ติดตามสถานการณ์ "ซีเรีย" สงครามจะขยายขอบเขตหรือไม่???

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย จริง?หรือ?, 28 สิงหาคม 2013.

  1. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    ขอตั้งกระทู้ใหม่เพื่อรวบรวมและติดตามสถานการณ์ข่าวเกี่ยวกับ "ซีเรีย"ครับ เพราะดูท่าทาง ของหลายประเทศขยับแข้งขากันน่าดู

    ถึงเราจะอยู่ไกลแต่ก็ใช่ว่าไม่มีผลกระทบใดๆ หากเกิดสงครามจริงและขยายขอบเขต และเขตแดนก็เป็นเรื่องใหญ่

    เพราะแค่ออกท่าทางขยับของ สหรัฐ กับ อังกฤษ หุ้นยังตกทองยังขยับขึ้นซะขนาดนี้


    หมายเหตุ//
    ข่าวบางข่าวอาจจะคล้ายๆกันอันเนื่องจากผมนำมาจากหลายๆสื่อ สาเหตุที่ต้องนำข่าวเดียวกันหรือข่าวที่มีเนื้อหาหลักเหมือนกันมาลงซ้ำ เนื่องจากในแต่ละสื่อมักมีการสอดแทรกการวิเคราะห์สถานการณ์ของตัวเองเข้าไปด้วยครับ จึงอยากให้เห็นหลายมุมมองครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 สิงหาคม 2013
  2. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    ประเทศซีเรีย

    ซีเรีย (อังกฤษ: Syria; อาหรับ: سورية‎) หรือ สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย (อังกฤษ: Syrian Arab Republic; อาหรับ: الجمهورية العربية السورية‎) เป็นประเทศในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ มีพรมแดนจากใต้ไปเหนือ ติดกับประเทศเลบานอน ประเทศอิสราเอล ประเทศจอร์แดน ประเทศอิรัก และประเทศตุรกี พรมแดนกับประเทศอิสราเอลยังคงเป็นกรณีพิพาท จนกว่าจะมีการสะสางข้อโต้แย้งที่ยังค้างอยู่ เกี่ยวกับการครอบครองที่สูงโกลัน (Golan Heights)

    ประวัติศาสตร์
    ซีเรียเคยอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส และได้รับเอกราชเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2589 ต่อมาในปี 2513 พันเอก Hafez al - Assad ได้ก่อรัฐประหารยึดอำนาจปกครองประเทศ และในปี 2514 ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของซีเรียจนถึงอสัญกรรมเมื่อมิถุนายน 2543 เดือนต่อมา บุตรชายของอดีตประธานาธิบดี Dr. Bashar Al-Assad ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของซีเรีย


    ซีเรียเป็นประเทศค่อนข้างปิด โดยเฉพาะในสมัยของประธานาธิบดี Hafez al- Assad เป็นประเทศนิยมอาหรับและมีนโยบายต่อต้านตะวันตก และอิสราเอล นอกจากนั้น ซีเรียมีอิทธิพลต่อเลบานอนในด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ ทำให้การเจรจาใด ๆ ระหว่างอิสราเอลกับเลบานอนจะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการเจรจาระหว่างซีเรียกับอิสราเอลด้วย อย่างไรก็ดี การที่ Dr. Bashar Al -Assad ได้รับการศึกษาจากประเทศตะวันตกทำให้เห็นความสำคัญของการปฏิรูปประเทศทั้งในด้านการเมืองและเศรษฐกิจซึ่งอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ และเห็นความจำเป็นต้องเปิดประเทศเพื่อรับการลงทุน และความช่วยเหลือ โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ แต่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาสันติภาพกับอิสราเอล Dr. Bashar Al -Assad คงยึดมั่นนโยบายของบิดา สำหรับความสัมพันธ์กับเลบานอน การถอนกองกำลังอิสราเอลออกจากเลบานอนตอนใต้ เมื่อต้นปี 2543 ได้สร้างแรงกดดันให้ซีเรียทบทวนและพิจารณาความจำเป็นและเหตุผลของการคงกองกำลังของตนประมาณ 30,000 นาย อย่างไรก็ตามในปี 2548 ซีเรียได้ถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากเลบานอนหลังจากเหตุการณ์ลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอนนาย Rafik Al-Hariri


    แม้ซีเรียปฎิรูประบบเศรษฐกิจให้มีความทันสมัยมากขึ้น เช่น การเปิดเสรีธนาคารพาณิชย์ แต่โดยรวมกลไกทางเศรษฐกิจก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ

    การเมือง

    รูปแบบการปกครอง แบบสาธารณรัฐภายใต้การปกครองโดยทหาร (นับแต่ปี ค.ศ.1963) มีประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ เลือกตั้งคราวละ 7 ปี มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ประธานาธิบดีแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี

    ประมุขของรัฐ Bashar al-ASAD (ตั้งแต่ 17 กรกฎาคม 2543)

    หัวหน้าฝ่ายบริหาร นาย Mustafa Mohammed Miro (นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ 13 มีนาคม 2543)

    รัฐมนตรีต่างประเทศ นาย Walid Al-Mualem

    รู้จักประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย

    [​IMG]
    บาชาร์ อัล อัสซาด ผู้นำซีเรีย

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 25 ส.ค. พาไปทำความรู้จักกับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย ผู้นำประเทศเล็กๆบนคาบสมุทรอาหรับ ที่ทั่วโลกกล่าวถึงมากที่สุดตลอดกว่า 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเหตุการณ์ชุมนุมของประชาชนที่ต้องการโค่นอำนาจเขา ซึ่งบานปลายกลายเป็นสงครามกลางเมือง ที่อัสซาดประกาศกร้าวมาตลอดว่า เป็น “เรื่องภายใน” ของซีเรีย “คนนอก” อย่าเข้ามายุ่ง ถ้าไม่อยาก “เจ็บตัว”

    อัสซาดเกิดเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2508 ที่กรุงดามัสกัส เป็นบุตรคนที่ 3 จากทั้งหมด 5 คน ของนายพลฮาเฟซ อัล-อัสซาด ซึ่งปกครองซีเรียมานานเกือบ 30 ปี จนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมในตำแหน่งเมื่อปี 2543 เดิมทีอัสซาดไม่ได้รับการวางตัวจากบิดาให้เป็นผู้สืบทอดอำนาจ ทว่าเมื่อพี่ชายคือ บาสเซล เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ กอรปกับการที่บุตรคนแรกของครอบครัวเป็นบุตรสาว อัสซาดจึงลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ที่เป็นไปในแนวของ “การลงประชามติ” มากกว่า เนื่องจากไม่มีผู้สมัครคนอื่น และแน่นอนว่า อัสซาดได้รับคะแนน “ความเห็นชอบ” จากประชาชนอย่างท่วมท้นกว่า 97%

    สำหรับชีวิตส่วนตัว อัสซาดสมรสกับนางสาวอัสมา อัล-อัคห์ราส ชาวอังกฤษเชื้อสายซีเรีย เมื่อปี 2543 และมีบุตรร่วมกัน 3 คน ทั้งนี้ นอกจากภาษาอาหรับที่เป็นภาษาแม่แล้ว อัสซาดยังสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว และสามารถสนทนาภาษาฝรั่งเศสระดับพื้นฐานได้ด้วย

    แม้จะมีอำนาจล้นมือในทุกด้าน จนสามารถชี้เป็นชี้ตายใครก็ได้ แต่อัสซาดไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมืองมากนัก เขามุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาสมาคมคอมพิวเตอร์ซีเรีย และการขยายการวางโครงข่ายอินเตอร์เน็ทในประเทศมากกว่า แต่ก็ยังไม่วายที่เขาจะสั่งปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ชื่อดังทั้ง “กูเกิ้ล” “ยูทูบ” “เฟซบุ๊ค” และ “วิกิพีเดีย”

    อย่างไรก็ตาม เมื่อองค์กรสิทธิมนุษยชนหลายแห่ง และสื่อต่างชาติอีกหลายสำนัก เริ่มเสนอรายงานตีแผ่การที่อัสซาดตั้งหน่วยตำรวจลับเพื่อจับกุมผู้ที่แสดงตนว่าต่อต้านรัฐบาลมาจำคุก ทรมานร่างกาย หรือสังหารอย่างเหี้ยมโหด หลายฝ่ายเริ่มจับจ้องมายังซีเรีย ซึ่งแน่นอนว่า อัสซาดออกมาปฏิเสธเรื่องราวทั้งหมด

    เวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งถึงวันที่ 15 มี.ค. 2554 ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นการเดินขบวนประท้วงของประชาชนจำนวนมาก เพื่อขับไล่อัสซาดออกจากตำแหน่ง และหยุดการยึดอำนาจในรัฐสภาของฝ่ายรัฐบาล นำโดยพรรคบาธ ( Ba’ath ) ของอัสซาด ที่ครองเสียงข้างมากมานานกว่า 4 ทศวรรษ อย่างไรก็ตาม การชุมนุมเริ่มยืดเยื้อ มีทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนและทหารที่แปรพักตร์ไปร่วมกับฝ่ายต่อต้านมากขึ้น กองทัพรัฐบาลกระจายกำลังลงพื้นที่หลายเมืองทั่วประเทศ เพื่อปราบปรามกลุ่มนักรบฝ่ายต่อต้าน เกิดเป็น “การขัดกันด้วยอาวุธ” ภายในประเทศ หรือสงครามกลางเมืองครั้งใหญ่ ทั่วโลกรุมประณาม ด้านสันนิบาตอาหรับประกาศระงับสมาชิกภาพของซีเรีย

    ขณะที่อัสซาดเริ่มออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ ในตอนหนึ่งของการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เอบีซีของสหรัฐ เมื่อ 2 ปีก่อน ผู้นำซีเรียวัย 47 ปียืนยันว่า รัฐบาลไม่เข่นฆ่าประชาชนของตัวเอง เว้นเสียแต่ว่าจะมี “คนบ้า” เป็นผู้นำ เขายังประณามสหรัฐผ่านสื่อหลายแห่งโดยเฉพาะสื่อของยุโรป ว่ารวมหัวกับฝ่ายต่อต้านและประเทศพันธมิตรตั้ง “แก๊ง” เพื่อมารุกรานประเทศของเขา พร้อมกับประกาศว่า วอชิงตันจะต้อง “ชดใช้” หากใช้วิธีแทรกแซงทางทหาร หรือมอบความช่วยเหลือด้านอาวุธแก่ฝ่ายกบฏ เขาจะสร้าง “ผลกระทบแบบโดมิโน” ให้เดือดร้อนกันไปทั้งหมด

    ผ่านมาแล้วกว่า 28 เดือน รายงานของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ระบุจำนวนผู้เสียชีวิตว่าอยู่ที่อย่างน้อย 100,000 ศพ และมีชาวซีเรียมาขึ้นทะเบียนเป็นผู้อพยพของยูเอ็นแล้วเกือบ 2 ล้านคน สะท้อนให้เห็นว่า วิกฤตสงครามกลางเมืองในซีเรียยังคงยืดเยื้อ และกลับเข้าสู่ภาวะตึงเครียดอย่างหนักอีกครั้ง หลังเกิดเหตุการณ์โจมตีด้วย “อาวุธเคมี” ที่ชานกรุงดามัสกัส เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,300 ศพ โดยส่วนใหญ่เป็นเด็ก

    ฝ่ายรัฐบาลและกบฏซีเรียต่างออกมากล่าวโทษซึ่งกันและกัน แต่ดูเหมือนประชาคมโลกจะพุ่งเป้าไปที่รัฐบาลของอัสซาดมากกว่า ซึ่งหากเป็นจริงก็สอดคล้องกับคำกล่าวของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ที่ว่าฝ่ายดามัสกัส “ล้ำเส้น” และเขาคงต้อง “จัดการ” แต่ยังระวังเลี่ยงการกล่าวเรื่องการแทรกแซงทางทหาร แม้จะมีข่าวว่า เรือพิฆาตของกองทัพเรือสหรัฐเตรียมเคลื่อนเข้าไปประชิดน่านน้ำซีเรีย รอเพียง “ไฟเขียว” จากโอบามาเท่านั้นก็ตาม

    ทว่าการแสดงบทบาทของสหรัฐครั้งนี้อาจไม่สะดวกอย่างที่ผ่านมา “คำเตือน” ของอัสซาดที่ว่า หากสหรัฐหรือยุโรปเข้ามายุ่ง เพื่อนบ้านของซีเรียจะต้องได้รับแรงกระเพื่อม บวกกับการที่เขายืนกรานจะไม่ลาออก เพราะนั่นคือการ “หนี” โดยจะรอให้ชาวซีเรียเป็นผู้ตัดสินเอง ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่ตามกำหนดจะมีขึ้นในปีหน้า และการจะขอตายบนแผ่นดินซีเรียเท่านั้น บางทีอัสซาด ผู้ที่ภายนอกดูนิ่งเฉยมาตลอด แต่ภายในอาจเต็มไปด้วยความคิดที่ “เหนือความคาดหมาย” ก็เป็นได้


    ประเทศซีเรีย - วิกิพีเดีย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 สิงหาคม 2013
  3. พลายวาต

    พลายวาต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +369
    ปัญหาใหญ่คือ มันไม่ใช่แค่สงครามภายในแต่เป็นสงครามตัวแทน (proxy war) ระหว่างสองค่ายใหญ่คือโลกตะวันตกที่มีอเมริกาเป็นผู้นำกับฝ่ายตรงข้ามที่มีรัสเซีย จีน และโลกมุสลิม โดยมีซีเรียเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ

    โอกาศที่สงครามจะขยายตัวเป็นไปได้สูง และลึกๆแล้วผมกลัวว่าสงครามโลกครั้งที่สามมันจะเริ่มาจากตรงนั้นเพราะปัจจัยต่างๆมันเอื้อมาก (ไม่นับถึงพวกคำทำนาย) แรกๆต่างฝ่ายก็คิดว่าจะจำกัดวงของสงครามและความเสียหายได้แต่มันจะไม่เป็นไปดังคาด มันจะไม่เหมือนกับการเผชิญหน้ากันระหว่างอเมริกาและรัสเซียโดยตรงและไม่ซับซ้อนอย่างเมื่อ วิกฤตการณ์ขีปนาวุธที่คิวบา(Cuban Missile Crisis) ในยุคสงครามเย็น ซึ่งสามารถหยุดยั้งได้ทันการณ์จากการตัดสินใจในนาทีสุดท้ายของผู้นำทั้งสองฝ่าย ทำให้โลกไม่ต้องก้าวเข้าสู่สงครามนิวเคลียร์ในยุคนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2013
  4. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    การแบ่งเขตการปกครอง

    ซีเรียแบ่งเป็น 14 เขตผู้ว่าราชการ (governorates - muhafazah) ซึ่งการแต่งตั้งผู้ว่าจะเสนอโดยรัฐมนตรีมหาดไทย รับรองโดยคณะรัฐมนตรี และประกาศโดยพระราชกฤษฎีกา เป็นผู้นำของแต่ละเขต ผู้ว่าจะมีสภาเขตที่ได้รับเลือกมาช่วยเหลือ


    1. ดามัสกัส; ดิมัชก์; อัชชาม (Damascus; Dimashq; ash-Shām)
    2. ริฟดิมัชก์ (Rif Dimashq)
    3. กุเนหหตรา; กุไนตีเราะห์ (Quneitra; Al Qunaytirah')
    4. ดะรา; ดาร์อา (Dara; Dar`a)
    5. อัสซุไวดา (As Suwaydā')
    6. ฮอมส์; ฮิมส์ (Homs; Ḥimṣ)
    7. ตอร์ตูส (Tartous; Tartus)
    8. ลาตาเกีย; อัลลาซีกียะห์ (Latakia; Al-Ladhiqiyah)
    9. ฮะมา (Hama)
    10. อิดลิบ (Idlib)
    11.อะเลปโป; ฮะลับ (Aleppo; Halab)
    12.อาร์รอกเกาะห์ (Ar Raqqah)
    13.ไดร์อัซเซาร์ (Dayr az Zawr)
    14. อัลฮะซะกะห์ (Al Hasakah)
    <a href="http://pic.free.in.th/id/0cd78e5ac7423549fbb7ae0f9b2cefe1" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/ic/130828013555.png" alt="images by free.in.th" /></a>


    ประเทศซีเรีย - วิกิพีเดีย
     
  5. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    เปรียบเทียบอาวุธของกองทัพรัฐบาลซีเรียกับกองกำลังซีเรียเสรี (FSA)

    ภาพกราฟฟิคจากเดอะการ์เดียนแสดงศักยภาพทางอาวุธของทั้งสองฝ่าย
    <a href="http://pic.free.in.th/id/02875ab01562b72901b7ee3afbf77468" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/iz/130828011921.png" alt="images by free.in.th" /></a>
     
  6. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    19-08-2013
    ทีมผู้เชี่ยวชาญยูเอ็นเดินทางถึงดามัสกัส จ่อเริ่มภารกิจตรวจสอบอาวุธเคมีซีเรีย

    คณะผู้ตรวจสอบขององค์การสหประชาชาติเดินทางถึงกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรียแล้ว เตรียมเริ่มภารกิจตรวจสอบหาความจริงว่ามีการนำอาวุธเคมีมาใช้ในสงครามกลางเมืองซีเรียหรือไม่

    รายงานข่าวระบุว่า ทีมผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาตินำโดยอาเก เซลล์สตรอม ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธชาวสวีดิชได้เดินทางถึงยังโรงแรมโฟร์ซีซันส์ในเมืองหลวงของซีเรียแล้ว และเตรียมเริ่มภารกิจในการตรวจสอบนาน 2 สัปดาห์เพื่อค้นหาความจริงว่ามีการนำอาวุธเคมีมาใช้ในซีเรียหรือไม่

    ก่อนหน้านี้ บัน คีมูน เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติชาวเกาหลีใต้ แถลงในวันพุธ (14-08-13) โดยระบุว่าเตรียมส่งคณะผู้เชี่ยวชาญเดินทางเข้าไปตรวจสอบการใช้อาวุธเคมีใน ซีเรีย หลังจากที่ยูเอ็นและรัฐบาลซีเรียบรรลุข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับแผนการตรวจสอบ

    เลขาธิการยูเอ็นยืนยันว่า รัฐบาลซีเรียภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ได้เห็นชอบอย่างเป็นทางการให้คณะผู้ตรวจสอบจากสหประชาชาติเข้าไปปฏิบัติภารกิจในซีเรียได้นานอย่างน้อย 14 วัน และสามารถขยายเวลาได้อีก โดยจะมีการตรวจสอบสถานที่ต้องสงสัย 3 แห่งที่มีรายงานว่ามีการใช้อาวุธเคมีในช่วงก่อนหน้านี้

    หนึ่งในพื้นที่ต้องสงสัยที่ทีมผู้เชี่ยวชาญสหประชาชาติจะเข้าไปตรวจสอบ คือ เขตข่าน อัล-อัสซาล ในเมืองอะเลปโป ที่ทางรัฐบาลซีเรียกล่าวหาว่า นักรบฝ่ายกบฏนำอาวุธเคมีมาใช้ในการสู้รบเมื่อเดือนมีนาคม ส่วนอีก 2 จุดที่ต้องถูกตรวจสอบนั้นยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดที่แน่ชัด ขณะที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียซึ่งเข้ายึดครองเขตข่าน อัล-อัสซาลได้อย่างเบ็ดเสร็จตั้งแต่เดือนที่แล้ว ก็ประกาศพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ต่อทีมผู้เชี่ยวชาญของยูเอ็น

    ก่อนหน้านี้ ทางยูเอ็นได้รับรายงานอย่างน้อย 13 ฉบับเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการใช้อาวุธเคมีในซีเรียโดยในจำนวนนี้ 1 ฉบับ เป็นของรัฐบาลซีเรีย ส่วนที่เหลือมาจากสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ

    โดยรัฐบาลอเมริกันสรุปเมื่อเดือนมิถุนายนว่า กองกำลังของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ใช้อาวุธเคมีจัดการกับฝ่ายต่อต้าน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ล้ำเส้นตามที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา เคยประกาศไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว

    ทั้งนี้ ซีเรียเป็น 1 ใน 7 ประเทศที่ไม่เข้าร่วมเป็นภาคีในอนุสัญญาปี 1997 ว่าด้วยการห้ามใช้อาวุธเคมีอย่างเด็ดขาด

    ขณะที่ข้อมูลของยูเอ็นระบุว่า ความขัดแย้งในซีเรียที่ปะทุขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2011 ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 100,000 คน ขณะที่ชาวซีเรียอีกมากกว่า 1.9 ล้านคนต้องหนีออกนอกประเทศ ส่วนอีกมากกว่า 4.2 ล้านคนต้องเป็นผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ

    [​IMG]
     
  7. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    21-08-2013
    กลุ่มเคลื่อนไหวซีเรียอ้าง รัฐบาลอัสซาดใช้ “อาวุธเคมี” โจมตีฝ่ายต่อต้านรอบดามัสกัส


    นักเคลื่อนไหวจากกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “คณะกรรมการประสานงานท้องถิ่น” รายงานในวันพุธ (21-08-2013) โดยไม่มีการยืนยันความถูกต้องของข้อมูลว่า มีผู้ที่เสียชีวิตจากผลของอาวุธเคมีอย่างน้อย 30 คน ซึ่งร่างของพวกเขาถูกนำไปไว้ที่โรงพยาบาลสนามแห่งหนึ่งในเขตคาฟาร์ บัตนา ทางตะวันออกของกรุงดามัสกัส

    ขณะที่กลุ่มเคลื่อนไหว “ซีเรียน ออบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์ส” ซึ่งมีฐานอยู่ในสหราชอาณาจักร และมีจุดยืนที่เป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลซีเรียออกมากล่าวอ้างเช่นกันว่า มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน รวมถึงเด็กจากการโจมตีของฝ่ายรัฐบาลที่เขต มัวดามิเยาะห์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงดามัสกัส ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ถูกถล่มหนักหน่วงที่สุดนับตั้งแต่เกิดสงครามกลางเมืองในซีเรียที่ดำเนินมายาวนานเกินกว่า 2 ปี

    รายงานข่าวของกลุ่มเคลื่อนไหวดังกล่าว มีขึ้นในจังหวะเวลาเดียวกับที่คณะผู้ตรวจสอบจากองค์การสหประชาชาติกำลังเดินทางเข้ามาในซีเรียเพื่อตรวจสอบว่ามีการนำอาวุธเคมีมาใช้ระหว่างการสู้รบหรือไม่ หลังมีการร้องเรียนทั้งจากรัฐบาลซีเรียเอง รวมถึงสหรัฐฯ อังกฤษ และฝรั่งเศส ที่ต่างอ้างว่ามีหลักฐานการใช้อาวุธร้ายแรงชนิดนี้ในสงครามกลางเมืองซีเรีย

    ทั้งนี้ รัฐบาลซีเรียและฝ่ายกบฏต่างกล่าวหากันไปมาว่า อีกฝ่ายหนึ่งนำอาวุธเคมีมาใช้ในการสู้รบในสงครามกลางเมืองที่ปะทุขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2011 ขณะที่ข้อมูลของสหประชาชาติระบุว่า มีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 100,000 รายจากความขัดแย้งในซีเรีย

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  8. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    22-08-2013
    นานาชาติกดดัน'ซีเรีย'ยอมให้ตรวจสอบข้อกล่าวหาใช้อาวุธเคมีโจมตี


    ซีเรียถูกกดดันหนักหน่วงในวันพฤหัสบดี (22 ส.ค.) ให้ยินยอมอนุญาตคณะตรวจสอบอาวุธของสหประชาชาติเข้าไปเยือนหลายบริเวณของชานกรุงดามัสกัส ที่ถูกฝ่ายต่อต้านกล่าวหาว่ากองทัพรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ใช้อาวุธเคมีเข้าโจมตีในวันพุธ (21) สังหารหมู่ประชาชนจนมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,300 คน ทั้งนี้ ฝ่ายรัฐบาลได้ออกมาปฏิเสธเสียงแข็งว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง แต่คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นก็เรียกร้องความกระจ่างรวมทั้งแสดงความกังวลอย่างยิ่ง ขณะที่ทางด้านฝรั่งเศสประกาศให้นานาชาติต้องตอบโต้เล่นงานทางการดามัสกัสด้วยกำลังหากข้อกล่าวหานี้เป็นความจริง

    กลุ่มพันธมิตรแห่งชาติ (National Coalition) ซึ่งเป็นกลุ่มฝ่ายค้านหลักของซีเรียระบุว่า มีประชาชนเสียชีวิตไปมากกว่า 1,300 คน ขณะเดียวกันก็มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอและภาพถ่าย ซึ่งแสดงให้เห็นสภาพเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตหลายคนตามบ้านเรือน และถูกนำไปวางเรียงรายเป็นจำนวนมากในสถานที่เก็บศพ หลายศพอยู่ในสภาพแขนขาหงิกงอ และบางศพมีของเหลวเหมือนโฟมไหลออกมาจากจมูก บางศพมีน้ำลายฟูมปาก

    จากเหตุการณ์ที่กล่าวหากันคราวนี้ ซึ่งหากเป็นความจริงก็จะกลายเป็นการโจมตีด้วยอาวุธเคมีครั้งรุนแรงที่สุดในโลกนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา ทำให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเปิดการประชุมฉุกเฉินในวันพุธ หลังจากนั้นได้แถลงว่า ต้องการให้เกิดความกระจ่างในเรื่องนี้ คณะมนตรียังเห็นควรให้ติดตามสถานการณ์ในซีเรียอย่างระมัดระวัง รวมทั้งระบุว่า การใช้อาวุธเคมีเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

    นอกจากนั้น คณะมนตรีความมั่นคงขานรับข้อเรียกร้องของเลขาธิการใหญ่ยูเอ็น บัน คีมุน ให้คณะผู้ตรวจสอบการใช้อาวุธเคมีของยูเอ็นที่เพิ่งเดินทางไปถึงซีเรียในวันพุธ เพื่อดำเนินภารกิจอย่างอื่นอยู่แล้ว เข้าตรวจสอบข้อกล่าวหานี้ทันที

    ทางด้านกรุงวอชิงตัน โฆษกทำเนียบขาว โจช เออร์เนสต์ เรียกร้องให้ดามัสกัสเปิดทางให้คณะผู้ตรวจสอบเข้าถึงพยานและเหยื่อโดยไม่มีการแทรกแซงหรือปั้นแต่งหลักฐาน

    ส่วน วิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ แสดงความคาดหวังว่า เหตุการณ์นี้จะทำให้ฝ่ายที่สนับสนุนประธานาธิบดี อัล-อัสซาดตระหนักถึงความโหดร้ายของรัฐบาลซีเรีย

    ขณะที่ โลว์รองต์ ฟาเบียส รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสกล่าวว่า การโจมตีนี้เป็นโศกนาฏกรรมสยองขวัญที่อาจไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลยนับจากสมัยซัดดัม ฮุสเซนในอิรัก และว่านานาชาติควรใช้กำลังตอบโต้ดามัสกัส หากข้อกล่าวหานี้เป็นจริง
     
  9. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    24-08-2013
    ทีวีรบ.ซีเรียรายงาน พบหัวเชื้ออาวุธเคมีในอุโมงค์ลับพวกกบฏ มัดตัวฝ่ายต่อต้านสังหารหมู่พลเรือน “ป้ายสีอัสซาด”


    [​IMG]
    ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ผู้นำซีเรียยืนกรานไม่เคยใช้อาวุธเคมีฆ่าประชาชน


    สถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลซีเรียรายงานในวันเสาร์ (24) โดยระบุว่า กองทัพตรวจพบหัวเชื้ออาวุธเคมีจำนวนมากถูกซุกซ่อนอยู่ในอุโมงค์ของนักรบฝ่ายกบฏในเขตโญบาร์ย่านชานกรุงดามัสกัส ทั้งยังระบุด้วยว่ามีทหารบางนายได้รับแก๊สพิษจนหายใจไม่ออก ถือเป็นรายงานข่าวล่าสุดที่บ่งชี้ว่า เหตุโจมตีด้วยอาวุธเคมีที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากจนเป็นข่าวสะเทือนขวัญไปทั่วโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น มิใช่ฝีมือของฝ่ายรัฐบาลซีเรีย

    ข่าวการตรวจพบหัวเชื้ออาวุธเคมีซุกซ่อนอยู่ในอุโมงค์ที่อยู่ในความควบคุมของนักรบฝ่ายกบฏ ในเขตโญบาร์ในวันเสาร์ (24) ตอกย้ำท่าทีของฝ่ายรัฐบาลซีเรียที่ยืนกรานมาโดยตลอดในช่วงก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลซีเรียจะไม่มีวันใช้อาวุธเคมีในครอบครองกับพลเมืองของตัวเอง

    “เหล่าวีรบุรุษในกองทัพของเราได้เข้าไปในอุโมงค์ของพวกผู้ก่อการร้ายและตรวจพบหัวเชื้ออาวุธเคมี และมีทหารของเราบางคนได้รับแก๊สพิษขณะเข้าไปยังเขตโญบาร์” เนื้อหาตอนหนึ่งในรายงานของสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลระบุพร้อมยืนยันว่า ทางกองทัพกำลังเตรียมเปิดการจู่โจมครั้งใหญ่ต่อพื้นที่ย่านชานกรุงดามัสกัสที่อยู่ภายใต้การยึดครองของฝ่ายกบฏ

    ก่อนหน้านี้ รัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาดได้ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุโจมตีเมื่อวันพุธ (21) และวันพฤหัสบดี (22) ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากนั้น แท้จริงแล้วอาจเป็นฝีมือของฝ่ายกบฏที่ได้รับการหนุนหลังจากต่างชาติและจุดประสงค์ที่แท้จริงของการโจมตีอาจเป็นความพยายามของฝ่ายกบฏที่จะเปิดทางให้มี “การแทรกแซงของต่างชาติ” ในซีเรียโดยเร็ว

    ขณะที่ข้อมูลจากบรรดานักเคลื่อนไหวฝ่ายต่อต้านรัฐบาลต่างอ้างว่า การโจมตีดังกล่าวที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตระหว่าง 500-1,300 คนนั้นเป็นฝีมือของรัฐบาลอัสซาด พร้อมเรียกร้องให้นานาชาติเร่งหาทางยุติความรุนแรงที่ก่อโดยฝ่ายรัฐบาล

    ด้านแองเจลา เคน ข้าหลวงใหญ่ด้านกิจการการปลดอาวุธของสหประชาชาติได้เดินทางถึงกรุงดามัสกัสของซีเรียแล้วในวันเสาร์ (24) เพื่อเตรียมกดดันรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ให้ยอมเปิดไฟเขียวแก่ทีมตรวจสอบของยูเอ็นในการเข้าไปปฏิบัติภารกิจในย่านชานกรุงดามัสกัสเพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับการโจมตีด้วยอาวุธเคมีที่เกิดขึ้น ขณะที่รัฐบาลรัสเซียที่เป็น “มหามิตร”ของระบอบอัสซาดก็ได้ออกคำแถลงเรียกร้องให้รัฐบาลซีเรียให้ความร่วมมือกับสหประชาชาติเช่นกัน

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    แองเจลา เคน (กลางภาพ) ข้าหลวงใหญ่ด้านกิจการการปลดอาวุธของสหประชาชาติได้เดินทางถึงกรุงดามัสกัสของซีเรียแล้วในวันเสาร์ (24) เพื่อเตรียมกดดันรัฐบาลอัสซาด
     
  10. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    24-08-2013
    กลุ่มเคลื่อนไหวซีเรีย-แพทย์ไร้พรมแดนยันยอดเหยื่ออาวุธเคมีถล่มดามัสกัสมีแค่ “หลักร้อย”


    [​IMG]

    กลุ่มเคลื่อนไหวซีเรียน ออบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์ส ซึ่งมีจุดยืนเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลซีเรียเผยในวันเสาร์ (24) ว่ามีผู้เสียชีวิต 322 ราย รวมถึงเด็ก 54 คน และผู้หญิง 82 คน จากเหตุการณ์โจมตีด้วยแก๊สพิษในย่านชานกรุงดามัสกัสในสัปดาห์ที่ผ่านมา

    ขณะเดียวกัน ทางกลุ่มซีเรียน ออบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์ส ซึ่งมีฐานอยู่ที่เมืองโคเวนทรีในอังกฤษยังอ้างว่า พบศพของนักรบฝ่ายต่อต้านหลายสิบราย และมีร่างไร้วิญญาณที่ยังไม่อาจระบุตัวตนได้อีก 16 ศพ

    ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง องค์กรแพทย์ไร้พรมแดน (MSF) ซึ่งมีฐานอยู่ในนครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ เพิ่งออกมาแถลงว่ามีผู้เสียชีวิต 355 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 3,600 คนจากอาการที่คล้ายกับได้รับสารพิษในวันพุธ (21) ซึ่งเกิดการโจมตีโดยอาวุธที่ต้องสงสัยว่าอาจเป็นอาวุธเคมีในพื้นที่แถบชานกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย ซึ่งเป็นข้อมูลที่สวนทางกับคำกล่าวอ้างของเหล่านักรบฝ่ายกบฏที่ระบุอาจมีผู้เสียชีวิตสูงถึง 1,300 คน

    อย่างไรก็ดี บาร์ต ยานส์เซนส์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของกลุ่มแพทย์ไร้พรมแดนไม่สามารถยืนยันได้ว่า การบาดเจ็บล้มตายที่เกิดขึ้นในซีเรียล่าสุดนั้นเกิดจากอาวุธเคมีจริงหรือไม่

    “เราไม่สามารถยืนยันทางวิทยาศาสตร์ได้ว่ามีการใช้อาวุธเคมี” ยานส์เซนส์กล่าว

    ขณะเดียวกันสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในวันอาทิตย์ (25) ว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางทหารของสหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี แคนาดา ตุรกี ซาอุดีอาระเบีย และกาตาร์ เตรียมตบเท้าเข้าร่วมการประชุมที่จะจัดขึ้นในจอร์แดนในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย

    โดยหลายฝ่ายกำลังจับตาว่า เวทีดังกล่าวอาจมีการพิจารณามาตรการใช้กำลังทางทหารต่อรัฐบาลซีเรียภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด
     
  11. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    หลังจากถูกกดดันอย่างหนัก
    25-08-2013
    รบ.อัสซาดยอมเปิดทาง UN ลงพื้นที่ตรวจหลักฐานอาวุธเคมี รัสเซียเตือนมะกันอย่าริอาจโจมตีซีเรีย

    [​IMG]
    ภาพจากสำนักข่าวซานาของทางการซีเรียที่มีการเผยแพร่ในวันอาทิตย์ (25) แสดงให้เห็นแองเจลา เคน ข้าหลวงใหญ่ด้านการปลดอาวุธของยูเอ็นเข้าพบหารือกับวาลิด อัล มูอัลเลมรัฐมนตรีต่างประเทศซีเรียที่กรุงดามัสกัส

    รัฐบาลซีเรียยินยอมในวันอาทิตย์ (25) ให้คณะผู้ตรวจสอบจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) สามารถเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ต้องสงสัยว่ามีการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในกรุงดามัสกัสเมื่อหลายวันก่อนแล้ว ขณะที่รัฐบาลรัสเซียออกโรงเตือนโลกตะวันตกจะต้องเผชิญ “ความผิดพลาดอันน่าเศร้า” หากคิดใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อซีเรีย

    การตัดสินใจล่าสุดของรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด มีขึ้นหลังจากรัฐบาลซีเรียเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากนานาชาติ เนื่องจากทีมตรวจสอบอาวุธยูเอ็นที่นำโดยอาเก เซลล์สตรอม ผู้เชี่ยวชาญชาวสวีดิช ยังคงถูกกีดกันไม่ให้เดินทางลงพื้นที่ต้องสงสัย เพื่อเริ่มการตรวจสอบและหาหลักฐานการใช้อาวุธเคมี ทั้งๆที่เดินทางถึงซีเรียมานานกว่าสัปดาห์แล้ว อี กทั้งที่พักของเหล่าเจ้าหน้าที่ยูเอ็นยังอยู่ห่างจากพื้นที่ต้องสงสัยเพียงไม่กี่กิโลเมตร

    แองเจลา เคน ข้าหลวงใหญ่ด้านการปลดอาวุธของยูเอ็นแถลงที่กรุงดามัสกัสของซีเรียในวันอาทิตย์ (25) โดยยืนยันว่า ได้บรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลซีเรียแล้วเกี่ยวกับการอนุญาตให้ทีมผู้เชี่ยวชาญสามารถ เดินทางเข้าไปยังพื้นที่ต้องสงสัยแถบชานกรุงดามัสกัสได้ทันทีนับตั้งแต่วันจันทร์ (26)

    การยอมเปิดไฟเขียวของรัฐบาลซีเรียครั้งนี้มีขึ้นในจังหวะเวลาเดียวกับที่รัฐบาลสหรัฐฯ และพันธมิตรกำลังตกเป็นข่าวมีเตรียมวางแผนใช้ปฏิบัติการทางทหารโจมตีรัฐบาลซีเรีย โดยใช้ข้ออ้างว่ารัฐบาลดามัสกัสใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่าประชาชนของตัวเองและละเมิดกติการะหว่างประเทศ

    อย่างไรก็ดี รัฐบาลรัสเซียซึ่งเป็น “มหามิตร” ของระบอบอัสซาดออกโรงเตือนสหรัฐฯและชาติตะวันตกจะต้องเผชิญกับ “ความผิดพลาดที่น่าเศร้า” หากคิดใช้กำลังจัดการกับรัฐบาลซีเรีย

    “เราขอเตือนผู้ใดก็ตามที่กำลังพยายามบิดเบือนผลการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญสหประชาชาติ เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อซีเรีย เราขอย้ำว่าการใช้กำลังของชาติตะวันตกต่อรัฐบาลซีเรียจะเป็นความผิดพลาดที่น่าเศร้า” อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชวิช โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แถลงที่กรุงมอสโก ในนามรัฐบาลรัสเซีย

    ในอีกด้านหนึ่ง ราล์ฟ แทร็ปป์ ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านการควบคุมอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพ ออกโรงเตือนรัฐบาลสหรัฐฯและชาติพันธมิตรว่าอย่าเพิ่ง “ด่วนตัดสิน” ว่ามีการใช้อาวุธเคมีในซีเรีย เพียงเพราะอาศัยหลักฐานจากภาพถ่ายและคลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ออกมา เนื่องจากในความเป็นจริงแล้ว การตรวจสอบอาวุธเคมีจำเป็นต้องมีการเก็บข้อมูลในพื้นที่จริงเสียก่อน และต้องมีการเก็บหลักฐานอย่างละเอียดจากร่างผู้เสียชีวิต ผู้ป่วย ตลอดจนต้องรวบรวมข้อมูลจากทีมแพทย์ในพื้นที่

    “ผมขอยืนยันว่า เราจะไม่มีทางยืนยันได้เลยว่ามีการใช้อาวุธเคมี โดยอาศัยเพียงภาพถ่ายและคลิปวิดีโอ” แทร็ปป์กล่าว

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชวิช โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกโรงเตือนชาติตะวันตกจะทำผิดพลาดครั้งใหญ่หากโจมตีซีเรีย
     
  12. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    25-08-2013
    “อังกฤษ” ชี้หลักฐานที่อัสซาดใช้ “อาวุธเคมี” อาจถูกทำลายไปหมดแล้ว


    [​IMG]
    วิลเลียม เฮก รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ


    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษชี้ หลักฐานการใช้อาวุธเคมีโจมตีพลเรือนในซีเรียอาจถูกทำลายไปจนหมดสิ้นแล้ว

    วิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ อ้างถึงกรณีข่าวลือว่ากองทัพซีเรียใช้อาวุธเคมีปราบปรามพลเรือนทางตะวันออกของกรุงดามัสกัสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยระบุว่า “ความเป็นจริงก็คือ หลักฐานการใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชนในครั้งนั้น อาจถูกทำลายไปเกือบหมดแล้ว”

    “หลักฐานที่พอจะเหลือก็คงเสื่อมสภาพไปในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา และส่วนอื่นๆก็อาจจะถูกกลบเกลื่อนแล้วก็เป็นได้” เฮก แถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้(25) ไม่นานหลังจากที่รัฐบาลซีเรียเปิดไฟเขียวให้คณะผู้ตรวจสอบจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เข้าไปสืบหาความจริงเรื่องอาวุธเคมี

    ในวันนี้(26) คณะผู้เชี่ยวชาญยูเอ็นจะลงพื้นที่ซึ่งอ้างว่ามีชาวซีเรียเสียชีวิตเป็นจำนวนมากจากสารพิษทำลายระบบประสาท ขณะที่วอชิงตันชี้ว่าซีเรียอนุญาตให้เจ้าหน้าที่นานาชาติตรวจสอบช้าเกินไป

    เฮก แสดงความกังวลว่า ผู้ตรวจสอบยูเอ็นถูกถ่วงเวลาไว้นานเกินไปจนอาจไม่ได้หลักฐานที่ชัดเจน และย้ำว่า ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด จะต้องรับผิดชอบต่อเหตุสังหารหมู่ที่เกิดขึ้น

    “รัฐบาลอังกฤษมั่นใจว่า ระบอบอัสซาดเป็นฝ่ายใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่าประชาชนอย่างกว้างขวาง” เขากล่าว โดยอ้างข้อมูลจาก “ผู้เห็นเหตุการณ์ และความเป็นจริงที่ว่าพื้นที่ดังกล่าวกำลังถูกฝ่ายรัฐบาลโจมตี ขณะที่มีการพบศพคนตายด้วยอาวุธเคมี”

    “หากรัฐบาลอัสซาดเชื่อว่าเป็นฝีมือกลุ่มอื่น ก็น่าจะปล่อยให้ยูเอ็นเข้าไปตรวจสอบตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว”

    เฮกระบุว่า อังกฤษพร้อมร่วมมือกับประชาคมโลกเพื่อตอบสนองโศกนาฏกรรมในซีเรีย โดยเมื่อวันเสาร์ (24) นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ก็ได้พูดคุยกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ทางโทรศัพท์ และ “ผู้นำทั้งสองเห็นตรงกันว่า นานาชาติสมควรจะมีมาตรการตอบสนองที่รุนแรง”

    เฮกไม่ได้ชี้แนะว่าแนวทางตอบสนองที่ว่าคืออะไร “ด้วยเหตุผลที่ก็ทราบกันอยู่แล้ว” แต่ยืนยันว่า การตอบโต้ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทุกชาติคือสิ่งจำเป็น

    เหตุประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ซึ่งปะทุขึ้นในซีเรียเมื่อกลางเดือนมีนาคม ปี 2011 นำมาสู่สงครามกลางเมืองที่คร่าชีวิตพลเมืองไปแล้วกว่า 100,000 คน ตามข้อมูลยูเอ็น
     
  13. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    26-08-2013
    “อัสซาด” จ้อสื่อรัสเซีย-เตือนสหรัฐฯ “แพ้แน่” หากคิดโจมตีซีเรีย


    [​IMG]
    สำนักข่าวซานาเผยแพร่ภาพถ่ายประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย ขณะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวจากรัสเซียที่กรุงดามัสกัส

    รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย ให้สัมภาษณ์สื่อรัสเซีย โดยเตือนให้สหรัฐฯเตรียมใจรับ “ความพ่ายแพ้” หากคิดส่งทหารโจมตีซีเรีย พร้อมยืนยันว่ากองทัพของเขาไม่เคยใช้อาวุธเคมีสังหารพลเมืองตามที่ถูกกล่าวหา

    หนังสือพิมพ์ Izvestia ซึ่งเอียงข้างรัฐบาลมอสโก นำบทสัมภาษณ์ผู้นำซีเรียมาตีพิมพ์ลงฉบับวันนี้ (26) โดยอ้างคำพูดของ อัสซาด ว่า “ความพ่ายแพ้รอคอยสหรัฐฯอยู่ เช่นเดียวกับสงครามทุกครั้งที่พวกเขาก่อขึ้น ตั้งแต่สงครามเวียดนามเรื่อยมา”

    อัสซาด ชี้ว่า กองกำลังของรัฐบาลซีเรียเพียงแต่อยู่ใกล้ๆ พื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงดามัสกัส ซึ่งกบฏอ้างว่ามีการนำแก๊สพิษทำลายระบบประสาทออกมาใช้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และในวันนั้นก็ไม่ได้มีเส้นแบ่งแนวรบที่ชัดเจน

    “มีรัฐบาลชาติไหนบ้างที่จะกล้าเอาอาวุธเคมี หรืออาวุธทำลายล้างสูงอื่นๆ ออกมาใช้ในสถานที่ซึ่งมีทหารฝ่ายตัวเองอยู่มากมายเช่นนั้น มันฟังดูไม่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว” อัสซาด ให้สัมภาษณ์ที่กรุงดามัสกัส

    “ดังนั้นข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องการเมือง และเหตุผลก็เพราะว่าทหารของฝ่ายเรามีชัยชนะเหนือผู้ก่อการร้ายอย่างต่อเนื่อง”

    อัสซาด กล่าวว่า ข่าวการใช้อาวุธเคมีเป็นข้อกล่าวหาที่ “ไร้สาระ” และ “ไม่มีมูล” ซึ่งสหรัฐฯ, อังกฤษ และฝรั่งเศส พยายามหาข้ออ้างที่จะส่งทหารเข้าโจมตีซีเรียนานแล้ว

    นับตั้งแต่สงครามกลางเมืองซีเรียปะทุขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2011 มอสโกยังคงความเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นที่สุดของ อัสซาด โดยส่งอาวุธเข้าไปช่วยเหลือ และยังใช้อิทธิพลในเวทีสหประชาชาติป้องกันมิให้ซีเรียถูกคว่ำบาตรหนักไปกว่านี้

    เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (25) เพื่อชี้แจงว่า มอสโกรู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่งหากสหรัฐฯคิดจะใช้มาตรการทางทหารกับซีเรีย

    ด้านวอชิงตันเองก็เผชิญแรงกดดันจากนานาชาติให้เร่งตอบโต้การใช้ก๊าซพิษสังหารหมู่ชาวซีเรีย เมื่อวันพุธที่แล้ว (21) เนื่องจากประธานาธิบดี บารัค โอบามา เคยกล่าวเอาไว้ว่า การใช้อาวุธเคมีทุกรูปแบบในซีเรียจะถือเป็นการ “ข้ามเส้น” ที่ต้องได้รับการตอบโต้อย่างรุนแรง

    ผู้ตรวจสอบของยูเอ็นเดินทางลงพื้นที่ซึ่งฝ่ายกบฏซีเรียอ้างว่ามีการใช้อาวุธเคมีแล้วในวันนี้ (26) ขณะที่ชาติตะวันตกเรียกร้องให้มีบทลงโทษต่อฝ่ายที่ก่อเหตุสังหารหมู่ประชาชนด้วยแก๊สพิษครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 25 ปี

    อัสซาด ชี้ว่า ความช่วยเหลือด้านการทหารจากรัสเซียช่วยให้ดามัสกัสยังสามารถต้านทานแรงกดดันจากมาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติได้ โดยมีการทำสัญญากับบริษัทของรัสเซียซึ่งจะจัดส่ง “สินค้าพื้นฐาน” ที่จำเป็นต่อความอยู่รอดให้กับซีเรีย

    อย่างไรก็ดี ผู้นำซีเรียไม่ได้เอ่ยถึงการสั่งซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศรุ่น S-300 จากรัสเซีย ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพในการป้องกันประเทศให้กับซีเรียได้อย่างมาก
     
  14. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    26-08-2013
    “เพาเวลล์” อดีต รมว.ต่างประเทศมะกัน แนะ สหรัฐฯ ควรถอยห่างจากความขัดแย้งในซีเรีย


    [​IMG]
    โคลิน เพาเวลล์ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวว่า สถานการณ์ในซีเรียนั้นเกินกว่ากำลังของสหรัฐฯ จะเข้าไปมีอิทธิพลต่อบทบาทที่สำคัญได้

    ในการปรากฏตัวในรายการ “Face the Nation” ของสถานีโทรทัศน์ CBS เพาเวลล์ กล่าวว่าทั้งสองฝ่ายในความขัดแย้งของซีเรียนั้นสั่นคลอนต่อท่าทีของสหรัฐฯมากเกินไป

    “ทั้งในอียิปต์และซีเรีย อเมริกาต้องเลือกบทบาทที่ชาญฉลาดมากกว่านี้” เพาเวลล์ ชายผู้เคยคาดการณ์ว่าความขัดแย้งในซีเรียจะกลายเป็นสงครามกลางเมือง กล่าว และเขาเสริมว่า “เราไม่ควรถลำลึกไปกับความคิดที่ว่า เราสามารถทำให้มีบางสิ่งเกิดขึ้นได้จริงๆ”

    เพาเวลล์ แนะว่าสหรัฐฯ ควรที่จะรอจนกว่าสงครามจะยุติหรือสงบลง และจากนั้นค่อยเสนอความช่วยเหลือด้วยการฟื้นฟู ตัวเลือกระหว่างประธานาธิบดี บาชาร์ อัล อัสซาด และกลุ่มกบฏมุสลิมหัวรุนแรงที่ทรงอิทธิพลนั้น เป็นตัวเลือกที่ไม่มากพอสำหรับการเลือกข้าง เขากล่าว

    “ผมไม่ได้พิศวาสอัสซาดแม้แต่น้อย ผมเคยติดต่อกับเขา ผมรู้จักเขา และเขาเป็นจอมโกหกที่น่าสังเวช ด้วยความเคารพต่อความสัมพันธ์ของผมกับเขา” เพาเวลล์ กล่าว

    “แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ผมก็มีความมั่นใจต่อการต่อต้านน้อยเหลือเกิน” เพาเวลล์กล่าวต่อว่า “พวกเขาจะสื่ออะไร และมันกำลังจะกลายเป็นการวางรากฐานเพิ่มเติมให้กับพวกอัลกออิดะห์ที่จะเพิ่มเข้ามาอีกหรือไม่ และมันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าพวกเขามีอำนาจขึ้นมาจริงๆ และอัสซาดจากไป ผมเองก็ไม่อาจทราบได้”
     
  15. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    26-08-2013
    UNเริ่มตรวจสอบ'อาวุธเคมี'ซีเรีย ตะวันตกลั่น'สายไป'ยังตั้งท่าโจมตี


    คณะตรวจสอบของสหประชาชาติ ออกเดินทางไปปฏิบัติงานในวันจันทร์ (26 ส.ค.) ในพื้นที่ชานกรุงดามัสกัสซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีการใช้อาวุธเคมี ขณะที่มหาอำนาจตะวันตกแสดงท่าทีโน้มเอียงมากขึ้นในการใช้กำลังลงโทษรัฐบาลซีเรียโดยไม่รอฉันทามติจากคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น ด้านประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดเตือนอเมริกา เตรียมตัวพบความล้มเหลวเช่นเดียวกับสงครามทุกครั้งที่วอชิงตันเปิดฉาก

    รถ 6 คันลำเลียงคณะผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธที่สวมเสื้อเกราะสีฟ้าของสหประชาชาติ เดินทางออกจากโรงแรมที่พักกลางกรุงดามัสกัสเมื่อวันจันทร์ โดยมีรถของกองกำลังรักษาความปลอดภัยและรถพยาบาลร่วมขบวนไปด้วยอย่างละคัน จุดหมายคือเขตกูตา ชานเมืองด้านตะวันออกของกรุงดามัสกัสซึ่งเป็นพื้นที่ยึดครองของกบฏซีเรียที่นักเคลื่อนไหวระบุว่า ถูกโจมตีด้วยจรวดติดอาวุธเคมีเมื่อเช้าวันพุธ (21) ทำให้ประชาชนเสียชีวิตหลายร้อยคน

    แม้ที่สุดรัฐบาลซีเรียยอมให้คณะเจ้าหน้าที่ของยูเอ็นเข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว แต่สหรัฐฯและฝ่ายตะวันตกก็ออกมาระบุว่า เป็นการสายเกินไปเนื่องจากช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพของประธานาธิบดีอัสซาด ได้ถล่มพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเพื่อทำลายหลักฐาน

    เวลานี้นานาชาติยังคงมีความเห็นแตกแยกเกี่ยวกับแนวทางจัดการกับวิกฤตซีเรีย โดยที่ก่อนหน้านี้รัสเซียกับจีนได้ใช้สิทธิ์ยับยั้งมติเกี่ยวกับซีเรียของฝ่ายตะวันตกในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นมาหลายครั้งแล้ว
    [​IMG]

    ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ มีท่าทีลังเลที่จะใช้ปฏิบัติการทางทหารเพื่อปกป้องพลเรือนซีเรีย เนื่องจากเกรงว่า จะถูกดึงเข้าสู่สงครามกลางเมืองอันโหดเหี้ยม เพียงไม่นานหลังจากที่เขานำเอาทหารอเมริกันออกมาจากอิรัก

    กระนั้น หลังจากคลิปและภาพข่าวที่เผยให้เห็นร่างเด็กเรียงรายเป็นทิวแถวที่สื่อทั่วโลกประโคมข่าวเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว เขาจึงถูกชาติตะวันตกอื่นๆ รวมทั้งพันธมิตรอาหรับกดดันอย่างหนักให้ลงมือจัดการกับวิกฤตซีเรีย

    ทางด้าน วิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ ตอบข้อซักถามของบีบีซีว่า เป็นไปได้ที่จะมีการตอบโต้การใช้อาวุธเคมีโดยไม่รอฉันทามติจากคณะมนตรีความมั่นคง

    ส่วนที่ปารีส รัฐมนตรีต่างประเทศ ลอรองต์ ฟาเบียส กล่าวว่า ฝรั่งเศสจะตัดสินใจเกี่ยวกับวิกฤตซีเรียในเร็ววันนี้

    เช่นเดียวกับตุรกีที่ประกาศเข้าร่วมกับพันธมิตรระหว่างประเทศต่อต้านรัฐบาลซีเรีย แม้คณะมนตรีความมั่นคงไม่สามารถบรรลุฉันทามติได้ก็ตาม

    เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ เผยว่า โอบามาซึ่งหารือกับผู้ช่วยระดับสูงด้านความมั่นคงเมื่อวันเสาร์ (24) จะตัดสินใจว่าจะตอบโต้ต่อการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในซีเรียนี้อย่างไร โดยอิงอาศัยข้อมูลอันถี่ถ้วน

    ปีที่แล้ว โอบามาเคยประกาศว่า ตะวันตกจะเข้าแทรกแซง หากกองทัพซีเรียใช้อาวุธเคมี อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวปฏิเสธรายงานของหนังสือพิมพ์เทเลกราฟของอังกฤษที่ว่า ลอนดอนและวอชิงตันมีแผนสนธิกำลังเปิดปฏิบัติการทางทหารต่อกองทัพของอัสซาด “ภายในไม่กี่วันนี้”

    [​IMG]

    ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า แนวโน้มปฏิบัติการที่เป็นไปได้มากที่สุดของสหรัฐฯคือ การโจมตีด้วยจรวดร่อน (ครูซ มิสไซล์) จากเรือรบไปยังเป้าหมายทางการทหารของซีเรียและกองทหารปืนใหญ่ที่มีส่วนในการโจมตีด้วยอาวุธเคมี โดยที่มีเครื่องบินขับไล่ที่ประจำการอยู่นอกอเมริการ่วมปฏิบัติภารกิจด้วย เพื่อลดความเสี่ยงจากการที่กำลังป้องกันอากาศยานของซีเรียอาจเล่นงานนักบินอเมริกันและพันธมิตร

    นอกจากนั้นมีแนวโน้มว่า วอชิงตันอาจขอการสนับสนุนจากพันธมิตรในยุโรปและในอ่าวเปอร์เซีย เนื่องจากค่อนข้างแน่นอนว่า รัสเซียจะพยายามขัดขวางปฏิบัติการทางทหารต่อซีเรีย

    มีรายงานว่านายทหารระดับสูงจากตะวันตกและชาติมุสลิม ซึ่งรวมถึงประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐฯ กำหนดหารือกันเมื่อวันจันทร์เกี่ยวกับผลกระทบจากการเปิดศึกเช่นนี้ที่อาจเกิดกับตะวันออกกลาง

    วันเดียวกัน บัน คีมุน เลขาธิการยูเอ็นกล่าวว่า ต้องเร่งรีบเข้าตรวจสอบข้อกล่าวหาการใช้อาวุธเคมีโจมตีที่ตามรายงานของของกลุ่มแพทย์ไร้พรมแดนระบุว่าทำให้พลเรือนเสียชีวิต 355 คน

    สำหรับด้านอัสซาดปฏิเสธว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นเรื่องทางการเมืองล้วนๆ โดยยืนยันว่า รัฐบาลซีเรียไม่มีทางทำเช่นนั้น เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวก็มีทหารของรัฐบาลอยู่จำนวนมาก

    “ความล้มเหลวรออเมริกาอยู่เหมือนเช่นสงครามทุกครั้งที่อเมริกาเป็นคนก่อ ตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนามจนถึงปัจจุบัน”

    ขณะที่รัสเซีย พันธมิตรเก่าแก่ที่ขายอาวุธให้อัสซาด รับลูกว่า กลุ่มกบฏอาจอยู่เบื้องหลังการโจมตีด้วยอาวุธเคมี และจะเป็นความผิดพลาดร้ายแรงในการด่วนสรุปว่า เป็นฝีมือฝ่ายใด พร้อมแสดงความกังวลและเรียกร้องให้วอชิงตันอดกลั้นจากการยั่วยุให้ใช้ปฏิบัติการทางทหาร

    รัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เกย์ ลัฟรอฟ ของรัสเซีย ยังกล่าวเตือนในขณะหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศจอห์น เคร์รี ของสหรัฐฯ ถึง“ผลสืบเนื่องอันมีอันตรายอย่างยิ่งต่อภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือโดยรวม จากความเป็นไปได้ที่ (สหรัฐฯและฝ่ายตะวันตก) จะมีการเข้าแทรกแซงทางทหารครั้งใหม่”

    ส่วนทางด้านจีนนั้น สนับสนุนให้สหประชาชาติเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นไปตามข้อกล่าวหาหรือไม่ แต่ก็เร่งเร้าให้ดำเนินการตอบโต้ “อย่างระมัดระวัง”
     
  16. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    26-08-2013
    คณะUNเข้าถึงพื้นที่สอบอาวุธเคมี หลังถูกสไนเปอร์ซุ่มยิงจนต้องล่าถอย


    คณะผู้ตรวจสอบของสหประชาชาติเข้าถึงพื้นที่ชานกรุงดามัสกัสซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีการใช้อาวุธเคมีแล้วในวันจันทร์(26) โดยได้เข้าพบแพทย์และพูดคุยกับผู้ได้รับบาดเจ็บ หลังจากก่อนหน้านี้ระหว่างการเดินทางไปถูกพลแม่นปืน(สไนเปอร์) ซุ่มยิงจนต้องกลับฐานบัญชาการ แต่เคราะห์ดีที่ไม่มีใครได้รับอันตราย ขณะที่สองฝ่ายก็รุดออกมากล่าวโทษซึ่งกันและกัน

    "คณะผู้ตรวจสอบพร้อมกับพลเรือนเข้าไปถึงเมืองโมอามิเยต อัล-ชามแล้ว และได้พบกับคณะแพทย์ที่ศูนย์เสี้ยววงเดือนแดง" อาบู นาดิม นักเคลื่อนไหวในจังหวัดดามัสกัสบอกกับเอเอฟีผ่านสไกป์ พร้อมระบุว่าคณะผู้ตรวจสอบเหล่านั้นสวมหมวกป้องกันและเสื้อกันกระสุน มาพร้อมกับหน่วยรักษาความปลอดภัยที่พกพาวิทยุสื่อสาร

    ในวิดีโอที่โพสต์บนโลกออนไลน์ พบเห็นคณะผู้ตรวจสอบอยู่ในโรงพยาบาลชั่วคราวแห่งนึ่ง สวมหมวกป้องกันสีน้ำเงินและพูดกับชายคนหนึ่งเป็นภาษาอังกฤษ โดยแพทย์คอยทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษาให้ นอกจากนี้ยังพบเห็นคณะผู้ตรวจสอบอยู่กับพยาบาลที่กำลังดูแลคนไข้ซึ่งนอนอยู่บนเตียง

    [​IMG]
    เมื่อวันอาทิตย์(25) หรือ 4 วันหลังจากฝ่ายต่อต้านกล่าวหารัฐบาลใช้อาวุธเคมีสังหารพลเรือนไปนับพันชีวิต ทางซีเรียได้อนุญาตให้คณะผู้ตรวจสอบของสหประชาชาติเดินทางลงพื้นที่ต่างๆในอีสเทิร์นโกตาและโมอามิเยต อัล-ชาม รอบนอกกรุงดามัสกัสเพื่อดำเนินการสืบสวน

    ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางแรงกดดันที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆจากชาติตะวันตก ที่กำลังขบคิดถึงความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารเข้าแทรกแซงในซีเรีย ขณะที่คณะผู้ตรวจสอบของยูเอ็นมีเป้าหมายสรุปว่ามีการใช้อาวุธเคมีจริงหรือไม่ แต่จะไม่สืบสวนว่าฝ่ายใดอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีนี้ ขณะที่ทางรัฐบาลดามัสกัสปฏิเสธความรับผิดชอบและโยนข้อกล่าวหากลับไปยังฝ่ายกบฏ

    [​IMG]

    ทั้งนี้ระหว่างการเดินทางลงพื้นที่ของคณะผู้ตรวจสอบของสหประชาชาติในวันจันทร์(26) มีรายงานว่าพวกเขาถูกพลแม่นปืนไม่ทราบฝ่ายดักยิงขบวนรถยนต์ซึ่งรถคันหนึ่งถูกยิงหลายนัด อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยูเอ็นเผยในเวลาต่อมาว่าหลังจากขบวนรถต้องเดินทางกลับมาตั้งหลักช่วงสั้นๆ ก่อนเข้าถึงโรงพยาบาลสนามซึ่งดูแลรักษาเหยื่อโจมตีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นผลสำเร็จ

    มาร์ติน เนเซอร์กี โฆษกของนายบัน คี-มูน เลขาธิการยูเอ็น เผยว่ารถยนต์นำขบวนถูกยิงด้วยอาวุธปืนหลายนัด ระหว่างที่ทีมตรวจสอบพยายามไปยังโกตา ทางตะวันออกของกรุงดามัสกัส ทั้งนี้แม้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่ทางคณะต้องเดินทางกลับออกมาตั้งหลักก่อน

    [​IMG]

    "รถยนต์คันแรกของคณะผู้ตรวจสอบการใช้อาวุธเคมีถูกลอบยิงโดยเจตนาหลายนัดจากพลแม่นปืนในพื้นที่ปะทะ และด้วยรถยนต์ไม่สามารถใช้งานต่อไปได้ ทางคณะจึงเดินทางกลับไปยังจุดตรวจของรัฐบาลอย่างปลอดภัย" เนเซอร์กีกล่าว อย่างไรก็ตามต่อมาทั้งหมดก็ออกเดินทางอีกครั้ง และทางเจ้าหน้าที่ยูเอ็นรายหนึ่งเผยว่าคณะผู้ตรวจสอบเดินทางถึงโรงพยาบาลชั่วคราวโมอามิเยต อัล-ชาม เพื่อดำเนินการเก็บตัวอย่างแล้ว

    สื่อรัฐบาลซีเรีย ประณามกลุ่มก่อการร้ายฝ่ายค้านเป็นฝ่ายก่อเหตุโจมตีขบวนรถของคณะผู้ตรวจสอบของสหประชาชาติ แม้ว่าข้อกล่าวอ้างดังกล่าวจะยังไม่ได้รับการพิสูจน์ ส่วนฝ่ายกบฏก็กล่าวหาว่าเป็นฝีมือของนักรบรัฐบาลที่พยายามขัดขวางไม่ให้สหประชาชาติเข้าไปขุดเจอความจริง

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้วประชาชนกว่าพันคนเสียชีวิตในเหตุโจมตีที่โกตา ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีการใช้อาวุธเคมี โดยชาติตะวันตกกล่าวหากองกำลังของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง แต่ฝ่ายรัฐบาลก็กล่าวโทษไปที่ฝ่ายต่อต้าน
     
  17. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    26-08-2013
    จ่อถล่มซีเรีย! สหรัฐฯ เตือน รบ.อัสซาด มีข่าวเตรียมถล่มด้วยจรวดร่อน


    วอชิงตันเตือนซีเรียเมื่อวันจันทร์ (26) จะต้องเผชิญกับปฏิบัติการตอบโต้ต่อเหตุโจมตีด้วยอาวุธเคมีที่ขัดต่อหลักศีลธรรม ท่ามกลางข่าวสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรเตรียมถล่มด้วยจรวดร่อนและใช้กำลังทหารแทรกแซงโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ความเคลื่อนไหวอย่างมีนัยที่มีขึ้นหลังจากคณะผู้ตรวจสอบของสหประชาชาติลงพื้นที่ชานกรุงดามัสกัสซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีการใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่าประชาชน

    ท่ามกลางรายงานข่าวที่ระบุว่าสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรกำลังเตรียมการการโจมตีด้วยจรวดร่อน (ครูซ มิสไซล์) จากเรือรบไปยังเป้าหมายทางการทหารของซีเรียและกองทหารปืนใหญ่ที่มีส่วนในการโจมตีด้วยอาวุธเคมี นายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ออกมากล่าวหารัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด พยายามปิดซ่อนความจริง

    “ขอผมพูดให้ชัดนะ การสังหารหมู่พลเรือนโดยไม่เลือกหน้า เข่นฆ่าผู้หญิงและเด็ก รวมถึงประชาชนผู้บริสุทธิ์ด้วยอาวุธเคมีนั้น เป็นการกระทำที่เลวทรามผิดศีลธรรม” แคร์รีอ่านถ้อยแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ “ไม่ว่าตามมาตรฐานใดๆ เรื่องแบบนี้มิอาจยกโทษให้ได้ แม้จะมีการแก้ตัวและพูดเล่นลิ้นว่าเป็นการจัดฉาก แต่มันปฏิเสธไม่ได้”

    [​IMG]
    จอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ

    แคร์รีระบุว่า วอชิงตันจะได้รับหลักฐานเพิ่มเติมว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีด้วยอาวุธเคมี และประธานาธิบดีบารัค โอบามา ตัดสินใจแล้วว่าผู้กระทำผิดต้องเผชิญกับผลที่ตามมา “เราได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโจมตีนี้แล้ว ตอนนี้กำลังมีการรวบรวมและทบทวนข้อมูลร่วมกับพันธมิตรของเรา และเราจะให้ข้อมูลเหล่านั้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ประธานาธิบดีโอบามาเชื่อว่าผู้ที่ใช้อาวุธอันชั่วร้ายที่สุดในโลกต่อประชาชนผู้อ่อนแอที่สุดของโลกต้องรับผิดชอบ วันนี้ไม่มีอะไรที่น่ากังวลไปกว่านี้อีกแล้ว”

    คำกล่าวของนายแคร์รี มีออกมาขณะที่คณะผู้ตรวจสอบของสหประชาชาติเดินทางไปเยี่ยมผู้รอดชีวิตจากเหตุโจมตีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในพื้นที่ชานกรุงดามัสกัส ซึ่งองค์การแพทย์ไร้พรมแดนบอกว่ามีผู้เสียชีวิตจากอาการได้รับพิษต่อระบบประสาทอย่างน้อย 355 ศพ ทั้งนี้ระหว่างการลงพื้นที่นั้น ขบวนรถของคณะผู้ตรวจสอบถูกลอบยิงโดยสไนเปอร์ อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้วก็สามารถฟันฝ่าเข้าไปเยี่ยมเหยื่อที่นอนรักษาตัวในโรงพยาบาลชั่วคราว 2 แห่งใกล้ๆ กัน

    ฟาร์ฮาน ฮัก โฆษกของสหประชาชาติบอกว่า “มันเป็นวันที่ก่อประโยชน์อย่างยิ่ง” พร้อมระบุว่าคณะผู้ตรวจสอบที่นำโดยนายอเค เซลล์สตรอม ผู้เชี่ยวชาญชาวสวีเดนสามารถรวบรวมหลักฐานที่มีค่าไว้ได้

    ส่วน บัน คีมูน เลขาธิการยูเอ็น ให้สัมภาษณ์ว่า แม้ต้องเจอกับสภาวะแวดล้อมที่เป็นอันตรายอย่างยิ่ง แต่ทีมตรวจสอบก็สามารถเข้าถึงโรงพยาบาล 2 แห่ง และได้ดำเนินการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ ผู้รอดชีวิต รวมทั้งแพทย์ นอกจากนี้ยังมีการเก็บต้วอย่างบางส่วนกลับมาได้

    การลงพื้นที่ของคณะตรวจสอบของยูเอ็นมีขึ้นขณะที่ดูเหมือนว่าชาติตะวันตกกำลังขยับเข้าใกล้การตอบโต้ทางทหารต่อซีเรีย หลังเจ้าหน้าที่ยืนยันว่ากองทัพเรือสหรัฐฯประจำการเรือรบติดอาวุธจรวดร่อนเตรียมพร้อมอยู่ทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

    แม้คาดหมายว่าจีนกับรัสเซียจะคว่ำบาตรมติใดๆ ที่สนับสนุนการโจมตีทางทหาร แต่นายวิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษบอกว่าบางทีชาติตะวันตกอาจดำเนินการโดยปราศจากการสนับสนุนจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอย่างสมบูรณ์ก็เป็นได้

    อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน นายอัสซาดได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์รัสเซียซึ่งเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (26) ปฏิเสธข้อกล่าวใดๆ ที่ว่ารัฐบาลของเขาอยู่เบื้องหลังการโจมตี โดยบอกว่าคำกล่าวหาเหล่านั้นละเมิดต่อความสมเหตุสมผล “สหรัฐฯ จะเผชิญหน้ากับความล้มเหลวเหมือนกับทุกๆ สงครามที่พวกเขาทำก่อนหน้านี้”

    ส่วนนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย ก็เตือนถึงผลลัพธ์ที่อันตรายร้ายแรงต่อความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารเข้าแทรกแซงในซีเรีย และบอกว่าการแทรกแซงใดๆโดยปราศจากมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาตินั้นผิดกฎหมาย

    สอดคล้องกับประธานาธิดีวลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งยังคลางแคลงใจต่อหลักฐานเกี่ยวกับการใช้อาวุธนิวเคลียร์ และได้รับความคาดหมายว่าจะขัดขวางมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติแน่ โดยนายปูตินบอกกับนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ผ่านการหารือทางโทรศัพท์ในวันจันทร์ (26) ว่ายังไม่มีข้อพิสูจน์ว่าดามัสกัสใช้อาวุธเคมี ซึ่งสวนทางกับความเห็นของนายคาเมรอน ที่แทบไม่มีข้อสงสัยในเรื่องนี้เลย

    ทั้งนี้ ในวันจันทร์(26) นายคาเมรอนได้ลดช่วงวันหยุดพักผ่อนลงและเดินทางกลับไปยังลอนดอน เพื่อวางแผนตอบโต้ต่อการใช้อาวุธเคมีของรัฐบาลซีเรีย ขณะที่ทางอังกฤษและฝรั่งเศส คือ 2 ชาติมหาอำนาจแถวหน้าของโลกที่เรียกร้องให้ดำเนินการอย่างหนักหน่วงต่อรัฐบาลของอัสซาดเช่นกัน
     
  18. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    26-08-2013
    ผลกระทบและอาจเป็นอีกสาเหตุและปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้สหรัฐตัดสินใจที่จะกระโจนเข้าสู่สงครามหรือไม่อย่างไร
    น้ำมัน-ทองคำลง


    [​IMG]

    ราคาน้ำมันและทองคำวานนี้ (26) ขยับลงเล็กน้อย หลังข้อมูลการผลิตที่น่าผิดหวังของสหรัฐฯ เพิ่มข้อสงสัยต่อสถานะทางเศรษฐกิจของชาติผู้บริโภครายใหญ่ ส่วนวอลล์สตรีทลงพอสมควร หลังอเมริกาแสดงท่าทีแข็งกร้าวขึ้นต่อสถานการณ์ในซีเรีย

    สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 50 เซ็นต์ ปิดที่ 105.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนตลาดลอนดอน ปิดทำการเนื่องจากเป็นวันหยุดธนาคาร แต่การซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์ในสัญญาหลักของตลาดยุโรป เบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ณ เวลาประมาณ 19.45 จีเอ็มที (ตรงกับเมืองไทย 02.45 น.) ลดลง 10 เซ็นต์ อยู่ที่ 109.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    ความเคลื่อนไหวของตลาดได้รับผลกระทบจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ที่บอกว่ายอดคำสั่งซื้อใหม่สินค้าคงทนภาคการผลิต ลดลงร้อยละ 7.3 ในเดือนกรกฎาคม รุนแรงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้อย่างมาก

    ปัจจัยข้างต้นส่งผลให้ราคาทองคำวานนี้ (26) ปิดลบเล็กน้อย หลังจากช่วงหนึ่งของการซื้อขายขยับขึ้นไปแตะ 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 2.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,393.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์

    ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (26) ปิดลบพอสมควร หลังนายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศเตือนว่าอเมริกาจะเรียกร้องขอความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีพลเรือนซีเรียด้วยอาวุธเคมี

    ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 64.05 จุด (0.43 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,946.46 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 6.72 จุด (0.40 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,656.78 จุด แนสแดก ลดลง 0.22 จุด (0.01 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,657.57 จุด

    ตลาดปิดลบพอประมาณ หลังจากช่วงต้นของการซื้อขายแกว่งตัวในแดนบวกเกือบตลอดทั้งวัน แต่มูลค่าซื้อขายเบาบาง โดยแรงเทขายเข้าปกคลุมตลาดทันที หลังจากนายแคร์รี บอกว่าสหรัฐฯ กำลังตรวจสอบหลักฐานถึงการใช้อาวุธเคมีในซีเรีย แต่ไม่มีข้อสงสัยเลยว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
     
  19. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    27-08-2013
    เจ้านี้ก็ให้น่าคิดบ้างเหมือนกัน
    สื่อญี่ปุ่นแฉ “เกาหลีเหนือ” เคยส่งออก “หน้ากากกันแก๊สพิษ” ให้รัฐบาลซีเรีย

    [​IMG]

    เกาหลีเหนือเคยพยายามส่งออกหน้ากากกันแก๊สพิษไปยังซีเรีย แต่ถูกตรวจจับได้เสียก่อนที่ตุรกีพร้อมกับอาวุธและกระสุนปืนอีกเป็นจำนวนมาก หนังสือพิมพ์ซันเกอิชิมบุนในญี่ปุ่น รายงานวันนี้ (27) ขณะเดียวกันกับที่สหรัฐฯ ขู่จะส่งทหารเข้าตอบโต้การใช้อาวุธเคมีสังหารพลเมืองในซีเรีย

    ซันเกอิชิมบุนอ้างข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งระบุว่า เรือ อัล เอ็น ติ ซาร์ สัญชาติลิเบีย นำสินค้าเดินทางออกจากเกาหลีเหนือเพื่อไปยังซีเรียเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

    กองทัพสหรัฐฯ ซึ่งทราบข่าวกรองล่วงหน้าได้ร่วมมือกับประเทศพันธมิตรติดตามเส้นทางของเรือลำนี้ และพบว่าเรือแล่นผ่านช่องแคบดาร์ดะเนลส์ของตุรกี เมื่อวันที่ 3 เมษายน

    เจ้าหน้าที่ตุรกีซึ่งได้รับแจ้งข้อมูลจากสหรัฐฯ ได้เข้าตรวจค้นภายในเรือ พบปืนไรเฟิลและปืนสั้นจำนวน 1,400 กระบอก กระสุนอีกราว 30,000 นัด รวมไปถึงหน้ากากกันแก๊สพิษซึ่งใช้เพื่อป้องกันสารเคมีโดยเฉพาะ สื่อญี่ปุ่นเผย

    สหรัฐฯ เชื่อว่าเรือลำนี้น่าจะมีเจตนาขนถ่ายสินค้าลงที่ตุรกี ก่อนจะขนไปต่อทางบกจนกระทั่งถึงมือรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด

    ซันเกอิ ชิมบุน รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตุรกีได้จับกุมและตั้งข้อหาต่อกัปตันเรือ หลังสอบเค้นจนยอมรับว่านำเรือออกจากเกาหลีเหนือเพื่อจัดส่งอาวุธไปยังซีเรีย

    เกาหลีเหนือเองก็ถูกองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ห้ามนำเข้าและส่งออกอาวุธโดยเด็ดขาด หลังเปียงยางยังดึงดันทดลองระเบิดนิวเคลียร์และยิงจรวดพิสัยไกล ซึ่งหากข่าวนี้ได้รับการยืนยัน รัฐบาลโสมแดงอาจจะเผชิญบทลงโทษที่หนักหนาสาหัสกว่าเก่า

    เกาหลีเหนือและซีเรียมีสายสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกันมานานหลายปี รวมถึงในช่วงที่เกิดกระแสปฏิวัติประชาธิปไตยในโลกตะวันออกกลาง 2-3 ปีมานี้ โดยมีข่าวว่าเกาหลีเหนือช่วยซีเรียซ่อมแซมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ถูกอิสราเอลทิ้งระเบิดจนเสียหายเมื่อปี 2007

    กระแสต่อต้านซีเรียปะทุรุนแรงขึ้นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังมีข่าวว่าพลเรือนชานกรุงดามัสกัสถูกอาวุธเคมีสังหารกว่า 1,300 คน เมื่อวันพุธที่แล้ว (21) ซึ่งทั้งกบฏและชาติตะวันตกพร้อมใจกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของทหารอัสซาด

    ซันเกอิชิมบุนเป็นหนังสือพิมพ์ 1 ใน 5 ฉบับที่มีผู้อ่านมากที่สุดในญี่ปุ่น และลงบทความพิเศษเกี่ยวกับเกาหลีเหนืออยู่เป็นประจำ แม้ถ้อยคำที่ใช้จะรุนแรงแข็งกร้าว แต่ข้อมูลที่สื่อฉบับนี้นำเสนอก็ค่อนข้างเป็นที่เชื่อถือ
     
  20. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    27-08-2013
    แฉ US จะยิง “จรวดร่อน” ใส่ซีเรีย 2 วัน “อังกฤษ” เรียก ส.ส.ลงมติสำคัญพรุ่งนี้


    สหรัฐฯและพันธมิตร แสดงท่าทีในวันอังคาร (27 ส.ค.) ว่ากำลังยิ่งขยับเข้าใกล้การเปิดฉากเล่นงานซีเรีย โดยรัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีกลาโหมอเมริกัน ประสานเสียงว่าเตรียมจะเปิดเผยหลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า รัฐบาลประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ใช้อาวุธเคมีโจมตีผู้บริสุทธิ์ ขณะที่หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ รายงานว่าประธานาธิบดี บารัค โอบามา กำลังพิจารณาเข้าโจมตีซีเรียแบบจำกัดพื้นที่และกรอบเวลา เพื่อไม่ให้อเมริกาต้องเข้าไปติดในวังวนสงครามกลางเมืองในประเทศนั้น ส่วนทางด้านนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ ประกาศว่าจะมีการเรียกสมาชิกรัฐสภาที่อยู่ระหว่างพักร้อนให้กลับมาประชุมในวันพฤหัสบดี (29) เพื่ออภิปรายและลงมติเกี่ยวกับข้อเสนอของรัฐบาลในการตอบโต้เหตุการณ์ใช้ก๊าซพิษโจมตีใกล้ๆ กรุงดามัสกัสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    รัฐมนตรีต่างประเทศ จอห์น เคร์รี ของสหรัฐฯ ออกมาแถลงในวันจันทร์ (26) โดยกล่าวหารัฐบาลอัสซาดใช้อาวุธเคมีสังหารพลเรือนที่มีทั้งเด็ก ผู้หญิง และผู้บริสุทธิ์อื่นๆ การกระทำเช่นนี้ถือเป็น “ความต่ำช้าทางศีลธรรม” และว่าแม้ประธานาธิบดีอัสซาด พยายามปกปิดความจริง แต่วอชิงตันกำลังร่วมกับพันธมิตรพิจารณาข้อมูลที่ได้มาเพิ่มซึ่งจะเปิดเผยต่อสาธารณชนในเร็ววันนี้

    “ประธานาธิบดี บารัค โอบามา เชื่อว่าผู้ที่ใช้อาวุธที่โหดเหี้ยมที่สุดของโลกต่อประชาชนที่อ่อนแอที่สุดจะต้องรับผิดชอบการกระทำนั้น”

    ขณะที่ เจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาว สำทับว่า มีการใช้อาวุธเคมีโดยไม่อาจปฏิเสธได้ และมีข้อสงสัยน้อยมากว่าเป็นฝีมือรัฐบาลซีเรีย

    [​IMG]
    รัฐมนตรีกลาโหม ชัค เฮเกล ของอเมริกา ซึ่งกำลังตระเวนเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ให้สัมภาษณ์บีบีซีในวันอังคาร (27) กล่าวย้ำคำแถลงของเคร์รีที่ว่า ในเร็วๆ นี้สหรัฐฯจะเผยแพร่หลักฐานที่ได้เพิ่มเติมซึ่งชี้ชัดว่าซีเรียใช้อาวุธเคมีต่อประชาชนของตนเอง พร้อมกันนั้นเขายังเน้นท่าทีเดิมที่ว่ากองทัพสหรัฐฯเตรียมพร้อมแล้วที่จะลงมือปฏิบัติการในทันทีที่ได้รับคำสั่ง

    ทางด้านรัฐมนตรีกลาโหม ชัค เฮเกล ของอเมริกา ซึ่งกำลังตระเวนเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ให้สัมภาษณ์บีบีซีในวันอังคาร (27) กล่าวย้ำคำแถลงของเคร์รีที่ว่า ในเร็วๆ นี้ สหรัฐฯจะเผยแพร่หลักฐานที่ได้เพิ่มเติม ซึ่งชี้ชัดว่าซีเรียใช้อาวุธเคมีต่อประชาชนของตนเอง พร้อมกันนั้นเขายังเน้นท่าทีเดิมที่ว่ากองทัพสหรัฐฯเตรียมพร้อมแล้วที่จะลงมือปฏิบัติการในทันทีที่ได้รับคำสั่ง

    คำกล่าวของเคร์รีและคาร์นีย์ตลอดจนเฮเกล มีขึ้นหลังจากที่คณะผู้ตรวจสอบของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เริ่มเดินทางไปสัมภาษณ์ผู้รอดชีวิตจากการโจมตีด้วยอาวุธเคมีเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งกลุ่มแพทย์ไร้พรมแดนระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 355 คนจากอาการพิษต่อระบบประสาท

    เมื่อวันจันทร์ (26) ซึ่งเป็นวันแรกของการทำงานตรวจสอบข้อกล่าวหาการใช้อาวุธเคมีในซีเรียครั้งล่าสุดนี้ ปรากฏว่าขบวนรถของคณะผู้ตรวจสอบยูเอ็นถูกซุ่มยิง ขณะเดินทางไปยังชานกรุงดามัสกัส ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีรายงานว่าถูกโจมตีด้วยอาวุธเคมีกลางสัปดาห์ที่แล้ว แต่หลังจากขบวนหยุดชะงักไประยะหนึ่งก็ได้เดินทางต่อ และ บัน คีมุน เลขาธิการยูเอ็นเผยว่า ทีมเจ้าหน้าที่ที่นำโดยเอกี เซลสโตรม ผู้เชี่ยวชาญสวีเดน สามารถรวบรวมหลักฐานมีคุณค่าได้จากการสัมภาษณ์พยาน ผู้รอดชีวิต และแพทย์ รวมถึงจากการเก็บตัวอย่าง

    บัน เสริมว่า ยูเอ็นได้ร้องเรียนเรื่องที่เจ้าหน้าที่ถูกซุ่มยิงต่อรัฐบาลและกลุ่มกบฏซีเรีย ที่ต่างกล่าวโทษกันไปมาเช่นเดียวกับกรณีการโจมตีด้วยอาวุธเคมี

    ด้านสหรัฐฯ กล่าวหากองทัพซีเรียเริ่มระดมโจมตีทันทีที่ทีมยูเอ็นเดินทางออกจากสถานที่ตรวจสอบเพื่อทำลายหลักฐาน

    [​IMG]
    คณะผู้ตรวจสอบของสหประชาชาติเข้าสอบถามเหยื่อที่ถูกอ้างว่าได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในแถบชานกรุงดามัสกัสของซีเรีย

    ต่อมาในวันอังคาร (27) คณะตรวจสอบอาวุธยูเอ็นซึ่งมีกำหนดไปเก็บหลักฐานยังสถานที่เดิมเพิ่มเติมอีก ได้ประกาศเลื่อนการเดินทางออกไปก่อน โดยให้เหตุผลว่า เพราะฝ่ายกบฏซึ่งยึดครองบริเวณดังกล่าวอยู่ ยังไม่ได้ยืนยันรับประกันความปลอดภัยของคณะ

    ในวันจันทร์ นอกจากความเคลื่อนไหวของฝ่ายสหรัฐฯและทีมตรวจสอบของยูเอ็นแล้ว ทางประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ที่ให้ความช่วยเหลือด้านการทูตต่อซีเรียหลายครั้งด้วยการใช้สิทธิ์ยับยั้งมติของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ ได้กล่าวกับนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอนของอังกฤษ ระหว่างหารือกันทางโทรศัพท์ว่า ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมี

    มอสโก พันธมิตรที่มีอิทธิพลที่สุดของดามัสกัส ยังเตือนว่าการใช้กำลังกับซีเรียจะทำให้เกิดผลลัพธ์เลวร้าย พร้อมเรียกร้องให้วอชิงตัน “รอบคอบ” และปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งแสดงความเสียใจที่อเมริกาเลื่อนการประชุมกับรัสเซียเพื่อหาทางคลี่คลายวิกฤตซีเรียที่กำหนดไว้ในสัปดาห์นี้

    คาเมรอนนั้นได้รีบเดินทางกลับจากการพักร้อนสู่ลอนดอน เพื่อวางแผนตอบโต้การโจมตีด้วยอาวุธเคมีในซีเรีย โดยอังกฤษและฝรั่งเศสกำลังแสดงตนเป็นแนวหน้าเรียกร้องให้ใช้มาตรการแข็งกร้าวกับอัสซาด

    และเมื่อถึงวันอังคาร คาเมรอน แถลงว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรตกลงเห็นชอบให้เรียกประชุมสภาในวันพฤหัสบดี (29) เพื่ออภิปรายและลงมติเกี่ยวกับญัตติของรัฐบาล ในเรื่องวิธีการตอบโต้การโจมตีด้วยก๊าซพิษใส่บริเวณชานกรุงดามัสกัสในวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา

    [​IMG]
    เรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส จอห์น ซี.สเตนนิส ในช่องแคบฮอร์มุซ ขณะที่มีข่าวว่าสหรัฐฯเตรียมโจมตีซีเรียด้วยจรวดร่อน “โทมาฮอว์ก” จากเรือรบ

    นอกจากนี้ มีรายงานว่านายทหารระดับสูงจากชาติตะวันตก และชาติมุสลิมเริ่มประชุมกันที่จอร์แดนเมื่อวันจันทร์ เพื่อหารือถึงผลกระทบจากสงครามในซีเรียที่มีต่อภูมิภาค ขณะที่ผู้แทนอาวุโสของอิสราเอลเยือนทำเนียบขาวเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับวิกฤตซีเรีย และโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน

    ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่อาวุโสในคณะรัฐบาลสหรัฐฯว่า โอบามา กำลังพิจารณาโจมตีเป้าหมายในซีเรียแบบจำกัดเพื่อป้องกันไม่ให้อเมริกาถลำลึกเข้าสู่สงครามกลางเมือง โดยจะใช้เวลาไม่เกิน 2 วัน และเป็นการโจมตีด้วยจรวดร่อน “โทมาฮอว์ก” จากเรือรบ ซึ่งขณะนี้ประจำการอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้ว หรือไม่ก็เป็นการใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกล ต่อเป้าหมายทางทหารที่ไม่เกี่ยวข้องกับหัวรบอาวุธเคมี เพื่อป้องกันไม่ให้ก๊าซพิษแพร่กระจาย

    ทั้งนี้การตัดสินใจดังกล่าวอิงกับ 3 ปัจจัย ได้แก่ รายงานการประเมินความผิดของรัฐบาลซีเรียจากการโจมตีด้วยอาวุธเคมีฉบับสมบูรณ์ การปรึกษากับพันธมิตรและรัฐสภาสหรัฐฯ และการพิจารณาความชอบธรรมภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ

    โอบามาที่เพิ่งถอนทหารออกจากอิรักและกำลังจะยุติปฏิบัติการในอัฟกานิสถาน ลังเลที่จะนำอเมริกาเข้าสู่สงครามอีก ในขณะที่ผลสำรวจของรอยเตอร์/อิปโซส์ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันเสาร์ (24) พบว่า ชาวอเมริกันราว 60% คัดค้านการแทรกแซงทางทหาร มีเพียง 9% ที่เห็นว่า โอบามาควรจัดการกับซีเรีย

    อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ 2 คนจากคณะบริหารที่ไม่ประสงค์ออกนามแย้มว่า อเมริกาจะประกาศการตัดสินใจอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับแนวทางต่อซีเรียในวันอังคาร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 สิงหาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...