คุณอาจไม่เคยนึกถึง

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย จันทร์เจ้า, 28 ตุลาคม 2008.

  1. จันทร์เจ้า

    จันทร์เจ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +1,948
    เสียงไซเรน ณ โรงพยาบาลวชิระ ในคืนวันที่ 7 ตุลาคม 2551
    เป็นสัญญาณบอกถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในเมืองฟ้าอมร กรุงเทพมหานคร
    หมอและพยาบาลในชุดขาว ต่างทำหน้าที่กันอย่างหนักเพื่อรักษาผู้บาดเจ็บ
    ที่ร่างกายล้วนนองเลือด โดยไม่สนใจว่าคนๆนั้นจะใส่ชุดสีกากี หรือ สีเหลือง
    บุรุษในเสื้อสีเหลือง ร้องโอดโอยจากการมีรอยแผลลึกที่หน้าแข้ง
    และ ตามตัวหลายแห่ง ขณะที่ตำรวจซึ่งใส่ชุดสีกากีนั้น
    หมดสติไปแล้วจากการถูกของแข็งบางอย่างฟาดเข้าตามร่างกาย

    หลังจากเข้าทำการรักษาในห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน พยาบาลได้เปลี่ยนชุดทั้งคู่
    เป็นชุดของโรงพยาบาล และ พาเข้าพักฟื้นในห้องเดียวกัน
    ในห้องมีครอบครัวของทั้ง 2 ฝ่ายมาเยี่ยมตามคาด
    แต่ต่างไม่ได้คุยกันด้วยไม่รู้จักกันมาก่อน มีเพียงม่านบางๆ กั้น
    ระหว่างความเป็นส่วนตัวของครอบครัวทั้ง 2

    “พ่อเป็นไงบ้าง เจ็บไหม?” เสียงเล็กๆที่บริสุทธิ์ดังมาจากฝั่งหนึ่งของห้อง

    “เจ็บนิดหน่อยลูก” เสียงผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ในชุดของโรงพยาบาล
    พยายามพูดเพื่อปลอบใจลูกรัก

    “หนูไม่อยากให้พ่อออกไปทำงานอีกแล้ว ทำไมเขาถึงต้องตีพ่อด้วย”
    เสียงเล็กๆยังถามต่อไปด้วยความไม่ประสีประสาเรื่องของผู้ใหญ่

    “มันเป็นงานนะลูก ….พ่อเป็นตำรวจชั้นผู้น้อย หัวหน้าสั่งก็ต้องทำ
    มันเป็นหน้าที่ มันเป็นกฎ ”
    คำสนทนาเหล่านี้ดังเพียงพอที่จะทำให้เพื่อนร่วมห้องของเขาต้องเงี่ยหูฟังด้วยควาสนใจ
    “ถึงพ่อไม่ชอบพ่อก็ต้องทำเหรอ”

    “พ่อไม่อยากจะทะเลาะกับคนไทยด้วยกันเลยลูก บ้านเราก็ไม่ได้ชอบแบบนี่ ”

    “แล้วพ่อจะออกไป ให้เขาทำร้ายแบบนี้ทำไม” เสียงเล็กๆเริ่มสั่นเครือ
    เพราะไม่เข้าใจเหตุผลที่พ่อของเธอพยายามจะอธิบาย

    บรรยากาศในห้องเริ่มผู้ป่วยเริ่มเงียบงัน มีเพียงเสียงโทรทัศน์ที่บรรดานักวิจารณ์
    ต่างพร่ำบอกกับสังคมว่า ตำรวจรังแกประชาชน ประชาชนบาดเจ็บ เสียชีวิต
    ตรงกันข้ามกับภาพที่เด็กน้อยเห็นเบื้องหน้า เธอกับพ่อของเธอต่างหากที่ถูกทำร้าย

    เสียงเล็กๆในห้อง กำลังร่ำไห้บอกกับโทรทัศน์ บอกกับคนที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์
    เหล่านั้นว่า แล้วพ่อหนูล่ะ ….พ่อหนูอยู่ที่นี่ นอนอยู่ตรงนี้ ช่วยบอกหน่อยได้มั้ยว่า
    พ่อหนู ไม่ใช่คนไทยหรือไง ใครทำพ่อของหนู???

    ทันใดนั้นม่านบางๆซึ่งกั้นระหว่างเตียงของ บุรุษผู้รักชาติและผู้พิทักษ์สันติราษฏร์
    ได้ถูกเปิดขึ้น

    “คุณตำรวจ….ผมขอโทษ” คำพูดสั้นๆคำแรกที่บรรยายความรู้สึกนับพัน
    หลุดออกมาจากความรู้สึกของชายมีอายุผู้รักชาติคนนั้น

    นายตำรวจในชุดผู้ป่วย แปลกใจกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะได้ยิน ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา
    กับการต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มพันธมิตรทุกวี่วัน เขาเคยชินซะแล้วกับคำพูดถากถาง
    ต่างๆ จากฝ่ายที่ได้ชื่อว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม หรือ เป็นฝ่ายรักชาติอะไรก็ตามแต่
    “ คุณลุงเป็นใครคะ ?” เสียงใสๆถามด้วยความสงสัย
    “ลุงก็อยู่กลุ่มเดียวกับคนที่ทำให้พ่อหนู เข้าโรงบาลนั่นแหละ”
    เสียงชายสูงอายุพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ

    “แล้วเพื่อนคุณลุงทำร้ายพ่อหนู ทำไม?” เสียงเล็กๆเริ่มถามอย่างคาดคั้น

    “บางครั้งหนูก็ไม่เข้าใจ มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่กับความถูกต้อง
    วันหน้าหนูจะได้อยู่ในสังคมที่ดีนะหนูนะ”

    “แล้วลุงไม่คิดเหรอคะว่า ถ้าพ่อหนูตาย …
    ลุงได้สังคมทีดี แล้วหนูล่ะ หนูต้องเป็นเด็กกำพร้า…..
    หนูทำผิดอะไร?”
    เด็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรต่อ นอกจากให้น้ำตา แทนคำพูดที่เหลือทุกๆอย่าง

    “บางครั้งเมื่อลุงอยู่กับเพื่อน ลุงอยู่กับคนคิดเหมือนกัน …
    ลุงเห็นคนข้างหน้าคือศัตรู ที่ต้องจัดการ ลุงเห็นคนใส่เสื้อไม่เหมือนลุง
    คิดไม่เหมือนลุง เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น…..
    พอวันนี้เราใส่เสื้อเหมือนกัน ... ได้ฟังหนูกับพ่อคุยกัน
    ลุงว่า….ลุงเหมือนพึ่งจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา
    ลุงต้องขอโทษหนูจริงๆ...
    ”เสียงกับแววตาของชายสูงอายุ มีท่าทีสำนึกต่อเสียงเล็กๆนั้น

    “ผมก็ต้องขอโทษด้วยเหมือนกัน ถ้าทำอะไรให้ประชาชนอย่างคุณโกรธ
    หรือ เข้าใจผิด...หลายวันที่ผ่านมานี้ ผมโดนเสียดสีและยั่วโมโหจากผู้คน
    และสังคมมากมาย เหมือนผมไม่ใช่คน เหมือนเป็นสัตว์ร้ายอะไรสักอย่าง
    ผมเสียใจจริงๆ ผมไม่เคยคิดจะทำร้ายใคร ผมก็มีลูกเมีย ผมอยากกลับบ้าน
    อยากพาลูกเมียไปเที่ยว ผมก็ไม่ได้ทำ ผมต้องออกมาทำงานทุกวัน
    ในรอบ 1 เดือนมานี้ ผมคิดถึงลูกเมียผมมาก
    ภาวนาว่าขอให้เรื่องนี้มันจบๆเสียทีจะได้กลับไปเห็นหน้าลูกเมีย
    ผมพึ่งจะได้เห็นหน้าลูกครั้งแรกก็ตอนที่ลูกต้องมาเยี่ยมผมที่โรงพยาบาล....
    แต่ถ้าคุณเข้าใจผม ผมคิดว่านาทีนี้ ตรงนี้มันคุ้มค่ามาก ”
    เสียงคุณตำรวจ พูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยมิตรไมตรี


    วันนั้นภายในพื้นที่เล็กๆของห้องพักฟื้นสี่เหลี่ยม หัวใจของชาย 2 คน
    ทำให้ห้องนี้ดูกว้างขวางขึ้น อย่างน้อยก็ดูกว้างกว่าที่ทำเนียบ หรือ รัฐสภา
    กรอบที่พันธนาการคนทั้งคู่ไว้ด้วยหัวโขนที่แต่ละคนใส่อยู่ด้วยความโกรธและเกลียด
    ถูกทำลายลงหลังจากที่ได้มีการพูดคุย และตระหนักต่อความรู้สึกของการเป็นมนุษย์
    ด้วยกัน ..ใช่แล้ว!!!เรายังคุยกันด้วยภาษาไทย และมีพ่อคนเดียวกัน
    ทำไมเราถึงคุยกันไม่ได้ทำไมปากของเรา ความเห็นของเราถึงถูกใช้เพื่อนำพาไปสู่
    ความขัดแย้ง แทนที่จะเป็นความสามัคคี น้ำตาหยดนี้จะไม่มีวันไหลเลย
    ถ้าเราหยุดคิดสักนิดเพื่อพูดจากันเปิดใจรับความเห็นต่างกันบ้าง?

    วันต่อมาสงครามทางความคิดยังคงอยู่ สำหรับท่านที่ได้อ่านเรื่องราวนี้
    คงจะได้ตระหนักมากขึ้นว่าการให้อภัย และ เห็นความจริงในมุมเล็กๆ
    ที่ไม่มีใครคาดคิด ก็คงจะตอบคำถามได้ว่า เรากำลังสู้ทำไม สู้เพื่อใคร
    และ ถามด้วยเหตุผลต่อทั้ง 2 ฝ่ายว่า วันนี้คุณเห็นคุณค่าน้ำตาหยดนั้นแค่ไหน
    ชัยชนะของประชาชนหรือตำรวจในวันนี้ แลกกับหยดน้ำตาของคนอยู่เบื้องหลัง
    ไม่ว่าฝ่ายไหน คุณจะเรียกมันว่าชัยชนะ หรือ ความพ่ายแพ้มันก็ไม่ได้มีประโยชน์
    ต่อคนที่สูญเสีย เบื้องหลังของชัยชนะ มีความพ่ายแพ้ของคนมากมายที่คุณ
    อาจไม่เคยนึกถึง….มุมเล็กๆที่ไร้เสียงหล่านี้ เคยเห็นเคยได้ยินกันบ้างไหม???


    From : http://talk.mthai.com/topic/33009
     
  2. AddWassana

    AddWassana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    11,698
    ค่าพลัง:
    +21,185
    "...เบื้องหลังของชัยชนะ มีความพ่ายแพ้ของคนมากมาย
    ที่คุณอาจไม่เคยนึกถึง….!!!

    อ่านแล้วตื้นตันใจมาก...

    "...เรายังคุยกันด้วยภาษาไทย และมีพ่อคนเดียวกัน ทำไมเราถึงคุยกันไม่ได้..."
     
  3. ยอดกมล

    ยอดกมล สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +8
    ใคร? ต้องคุยกับใคร ใครแพ้ ใครชนะ
     
  4. ยอดกมล

    ยอดกมล สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +8
    เมื่อหลายวันก่อนได้พบกับเพื่อนคนหนึ่ง ที่จากกันมานานร่วมสิบปี เขาเล่าว่าภรรยาของเขาถูกชายฉกรรณ์ รุมโทรม และทำร้ายร่างกายเขามีลูกด้วยกันหนึ่งคน เพื่อนบอกว่าลูกของเขาไม่พูดจากับใครหลังจากแม่ถูกทำร้าย เด็กรู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างและช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาไปแจ้งความแต่เรื่องเงียบหายไป จนกระทั่งลูกของเขาคลายจากอาการช็อค และรู้ตัวคนร้ายจึงไปบอกตำรวจปรากฏว่าคนร้ายได้เอาเงินยัดตำรวจไปก่อนแล้ว เขาโกรธแค้นกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาเที่ยวบอกกับใครต่อใครว่า เขาไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ไม่มีใครสนใจ ทุกคนพากันบอกกับเขาว่าอย่าทะเลาะกันเลย คนไทยด้วยกัน คำนี้แหละทำให้เขากดดันมาก เขาจึงไปนั่งหน้าสถานีตำรวจเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับภรรยาของเขา แต่ตำรวจกับเอาปืนมาไล่ยิงเขา เขาจึงต้องหอบลูกเข้ากรุงเทพ เพื่อร่วมชุมนุมกับพันธมิตร และเมื่อเขาเข้าไปแล้วเขาพบว่ามีคนที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกับเขาจำนวนมาก เขาคลายโศกลงได้บ้างเพราะพบกับผู้ที่มีปัญหาเช่นเดียวกัน และเขาพร้อมทุกเมื่อหากจะตายก็ยอม ถ้าจะต้องอยู่ในสังคมที่ไร้ความยุติธรรมแบบนี้ หลังจาก 7 ตุลา ยังไม่ได้ข่าวเขาเลยไม่รู้เป็นอย่างไรบ้าง ภรรยาของเขาก็เอ๋อเหรอ อยู่กับแม่ของเขา ซึ่งฝากฝังตั้งแต่ร่วมชุมนุม เห็นกระทู้นี้แล้วรู้สึกหมั่นใส้ ขอโต้หน่อย
     
  5. จันทร์เจ้า

    จันทร์เจ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +1,948
    ผมได้อ่านเรื่องของเพื่อนคุณแล้วรู้สึกว่าเขาคงจะทุกข์ใจและมีความรู้สึกกดดันมาก
    แต่ผมคิดว่าการที่ไปร่วมชุมนุมซึ่งมีผลกระทบต่อตำรวจทั้งหมดเพียงเพราะตำรวจที่ไม่ดี
    เพียงคนเดียวนั้นเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุดนะครับ หากตำรวจในท้องที่ของเพื่อนคุณ
    รับสินบนและไม่ดำเนินคดีให้เพื่อนคุณได้รับความยุติธรรม ผมขอแนะนำให้เพื่อนคุณ
    ซึ่งเดินทางมาถึงกรุงเทพแล้วแจ้งความกับสำนักงานตำรวจใหญ่ เพื่อเอาผิดกับนายตำรวจ
    ผู้ติดสินบนอย่างถึงที่สุดครับ นอกจากจะได้สะสางคดีที่ไม่ยุติธรรมของเพื่อนคุณแล้ว
    เพื่อนคุณยังมีส่วนช่วยป้องกันมิให้ผู้อื่นต้องรับเคราะห์เช่นเดียวกันอีกด้วย
    ขอให้คุณช่วยฝากบอกข้อความนี้ไปให้ถึงเพื่อนคนดังกล่าวด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
     
  6. godman

    godman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,254
    - -*
     
  7. siamgirl

    siamgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,682
    ค่าพลัง:
    +2,742
    มันก็มีทั้งคนดีเเละไม่ดีอ่ะนะ ดีหมดก็ไม่ได้ คนๆเดียวไม่ได้หมายถึงคนหลายคน จาเเค้นอารัยกันนักหนา
     
  8. ยอดกมล

    ยอดกมล สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +8
    ขอบคุณ คุณจันทร์เจ้านะคะ สำหรับคำแนะนำ หากดิฉันพบเขาอีกก็จะแนะนำเขา แต่ตอนที่เจอเขา อารมณ์ตอนนั้นดูท่าจะทำอะไรไม่ได้นอกจากรับฟังอย่างเดียว ดิฉันก็คิดในแบบของดิฉันว่าเขากำลังถูกสอบจากเบื้องบนเพราะเขาก็เป็นคนปฏิบัติดีปฏิบัติชอบคนหนึ่งแต่พอมีเรื่องแบบนี้มากระทบเขาเตลิดไปเลย ได้เปรยกับเขาให้ไปทำบุญปฏิบัติธรรมเหมือนเคย เขาบอกว่าสภาพจิตเขายังไม่ปรกติ ยังไม่พร้อม บอกเขาว่าไม่ต้องไปชุมนุม เขาก็แย้งว่า เขามีความสุขมากที่เจอกับคนหัวอกเดียวกัน มันอาจจะเป็นวิบากของเขาก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากพบกับเขาอีกก็จะแนะนำเขาคิดว่าตอนนั้นสภาพจิตเขาน่าจะดีขึ้นบ้างแล้ว อนุโมทนาค่ะ
     
  9. เวฬุวัล

    เวฬุวัล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +505
    เหรียณย่อมมีสองด้านเสมอ

    แล้วแต่ใครจะมองด้านไหน
     
  10. 1redstar

    1redstar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    622
    ค่าพลัง:
    +1,368
    คงต้องแก้ที่โครงสร้าง สตช. สำนักงานตำรวจชินวัตร
    ให้เป็นตำรวจประชาชนจริงๆ

    โดยแยกตำรวจท้องถิ่นขึ้นกับผู้ว่า เราจะมี BKPD Bangkok Police Department
    คานอำนาจกับตำรวจสอบสวนกลางขึ้นกับกระทรวงยุติธรรม

    ตำรวจจะไม่ขึ้นกับนักโกงเมืองโดยตรงเหมือนที่ผ่านมา
    ตำรวจจึงไม่เคยจับคดีใหญ่ได้เลย
    ตำรวจจับได้แต่โจรคนจน ชนชั้น นปช.
    แบบนี้จ้าง รปภ. เองก้ได้

    ตำรวจคืออาชีพที่ควรหลีกเลี่ยงมากสุด
    เพราะมีโอกาสกระทำบาปได้บ่อยครั้ง
    บางที่ก็มักใช้อำนาจกดขี่บีฑาเขา
    ลับหลังเขาก็สาปแช่งจองเวรเอา ได้ยินมามาก
    ตำรวจจึงมักมีจุดจบชีวิตไม่ค่อยสงบ
    เปนอาชีพที่ประชาชนคอยเหยียดหยามสาปแช่ง พอๆกับนักการเมือง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2008
  11. OLDMAN AND A CAR

    OLDMAN AND A CAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    824
    ค่าพลัง:
    +2,752
    ....ปัญหาทั้งหมด เกิดจากกฎหมายของบ้านเมือง...กฎหมายที่ดี มีลักษณะ ๔ ประการ ดังนี้


    ๑.เป็นธรรม สำหรับทุกคน ตามหลัก ตรรกวิทยา ไม่ใช่ต้องท่องจำเป็นหลัก
    ๒.มีบทลงโทษ ที่เหมาะสม จน คนชั่ว ไม่กล้าทำผิด
    ๓.ไม่มีข้อยกเว้น หรือ ลูบหน้า ปะจมูก มีบทเฉพาะกาล หรือมีข้อยกเว้นมาก
    มาย จำไม่ไหว
    ๔. สามารถใช้บังคับ หรือ ปฎิบัติได้จริง ไม่สามารถนำมาอ้างว่า กฎหมายนั้น
    ดีแล้ว แต่ ปัญหา อยู่ที่ ผู้ปฎิบัติ ถ้ากฎหมายดีจริง ..คำอ้างที่ว่า .ปัญหา
    อยู่ที่ผู้ปฎิบัติ ก็ ไม่มีดอก

    ไม่เข้าข่าย ๔ ประการนี้ ทำจนตาย บ้านเมืองก็ไม่มีวัน สงบสุข...


    ตัวอย่าง

    ๑. อัยการสั่งไม่ฟ้องคดี หรือ หน่วงเหนี่ยวการฟ้องคดีโดย ได้ โดยไม่มีความผิด
    ๒. ผู้พิพากษา ตัดสินคดีผิดๆ โดยไม่ต้องรับโทษ แต่ให้ราชการเป็นผู้รับผิดชอบแทน
    ๓.เจ้าพนักงานกระทำความผิด ประจักษ์ เป็นความเสียหายต่อบุคคล และ บ้านเมืองแล้วแต่ยังแต่งตั้งพวกเดียวกันเอง หรือผู้ใต้บังคับบัญชา มาชำระความ

    ....เหล่านี้ ถ้ามีจริง ต้องลบให้หมดไปจากบ้านเมือง....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2008
  12. paintkiller

    paintkiller เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +947
    เป็นผมนะจะแอบเข้าไปแนวหลังตำรวจแหละครับ แล้วทำอะไรก็ได้ ....แต่ ตำรวจที่นั่นไม่ใช่ ตำรวจที่ โรงพักที่คุณไปแจ้งความนะครับ ฉะนั้น ก็ไปทำกับโรงพักที่คุณแจ้งดีกว่า เก็บมันทีละคนเลยครับ เริ่มจาก พ่อแม่ของ ตร ก่อน แล้วก็ลูก..เมีย...ทีละคน อย่าให้รู้ตัวนะครับ เดี๋ยวพวกนั้นมันจะตื่นก่อน เอาให้เป็นแบบว่า อุบัติเหตุ..จากนั้นก็ เก็บพวกที่ทำกับครอบครัวคุรทีละคน เริ่มจาก พ่อ แม่ ลูกหลานมันก่อน...เก็บให้หมด เมื่อหมดแล้ว พอเราตาย ก็รับสารภาพกับ ท่านยมบาลว่า ขอรับสาราภาพทั้งหมด จบครับ
     
  13. ประทีปแก้ว

    ประทีปแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2008
    โพสต์:
    3,506
    ค่าพลัง:
    +8,328
    เหตุการณ์เช่นนี้สักวันคงสิ้นสุด ...ขอเวลานั้นมาถึงเร็วๆเถิด สงสารคนไทยสงสารตัวเองด้วย
     

แชร์หน้านี้

Loading...