จัดการวัดห้ามไหว้พระ นำเสนอ ที่ประชุมมส.

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย เฮียปอ ตำมะลัง, 28 กรกฎาคม 2008.

  1. paranyu

    paranyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +122
    ผมไม่เคยเห็นรูป ดาวยูเรนัส ดาวพลูโต
    ผมไม่เคยเห็นรูป อากาศ
    ผมไม่เคยเห็นรูป อิ่ม ฯลฯ
    แล้วผมต้องไม่รู้จักสิ่งเหล่านี้หรือครับ
     
  2. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    อย่าตำหนิกรรมของผู้อื่น
    โดยสมเด็จองค์ปฐม

    [​IMG]
    • หมายเหตุ​
    • อารมณ์คือกระแสของจิต (คลื่นอารมณ์) โดยหลวงพ่อฤาษี​
    • เรื่องจริต ๖ โดยหลวงปู่ตื้อ​
    พิมพ์จากหนังสือ ''ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น''
    หลวงพ่อฤาษี (พระราชพรหมยานมหาเถระ)
    วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี
    รวบรวมโดย : พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
    อย่าตำหนิกรรมของผู้อื่น
    (โดยสมเด็จองค์ปฐม)

    [​IMG]

    ทรงเมตตาสอนไว้เมื่อ ๒๗ กันยายน ๒๕๓๕ พิจารณาแล้วเห็นว่าจะมีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่อ่าน แล้วนำไปปฏิบัติให้เกิดผล มีความสำคัญโดยย่อ
    ดังนี้ในวันนี้ข้าพเจ้าและเพื่อนผู้ปฏิบัติธรรม มองเห็นชายคนหนึ่งที่แพเลี้ยงปลาของวัด​

    [​IMG]

    จับปลาสวายตัวใหญ่ (ปลาของวัดเชื่องมาก) ขึ้นมาจากน้ำ ปลาก็ดิ้นจนหลุด
    จากมือตกน้ำไป เขาก็จับปลาขึ้นมาใหม่ด้วยความสนุกสนาน ในครั้งนี้ปลาดิ้น
    แล้วตกลงที่พื้นกระดานของแพปลา แล้วจึงตกลงไปในน้ำ เมื่อพวกเราเห็นการกระทำ (กรรม) ของเขาก็เกิดอารมณ์ปฏิฆะ (ไม่พอใจ) พูดขึ้นว่า ''บ้า'' อีก

    ท่าน หนึ่งพูดว่า ''ทะลึ่ง'' ซึ่งเป็นการคิดชั่ว พูดชั่ว (สอบตกในมโนกรรม และวจีกรรม ทั้งคู่)

    สมเด็จองค์ปฐมทรงเมตตาตรัสสอนว่า (เพื่อสะดวกในการจดจำ แล้วนำไปปฏิบัติต่อ ขอเขียนเป็นข้อ ๆ) ดังนี้

    ๑. ''เหตุที่จิตมีอุปทาน ยึดเอากรรมของผู้อื่นมาใส่จิตของเรา จึงกล่าว
    เป็นวจีกรรมหลุดออกไป เพราะเหตุไม่รู้เท่าทันอารมณ์ของจิตที่ยึดเอาอุปทานนั้น ๆ (บุรุษผู้สร้างกรรมกับปลา)
    ถ้าไม่ใช่อดีตกรรมส่งผลให้เขาทำกับปลา กล่าวคือ ถ้าไม่ใช่ปลาเคยเป็นคน
    มาแล้วจับคนที่เป็นปลาอยู่อย่างนี้แล้ว กรรมนี้ก็เป็นกรรมปัจจุบัน คือ มี
    อารมณ์ฟุ้งซ่านเหลวไหล เห็นสิ่งที่ไม่เป็นสาระ ว่าเป็นสาระ
    มีอารมณ์พอใจสนุกไปกับการเบียดเบียนปลา จึงสร้างกรรมนี้ให้เกิดขึ้น
    ซึ่งกรรมนี้เมื่อลุล่วงไปแล้ว ก็เป็นกายกรรม อันส่งผลให้เกิดกรรมในอนาคตได้
    กล่าวคือ จะต้องมีชาติหนึ่งในต่อไปข้างหน้า บุรุษนี้ก็จะเกิดมาเป็นปลาสวาย
    และปลานั้น กลับชาติมาเกิดเป็นคนจับเงี่ยงปลาชูให้ดิ้นรน จนกระทั่งตกลงกระแทกแพอีก นี่คือกรรมภายนอก แต่เจ้าทั้งสองเอามาเป็นกรรมภายใน สร้างวจีกรรมให้เกิดเท่ากับเห็นคนผิด เห็นปลาถูก จึงไปตำหนิกรรมอยู่อย่างนั้น​

    ''วจีกรรมคือนินทากับสรรเสริญนั่นเอง"

    [​IMG]

    ๒. ถ้าจิตยังละการตำหนิกรรมไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นมโนกรรม หรือ วจีกรรม

    ก็เท่ากับสร้างผลกรรมให้ต่อเนื่องกันไป ในการตำหนิกรรมไม่รู้จักสิ้นสุด

    ในโลกนี้มัน เป็นวัฎจักรอยู่อย่างนี้ ผิดถูกในโลกนี้ไม่มี มันมีแต่กรรมล้วน ๆ''

    ๓. '' ในเมื่อเจ้าทั้งสองตำหนิกรรมนี้แล้ว พอไปชาติหน้าก็ประสบมาเป็นคน

    จากคนที่เป็นปลาก็ต้องตำหนิกรรมอีก เมื่อมัวแต่ตำหนิธรรม หรือ กรรมของผู้อื่น

    อันสืบเนื่องเป็นสันตติ ประดุจกงกำกงเกวียน หมุนเวียนต่อเนื่องกันไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

    แล้วพวกเจ้าจักเอาชาติไหนมาตัดสินว่า ใครผิด-ใครถูก โลกทั้งโลกมันเป็นอยู่อย่างนี้

    เพราะกิเลส-ตัญหา-อุปทาน-อกุศลกรรมเป็นเหตุ

    ทำให้จิตของคนกระทำกรรม ให้เกิดแก่มโน-วจี และกายได้อยู่เป็นอาจิณ''

    [​IMG]

    ๔. ''เจ้าต้องการพ้นกรรม ก็จงหมั่นปล่อยวาง มองเห็นเหตุแห่งกรรม อะไรจักเกิด

    ก็ต้องคิดว่า กรรมใครกรรมมัน รู้สันตติของกฎแห่งกรรมว่ามันเป็นอย่างนี้

    ถ้าเขาไม่ทำกรรมกันมาก่อน กรรมนี้ก็จักไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นมาได้ ตถาคตจึงได้

    ตรัสยืนยันว่า กรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ เมื่อเรารู้เหตุก็จงดับที่เหตุแห่งกรรมนั้น

    จงอย่ามองว่าใครผิดใครถูก กรรมถ้าไม่ใช่ก่อขึ้นเอง มันก็เกิดขึ้นไม่ได้เองหรอก''

    [​IMG]

    ๕. '' เมื่อพวกเจ้าเข้าใจดีแล้ว ก็จงหมั่นทำจิตให้พ้นจากการตำหนิธรรมเถิด

    ค่อยๆวาง ค่อยๆทำ กายกรรม-วจีกรรม-มโนกรรม ก็จะละเอียดขึ้นตามลำดับ

    กำหนดจิตให้ตั้งมั่นอยู่ในวิมุติธรรม ทำอารมณ์สังขารุเบกขาญาณ ยอมรับนับถือ

    กฎของกรรมให้เกิดขึ้นในจิต ทำบ่อยๆ เข้ามรรคผล ก็จะปรากฎขึ้นเอง

    อย่าละความเพียรเสีย กระทบเท่าไหร่-เมื่อไหร่-ที่ไหนก็ต้องรู้ อย่าตำหนิธรรม

    ให้เกิดขึ้นกับจิต เห็นกรรมที่เป็นสภาวะอย่างนี้อยู่ให้ชัดเจนตลอดเวลาอยู่กับจิต

    ผู้ไม่รู้ย่อมกอปรกรรมให้เกิดด้วยจิตอุปาทานในกรรมนั้นๆ กรรมใดกรรมมัน

    พวกเจ้าอย่าไปเกาะยึดเอากรรมนั้นๆ มาตำหนิเลว เพราะเท่ากับมีอุปาทานเห็น

    กรรมนั้นๆ ว่าดี-เลว เมื่อจิตมีอุปาทานตำหนิดี-เลวจนเป็นมโนกรรม แล้วยับยั้ง

    ไม่อยู่ ก็ออกปากตำหนิดี-เลว จนเป็นวจีกรรมอีก ''

    ๖. " ถ้าบุคคลที่ไม่รู้อุปาทานนี้ ทำกรรมโดยลงแพไปต่อว่า ต่อขานคนที่จับ

    ปลาเข้า ถ้ายังอารมณ์ปฏิฆะให้เกิด ก็จะทะเลาะกัน ดีไม่ดีก็จักทำร้ายร่างกายกัน

    จนเป็นกายกรรมสืบเนื่องต่อกันเข้าไปได้ ดังมีตัวอย่างมามากมาย คนอื่นเขาทะเลาะกัน

    สร้างกรรมกัน คนนอกเข้าไปสอดแทรก ลงมือทำร้ายกรรมการเสียจนตายไป

    ด้วยความหมั่นไส้เพราะฉะนั้น เมื่อพวกเจ้าปรารถนามรรคผลนิพพาน

    ก็ไม่ควรต่อกรรมกันไปอีก

    ยุติการตำหนิกรรมลงเสียให้ได้ ไม่ว่าจักเป็นกายกรรม-วจีกรรม-มโนกรรม

    ก็ต้องยุติลง ใช้ ศีล-สมาธิ-ปัญญา อันเกิดแก่จิต พิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริงใน

    สันตติวงล้อวัฏจักรกรรมว่ามันเป็นอยู่อย่างนี้เอง พยายามทำจิตให้ยอมรับกฏของกรรม

    โทษของกรรมไม่ว่าดีหรือเลวนั้นไม่มี เห็นแต่กงกำกงเกวียนหมุนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด

    จงยอมรับกฎของกรรมซึ่งยุติธรรมที่สุด ใครทำใครได้ อย่าเข้าไปมีหุ้นส่วน

    กรรมกับใครๆเขาโดยการตำหนิกรรม เป็นอันขาด จำไว้นะ ''




    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  3. sasitorn2006

    sasitorn2006 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +4
    [FONT=Tahoma,Bold]
    เรื่องพระรัตนไตรในภาพรวม โดยหลวงพ่อเกษม​
    [/FONT]
    พระรัตนตรัย หรือ พุทธ - ธรรม - สงฆ์ ที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ให้ชาวโลก
    ทั้งหลายได้ศึกษากันนี้ เป็นเพียงวิธีการและทางดำเนินไป คือ อันนี้เป็นวิธีคิดและวิธี
    พิจารณาเพื่อให้เกิดความรู้ รู้จนไม่ยึดในรูปใน - รูปนอก - รูปในใน - รูปในนอก​
     
  4. BRAVA

    BRAVA สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +2
    อย่าเฉไปถึงชาติบ้านเมือง หรือราชประเพณีอะไรเลยคุณ ตอนที่พวกคุณออกมาตำหนิพระ คุณก็อ้างว่าท่านสอนผิด ท่านบิดเบือน พอเอาเข้าจริง คุณไม่มีหลักฐานที่ดีมาสนับสนุนข้อกล่าวหาเหล่านั้นเลย ตอนหลังมาอ้างประเพณี มาอ้างสัญลักณ์ มาอ้งความเป็นอารยะชาติอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ดิฉันก็แย้งตั้งแต่เเรกแล้วว่าที่คุณเชื่อๆกันอยู่น่ะมันก็เเค่ประเพณี มันไม่ใช่ธรรมที่ถูกต้อง พวกคุณก็ค้าน จนต้องง้างพระไตรมาคุยกัน พอจนต่อหลักฐานแล้ว ก็ยังมาเฉไปอีกทางจนได้ คนเรานี่ บางทีก็ไม่ยอมรับความจริง มันก็พูดกันไม่จบอ่ะ เหมือนพูดกับคนเอาแต่ใจอ่ะ เสียเวลา
     
  5. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
  6. PrasertN

    PrasertN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +195
    เถียงกันให้ตายไปทั้งสองข้าง
    ก็ไม่มีใครได้บรรลุ มีแต่ตกนรกกันหมด ด้วยอัตตาของแต่ละฝ่าย
    ตาบอดคลำช้างทั้งนั้น

    ค้นคว้าพระไตรปิฎกมาจนตายก็ไม่บรรลุ เพราะภาษามีจุดอ่อนต้องอธิบายเพิ่มเติมไปตามภูมิรู้แต่ละคน
    กราบพระพุทธรูป หรือ ไม่กราบพระพุทธรูป อีกกี่ชาติ ก็ไม่บรรลุ
    มาปฏิบัติกันเถอะ จะได้รู้ตามพระบรมสุคตว่าสิ่งที่ถูกต้องคืออะไร
    ทุกคนล้วนมุ่งสู่พระนิพานกันมิใช่หรือ
    การเดินทางไปสู่จุดหนึ่งไปได้ทุกทิศทางของจุดนั้นๆ
    เช่นไปกรุงเทพฯ คนอยู่ภูเก็ตก็เดินทางขึ้นเหนือ
    อยู่เชียงใหม่ ก็เดินทางลงใต้
    คนเหนือกับคนใต้จะมาเถียงกันทำไมว่าเดินทางไปคนละทิศกันก็ในเมื่อตั้งใจไปกรุงเทพฯกันทั้งสิ้น
    ทะเลาะกันให้อายคนนอกศาสนาพุทธเปล่าๆ
    คนอยากเรียนพระพุทธศาสนาก็เลยงงว่าอะไรถูกกันแน่ ต้องรอให้ผู้รู้ทั้งหลายเถียงกันให้จบก่อนหรือเปล่า
     
  7. PrasertN

    PrasertN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +195
    ดร.สนอง วรอุไร (ค้นหาประวัติได้ในกูเกิล)
    เคยมองหน้าผม แล้วบอกว่า "อ่านมากก็สัญญามาก"
    (ให้ปฏิบัติ)
    และตอนที่ได้ไปลงชื่อ ให้บรรจุว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
    ท่านบอกว่า พระอริยเจ้าจะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องอย่างนี้ หมายถึง สร้างเหตุให้เกิดภพชาติต่อไป
    ดังเรื่อง อย่าตำหนิกรรมของผู้อื่น ที่คุณ kong sorakrit โพสข้างบน

    สรุปว่า เราเป็นเพื่อนร่วมสังสารวัฏฏ์กัน เลิกทะเลาะกัน เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ใครด่าใครไว้ก็เข้ามาขอขมา ใครถูกว่าก็โพสให้อภัยเสีย
    และกลับไปเร่งปฏิบัติกันเสียให้พ้นทุกข์โดยไวกันเถิด

    ผมกราบขออภัยเพื่อนทุกคนถ้าหากได้เขียนอะไรไว้ที่ทำให้ท่านจิตใจไม่ผ่องใส
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2008
  8. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    เราจะมัวเถียงกันทำไมเปิดพระไตรปิฏกถกกันเลยดีกว่า แต่ตามที่หลวงพ่อกล่าวมานั้นท่านทำถูกแล้ว!!!
     
  9. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
  10. paranyu

    paranyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +122
  11. _เทวะสาวก_

    _เทวะสาวก_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2007
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +292
    อืม รู้ว่าท่านทำถูกแล้ว ยังจะไหว้กันอยู่มั๊ย "ทองเหลืองหล่อ" เนี่ย??...แต่ฉันว่าฉันไหว้นะ ไหว้ทั้งทองเหลือง ไม้ หิน ดิน ทราย หรือวัสดุอะไรก็ตามที่เป็นรูปพระปฏิมา...ในเมื่อไม่มีใครถูก ไม่มีใครผิด ฉันก็จะไม่แย้งใครก็แล้วกัน...เพราะเถียงในบอร์ดมันก็เท่านั้น เวลาที่จะหาข้อโต้แย้งมีเป็นวันๆ เหอะๆๆ...เอาเถอะๆ ถ้าใครอยากจะโต้แย้งกับฉัน ก็สุดแล้วแต่ท่านเถิด ได้ข่าวว่าพวกชอบลองในเว็ปนี้ค่อนข้างเยอะอยู่ไม่น้อย...ฉันเองก็ไม่ใช่พุทธแท้ ฉันก็ไม่รู้หรอก ว่าพุทธแท้เค้าทำอะไรกันบ้างในวันๆๆ และเขากราบหรือไม่กราบพระกันแน่...ฉันเองก็แย้งไปตามความคิดเท่านั้น...
    ในคัมภีร์เต๋า เต็ก เก็ง กล่าวไว้ว่า

    "ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดอ่อนนุ่มกว่าน้ำ
    ทว่าในการรุกเอาชัยเหนือสิ่งที่แข็งแกร่ง
    กลับไม่มีสิ่งใดยิ่งใหญ่กว่าน้ำ
    ไม่มีสิ่งใดทดแทนมันได้
    ความหยุ่นมีชัยต่อความแกร่ง
    ความอ่อนมีชัยต่อความแข็ง
    ไม่มีผู้ใดไม่รู้ แต่กลับไม่ปฏิบัติตาม"

    ...แล้วฉันจะทนแข็งไปเถียงกับท่านเพื่ออะไร...ฉันขออยู่ในแบบของฉันต่อไปก็แล้วกัน...เพราะมันก็ไม่ได้ไปเดือดร้อนใคร...ขอโทษทุกคอมเมนท์ที่ไม่เป็นที่พึงอารมณ์ของทุกๆท่าน...และขอให้ทุกๆท่านจงมีความสุข...เจอกันในหน้าอื่น...สวัสดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2008
  12. lengsg

    lengsg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2006
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +513
    คุณ sasitorn2006<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1394840", true); </SCRIPT> ครับ
    จากข้อความนี้
    ทีนี้เมื่อทุกอย่างดับสนิทแล้ว เราทั้งหลายอธิษฐานใช้พลังของอะไรกัน ?

    ถ้าทุกอย่างดับสนิทแล้ว แล้วการที่เกิดพระธาตุเสด็จ คืออะไรครับ

    ปล.ผมพบเจอกับตัวเองในเรื่องปาฏิหารย์พระธาตุเสด็จครับ


    ในความคิดผมนะ
    ที่ดับแล้วคือกิเลส แต่พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ยังไงก็ไม่มีวันดับครับ​
     
  13. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +2,392
    ดีค่ะ

    จะได้อ่านความรู้ที่มาจากพระไตรปิฎกจริงๆ

    ปกติก็ไม่เคยอ่านหรอก แหะๆ ^^"

    ไม่รู้ด้วยว่าหาอ่านได้ที่ไหน (ปกติชอบอ่านแต่ซุบซิบดารา เรื่องของชาวบ้านชาวช่อง)


    อนุโมทนาที่อ้างอิงพระไตรปิฎกมาให้อ่านกันค่ะ

    ไม่งั้นดิฉันก็คงเป็นเพียงคนไทย ศาสนาพุทธทะเบียนบ้าน โง่ๆ ขูดเลข ขอหวย งมงาย

    ทำบุญเพื่อหวังถูกลอตเตอรี่ซักงวด จะได้ไม่ต้องทำงาน

    ตายไปก็ยังไม่หายโง่ ไม่รู้จะต้องมาเวียนตายเวียนเกิดอีกกี่ชาติกัน


    อนุโมทนาค่ะ
     
  14. sasitorn2006

    sasitorn2006 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +4
  15. BRAVA

    BRAVA สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +2
    ใครข้องใจ เชิญเข้าไปตามลิงค์ ด้านบน ส่วนใครไม่พอใจ ก็ไม่ต้องคุยกันแล้ว ถึงเวลาของคุณ คุณจะเก็ทเอง ป่วยการอธิบาย เหมือนสอนสูตรคูณให้อนุบาล
     
  16. _เทวะสาวก_

    _เทวะสาวก_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2007
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +292
    ฉันเองก็เห็นด้วยตามพระไตรปิฎกนะ...แต่ฉันไม่เก็ท...แล้วฉันก็ท่องสูตรคูณเป็นตั้งแต่อยู่อนุบาล...ถึงแม้ว่าตอนนี้จะจำไม่ค่อยจะได้แล้วก็ตาม เหมือนกับ ก-ฮ ที่ท่องปากเปล่าๆยังไงก็ไม่จบซักที...ก็น่าจะเหมือนกับศาสนา...ที่ช่วงแรกๆนั้นแสนจะรุ่งเรือง สาวกของพระพุทธเจ้าทุกคนล้วนแต่แตกฉานในธรรม...จนกระทั่งเวลาผ่านเลยไป ผู้คนก็เริ่มลืมเลือนคำสอนไปแทบจะหมดสิ้น...ยังดีที่มีพระไตรปิฎกเป็นสิ่งสืบทอด ให้เราๆท่านๆได้รู้จักกับพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์...แต่อย่าลืมว่า ศาสนาพุทธ เคยสูญหายไปจากอินเดียหลายร้อยปี ถ้าไม่มีคัมภีร์ไตรปิฎก ศาสนาพุทธก็คงจางหายไปตามกาลเวลา...แล้วไตรปิฎกเกิดขึ้นมาได้อย่างไรหลังจากศาสนาสูญหายไปหลายร้อยปี?...ก็ไม่รู้เหมือนกัน...แต่ยังไงๆ ฉันก็ยังกราบไหว้พระพุทธรูป (ไม้แกะสลัก) ของฉันอยู่เหมิอนเดิม...ไม่รู้สิ แต่ฉันรู้สึกว่าเวลาฉันไหว้ฉันมีความสุข...แล้วมันก็ไม่ได้ทำให้ใครทุกข์ด้วย...พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสไว้ไม่ใช่หรอ ว่าถ้าทำอะไรแล้วตัวเองและผู้อื่นไม่เดือดร้อนก็จงทำไปเถอะ...ในเมื่อท่านไม่ได้เดือนร้อน ฉันก็จะทำของฉันอย่างนี้แหละ...ขอโทษถ้าคอมเม้นต์ขวางหูขวางตา...แต่ต่างคนต่างความคิด...ฉันเองก็ไม่ได้ยืนขวางความคิดใคร...นอกซะจากจะมีใครมาชนตัวฉันเอง
     
  17. olive36

    olive36 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +152
    [​IMG]

    เพื่อให้ชาติสงบสุข ขอจงไปวัดไหว้พระ ทำบุญตามปรกติคะ
    อีกอย่างอย่าไปเชื่อคำสอนของหลวงปู่ เกษมเลย เพราะจะสับสนเปล่าๆ
    เพราะมันมีทั้ง ส่วนผิด และ ถูก


    ------- อันที่มาจากพระไตรปิฏก หน่ะถูกต้องอ่านแล้วได้ปัญญา***ให้คะแนนการสอนลูกศิษย์ ลูกหา อยู่ในขั้น เกรด A

    +++++แต่อันที่สอนแหวกแนว มีจุดขายแปลกๆ โผล่มาใหม่ๆให้คนสนอกสนใจ
    หน่ะผิด สอนผิดหมดเลย***ให้คะแนนการสอนลูกศิษย์ ลูกหา อยู่ในขั้น เกรด A


    ******เพราะคะแนนการสอนลูกศิษย์ ลูกหา อยู่ในขั้น เกรด A เป็นเหตุให้ บรรดาลูกศิษย์ที่เคารพ รักออกมาแก้ตัว กันเพียบบบบบบบบบบบบบบบบบบ;8;aa21;aa50
     
  18. บัวใต้น้ำ1

    บัวใต้น้ำ1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +32
    อยู่อย่างสงบ..เคารพความเห็นผู้อื่น..(||)
     
  19. BRAVA

    BRAVA สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +2
    ก็บอกตั้งแต่แรกแล้ว นะคุณ ว่าใครคิดไม่เหมือนก็ตามใจ บอกตั้งไม่รู้กี่รอบ ก็กว่าจะเข้าใจได้ แต่ที่ออกมาโพสเนี่ยเพราะเห็นว่าคนที่คิดต่างกับดิฉันเนี่ย ไม่ได้เคารพความเห็นคนอื่นเลย ความจริงเรื่องนี้นะ ถ้าพวกคุณเข้าใจเสียตั้งเเต่เเรก ว่ามันก็แค่ "เชื่อหรือไม่เชื่อ" เเค่นั้น เเต่ที่มันต้องยืดยาวมาขนาดนี้เนี่ย เพราะพวกคุณ เริ่มต้นก่อนด้วยคำว่า "จริงหรือไม่จริง" คุณคิดว่าเป็นการเคารพความคิดคนอื่นเหรอ
     
  20. paranyu

    paranyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +122

    ตามนี้เลยครับ.........
    http://www.samyaek.com/mambo/index.php?option=com_content&task=view&id=621&Itemid=44
     

แชร์หน้านี้

Loading...