลยมีเทวทูตไปรับ ก็ถือว่าโชคดีไป

    หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถามว่า "ถ้าตัดสินจะเป็นอย่างไร ?
    ผีตอบว่า "ถ้าตัดสินผมลงแน่ เพราะผมนึกถึงความดีไม่ออกเลย"

    หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถามว่า "มีความดีอะไรที่พวกเธอจะโมทนาได้บ้าง ?"
    ผีตอบว่า "ขอบุญกรรมฐาน"

    ในเมื่อขอบุญกรรมฐาน หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็เลยอุทิศให้ว่า "บุญกรรมฐานใดที่ข้าพเจ้าทำมา ขออุทิศให้กับเธอ ขอให้โมทนา" ถึงได้รอดไป ก็หมายความว่า ถ้าเราให้ไม่ตรง เขารับไม่ได้ หรือว่าให้แล้วกำลังบาปของเขาสูง เขาก็รับไม่ได้เหมือนกัน ส่วนอีกประเภทหนึ่ง ที่รับไม่ได้เลยก็คือ อยู่ในเขตที่ลำบาก อย่างเช่นว่า อยู่ในนรกหรือว่าเปรต พวกนี้รับไม่ได้หรอก กำลังลำบากอยู่ คนโดนเขาไล่ฆ่าไล่ฟันอยู่ ยื่นขนมให้กิน อย่างไรก็กินไม่ทันหรอก ต้องรอกรรมเบาลงมาเป็นปรทัตตูปชีวีเปรต ถึงจะโมทนาบุญได้

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๕


    --------------------------------------------------

    อุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ตายโหง

    ถาม : (ถามเรื่องการอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ตายโหง)
    ตอบ : พวกตายโหงจะยังไม่ได้รับการตัดสิน เพราะว่ายังไม่ถึงอายุขัยของเขา เขาก็ยังไปเสวยบุญบาปตามที่เคยทำมาไม่ได้ จนกว่าจะรอให้ถึงอายุขัยของเขาก่อน

    อายุขัยในการเป็นมนุษย์เปรียบกับสัมภเวสีก็ไม่นานนัก สมมติว่าเขาอายุ ๕๐ ปี แต่เขาตายตั้งแต่อายุ ๒๐ ปี เขาก็รอที่โน่นประมาณครึ่งวันแค่นั้นเอง แต่ช่วงที่รออยู่ไม่มีอะไรจะทำ ก็เร่ร่อนไปเรื่อย ถ้าเราทำบุญให้เขา ๆ ได้รับความสุขเขาก็สบายไป ไม่อย่างนั้นก็อดอยากหิวโหย เร่ร่อนไป บางครั้งก็โดนหมอผีเรียกไปใช้งานบ้าง

    ถาม : เขาจะได้ตลอดไปเลย ?
    ตอบ : เราทำความดีสูงแค่ไหน เขาก็จะได้เท่านั้น ถ้าเราเป็นผู้ทรงฌาน ตั้งใจอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลจากกรรมฐานให้เขา บางครั้งเขาโมทนาแล้ว ก็ไปเกิดเป็นพรหมเลย

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๔

    --------------------------------------------------

    ลำดับของการอุทิศส่วนกุศลมีผลหรือไม่

    ถาม : แล้วอย่างที่เราทำบุญแล้ว เราจะอุทิศส่วนกุศล ลำดับที่เราอุทิศส่วนกุศลมีผลไหมคะ ว่าเราจะต้องอุทิศให้ผู้ใดก่อน ?
    ตอบ : เรียกว่ามีก็ได้ ขึ้นอยู่กับผู้รับ ถ้าผู้รับกำลังบารมีเขาสูงกว่า อยู่ในสถานที่ ๆ สมบูรณ์พร้อม จะให้ก่อนให้หลังท่านได้แน่นอน

    แต่ขณะเดียวกัน ถ้าหากว่าเป็นพวกเปรต อสุรกาย สัมภเวสีเหล่านี้ ถ้าให้ท่านก่อนท่านก็จะได้เต็ม ๆ ถ้าไม่ได้ให้ท่านก่อน แต่บอกให้เป็นการทั่วไป บางทีพวกที่กำลังสูงกว่าแทรกเข้ามา เขาก็เอาไปหมด คนที่กำลังน้อยกว่าก็อาจเข้าไม่ถึง เคยเห็นเวลาโปรยอาหารแล้วสัตว์เขาแย่งกันไหม ? ตัวที่แข็งแรงกว่าเท่านั้นที่จะได้ ลักษณะเดียวกัน เขาต้องการ ก็ต้องกันไม่ให้คนนี้เข้ามา

    ถาม : ถ้าอย่างนี้ เวลาเราจะทำบุญให้ใคร เราระบุ...
    ตอบ : เจาะจง...ระบุชื่อให้เขาไปก่อนเลย แล้วค่อยอธิษฐานอย่างอื่น

    ถาม : แล้วต้องจัดไหมคะ ว่าต้องให้ใครต่อ ?
    ตอบ : ก็แล้วแต่เราชอบใจ เอาตามแบบหลวงพ่อ ท่านก็ให้เจ้ากรรมนายเวรก่อน ถัดจากเจ้ากรรมนายเวร ก็เป็นเทวดาที่รักษาตัวเอง เทวดาทั้งหมดทั่วสากลพิภพ จนถึงพระยายมราช แล้วค่อยให้ญาติโยมที่ตายไปแล้ว จะใช่ญาติหรือไม่ใช่ญาติให้ทั้งนั้น

    ถาม : แล้วอุทิศให้ตัวเองได้ไหมคะ ?
    ตอบ : ได้จ้ะ แต่อุทิศให้ตัวเอง อุทิศหรือไม่อุทิศตัวเองได้อยู่แล้ว ได้ตั้งแต่ตอนทำแล้ว

    ถาม : แล้วการกรวดน้ำ กรวดน้ำอย่างไรเขาจะได้ ?
    ตอบ : แค่เราตั้งใจ ว่าผลบุญทั้งหมดที่เราทำในครั้งนี้ ขอให้เขาโมทนา เราจะได้รับประโยชน์ความสุขเท่าไร ขอให้เขาได้รับด้วย แค่นี้เขาก็ได้รับแล้ว ไม่ต้องไปเสียเวลาเอาน้ำรดมือนะ

    การเอาน้ำรดมือนั้นเป็นรูปแบบของพราหมณ์ เขาจะให้อะไรใครก็เอาน้ำรดมือคนนั้น เป็นสัญลักษณ์ว่าให้แก่คนนั้นแล้ว พระเจ้าพิมพิสารท่านเป็นพราหมณ์มาก่อน พออุทิศส่วนกุศลให้ญาติ ท่านไม่เห็นมือผี ก็เลยต้องเอาน้ำรดมือตัวท่านเอง เลยเป็นรูปแบบยึดต่อ ๆ กันมา ก็รดกันมาเรื่อย...

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔
     
  12. worawuta

    worawuta Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2012
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +30
    การอุทิศบุญ

    ขออนุญาตเพิ่มเติม จขก. เมื่อเห็นสัตว์ตายบนถนนให้รีบอุทิศบุญทันที

    ที่เห็น
    นึกในใจดังนี้ บุญที่เราเกิดเป็นมนุษย์ขออุทิศให้สัตว์ที่ตายนี้ อาจอุทิศหลายครั้งก็ได้

    ตามความประสงค์ครับ

    สัตว์นั้นจะได้รับทันที เดี๋ยวนั้น
     
  13. palati

    palati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +432
    แบบนี้แหละครับ ง่ายๆแต่ได้ประโยชน์เหมือนกัน เพราะออกมาจากใจที่อยากให้เขาไปสู่ที่ที่ดีๆครับ อนุโทนาด้วยครับ
     
  14. แม่ชุลี

    แม่ชุลี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +43
    มีบ้างเหมือนกันที่เวลาอุทิศส่วนกุศลที่เราทำมาทั้งสิ้น ให้อาทิสสมานกายของสัตว์ที่เป็นซากอยู่นั้น เมื่อตั้งใจอุทิศส่วนกุศลไปแล้ว ตัวเราเองกับรู้สึกสันหลังจะลุกเย็นวาบวาบ หลายครั้ง ไม่ทราบว่าคืออะไร แต่ก็จะทำทุกครั้งที่เห็นซากนั้นนั้น เพราะเราก็จะเป็นเช่นซากนั้นเหมือนกัน(ขณะพิมพ์นี้ยังจะสันหลังเย็นวาบวาบเลย)ไม่ทราบเหมือนกันคืออะไรรบกวนท่านผู้รู้กรุณาบอกด้วย ทำอย่างไรดี(แต่ก็รู้สึกมีความสุขดี)
     
  15. มิตร

    มิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +1,788
    คงจะมีปีติเกิดขึ้นนะครับ
     
  16. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130

    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน

    และข้าพเจ้าทั้งหลาย ขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากล
    พิภพและพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

    ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่า ไม่รู้ ไม่มี ไม่สำเร็จ จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้าได้กระทำแล้ว จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

     
  17. นางสาวอยู่จ้ะ

    นางสาวอยู่จ้ะ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +3,865
    "พุทธัง อนันตัง ธัมมัง จักรวาลัง สังฆัง นิพพานะปัจจะโยโหตุ"

    สายหลวงปู่ดู่ค่ะ ที่สุดของชีวิตจริงๆ เป็นทั้งบทแผ่เมตตาและแผ่บุญ
    สั้นที่สุดเร็วมาก คือวิญญาณเค้าอาจมีเวลาไม่นานนักค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2013
  18. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    แผ่เดี๋ยวนั้น..ถึงเดี๋ยวนั้น อนุโมทนาสาธุค่ะ "เป็นเพราะมีจิตที่สงบและเป็นกุศล จึงเกิดสมาธิให้หมั่นสร้างสรรค์ปัญญาของตนให้มีความฉับไวในการหมุนทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต..ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาหรือแม้เหตุการณ์ที่พึงปรารถนา..ก่อให้เกิดเป็นคุณประโยชน์ต่อตนและผู้อื่นเช่นนี้"
     
  19. yeepun

    yeepun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +425
    เคยคิดเหมือนกันคะ เวลาผ่านสัตว์ข้างทางตายบ่อยมาก. เราก็สลดใจมากเลย แต่จะพยายามเข้มแข็งไม่เศร้าไปด้วย. และแผ่เมตตาว่า "พรหมโลก เทวโลก มนุษยโลก นรกโลก มารโลก ทุกรูปทุกนามจงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย ขอให้ทุกรูปทุกนามจงมีแต่ความสุขกายสุขใจ อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย ขอให้ทุกรูปทุกนามจงมีแต่ความสบายจิต สบายใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยพิบัติทั้งหลายด้วยเทอญ"
     
  20. yeepun

    yeepun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +425
    เคยคิดเหมือนกันคะ เวลาผ่านสัตว์ข้างทางตายบ่อยมาก. เราก็สลดใจมากเลย แต่จะพยายามเข้มแข็งไม่เศร้าไปด้วย. และแผ่เมตตาว่า "พรหมโลก เทวโลก มนุษยโลก นรกโลก มารโลก ทุกรูปทุกนามจงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย ขอให้ทุกรูปทุกนามจงมีแต่ความสุขกายสุขใจ อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย ขอให้ทุกรูปทุกนามจงมีแต่ความสบายจิต สบายใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยพิบัติทั้งหลายด้วยเทอญ"
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...