"ดารา-นักร้อง" ไม่กลัวนรกกันเลยหรือ ทั้งๆ ที่เป็นชาวพุทธ

เป็นผมคงไม่กล้าจะเสี่ยง ในเมื่ออยู่ในพระไตรปิฎกชัดเจน แต่ก็ยังทำ ทั้งๆ ที่ดาราเหล่านั้นส่วนใหญ่ก็บอกว่าเป็นพุทธ และยังมีไปทำบุญ และหลายคนก็เชื่อเรื่องกรรม แต่กลับทำอาชีพที่น่ากลัวเช่นนี้

หรือเพราะเห็นได้เงินง่าย ได้ชื่อเสียง เลยทำเป็นไม่รู้เรื่อง ทำไม่รับความจริง ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น หวังว่าไปทำบุญจะลบล้างบาปอย่างหนักถึงขั้นลงนรกกันเลยทีเดียว นั่นมันคิดไปเองหรือไม่ หรือคิดว่าคนอื่นก็ทำไม่เป็นไร นั่งมันก็คิดไปเองหรือไม่ บาปกรรมน่ากลัวยิ่งนัก


409 อนาคตของดารานักแสดง

ปัญหา ดารานักแสดงที่ให้ความบันเทิงแก่ผู้อื่นด้วยคำจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง นั้น ตายแล้วจะไปเกิดในสุคติหรือทุคติ?

พระพุทธเจ้าทรงห้ามมิให้หัวหน้านักแสดงนามว่าตาลปุฏะถามคำถามนั้น ถึง ๓ ครั้ง แต่นายตาลปุฏะก็ยังคะยั้นคะยอจะเอาคำตอบให้ได้

พระพุทธองค์ จึงตรัสตอบว่า

พุทธดำรัสตอบ “ดูก่อนหัวหน้านักแสดง แท้จริงเราไม่ได้ อนุญาตให้ท่านถามปัญหานี้ เรากล่าวว่า อย่าเลย หัวหน้านักแสดง เรื่องนี้หยุดไว้เสียเถิด อย่าถามปัญหานี้กะเราเลย แต่เอาเถอะ เราจะตอบปัญหาแก่ท่าน
“ดูก่อนหัวหน้านักแสดง สัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากราคะ ถูกราคะผูกมัดไว้ ยังไม่ปราศจากโทสะ ถูกโทสะผูกมัดไว้ ยังไม่ปราศจากโมหะ ถูกโมหะผูกมัดไว้ อยู่ก่อนแล้ว นักแสดงยิ่งนำเข้ามาซึ่งธรรมอันส่งเสริม ราคะ ส่งเสริมโทสะ ส่งเสริมโมหะแก่ชนเหล่านั้นในท่ามกลางเวที ท่ามกลางโรงมหรสพให้มี ราคะ โทสะ โมหะ มากยิ่งขึ้น บุคคลนั้นตนเองก็ประมาทมัวเมาอยู่แล้ว ยังทำให้คนอื่นประมาทมัวเมาอีก เบื้องหน้าแต่ตายเพราะแตกทำลาย ย่อมเกิดในนรกชื่อปหาส....
“ถ้าเขามีความเห็นอย่างนี้ว่า นักแสดงคนใดทำให้คนหัวเราะ รื่นเริงตามคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง ในท่ามกลางเวที ผู้นั้นเบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ทำลาย ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชื่อปหาส ความเห็นของเขานั้นเป็นความเห็นผิด....”

ตาลปฏสูตร สฬา. สํ. (๕๘๙-๕๙๑)
ตบ. ๑๘ : ๓๗๗-๓๗๘ ตท. ๑๘ : ๓๓๖-๓๓๗
ตอ. K.S. ๔ : ๒๑๔-๒๑๖

 

อยากจะรู้ว่าจะมีวันไหนมีคนเอาธรรมบทนี้ไปออกสื่อให้เป็นกระแส ให้คนไทยรู้กันไปทั่วหรือไม่ เช่น สรยุทธ คิดว่าคงเป็นไปได้ยาก ในเมื่อช่องเหล่านั้นเขาก็ทำธุนกิจบันเทิง มีดารา นักร้องมากมาย แต่เขาว่าเขาเป็นพุทธ เข้าวัดทำบุญ แต่ไม่เว้นบาปข้อนี้ที่ทำให้ลงนรกกันเลยทีเดียว

ผมว่าไม่คุ้มที่จะได้เงินโดยง่าย จำนวนมาก แล้วไปลงนรก ไม่คุ้มจริงๆ

 

อีกอย่างที่เป็นเรื่องน่าเสียดาย คนสมัยนี้มักไม่รับความจริง จะเอาแต่ตนสบายใจ เชื่อในสิ่งที่สบายใจ

ธรรมบทนี้ชัดเจนอย่างยิ่ง แต่จะมีกี่คนที่จะกลับตัวกลับใจ ละทิ้งอาชีพบาป ขนาดเป็นเรื่องของนรกแท้ๆ แท้จริงเราเลือกอาชีพได้ แต่ก็อีกเขาก็มักจะอ้างว่าต้องเลี้ยงดูคนในครอบครัว เลี้ยงดูแล้วเป็นอาชีพบาปจนลงนรก กรรมมันก็เป็นไปตามกฎแห่งกรรม ไม่มีใครจะมาต่อลองกับกรรม มาหาเหตุผลทักท้วงกรรมได้ หรือจะบอกกับกรรมว่าไม่แฟร์ เลี้ยงดูครอบครัว (คนไม่ต้องเป็นดาราก็เลี้ยงดูครอบครัวได้) ต่อให้คุณคิดอย่างไร หาเหตุผลอย่างไรให้รู้สึกดีกับสิ่งที่ทำ กรรมมันใช่จะฟังคุณด้วย คุณสบายใจที่จะคิดไปใน "แง่บวก" แล้วแต่จะหาเหตุผลมาปรุงแต่งให้รู้สึกดีขึ้น หรือแม้แต่ทำไม่คิด เลือกจะไม่รับรู้ แต่ความจริงก็คือความจริง กรรมก็คือกรรม นรกก็คือนรก

 

พวกนักคิดเองเออเอง ก็อาจจะมาบอกว่า ดาราที่เขาทำบุญ เขาทำอาชีพสุจริต จะตกนรกได้อย่าง

จับปลา ตกปลา ฆ่าปลา ในที่ของตัวเอง ตามกฎหมายก็ถือเป็นอาชีพสุจริต แล้วบาปหรือไม่
เลี้ยงสัตว์ ฆ่าเอาเนื้อมาขาย ตามกฎหมายก็ถือเป็นอาชีพสุจริต แล้วบาปหรือไม่
...ตามนี้

หาเหตุผลอย่างไรให้มันดูดี รู้สึกดี แต่บาปก็คือบาปอยู่ดี

 

คนที่บอกตนว่านับถือพุทธ และเข้าใจแก่นของศาสนาจริงๆนั้นมีน้อย
ส่วนมากก็เข้าใจว่าให้ทานมากๆ สละทรัพย์ทางโลกเพื่อตุนทรัพย์ในสุคติภูมิ หวังไปสุคติภูมิ ไม่มีการหวังไปถึงนิพพานความพ้นทุกข์
เมื่อมุ่งเอาแค่ทาน ก็มีความคิดแค่นั้น ยังหลงไหลไปตามกิเลสอยู่ดี ไปไม่ถึงศาสนาพุทธ เพราะการให้ทาน ไม่ใช่เรื่องของศาสนาเลย ทุกคนทุกเชื้อชาติทุกศาสนา ให้ทานได้หมด
ศาสนาพุทธให้อบรม ศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อขัดเกลาจิต ให้จิตสุดท้ายหมดคติ จะได้นิพพาน
ผู้หลงไหลในโลกมายาความบันเทิง คงยากที่จะหมดคติในจิตสุดท้ายได้ แต่ ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ สำหรับผู้ที่คิดได้ และปล่อยวางความหลงระเริงปล่อยใจตามกระแสในอดีตได้ทันเวลา แม้ช่วงปลายชีวิตก็มีสิทธิ์พ้นทุกข์ได้ เช่น องคุลิมาน

 

เขาทำอาชีพของเขาครับ ตามวาระ แต่ถ้าพวกเขามีศีลก็น่าจะดีแล้ว เขาไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใครก็พอแล้วครับ เราดูละครแล้วใช้วิจารณญาณ ใช้สติติดตามดูก็ได้ครับ อะไรดีก็เอามา อะไรชั่วช้าก็เอาใว้เตือนตัวเอง ผมคิดแบบนี้ ที่ผมตำหนิในใจก็พวกที่แต่งตัวไม่สำรวมเดินในที่สาธารณะ ในวัด ซึ่งดาราก็มี คนธรรมดาก็มี ก็แยกแยะไป ลูกสาวผมเองยังแต่งชะผมเองยังต้องดุ

 

พูดอย่างกับว่า ไม่ได้ทำบุญ บริจาคเงิน ทาน ศีล ภาวนา ละ

ไม่ต้องเป็นนักดารา นักแสดงหรอก

เห็นอาชีพอื่นๆ ตกนรกเยอะแยะกว่าอาชีพดาราอีกนะ ครับ มากกว่าดาราตกอีกนะ

จะตกก็เพราะ จิตเศร้าหมอง คอยเพ่งโทษผู้อื่น ไม่เป็นบุญกุศล ก็เตรียมไปลงนรก ครับ

ลองพิจารณาดู
.

 

พุทธดำรัสตอบ “ดูก่อนหัวหน้านักแสดง แท้จริงเราไม่ได้ อนุญาตให้ท่านถามปัญหานี้ เรากล่าวว่า อย่าเลย หัวหน้านักแสดง เรื่องนี้หยุดไว้เสียเถิด อย่าถามปัญหานี้กะเราเลย แต่เอาเถอะ เราจะตอบปัญหาแก่ท่าน"

ไม่เข้าใจก็โปรดอ่านอีกครั้งหนึ่ง

 

ดาราบางคนนับถือคริสต์ด้วยนะ ไม่ใช่แค่พุทธ