ความแตกต่างคนโลกเก่ากับคนโลกใหม่

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย SegaMegaHyperSuperCyberNeptune, 18 สิงหาคม 2018.

แท็ก: แก้ไข
  1. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,111
    ค่าพลัง:
    +3,402
    คนโลกใหม่จะใช้จินตนาการมากกว่าความรู้นะ เพราะรู้มากไปก็ลืมอยู่ดี สู้จดข้อมูลในคอมพิวเตอร์ดีกว่า ขยันแบ็คอัพ ความรู้ไว้จดจำแหล่งสวรรค์พอ เพื่อเอามาปลดปล่อยคนโลกเก่า
    ส่วนคนโลกเก่าจะใช้ความรู้มากกว่าจินตนาการ ทำให้อยู่แต่ในกรอบ ในตำราเท่านั้น ไม่กล้าขัดขืน ไม่มีอะไรดีไปกว่าการใช้กำลังซึ่งเป็นพฤติกรรมของสัตว์ป่า
    ในการอัพเดทโลกจินตนาการควรจะสำคัญกว่านะ แต่ก็มีคนส่วนน้อยที่พอจะคิดได้
     
  2. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,493
    ค่าพลัง:
    +2,364
    สิ่งสำคัญไม่ใช่ทั้งความรู้ และ ก็ไม่ใช่จินตนาการด้วยแต่คือ "ความจริง" หากหลงไปไม่ได้อยู่กับความจริง ความเจ๊ง ก็จะปรากฎ
     
  3. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ความจริงก็มี 2 มิติ
    คือ
    จริงแบบสมมุติ กับจริงแบบวิมุติ
    ความจริงสมมุติมันเป็นของเทียม
    แต่ก็ต้องยอมรับและยึดถือกัน ไม่งั้นอยู่ไม่ได้
     
  4. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,493
    ค่าพลัง:
    +2,364
    สาธุครับลุงแมว
     
  5. InvisibleForce

    InvisibleForce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    302
    ค่าพลัง:
    +659
    ตามหลักปรัชญาแล้ว หรือแม้แต่ ไอสไตน์ ก็บอกว่า.. ความจริงนั้นหลายกรณีเป็นภาพมายา
     
  6. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,493
    ค่าพลัง:
    +2,364
    นี่ไม่ใช่ปรัชญาครับเพราะปรัชญาคือมโน(ความคิด) ซึ่งต้องใช้สมมุติฐาน ซึ่งวิธีพิสูจน์คนละแบบกันอย่างสิ้นเชิง การพิสูจน์ของพุทธคือการปฏิบัติ(ทำ) ไม่ใช่วิเคราะห์นักปฏิบัติที่ยังวิเคราะห์ย่อมติดในสมมุติ แต่ที่ลุงแมวบอกคือ เมื่อลองทำแล้วพบแล้วก็คือให้ยอมรับสมมุติให้ได้ไม่งั้นจะอยู่ในโลกไม่ได้ครับ. ส่วนความจริงแบบสมมุติและวิมุติคือ สิ่งที่เห็นนั้นจริงแต่ที่เห็นนั้นไม่จริง หรือจริงบ้างเท็จบ้าง ไม่จริงเลยก็มี เช่นนิมิตใครจะรู้ว่าเราไปปรุงแต่งนิมิตต่อตอนไหนหากไม่ได้ดำรงสติมั่น รู้ธรรมเฉพาะหน้า แต่ความจริงก็ปรากฏทั้งสมมุติและวิมุติเช่นกันคือ เห็นนิมิตจริงและมโนแดกจริงนั่นแลครับ หรือหากจะกล่าวถึงสภาวะธรรมคือ หากเราไม่ได้ดำรงสติมั้นแต่เพ่งลูกเดียว(ฌานฤาษี) ไม่ได้ดำรงสติมั่น ก็ไม่อาจรู้ธรรมตามจริงได้ครับ หากท่านปฏิบัติได้ท่านก็จะเข้าใจเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...