ค้นหาความลับของชีวิตผ่านสายตา‘ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน’

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 5 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,488
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ค้นหาความลับของชีวิต ผ่านสายตา ‘ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน’</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการรายวัน</TD><TD class=date vAlign=center align=left>4 กุมภาพันธ์ 2554 18:01 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>หลายคนอาจคุ้นเคยกับผู้ชายคนนี้ในฐานะกูรูเรื่องมนุษย์ต่างดาวและยูเอฟโอ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เพียงแต่เรื่องนี้เท่านั้นที่ ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ให้ความสนใจ เพราะนอกจากนี้เขายังสนใจปรากฏการณ์ธรรมชาติที่หาคำอธิบายไม่ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชีวิตหลังความตาย การเวียนว่ายตายเกิด ฯลฯ และที่สำคัญเขายังดำรงตำแหน่งนายกสมาคมค้นคว้าทางจิตแห่งประเทศไทยอีกด้วย

    แน่นอนว่า หลายคนอาจจะมองว่าเขาเพี้ยน และไม่เข้าใจ ทำไม ศ.ดร.นพ.เทพนมถึงต้องศึกษาเรื่องพวกนี้ด้วย เพราะฉะนั้นบทสัมภาษณ์นี้จะขอรับอาสาเป็นกุญแจที่จะมาเปิดเผยถึงตัวตนและแรงบันดาลใจของผู้ชายคนนี้ว่าคืออะไรกันแน่

    ............

    คุณหมอเริ่มสนใจเรื่องทางค้นคว้าทางจิตตั้งแต่เมื่อไหร่?

    ผมสนใจมานานแล้ว เชื่อไหมผมเห็นวิญญาณตั้งแต่อายุ 6-7 ขวบ ตอนนั้นคุณตาผมไปทำงานอยู่ที่บริษัทป่าไม้ศรีราชา แล้วตกรถไฟตาย แต่ไม่มีใครรู้ เพราะสมัยก่อนต้องใช้เวลา 3-4 วัน ต้องข้ามแม่น้ำบางประกง แต่วันที่ท่านเสียนั่นเอง ท่านมาหาที่บ้านตอนเช้าประมาณตี 5 กว่าๆ เรียกผมลั่นเลย “แดงๆๆๆ เปิดรับหน่อย ตาเข้าบ้านไม่ได้” คุณพ่อคุณแม่ก็ได้ยินหมด ผมก็งงเพราะคุณตาก็มีกุญแจเปิดบ้านไขเข้ามาได้

    คุณแม่ผมก็เลยบอกให้ไปเปิดประตู พอลงไปก็เจอคุณตายืนอยู่ รูปร่างเป็นคนปกติ ไม่เหมือนคนตาย แล้วท่านก็บอกว่ามาเยี่ยม แต่เข้าบ้านไม่ได้ ผมก็เลยเชิญท่านเข้ามา แล้วจู่ๆ ท่านก็บอกว่านึกขึ้นมาได้ว่าต้องเยี่ยมน้องชายที่พม่า ไว้วันหลังจะมาเยี่ยม แล้วก็เดินหายไปเลย หลังจากนั้นอีก 2 วันถึงรู้ว่าท่านตายแล้ว

    ตอนนั้นกลัวไหม?

    (ส่ายหน้า) น้องๆ ผมกลัวหมดเลย แต่ผมไม่กลัว เพราะท่านเลี้ยงผมตั้งแต่เล็กๆ มาทีไรก็ซื้อของเล่นมาฝากทุกที แต่ที่ผมไม่เข้าใจก็คือเมื่อคุณตาตายแล้วเป็นผี ทำไมรูปร่างถึงเหมือนคนปกติ พูดจาเหมือนคนปกติล่ะ ผมก็เลยไปคุณน้าของผม พล.ท.สมาน วีระไวทยะ ซึ่งท่านฝึกสมาธิอยู่แล้วมาช่วยอธิบาย ผมก็เริ่มสนใจตั้งแต่นั้นมา แต่ยังไม่จริงจังอะไรมาก

    จนกระทั่งมาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด วิชาฟิโลโซฟี (Philosophy - ปรัชญา) ศาสตราจารย์ที่สอนก็มาบอกว่า มีเรื่องสำคัญในชีวิตที่มนุษย์น่าจะศึกษาให้รู้ความจริง ข้อหนึ่ง เราเกิดมาจากไหน เป็นใคร แล้วข้อสอง เกิดมาที่โลกนี้ เราทำอะไรอยู่ที่นี้ เกิดมาสัก 100 ปีแล้วก็ตายจากไป เคยคิดไหมว่าวัตถุประสงค์ของชีวิตมาอยู่ทำอะไร และข้อสุดท้ายหลังจากนั้นเราไปไหนต่อ แล้วแกก็ให้ไปหาคำตอบมา

    แล้วคุณหมอตอบได้ไหม?

    ไม่ได้ เดี๋ยวนี้ผมก็ตอบไม่ได้ แต่แกบอกว่า ถ้าเราเรียนเรื่องนี้จะทำให้เรามีความเป็นมนุษย์มากขึ้น มีศีลธรรมมีจริยธรรมอันดี เพราะมีเรื่องที่เราไม่รู้อีกเยอะเลย ที่วิทยาศาสตร์ตอบไม่ได้และน่าสนใจ อย่างอาจารย์ผมที่ชื่อเวลเลอร์ (โทมัส ฮักเคิล เวลเลอร์) แกเก่งมาก เพราะเป็นผู้คนพบเชื้อโปลิโอเลยได้รางวัลโนเบลเคยเล่าให้ฟังว่า เดิมเขาเป็นแพทย์เป็นนักวิทยาศาสตร์ก็เลยเชื่อว่าตายแล้วสูญ แต่ตอนนี้ไม่เชื่อแล้ว เราก็เลยถามว่าอะไรที่เปลี่ยนใจแก เพราะเรื่องผีแกก็ไม่เชื่อ แกก็เลยเล่าให้ฟังต่อว่า เช้ามืดคืนหนึ่งตื่นขึ้นมา แล้วเห็นแม่ซึ่งอยู่ที่แคลิฟอร์เนียมานั่งที่ปลายเตียง ก็แปลกใจว่าแม่มานั่งอยู่ได้ไง เพราะแกอยู่บอสตันซึ่งห่างไป 3,000 ไมล์ หลังจากนั้นแม่ก็บอกว่า ทอมฉันตายไปแล้ว แต่ฉันรักเธอมากก็เลยมาเยี่ยม แล้วก็เลือนหายไป พอสายๆ หน่อย น้องเขาที่ดูแลแม่อยู่ก็โทร.มาบอกว่า แม่ตายแล้ว เขาก็บอกเลยว่ารู้แล้ว แม่มาหาฉัน น้องก็หัวเราะใหญ่เลยบอกบ้าหรือเปล่า คุณได้รางวัลโนเบลนะ ผีไม่มีจริงหรอก

    จริงๆ มีอีกเรื่องหนึ่ง ตอนนั้นผมเป็นคณบดีคณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัยมหิดล แล้วมีอาจารย์คนหนึ่งเป็นอาจารย์ทันตแพทย์เกิดอุบัติเหตุที่กลางดง กระเด็นออกจากรถแล้วหัวฟาดพื้นตาย เผอิญแกมีเพื่อนรักอยู่คน เป็นอาจารย์ที่ผมส่งไปเรียนที่นอร์ทแคโรไลนาแล้วเขาใกล้จะสอบ ผมก็เลยสั่งไว้เลยว่า ห้ามใครโทรไปบอกว่าภาณุตายแล้ว เดี๋ยวเขาจะเศร้าแล้วดูหนังสือไม่ไหว แต่แปลกนะที่จู่ๆ เขาก็โทรมาบอกผมเองว่า เมื่อคืนตอนเช้า ภาณุไปหาผม แล้วมาบอกว่าเขาตายแล้วก็เลยมาลา และทุกคนเวลาตายแล้วต้องเป็นผี

    เจอคนเล่าเรื่องผีแบบนี้เยอะๆ คุณหมอเชื่อไหม?

    ผมเชื่อ เพราะเรื่องผีคือเรื่องแรกๆ ที่ผมศึกษาเลย ผีมีจริงไหม ตายแล้วไปไหน คือตอนที่ผมเข้าเรียนเตรียมแพทย์ วิชาที่เกี่ยวศาสนาผมเรียนหมดเลย เพราะผมสนใจ และฝรั่งเองก็พยายามเอาวิทยาศาสตร์มาศึกษาไสยศาสตร์ว่าเป็นยังไง เอาเครื่องมือมาตรวจสอบว่า ทำสมาธิแล้วสุขภาพดีหรือเปล่า ซึ่งเขาพบว่า พอเราทำสมาธิได้ดีแล้ว ชีพจรจะเต้นช้าลง ลมหายใจก็จะลดลง และถ้าคนไหนได้ฌาน คลื่นสมองจะเต้นช้ามาก จากเดิม 40 ครั้งต่อวินาที จะเหลือแค่ 4-5 ครั้งเท่านั้นเอง ซึ่งพอเต้นช้าแบบนี้จะสามารถรับสัญญาณจากสิ่งมีชีวิตระดับอื่นได้ เรื่องแบบนี้แหละที่ฝรั่งมันศึกษา เพราะน่าสนใจ และเขาก็มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เวลามาสอนมีหนังสือให้อ่านเยอะเลยนะ

    คือเขาสอนเรื่องนี้เป็นของปกติ?

    ใช่ ที่สหรัฐอเมริกามีร้อยกว่ามหาวิทยาลัยที่เปิดสอนเรื่องนี้ ผมก็พยายามขอเปิดสอนที่เมืองไทย แต่เขาไม่เอา เขาหาว่าผมบ้า เขาไม่เปิดใจกว้าง ผมก็เลยบอกว่าถ้าบ้าแล้วจบฮาร์วาร์ดมาได้ยังไง และผมก็เป็นคนไทยคนเดียวที่ได้รับรางวัลนักเรียนดีเด่นของที่นั่นด้วย

    ที่สำคัญที่ฮาร์วาร์ดก็สอนเรื่องนี้เป็นปกติไม่เห็นเป็นไรเลย เพราะเขามีคำขวัญว่า ความจริงเท่านั้นที่ทำให้พ้นจากอวิชชาหรือไม่รู้ เพราะหลายๆ อย่างที่เราเชื่อว่าเป็นความจริงแต่มันไม่ใช่ เช่น แต่เดิมเราเชื่อว่าโลกแบน แต่จริงไม่ใช่ โลกมันกลมต่างหาก หรือโลกไม่ได้เป็นศูนย์กลางแต่หมุนรอบดวงอาทิตย์เราถึงต้องหาทางพิสูจน์ไง

    กลับมาที่เรื่องผีต่อดีกว่า คุณหมอมีวิธีศึกษาเรื่องนี้อย่างไรบ้าง?

    ผมถามผู้รู้ อย่างตอนแรกเลยก็ถามคุณน้า แล้วก็มีพวกพระซึ่งท่านก็มักจะบอกว่าจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่เรา นอกจากนั้นก็หาหนังสือมาอ่าน แต่อย่างว่าอยู่เมืองไทยของแบบนี้ก็หายาก ขณะที่พอไปอยู่อเมริกาหาง่ายมากเลย อะไรๆ มันเปิดไปหมด ทั้งทีวี วิทยุ โปรแกรมไล่ล่าผีก็มี แล้วสมัยนั้นเครื่องมือก็ไม่มีพร้อม แต่เขาก็พยายามเข้าทรงบ้าง เล่นผีถ้วยแก้ว ซึ่งอันหลังนี้ ผมก็เล่น ซึ่งเพื่อนๆ จะชอบให้ผมเป็นคนเชิญ เพราะพอผมเชิญทีไร ผีมาทุกทีเลย (หัวเราะ)

    คิดว่าทำไม?

    ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่เขาบอกว่าผมติดต่อกับวิญญาณได้ และที่ฮือฮามากคือ ตอนนั้นผมเป็นแพทย์ฝึกหัดอยู่ที่บอสตัน เราก็ต้องอยู่เวร ช่วงดึกๆ มันไม่มีอะไรทำไง เพื่อนฝรั่งผมก็ไปชวนเล่นผีถ้วยแก้ว ตอนแรกมันเชิญเอง ทำยังไงก็ไม่เข้า มาตอนหลังให้ผมเชิญ วิ่งทุกคืนเลย (หัวเราะ) จำได้ว่ามีตัวหนึ่งบอกว่าเป็นเจ้าหญิงแห่งอินเดียแดง

    อย่างนี้เราต้องมีวิธีเชิญแบบไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า?

    (ส่ายหน้า) แค่ทำสมาธินิดหน่อยก็ติดต่อได้แล้ว คือก่อนอื่น เราต้องทำจิตให้สงบก่อน เพราะเรื่องนี้สำคัญมาก ทำสมาธิให้ได้สมถกรรมฐาน ซึ่งบางคนไม่รู้นะว่าทำแล้วจิตสงบหรือยัง แต่ที่ฮาร์วาร์ดเขาพัฒนา มีกระดาษพิเศษติดที่มือ ไว้วัดพลังจิต ซึ่งถ้าจิตสงบ เส้นเลือดฝอยที่มือมันจะขยายขึ้น กระดาษก็จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว ส่วนเราก็ทำสมาธิไป บอกตัวเอง จิตสงบๆ แล้วก็ค่อยเหลือบตาดูว่า กระดาษเปลี่ยนหรือยัง

    แต่ถ้าเราอยากจะติดต่อหรือสัมผัสวิญญาณได้ ก็ต้องฝึกต้องศึกษาเพิ่มเติม อย่างผมก็ศึกษาอยู่กับหลายอาจารย์เหมือนกัน เพราะจิตต้องสงบมากๆ คือทางพระเขาบอกว่าต้องได้ฌาน 4 ขึ้นไปถึงจะเห็นวิญญาณได้

    เท่าที่ศึกษามา ความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับวิญญาณคืออะไร?

    เอาง่ายๆ คือคนปกตินี้อยู่ในมิติที่สาม คือ กว้าง ยาว ลึก แต่เราควบคุมเวลาไม่ได้ แต่พอเราตายปุ๊บ เราไปอยู่ในมิติที่สี่ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ นี่แหละ แต่มันไม่เหมือนมิติที่สาม เพราะพวกผีอยากจะไปไหน พอนึกปุ๊บก็ไปอยู่เลย แล้วเราเองก็มองเขาไม่เห็น เพราะผีไม่มีวัตถุ มีแต่พลังงาน ซึ่งหากมีมากก็อาจเปลี่ยนส่วนหนึ่งเป็นวัตถุให้เราเห็นตัวได้ อย่างคุณแม่ผม (คุณหญิงพิณพากย์พิทยาเภท (จำนงค์ เมืองแมน) อดีตคณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล) ที่ตายไปสิบกว่าปี ผมก็ถ่ายภาพได้ แถมถ่ายที่หอประชุมมหาวิทยาลัยมหิดลอีกต่างหาก

    แสดงว่าที่ผ่านมาก็ถ่ายภาพติดวิญญาณได้เยอะเหมือนกัน?

    เยอะเลย เพราะคนเราตายไปแล้วพลังงานมันเหลืออยู่ แล้วเราก็สามารถใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ถ่ายภาพหรือติดต่อทางจิตได้ อย่าง ศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช (อดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่ ฮ.ตกที่น่าน คนนี้ถือเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิผมเลยนะ ตอนนั้นวันที่ 22 สิงหาคม 2553 เขามีพิธีก็เลยเชิญผมไปที่วัดศรีมหาธาตุให้ดูว่าวิญญาณออกมาจากภูเขาแล้วหรือยัง ผมก็ตั้งจิตอธิษฐานจากนั้นถ่ายรูปตอนกลางคืน ซึ่งก็ถ่ายวิญญาณออกมาได้ (มีวิญญาณอยู่สองจุด เพราะตรงนั้นมีโกศของ ดร.ศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช และสหัส บุญญาวิวัฒน์ อดีตที่ปรึกษาสำนักพระราชวัง)

    รู้ได้ยังไงว่าวิญญาณใครเป็นใคร?

    รู้ครับ เพราะผมทำสมาธิ แล้วเขาบอกเลยว่า ผม...ศักดิ์สิทธิ์ แล้วเขายังฝากให้บอกพวกญาติพี่น้องของคนอื่นๆ ด้วยว่าพวกเราห้าคนออกจากภูเขาหมดแล้ว ผมก็ถามจริงเหรอ เขาก็บอกว่าจริง ไม่เชื่ออาจารย์ถ่ายรูปวิญญาณผมก็ได้ แต่เขาไม่เป็นร่างนะ เป็นวงกลมๆ สีขาวๆ

    วิญญาณแบบไหนที่สามารถถ่ายรูปได้ เพราะบางคนก็ถ่ายออกมาเป็นรูปขาวๆ บางคนก็ถ่ายออกมาเป็นรูปเป็นร่าง?

    มันแล้วแต่ บางคนถ้ามีพลังจิตสูงก็สามารถเปลี่ยนจากพลังเป็นวัตถุได้ คือต้องสูงเท่ากับ E=mc<SUP>2</SUP> แต่แบบนี้ทำไม่ง่ายนะ มีน้อยมาก เพราะที่สหรัฐอเมริกาหรืออังกฤษก็ศึกษาเรื่องนี้กันแยะเลย

    แล้วช่วงอายุของวิญญาณล่ะ ปกติจะอยู่ได้นานแค่ไหน?

    เท่าที่ผมศึกษามา 20 กว่าปี พอตายปุ๊บ จะเหลือแต่ E (energy พลังงาน) เท่านั้นแหละ แต่ m (mass มวล) มันหมดแล้ว ดังนั้น E ก็ต้องไปตามทางของมัน ซึ่งโดยปกติแล้ว วิญญาณจะอยู่ติดอยู่กับร่างจนกว่าจะถูกเผาหรือทำลายไป ประมาณเดือนครึ่งถึงสามเดือน

    อย่างนี้ถ้าเก็บไว้เป็นปี วิญญาณก็ต้องติดอยู่นานเลย?

    ก็แล้วแต่นะ อย่างบางคนไปเลยก็มีนะ ซึ่งเรื่องพวกนี้เคยมีการศึกษาที่ฮาร์วาร์ดเหมือนกันว่าตายแล้วไปไหน แล้วมันฉีดยาเข้าเส้นให้หัวใจหยุดเต้น 5 นาทีเพราะถ้าเกินกว่านั้นสมองจะถูกทำลาย แล้วก็เอากระแสไฟฟ้ายิงที่หน้าอกให้หัวใจเต้นเหมือนเดิม ศึกษากันอยู่ 50-60 คนเลย

    เผอิญเพื่อนผมเขาเป็นคณบดีอยู่ที่นั่น รู้เข้าแกก็เลยเรียกมาประชุมว่าถ้าใครทำอีกจะไล่ออกจากโรงเรียนแพทย์เลย แต่หลังจากนั้นอีกอาทิตย์ก็เรียกคนที่ทดลองมาสัมภาษณ์ว่า เป็นเจออะไรมาบ้าง ปรากฏว่าแต่ละคนบอกว่า พอตายไปแล้วจะถูกพาไปเข้าอุโมงค์ดำ เพื่อไปที่แห่งหนึ่ง แล้วเขาจะไปเจอพ่อแม่พี่น้องที่ตายไปแล้วคอยรับอยู่ แต่ก่อนหน้านั้น จะมีคณะกรรมการตัดสินคล้ายๆ คณะกรรมการยมบาลของเรา เพื่อพิจารณาว่า ทำบุญทำบาปมาเท่าไหร่ โดยทั้งหมดจะถูกบันทึกอยู่ทุกวัน แล้วถึงส่งไปนรกหรือสวรรค์ต่อไป

    แต่ถ้าเป็นการฆ่าตัวตาย วิญญาณจะไปไหนไม่ได้ต้องติดอยู่ตรงนั้นเป็นร้อยปีเลย อย่างครั้งหนึ่ง ผมเคยไปพักที่โรงแรมในจังหวัดอุดรธานี เขาบอกว่าชั้น 5 ผีดุมากเป็นผีแหม่ม เพื่อนผมเนี่ยเจอหนักเลย เพราะตอนที่มันนอนหลับอยู่ จู่ๆ มีคนไปขยี้หัวมัน เป็นแหม่มผมทอง หน้าตาสวย นุ่งขาสั้น กำลังขยี้หัวมันอยู่ แล้วหัวเราะลั่น มันก็เลยวิ่งออกมาแล้วร้อง ผีหลอก! ผีหลอก! ตอนเช้าเราก็เลยไปถามผู้จัดการ เขาก็เลยเล่าให้ฟังว่า ช่วงสงครามเวียดนาม สามีของผู้หญิงคนนี้มาประจำอยู่ที่อุดรฯ แล้วก็ไปมีเมียเช่า แต่เผอิญทั้งคู่แต่งงานกันไม่กี่เดือน แหม่มคนนี้ก็เลยมาเยี่ยมสามีแล้วเจอเมียเช่า ก็เลยน้อยใจ ฆ่าตัวตาย ซึ่งเดี๋ยวนี้คนก็ยังเจอกันอยู่ ไปไหนไม่ได้

    หรืออย่างเรื่องที่ผมเจอเองจริงๆ ก็คือเพื่อนของลูกสาวซึ่งสนิทกับผมมาก แกก็ไปยิงสามีตายเพราะสามีมีเมียน้อย จากนั้นก็ฆ่าตัวตาย แล้วแกก็มีที่นี่ (บ้านของ ศ.ดร.นพ.เทพพนม) ตอนกลางคืนผมก็เลยทดลองอัดเทปเอาไว้ พอเช้าขึ้นมา เปิดดูก็มีเสียงร้องของเพื่อนลูกสาวดังออกมาว่า “พ่อๆ ช่วยหนูด้วย หนูตกนรกลึกเหลือเกิน มืดและทรมานมาก” ซึ่งมันเป็นเรื่องที่แปลกมากเลย เพราะเทปก็ไม่มีใครไปยุ่งแม้แต่คนเดียว แล้วเสียงมันเข้ามาได้อย่างไร

    ที่เล่าก็พอสรุปได้ว่าชีวิตหลังความตายน่าจะมีจริงๆ แล้วเรื่องการกลับชาติมาเกิดล่ะถือว่ามีจริงไหม?

    (พยักหน้า) เรื่องพวกนี้ฝรั่งไม่เชื่อ เพราะโลกนี้มีแค่ 2 ศาสนาเท่านั้นที่เชื่อ คือพุทธกับพราหมณ์ ฝรั่งถึงเชื่อว่าคนในเอเชียเท่านั้นที่มีประสบการณ์เรื่องนี้ อย่างคุณพ่อผม (หลวงพิณพากย์พิทยาเภท (ศ.นพ.พิณ เมืองแมน) อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข) ก็เคยมีประสบการณ์มาก่อน คือท่านเป็นลูกคนสวน ไม่ใช่คนร่ำรวยอะไร แต่พอท่านพูดได้ก็จะบอกตลอดว่า ชาติก่อนหนูเกิดเป็นฝรั่งอเมริกัน แต่ชาตินี้ไม่รู้ทำไมถึงมาเกิดอยู่ที่นี่ แล้วโตขึ้นฉันจะไปหาญาติฉันที่อเมริกาและจะไปเรียนไปทำอะไรที่นั่นด้วย พวกญาติได้ยินก็หัวเราะกันหมดเลยว่าจะไปเรียนได้ยังไง เพราะสมัยก่อนคนจะไปเรียนเมืองนอกได้ต้องเป็นเชื้อพระวงศ์หรือต้องเป็นขุนนางเท่านั้น ขณะที่ปู่เองก็เป็นคนธรรมดาสามัญ ไม่ใช่คนเฉลียวฉลาดอะไร

    ไม่เพียงแค่นั้น ท่านยังเล่าให้ฟังอีกว่า สมัยเป็นคนอเมริกันตอนตายเขาให้มายืนเรียงแถวแล้วมีน้ำให้กินลืมความจำในอดีต แต่ท่านไม่อยากลืม ดังนั้น พอเขาเอาน้ำใส่ปาก ท่านก็อมไว้พอผ่านไปก็บ้วนทิ้งๆ ท่านเลยจำได้ ซึ่งพอโตขึ้นท่านก็เรียนสวนกุหลาบฯ ได้ที่ 1 ประเทศไทย และสุดท้ายก็ได้ทุนของในหลวงไปเรียนแพทย์ที่อเมริกาจริงๆ

    ตอนที่คุณพ่อเล่าให้ฟัง คุณหมอเชื่อหรือเปล่า?

    ตอนแรกผมไม่สนใจอะไรมากนัก (หัวเราะ) มาสนตอนหลังจากเรียนจบจากอเมริกาแล้ว คือตอนนั้นท่านก็เล่าต่อนะว่าช่วงที่เป็นนายกสมาคมค้นคว้าทางจิตฯ ก็มีฝรั่งให้เงินสิบล้านเหรียญมาให้ศึกษาเกี่ยวกับเด็กที่ระลึกชาติได้ว่า เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องตลก แต่โดยส่วนตัวเขาก็ไม่เชื่อนะ เพราะเขาเป็นคริสต์ เขาเชื่อว่าชีวิตของคนเป็นเส้นตรง พอเกิดมาโตขึ้น มีลูกมีเต้าแล้วก็ตาย พอตายแล้วก็ไปรอวันสิ้นโลก แต่พอมีคนบอกว่าชีวิตมันไม่ใช่เส้นตรง แต่เป็นวงรี เวียนว่ายตายเกิด เขาก็เลยสนใจ

    หลังจากนั้นเขาก็ตั้งคณะกรรมการมาศึกษาในหกทวีป แล้วให้คุณพ่อรับผิดชอบในทวีปเอเชีย โดยให้เลือกเด็กอายุหกถึงเจ็ดขวบพอพูดได้ เพื่อจะได้ไม่มีคนสอนให้พูดแบบนั้นแบบนี้ เลือกมาทวีปละพันคน ใช้เวลาประมาณสองปี

    ผลปรากฏว่าทุกทวีปพบเด็กทั้งชายทั้งหญิงที่เริ่มพูดได้ที่อ้างว่า ชาติก่อนชื่ออะไร เกิดเมื่อไหร่ ที่ไหน ปีอะไร ตายเมื่อใด หมดเลย แต่ฝรั่งมันก็ไม่ยอมเชื่อนะ ก็เลยต้องทำแบบสอบถามต่อว่าจริงเท็จแค่ไหน เพราะนี่เป็นวิทยาศาสตร์แล้ว ผ่านไปอีกสามปี ก็พบว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ปรากฏว่าเป็นความจริง คราวนี้ฝรั่งตกใจเลย เพราะมันแสดงว่าชีวิตไม่ได้เป็นเส้นตรง และมันยังทำให้ปรากฏการณ์นี้ไม่ธรรมดา แต่เป็นยูนิเวอร์แซล (เรื่องสากล) คือไม่ใช่แค่ในเอเชียอย่างที่เข้าใจก่อน เพราะที่อเมริกาใต้ซึ่งเป็นคริสต์ก็เจอเด็กระลึกชาติได้ ที่ตะวันออกกลางซึ่งเป็นมุสลิมก็พบเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จึงไม่ได้เกี่ยวกับศาสนาแล้ว

    และนี่จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ฝรั่งสนใจเรื่องพระพุทธศาสนาแยะ เพราะท่านเป็นคนที่ออกมาบอกว่า มนุษย์ต้องเวียนว่ายตายเกิด ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว และการกระทำของมนุษย์เนี่ย เป็นเครื่องบ่งบอกถึงชีวิตของเขาในชาตินี้และชาติต่อไป ที่สำคัญท่านยังบอกอีกว่า การเวียนแบบนี้ หรือเกิดบ่อยๆ เป็นทุกข์ ดังนั้นหากเราไม่อยากทุกข์ ก็ต้องหาทางออกไปจากวงเวียนนี้ให้ได้

    อย่างนี้คุณหมอเคยเจอเหตุการณ์แบบตรงๆ กับตัวเองบ้างไหม?

    ผมเคยศึกษาเรื่องนี้กับเด็ก 300 กว่ารายนะ มีอยู่รายหนึ่ง ชื่อเด็กหญิงจินตนา แกเกิดที่สลัมคลองเตยและยากจนที่สุด แต่เผอิญแกจำอดีตชาติได้ เพราะแกจะบอกกับพ่อแม่ที่ยากจนมากตลอดว่า ชาติก่อนหนูรวยมาก ชื่อกิมลั้งเป็นเศรษฐีอยู่ที่ชลบุรี แล้วมีอยู่วันหนึ่งแม่ก็พาลูกสาวก็ไปทำบุญที่วัดมหาธาตุ ก็เลยได้เจอกับแม่ชีคนหนึ่งชื่อ แม่ชีจันทร์ ซึ่งเป็นเพื่อนกันในชาติที่แล้ว พอไอ้นี่ไปเห็นก็ไปดึงผ้า แล้วบอกจันทร์จำฉันได้ไหม ฉันกิมลั้ง ฉันกลับมาเกิดอีกแล้ว

    แม่ชีก็เลยสนใจ แต่แกไม่เชื่อก็เลยทดสอบดูว่าแม่กิมลั้งมีลูกกี่คน ชื่ออะไร ปรากฏว่าเด็กมันรู้หมด เขาก็เลยมาบอกที่สมาคมฯ เราก็เลยพาไปที่บ้านแม่กิมลั้งซึ่งตายมาตั้งนานแล้ว ซึ่งบ้านแกก็ใหญ่มากจริงๆ

    พอไปถึง ลูกเขาก็ไม่เชื่อนะ ก็เลยทดสอบโดยการเอาปากกา แว่นตาอะไรเต็มไปหมดวางไว้บนโต๊ะ ผมยังเอาปากกาตัวเองไปวางเลย (หัวเราะ) แล้วให้เลือกมา 10 อย่างว่าของชิ้นไหนเป็นของแม่กิมลั้ง พอเด็กเข้ามาก็เดินยิ้มมาเลย แล้วบอกว่าทำไมฉันจะไม่รู้ ก็ฉันคือกิมลั้ง จากนั้นก็ดึงๆ ออกมาปรากฏว่าถูกหมดเลย

    หลังจากนั้นก็มีการทดสอบอีกเต็มไปหมดเลย เช่นโฉนดมีอะไรบ้าง เครื่องเพชรชุดนี้มอบให้บ้าง คนนี้ชื่อจริงว่าอะไร ชื่อเล่นว่าอะไร ซึ่งก็บอกถูกเหมือนกัน ทำอยู่ทั้งวัน จนมั่นใจว่าใช่แน่นอน

    คราวนี้เด็กก็เลยสงสัยว่า ทำไมชาตินี้ถึงเกิดมายากจน เพราะชาติก่อนแกทำบุญเยอะมาก โรงพยาบาลต่างๆ ออกเงินช่วยเป็นล้านๆ เลย เผอิญวันนั้นเราก็นิมนต์หลวงพ่อสมชาย (พระวิสุทธิญาณเถร (สมชาย ฐิตวิริโย) ประธานสงฆ์วัดเขาสุกิม) มาด้วย ท่านก็เลยถามเด็กว่า “โยม ชาติก่อนจำได้ไหมว่า เงินที่ทำบุญสร้างโรงพยาบาล สร้างวัดอะไรเยอะแยะ เป็นเงินมาจากไหน” แกก็บอกว่าจำได้ เงินมาจากซ่อง มาจากบ่อนการพนัน เงินมาจากเอาเหล้าฝรั่งหลบนี้เข้า มาจากที่ไม่ดีทั้งนั้นเลยนะ ท่านก็เลยบอกว่าเงินเป็นสิบๆ ล้านแต่ได้มาจากความเดือดร้อนของผู้อื่น เพราะฉะนั้นพอมาทำบุญมันก็เลยได้น้อย เพราะต้องไปชดใช้กรรมที่เคยทำคนอื่นเข้าไว้ ก็เลยไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมหนูถึงเกิดขึ้นมาในครอบครัวที่ยากจนที่สุด

    หลังจากนั้น ครอบครัวก็เลยอยากจะออกเงินให้แก 10 ล้านส่งเรียนให้จบ แต่แกไม่รับ บอกว่าจบ ปวส.พอมีพอกิน แล้วขอชดใช้กรรมในชาตินี้ให้หมดแล้วกัน เพราะถ้าหนูรับเงินของท่านก็ต้องไปชดใช้ในชาติต่อไป

    แสดงว่า คำพูดที่บาปกับบุญมันลบล้างกันไม่ได้ก็เป็นเรื่องจริง?

    ใช่ๆ ตอนนั้นผมว่าแกคงเข้าใจว่า ทำบุญเยอะน่าจะช่วยลบล้างบาปที่ทำไว้ได้ แต่จริงๆ มันทดแทนกันไม่ได้

    หลังเรื่องชีวิตหลังความตาย คุณหมอศึกษาเรื่องอะไรต่อ?

    ผมศึกษาเรื่องมนุษย์ต่างดาว คือตอนที่อยู่สหรัฐฯ ผมไปเจอจานบินลอยอยู่ 2 ลำที่มลรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาได้ยังไง แต่ก็ทำให้เรารู้ว่ามันมีอยู่จริงๆ ก็เลยเริ่มสนใจศึกษาตั้งแต่นั้นมา

    มีวิธีศึกษาอย่างไรบ้าง?

    ศึกษาทางจิตเนี่ยแหละ ผมทำสมาธิอยู่ตั้ง 3-4 ปี จนสุดท้ายก็ติดต่อได้ ซึ่งเขาก็บอกว่ามาจากดาวอังคาร

    เขาพูดภาษาไทยเลย?

    ไม่ๆ เขามีภาษาของเขา แต่เขาสามารถพูดภาษาไทยก็ได้ หรือจะพูดทางจิตก็ได้ แล้วเราจะรู้เลยว่าหมายความว่าอย่างไร เพราะฉะนั้นข้อจำกัดเรื่องภาษาไม่เป็นปัญหา คือมันจะเหมือนว่าเขามีเครื่องแปลภาษาที่แปลภาษาได้ทั่วจักรวาล พอเขาเพ่งทางจิตเข้าไปมันจะออกเป็นภาษาต่างๆ ได้เลย

    ตอนที่คุณหมอเจอ รูปร่างเขาเป็นอย่างไร?

    เขามาได้หลายรูปแบบนะ บางทีก็มาเป็นเสียงบ้าง มาเป็นตัวบ้าง อย่างตอนที่ผมเจอครั้งแรกมาเป็นรูปร่างให้เห็นกับตาเลย ซึ่งปกติแล้วแบบนี้จะพบได้น้อยสุด เพราะยังมีคลื่นต่างๆ ที่เรายังไม่เห็นอีกเยอะแยะเลย ซึ่งรูปร่างของเขานั้นไม่เหมือนเรา แต่มนุษย์พยายามจะไปกำหนดให้เขาเหมือนเรา ซึ่งมันเป็นไปได้ เพราะเขาอยู่คนละดาว และที่สำคัญเขาไม่มีร่างแบบเรา แต่มีพลังงาน ซึ่งเขาสามารถควบคุมมันได้

    แล้วอย่างตอนที่ผมไปประชุมนาซ่าอยู่ 3 เดือนที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เขาเชิญไปเพราะผมสนใจเรื่องนี้มาสิบกว่าปี และก็มีรูปอะไรเต็มเลย พอประชุมเสร็จคนที่นั่นเขาก็ขอให้ผมช่วยเชิญจานบินมาให้เขาดูหน่อย ตอนกลางคืนผมก็เลยเชิญมา ปรากฏว่าเชิญได้จริงๆ เขาก็เลยถามต่อเลยว่า ทำไมมนุษย์ต่างดาวถึงมาประเทศไทย เพราะเราถือว่าเป็นประเทศกำลังพัฒนา หรือพูดง่ายๆ ว่ายากจน เขาก็บอกประเทศไทยเนี่ย มีดีหลายอย่าง โดยเฉพาะเรามีประตูมิติมากสุด เพราะมนุษย์ต่างดาวจะเข้ามาในโลกนี้ได้ ต้องเข้าทางประตู ซึ่งมีแค่ประเทศไทยกับชิลินี่แหละที่มีมากสุด เขาถึงมาที่ประเทศไทยเยอะที่สุดไง

    จากการศึกษาเรื่องมนุษย์ต่างดาวมากๆ คุณหมอพบว่าเกิดประโยชน์อะไรบ้าง?

    ผมว่ามันทำให้เรารู้ว่า จริงๆ ในจักรวาลนี้มีอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะเลย อย่างเรื่องสิ่งมีชีวิตที่ภูมิปัญญาเก่งกว่ามนุษย์ หรือดีเท่าก็มีอยู่เยอะแยะเลย ขณะที่คนเรากลับเชื่อว่า มีแค่โลกเดียวเท่านั้นที่มีมนุษย์อาศัยอยู่

    ซึ่งถ้าไปลองค้นในพระไตรปิฎกจะพบว่า เมื่อสองพันกว่าปีก่อน เคยมีคนไปถามพระพุทธเจ้าว่า มีคนอยู่ที่ดาวดวงอื่นหรือไม่ ซึ่งท่านก็บอกว่า มีและท่านก็เคยทำสมาธิแล้วไปมาตั้ง 5-6 ดาวแล้ว ถ้าใครอยากรู้มากกว่านี้ให้ไปถามพระโมคคัลนะเพราะท่านมีฤทธิ์ และท่านชอบเรื่องนี้ (หัวเราะ)

    หลังจากนั้น พอผมยิ่งศึกษามากขึ้น โดยไปถามหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) วัดจันทาราม) เพราะผมเป็นลูกศิษย์ท่าน ท่านก็บอกว่า “มนุษย์ต่างดาวมีจริง อาตมาเคยไปมาแล้ว อาตมาเป็นพระไม่โกหกหรอก” แล้วหลวงพ่อสมชายที่เขาสุกิม หรือหลวงพ่อจรัญ ที่วัดอัมพวันก็บอกว่ามีจริงเหมือนกัน

    มนุษย์ต่างดาวเขาเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดไหม?

    เขาบอกว่ามี และพระเจ้าเองก็มีจริงเหมือนกัน โดยมนุษย์แต่ละคนจะมีชีวิตที่ดีหรือไม่ขึ้นอยู่การกระทำของตัวเอง เรื่องนี้ถือเป็นประชาธิปไตยและสำคัญที่สุด ไม่ใช่แค่ทำให้พระเจ้ารักแล้วตัวเองจะได้ดี การกระทำทุกอย่างจะถูกบันทึกไว้หมด แล้วจะถูกตัดสินเองว่าจะเป็นอย่างไรต่อ

    ซึ่งการจะกระทำอะไรนั้น ก็ไม่ควรจะไปสนใจกับอดีตชาติว่าจะเป็นอย่างไร บางคนไปสมาธิแล้วเห็นชาติที่แล้วว่า ตัวเองเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นเจ่งกิสข่าน ก็เลยลอยตัว แต่ชาตินี้ตัวไม่ได้เป็นนั้นแล้ว ผมเคยไปศึกษากับโยคีอินเดียที่ภูเขา 3 เดือน ทุกคนบอกเหมือนกันหมดว่า อย่าไปยุ่งกับอดีต เพราะมันจะทำให้เราหลง ทำชีวิตตอนนี้ให้ดีที่สุด ให้เกิดประโยชน์ที่สุด แล้วชีวิตจะดีเอง ไม่ต้องไปมุ่งอะไรมาก บางคนมุ่งจะไปอยู่ในพุทธภูมิ แต่การจะเป็นพระพุทธเจ้าเป็นยากมากนะ มนุษย์ต่างดาวยังบอกเลยว่า คนหนึ่งต้องใช้เวลากี่ร้อยล้านปีก็ไม่รู้

    แสดงว่ามนุษย์ต่างดาวเองก็มีพระพุทธเจ้า?

    เขาไม่มี แต่เขามีพระผู้เป็นเจ้าที่ดูแลทั้งจักรวาล อย่างนิพพานเราอาจจะถือว่าเป็นมิติที่สูงสุด แต่พวกนี้เขาบอกว่าไม่ใช่ มีมิติที่สูงกว่านี้ เขาบอกว่าพระพุทธเจ้าคล้ายๆ ศาสดาที่ถูกส่งมา

    อย่างตอนนี้ผมกำลังหาทุนให้พระที่ยูซีแอลเอ เพื่อทำด็อกเตอร์ แล้วท่านก็ศึกษาเรื่องที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าว่าเคยพูดเรื่องที่เกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าว่าไงบ้าง ซึ่งผลการศึกษาที่ออกมาก็น่าสนใจมาก เพราะแกไปศึกษาในคัมภีร์ของทิเบตแล้วพบว่า ท่านพูดเรื่องนี้เยอะแยะเลย แต่ว่าพระพุทธศาสนาสายหินยานของเราตัดตรงนี้ออกหมด

    เช่นเดียวกับศาสนาคริสต์ก็เหมือนกัน เพราะมีเรื่องว่าพระเยซูเคยเข้ามาศึกษาในอินเดียตั้งหลายสิบปี พวกอินเดีย พวกทิเบตเรียกท่านว่า เซนต์ อิซซา (St. Issa) พอกลับไปเป็นพระเยซูไม่นานก็ถูกตรึงกางเขน และที่สำคัญท่านก็พูดเรื่องกลับชาติมาเกิดเยอะแยะเลยในคัมภีร์ไบเบิล

    มีโอกาสไหมที่คนเราพอตายไปจะไปเกิดเป็นมนุษย์ต่างดาวบ้าง?

    เป็นไปได้ คือมนุษย์ต่างดาวส่วนใหญ่จะทำบุญไว้เยอะนะ เขาจะมีภูมิเกิดที่สูงกว่ามนุษย์ ซึ่งตรงนี้เกี่ยวกับพลังบุญพลังบาปในตัวว่ามีเท่าไหร่

    แต่จริงๆ ถ้าจะว่าไปแล้ว มนุษย์ต่างดาวก็เคยบอกผมเหมือนกันนะว่า มนุษย์บนโลกนี้ก็เหมือนญาติพี่น้องของเขานี่แหละ เพราะเขาเป็นคนเอามนุษย์มาไว้ที่โลกนี้ ซึ่งมนุษย์ผู้ชายคนแรกของโลกที่ในไบเบิลบอกว่าชื่อ ‘อดัม’ นี้มาจากดาวนายพราน โดยตั้งใจจะให้ร่วมเพศกับมนุษย์วานรซึ่งมีอยู่แล้วบนโลกนี้ เพราะอดัมมันสมองใหญ่กว่าแล้วก็เจริญ ขณะที่มนุษย์วานรมันโง่ ปล่อยได้ปีกว่า ปรากฏว่าอดัมไม่ยอม มันรังเกียจ เพราะว่าโง่กว่าเยอะ สุดท้ายก็เลยต้องส่งมนุษย์ผู้หญิงจากดาวซิริอุสมาให้ร่วมเพศแทน

    แล้วเรื่องอนาคตล่ะ มนุษย์ต่างดาวเคยบอกเรื่องอะไรให้คุณหมอทราบบ้างไหม?

    หลายเรื่อง อย่างช่วงที่จะมีการถอดถอนบิล คลินตันออกจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผมก็ถามเขานะว่าจะรอดหรือเปล่า เขาก็บอกผมล่วงหน้า 6 เดือนเลยว่า อยู่ครบเทอมแน่นอน ซึ่งสุดท้ายก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ หรืออย่างเรื่องสึนามิ เขาก็บอกก่อนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ (เหตุการณ์คลื่นสึนามิถล่มภาคใต้เกิดเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547)

    เรื่องพันธมิตรก็เหมือนกัน ผมรู้จักกับมหาจำลอง (พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ) เพราะเคยเป็นที่ปรึกษาแกสมัยเป็นผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ตอนนั้นจานบินเขาก็เคยมาเตือนผมว่า ให้ไปบอกเพื่อนคุณนะว่ามีอาวุธซ่อนอยู่ใต้ทำเนียบไทยคู่ฟ้าเยอะแยะเลย ให้หาให้เจอคืนนี้ ไม่เช่นนั้นรุ่งขึ้นมหาจำลองก็จะตาย ซึ่งมหาจำลองก็บอกเหลวไหล พอสักครึ่งชั่วโมงโทรกลับมาว่า หมอขอบใจมาก เพราะเจอเอ็มสิบหก 66 กระบอกพร้อมที่จะยิง แล้วก็ลูกกระสุนอยู่หลายลัง ปืนสั้นอีก 30 กระบอก ลูกระเบิดเกลี้ยงอีกหลายลัง

    หรืออย่างล่าสุด เขาก็บอกว่าต่อไปน้ำในทะเลจะสูงขึ้นเรื่อยๆ แล้วในที่สุดกรุงเทพฯ จะหายไป แต่เขาไม่ได้บอกว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ซึ่งตอนนี้เราก็เริ่มเห็นแล้วที่บางขุนเทียน ไม่เชื่อลองไปกินอาหารที่นั่นดูก็ได้ เมื่อก่อนไปกินประจำเลยนะ พอไปถึงเอารถจอดหลังร้านเลย แต่เดี๋ยวนี้ต้องนั่งรถหางยาวไป 20 นาที พอไปถึง เขาก็ถามเลยว่าอาจารย์หายไปไหนมา ผมก็บอกว่าช่วงนี้ผมยุ่ง และผมก็แก่แล้ว อายุตั้ง 75 หลังจากนั้นเขาก็เอาโฉนดให้ดูว่า 20 ไร่อยู่ในทะเลหมดเลย ช่วยซื้อหน่อยซิ (หัวเราะ) แล้วผมก็ถามต่อว่า อย่างนี้กลางคืนต้องให้ลูกน้องเฝ้าหรือเปล่า เขาก็บอกไม่เฝ้า หลัง 4 ทุ่มก็กลับเข้าฝั่งหมด เพราะเดี๋ยวน้ำมันขึ้นสูงก็ตายหมดหรอก

    ศึกษาเรื่องเกี่ยวกับจิตมาหลายปี ถามจริงๆ คุณหมอคิดว่าได้อะไรกับชีวิตบ้าง?

    ผมว่ามันทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น คือเราอยู่ในจักรวาลเราตัวนิดเดียวเท่านั้นแหละ แล้วมันมีอะไรที่สลับซับซ้อนอยู่แยะ วิธีที่ดีที่สุดในการใช้ชีวิตก็คืออย่าไปเบียดเบียนคนอื่นเขา อย่าไปโกงคนอื่นเขา

    ทุกวันนี้ผมก็พยายามชี้ให้พวกนักศึกษามหาวิทยาลัยเห็นว่า มนุษย์นี้บาปบุญคุณโทษมันมีจริง ตายแล้วไม่สูญ ตายแล้วต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก และไปเกิดที่ไหนไม่รู้ เพราะฉะนั้นชาตินี้ก็อย่าพยายามทำบาป ทำความดีไว้เยอะๆ ดีกว่า
    >>>>>>>>>
    ……..

    เรื่อง : สุทธิโชค จรรยาอังกูร
    ภาพ : พงศ์ศักดิ์ ขวัญเนตร
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ลิ๊งค์ที่มาค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,231
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,033
    ขอบคุณคุณNootaค่ะ

    ;k06
     
  3. แม่อ้วน

    แม่อ้วน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +135
    ขอบคุณที่นำบทความนี้มาลง สนใจคณหมอมานานแล้ว
     
  4. mawmee

    mawmee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +622
    ขอบคุณมากค่ะ ได้ข้อมูลอีกเยอะเลย
     
  5. ภวโลกร้อน

    ภวโลกร้อน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    444
    ค่าพลัง:
    +1,272
    เราเกิดมาจากไหน เป็นใคร แล้วข้อสอง เกิดมาที่โลกนี้ เราทำอะไรอยู่ที่นี้ เกิดมาสัก 100 ปีแล้วก็ตายจากไป เคยคิดไหมว่าวัตถุประสงค์ของชีวิตมาอยู่ทำอะไร และข้อสุดท้ายหลังจากนั้นเราไปไหนต่อ

    ..จะนำไปเป็นโจทย์หาคำตอบให้กับตัวเอง..ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่นำเรื่องดีๆมาแบ่งปันค่ะ
     
  6. The-matrix

    The-matrix Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +79
    อาจารย์ใจดีมีเมตตา คุยอย่างเป็นกันเองมากคับ
     
  7. กุญแจไขปริศนา

    กุญแจไขปริศนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    903
    ค่าพลัง:
    +979
    เห็นด้วย ใครว่าฝรั่งเข้าไม่ถึงความจริง อวิชชาอย่าไปดูถูกเชียวนะครับ ทีจะเปิดสอนฝึกสมาธิแนวจิตวิญญาณในไทยไม่อนุมัติหาว่าบ้า ที่ต่างประเทศเค้าเปิดสอนในห้องเรียนอย่างเป็นงานเป็นการ
     
  8. n@kARin

    n@kARin Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +94
    อีกนิส.. นึง


    เกือบแล้วล่ะ
     
  9. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ...ชีวิตมีความลับ...แล้วใครรู้บ้างว่ามันอยู่ที่ไหน?(ขอผู้รู้จริง)
     
  10. SAMMYSUNG

    SAMMYSUNG สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +14
    ผมจะเก็บกระทู้นี้ไว้เตือนสติตัวเองครับ อนุโมทนาสาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...