คิริมานนทสูตร เรื่อง การรักษาศีล และการทำลายพระพุทธรูป

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย Natthakorn, 5 ตุลาคม 2011.

  1. Natthakorn

    Natthakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,003
    ค่าพลัง:
    +7,078
    จะได้ขอนำ คิริมานนทสูตร ที่เจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) วัดบรมนิวาส ท่านแปลไว้ให้อ่านเข้าใจง่าย มาแสดงไว้นะครับ

    ขอบพพระคุณข้อมูล
    http://www.kammatan.com/download/book/kirimanon.pdf


    ดูกรอานนท์ บุคคลจำพวกใด หากเบียดเบียนเสียดสีหมิ่นประมาทในพระสังฆเถระแลภิกษุสามเณรที่เป็นศิษย์ของพระ
    ตถาคตโดยที่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นมีโทษ ไม่มีปาราชิกและบังคับให้สึกออกจากเพศพรหมจรรย์
    หรือกระทำปัพพาชนียกรรมไปเสียก็ดี บุคคลจำพวกนั้นเป็นบาปยิ่งนัก ไม่อาจพ้นนรกได้ บุคคลจำพวกใดมีความเชื่อความเลื่อมใสในคุณธรรมคำสั่งสอนของเราตถาคต แล้วเชิดชูยกย่องไว้ให้ดี มิได้ดูถูกดูหมิ่น บุคคลจำพวกนั้นก็จะมีความเจริญด้วยความสุข ทั้งในโลกนี้แล
    โลกหน้า แม้ปรารถนาสุขอันใดซึ่งไม่เหลือวิสัย ก็อาจสำเร็จสุขอันนั้นได้ตามปรารถนา


    บุคคลที่ทำลายพระพุทธรูป พระสถูป พระเจดีย์ แลตัดไม้ศรีมหาโพธิ์ แล บุคคลจำพวกที่กล่าวหมิ่นประมาท เย้ย
    หยันแก่สานุศิษย์ของเราตถาคตที่มีโทษไม่ถึงปาราชิก


    บุคคลจำพวกนี้มีโทษหนักยิ่งกว่า จำพวกที่ทำลายพระพุทธรูปแลพระสถูปพระเจดีย์นั้นหลายเท่า บุคคลที่ทำลายพระพุทธรูป เป็นต้นนั้น เป็นบาปมากก็จริงอยู่ แต่ยังไม่นับว่าเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาผู้ที่กล่าวหมิ่นประมาทนั้น ได้ชื่อว่าทำลายพระพุทธศาสนาของพระตถาคต เพราะว่าผู้ที่มีความผิด โทษไม่ถึงปาราชิกนั้น ยังนับว่าเป็นลูกศิษย์ของเราตถาคตอยู่

    ต่อเมื่อเป็นปาราชิกแล้วจึงขาดจากความเป็นลูกศิษย์ของเรา ถ้าเป็นโทษเช่นนั้น แม้จะลงโทษหรือกระทำปัพพาชนียกรรมก็หาโทษมิได้แลได้ชื่อว่าช่วยพระศาสนาของเราด้วย


    การทำลายพระพุทธรูปหรือพระสถูปพระเจดีย์นั้น ยังมีทางเป็นกุศลได้อยู่ ดังพระพุทธรูปไม่ดีไม่งาม แล้วทำลายเสีย
    แก้ไขให้งามให้ดีขึ้น


    แม้พระเจดีย์แลไม้ศรีมหาโพธิ์ก็เช่นกัน ต้นโพธิ์ที่ตั้งอยู่ในที่ไม่สมควร เช่น ตั้งอยู่ในที่ใกล้ถาวรวัตถุ อาจทำลาย
    ถาวรวัตถุนั้นได้ จะตัดเสียก็หาโทษมิได้
    ถ้าทำลายเพื่อหาประโยชน์แก่ตน หรือทำลายโดยความอิจฉาริษยาเช่นนั้น ย่อมเป็นบาปเป็นกรรมโดยแท้ แม้ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ชื่อว่าเป็นการทำลายศาสนา พวกที่หมิ่นประมาท ทำให้สงฆ์ที่มีโทษยังไม่ถึงอันติมะให้
    ได้รับความเดือดร้อนถึงแก่เสื่อมจากพรหมจรรย์ได้ชื่อว่าทำลายพระพุทธศาสนาโดยแท้
    ข้าแต่พระมหากัสสปะ พระพุทธเจ้า
    ได้ตรัสเทศนาแก้ข้าฯ อานนท์ ดังนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2011
  2. Natthakorn

    Natthakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,003
    ค่าพลัง:
    +7,078
    ผู้มีปัญญาเลือกรักษาศีล ข้อวัตรแต่เล็กน้อย ก็ย่อมได้รับความสุขกายสบายใจ
    ดูกรอานนท์ บุคคลที่เข้ามาบวชเป็นลูกศิษย์ของพระตถาคตแล้ว ยังปล่อยให้ตนได้รับความทุกข์อยู่ ผู้นั้นเรากล่าวว่าเป็น
    พาลปุถุชนคือเป็นคนโง่เขลา ผู้ที่ไร้ปัญญาเช่นนั้น จะเรียกว่าเป็นศิษย์ของพระตถาคตยังไม่ได้ เมื่อบวชแล้วประพฤติตัวให้เป็นสุข
    อยู่ทุกเมื่อนั่นแล จึงจะเป็นลูกศิษย์ของพระตถาคตแท้ เราตถาคตหวังเพื่อความสุขจึงได้ออกบวช เมื่อบวชแล้วมาทำตนของตนให้
    เป็นทุกข์ บุคคลผู้นั้นชื่อว่าเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญาหาที่เปรียบมิได้ ถ้าบุคคลผู้มีปัญญาแล้วไม่ทำตัวให้เป็นทุกข์เลย บุคคลผู้ไม่มี
    ปัญญาจึงทำตัวให้เป็นทุกข์ ไม่เฉพาะแต่นักบวชจำพวกเดียว แม้คฤหัสถ์ถ้าหาปัญญามิได้ก็ได้รับความทุกข์ยากลำบากเหมือนกัน
    ปราชญ์ผู้มีปรีชา เมื่อออกบวชแล้ว ท่านย่อมพิจารณาเห็นแจ้งซึ่งประโยชน์และสิ่งซึ่งมิใช่ประโยชน์ ท่านพิจารณาเห็น
    แจ้งซึ่งศีลและข้อวัตรที่หนักและเบาแล้ว ท่านไม่ต้องรักษามากมายหลายอย่าง หลายประการนัก เลือกรักษาแต่เล็กแต่
    น้อย ก็ย่อมได้รับความสุขกาย สบายใจ ผู้ที่โง่เขลาเบาปัญญานั้น ย่อมรักษามากมายหลายอย่างต่างๆ นานา เพราะเหตุ
    ที่ต้องรักษามากเกินไปจึงเป็นทุกข์



    ผู้ที่มีปัญญาแล้ว ย่อมเลือกรักษาแต่สิ่งที่จริงที่แท้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็ย่อมนำมาซึ่งความสุข เปรียบเหมือนบุคคลผู้
    ฉลาด ไปตัดไม้ในป่ามาทำกิจอย่างหนึ่ง เมื่อตัดไม้แล้วก็ถากเปลือกและกระพี้ทิ้งเสีย เหลือไว้แต่ที่ต้องการ แล้ววัดตัดเอาแต่พอแก่
    การงานของตัวเท่านั้น ไม่ต้องลำบากแก่การแบกการหาม ส่วนบุคคลผู้ที่ไม่ฉลาด ไม่รู้เท่าต่อการงานที่พึงจะทำ เมื่อไปตัดไม้ได้แล้ว
    จะถากเอาแต่ที่ต้องการก็กลัวจะเสียเพราะตัวไม่เข้าใจการงาน ต้องแบกมาทั้งเปลือกทั้งกระพี้ทั้งส่วนยาว ได้รับความเหนื่อยหนัก
    อย่างทวีคูณ ก็เพราะความที่ตัวเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา


    ดูกรอานนท์ การที่รักษาแก้วไม่ดีไม่มีราคา แม้จะรักษามากหลายพันดวง ก็สู้ผู้ที่รักษาแก้วที่ดีที่มีราคาดวงเดียว
    ไม่ได้ แก้วที่ไม่ดีไม่มีราคาจะขายก็ไม่ได้ จะเก็บไว้ก็ไร้ประโยชน์ ตกลงต้องรักษาไปเปล่าๆ ส่วนแก้วที่มีราคานั้น จะขายก็ได้เงิน
    มาก หากจะเก็บไว้ก็เป็นคุณเป็นประโยชน์แก่ตน การเรียนมนต์แลเรียนคาถาที่ไม่ดีไม่ขลังแม้จะเรียนตั้งร้อยตั้งพันบทก็สู้
    มนต์คาถาที่ดีที่ขลังบทเดียวไม่ได้ แม้การที่รักษาพระวินัยบัญญัติแลข้อวัตรก็เหมือนกันเช่นนั้น เมื่อรู้ประโยชน์แห่งศีล
    และข้อวัตรแล้ว ก็ไม่ต้องรักษามาก เมื่อไม่รู้ไม่เข้าใจก็รักษาพร่ำเพรื่อไปจนไม่มีเขตแดน จึงต้องได้รับความลำบาก เหมือนผู้ที่
    ไม่รู้การงานต้องแบกเอาไม้ทั้งเปลือกทั้งกระพี้ ผู้ที่มีปรีชาท่านรักษาวินัยและข้อวัตรไม่มาก แต่หากได้รับอานิสงส์เพียงพอ
    เหมือนอย่างผู้รักษาแก้วดีดวงเดียว หรือผู้ที่เรียนมนต์และคาถาที่ดีที่ขลังบทเดียวเท่านั้น ก็ให้สำเร็จประโยชน์ได้เต็มที่
    ฉะนั้น

    http://www.kammatan.com/download/book/kirimanon.pdf
     
  3. Natthakorn

    Natthakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,003
    ค่าพลัง:
    +7,078
    อยากให้ลองศึกษาและอ่านดูนะครับ

    จากกรณี ของพระเกษม อาจิณสีโล ที่ ทางบ้านเมืองจะไปสึกท่าน ต้องดูว่าท่านโทษถึงปราชิกหรือไม่ ที่เราไปด่าท่าน แต่ถ้าโทษท่านไม่ถึงปราชิกนั้น จะเป็นบาปเป็นกรรมต่อเรา นะครับ

    ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับสิ่งที่พระเกษม ทำลายพระพุทธรูป เพราะก็เป็นบาปเช่นกัน

    แต่ก็อย่างที่พระสูตร ท่านแสดงไว้ ว่าโทษการทำลายพระพุทธรูปนั้นบาป แต่ บาปไม่เท่าเราไปด่า ดูหมิ่นเย้ยหยันพระที่ยังไม่ได้ปราชิก4

    พระที่ผิดศีล แต่ยังไม่ได้ปราชิก4 นั้นก็ยังถือเป็นลุกของพระพุทธเจ้าอยู่
    หากกรณีที่พระเกษมแสดงอาการไม่สมควร หรือที่เรียกว่าโลกวัชชะ นั้น ก็เป็นอาบัติทุกกฎเท่านั้น ซึ่งเป็นอาบัติเล็กน้อยที่สุด สามารถปลงตกได้ เท่าที่ตามข่าวก็ทราบว่า พระเกษมท่านก็ปลงอาบัติแล้ว

    ส่วนหลักฐานว่า พระเกษมท่านปราชิกนั้น ยังไม่มี หรือยังไม่ได้ปรากฏ ผมว่าการที่เราไปสึกพระเกษม (หรือเห็นดีเห็นงามกับการสึก หรือไปด่าพระเกษม ซึ่งปลงอาบัติไปแล้ว ) ที่ไม่มีมูลข้อเท็จจริงว่าท่านปราชิก จะเป็นบาปและเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา ทำลายลูกพระพุทธเจ้า
    เพราะบุคลลที่ไม่ถึงปราชิก4 ก็ยังสามารถที่จะกลับตัวกลับใจ แก้ไขตนเองให้เข้าถึงซึ่งมรรคผลนิพพานได้
     
  4. Natthakorn

    Natthakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,003
    ค่าพลัง:
    +7,078
    ผมขอออกตัวก่อนว่าไม่ได้เป็นสานุศิษย์ของพระเกษมนะครับ
    แต่ว่าเห็นคอมเม้นที่ตามเว็บไซต์หรือตามยูทูป รุนแรง เพราะเหตุที่ท่านแสดงกิริยาไม่เหมาะสม


    โทษอาบัติก็ไม่หนักแก้ไขได้
    ที่สำคัญท่านปลงอาบัติแล้ว

    และที่สำคัญ ถ้าท่านยังไม่ได้ปราชิก คนที่ซวย คือ คนที่คนด่า รับไปเต็มๆ

    อยากให้เราลองวางใจเป็นกลางๆ นะครับ

    ผิดถูกผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2011
  5. chanathan

    chanathan สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2011
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +5
    คุณ nathakorn แน่ใจหรือว่าคุณเข้าใจพระไตรปิฏกที่คุณอ้างได้ถ่องแท้ และเข้าใจความหมายของการปลงอาบัติได้ถูกต้อง ช่วยศึกษาให้ละเอียดนะ ผมก็คงไม่สามารถบอกแทนคุณได้หรอกเพราะไม่อาจอ้างว่ามีภูมิรู้เพียงพอ แต่ขอให้ศึกษาให้ดีก่อนแสดงความเห็นนะครับ
     
  6. ในนภา

    ในนภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,670
    สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  7. ๋๋๋Ang-Gurl

    ๋๋๋Ang-Gurl Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +28
    ขอสนับสนุนคุณ Natthakorn ครับ ทุกวันนี้พระศาสนาถูกภัยภายนอกคุกคามมากอยุ๋แล้ว ชาวพุทธที่ยังไม่รู้ก็ยังมีอยู่มาก ชาวพุทธที่พอรู้แต่ไม่ใช่อริยะก็มีทิฐิแตกต่างกัน ตอนนี้ชาวพุทธแท้ ๆ เหลืออยู่กี่เปอร์เซ็นต์ครับ ศาสนาอื่น ๆ เขาครอบครองที่ดิน ครอบครองบุคคลไปเข้ารีตเขาเท่าไหร่แล้ว หลวงพ่อเกษมถ้ายังไม่ปาราชิกก็ให้ท่านได้ทำงานศาสนาต่อไปแต่ปรับปรุงบางส่วน แต่ถ้าพระเถรานุเถระมีวินิจฉัยว่าปาราชิกแล้วก็จบกัน ขอบุญรักษาทุก ๆ ท่านนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...