ความลับหนังสือของคุณเอกอิสโร

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย gnungnun, 15 มกราคม 2011.

  1. gnungnun

    gnungnun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    334
    ค่าพลัง:
    +357
    คุณเอกอิสโรเขียนหนังสือออกวางจำหน่ายสองเล่ม สาระสำคัญของหนังสือสองเล่มก็คือ พุทธประวัติ การประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพาน รวมทั้งสถานที่ทุกอย่างในพุทธประวัติ เช่นเมืองสาวัตถี เมืองราชคฤห์ ล้วนอยู่ในแถบพม่า ไทย แถวๆนี้

    หลังจากผมได้อ่านข้อเขียนของคุณเอกอิสโรนะครับ

    ข้างล่างนี้คือสิ่งที่คุณเอกอิสโรเขียนไว้เกี่ยวกับเมืองสาวัตถีโดยใช้หลักฐานจากพงศาวดารเรื่อง พระมาลีย์เจดีย์ครับ

    เรื่องพระมาลีเจดีย์ พระยาเชียงทองเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ว่ายังมีพระอาจารย์พระองค์หนึ่งมาถวายพระพรว่า สมเด็จพระพุทธเจ้ายังทรงพระทรมานอยู่นั้น เสด็จพระราชดำเนินไปสู่ลังกาทวีป เปนเหตุด้วยพระภิกขุสององค์วิวาทกันสมเด็จพระพุทธเจ้าเสด็จออกจากเมืองลังกา ทวีปมาสู่พระเชตุพนเมืองสาวัตถี จึงตรัสธรรมเทศนาแก่พระอานนท์ว่า สืบไปเมื่อน่าเมืองสาวัตถี จะกลายเปนเมืองหงษาวดี เหตุ ว่าจะมีกระษัตริย์องค์หนึ่งทรงพระนามชื่อว่าพระเจ้าศรีธรรมาโสกราช จะสร้างพระมาลีเจดีย์องค์หนึ่งในกลางพระนคร แลพระมหากระษัตริย์นั้นมีศรัทธายิ่งนักให้เปิดประตูเมืองทั้งสี่ทิศ .........................................ฯลฯ

    แล้วคุณเอกอิสโรก็สรุปว่า จบความในพระราชพงศาวดารเหนือแต่เพียงเท่านี้ อาศัยซึ่งบันทึกการเดินทางฉบับสำคัญนี้ จึงสรุปลงได้เลยว่า ที่ตั้ง “เมืองสาวัตถี” อยู่ที่เมืองหงสาวดี ประเทศพม่า ในปัจจุบันนี้เอง

    ผมจะไม่ขอกล่าวถึงการสรุปอย่างรวบรัดที่ได้จากแค่เพียงพงศาวดารนะครับ แต่จะใช้วิธีเดียวกันกับคุณเอกอิสโร โดยผมจะใช้พงศาวดารพม่าครับ

    " เรื่องพระราชพงศาวดารพม่ามอญนี้ เดิม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการดำรัสสั่ง ขุนสมุทรโวหารในกรมพระอาลักษณ์ และขุนอักษรรามัญ นายขำเปรียญ นายสุดเปรียญ นายจุ รวมสี่นาย เป็นล่ามคัดแปลออกจากหนังสือรามัญใบลานเป็นภาษาสยาม เมื่อ จ.ศ.๑๒๑๙ แต่ท่อนปลายนั้นได้เรียงตามจดหมายเหตุ เมืองหงษาวดี เมืองอังวะ ต่อเข้าในท่อนต้น เสร็จแล้วเจ้าพนักงานเก็บไว้ในหอหลวง ยังไม่ใคร่แพร่งพรายรู้เรื่องกันทั่วไป ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลอจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ตีพิมพ์ ณ โรงพิมพ์หลวงในพระบรมมหาราชวัง สาระในพงศาวดารมอญพม่าเก็บความได้ดังนี้
    • จุลศักราช ในปฐมปริเฉทได้ ๕๒๒ สมเด็จพระโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสรู้แล้วแปดพรรษา เสด็จจาริกมาถึงเขาสุทัศนมรังสิต ซึ่งบัดนี้เป็นที่ตั้งเมืองหงษาวดีในประเทศรามัญ ครั้งนั้นประเทศที่จะเป็นที่ตั้ง เมืองหงสาวดี ยังเป็นทะเลอยู่ แต่ภูเขาสุทัศนนั้น เมื่อน้ำแห้งงวดไปจะผุดขึ้นสูงประมาณยี่สิบสามวา ดูแต่ไกลเหมือนพระเจดีย์ ครั้นน้ำเปี่ยมฝั่งพอกระเพื่อมน้ำอยู่ พวกรามัญจึงเรียกว่า สุทัศนบรรพต ต่อมาไม้รกฟ้างอกขึ้นบนยอดเขาต้นหนึ่ง เรียกว่าเขาสุทัศนมรังสิตผุดขึ้นมานานมาเปลี่ยนไปเรียกว่า มุตาวจนทุกวันนี้ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมาถึงประเทศที่จะตั้งเมืองหงสาวดีนั้น ได้ทอดพระเนตรเห็นหงษ์ทองสองตัวลงเล่นน้ำอยู่ จึงทรงทำนายว่าสืบไปภายหน้า ประเทศที่หงษ์ทองทั้งสองลงเล่นน้ำนั้น จะเป็นมหานครขึ้น ชื่อว่าเมืองหงษาวดี และจะเป็นที่ตั้งพระธาตุสถูปเจดีย์ศรีมหาโพธิ พระศาสนาคำสั่งสอนของเราจะรุ่งเรืองตั้งอยู่ในที่นี้ ครั้นพระพุทธเจ้านิพพานได้พันปี หาดทรายที่ภูเขาสุทัศนมรังสิตนั้นได้ตื้นขึ้นมาได้สิบสามวา" จาก พระราชพงศาวดารพม่ามอญ
    ถ้าใช้พงศาวดารมาสนับสนุนและวิธีคิดแบบเดียวกันกับคุณเอกอิสโร ผมควรจะเชื่อพงศาวดารไหนครับ พงศาวดารพม่าบอก สมัยพระพุทธเจ้า หงสาวดียังเป็นทะเลอยู่เลยครับ

    ที่คุณเอกอิสโรได้กล่าวไว้ว่า"เราเป็นชาวพุทธที่แข็งแรงที่สุดในโลกก็ว่าได้ ไม่ควรเชื่ออะไรอย่างไม่ลืมหูลืมตา" ถูกต้องแล้วครับ เรื่องอะไรที่มันสวนกระแสในโลกนี้มีมากครับ เช่น พระเยซูไปเสียชีวิตในญี่ปุ่น ,ชาวญี่ปุ่นกับอินเดียคือชนเผ่าที่หายไปของยิว ,ปี2000 Y2K คอมพิวเตอร์จะนำมาซึ่งหายนะ, โอบามาถูกครอบงำโดยมนุษย์ต่างดาว เรื่องทำนองนี้ผมทำใจเป็นกลางๆรับฟังไว้ครับ บางเรื่องอ่านแล้วก็สนุกดีครับ แต่ส่วนมากหลักฐานมักจะเลื่อนลอย พูดเองเออเอง สรุปรวบรัด จับแพะชนแกะซะเป็นส่วนใหญ่ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มกราคม 2011
  2. gnungnun

    gnungnun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    334
    ค่าพลัง:
    +357
    หลังจากผมได้อ่านงานเขียนของคุณเอกอิสโร กล่าวได้ว่า หลักฐานทางสถานที่ต่างๆ ส่วนใหญ่มาจากพงศาวดาร, นิทานโบราณ, ตำนานต่างๆ

    การกำเนิดของสถานที่ต่างๆในสมัยโบราณ ส่วนใหญ่ก็มักจะผูกกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์แหละครับ มีเกือบทั่วโลก ยกตัวอย่างซักสองตัวอย่างครับ

    ตำนานไอร์แลนด์
    - Early Irish myths blend mythology and history by describing how Ireland was settled by different groups of Celtic deities and humans. Filled with magic and excitement, the tales tell of battles between forces of light and darkness. They describe a time when gods lived not in the heavens but on earth, using their powers to create civilization in Ireland and to bring fertility to the land.

    ตำนานหมู่บ้านนึงในประเทศเนปาล
    - According to the Swayambhu Purana, the Kathmandu valley was a giant lake called Nāgdaha until the Bodhisattva Manjusri, with the aid of a holy sword called Chandrahrāsa, cut open part of the southern hill of Kachchhapāla<sup id="cite_ref-2" class="reference">[3]</sup> and then cut open Gokarnadaha<sup id="cite_ref-3" class="reference">[4]</sup> and drained the giant lake, allowing humans to settle the valley land.

    จากที่ได้้กล่าวแล้วว่า วิธีคิดของคุณเอกอิสโร หลักฐานทางสถานที่ต่างๆ ส่วนใหญ่มาจากพงศาวดาร, นิทานโบราณ, ตำนานต่างๆ แล้วก็โยงกันกับเรื่องราว ถ้าใช้วิธีนี้ก็คงเขียนได้เยอะแยะแหละครับ

    ผมจะลองเสนอเรื่องของผมบ้างครับ โดยใช้วิธีเดียวกัน สมมุติในอีกหลายร้อยปีข้างหน้านะครับ ผมจะเขียนเรื่อง "วิมานมีจริง มันคือกรุงเทพ"

    วิมานมีจริง มันคือกรุงเทพ

    วิมานไม่ใช่เรื่องเหลวไหลมีอยู่จริงๆ จากการศึกษาพบว่า ได้มีการค้นพบชื่อเต็มของกรุงเทพ ดังนี้

    " กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์<sup>"</sup>

    มีทั้งคำว่าพิมานและอวตาลสถิต จากชื่อเต็มของกรุงเทพแต่เพียงเท่านี้ อาศัยซึ่งข้อมูลสำคัญนี้ จึงสรุปลงได้เลยว่า กรุงเทพก็คือวิมานที่กล่าวถึงโดยทั่วไปนั่นเอง

    หลักฐานอื่นพบได้ทั่วไปดังนี้:

    ค้นพบสถานที่ชื่อ
    พระที่นั่งบรมพิมาน , พระราชวังวิมานเมฆ ถ้ากรุงเทพไม่ใช่วิมานแล้วเหตุใดจึงมีสถานที่ชื่อเช่นนี้

    ในเพลงโบราณได้กล่าวไว้

    ญ. โอ้กรุงเทพเมืองฟ้าอมร
    ช. ฮัม...
    ญ. สมเป็นนครมหาธานี
    ช. สมเป็นนครมหาธานี
    ญ. สวยงามหนักหนายามราตรี
    ช. งาม เหลือเกินเพลิดเพลินฤดี
    ญ. ช่างงามเหลือที่จะพรรณนา
    ช. เที่ยวดูเล่นแลเห็นอาคาร
    ญ. ฮัม...
    ช. เหมือนดังวิมานสถานเทวา

    แล้วก็ไปหาข้อความลักษณะวิมานในวรรณคดีมา แล้วก็หาภาพโบราณๆคล้ายในนั้นมาประกอบ
    หาเรื่องโยงไปโยงมาเรื่อยๆก็อาจจะเขียนได้เป็นเล่มๆล่ะครับ







     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2011
  3. tum399

    tum399 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,908
    อนุโมทนากับหลักฐานที่นำมาให้สมาชิกได้อ่านและพิจารณาเพื่อให้เห็นทั้ง2ด้าน
    มีทางเลือกในการใช้วิจารณญาณในการอ่านในการคิดและการเชื่อเพิ่มขึ้นแล้ว
    ใครมีหลักฐานเพิ่มเติมเป็นวิทยาทานอีกไหมครับ

    มีข้อสังเกตุที่เชื่อมโยงไปที่หลักฐานของคุณgnungnun คือรูปเขียนพระพุทธเจ้าถือดอกบัว
    ที่สมาชิกในwebได้เผยแพร่เป็นวิทยาทานผมเคยขยายภาพมาอ่านแต่จับใจความได้ไม่ชัดเนื่องจากข้อจำกัดด้าน Resolution ของภาพ ซึ่งในภาพมีตัวหนังสือมุมขวาล่างว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาที่พม่าและมีเลข 8 ไม่ทราบว่าคือช่วงเวลาเดียวกันหรือไม่ หากสมาชิกท่านใดทราบกรุณาเผยแพร่ ด้วยครับจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง
     
  4. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ขอบคุณคุณ gnungnun นะครับ ที่ตั้งข้อสังเกต ผมขอให้ความเห็น ตามนี้ นะครับ

    เข้าสู่ระบบ | Facebook

    ประการที่หนึ่ง พงศาวดารที่เกี่ยวกับ ประเทศพม่า รามัญ ที่ถูกหยิบยกมาโดยผม และที่คุณ gnungnun นั้น เป็นการรวบรวม คนละช่วงเวลา คือ สมัยรัชกาลที่ ๑ กับ สมัยรัชกาลที่ ๔ ซึ่งทั้งสองช่วงเวลา มีความแตกต่างกันอยู่ประการหนึ่ง คือ เป็นช่วง ก่อนและหลังที่อังกฤษจะประกาศการค้นพบสถานที่ปรินิพพานที่เมืองกุเซียในประเทศอินเดีย ที่หยิบประเด็นนี้มาก่อน เพื่อจะชี้ให้เห็นว่า หลังจากอินเดียประกาศว่า พระพุทธเจ้าปรินิพพานที่อินเดียแล้ว ทำให้กรอบความเชื่อเดิม ของคนสยามสมัยนั้น ได้ละทิ้งความเช่อที่เชื่อสืบต่อกันมาว่า พระพุทธเจ้าปรินิพพานที่พระแท่นดงรัง จังหวัดกาญจนบุรี เป็นต้น</SPAN>

    ประการที่สอง ที่อยากจะชี้ก็คือว่า แม้จะพบความขัดแย้งกัน การที่จะเลือกเชื่อ พงศาวดารฉบับใด ฉบับหนึ่งเลยนั้น อาจจะเป็นการเสียโอกาสที่จะได้รับรู้ความจริงที่แฝงเร้นซ่อนอยู่ จึงควรได้พิจารณาไปควบคู่กัน ดังที่ผมเคยตั้งข้อสังเกตไว้ว่า

    ผมเองยอมรับว่า ตำนานพม่า มอญ ไทย หลายส่วน ก็ขัดแย้งกันอยู่ จะด้วยเหตุผลกลใด คงไม่
    สืบสาวหาสาเหตุ เพียงแต่ต้องมีการพิจารณาสอบกันไปมา โดยเฉพาะ ต้องยึดพระไตรปิฎกและ
    อรรถกถา เป็นหลักยึด นั่น คือ หลักการที่ผมใช้ สอบทานข้อมูลครับ

    ประการที่สาม คือที่ผมตั้งข้อสังเกตไว้ คือการนำอรรกถา มาสอบเทียบ ซึ่งก็เอิญพบว่า ในอรรถกถา ได้กล่าวถึง เมือง "สาวัตถี" ไว้ ซึ่งผมจะยกมาสองตอน คือ
    ตอนหนึ่ง มีความว่า..

    ลำดับนั้น เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าของพวกเรา เสด็จอุบัติในโลก ทรงประกาศพระธรรมจักรอันบวร ประทับอยู่ในกรุงสาวัตถีโดยลำดับ พ่อค้าชาวกรุงสาวัตถี ๗๐๐ คน แล่นเรือไปสู่มหาสมุทรมุ่งไปยังสุวรรณภูมิ.นาวาที่พวกพ่อค้านั้นขึ้นไป ถูกกำลังลมพัดผันให้ปั่นป่วน จึงหมุนไปข้างโน้นข้างนี้ จนถึงประเทศที่นางเวมานิกเปรตนั้นอยู่. ลำดับนั้นนางเวมานิกเปรตนั้น จึงแสดงตนแก่พวกพ่อค้านั้น พร้อมด้วยวิมาน.

    กับอีกตอนหนึ่งที่กล่าวถึงทรัพย์สมบัติของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี จมลงมหาสมุทร ความว่า

    อนึ่ง ทรัพย์๑๘ โกฏิ จำนวนอื่น ซึ่งเป็นของประจำตระกูลของท่านเศรษฐีนั้น ฝังไว้ที่ฝั่งแม่นํ้า เมื่อฝั่งแม่นํ้าถูกนํ้าในแม่นํ้าอจิรวดีเซาะพังทลายก็เคลื่อนลงมหาสมุทรไป. ตุ่มโลหะ (ที่บรรจุทรัพย์) ตามที่ปิดไว้และประทับตราไว้นั้นก็กลิ้งไปในท้องทะเล.

    ซึ่งจากสองตอน บ่งชี้ว่า เมืองสาวัตถี ต้องอยู่ใกล้มหาสมุทร ใกล้แม่น้ำอจิรวดีที่ไหลลงสู่มหาสมุทร ซึ่งจากการที่ผมได้สรุปไว้ในหนังสือ "ความลับพระพุทธเจ้า" นั้น ได้สรุปว่า เมืองสาวัตถี คือ เมืองหงสาวดี หรือ เมือง PEGU ในปัจจุบัน

    ซึ่งมีความเกล้เคียงประการหนึ่งคือ อยู่ใกล้มหาสมุทร แต่ก็ขัดแย้งกับพระราชพงศาวดาร ที่แปลออกมาในสมัยรัชการที่ ๔ ที่ว่า ครั้งสยมัยพุทธกาลนั้น ประเทศที่จะเป็นที่ตั้ง เมืองหงสาวดี ยังเป็นทะเลอยู่

    แล้วจะเลือกเชื่ออันไหน?

    คำถามที่เกิดขึ้น กับผมก็คือ เมืองสาวัตถีในสมัยพุทธกาลมีอาณาเขตกว้างใหญ่มากน้อยเพียงใด เคยมีการย้ายเมืองหลวง ไปมา หรือไม่?

    ประการที่สี่ ผมจึงต้องค้นหาหลักฐาน ตามพงศาวดารเหนือ ที่รวบรวมในรัชสมัยรัชการที่ ๑ คือ หาว่า "พระมาลีเจดีย์" อยู่ที่ไหน?
    เพราะการรู้ว่า พระเจดีย์องค์ใด คือ พระมาลีเจดีย์ จะเป็นกุญแจไขไปสู่การค้นหา ที่ตั้งของวัดพระเชตพน ซึ่งท่านอนาบิณฑิกเศรษฐี สร้างถวายพระพุทธองค์ ที่อยู่ห่างจาก พระมาลีย์เจดีย์ ๒๕ เส้น

    ซึ่งผมเองก็เคยคิดว่า "พระมาลีเจดีย์ คือ พระธาตุมุเตา หรือ ชเวมอดอร์" ด้วยความสำคัญ และถือ เป็น ๑ ใน ๕ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่า
    แต่ ยังขาด หลักฐาน ที่จะยืนยัน เพราะ ประวัติเท่าที่หาอ่านได้ ตอนนี้ ของพระธาตุมุเตา ยังไม่มีเรื่องที่พระเจ้าอโสก มาสร้าง ดังที่บันทึกไว้ในพงศาวดารเหนือ

    และความพยายามที่จะค้นหา "พระมาลัยเจดีย์" นี้เอง ที่ทำให้ผมได้พบข้อมูล ใหม่ คือ

    ผมได้ไปพบข้อมูล จากแผนที่เก่า ในพม่า ที่เรียก เมืองๆ หนึ่ง ว่า เมือง "ทับพ์วัดดี" เมื่อผมไปค้นด้วย Google earth ในพิกัด
    ตามแผนที่เก่านั้น จะพบเมือง "Twante" และ เมื่อซูมภาพเข้าไป จะพบพระเจดีย์ Shwesandaw
    และเมื่อ search ต่อ จะได้ข้อมูลที่น่าสนใจ และอาจจะสอดคล้องกับพงศาวดารเหนือ ที่ว่า
    พระเจ้าอโศกมหาราชมาสร้างพระมาลีเจดีย์ ขึ้น ดังใน ข้อมูลที่ผม copy มานี้ ครับ


    [​IMG]



    The Legend of Twante

    Shwe Sandaw Pagoda also claims that the Pagoda was built during the lifetime of the Lord Buddha. Venerable monk Leidi U Pannavamsa Maha Thera compiled a chronicle of Twante Shwe Sandaw Pagoda, based upon old Myanmar manuscripts such as palm leaves, parabeiks ( folding papers) stone and bell inscriptions. U Lu Pe Win, director of the Archaeology Department and U Pan Maung of Thudhammawaddy Press edited and published it. In it is the legend which runs as follows:

    In the year 118 of Maha Sakarit, in the 8 th year of his Buddhahood, Gotama Buddha made a journey to Martaban Zingyaik Hill range in the kingdom of Thudhamma-pura. He made a stop on that hill range and facing west gave a smile. When his cousin disciple Maha Thera Ananda who was with Lord Buddha asked Lord Buddha why he smiled, Lord Buddha explained that in two of his previous countless existences he had been an elephant and a deer which lived on a forested ridge called Mayuda where they died and their dead bodies were buried, and that two sacred hairs of his would be enshrined in a pagoda for worship during his lifetime and that more hairs and relics of his would be added to it after his demise.”Not long after this divine prophesy was made by lLrd Buddha, two merchant brothers Tikkha Panna and Sagara Panna with five hundred seamen went out to the sea for trade. On the way they met a galleon the crew of which informed them that Lord Buddha was sojourning on the Martaban Zingyaik Hill range. The brothers went there to worship Lord Buddha and offered him some cakes. Lord Buddha gave them his divine prophesy and on Tuesday the 14th waxing moon of Thadingyut (October) in the year 111 of Maha Sukart he gave them two strands of hair from his head. The two brothers carried the sacred hair relics in a ruby-studded gold casket and set sail. When they landed at the port of Thiho Nge Khabin, the King of Pokkrawaddy named Thamein Htaw Banna Yan and his chief Queen Meinda Devi, hearing the arrival of the Buddha's sacred hairs held a grand celebration to receive the Sacred relics. Then they found the Mayuda Ridge on which a pagoda was built. The two sacred hairs were enshined in it with many jewels and jewelleries dedicated to religion. It took nine years to complete the building from the laying of the foundation in the year 114 to the topping of it with a crown called “hti” in the year 123, on the full moon day of Tazaungmon (November).
    One hundred and fifteen years later four more sacred hairs of Lord Buddha were added to the vault of the Pagoda. The story goes that seven Arahats (Saints) brought to the Mayuda Ridge four sacred hairs of Lord Buddha from the shrine at the court of King Thiri Dhamma of Thuwunna-bomi (Thaton). The Mon King Banna Kawde received the relics with delight and reverence. They were placed in a specially made gold receptacle guarded by three hundred warriors as guard of honor at each cardinal direction. Then on Friday the 3rd waning moon of Tubodwe (February) in the year 238 the relics were enshined in the Pagoda on the Mayuda Ridge.”The above is the legend of how Twante Shwe Sandaw was constructed.



    ประการที่ห้า แม้จะได้เจอพระเจดีย์ชเวซานดอว์ และประวัติซึ่งอาจจะเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่ง จากตำนานภาษามอญ พม่า ที่ผมเองก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นฉบับดั้งเดิม นั้น ก็ใช่ว่าจะปักใจเชื่อได้เลยทันที เพราะ หาก เจดีย์ SHWESANDAW ที่เมือง TWANTE คือ "พระมาลีย์เจดีย์" ในพงศาวดารเหนือ แล้ว จะต้องมีการพบซากวัดพระเชตวันมหาวิหาร ที่สร้างในสมัยพุทธกาล โดยเศรษฐีอนาถบิณฑิกะ ในรัศมี 1 กิโลเมตร รอบๆ เจดีย์ SHWESANDAW นี้ เพราะใน พระราชพงศาวดารเหนือ บันทึกไว้ว่า

    วันรุ่งขึ้น ปะขาวนำไปนมัสการพระเชตุพนมหาวิหาร บันไดก่อด้วยอิฐกว้างได้สิบเจ็ดเส้นกับสิบวา แต่เชิงบันไดขึ้นไปบนถนนสิบห้าเส้น ถนนยาวได้สิบเจ็ดเส้นกับสิบวา ในพระเชตุพนชั้นในกว้างสามสิบเส้นกับสิบวา เสาก่อด้วยอิฐเป็นแปดเหลี่ยม แต่เหลี่ยมหนึ่งได้เจ็ดวา แต่ประตูพระเชตุพนเข้าไปจนถึงพระอาสนบัลลังก์ ที่ตรัสพระธรรมเทศนา วัดไว้ สิบเจ็ดเส้นกับสิบวา ด้านแปพระเชตุพนยาวได้ เจ็ดสิบห้าเส้น เสาสูงถึงท้องขื่อวัดได้ หนึ่งเส้นสิบวา พระรัตนบัลลังก์อยู่หว่างกลางห้อง พื้นบนดาษด้วยทองคำหนาสามนิ้ว มีพื้นลดลงมาอีกห้อง ดาษด้วยนากหนาสามนิ้ว พื้นลดลงมาอีกชั้นหนึ่งดาษด้วยเงินหนาสามนิ้ว รอบรัตนบัลลังก์ทั้งสี่ด้าน ที่อาสนสงฆ์กว้างสามเส้น พื้นดาษด้วยเงินหนาสามนิ้ว พื้นที่บริษัทนั่งดาษด้วยดีบุกหนาห้านิ้ว นับเสาพระเชตุพนได้ สามพันเสา มีกำแพงรอบพระเชตุพนสูงสิบวา จากพระเชตุพนมาถึงพระมาลีเจดีย์เป็นทางยี่สิบห้าเส้น





    ซึ่งจะเป็นเรื่องอัศจรรย์ ทีเดียว เลย ถ้าเมือง "Twante" ที่ พม่านี้ คือ "เมืองสาวัตถี" ครั้งพุทธกาล

    เพราะอาชีพของคนในเมืองนี้ ตั้งแต่ สมัยพระพุทธเจ้ากัสสปะ ยังสืบมาจนถึงปัจจุบัน

    ดัง ปรากฏใน ฆฏิการสูตร ครั้งพระพุทธเจ้าของเรา เกิดเป็นโชติปาลมานพ สหายของ
    ฆฏิการะช่างปั้นหม้อ

    ความว่า
    ฆฏิการสูตร
    [๔๐๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้:-
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปในโกศลชนบท พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่.
    ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเสด็จแวะออกจากทาง แล้วได้ทรงแย้มพระสรวลในประเทศแห่งหนึ่ง.
    ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์ได้มีความคิดว่า เหตุอะไรหนอ ปัจจัยอะไร ที่พระผู้มีพระภาคทรง
    แย้มพระสรวล พระตถาคตทั้งหลายจะทรงแย้มพระสรวลโดยหาเหตุมิได้นั้นไม่มี ดังนี้. ท่าน
    พระอานนท์จึงทำผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง ประนมอัญชลีไปทางพระผู้มีพระภาคแล้ว ได้
    ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เหตุอะไรหนอ ปัจจัยอะไร ที่พระผู้มีพระภาค
    ทรงแย้มพระสรวล พระตถาคตทั้งหลายจะทรงแย้มพระสรวลโดยหาเหตุมิได้นั้นไม่มี?
    [๔๐๔] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ เรื่องเคยมีมาแล้ว ที่ประเทศนี้ได้มีนิคม
    ชื่อเวภฬิคะ เป็นนิคมมั่งคั่งและเจริญ มีคนมาก มีมนุษย์หนาแน่น. พระผู้มีพระภาค
    ทรงพระนามว่ากัสสปผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอาศัยเวภฬิคนิคมอยู่. ดูกรอานนท์
    ได้ยินว่า ที่นี่เป็นพระอารามของพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสปผู้เป็นพระอรหันตสัมมา-
    *สัมพุทธเจ้า. ได้ยินว่า พระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสปผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ประทับนั่งตรัสสอนภิกษุสงฆ์ที่นี่.

    เรื่องช่างหม้อชื่อฆฏิการะ
    [๔๐๕] ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์ได้ปูผ้าสังฆาฏิสี่ชั้นถวาย แล้วกราบทูลพระผู้มีพระภาค
    ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าอย่างนั้นขอพระผู้มีพระภาคประทับนั่งเถิด เมื่อเป็นเช่นนี้
    ภูมิประเทศนี้จักได้เป็นส่วนที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าสองพระองค์ทรงบริโภค. พระผู้มี-
    *พระภาคประทับนั่งบนอาสนะที่ท่านพระอานนท์ปูถวายแล้ว. จึงตรัสกะพระอานนท์ว่า
    ดูกรอานนท์ เรื่องเคยมีมาแล้ว ในประเทศนี้มีนิคมชื่อเวภฬิคะ เป็นนิคมมั่งคั่งและเจริญ
    มีคนมาก มีมนุษย์หนาแน่น. ดูกรอานนท์ พระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสปผู้เป็น
    พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอาศัยเวภฬิคนิคมอยู่ ได้ยินว่า ที่นี่เป็นพระอารามของพระผู้มี-
    *พระภาค ทรงพระนามว่ากัสสปผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า. ได้ยินว่า พระผู้มีพระภาค
    ทรงพระนามว่ากัสสปผู้เป็นพระอรหันตสัมมาพุทธเจ้า ประทับนั่งตรัสสอนภิกษุสงฆ์ที่นี่. และ
    ในเวภฬิคนิคม มีช่างหม้อชื่อฆฏิการะเป็นอุปัฏฐากของพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
    ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นอุปัฏฐากผู้เลิศ. มีมาณพชื่อโชติปาละเป็นสหายของ
    ช่างหม้อชื่อฆฏิการะ เป็นสหายที่รัก. ครั้งนั้นฆฏิการะช่างหม้อเรียกโชติปาลมาณพมาว่า มาเถิด
    เพื่อนโชติปาละ เราจักเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสปผู้เป็นพระอรหันตสัมมา-
    สัมพุทธเจ้า เพราะว่าการที่เราได้เห็นพระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น สมมติ
    กันว่าเป็นความดี.

    ภาพข้างล่าง นี้คือ บ้านช่างปั้นหม้อที่เมือง Twante ที่ ประเทศพม่า






    [​IMG]






    ประการสุดท้าย การได้รับข้อมูลสนับสนุนเพิ่มเติม จะทำให้เรา ได้ค้นพบความจริง และ เราซึ่งอาจหมายเอาเฉพาะ ก็จะต้องยอมรับ ในสิ่งที่อาจจะแย้งกับ สิ่งที่เราเคยสรุปไว้ หาก ข้อมูลใหม่นั้น มีน้ำหนัก มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือ มากกว่า ดังนั้น ตำแหน่งของเมืองสาวัตถี ที่ผมเคยสรุปว่าอยู่ที่เมือง PEGU ในปัจุบัน ก็อาจจะขยับไปทางตะวันตก อีก และไปอยู่ที่ เมือง TWANTE แต่ก็ยังไม่กระทบกรอบเดิม ที่ผม ใช้ในการค้นหาเมืองราชคฤห์ ตามโมเดล นี้


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2011
  5. gnungnun

    gnungnun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    334
    ค่าพลัง:
    +357
    ครับ จากที่่ผมนำพงศาวดารพม่ามาเสนอ ก็ต้องมีพงศาวดารนึงที่ถูกครับ ถ้าใช้วิธีคิดแบบคุณเอกอิสโร คงจะใช้ทั้งสองควบคู่ไม่ได้เพราะพงศาวดารพม่ากล่าวไว้ว่าหงสาวดียังเป็นทะเลอยู่เลยครับในสมัยพระพุทธเจ้า
    แต่ถ้าพงศาวดารพม่าถูกนี่ยุ่งเลยนะครับ เพราะหลักฐานเมืองในข้อเขียนของคุณเอกอิสโรจะเพี้ยนไปหมดเลย

    สมมุติให้พงศาวดารพม่าผิดนะครับ สมัยพระพุทธเจ้า หงสาวดีไม่ได้เป็นทะเล แล้วใช้วิธีคิดสรุปแบบคุณเอกอิสโรว่า เมืองสาวัตถีคือเมืองหงสาวดีโดยใช้พงศาวดารเรื่อง พระมาลีย์เจดีย์นะครับ

    จากข้อเขียนของคุณเอกอิสโรเองในบทเรื่อง อินเดียในโลกนี้มี2ที่ ได้กล่าวไว้ว่า "....ดินแดนสุวรรณภูมิ อันเป็นที่ตั้งของประเทศ ไทย ลาว พม่า ในปัจจุบัน.." และ ในบทเรื่อง ชมพูทวีอยู่ที่ไหนกันแน่
    <center>รามัญสมณวงศ์
    ……………………


    </center> พระโมคคลีบุตรดิสสเถระก็เลือกคัดภิกขุขีณาสพ ผู้ทรงซึ่งคุณวิเศษ คือฉฬาภิญญาและจตุปฏิสัมภิทาญาณ ได้ภิกษุประมาณ ๑๐๐๐ รูปแล้ว จึงกระทำตติยสังคีติกรรม สิ้นกาล ๙ เดือนจึงเสร็จสังคายนกิจ ก็ฉันนั้น

    สังคีติกรณาวสาเน ปน ก็ในกาลเมื่อกระทำสังคายนกิจเสร็จแล้ว พระผู้เปนเจ้าพิจารณารู้ชัดว่า ในอนาคตกาลภายหน้า พระพุทธสาสนาจักประดิษฐานอยู่ในปัจจันตะประเทศดังนี้แล้ว จึงส่งไปซึ่งพระเถระทั้งหลายนั้นๆ บรรดาพระเถระทั้งหลายที่พระผู้เปนเจ้าส่งไปเหล่านั้น…ส่วนว่าพระโสณเถระกับ พระอุตรเถระไปอยู่รามัญประเทศ ที่เรียกว่าแว่นแคว้นสุวรรณภูมิ เพื่อจะประดิษฐานพระพุทธสาสนาไว้ ในรามัญประเทศ


    เอาล่ะครับ ผมจะใช้ข้อมูลที่คุณเอกอิสโรให้ผมในการตอบกระทู้ ดังข้างล่าง

    ลำดับนั้น เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าของพวกเรา เสด็จอุบัติในโลก ทรงประกาศพระธรรมจักรอันบวร ประทับอยู่ในกรุงสาวัตถีโดยลำดับ พ่อค้าชาวกรุงสาวัตถี ๗๐๐ คน แล่นเรือไปสู่มหาสมุทรมุ่งไปยังสุวรรณภูมิ.นาวาที่พวกพ่อค้านั้นขึ้นไป ถูกกำลังลมพัดผันให้ปั่นป่วน จึงหมุนไปข้างโน้นข้างนี้ จนถึงประเทศที่นางเวมานิกเปรตนั้นอยู่. ลำดับนั้นนางเวมานิกเปรตนั้น จึงแสดงตนแก่พวกพ่อค้านั้น พร้อมด้วยวิมาน.

    จากข้อเขียนของคุณเอกอิสโรเองสรุปได้ว่า
    1.เมืองสาวัตถีคือเมืองหงสาวดี
    2.สุวรรณภูมิคือบริเวณไทย ลาว พม่า(ซึ่งก็ต้องรวมหงสาวดีด้วย)
    3.มีพ่อค้าชาวเมืองสาวัตถี 700 คน แล่นเรือไปสู่มหาสมุทรมุ่งไปยังสุวรรณภูมิ

    จากข้อ3.ผมเขียนใหม่โดยใช้ข้อ1กับข้อ2จะได้ว่า

    มีพ่อค้าชาวเมืองหงสาวดี(ซึ่งอยู่สุวรรณภูมิ)700คน แล่นเรือไปสู่มหาสมุทรมุ่งไปยังสุวรรณภูมิ


    ผมว่ามันแปลกๆนะครับ คน700คนแล่นเรือไปในมหาสมุทรเพื่อที่จะย้อนกลับมาแถวๆที่ตัวเองอยู่



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2011
  6. gnungnun

    gnungnun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    334
    ค่าพลัง:
    +357
    ข้อมูลเกี่ยวกับ The Legend of Twante เป็นข้อมูลจากพงศาวดารพม่า ถ้าจะใช้ข้อมูลนี้ แสดงว่า ข้อมูลที่ว่าในสมัยพระพุทธเจ้า หงสาวดียังเป็นทะเลอยู่ จะต้องใช้ด้วยครับ จะเลือกใช้เอาแต่ที่เข้ากันได้กับเรื่องตัวเองเท่านั้นไม่ได้ครับ
     
  7. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    อะไรเนี่ยโลกใบนี้มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้มากกว่าหนึ่งองค์
    (แล้วเวลามนุษย์สร้างอารยธรรมมีเวลาพอสนับสนุนได้ยังไง)

    จากคำอ้าง
    "เพราะอาชีพของคนในเมืองนี้ ตั้งแต่ สมัยพระพุทธเจ้ากัสสปะ ยังสืบมาจนถึงปัจจุบัน"

    นี่แสดงว่าพระพุทธเจ้าอุบัติกันได้ในระยะเวลาใกล้เคียงกัน
    ดังเห็นได้จากอาชีพของคนในเมืองนั้นที่ปั้นหม้อ (หรือไม่อาชีพนี้คงสืบทอดกันมานานเป็นหมื่นเป็นแสนปีหรือมากกว่านั้น นั่นก็ถือว่าไม่น่าจะเป็นไปได้)
     
  8. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    อืม... ดูมันขัดแย้งในตัวของมันเอง
     
  9. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ขอบคุณครับ คุณ gnungnun หากพิจารณา จาก พงศาวดารทั้งสองฉบับ ซึ่ง เป็นคนละสถานที่ หนึ่งคือกล่าวถึงที่ตั้งเมืองหงสาวดีสมัยพุทธกาล สองคือกล่าวถึงที่ตั้งพระมาลีเจดีย์ ที่คณะเดินทางไปสมัยพระเจ้าสายน้ำผึ้ง แห่งอโยธยาโบราณ

    ซึ่ง การที่ผมจะใช้ ทั้ง สองฉบับ ก็จะไม่ขัดแย้งกันครับ แต่จะสนับสนุน "หลักฐาน" ของความขัดแย้ง กับที่ตั้ง เมืองสาวัตถี ที่ อินเดีย ที่อยู่ห่างจากชายฝรั่งมหาสมุทร เข้าไปในแผ่นดินใหญ่ เกือบ 1 พันกิโลเมตร

    ประการต่อมา จากข้อความที่ผม ขมวดไว้ในหนังสือ ว่า "....ดินแดนสุวรรณภูมิ อันเป็นที่ตั้งของประเทศ ไทย ลาว พม่า ในปัจจุบัน.."และ จะเป็นเรื่องแปลกที่พ่อค้า ชาวสาวัตถี จะล่องเรือย้อนกลับมายังที่ตัวเองอยู่นั้น จะเป็น เรื่องแปลกนั้น

    ก็ขอเรียนว่า ในเนื้อหา เล่มที่ ๒ ทีชื่อ "ความลับกึ่งพุทธกาล วันล้างโลก" นั้น จะได้ขยายความ ที่ตั้งของสุวรรณภูมิ ให้ชัดลงไปอีก

    เดิม นักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ จะพูดคำว่า สุวรรณภูมิ รวมๆ กัน ว่า รวมทั้ง พม่า ไทย ลาว หรือบางสำนัก อาจจะลงความเห็นว่า เฉพาะบริเวณนครปฐม หรือบางสำนักว่า อยู่ที่ อู่ทอง สุพรรณบุรีบ้าง ข้างฝ่าย พม่าเองก็บอกว่า อยู่ที่ สะเทิม คือ เมือง Thaton บ้าง จึงเกิดการยื้อแย่ง ที่ตั้งของ "สุวรรณภูมิ" กัน

    ซึ่งในหนังสือ เล่มที่ ๒ จะมีบทที่ว่าด้วย

    สุวัณณภูมิ อยู่ที่ไหนแน่ ระหว่าง สะเทิม นครปฐม หรือ คูบัว ราชบุรี

    ซึ่งผมจะได้ชี้ชัดลงไปว่า สุวรรณภูมิ อยู่ คูบัว ราชบุรี ส่วน เมืองสะเทิม หรือ Thaton คือที่ตั้งของ กบิลพัสดุ์

    ส่วน สาวัตถี ก็จะอยู่ที่ เมือง Twante ประเทศพม่า ซึ่งในสมัยพุทธกาล เป็นเมืองท่าชายฝั่งมหาสมุทร ส่วนเมือง Pegu หรือ เมืองหงสาวดี ในสมัยเมื่อพุทธกาล ก็ยังจมอยู่ในน้ำ ตามที่พงศาวดารกล่าวไว้ครับ

    ดังนั้น ตามแนวลูกศรในแผนภาพที่จำลองขึ้นข้างล่างนี้ ก็คือ เส้นทางเดินเรือ จากสาวัตถี มาขึ้นท่าแถวทวาย ก่อนจะเดินทางบกผ่านด่านบ้องตี้ เข้า ราชบุรี


    [​IMG]


    เพราะฉะนั้น ในการอ้างอิง พงศาวดาร ผมจึงต้องระวังให้มาก ครับ และสอบทาน หลายๆ ทาง ดังที่ผมเคยตั้งข้อสังเกต ไว้แล้ว





     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2011
  10. Phusaard

    Phusaard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    436
    ค่าพลัง:
    +349
    ได้ความรู้มากมายครับ:cool:
     
  11. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    เรื่อง บ้านปั้นหม้อ ไม่ใช่เป็นน้ำหนักที่จะสนับสนุนได้หรอกนะครับ เพียง แต่ เป็นความรู้สึก หรือแค่คำอุทานที่เงออกมาจากในใจ เท่านั้น เองครับ ว่า..เป็นเรื่องอัศจรรย์ ทีเดียว เลย ถ้าเมือง "Twante" ที่ พม่านี้ คือ "เมืองสาวัตถี" ครั้งพุทธกาล เพราะอาชีพของคนในเมืองนี้ ตั้งแต่ สมัยพระพุทธเจ้ากัสสปะ ยังสืบมาจนถึงปัจจุบัน

    เพราะไม่อย่างนั้น มีช่างปั้นหม้อที่ไหน ใครก็คงกล่าวอ้างได้ ว่า เป็นเมืองสาวัตถีครับ

    อีกอย่างหนึ่ง "กาล" ระหว่าง พระพุทธเจ้าโคดมของเรา กับ พระพุทธเจ้ากัสสปะนั้น ก็อาจจะไม่ใช่ห่างกันเป็นหมื่นเป็นแสนปีเท่านั้น แต่อาจจะเป็น พันล้านปีก็ได้ แต่สิ่งที่สืบต่อกันมาได้อย่างยาวนาน ก็คือ "จิต" ที่ปฏิสนธิต่อเนื่อง สร้างภพ สร้างชาติในสังสารวัฏ อันยาวนาน ครับ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2011
  12. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    เป็นไปตามที่ อธิบายแล้วครับใน คคห. ที่ ๙ ว่า ผมใช้ทั้ง ๒ พงศาวดาร ครับ ซึ่ง เราอาจสามารถ ตรวจสอบ ระดับความสูงของแผ่นดินปัจจุบัน ได้หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงในรอบ ๒ พันกว่าปี นี้นะครับว่า ถ้าน้ำทะเลท่วมถึง เมือง PEGU หรือเมืองหงสาวดี ที่เข้าใจว่าอยู่ตรงนี้ ตั้งแต่สมัยอยุธยา แล้ว น้ำจะท่วมถึง เมือง TWANTE ที่ตั้ง ของ พระธาตุชเวซานดอว์ นี้ หรือเปล่า? หรือ เป็นชายฝั่ง ดังที่ผมเข้าใจ เพราะในสมัยพุทธกาล ตรงที่ตั้ง พระธาตุชเวดากอง น้ำท่วม ไม่ถึงครับ

    ซึ่งในพงศาวดาร ที่กล่าวว่า พระพุทธเจ้า เสด็จมายังที่นี่ คือที่ที่สร้าง พระธาตุชเวซานดอว์ ในพรรษาที่ ๘ นี้ ก็คือ การเสด็จหลังจาก ที่พระพุทธองค์ไปจำพรรษา ที่ ๗ ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และเสด็จลงมาที่เมืองสังกัสสะ ซึ่งปัจจุบันคือ "พุกาม" แล้ว จึงเสด็จต่อมายังสาวัตถี ในพรรษาที่ ๘ นั่นเองครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2011
  13. gnungnun

    gnungnun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    334
    ค่าพลัง:
    +357
    นั่นก็คือพอมีพงศาวดารพม่าที่ผมยกขึ้นมา ก็มีการย้ายเมืองสาวัตถีแล้วนะครับ คุณเอกอิสโรเขียนไว้ว่าเป็นเมืองหงสาวดี ตอนนี้กลายเป็น Twanteแล้ว แล้วที่คุณเอกอิสโรอ้างไว้ถึง พงศาวดารเรื่อง พระมาลีย์เจดีย์จะว่าอย่างไรครับ หรือว่าพงศาวดารไทยผิดแล้วเพราะไม่เข้ากับเรื่องครับ คราวนี้ใช้พงศาวดารพม่าที่ผมยกขึ้นมาแทนแล้วย้ายเมืองสาวัตถีเอา

    "เรื่องพระมาลีเจดีย์ พระยาเชียงทองเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ว่ายังมีพระอาจารย์พระองค์หนึ่งมาถวายพระพรว่า สมเด็จพระพุทธเจ้ายังทรงพระทรมานอยู่นั้น เสด็จพระราชดำเนินไปสู่ลังกาทวีป เปนเหตุด้วยพระภิกขุสององค์วิวาทกันสมเด็จพระพุทธเจ้าเสด็จออกจากเมืองลังกา ทวีปมาสู่พระเชตุพนเมืองสาวัตถี จึงตรัสธรรมเทศนาแก่พระอานนท์ว่า สืบไปเมื่อน่าเมืองสาวัตถี จะกลายเปนเมืองหงษาวดี........"

    จบความในพระราชพงศาวดารเหนือแต่เพียงเท่านี้ อาศัยซึ่งบันทึกการเดินทางฉบับสำคัญนี้ จึงสรุปลงได้เลยว่า ที่ตั้ง
    “เมืองสาวัตถี” อยู่ที่เมืองหงสาวดี ประเทศพม่า ในปัจจุบันนี้เอง

    ข้างบนนี้คุณเอกอิสโรฟันธงไว้เองนะครับ



    1.ในเอกสารโบราณทั่วๆไป การที่จะเดินทางจากที่หนึ่งไปที่หนึ่ง จะบอกว่าเดินทางจากแคว้นนี้ไปแคว้นนั้น หรือไม่ก็จากเมืองนี้ไปเมืองนั้น ผมไม่เคยเห็นลักษณะที่ใช้เดินทางจากแคว้นนี้แล้วไปแคว้นเดียวกันครับ น่าจะเขียนว่าชาวเมืองสาวัตถี700คนแล่นเรือมุ่งสู่ทะเลไปเมืองอะไรก็ได้ครับตามที่คุณเอกอิสโรอ้าง

    2.จาก" พ่อค้าชาวกรุงสาวัตถี ๗๐๐ คน แล่นเรือไปสู่มหาสมุทรมุ่งไปยังสุวรรณภูมิ.าวาที่พวกพ่อค้านั้นขึ้นไป ถูกกำลังลมพัดผันให้ปั่นป่วน จึงหมุนไปข้างโน้นข้างนี้ จนถึงประเทศที่นางเวมานิกเปรตนั้นอยู่. ลำดับนั้นนางเวมานิกเปรตนั้น จึงแสดงตนแก่พวกพ่อค้านั้น พร้อมด้วยวิมาน."
    เรือที่แล่นนี่น่าจะไปไกลมากแล้วนะครับ ถึงขนาดไม่เรียกว่าสุวรรณภูมิแล้ว แต่ใช้คำว่า ประเทศที่นางเวมานิกเปรตอยู่ ถ้าจะไปท่าทวายจริงแล้ว ลมคงพัดนานมากเลยครับที่จะพัดจนไปถึงที่ที่แม้แต่บันทึกก็ไม่ใช้คำว่าสุวรรณภูมิแล้ว

    อย่างไรก็ตามสาระสำคัญคงไม่ใช่การที่จะมาพูดถึงเรื่องปลีกย่อยแบบนี้ครับ เพราะก็คงไปได้เรื่อยๆครับ ย้ายเมืองมั่ง เล่นคำบ้างอะไรก็ตามแต่ครับ

    สาระสำคัญคือวิธีคิด ตรรกะที่ใช้ในการเขียนของคุณเอกอิสโรครับ ดังที่ผมเขียนไว้ในกระทู้ในความเห็นที่2ครับ



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2011
  14. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    เรียน คุณ gnugnun ด้วยความเคารพ ครับ ว่า "ในเรื่องรายละเอียดของที่ตั้งสถานที่นั้น" สิ่งสำคัญที่สุด คือ "หลักฐานทางโบราณวัตถุ" ตำนาน พงศาวดาร คือ อุปกรณ์ที่จะใช้ไขปริศนา หรือเหมือนลูกกุญแจ ที่จะเปิดประตูไปสู่การค้นหาความจริง

    ผมยอมรับเลยครับว่า นับตั้งแต่การที่ได้รับรู้เรื่องนี้ ในครั้งแรก เมื่อปลาย ปี 2545 สถานที่ตั้ง แว่นแคว้นต่างๆ ไปเปลี่ยนไปจาก วันนั้น เมื่อ เกือบ 8 ปีที่แล้ว ที่เป็นเช่นนี้ ก็เป็นเพราะ "ข้อมูลใหม่" ที่ได้รับมาเป็นระยะ แม้แต่เรื่องเมือง "Twante" ก็เป็นเรื่องที่รับรู้ หลังจาก หนังสือ เล่มที่ ๒ ทำต้นฉบับเสร็จแล้ว ซึ่งถ้า สังเกต ภาพที่ยกมาประกอบใน คคห.ที่ 9 จะเห็นว่า สาวัตถี ยังอยู่แถว พะโค หรือ Bago อยู่เลย

    ดังนั้น การที่ผมเคยฟันธง ก็อาจจะผิดพลาดได้ และก็จะต้องยอมรับผิด ว่า "ผิดไปแล้วจริง" ครับ

    แต่ มันจะไม่ทำให้ผมต้องหยุดที่จะค้นคว้าต่อไป เพื่อให้ความจริงที่สูญหายไป ถูกรื้อฟื้นกลับคืนมา ครับ

    ขอบคุณอีกครั้งอย่างมากมายครับ ที่เป็นเหมือนครูคอยสอบทาน และคอยให้คำชี้แนะครับ
    และต้องขอบอกด้วยน้ำใสใจจริงว่า ผมยินดีมากๆ ครับ ที่มีผู้มาช่วยบอกทาง และส่องไฟนำทางให้เช่นนี้
    เหมือนมีกัลยาณมิตร ที่คอยดึง คอยรั้ง ให้ไปสู่หนทางที่ถูก ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2011
  15. เจษฎา เยี่ยมคำน

    เจษฎา เยี่ยมคำน เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,332
    ค่าพลัง:
    +5,413
    ผมอ่านกระทู้นี้ตอนแรกกะว่าจะอ่านเล่นผ่านๆ ผมชอบการยอมรับการโต้เถียงอันเปิดกว้างของคุณเอกอิสโร และชอบการชี้แนะอันมีเหตุขัดแย้งที่น่าฟังของคุณ gnugnun ทำให้ผมนึกถึงคำพูดที่ว่า ทฤษฎีต่างๆมักถูกลบล้างได้เสมอ หากพบเหตุผลและหลักฐานที่ดีกว่า การช่วยกันค้นหา สอบทานอย่างเปิดกว้างของทั้งสองอย่างปราศจากอคติ ของการยึดมั่นในความคิดกู ของๆกู เป็นสิ่งที่น่ายกย่องครับ ผมชอบมาก หวังว่าคงได้อ่านเรื่องดีๆอย่างนี้อีกครับ ขอบคุณในความรู้ที่ให้ และตัวอย่างการวางตัว และตัวอย่างการวางความคิด ของท่านทั้งสองครับ
     
  16. guaregod

    guaregod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +1,009
    ผมเชียร์คุณ gnugnun ครับ เพราะคุณเอกอิสโร เขาแต่งนิยายขึ้นมาไม่ได้เป็นประวัติศาสตร์อะไร
     
  17. 11111111111

    11111111111 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +226
    กลุ้มใจแทนคับ...ยิ่งรู้มากไปก็ทุกใจ....ไม่รู้อะไรซะเลย..ยังดีเสียกว่านะจ๊ะ...
     
  18. gnungnun

    gnungnun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    334
    ค่าพลัง:
    +357
    ขอบคุณคุณเอกอิสโรมากครับที่ไม่ถือโทษโกรธ ที่ความเห็นของผมอาจล่วงเกินคุณเอกอิสโรไปบ้างครับ ขอให้ถือว่าผมคือผู้อ่านที่วิจารณ์งานเขียนนะครับ

    ตามพงศาวดารไทยที่คุณเอกอิสโรยกมา:

    เมืองสาวัตถี(เมืองที่พระพุทธเจ้าเคยประทับ)คือเมืองหงสาวดี และในเมืองหงสาวดีมีการสร้างพระมาลีย์เจดีย์โดยพระเจ้าอโศกมหาราชตัวจริงตามที่คุณเอกอิสโรกล่าวอ้าง


    ตามพงศาวดารพม่าที่ผมยกมา:
    ในสมัยพระพุทธเจ้า เมืองหงสาวดียังเป็นทะเลอยู่


    พงศาวดารทั้งสองจะใช้คู่กันไม่ได้เพราะขัดแย้งกันเอง

    หลังจากมีข้อโต้แย้งกันแล้ว คุณเอกอิสโรก็ย้ายเมืองสาวัตถีไปอยู่ที่ใหม่คือเมือง Twante เพื่อให้สอดคล้องกับพงศาวดารพม่าที่ผมยกมา

    แสดงว่าพงศาวดารไทยผิดพลาด ซึ่งคุณเอกอิสโรก็ยอมรับ เพราะเมืองหงสาวดีจะไม่ใช่เมืองสาวัตถีแล้ว

    คำถามของผมคือคุณเอกอิสโรไปตามหาพระมาลีย์เจดีย์ในเมืองTwanteทำไมครับในเมื่อพงศาวดารไทยผิดพลาด ทำไมคุณเอกอิสโรเลือกที่จะไม่เชื่อแล้วว่าเมืองสาวัตถีคือเมืองหงสาวดี แต่เลือกที่จะเชื่อเรื่องพระมาลีย์เจดีย์แล้วพยายามให้เจดีย์ในเมืองTwante เป็นพระมาลีย์เจดีย์ครับ

    ตามพงศาวดารไทยที่คุณเอกอิสโรยกมา พระมาลีย์เจดีย์ต้องอยู่ที่เมืองหงสาวดีเท่านั้นครับ

    "พระยาเชียงทองเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ว่ายังมีพระอาจารย์พระองค์หนึ่งมาถวายพระพรว่า สมเด็จพระพุทธเจ้ายังทรงพระทรมานอยู่นั้น เสด็จพระราชดำเนินไปสู่ลังกาทวีป เปนเหตุด้วยพระภิกขุสององค์วิวาทกันสมเด็จพระพุทธเจ้าเสด็จออกจากเมืองลังกา ทวีปมาสู่พระเชตุพนเมืองสาวัตถี จึงตรัสธรรมเทศนาแก่พระอานนท์ว่า สืบไปเมื่อน่าเมืองสาวัตถี จะกลายเปนเมืองหงษาวดี ..........................................................................................ขอเดชะพระบารมีพระพุทธไสยาศน์ให้ข้าพเจ้าทั้งปวงนี้ไปถึง ได้นมัสการพระมาลีเจดีย์ในเมืองหงษาวดีสำเร็จความปราถนานั้นเถิด "

    เรื่องชื่อหนังสือ "ความลับพระพุทธเจ้า" ของคุณเอกอิสโรนี่ผมก็คิดว่าไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ครับ เพราะชวนให้ไขว้เขวได้เหมือนกันนะครับว่าพระพุทธเจ้ามีความลับอะไรปกปิดไว้หรือเปล่า ผมว่าน่าจะใช้เป็น "ข้อมูลใหม่.........." อะไรก็ว่ากันไปครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2011
  19. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ขอบคุณทุกท่านที่ได้เข้ามาแวะเวียนให้ความเห็น และขอบคุณคุณ gnungnun อย่างมากมาย ดังที่คุณเจษฏา ให้ความเห็น เพราะนี่คือสิ่งที่ผม อยากจะได้พบ ผู้ที่จะมาสอบทานความคิดของเรา เพื่อ นำไปสู่การค้นพบ "ความจริงที่แท้"

    เรื่องชื่อหนังสือ ต้องยอมรับครับ ว่า ทำให้หลายท่านไม่สบายใจ ซึ่ง เป็นเรื่องการคิด หรอื Create ของทางสำนักพิมพ์ ผมเอง ก็ต้องมีส่วนต้องรับผิดชอบ ที่ไม่ทักท้วงอย่างแข็งขัน เพราะคิดแต่เพียงว่า "อยากงานค้นคว้า" นี้ ออกสู่สายตาคนให้กว้างขวางขึ้น เท่านั้น

    เมื่อ ถึงคิวเล่มที่ ๒ จะทำการตีพิมพ์ใหม่ ผมคิดว่า ทาง สำนักพิมพ์ก็ได้ตระหนัก ในเรื่องนี้มากขึ้นแล้ว ซึ่งครั้งแรกที่เริ่มเห็น การ ประชาสัมพันธ์ ของ ทางสำนักพิมพ์ ผมก็ตกใจ เพราะ เห็นเขียนว่า "ปริศนาลับพระพุทธเจ้า" ซึ่ง อาจจะฟังแลดูหนักกว่า เล่มแรก ที่ชื่อว่า "ความลับพระพุทธเจ้า" แต่เมื่อ ลงท้ายที่สุดแล้ว หนังสือ ชื่อว่า "ความลับกึ่งพุทธกาล วันล้างโลก" ผมก็เบาใจขึ้นเยอะ แล้ว

    และอยากเชิญชวนให้ คุณ gnungnun ได้อ่านในเล่มที่ ๒ นี้เพิ่ม อีก เพื่อจะได้ วิเคราะห์ และชี้แนะ อย่างลึกซึ้ง แต่ผมก็ตั้งข้อสังเกตว่า คุณ gnungnun มีข้อมูลอะไรลึกๆ กับ "เมืองสาวัตถี" นี้ หรือเปล่า หากมีข้อมูลอะไรที่ผมไม่รู้ ผมไม่มีก็โปรดกรุณาชี้แนะด้วยนะครับ

    ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมผมต้องหา "พระมาลีเจดีย์" นั้น ไม่ว่า จะอยู่ที่เมืองหงสา ที่ BAGO หรือ TWANTE ซึ่ง พม่าไม่ออกเสียงตัว "ส" ตามที่ผมทราบมา เมืองนี้ พม่า เรียก "ต๊าววะตี๋" (เขียนผิดขออภัยด้วย) ซึ่งจริงๆ ก็คือ "สาวะถี"

    ซึ่งตรงนี้ ผมก็ต้องยอมรับ ต้องระวัง เหมือนกัน กับ "คำ" เพราะ มีอีกทีมหนึ่ง ที่ติดกับคำ จึงวาง เมืองสาวัตถี อยู่ที่ "ตำบลสาวะถี" ที่ขอนแก่น

    และ ผมก็ยอมรับตรงนี้เลยครับว่า ตำนาน พงศาวดาร ไม่ว่าจะเป็นของไทย ของพม่า ของลาว ซึ่งผ่านการชำระ ผ่านการแปลและถอดความโดยเฉพาะ ผ่านรอยต่อ ช่วงเวลาที่ เกิดการเปลี่ยนแปลงความเชื่อ จากชาวอังกฤษ ในช่วงรัชกาลที่ ๔ เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณา และใคร่ครวญให้หนัก ก่อนที่ปลงใจเชื่อ เพราะหากได้อ่าน พระราชพงศาวดารเหนือ ทั้งฉบับที่รวบรวมมา ก็จะระบุว่าที่ ศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย คือ บ้านพระโมคคัลลาน์และสารีบุตร ดังนั้น ผมจึงยังไม่ปักใจเชื่อในตำนานใด ตำนานหนึ่ง หรือพงศาวดารฉบับใดฉบับหนึ่ง จนกว่า ผมจะได้ "พบหลักฐานทางวัตถุ" ที่จะมายืนยันอย่างหนักแน่น

    การค้นหา "พระมาลีเจดีย์" ก็ เพื่อจะค้นหา ที่ตั้งวัดพระเชตวัน ซึ่งคงจะเป็นซากปรักหักพัง ที่จมอยู่ใต้ดิน จึงจะยืนยันที่ตั้งของ "สาวัตถี" ได้ครับ

    และ การ ย้ายสมมติฐาน ที่ตั้ง เมืองสาวัตถี จาก BAGO ไป TWANTE นั้น เกิดขึ้น หลังจาก ผมได้ พบแผนที่เก่า เมื่อประมาณ เดือน พฤศจิกายน ปีที่แล้ว ไม่ใช่เพิ่งเปลี่ยน เมื่อคุณ gnungnun ทักท้วงดอกนะครับ ดัง ปรากฏในกระทู้นี้

    "พระมาลีเจดีย์" ในพงศาวดารเหนือ คือ พระเจดีย์องค์ใด ในปัจจุบัน?<!-- google_ad_section_end -->
    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B8%AD-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%94-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%88%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99.260441/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2011
  20. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=568><TBODY><TR><TD height=22 width=198></TD><TD width=172></TD><TD width=198></TD></TR><TR><TD></TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ส่วน เล่มที่ ๒ ที่อยากให้คุณ gnungnun ได้อ่าน จะเป็นการเจาะลึก เพื่อชี้ความผิดพลาด และความเชื่อที่ถูกบิดเบือนไปจาก ต้นกำเนิดที่แท้จริง ซึ่ง เนื้อหา ประกอบด้วย

    -ฝรั่งต้มโลก เรื่อง การเกิดขึ้นของพระพุทธรูป และสมัยกาลของพระเจ้าอโศก<O:p</O:p
    -ฝรั่งต้มโลก เรื่อง พระเจ้าอโศกที่อินเดีย<O:p</O:p
    -เมื่อฝรั่งต้มโลก เสาอโศกที่อินเดีย จึงเป็นหลักฐานของการหลอกลวง<O:p</O:p
    -“ความผิดพลาดในการกำหนดพุทธสถาน ในประเทศอินเดีย<O:p</O:p
    -กรณีศึกษา ระยะทางระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์ กับพระนครเวสาลี<O:p</O:p
    -กรณีศึกษา ที่ตั้งกรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ<O:p</O:p
    -กรณีศึกษา ที่ตั้งของพระนครสาวัตถี แคว้นโกศล<O:p</O:p
    -กรณีศึกษา ที่ตั้ง แคว้นกุรุ ต้นกำเนิด มหาสติปัฏฐานสูตร<O:p</O:p
    -กรณีศึกษา ที่ตั้งของแคว้นอัสสกะ กับแคว้นมัลละ<O:p</O:p
    -ค้นหา กบิลพัสดุ์-ลุมพินีวัน-เทวทหะ ในดินแดนพม่า<O:p</O:p
    -ค้นหา "ลุมพินีวัน" สถานที่ประสูติของพระมหาศาสดาเอกของโลก<O:p</O:p
    -กรณีศึกษา การเดินทางจากพุทธคยาไปอิสิปตนมฤคทายวัน<O:p</O:p
    -กรณีศึกษาเรื่องการเดินทางจากราชคฤห์ไปเมืองสาวัตถี<O:p</O:p
    -เส้นทางจาก ราชคฤห์ จะไปสาวัตถีทางอากาศ มี เขาพระพุทธฉาย เป็นทางผ่าน<O:p</O:p
    -กรณีศึกษาเรื่องที่ตั้งเมืองสังกัสสะ และเมืองสาวัตถี<O:p</O:p
    -ถ้าทะเล มหาสมุทร ในสมัยพุทธกาลขึ้นไปถึง สาวัตถี-กบิลพัสดุ์ แล้วพระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่ตรงไหน?<O:p</O:p
    -ค้นหาแม่น้ำอจิรวดี แม่น้ำสายวิปโยค เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล ในพม่า<O:p</O:p
    -เมืองอาฬวี ที่พระพุทธองค์ไปโปรดอาฬวกยักษ์ อยู่ที่ อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง<O:p</O:p
    -สุวัณณภูมิ อยู่ที่ไหนแน่ ระหว่าง สะเทิม นครปฐม หรือ คูบัว ราชบุรี<O:p</O:p
    -ว่าด้วยเรื่องภาษาและอักษรสมัยพุทธกาลที่สืบทอดอยู่ในแผ่นดินไทย<O:p</O:p
    -กเบื้องจาร..กุญแจไขปริศนาถอดรหัสก่อนวันโลกาวินาศมาถึง<O:p</O:p
    -สังเวชนียสถานทั้ง ๔ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่จะได้เห็นเมื่อวันโลกาวินาศมาถึง<O:p</O:p
    -ประกาศเจตนารมย์ พิทักษ์รักษาพระไตรปิฎก และอรรถกถา<O:p</O:p<!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...