ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

หามิได้ท่าน
เราหาได้ถวายต่ออารามนี้ไม่
อันพระไตรปิฎกสองชุดนี้
พระองค์นเรศวรเจ้าทรงเป็นประธานอุปถัมภ็จากอโยทธยาศรีรามเทพนคร
แลท่านเจ้าเมืองจากอนาจักทราวดีในถิ่นที่เราไปบวชรับธรรมมา
พระองค์ท่านทั้งสองประทานมาสู่เรา
ด้วยเหตุแห่งราตรีอธิษฐานจิตในสมาธิ
เราจึงน้อมนำไปสู่พระองค์เพื่อน้อมรับพระพรและอนุโมทนาวิธีจากพระองค์ท่านนเรศวรเหนือหัวเจ้า ก่อนนำ ๑ ชุดไปถวายในอารามที่ท่านเจ้าเมืองสถิตย์อยู่ที่ วัดร่องกลาง อ.ลอง จ.แพร่
ส่วนอีกหนึ่งชุดที่ยังเหลืออยู่
เมื่อถึงเพลา
จักมีคนมากล่าวกับเราเองว่าจักตกที่ใด
เราเพียงแจ้งต่อสหายศึกแลผู้ร่วมรบ
ไปน้อมรับพระพรจากพระองค์ท่านแลอุทิศมหากุศลต่อสหายศึกทั้งมวลทั้งกองทัพที่จักมาร่วมอนุโมทนาในมหากุศลนี้
จึงได้กล่าวต่อผู้มีวาระให้นำอาหารไปเลี้ยงสี่มุมเมืองตามพิธีนี้
แลคชสารช้างศึกช้างศรีทั้งสองเชือกแห่งเราที่เคยร่วมทำศึกกำชัยเหนือหลังช้างศรีป้องปกถวายความจงรักองค์นเรศเจ้าทุกคราทำศึกเหนือหลังคชสารในแผ่นดินอโยธยาศรีรามเทพนครเหนือพม่ารามัญได้มาสู่เราเมื่อรุ่งสางของวันนี้ เลยต้องเพิ่มอ้อยไปด้วยแลท่าน
แลเรานี้ก็ปรีดาห์นักที่ได้พบทหารเอกกล้าสหายรบในพระองค์ท่านคชสารช้างศึกช้างศรีท่านก็มาเช่นเรา
หากมีวาสนาท่านย่อมได้พานพบแลท่าน
หากมีผู้ใดก้าวสู่วรเชษฐ์ในบัดนั้น
ผู้ที่เห็นก็จักได้เห็นผู้ที่ได้พบก็จักได้พบ ตามกำลังศรีแห่งท่านเอง

อันเรานี้หาได้มีการรับบริจาคผ่านเวปไม่
มีเพียงมสองสามคนที่มีวาระต่อเรา
นอกนั้นเราหารับไม่
ผู้มาสู่เราถูดคัดสรรตามวาสนาแล้ว
ปัจจัยทั้งมวลมาจากผู้มีวาระต่อสองแว่นแคว้นนี้ทั้งสิ้น
ทุกอย่างมีเหตุแลปัจจัยทั้งสิ้นแลท่าน
ขอท่านผู้มาพบ
จงอย่ามีจิตอกุศลต่อเราเลย
เรามีเหตุมีปัจจัยในทั้งมวล
วาจาเรานี้อาจจักล่อแหลมนัก
แต่เรามีจิตเป็นกุศล
ต้องปลุกสหายเดิมผู้มาเกิดก่อน
ได้รู้ได้ตื่นจากความไม่รู้
เพื่อแผ่นดินสยามที่กำลังร้อนเป็นเพลิงให้เย็นลง
ผู้ไม่มีกรวดดินกลบหน้าจักได้มี
ผู้มีแผ่นดินยืนจักได้ร่มเย็น

http://www.yantip.com/board/viewthread.php?tid=866&extra=page%3D1

http://www.yantip.com/board/viewthread.php?tid=2612&extra=page=1

http://www.banboon.com/index.php/forum/15/295

 

อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ พูดถึงกุหลาบมอญ luxury ไปวัดวรเชษฐ์จะถวายสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราชด้วยกุหลาบมอญทุกครั้งค่ะ เพราะเป็นกุหลาบที่สวยมาก catt12

 

ขออนุโมทนาค่ะคุณเวฬุวัน

ขอต้อนรับคุณ luxury กุหลาบมอญทั้งสวยและหอมค่ะ

ขอนำเพลงของอาชินกร ไกรลาศที่ไม่เคยเปิดในกระทู้นี้มาก่อนเพื่อร่วมเทิดพระเกียรติทั้งสองพระองค์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเอกาทศรถ

ด้วยเพลง สองขัตติยา คำร้อง/ทำนองโดย ศิวกานต์ ปทุมสูติ ร้องโดย ชินกร ไกรลาศ

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1382784/[/MUSIC]

 

สวัสดีค่ะคุณนายภรภิตา

นั่งทำขนมเพลินๆอยู่เพราะได้น้ำตาลมา 2 กก.จากร้านมินิมาร์ทใน รพ. ศิริราช แต่ยังหาน้ำมันถั่วเหลืองไม่ได้เลยสักขวด ทำขนมเสร็จนึกขึ้นมาได้ว่า พระมหาฤทธิชัยท่านโทรมาตั้งแต่วันพฤหัสที่ผ่านมา วันเดียวกับที่หลวงเตี่ยโทรมา เลยลืมท่านมหาฯไปเพราะไปโพสเรื่องวัดชุมพลฯ

พระมหาฯท่านให้กำลังใจมาให้ทำหน้าที่ต่อไปอย่าได้ท้อ วันหนึ่งนักประวัติศาสตร์เขาก็จะเข้าไปศึกษาในรายละเอียดเองแล้วเขาคงจะเผยแพร่เรื่องต่างๆที่ศึกษาได้นี้ต่อสังคมต่อไป

ทั้งนี้พระมหาฯส่งรูปภูมะเขือมา อ้าว พระมหาฯไปเดินเล่นชมลูกระเบิดอยู่แถวภูมะเขือหรือนั่น



พระพิทักษ์แผ่นดินไทย/ภูมะเขือ



พระมหาฯท่านขอให้ลงข้อความสั้นๆนี้เพื่อให้ช่วยประชาสัมพันธ์โครงการของพระท่านที่กำลังทำอยู่

 

ขอเสนอผลงานที่ผ่านมาของพระมหาฤทธิชัย กัลยาโณ ที่ท่านได้ตั้งใจทำเพื่อฐานทหารตามแนวชายแดนมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว เพื่อให้ญาติโยมเกิดศรัทธาประสาธะในพระคุณเจ้าเพื่อให้ความตั้งใจของพระคุณเจ้าสำเร็จผลโดยเร็ว ขอนำเสนอในงานที่พระมหาฯท่านทำตลอดหลายปีที่ผ่านมา

พ.ศ. 2550 สร้างสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประดิษฐาน ณ ดอยไตแลง



<CENTER>

</CENTER>จัดสร้าง พระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (หนึ่งแสนห้าหมื่นบาท) ประดิษฐาน ณ วัดดอยไตแลง อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน

เพื่อเป็นที่สักการะทั้งคนไทยและชาวไทยใหญ่ รัฐฉาน (พม่า) เป็นขวัญกำลังใจแด่ทหารไทยแนวชายแดนไทย

[FONT=Ms Sans Serif,Tahoma]
<CENTER></CENTER>[/FONT]
[FONT=Ms Sans Serif,Tahoma]
<CENTER></CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER> [FONT=Ms Sans Serif,Tahoma]<CENTER></CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER> [FONT=Ms Sans Serif,Tahoma]</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER> [FONT=Ms Sans Serif,Tahoma]<CENTER></CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER> [FONT=Ms Sans Serif,Tahoma]<CENTER></CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER><HR SIZE=1> [FONT=Ms Sans Serif,Tahoma]<CENTER>

</CENTER>ดร.สมไทย วงษ์เจริญ และ คุณศรีวรรณ วงษ์เจริญ จากบริษัท วงษ์พาณิชย์ กรุ๊ป
ร่วมทำบุญรายแรก จำนวน 10,000 บาท
[/FONT]</CENTER>[/FONT]</CENTER>[/FONT]</CENTER><CENTER> </CENTER>

ร่วมบุญสอบถาม
พระมหาฤทธิชัย กัลยาโณ
081-6059498,0896381977
บัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาพิษณุโลก
เลขที่บัญชี 6011156126

นี่คือผลงานในปีพ.ศ. 2550 ปัจจุบันพระบรมราชานุสาวรีย์นี้ประดิษฐานอยู่บนดอยไตแลงแล้วค่ะ​

[/FONT][/FONT]</CENTER>[/FONT]

 

โครงการสร้างพระบรมรูป
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ประดิษฐาน ณ วัดดอยไตแลง อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน
-----------------------------------
ชื่อโครงการ ----การสร้างพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

โครงการของ----กองทุนไชยานุภาพ พิษณุโลก

ประธานที่ปรึกษา----คุณกุลิสลา บุญทับ

ประธานอุปถัมภ์----มูลนิธินักรบไทย อนุสรณ์สถานเทวาลัย ไทรทองเทพนิมิต อ.โชคชัย จ. นครราชสีมา

ผู้ประสานงาน----พระมหาฤทธิชัย กัลยาโณ เจ้าอาวาสกิตติมศักดิ์วัดยางวนาราม จ.พิษณุโลก

ระยะเวลาโครงการ----เดือนมีนาคม 2550 เป็นต้นไป ภายในเวลา 1 ปี

1. หลักการและเหตุผล
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงอุบัติมาเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และกู้ชาติกู้ แผ่นดิน ทรงเป็นกษัตริย์นักรบยากยิ่งที่หานักรบใดเสมอเหมือน ทรงเป็นกษัตริย์นักรบที่เปี่ยมล้นด้วยกฤษดาภินิหาร จนเป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่ชนชาติน้อยใหญ่ในภาคสุวรรณภูมิ (อุษาคเณย์) ทรงแผ่เดชพระบารมีโพธิสมภาร เป็นที่พึ่งแก่ชนชาติต่าง ๆ เช่น มอญ ไทยใหญ่ ไทยล้านนา ไทยล้านช้าง ได้อาศัยพระบรมเดชานุภาพของพระองค์ผ่านพ้นจากข้าศึกรุกราน 50 ปีของพระชนม์ชีพ และกาลต่อมาจึงเป็นช่วงของการ เปลี่ยนแปลงจากความทุกข์พลัดพรากมาเป็นความสุขสงบ จากความร้อนของสงครามเป็นความร่มเย็นของประชาราษฎร์ชาติน้อยใหญ่ ทรงสำแดงทศพิธราชธรรมให้ปรากฏท่ามกลางกษัตริย์น้อยใหญ่ผู้มาสวามิภักดิ์
อนึ่งดอยไตแลง เป็นพื้นที่ชนชาติไทยใหญ่เขตไทย ไทยใหญ่เขตรัฐฉาน (พม่า) และไทยล้านนา ไปมาหาสู่ติดต่อกันฉันท์ญาติมิตร วัดดอยไตแลงก่อสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์รวมทางจิตใจทางศาสนา เพื่อให้ชาวพุทธได้ทำหน้าที่บำเพ็ญบุญสร้างบารมี บวชกุลบุตร เป็นภิกษุ – สามเณร ศึกษาธรรมวินัย สืบทอดอายุพระพุทธศาสนา วัดดอยไตแลงจึงเป็นพื้นที่รองรับศรัทธาของชนชาติทั้งสองแผ่นดิน
การสร้างพระบรมรูปของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเพื่อประดิษฐาน ณ วัดดอยไตแลง เพื่อเป็นที่กราบสักการะแก่ชนชาติไทยใหญ่และคนไทยตามแนวชายแดน ตลอดถึง นักท่องเที่ยวแสวงบุญ และเป็นขวัญกำลังใจแด่ทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะด่านขุนไต ซึ่งอยู่ติดเขตไทย – พม่า อีกประการหนึ่งเพื่อปลูกฝังความเป็นไทย อันเดียวกันให้เกิดขึ้นตามหมู่บ้านชายแดนเพื่อประโยชน์ในการปกครองดูแล และปราบปรามยาเสพติดที่ไหลทะลัก เข้าสู่ประเทศไทยทางภาคเหนือของประเทศไทยให้น้อยลง

2. วัตถุประสงค์
1. เพื่อรำลึกถึงบรรพชนผู้ปกป้องชาติแผ่นดินถิ่นศาสนา
2. เพื่อเป็นที่พึ่งทางจิตใจแก่ชนในชาติ
3. เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแด่ทหารหาญ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจตามแนวชายแดนไทย
4. เพื่อเป็นสายสัมพันธ์อันดีของชนชาติไทยใหญ่ ไทยล้านนา ไทยสยาม อันเป็นต้นตระกูลไทยด้วยกันให้มั่นคง และเกิดประโยชน์ในอนาคตอันยาวไกล
5. เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ทางศาสนา
6. เพื่อเป็นอนุสติความรักชาติรักแผ่นดิน
7. ไม่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมือง การทหารแต่ประการใด

3. การดำเนินการ
1. ประชาสัมพันธ์โครงการ
2. ประสานงานเจ้าภาพร่วมทำบุญตามศรัทธา
3. หล่อพระรูป ณ โรงหล่อบึงถังปฏิมากรรม จ.พิษณุโลก (ปัจจุบันหล่อสำเร็จแล้ว)
4. ขั้นตอนพิธีอัญเชิญพระบรมรูปฯ
- พิธีถวายเครื่องบายศรีสักการะ
ณ พระราชวังจันทน์
- พิธีถวายบายศรีเครื่องสักการะ ณ วัดพระศรี-รัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร

- จุดพิธีรายทาง ศาลพระแม่ย่า
พ่อขุนรามคำแหง จ.สุโขทัย และจุดสำคัญที่เห็นสมควรเกี่ยวกับสมเด็จ พระนเรศวรมหาราช
5. พิธีบวงสรวงประดิษฐาน ณ วัดดอยไตแลง จ.แม่ฮ่องสอน

4. ผู้ดำเนินการ – ประสานงาน
กองทุนไชยานุภาพ จ.พิษณุโลก พระมหาฤทธิชัย กัลยาโณ เจ้าอาวาสกิตติมศักดิ์วัดยางวนาราม วัดเสนาสน์ ต.ท่างาม อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก

5. งบประมาณ
คณะเจ้าภาพและผู้มีจิตศรัทธา รายจ่ายค่าหล่อองค์ 150,000 บาท (หนึ่งแสนห้าหมื่นบาท) พิธีกรรมบวงสรวงและการอัญเชิญ 25,000 บาท (สองหมื่นห้าพันบาท)

6. สถานที่ทำบุญ
ติดต่อสอบถาม พระมหาฤทธิชัย กัลยาโณ ประธานกองทุนไชยานุภาพ ทำบุญโอนเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาพิษณุโลก หมายเลขบัญชี 6011156126
โทร. 081 – 6059498, 089 – 6381977

7. ผลที่จะได้รับ

1. ได้แสดงออกความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหา-กษัตริย์
2. ได้บำเพ็ญบุญบารมีสร้างความดีในพระพุทธศาสนา
3. ได้สิ่งยึดเหนียวทางจิตใจเป็นพลังแก่สถานที่
4. เป็นที่รองรับศรัทธามหาชน
5. เป็นขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน

การเดินทาง

ใช้เส้นทางเชียงใหม่ แม่ริม แม่แตง แยกซ้าย (เส้น 1095) เข้าอำเภอปาย – ปางมะผ้า แยกขวาแม่ละนา (เส้น 1226) บ้านปางคาม 25 ก.ม. ขึ้นดอยไตแลงอีก 7 ก.ม.

ผลที่ได้รับจากการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชไปตั้งที่กองกำลังทหารชายแดน อ.กันทรลักษณ์ ก็ยังคงปณิธานอันแน่วแน่ของพระมหาฯที่จะไปให้ขวัญและกำลังใจแก่ทหารชายแดนค่ะ

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244><TBODY><TR><TD>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>เหรียญสมเด็จพระนเรศวร ฯ ที่ "หนุ่มศึกหาญ" กองกำลังกู้ชาติไทใหญ่ กลุ่มแรก สร้างขึ้น
<!--MsgFile=21-->

<CENTER><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>

 

ผองเทพไท ในชั้นฟ้า นภาทอง
บรรลือก้อง เสียงสวรรค์ กันทั่วหน้า
แด่นเรศ เทพเกรียงไกร ได้กลับมา
จากชั้นฟ้า ไปภพล่าง สร้างบารมี

ได้กู้ชาติ ราชแผ่นดิน ถิ่นศาสนา
ครองประชา เป็นปึกแผ่น แคว้นธานี
รักษาแดน พุทธนิรันดร์ ห้าพันปี
คงมั่นดี สุวรรณพื้น ให้คืนตัว

ถึงกาลกลับ รับบารมี ที่บำเพ็ญ
เป็นกฏเกณฑ์ เทพสวรรค์ ในชั้นฟ้า
แด่องค์เทพ นเรศบุตร อยุธยา
ผู้แกล้วกล้า เทพอาวุธ ดุจกุญชร

ขออธิษฐาน ยกบุญญา บารมี
ไม่ถึงที่ พระนิพพาน กาลแน่นอน
ขอส่งญาณ การรับใช้ ในบวร
ดับโลกร้อน มนุษชาติ ศาสน์จรรโลงฯ


...แต่งบูชาโดย พระมหาฤทธิชัย กัลยาโน..

 

พระมหาฯนำทำบุญส่งวิญญาณทหารลาวกลับบ้าน ที่ทุ่งสัมฤทธิ์เมื่อปี พ.ศ. 2551

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=icon width=24></TD><TD class=cattitle>บุญที่ทุ่งสัมฤทธิ์ หนองหัวลาว ส่งวิญญาณทหารลาวกลับบ้าน</TD><TD class=itemsubsub><NOBR>May 12, '08 6:00 AM</NOBR>
สำหรับ ทุกคน</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD id=albumbody><TABLE id=prevnexttable border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" height=18><TBODY><TR><TD width="20%"></TD><TD width="60%" align=middle></TD><TD width="20%" align=right>สไลด์โชว์</TD></TR></TBODY></TABLE>
การทำบุญส่งวิญญาณทหารลาวกลับบ้าน ครั้งแรกในรอบ 182 ปี นำโดยพระมหาฤทธิชัย พระจากเมืองพิษณุโลก และพระอาจารย์สวัสดิ์ จากสุรินทร์ เพื่อ อุทิศให้ย่าโม ย่าบุญเหลือ ลดแรงผูกอาฆาตระหว่างเชื้อชาติลาว-ไทย เป็นอโหสิกรรม


พระประทานพรที่ทุ่งสัมฤทธิ์.JPG


สนามรบทุ่งสัมฤทธิ์.JPG


วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์.JPG


วีรชนทุ่งสัมฤทธิ์.JPG


ย่าโมและย่าบุญเหลือ.JPG


เปิดพื้นที่แจ้งแม่พระธรณี.JPG


สวดพระอภิธรรม.JPG


พระสงฆ์สวดพระอภิธรรม.JPG


พระมหาฤทธิชัยเทศ์ทีทุ่งสัมฤทธิ์.JPG


ทำบุญทุ่งสัมฤทธิ์5.JPG


ทำบุญใหญ่ในรอบ 182.JPG


เผาทหารลาวในรอบ182ปี.JPG


บวงสรวงเทพเจ้าที่.JPG


หลวงปู่สวัสดิ์เชิญต้นโพธิ์ไปชายแดน.JPG


นำพระและต้นโพธิส่งพี่น้องฝั่งลาว.JPG


เทศอโหสิกรรม.JPG


SHW1.JPG


SHW2.JPG


Saney6.JPG


Saney2.JPG


ร่างย่าโมให้พรลูกหลาน.JPG


SHW3.JPG


ส่งมอบถึงวัดพูขันคำ ลาวใต้.JPG


หนองหัวลาวทุ่งสัมฤทธิ์.JPG


</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR vAlign=top><TD class=userboxlogo width=55></TD><TD>ตอบกลับ
chaiyoss เขียน on Mar 7, '08
ทำไมต้องไปทำบุญที่ทุ่งสัมฤทธิ์

ผมได้ค้นข้อมูลนี้มา ดูแล้วเป็นเรื่องที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชัดเจน ว่าวิญญาณทหารลาวรอผู้มีบุญญาธิการมาโปรดทั้งที่เวลาได้ผ่านมากว่า 180 ปีแล้ว

จนกระทั่งวันหนึ่งมี พระจากเมืองพิษณุโลก ที่มีจิตเมตตามาก คือพระมหาฤทธิชัยได้เดินธุดงค์จาริกมาที่ บริเวณที่ทุ่งสำริดนี้ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการสู้รบกันระหว่างทห่ารไทย-ลาวและได้รับการบอกเล่าจากชาวนา บริเวณนั้น ว่า วิญญาณทหารลาว ยังตกค้างอยู่ที่นี่กว่า 180 ปี คือตั้งแต่ มีนาคม 2369 และยังอยู่กันอย่างอดอยากมาก เพราะไม่ค่อยมีคนทำบุญให้เลย

พระท่านก็ยังไม่ได้บอกใครจนผ่านไปอีก 3 ปี จึงได้วาระโอกาสมาเกริ่นบอกผมไว้ที่บ้าน

ต่อมาก็ได้บอกต่อให้ญาติที่อยู่เมืองลาว ญาติที่ลาวเมื่อได้ทราบก็ได้ตอบรับและยินดีมาทำบุญรับวิญญาณทหารลาวเหล่านี้กลับไป

ผมได้ดูจากบันทึกทางประวัติศาสตร์แล้ว ปรากฎว่า ยังไม่ได้มีใครมาทำบุญอะไรเลย ส่วนทางทหารฝ่ายไทยนั้นได้มีการทำบุญอุทิศให้และมีการสร้างวัดสามัคคีให้หลังเสร็จศึกใหม่ ๆ

การไปทำบุญครั้งนี้จึงมีความหมายมาก คือ

1.อุทิศบุญกุศลให้ดวงวิญญาณทหารลาวได้รับการจัดการพิธีศพตามประเพณี (หลังการศึกทั่วไป) ทุกคนที่ตายไปจริง ๆ แล้วเป็นพี่น้องเผ่าพันธ์เดียวกันแต่เก่าก่อนทั้งนั้น เชื้อชาติเขตแดนเป็นสิ่งสมมติขึ้นมาภายหลังทั้งสิ้น(การอพยพลงใต้ของชนชาติไทย 2 สายใหญ่ ๆ คือไทยใหญ่ที่ ปัจจุบันยังอยู่ในรัฐฉาน เขตพม่า และไทยน้อย ซึ่งคือลาวกับไทยในปัจจุบัน)

2.ช่วยเหลือดวงจิตวิญญาณให้พ้นทุกข์ ได้มีกุศลนำทางไป
โดยจะเชิญดวงวิญญาณทั้งหมดให้เดินทางไปพร้อมองค์พระพุทธรูป แล้วให้ชาวลาวนำข้ามน้ำโขงกลับไปบ้านเมืองตนเอง

3.เพื่อให้ลดแรงอาฆาตระหว่างเชื้อชาติลงให้เป็นอโหสิกรรม

4.ให้บรรพบุรุษฝ่ายเราไม่ต้องถูกจองเวรต่อไปอีก

5.เป็นการปลดล็อก ถอดรหัสกรรม เพื่อความเจริญก้าวหน้าในความร่วมมือของพี่น้องทั้งสองชาติต่อไป

พิธีการคร่าว ๆ 8.00 -10.00 วันที่ 15 มีนาคม 2551 บริเวณทุ่งสัมฤทธิ์ โคราช

1.บวงสรวง ย่าโมย่าบุญเหลือและบรรพบุรุษที่อนุสาวรีย์ทุ่งสัมฤทธิ์
2.บวงสรวงวิญญาณ ทหารลาว
3.พระเทศนา 1 กัณฑ์ / กล่าวนำอโหสิกรรมระหว่างเชื้อชาติ
4.พระสงฆ์สวดพระอภิธรรม ทอดผ้าบังสุกุล
5.ถวายภัตตาหาร สังฆทานแด่พระสงฆ์ 4 รูป
6.กรวดน้ำรับพร
7.เสร็จพิธี

เหตุการณ์นี้ อาจทิ้งช่วงมานานมากกว่า 182 ปี เพราะองค์ประกอบที่ผ่านมาไม่ครบ จึงทำให้ยากที่จะเกิดงานนี้ขึ้น คือ
ต้องมีการร่วมใจพร้อมกันทั้งสามฝ่ายจริง ๆ คือ
1.พระที่มีบารมีและเห็นความสำคัญ
2.คนไทยมาร่วมทำบุญ
3. คนลาวมารับวิญณาณกลับ

ขณะที่เขียนบันทึกนี้ก็รู้สึกอยู่เหมือนกันว่าเขารอมานานมาก พวกเราจะร่วมกันเปลี่ยนประวัติศาสตร์ แม้เป็นเพียงส่วนน้อยก็ตาม







</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

พระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ฝีมือแต่งพระพักตร์และลายพระภูษาของ พระมหาฤทธิชัย กัลยาโณ

พิธีบวงสรวงพระบรมรูปในงานแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ปี พ.ศ. 2553​

 

เพลง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1383718/[/MUSIC]

เพลง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

คำร้อง/ทำนองโดย ศิวกานต์ ปทุมสูติ
ร้องโดย ชินกร ไกรลาศ

 

เมื่อปลายเดือนที่แล้ว(ม.ค.54) ได้มีโอกาสไปกราบนมัสการท่านพระครูสมุห์ จิรยุทธ์ อธิฉนโท ท่านเจ้าอาวาสวัดตาลเอนเป็นครั้งแรก ก่อนที่ท่านจะเข้ากรรมฐาน ปิดวาจา ตั้งแต่สิ้นเดือน ม.ค.54 จนถึงสิ้น ก.พ.54
จำได้ว่าคุณทางสายธาตุได้เคยเขียนถึงท่านไว้ในกระทู้นี้ วันนี้โชคดีค้นพบข้อเขียนดังกล่าวแล้ว ขอนำมากล่าวถึงท่านอีกครั้งนะครับ....

<TABLE id=post3755352 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ทางสายธาตุ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3755352", true); </SCRIPT>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 2,341
พลังการให้คะแนน: 629







</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3755352 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->พระมหาฤทธิชัย ท่านบอกว่าพระมหาจิรยุทธ์ผูกพันสมเด็จพระนเรศวรมากๆ อ่านประวัติตอนสร้างพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรที่วัดตาลเอน บางปะหันดูนะคะ

​

อ้างอิง:
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>
การได้มาของพระบรมรูป

การได้มาของพระบรมรูปเป็นเรื่องอัศจรรย์มากเพราะว่าเดิมทีอาตมาย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดตาลเอนจริงก็นับถือพระองค์ท่านอยู่แล้วสวดมนต์ได้ถวายกุศลพระองค์ท่านอยู่เป็นประจำมีความคิดอยู่เสมอว่า อยากจะหล่อพระบรมรูปท่านไว้ แต่ว่าอาตมาคงไม่มีเงินเพียงพอแต่ถึงมีก็ควรนำเงินไปใช้ประโยชน์ที่เกี่ยวกับศาสนสถานอย่างอื่นดีกว่า ปรากฏว่ามีผู้ ดร. ณัฐพล ศิริสว่าง เคยเป็นอาจารย์สอนที่เกษตร ท่านได้มีจิตศรัทธาท่านได้หล่อแล้ว ได้หล่อพระเอกาทศรส พระสุพรรณไว้เชียงรายแต่มีความไม่เหมาะสมในการประดิษฐานพระบรมรูปทั้งสองที่นั่น ท่านก็มีความดำริจะขนย้ายที่ใดที่หนึ่งที่มีความเหมาะสม แต่ตอนนั้นท่านยังไม่รู้ว่าอาตมาย้ายมาเป็นเจ้าอาวาส ท่านก็ได้ปรึกษาพระท่านหนึ่งและพระท่านนั้นบอกท่านว่าจะได้เจอพระที่เหมาะสมที่จะได้ไปไว้ที่อยุธยาก็ปรากฎว่า ท่านก็นึกถึงอาตมาเพราะอาตมาเป็นคนอยุธยาไปเที่ยวหาที่วัดอัมพวัน ก็ได้ข่าวว่าอาตมาย้ายมาแล้วที่อยุธยา

ต่อมาท่านมาพูดว่าจะรับไหม อาตมาก็ดีใจ ปีติ ก่อนหน้านั้นอาตมาก็มีความรู้สึกว่าสักวันหนึ่งไว้แล้วว่าอยากจะทำ พออัญเชิญท่านทั้งสองรูปมาจากเชียงรายมาตั้งไว้ จำได้ว่าในวันที่อัญเชิญมา ญาติโยมทางเชียงรายร้องไห้ไม่อยากให้เอามา วันทีอัญเชิญมานั้นที่วัดตาลเอนมีค้างคาวแม่ไก่เยอะเมากเป็นพันๆตัวแล้วต่อค้างคาวแม่ไก่มาบินรอบเป็นชั่วโมงตรงที่ประดิษฐานชั่วคราวเป็นทีอัศจรรย์มาก ซึ่งปกติค้างคาวจะไม่ทำเช่นนี้และในวันนั้นเองได้มีค้างคาวแม่ไก่หนึ่งตัวได้เข้ามาเกาะที่ราวเชิงเตียนที่ประดิษฐานของพระบรมรูปของสมเด็จพระเอกาทศรสและพระสุพรรณกัลยา ตั้งแต่มาอยู่เนี่ยไม่มีปรากฎว่าค้างคาวแม่ไก่จะเข้ามาอยู่บริเวณที่พักอาศัยของผู้คน และกุฏิที่อาตมาพักอยู่ในปัจจุบันหลังนี้จะปิดประตูแน่นหนาแม้แต่ยุงก็ไม่สามารถเข้าไปได้ ในขณะที่อาตมานั่งอ่านหนังสือกลางดึกนั้น มีค้างคาวแม่ไก่เข้าไปในห้อง อาตมายังเรียกพระเข้ามาดู พระพลและพระหน่อยบอกว่าไม่น่าเชื่อว่าจะเข้ามาได้เพราะร่องก็ไม่มี หน้าต่างประตูก็ติดมุ้งลวดหมด ยุงยังไม่สามารถเข้ามาได้ ช่วง พค ๕๐ มีสองพระองค์ก็เหลืออีกพระองค์คือพระนเรศวร ท่านเจ้าภาพคือดร ณัฐพล ท่านมีจิตศรัทธาดำริร่วมกันกับชาวพุทธได้หล่อพระบรมรุปท่านอีกสักอง เสร็จเมื่อวันที่ ๒๓ ตุลา เมื่อหล่อเสร็จก็มาประดิษฐานไว้ ที่หน้าหอสวดมนต์ แล้วก็สร้างพระตำหนักถวายท่าน ดังที่ได้เห็นอยู่ปัจจุบันเรียกว่าพระตำหนักทรงไทยตรีมุขเพราะมีด้านจั่วอยู่สามด้าน

ความอัศจรรย์

มีความอัศจรรย์ในเรื่องของพระองค์ท่านอีกเยอะที่ญาติโยมได้ประสบพบเจอก็ได้เล่าสู่กันฟังมากมาย เช่นเริ่มตั้งแต่ก่อสร้างพระตำหนักช่างเอาเสาสำเร็จมาวางแนวนอนๆเอาไว้พอถึงเวลาเอาตั้งและเอาเหล็กเสียบไว้ในเสาและยกตั้งเพื่อที่จะเทปูนกรอกก็ปรากฎว่าในช่วงพักเที่ยงได้ลงมาทานข้าวกันได้ยินเสียงสุนัขมันร้อง สุนัขสุนัขเนี่ยวิ่งขึ้นไปบนยอดเสาเอาขาสองข้างไปเกาะที่ขอบเสาแล้วก็ร้องขอความช่วยเหลือ ทางฝ่ายช่างก็รีบเอานั่งร้านขึ้นไปไปเอาลงมา หัวหน้าช่างบอกว่า สงสัยตาย ถ้าไม่ตายก็เละทั้งตายเพราะช่วงที่นอนอยู่ในท่อก็คงเอาเหล็กเสียบเข้าไปหมดเลยเพราะฉะนั้นก็ต้องไปโดนตามเนื้อตามตัวมันบ้างผลปรากฎว่าเมื่อลงมาแล้วสุนัขตัวนั้นไม่เป็นไรเลย ไม่มีแผลอะไรเลย ช่างได้บอกว่าสมเด็จพระนเรศวรนอกจากจะปกป้องคุ้มครองคนไทยแล้วยังปกป้องสุนัขด้วย ช่างได้สารภาพบาปกับอาตมาความจริงน่ะจะทิ้งเพราะเขารับมาถูกมากไม่คุ้มกับค่าแรงของคนงานแต่พอมาเจอเหตุการณ์นี้เลยไม่กล้าเลยเพราะเห็นประจักษ์พยานว่ามีบารมีมาก

คนงานที่มาสร้างศาลาปฏิบัติธรรมนั้นได้กินเหล้าเมาตอนนั้นพระตำหนักยังไม่ได้สร้างเสา มีแต่พื้นลอยอยู่เหมือนเวทีก็ได้ขึ้นไปร้องเพลง เต้นรำ ต่อมามีคนมาสะกิดข้างหลังก็เหลียวไปดูเป็นคนผู้ชายสูงใหญ่ ถือมีดและชี้น่ะว่าลงไปเดี๋ยวนี้เลย รู้ไหมว่ากูเป็นใคร นี่ที่สูงน่ะมาทำแบบนี้ได้ยังไง คนนั้นตกใจมากพอเห็นแล้วกระโดดลงไปแล้วก็วิ่งหนีเข้าไปในแคมป์คนงาน วันรุ่งเช้าสร่างเมาก็เล่าให้ลูกพี่ฟังก็เลยให้ขอขมาเดินเข้าในวัด พอเห็นพระบรมรูปตัวสั่นเลยเพราะหน้าตาเหมือนกันเลย หลังจากนั้นคนงานชุดนี้อยู่ไม่ได้ ร้อนก็กลับบ้านไป

ต่อมาคนงานชุดใหม่มาทำงานต่อก็เห็นว่าพระตำหนักนี้สามารถนอนได้เพราะแคมป์ไม่พออยู่ มีครอบครัวเข้าไปนอนสามีภรรยาเป็นเรื่องธรรดาทางโลก ปรากฎว่าอยู่ได้อีกคืนก็มีเรื่อง ต้องออกมา อยู่ไม่ได้ มีฝันร้าย ต่อว่ามาทำกันอย่างนี้ได้ไงนี่พระตำหนักน่ะ ปรากฎว่าอยู่ไม่ได้

บางคนไม่รู้จักวัดตาลเอนเลยบอกว่าฝันไปเป็นนักเรียนโรงเรียนวชิราวุธราชวิทยาลัย ตื่นมาก็ทานข้าวเช้าบอกคุณพ่อว่า เมื่อคืนผมฝันแปลกอยู่ดีๆมีภาพเป็นรูปปั้นพระนเรศวร ใต้ภาพนั้นเขียนว่าวัดตาลเอน พ่อก็บอกว่าจะไปยากอะไรลูกก็ลองเข้าที่วัดตาลเอน และดูว่าวัดตาลเอนนี้มีจริงไหม ผลปรากฎว่ามีรูปนี้จริงด้วยก็เลยขอแผนที่มา หลายคนเลยที่อาตมาเจอมา นี่ก็เป็นประสบการณ์ที่เป็นกำลังใจให้กับคนที่กราบไหว้ท่าน แต่เหนืออื่นใดเรามีความประสงค์ที่ต้องการมีสามอย่าง

o ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ในความเสียสละของทั้งสามพระองค์

o รักษาประวัติศาสตร์ของอยุธยาในส่วนที่ท่านเป็นกษัตริย์ของอยุธยาไว้

o อยากให้เป็นคติของครอบครัวที่รักปรองดองสามัคคคี ทำหน้าที่พี่น้องที่ดี หาได้ยากในสังคมไทยปัจจุบันในความเป็นพี่น้อง





</TD></TR></TBODY></TABLE>
<!-- google_ad_section_end -->
__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->





</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE id=post3755352 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3755352", true); </SCRIPT>





</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3755352 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->






</TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE id=post3755352 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3755352", true); </SCRIPT>





</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3755352 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->






</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE id=post3755352 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3755352", true); </SCRIPT>





</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3755352 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->






</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ขออนุโมทนากับท่านพระมหาฤทธิชัย ท่านพระครูสมุห์จิรยุทธ์ คุณเวฬุวัน และทุกๆท่านครับ

 

พระมหาฯท่านส่งรูปภาพและข้อมูลมาเพิ่มเติม ท่านทำงานเพื่อสมเด็จพระนเรศวรมากว่า 10 ปีแล้วค่ะ ตรงนี้เรียนถามท่านมา

"คือศูนย์รวมจิตใจ ทหารไทยผู้กล้า"/กราบขอบพระคุณครับ.. .

 

ข้อความจาก SMS

เขียนโดย พระมหาฤทธิชัย กัลยาโณ

 

​

พระบรมราชานุสาวรีย์(องค์หน้า) อัญเชิญประดิษฐาน ณ ค่ายสุรนารี​

 

ช่วยเด็กกำพร้าดอยไตแลง เมื่อปี พ.ศ. 2547

เพื่อร่วมอนุโมทนากับโครงการต่างๆที่พระอาจารย์มหาฤทธิชัย ได้ทำผ่านมาและที่กำลังกระทำอยู่ และเพื่อให้โครงการสร้างพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประดิษฐานที่ อ.กันทรลักษณ์ สำเร็จลุล่วงโดยเร็ว ขอนำเสนองานและโครงการต่างๆที่พระท่านทำผ่านมา (ทางสายธาตุช่วยประชาสัมพันธ์ให้ เผื่อว่าวิธีประชาสัมพันธ์ในกระทู้นี้จะเป็นอีกหนทางหนึ่งที่ทำให้งานและโครงการที่พระท่านกำลังดำเนินการอยู่ประสบผลสำเร็จโดยเร็ว) พระอาจารย์ยินดีให้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลของท่านได้ค่ะ


พระมหาฤทธิชัย กัลยาโณ แห่งมหาฤทธิชยานุภาพธรรมสถาน ต.บ้านยาง อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก มาพบผมที่บ้านเพื่อหาข้อมูลเรื่องตะบันน้ำ เพื่อนำไปติดตั้งที่ บริเวณดอยไตแลง เนื่องจากพระภิกษุสามเณร ทหารที่เฝ้าระวังภัยอยู่ชายแดน และเด็กกำพร้าหลายร้อยชีวิตที่พ่อแม่เสียชีวิตจากภัยสงคราม และหนีตายเข้ามาอาศัยอยู่ในการดูแลของสำนักสงค์ มีความลำบากต้องเดินลงไปตักน้ำจากลำห้วยใช้เพื่อดำรงค์ชีพ



ที่พัก และโรงเรียนของเด็กกำพร้าเหล่านี้ ถูกกำหนดให้สร้างอยู่ในแนวตะเข็บชายแดน เหตุผลเพื่อความมั่นคง ไม่มีไฟฟ้า น้ำต้องลงไปหอบหิ้วขึ้นมา ทั้งคนทั้งม้าช่วยกันขนขึ้นมา ในภาพเป็นโรงเรียน ศาลาบนยอดเขาเป็นฐานปฏิบัติการชายแดน



ชาวไทยใหญ่ที่พลัดถิ่นเข้ามา จะมีการจักงานปีใหม่ทุกปี เห็นว่าปีนี้จะจัดให้ยิ่งใหญ่กว่าทุกปี
การเดินทางใช่เส้นทางปางมะผ้า แม่ฮ่องสอน แยกแม่ละนา ไปบ้านปางคาม ขึ้นดองไตแลง ผ่านด่านทหาร 6 ด่าน บอกว่าไปทำบุญสร้างประปาให้วัดดอยไตแลง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ พระมหาฤทธิชัย กัลยาโณ



<!-- Start of Jam --> ภาพมีอยู่แค่นี้ กำลังรอให้หลวงพี่ส่งรูปมาจากพิษณุโลกอยู่ จะเอามาเพิ่มเติมทีหลัง



GG

 

ติดตั้งเครื่องตะบันน้ำบนดอยไตแลง ปี พ.ศ. 2549

ทางขึ้นดอยไตแลงช่วงแรกราดยาง สวยงามมากๆ




พระมหากัลยาโณ ผู้ชักนำของงานนี่ดักรออยู่ที่ปางมะผ้านำทางขึ้นมา
ระหว่างทางแวะชมจุดที่เรียกว่าถนนเชียร์มวย หมู่บ้านปางคามปีที่แล้วชาวบ้านขึ้นมาชมการสู้รบระหว่าง ไทยใหญ่ กับกองกำลังว้า เป็นที่สนุกสนาน



ใกล้ค่ำแล้ว ถ้าหลังหกโมง ทหารจะไม่ยอมให้ผ่านด่าน



มาถึงวัดเอาตอนสองทุ่มพอดี ถ้าให้คลำทางขึ้นดอยมาเอง คงได้เลี้ยวกลับไปนอนปางมะผ้าแน่ๆ ซ้ายมือเจ้าอาวาทวัดดอยไตแลง ของชาวไต



รูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้รับการบูชาเสมอเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินของชาวไต



เช้าตรู่ท่านมหาออกมานั่งจินตนาการ ชมความอลังการแห่งขุนเขา



ครูและนักเรียนโตผลัดกันตื่นแต่เช้าหุงหาอาหาร



นักเรียนชายเข้าแถวเตรียมรับอาหารเช้า



ที่หน้าหอพักนักเรียนหญิงข้างล่าง ก็ตั้งแถวรับฟังโอวาทจากครูเช่นกัน
คุณ ว. ฝากบอกน้าตะเกียง กับพี่เป๊ยกด้วย ปีนี้ไม่ได้ไปด้วย



อาหารเช้ามีแค่นี้เอง ครูใหญ่บอกว่างบประมาณมีให้เฉลี่ยมื้อละหนึ่งบาทต่อคนเท่านั้น



ที่วางอยู่ในจาน มองดูคล้ายขาหมู ช่วยให้อาหารดูอร่อยขึ้น



ในหนึ่งสัปดาห์จะมีอาหารประเภทโปรตีน เช่นเนื้อหมู หรือไก่ ต้มกับผักให้สัมผัสคนละชิ้นสองชิ้น เพียงมื้อเดียวเท่านั้น
แต่แค่นี้ก็ดีที่สุดแล้ว ทุกคนพอใจ และมีความสุขมาก ที่นี่เหมือนสวรรค์ เมื่อเทียบกับชีวิตในอดีต



ที่พักอาศัย คับแคบแต่ก็สอาดเป็นระเบียบ



งานประจำที่ทุกคนต้องช่วยกันทำ หาบน้ำจากหุบเขาขึ้นมาระยะทาง 300 กว่าเมตร ความสูง 100 กว่าเมตร



หลังอาหารเช้าทุกคนจะมารวมตัวกันที่ลานหน้าโรงเรียน
ซ้ายมือพี่ไพร ขวามือครูใหญ่ ถัดมาเจ้าอาวาทวัดดอยไตแลง



เครพธงชาติ



พระมหากัลยาโณ มอบของขวัญวันปีใหม่ให้กับชาวไทยใหญ่



เป็นภาพสมเด็จพระนเรศวรมหาราช กับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินของชาวไต ท่านมหาจะเข้ามาอธิบายรายละเอียดภายหลัง



เลือกทำเลได้แล้ว ส่วนหนึ่งเอาหินเรียงกั้นฝาย
อีกกลุ่มติดตั้งตัวตะบันน้ำกับไม้ขอนนอนตาย



ตะบันน้ำขนาดสามนิ้ว ท่อขับดัน สองนิ้วครึ่ง
ใช้น็อตสี่ตัวยึดติดแผ่นไม้ ตอกตะปูติดกับไม้ขอน



ถ่ายรูปกับทหารหาญ ที่นี่คือปราการด่านแรก ที่ปกป้องให้เราปรอดภัย



ซ้ายมือเป็นม้าต่าง ที่ทหารใช้ขนสัมภาระ เพื่อการดำรงชีพบนขุนเขา ส่วนขวามือเป็นพาหนะคู่กายที่พาเราไปได้ทุกที่



ฝายกั้นน้ำกับกองทัพเณร ซนเหลือหลาย
หลังจากทิ้งใว้ข้ามคืนให้กาวแห้ง เปิดให้เครื่องทำงาน ส่งน้ำได้ถึงปลายท่อท่อนแรก ระยะทาง 100 เมตร ความสูงประมาณ 45 เมตร หลังจากต่อสายส่งน้ำท่อนที่สอง ปลายสายไปได้แค่โรงครัวของเด็กนักเรียนหญิง ความยาว 200 เมตร สูง 80 เมตร ปรับสะโตรกให้ยาวขึ้นส่งน้ำไปได้แค่ 6 บาร์หรือสูง 60 กว่าเมตร น้ำในฝายหมดเสียก่อน ถ้ามีท่อส่งน้ำจากแหล่งน้ำใกล้เคียงมาเสริม ทุกอย่างจะไปได้สวย



คำขอบคุณจากคนบนดอยไตแลง

 

สมเด็จพระนเรศวรฯ ในประวัติศาสตร์ไทใหญ่

สำหรับคนไทยสยามยุคปัจจุบัน เมื่อได้เห็นภาพการบวงสรวงบูชาไหว้ศาลสมเด็จพระนเรศวรฯ ที่ฐานเนินกองคาของทหารไทใหญ่ และได้เห็นหนุ่มน้อยทหารไทใหญ่ต่างมีเหรียญทองแดงรมดำรูปสมเด็จพระนเรศวรฯ แขวนเชือกป่านห้อยคอเป็น "ของขลัง" ประจำตัวนั้น ถือเป็นเรื่องน่าประหลาดใจยิ่ง ว่าเหตุใดชนกลุ่มน้อย โดยเฉพาะทหารไทใหญ่ จึงได้เคารพนับถือสมเด็จพระนเรศวรฯ บุรพกษัตริย์นักรบอย่างหนักแน่นมั่นคงเช่นนี้

ทั้งที่สมเด็จพระนเรศวรฯ เป็นกษัตริย์ไทยและเสด็จสวรรคตล่วงผ่านไปแล้วถึง ๔๐๐ ปี!

พันเอกเจ้ายอดศึกผู้นำกองกำลังกู้ชาติไทใหญ่ยุคปัจจุบัน ตอบคำถามสั้นๆ ถึงที่มาทางประวัติศาสตร์อันทำให้ทหารไทใหญ่นับถือสมเด็จพระนเรศวรฯ อย่างที่สุดว่า

"พระนเรศวรฯ กับเจ้าคำก่ายน้อยเจ้าฟ้าของไทใหญ่ ท่านเป็นเพื่อนกัน มีจุดมุ่งหมายเหมือนกัน คือต้องการรบพม่า ต้องการขับไล่พม่าออกจากแผ่นดินไทยและแผ่นดินไทใหญ่ คนไทใหญ่ถือว่าถ้าพระนเรศวรฯ ยังอยู่ ไทใหญ่จะไม่ลำบากอย่างนี้ เพราะท่านมีนโยบายปราบพม่าให้หมดสิ้น คนไทใหญ่ทุกคนรู้เรื่องนี้ ผมศึกษาประวัติศาสตร์ ได้รู้ และเชื่อถือมาก ทหารไทใหญ่ทุกคนเชื่อเพราะรู้ประวัติศาสตร์ ผมอธิบายให้ฟังทุกคน"

"เจ้าคำก่ายน้อย" ที่พันเอกเจ้ายอดศึกกล่าวถึง คือเจ้าฟ้าวีรบุรุษคนหนึ่งของชาวไทใหญ่ ผู้เป็นสหายร่วมรบมากับสมเด็จพระนเรศวรฯ มีปรากฏในประวัติศาสตร์ที่คนไทใหญ่รับรู้มายาวนาน

ความสัมพันธ์ระหว่างสยามกับชนกลุ่มน้อย ตั้งแต่สมัยอยุธยาถึงต้นรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะกับมอญ กะเหรี่ยง ไทใหญ่นั้น มีความแนบแน่นลึกซึ้ง มอญ กะเหรี่ยง ไทใหญ่ คือ "ชาวด่าน" ที่คอยป้องกันขอบขัณฑสีมาจากการรุกรานของพม่า หลักฐานทางไทใหญ่กล่าวย้ำถึงสัมพันธภาพแน่นแฟ้นนี้ว่า จนแม้ไทใหญ่ที่ถูกกุมตัวเป็นเชลยอยู่กลางเมืองพม่าเอง ก็พร้อมจะแข็งขืนไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจพม่า แต่มาฝักฝ่ายอยู่กับฝ่ายไทยซึ่งเป็นเชื้อชาติเดียวกัน ดังที่ "เคอแสน" นักประวัติศาสตร์ชาวไทใหญ่บันทึกไว้ในบทความ "สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและเจ้าคำก่ายน้อยแห่งไทใหญ่" ในนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนสิงหาคม ๒๕๔๕ ว่า ครั้งที่กษัตริย์บุเรงนองยกทัพเข้ามาตีเมืองไทย ลาว เชียงใหม่ เชียงห่ม ในปี พ.ศ. ๒๑๐๘ นั้น

"เจ้าฟ้าไทใหญ่และทหารไทใหญ่ที่ถูกจับเป็นเชลยอยู่ในเมืองหงสาวดีนั้นถือโอกาสจุดไฟเผาหอ, วังในเมืองหงสาวดีเสียหาย จนกระทั่งพวกอำมาตย์ของพม่าต้องหนีไปอยู่ที่ "เมืองทละ" การเผาหอ, วัง ในครั้งนี้เจ้าฟ้าไตย (ไทใหญ่) ให้เหตุผลว่า เพราะพม่าทำการรุกรานนำทัพเข้าตีเมืองพี่เมืองน้องของไตย หลังจากบุเรงนองทราบข่าวจึงรีบยกทัพกลับเมืองหงสาวดีทันที และจับเจ้าฟ้าไตยและคนไตยหมื่นกว่าคนทำการเผาทั้งเป็นที่เมืองหงสาวดี"

และ "เคอแสน" ยังกล่าวไว้อีกด้วยว่า สมเด็จพระนเรศวรฯ คือบุรพกษัตริย์ที่รวบรวมก่อตั้งอาณาจักรไทใหญ่ โดยที่สมเด็จพระนเรศวรฯ ทรงปรึกษากับเจ้าคำก่ายน้อย เจ้าฟ้าไทใหญ่ เพื่อจะสร้างกองทัพราชอาณาจักรไทย-ไทใหญ่ ให้เข้มแข็งถาวรต่อไปในวันข้างหน้า โดยทางไทใหญ่นั้นเจ้าคำก่ายน้อยรับอาสาที่จะเจรจากับเจ้าฟ้าไทใหญ่ทุกเมือง

ในปี พ.ศ. ๒๑๔๓ สมเด็จพระนเรศวรฯ มีรับสั่งให้เจ้าคำก่ายน้อยนำกำลังทหารส่วนหนึ่งเข้าไปเมืองปั่น เมืองนาย ยองห้วย ไปจนถึงภาคกลาง และเจ้าฟ้าไทใหญ่ทุกเมืองพร้อมกันจัดตั้งเป็นพระราชอาณาจักรขึ้น โดยมีสมเด็จพระนเรศวรฯ ทรงเป็นผู้นำ ส่วนช่วงที่สมเด็จพระนเรศวรฯ เสด็จขึ้นไปสวรรคตที่เมืองหางหลวง ในแผ่นดินรัฐฉาน ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ระบุว่า ในครั้งนั้นสมเด็จพระนเรศวรฯ ได้ทรงยกทัพขึ้นไปช่วยเจ้าคำก่ายน้อย ที่กำลังทำศึกกับทหารจีนและทหารพม่าซึ่งรุกรานเมืองไทใหญ่ แต่สมเด็จพระนเรศวรฯ สวรรคตเสียก่อน เจ้าคำก่ายน้อยจึงสู้รบต่อไปเพียงลำพัง และสิ้นพระชนม์กลางสนามรบที่เมืองแสนหวี ในปี พ.ศ. ๒๑๔๘ หลังการสวรรคตของสมเด็จพระนเรศวรฯ ไม่นานนัก