ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐฯ-จีน กับสงครามเย็นในศตวรรษที่ 21 เมื่อไวรัสเริ่มสงบลง สงครามเย็นก็ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง

    เป็นช่วงเวลากว่าครึ่งปีที่ทั่วโลกต่างเผชิญกับปัญหาไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจของแต่ละประเทศได้รับผลกระทบกันอย่างหนักหนาสาหัส และส่งผลให้เราเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบจัดเต็มของรัฐบาลและธนาคากลางต่างๆทั่วโลก ทั้งการลดดอกเบี้ยนโยบาย การพิมพ์เงินเข้ามาพยุงตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้น เพื่อช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบกับภาคประชาชนและธุรกิจเป็นไปด้วยความรวดเร็ว

    นักลงทุนมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นจากมาตรการผ่อนคลายการเงิน ทำให้มีสภาพคล่องล้นระบบกลับเข้าลงทุนในตลาดหุ้น จนทำให้ตลาดฟื้นกลับขึ้นมามากเกินกว่าครึ่งทางที่เคยลดลงไปแล้ว ตัวเลข GDP ของโลกที่เคยคาดการณ์กันไว้ว่าจะลดลง -3% ปัจจุบัน มองเห็นเหลือตัวเลข -1.5% และในบางประเทศอาจเห็นการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ เช่นประเทศจีน ที่ยังคาดว่า GDP น่าจะเป็นบวกได้ สำหรับประเทศไทยเราเคยคาดการณ์ว่า GDP จะลดลงถึง -5 ถึง -6% แต่ประมาณการปัจจุบันลดลงเพียง -2%

    อย่างไรก็ตามวิกฤติครั้งนี้ยังไม่ได้ผ่านพ้นไป เพราะนับถึงปัจจุบันเพียง 6 เดือน มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกแล้วมากกว่า 8 ล้านคน ในบางประเทศ มีทรัพยากรด้านสาธารณสุขไม่เพียงพอ ทำให้เกิดการประท้วงและมีความวุ่นวายตามมา เรามีความหวังกันว่ามนุษย์จะสามารถหาหนทางหยุดยั้งภัยร้ายในครั้งนี้ได้โดยเร็ว และมีวัคซีนป้องกัน ได้ทันท่วงที ก่อนที่โอกาสความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดระลอกที่สองจะมีเพิ่มขึ้นเมื่อประเทศต่างจะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวในปีนี้

    ในภาพของการลงทุนตลาดเงินและตลาดทุนที่ดีขึ้น ความขัดแย้งระลอกใหม่ระหว่างสหรัฐกับจีนก็มีแนวโน้มจะกลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง การเกิดความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีน ที่ประทุขึ้นมาเร็วกว่าที่คาดกันไว้ก็น่าจะสืบเนื่องมาจากประชาชนในสหรัฐมองว่าการระบาดของไวรัสเป็นความผิดพลาดของรัฐบาลในการป้องกัน ทำให้ทรัมป์เสียเสียงจำนวนไม่น้อยในช่วงก่อนการเลือกตั้งที่จะมาถึงในไม่ช้านี้ จนต้องทำให้ประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบันเริ่มหาหนทางในการหาเสียงและเบี่ยงประเด็นโดยผลักให้ประเทศจีนเป็นผู้รับผิดชอบในฐานะต้นตอของการระบาด

    ตั้งแต่การที่ สหรัฐฯ กล่าวหาจีนว่าไวรัสโควิด-19 มีต้นกำเนิดมาจากจีน และเรียกว่าเป็น “Chinese Virus” การสนับสนุนฮ่องกงโดยผ่านร่าง กฎหมายสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยฮ่องกง ส่งผลให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศตึงเครียดมากขึ้น ไม่จบเพียงแค่การเป็น Trade war แต่อาจลุกลามถึงขึ้นเป็นสงครามเย็นที่กินระยะเวลานานหลายสิบปีเหมือนสมัยโซเวียตในช่วง 1950-1991 เพราะปัจจุบันนโยบายของทั้งสองประเทศเปิดเผยอย่างชัดเจนว่าเป็นคู่แข่ง โดยจีนต้องการก้าวขึ้นมาเป็นอภิมหาอำนาจผู้นำของโลกเช่นเดียวกับสหรัฐ ในขณะที่ผู้นำโลกคนปัจจุบันอย่างสหรัฐ ย่อมไม่ปล่อยให้คู่แข่งขึ้นมามีอำนาจ และมีผลต่อ international rule orders และประโยชน์ของสหรัฐในเวทีโลกได้ในอนาคต

    จีนพันธมิตรคู่ค้าคนสำคัญ กลับกลายเป็นคู่แข่งตัวฉกาจ

    ย้อนกลับไปพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศนี้ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาตั้งแต่สมัย ประเทศจีนต้องการปฏิรูปประเทศ เริ่มในสมัยของเติ้งเสี่ยวผิง เป็นต้นมา สมัยนั้นความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯเป็นไปอย่างราบรื่น เอื้ออำนวยซึ่งกันและกันในลักษณะของ Strategic Alliance เพราะเมื่อประเทศจีนเปิดประเทศในช่วงแรก มีแรงงานราคาถูกจำนวนมหาศาล ที่สหรัฐฯเองก็ต้องการให้จีนเป็นฐานการผลิตสินค้าราคาถูกให้กับสหรัฐ และเป็นผู้ผลิตสินค้าป้อนตลาดทั้งโลกได้

    Made in china กลายเป็นสัญลักษณ์ที่พูดถึงกันมาตลอด มีการขยายการลงทุนของบริษัทในสหรัฐและหลายประเทศเข้าไปยังประเทศจีน และ ได้นำ Technology ต่างๆ เข้าไปด้วยโดยไม่มีความกังวลหรือต้องปิดกั้น เหมือนอย่างในปัจจุบัน ต่อมาสหรัฐเองก็ได้สนับสนุนให้จีนเข้าสู่ WTO ในขณะที่นโยบายของจีนเองก็อยู่ในช่วงปรับโครงสร้างเปิดเสรีทางเศรษฐกิจจำเป็นต้องพึ่งพาต่างประเทศ จึงยังไม่มีนโยบายที่แสดงให้เห็นถึงการเป็นคู่แข่งหรือท้าทายอำนาจกับประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ

    ส่วนสหรัฐฯเองก็มองจีนในลักษณะของเศรษฐกิจต่างตอบแทนเพราะต้องการฐานการผลิตสินค้าราคาถูก และเมื่อความเป็นอยู่ของประเทศจีนดีขึ้นย่อมหมายถึงตลาดขนาดใหญ่มีประชากรมากกว่า 1,400 ล้านคนที่มีกำลังบริโภคที่จะสนับสนุนให้สินค้าของสหรัฐฯ เปิดตลาดได้มากขึ้นด้วย

    จนกระทั่งถึงยุคของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง เป็นช่วงที่ประเทศมีความพร้อมทั้งทางด้านเศรษฐกิจ กำลังทหารและการเมืองภายในจีนเองมีความมั่นคงมากที่สุด ในขณะที่ชาติตะวันตกกำลัง ประสบปัญหาการบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาดมาตั้งแต่ ยุค subprime จนถึง วิกฤติภาคสถาบันการเงินในยุโรป

    จีนจึงกลายเป็นประเทศที่โดดเด่น และมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับที่สองของโลก และมีส่วนช่วยประคับประคองเศรษฐกิจโลกในเติบโตต่อมาได้ ดังนั้นถึงเวลาที่ความฝันของจีนที่ต้องการเป็น มหาอำนาจของโลกจึงถูกประกาศออกมาให้ทุกประเทศได้ทราบ ถึง China dream ที่ต้องการขยายอิทธิพลและแสนยานุภาพของจีน และต้องการให้จีนก้าวขึ้นมาเป็นอภิมหาอำนาจของโลก เช่นเดียวกับประเทศตะวันตก และประวัติศาสตร์ในอดีตที่จีนเคยเป็นมหาอำนาจมาก่อนแล้ว

    ดังนั้นท่าทีขอสหรัฐที่มองประเทศจีนในระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมา ก็เปลี่ยนไปจากประเทศที่เกื้อหนุนซึ่งกัน กลับกลายมาเป็นคู่แข่งที่ต้องระวัง นโยบายการปฏิรูปประเทศของจีนต้องการเปลี่ยนไปสู่ประเทศที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงก็ย่อมจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาแสนยานุภาพทางด้านอาวุธและกองทัพ ซึ่งก็เป็นเครื่องมือที่ทรงอำนาจในการต่อรองทางการเมืองระหว่างประเทศและนั่นย่อมจะเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงต่อสหรัฐอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งจะทำให้จีนเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงกับสถานภาพของความอภิมหาอำนาจที่สหรัฐครอบครองมาอย่างยาวนาน ภายหลังตั้งแต่ที่สหภาพโซเวียตล่มสลาย และรัสเซียเริ่มอ่อนกำลังไป

    สงครามเย็นยุคใหม่ระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่ผลลัพธ์ครั้งนี้อาจไม่เหมือนเดิม

    สงครามเย็นระหว่างโซเวียตและสหรัฐฯ ในช่วงยุคศตวรรษที่ 20 นั้นจบลงที่การพังทลายของกําแพงเบอร์ลิน ส่งผลให้สหภาพโซเวียตล่มสลายและแตกออกเป็นหลายประเทศ เช่น รัสเซีย และยูเครน ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีการแซงชั่นรัสเซีย เพื่อป้องกันไม่ให้รัสเซียกลับมาเป็นมหาอำนาจได้อีกครั้ง โดยหากเรามาดูปัจจัยต่างๆที่ทำให้โซเวียตแพ้สงครามเย็นเปรียบเทียบกับจีนในยุคปัจจุบันนั้น จะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันซึ่งทำให้ประวัติศาสตร์อาจไม่ซ้ำรอยเดิมเสมอไป

    ปัจจัยข้อที่ 1 ระบบเศรษฐกิจและรายได้ – รายได้ของโซเวียตนั้นส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการส่งออกน้ำมันดิบเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้ช่วงปี 1980 ที่เกิดวิกฤติราคาน้ำมันลดจากระดับ 100$/Barrel เหลือเพียง 30-40$ เป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ทำให้ประเทศรายได้ลดลง ซึ่งแตกต่างกับจีนที่เป็นเศรษฐกิจแบบทุนนิยมมีรายได้มาจากหลายแห่ง และมียุทธศาสตร์ Made in China 2025 กับ Belt and Road Initiative (BRI) หรือที่รู้จักกันในนามเส้นทางสายไหมที่เป็นแผนระยะยาวเพื่อบรรลุ Chinese dream ในปี 2049

    ปัจจัยข้อที่ 2 นโยบายการทำสงคราม – โซเวียตนั้นได้ก่อสงครามหลายแห่ง เช่น สงครามโซเวียต–อัฟกานิสถาน ที่กินระยะเวลายาวนานถึง 9 ปีส่งผลให้มีรายจ่ายเป็นจำนวนมาก ทำให้เมื่อเกิดวิกฤติน้ำมันเศรษฐกิจในประเทศจึงตกต่ำ แตกต่างกับจีนที่สร้างประเทศจนแข็งแกร่งก่อน โดยแม้จะมีความขัดแย้งเช่น ทิเบต ซินเจียง เกาะฮ่องกง และสหรัฐฯ แต่ก็ไม่ได้มีการใช้กำลังทหารโดยตรงเท่าใดนัก

    ปัจจัยข้อที่ 3 การควบคุมภายในประเทศ – สหภาพโซเวียตไม่สามารถควบคุมอาณาจักรที่ปกครองได้อย่างเด็ดขาด ส่งผลให้เมื่อผู้นำหรือประเทศที่เริ่มอ่อนแอลงก็ทำให้เกิดการประท้วงและแยกตัวออกมาจนล่มสลายในท้ายที่สุด

    จากสงครามการค้าที่ผ่านมาก็จะเห็นได้ว่า จีนเป็นทั้งคู่ค้าและคู่แค้นสำคัญของสหรัฐฯ ที่ไม่สามารถใช้มาตรการอะไรที่รุนแรงโดยตรงมากนักเพราะสหรัฐฯก็จะได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน โดยสงครามเย็นในรอบนี้จีนคงไม่เพลี่ยงพล้ำซ้ำรอยเดิมเหมือนโซเวียต อีกทั้งสหรัฐฯ ยังมีศัตรูเก่าทั้ง รัสเซีย เกาหลีเหนือ และกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง รวมถึงปัญหาภายในประเทศเช่น ปัญหาสีผิวและความไม่เท่าเทียมกันอีกด้วย

    สถานการณ์ในอนาคต และกลยุทธ์เพื่อรับมือต่อจากนี้ไป

    ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาในยุคของประธานธิบดีทรัมป์ สหรัฐพยายามสกัดกั้น จีนในทุกมิติ ทั้งด้านการค้า การลงทุน เงินทุนและการปิดกั้นทางด้านเทคโนโลยี เพื่อบั่นทอนขีดความสามารถของจีนให้ได้มากที่สุด โดยการกดดันจีนในหลายรูปแบบที่ปรากฏออกมา ทั้งสงครามการค้า การกล่าวหาเรื่องการขโมยเทคโนโลยี การเข้าแทรกแซงการเมือง ทั้งใน ไต้หวัน และ ฮ่องกง การกีดกั้นบริษัทเทคโนโลยีของจีน เช่น Huawei ที่ถูกมองว่ามีรัฐบาลจีนหนุนหลัง การบอกว่าจีนเป็นต้นกำเนิดไวรัสโควิด-19 เป็นต้น

    เรามองว่าความขัดแย้งจะมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภายหลังเลือกตั้งประธานธิบดีสหรัฐในปลายปีนี้ เพราไม่ว่าใครขึ้นเป็นประธานธิบดีสหรัฐ การที่มองว่าสหรัฐมีภัยคุกคาม ย่อมไม่สามารถยอมถอยออกมาได้ เพียงแต่ช่วงนี้ทั้งสองประเทศยังไม่เร่งความขัดแย้งให้มีเพิ่มมากขึ้นเพราะ หากดำเนินการในปีนี้ย่อมจะเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจของตัวเองให้ได้รับผลกระทบอีก อย่างไรก็ตามกรณีที่แย่ที่สุดคือ หากทรัมป์รู้ตัวว่าเสียคะแนนเสียงก่อนการเลือกตั้งก็อาจจะตัดสินใจชูเรื่องความขัดแย้งให้รุนแรงขึ้น เพื่อพยายามดึงฐานเสียงให้กลับมาก็เป็นได้

    กลยุทธ์การลงทุนในระยะยาว

    เรายังคงชอบการลงทุนในตลาดจีนในระยะยาว 3-5 ปี จากปัจจัยพื้นฐานที่มีแนวโน้มดีมากกว่าภูมิภาคอื่น กับการลงทุนในระยะยาวในกลุ่ม Thematics เนื่องจากไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะในสงครามครั้งนี้เราก็จะเห็นได้ว่า อุตสาหกรรมที่ทั้งสองประเทศให้ความสำคัญคือกลุ่มเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้าน Hardware software Semiconductor หรือเทคโนโลยีใหม่อย่าง EV car และ Battery เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยี

    สำหรับอีกสินทรัพย์นึงที่น่าสนใจคือทองคำ ที่เหมาะกับการถือไว้เพื่อปกป้องอำนาจซื้อของเงินที่ปัจจุบันถูกลดมูลค่าลงด้วยการทำ QE ของรัฐบาลทั่วโลก ซึ่งหากความขัดแย้งระหว่าง จีน-สหรัฐยังดำเนินต่อไป การลงทุนในทองคำในช่วงเวลานี้ก็ยังเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยหากเราแบ่ง Bull Cycle ของทองคำนั้นจะมี 3 ช่วงดังนี้

    ช่วงที่ 1 ปี 1969-1980 ( 122 เดือน) ทองคำราคาปรับเพิ่มขึ้น +1,519% – ช่วง Nixon Shock ที่ประกาศไม่ผูกเงินดอลลาห์กับทองคำอีกต่อไป และเป็นช่วงที่สงครามเย็นระหว่าง สหรัฐ-รัสเซีย

    ช่วงที่ 2 ปี 1999-2011 (145 เดือน) ทองคำราคาปรับเพิ่มขึ้น +611% – ช่วง Dotcom Bubble และ Subprime Crisis ในสหรัฐฯ รวมถึงปัญหาหนี้ในกลุ่มสหภาพยุโรป

    ช่วงที่ 3 ปี 2015- ปัจจุบัน (55 เดือน) ทองคำราคาปรับเพิ่มขึ้น +63% – ช่วง Brexit กับการที่ปธน.ทรัมป์ได้รับชัยชนะ สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ และไวรัสโควิด-19

    กลยุทธ์การลงทุนในช่วงปี 2020 นี้

    สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงจากนี้จนถึงปลายปีนั้น ควรจะปรับกลยุทธ์การถือหุ้นให้สั้นลง เพราะ valuation ของหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาเยอะแล้วพอสมควรจาก sentiment ในเชิงบวกของ การผ่อนคลายมากตการ lock down และเม็ดเงินที่อัดฉีดที่เข้ามาอย่างมหาศาล ดังนั้นแม้ว่าระยะสั้นตลาดยังมีช่องให้ปรับตัวขึ้นได้จากสภาพคล่องหนุน แต่ระดับราคาหุ้น ณ ปัจจุบันยังไม่ได้ price in เรื่องของความขัดแย้งว่าจะประทุขึ้นในปีนี้มากนัก หากเกิดขึ้นขายทำกำไรจะทำให้ตลาดปรับฐานลงมาได้พอสมควร ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังมากขึ้นครับ

    โดยสำหรับหุ้นจีนนั้นแม้จะมีปัจจัยพื้นฐานดีแต่มีความเสี่ยงของการปรับฐานดังนั้นเราจึง แนะนำว่าควรจะรอเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นจีนเมื่อตลาดย่อตัวลงมา แล้วจึงค่อยกลับเข้าลงทุนใหม่หลังจากตลาดมีการปรับฐานครับ

    โดย นายศรชัย สุเนต์ตา
    กรรมการผู้จัดการ Chief Investment Office
    บริษัท หลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด

    Source :การเงินธนาคารออนไลน์
    https://www.moneyandbanking.co.th/article/scbcio-tradewar-23062020

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสในนครนิวยอร์กอาจทำให้นครต้องเลิกจ้างพนักงานกว่า 22,000 คน

    นาย Bill de Blasio นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กได้ประกาศว่า ทางนครนิวยอรก์อาจะต้องเลิกจ้างพนักงานท้องถิ่นกว่า 22,000 คนในช่วงปลายปีนี้ หลังจากที่รายได้ภาษีของนครนิวยอร์กหายไปกว่า 9 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของไวรัส

    นาย de Blasio ยังกล่าวว่า การเลิกจ้างนั้นเป็นความจำเป็นหลังจากที่ประสบปัญหาขาดแคลนงบประมาณจำนวนมาก จากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดจนทำให้ภาคเศรษฐกิจในนครนิวยอร์กต้องหยุดชะงักลง โดยปัจจุบันทางนครนิวยอร์กได้หรือกับสหภาพแรงงานท้องถิ่นเพื่อรักษาการจ้างงานพนักงานรวมกว่า 326000 ไว้ให้ได้มากที่สุด รวมทั้งได้พยายามขอความช่วยทางการเงินจากรัฐแต่ยังไม่มีท่าทีที่ชัดเจนจากรัฐ ขณะที่มองว่าความหวังที่จะได้งบประมาณช่วยเหลือและสนับสนุนจากส่วนกลางยังไม่มีความชัดเจน และมีความเป็นไปได้ต่ำ

    นอกจากนี้ รัฐ New York และรัฐข้างเคียงจะเริ่มบังคับใช้นโยบายกักตัวกับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด รัฐ New York, New Jersey และ Connecticut ได้ร่วมกันออกคำสั่งบังคับใช้นโยบายกักตัวระยะเวลา 14 วันกับผู้ที่เดินทางมาจากรัฐที่ค่าเฉลี่ยผู้ติดเชื้อย้อนหลัง 7 วัน สูงเกินกว่าร้อยละ 10 ของประชากรในรัฐ โดยปัจจุบันมี 9 รัฐในพื้นที่ทางด้านใต้และตะวันตกที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว ได้แก่ Alabama, Arkansas, Arizona, Florida, North Carolina, South Carolina, Texas, Utah และ Washington โดยคำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 มิ.ย. เป็นต้นไป

    การฝ่าฝืนการกักตัวจะมีโทษปรับ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา มาตรการกักตัวระยะ 14 วันมีการบังคับใช้ในหลายรัฐ เช่น Maine, Rhode Island และ Hawaii ขณะที่รัฐส่วนน้อยใช้นโยบายกักตัวเองในที่พัก (self-quarantine)

    นอกจากนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่มีความไม่แน่นอนสูง ทางผู้จัดงาน The New York City Marathon ได้ประกาศยกเลิกการจัดงานในเดือน พ.ย. ปีนี้ และไปจัดงานครั้งที่ 50 ในปีหน้าแทน โดยผู้ที่สมัครเข้าร่วมงานจะได้รับเงินคืนเต็มจำนวน

    Source: BoTSS

    - Pandemic May Force New York City to Lay Off 22,000 Workers: https://www.nytimes.com/2020/06/24/nyregion/budget-layoffs-nyc-mta-coronavirus.html

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    EIC ประเมินส่งออก พ.ค. หดตัวสูง จากมาตรการปิดเมืองทั่วโลก และจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป

    มูลค่าการส่งออกเดือนพฤษภาคม 2020 หดตัวในระดับสูงถึง -22.5%YOY และหากหักทองคำการส่งออกจะหดตัวเพิ่มเติมเป็น -27.8%YOY นับเป็นการหดตัวมากสุดในรอบเกือบ 11 ปี ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2009 เป็นต้นมา โดยการหดตัวดังกล่าวแสดงถึงผลกระทบที่ชัดเจนจาก COVID-19 ทั้งในด้านความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกและปัญหา supply chain disruption จากมาตรการปิดเมือง (Lockdown) ในหลายประเทศทั่วโลก

    ในระยะถัดไป EIC คาดว่า การส่งออกจะหดตัวน้อยลงจากแนวโน้มการผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองทั่วโลก อย่างไรก็ดี คาดว่าการส่งออกจะฟื้นตัวอย่างช้าๆ จากหลายปัจจัยเสี่ยงที่ยังกดดัน ได้แก่

    1) เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป

    2) ราคาน้ำมันที่ยังหดตัวต่อเนื่อง

    3) ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่เริ่มกลับมาอีกครั้ง

    ในรอบประมาณการล่าสุดเมื่อต้นเดือนมิถุนายน EIC ปรับคาดการณ์ส่งออกหดตัวลดลงมาอยู่ที่ -10.4% จากเดิมคาด -12.9% ตามการส่งออกทองค าและอาวุธที่มีมากในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ จะต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด หลังตัวเลขเร็ว (High frequency data) เริ่มส่งสัญญาณกำลังผ่านจุดต่ำสุด (bottoming out) และอาจฟื้นตัวเร็วกว่าคาดได้

    มูลค่าการส่งออกเดือนพฤษภาคม 2020 หดตัวในระดับสูงถึง -22.5%YOY และหากหักทองคำการส่งออกจะหดตัวเพิ่มเติมเป็น -27.8%YOY นับเป็นอัตราหดตัวมากสุดในรอบเกือบ 11 ปี ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2009 เป็นต้นมา ทั้งนี้การส่งออกรวมในช่วง 5 เดือนแรกของปีหดตัว -3.7%YOY แต่หากหักการส่งกลับอาวุธและทองคำ การส่งออกจะหดตัวถึง -9.2%YOY สินค้าส่งออกสำคัญเกือบทุกหมวดมีการหดตัวสูง อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าเกษตรยังขยายตัวได้

    • การส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบหดตัวในระดับสูงที่ -62.6%YOY ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและอุปสงค์ในตลาดรถยนต์ที่ซบเซา โดยเป็นการหดตัวในเกือบทุกตลาดสำคัญ อาทิ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์

    • ด้านมูลค่าส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญอื่นๆ ล้วนมีการหดตัว ได้แก่ เม็ดพลาสติก (-26.7%YOY), เคมีภัณฑ์ (-30.0%YOY), เครื่องใช้ไฟฟ้า (-31.7%YOY), เหล็กและผลิตภัณฑ์ (-35.1%YOY), เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (-37.0%YOY) และน้ำมันสำเร็จรูป (-42.4%YOY) ที่หดตัวตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ทั้งนี้ สินค้าหมวดอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม (ไม่รวมทองคำ) หดตัวมากถึง -34.9%YOY

    • การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรพลิกกลับมาหดตัวสูงที่ -10.3%YOY หลังจากขยายตัว 5.8%YOYในเดือนก่อนหน้า โดยสินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป (-10.9%YOY) และน้ำตาลทราย (-25.4%YOY)

    • อย่างไรก็ดี สินค้าเกษตรกรรมยังสามารถขยายตัวได้เป็นเดือนที่ 2 ที่ 14.1%YOY โดยสินค้าเกษตรที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (8.0%YOY) ผลไม้สดแช่แข็งและแห้ง (149.8%YOY) และสุกรสดแช่เย็นแช่แข็ง (797.7%YOY) ขณะที่สินค้าเกษตรบางประเภทยังหดตัว ได้แก่ ยางพารา (-42.0%YOY) และข้าว (-4.0%YOY)

    • ด้านการส่งออกทองคำยังคงขยายตัวต่อเนื่องในระดับสูงที่ 735.1%YOY โดยมีตลาดสำคัญคือ สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย และสิงคโปร์

    ด้านการส่งออกรายประเทศ มีเพียงแค่การส่งออกไปจีนที่ขยายตัว ขณะที่การส่งออกไปตลาดสำคัญอื่นๆ ล้วนหดตัว โดยเฉพาะการส่งออกไปยัง สหรัฐฯ EU15 และประเทศกลุ่มอาเซียน

    • การส่งออกไปจีนขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ที่ 15.3%YOY หลังจากขยายตัว 9.0%YOY ในเดือนก่อนหน้า โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ ผลไม้สดแช่แข็งและแห้ง และผลิตภัณฑ์ยาง

    • การส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ หดตัวสูงถึง -17.3%YOY หลังจากที่ขยายตัว 8.5%YOY (ไม่รวมการส่งกลับอาวุธ) ในเดือนก่อนหน้า โดยสินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และรถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ

    • การส่งออกไปญี่ปุ่นหดตัวสูงที่ -24.2%YOY หลังจากขยายตัวที่ 9.9%YOY ในเดือนเม.ย. สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเครื่องใช้ไฟฟ้า

    • การส่งออกไปตลาดอาเซียน 5 พลิกกลับมาหดตัวที่ -27.9%YOY หลังจากขยายตัว 13.0%YOY ในเดือนก่อนหน้า โดยสินค้าหลักที่หดตัวคือ อัญมณีและเครื่องประดับ และอากาศยานและส่วนประกอบ

    • การส่งออกไปสหภาพยุโรป15 หดตัวต่อเนื่องในอัตราเร่งเป็นเดือนที่ 3 ที่ -40.0%YOY สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ รถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ

    • การส่งออกไปตลาด CLMV ยังหดตัวสูงต่อเนื่องที่ -28.0%YOY หลังจากหดตัว -31.0%YOY ในเดือนก่อนหน้า โดยสินค้าที่หดตัว ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป และเคมีภัณฑ์

    • การส่งออกไปตลาดตะวันออกกลาง หดตัวในอัตราเร่งที่ -30.6%YOY โดยสินค้าหลักที่หดตัวคือ รถยนต์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์และอัญมณีและเครื่องประดับ

    ในส่วนของมูลค่าการนำเข้าหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ที่ -34.4%YOY โดยเป็นการหดตัวในทุกหมวดสำคัญ ได้แก่ สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (-26.1%YOY) หมวดสินค้าเชื้อเพลิง (-70.0%YOY) สินค้าทุน (-25.2%YOY) สินค้าอุปโภคบริโภค (-22.6%YOY) และยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง (-39.7%YOY) ตามลำดับ ตามผลกระทบของมาตรการปิดเมืองในไทยและหลายประเทศทั่วโลก การแพร่ระบาดของ COVID-19 รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ การนำเข้าในช่วง 5 เดือนแรกของปี หดตัว -11.6%YOY

    การส่งออกที่หดตัวระดับสูงในเดือนพฤษภาคมแสดงถึงผลกระทบที่ชัดเจนจาก COVID-19 ทั้งในด้านความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกและปัญหา supply chain disruption ที่เกิดจากมาตรการปิดเมือง (Lockdown) ในหลายประเทศ โดยจากรูปที่ 3 พบว่ามาตรการปิดเมืองในหลายประเทศมีความเข้มงวดมากสุดในช่วงเดือนเมษายนจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม หลังจากนั้น จึงค่อยๆ มีการผ่อนคลายมาตรการ ดังนั้น จึงทำให้คาดว่าการส่งออกในระยะถัดไป จะมีแนวโน้มหดตัวน้อยลง เนื่องจากปัญหา supply chain disruption มีแนวโน้มคลี่คลายลง

    แม้ว่าการส่งออกจะมีแนวโน้มปรับดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปีแต่ EIC คาดว่า การฟื้นตัวจะเป็นไปอย่างช้าๆ จากหลายปัจจัยเสี่ยงที่ยังกดดันการฟื้นตัวของภาคส่งออก ได้แก่

    1) เศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากผู้บริโภคในหลายประเทศทั่วโลกจะยังระมัดระวังในการใช้จ่าย รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนที่จะถูกกดดันจากยอดขายที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่งบดุลที่เปราะบางมากขึ้นและความไม่แน่นอนในระดับสูง โดยการส่งออกในระยะถัดไปอาจได้รับปัจจัยบวกบางส่วนจาก pending demand หลังจากที่มาตรการปิดเมืองในหลายประเทศมีแนวโน้มผ่อนคลายในระยะข้างหน้า แต่ผลบวกที่เกิดจะเป็นแค่ในระยะสั้นและอาจมีขนาดเล็ก เนื่องจากความต้องการสินค้าส่งออกของไทยยังถูกกดดันด้วยสภาพเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาและอยู่ในภาวะถดถอย รวมถึงความไม่แน่นอนของการระบาด COVID-19 ที่อาจกลับมาระบาดในระดับรุนแรงได้อีกครั้ง

    2) ราคาน้ำมันที่ยังหดตัวต่อเนื่อง ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดันมูลค่าการส่งออกในภาพรวม เนื่องจากราคาสินค้าส่งออกหลายประเภทเคลื่อนไหวสอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบ อาทิ สินค้าเกษตร สินค้าอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสินค้าจำพวกปิโตรเคมีและสินค้าน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนั้น เมื่อราคาน้ำมันดิบหดตัวในระดับสูงย่อมส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าส่งออกในภาพรวม ซึ่งจะเป็นปัจจัยซ้ำเติมปริมาณส่งออกสินค้าที่ลดลงอยู่แล้ว ทำให้มูลค่าส่งออกมีแนวโน้มหดตัวเพิ่มขึ้น

    3) ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่กลับมาในช่วงเดือนพฤษภาคม 2020 (รูปที่ 4) ซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงต่อนโยบายการค้าโลกที่ปรับสูงขึ้น หลังจากที่สหรัฐฯ และจีนลงนามข้อตกลงระยะที่ 1 เมื่อเดือนมกราคม 2020 จีนนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เพียง 45% ของเป้าหมายมูลค่าการนำเข้าที่ตกลงกันไว้ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สหรัฐฯ กดดันจีนในด้านต่างๆ ทำให้ความเสี่ยงต่อนโยบายการค้าการลงทุนในระยะต่อไปกลับมาเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับสงครามการค้าได้รับผลกระทบเพิ่มเติมในอนาคต

    อย่างไรก็ดี ในช่วง 5 เดือนแรก การส่งออกทองคำที่ขยายตัวมากถึง 386.1%YOY เช่นเดียวกับการส่งกลับอาวุธที่เพิ่มขึ้นมาก ทำให้มูลค่าการส่งออกรวมในช่วง 5 เดือนแรกหดตัวเพียง -3.7%YOY ดังนั้น จึงทำให้ EIC คาดว่าการหดตัวของมูลค่าส่งออกโดยรวมทั้งปี 2020 จะต่ำกว่าที่เคยคาดไว้มาอยู่ที่ -10.4%

    ทั้งนี้ ต้องมีการติดตามภาวะเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด หลังตัวเลขเร็ว (High frequency data) เริ่มส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจโลกกำลังผ่านจุดต่ำสุด (bottoming out) โดยจากการติดตามข้อมูลเร็วหลังมีมาตรการผ่อนคลายการปิดเมือง รวมถึงมุมมองของหลายสำนักวิจัยระดับโลกพบว่า มีแนวโน้มที่เศรษฐกิจโลกอาจฟื้นตัวเร็วกว่าคาด ซึ่งจะส่งผลต่อการส่งออกของไทยโดยตรง โดย EIC จะมีการติดตามสถานการณ์และประเมินแนวโน้มภาคส่งออกของไทยอย่างใกล้ชิดในระยะต่อไป

    Source: การเงินธนาคารออนไลน์
    https://www.moneyandbanking.co.th/article/eic-import-export-covid-19-2506

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทำไมเศรษฐกิจจีนฟื้นจากโควิดได้เร็ว: ในช่วงโควิด-19 หลายท่านคงจะมองว่าเศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการบริโภคของจีนถือได้ว่าฟื้นตัวเร็วกว่าเพื่อน

    แน่นอนว่าส่วนหนึ่งจากการที่สามารถจัดการผู้ติดเชื้อของโควิดระลอกแรกได้ก่อน ทว่าอีกส่วนหนึ่งผมมองว่าทางการจีนสามารถจัดการเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของที่อยู่อาศัยได้ค่อนข้างดี โดยบทความนี้ จะขอฉายภาพสถานการณ์และมาตรการของรัฐบาลในภาคเศรษฐกิจนี้ของจีนให้ทราบกัน ดังนี้

    จะว่าไปแล้ว ภาคอสังหาริมทรัพย์ด้านที่อยู่อาศัยของจีน มีลักษณะเฉพาะตัวอยู่ด้วยกัน 4 ประการ ดังนี้

    1.ภาคอสังหาริมทรัพย์จีน ถือเป็นเซกเตอร์ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโดยรวมมากกว่าของประเทศตะวันตก โดยคิดเป็น 20% เทียบกับจีดีพี อย่างไรก็ดี คนจีนที่มีฐานะส่วนใหญ่ แม้ว่าจะมีที่อยู่อาศัยมากกว่า 1 แห่ง ก็จะไม่ได้นำมาปล่อยเช่ากัน โดยส่วนใหญ่มักจะใช้ที่อยู่อาศัยเป็น Store of Value เสียมากกว่า ส่งผลให้ตลาดเช่าบ้านของจีนค่อนข้างไม่คึกคัก โดยมีคนจีนเพียง 15% เท่านั้นที่เช่าบ้านอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศใน OECD ส่งผลให้อัตราห้องว่างของพื้นที่เมืองใหญ่สูงราว 21% ในปี 2017

    ด้วยเหตุผลที่ชาวจีนมีสินทรัพย์เฉลี่ยกว่าครึ่งหนึ่งในรูปของที่อยู่อาศัย จึงส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์กลายเป็นจุดเปราะบางของเศรษฐกิจจีนไปด้วย โดยหากว่าราคาของอสังหาริมทรัพย์จีนลดฮวบลง ก็จะพาให้มูลค่าการบริโภคของประเทศจีนหดตัวลงไปด้วย จึงส่งผลให้ทางการของจีนให้ความสำคัญต่อภาคเศรษฐกิจนี้เป็นอย่างมากในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา และนำมาซึ่งการเกิดขึ้นของลักษณะเฉพาะตัวของอสังหาฯจีนในข้อถัดไป

    2.นโยบายของรัฐบาลจีนมีอิทธิพลต่อวัฏจักรราคาของภาคอสังหาริมทรัพย์จีน ทั้งนี้จะพบว่าในช่วงปี 2010-2011 ด้วยความกังวลว่ามาตรการกระตุ้นด้านการคลังมูลค่าเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ ของรัฐบาลจีน เพื่อลดผลกระทบของวิกฤตซับไพร์ม จะก่อให้เกิดฟองสบู่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดอสงหาฯของจีนรอบใหม่

    รัฐบาลจีนจึงตัดสินใจใช้มาตรการที่ทำให้ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยสามารถซื้อบ้านด้วยข้อจำกัดและต้นทุนที่สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาที่อยู่อาศัยชะลอตัวลง

    อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่ปี 2016 รัฐบาลจีนไม่ได้ทำการชะลอความร้อนแรงของตลาดอสังหาฯ ทั้งประเทศเหมือนกันหมด โดยส่วนใหญ่จะเน้นให้เกิดการชะลอตัวของความร้อนแรงในเมืองใหญ่ประเภท First-tier มากกว่า โดยที่เมืองที่มีขนาดเล็กลงมาอย่าง Second-tier และ Third-tier นั้น รัฐบาลจีนจะไม่ไปลดความร้อนแรงของตลาดอสังหาฯมากนัก เนื่องจากฟองสบู่ยังมีไม่มากนัก

    นอกจากนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือต่อผู้ที่มีรายได้น้อยซึ่งไม่สามารถมีที่อยู่อาศัยได้อย่างเหมาะสม รัฐบาลจีน ก็ได้เปิดโครงการนำบ้านที่สภาพไม่ดีนักมาแลกให้เป็นบ้านที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งความนิยมในส่วนนี้มีไม่มากนัก ทว่าที่นิยมมากว่า คือการที่ผู้มีรายได้น้อยสามารถมารับเงินสดจากทางการจีน เพื่อนำไปปรับปรุงหรือซื้อบ้านใหม่ให้ตนเอง ทั้งนี้ ในส่วนของภาคปฏิบัติ มักจะพบว่าผู้ที่ได้รับเงินก้อนนี้ไป มักจะใช้ไปกับการบริโภคหรือนำไปจ่ายเงินงวดของหนี้เดิมมากกว่าที่จะนำไปซื้อบ้านใหม่ให้กับตนเอง

    ที่คล้ายๆ กับบ้านเรา คือ นโยบายรัฐบาลสำหรับการเก็บภาษีสำหรับที่อยู่อาศัยและที่ดินว่างเปล่า เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาพื้นที่ร้างนั้น ได้วางแผนไว้มานานมากทว่าชะลอการนำมาใช้ในทางปฏิบัติจริงครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งจะเห็นได้ว่าธรรมชาติของตลาดอสังหาฯของบ้านเรากับจีนในแง่ของนโยบายภาครัฐมีความคล้ายคลึงกันอยู่ในระดับหนึ่ง

    3.ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีความยากลำบากมากขึ้นในการจัดหาแหล่งเงินมาทำธุรกิจ โดยสิ่งนี้เกิดจากความตั้งใจของรัฐบาลที่จะลดพฤติกรรมการเก็งกำไรของที่ดินโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ของจีน ทั้งนี้ แผนยุทธศาสตร์ชาติระยะเวลา 10 ปีของรัฐบาลจีนฉบับใหม่ ได้ประกาศให้ทางการเน้นให้สินเชื่อใหม่ที่จะออกมานำไปทุ่มให้กับอุตสาหกรรมที่มีระดับผลิตภาพที่สูงกว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลต่อต้นทุนทางการเงินและสภาพคล่องของผู้พัฒนาอสังหาิมทรัพย์ของจีน ที่ต้องหันไปออกหุ้นกู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดต่างประเทศ

    ซึ่งในเวลาต่อมาทางการจีนก็ออกกฎเกณฑ์ที่ห้ามไม่ให้ออกมาในปริมาณที่มากจนเกินไป ก็เลยจึงต้องหันมาพึ่งแหล่งเงินจากโดยอาศัย Pre-sale Funding ของลูกค้า ซึ่งในประเทศจีนไม่มีกฎหมายที่บังคับต้องนำเงินในส่วนนี้มาเข้าบัญชี Escrow ผู้ประกอบการอสังหาฯจีนจึงสามารถนำมาใช้ได้ ทว่ารัฐบาลจีนก็หันมาควบคุมการใช้เงินในส่วนนี้

    ท้ายสุด ผลกระทบจากโควิด-19 นั้น ต้องบอกว่ามีไม่มากนัก โดยตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ล่าสุดส่วนใหญ่ก็สามารถปรับตัวจากจุดที่ต่ำสุดได้อย่างค่อนข้างเร็วกว่าเพื่อน ส่วนหนึ่งมาจากอานิสงก์ของอุปสงค์และอุปทานของภาคอสังหาฯในจีน ที่สามารถปรับตัวในทิศทางตรงข้ามกันจนสามารถเข้าจุดดุลยภาพได้ค่อนข้างรวดเร็ว รวมถึงมาตรการการควบคุมฟองสบู่อสังหาฯที่ค่อนข้างเข้มข้นและถูกทางของทางการจีนในช่วงก่อนหน้า

    โดยที่สิ่งนี้ได้ส่งผลดีต่อภาคการบริโภคของเศรษฐกิจจีนในช่วงหลังโควิด-19 ทำให้สามารถกลับมาฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่าประเทศอื่น นอกเหนือจากที่สถานการณ์ผู้ติดเชื้อในระลอกแรกที่สามารถจบลงได้เร็วกว่าชาติอื่นในช่วงก่อนหน้านี้ครับ

    โดย ดร.บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ
    มุมคิดธนกิจ

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/886577

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น่าจะเข้าใจผิด เด็กที่จบออกมาได้งานดีๆ บางคนยังไม่ยอมใช้หนี้เลยก็มี "สุชาติ" ยกเลิกหนี้ กยศ.ให้นักเรียน-นศ. แนะ ให้เงินไปที่เด็กโดยตรง ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.คลัง เสนอ 9 ข้อ ยกเลิกหนี้ กยศ.ให้นักเรียน-นักศึกษา เพื่อสร้างอนาคตของชาติ เพราะวิธีการให้ยืมทำผิดมาตลอด จากนั้นให้ กยศ.ให้เงินยืมไปที่เด็กโดยตรง Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Facebook เจอบอยคอต ธุรกิจในสหรัฐอเมริกาเบรกซื้อโฆษณา
    หลายธุรกิจในสหรัฐอเมริกา เริ่มบอยคอตเฟซบุ๊ก (Facebook) ทั้ง Ben & Jerry’s The North Face และ Verizon ร่วมแคมเปญ The Stop Hate for Profit เบรกซื้อโฆษณา รอจนกว่าจะจัดการกับ Hate Speech ได้
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Facebook เจอบอยคอต ธุรกิจในสหรัฐอเมริกาเบรกซื้อโฆษณา
    หลายธุรกิจในสหรัฐอเมริกา เริ่มบอยคอตเฟซบุ๊ก (Facebook) ทั้ง Ben & Jerry’s The North Face และ Verizon ร่วมแคมเปญ The Stop Hate for Profit เบรกซื้อโฆษณา รอจนกว่าจะจัดการกับ Hate Speech ได้
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกาะสวรรค์ห้ำหั่นยาเสพติด
    เกาะเซเชลส์เริ่มประสบปัญหาประชาชนเสพติดเฮโรอีนมากที่สุดในโลก ด้วยตั้งแต่ปี 2560 พบผู้เสพมากขึ้น 4 เท่าตัว จากสถิติ ของรัฐบาลเองพบว่า ชาวเซเชลส์เสพผงนรกเฉียด 5,000 คน หรือ 10% ของประชากร
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กรมสรรพากร เตรียมเปิดให้ "จ่ายภาษีทุกประเภท" ผ่านออนไลน์ ดีเดย์ 1 ก.ค.63
    กรมสรรพากร ดีเดย์ จ่ายภาษีทุกประเภทผ่านออนไลน์ 1 ก.ค.63 รับกระแส New Normal พร้อมเว้นค่าธรรมเนียมถึงสิ้นปี
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

    นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร เผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ในภาพรวมมีผู้เสียภาษีมาใช้บริการ ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

    ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงและยกระดับมาตรฐานการให้บริการรองรับพฤติกรรมการดำเนินชีวิตยุค New Normal หรือความปกติใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.63 เป็นต้นไป กรมสรรพากรจึงสนับสนุนให้ยื่นแบบภาษีทุกประเภทผ่านทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะสามารถชำระภาษีผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ อี เพย์เมนต์ (e-Payment), อินเทอร์เน็ต แบงก์กิ้ง (Internet Banking), โมบาย แบงก์กิ้ง (Mobile Banking) เป็นต้น

    โดยสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการจะยกเว้นค่าธรรมเนียมให้ ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.63 ตามโครงการ Tax From Home ที่กรมสรรพากรผ่อนคลายเกณฑ์ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนชำระภาษีได้ง่ายที่สุด โดยประชาชนหรือผู้ประกอบการสามารถเลือกช่องทางการชำระภาษีได้ตามที่ปรากฏข้อมูลในชุดชำระเงิน (Pay In Slip) เพื่อส่งเสริมให้ผู้เสียภาษีสามารถทำธุรกรรมภาษี กับกรมสรรพากรได้จากที่บ้านแบบวันสต็อปเซอร์วิส (One-Stop Service) ไม่ต้องเดินทาง สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย

    สำหรับผู้ที่ยื่นแบบภาษีออนไลน์ไว้ก่อนวันที่ 1 ก.ค.63 และได้พิมพ์ชุดชำระเงินไว้แล้ว รวมทั้งกรณีบุคคลธรรมดาที่ยื่นแบบชำระภาษีไว้แล้ว และใช้สิทธิผ่อนชำระ 3 งวด เมื่อได้ชำระงวดใดงวดหนึ่งที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาไปแล้ว ยังคงชำระภาษีที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาต่อไปได้จนครบจำนวน อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในระลอกต่อไป จึงขอเชิญชวนผู้เสียภาษีใช้บริการยื่นแบบและชำระภาษีออนไลน์ของกรมสรรพากร เพราะสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย.

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เช็กรายชื่อ 42 โรงแรมดังในพัทยา ลดราคา 50% เปิดจองสิทธิ์ทางออนไลน์เท่านั้น
    เปิดรายชื่อ 42 โรงแรมดังใน "พัทยา" ลดราคาพิเศษ 50% พร้อมจองสิทธิ์ทางออนไลน์เท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2563 ขณะที่โรงแรม 5 ดาวเข้าร่วมด้วย
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ควันหลงเครื่องบินตก รมต.แฉ นักบินปากีฯ เกือบ 1 ใน 3 ใช้ใบอนุญาตปลอม
    รัฐมนตรีกระทรวงการบินของปากีสถาน เปิดเผยในรัฐสภา ว่านักบินมากกว่า 30% ในประเทศ ใช้ใบอนุญาตปลอม และไม่มีคุณสมบัตินำเครื่องขึ้นบิน หลังเกิดเหตุเครื่องบินตกเมื่อวันจันทร์
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คืบหน้าคดียักยอก 33 ล้าน ทีมสืบ ตร.ประจวบฯ พบเช็ค 3 แสนสั่งจ่ายคนกันเอง
    คืบหน้าคดียักยอกเงิน 33 ล้านบาท ตำรวจประจวบคีรีขันธ์ ประชุมเครียด หาผู้ร่วมกระทำผิดเพิ่ม พนักงานสอบสวนพบจ่ายเช็คธนาคาร 3 แสนบาท สั่งจ่าย จนท.ในสำนักงาน ผู้ว่าฯ สั่งลูกน้องงดให้สัมภาษณ์สื่อ
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กยศ. ชี้แจงเหตุลูกกู้เรียน ไม่จ่ายหนี้! บ้านพ่อโดนขายทอดตลาด เพราะขาดการติดต่อชำระหนี้

    นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า จากกรณีที่มี พี่สาวของผู้กู้ยืมเงินกองทุน ได้ร้องเรียนผ่านสื่อว่าถูกสำนักงานบังคับคดีจังหวัดแพร่ประกาศขายทอด ตลาดทรัพย์ โดยเป็นหนี้ กยศ. เพียง 17,000 กว่าบาท แต่กลับถูกบังคับคดียึดบ้านในราคา 2 ล้านกว่าบาท ไปขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ นั้น

    กองทุนได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่าผู้กู้ยืมถูกดำเนินคดีตั้งแต่ปี 2551 และศาลได้มีคำพิพากษาให้ชำระหนี้เงินต้น จำนวน 17,868 บาท พร้อมดอกเบี้ย แต่ผู้กู้ยืมไม่ได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา

    กองทุนจึงจำเป็นต้องดำเนินการสืบทรัพย์บังคับคดี จากการสืบทรัพย์พบทรัพย์สินของผู้กู้แต่ไม่สามารถยึดได้ เนื่องจากถูกเจ้าหนี้รายอื่นยึดไว้แล้ว กองทุนจึงจำเป็นต้องดำเนินการยึดทรัพย์ของผู้ค้ำประกันเมื่อปลายปี 2561 ซึ่งที่ดินดังกล่าวติดจำนองเจ้าหนี้รายอื่นอยู่

    ต่อมาในช่วงต้นปี 2562 ผู้กู้ยืมได้ชำระหนี้เพียงบางส่วน และไม่ได้ติดต่อกองทุนเพื่อทำบันทึกข้อตกลงงดการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้

    ทั้งนี้ หากผู้กู้ยืมหรือ ผู้ค้ำประกันมาติดต่อก็สามารถของดการขายทรัพย์และผ่อนชำระหนี้ได้อีก 6 ปี ต่อมาสำนักงานบังคับคดีจังหวัดแพร่ได้ดำเนินการประกาศขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยขายแบบติดจำนอง เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 และมีบุคคลภายนอกซื้อได้ในราคา 30,000 บาท โดยการขายครั้งนี้เป็นการขายครั้งที่ 11 ซึ่งในการขายทุกครั้งที่ผ่านมาไม่มีผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันมาดูแลการขาย

    กองทุนขอชี้แจงว่า ก่อนที่จะมีการบังคับคดี กองทุนพยายามที่จะติดต่อกับผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันทั้งทางจดหมายและทางโทรศัพท์ และได้ดำเนินการตามขั้นตอนการติดตามหนี้มาโดยตลอด จนในที่สุด กองทุนมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายโดยยึดทรัพย์ของผู้ค้ำประกันก่อนที่คดีจะขาดอายุความ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเนื่องจากเงินกู้ยืมเป็นเงินงบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีของประชาชน อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการช่วยเหลือลูกหนี้รายนี้ กองทุนก็ได้ประสานงานกับผู้ซื้อทรัพย์เพื่อให้ความช่วยเหลือ ซึ่งในเบื้องต้นผู้ซื้อทรัพย์ยินดีขายทรัพย์คืนให้แก่ผู้ค้ำประกันในราคาซื้อ

    ทั้งนี้ กองทุนขอฝากถึงผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันที่ถูกบังคับคดี ขอให้มาติดต่อที่กองทุน เพื่อจะได้โอกาสในการผ่อนชำระได้อีกไม่เกิน 6 ปี และขอฝากเรื่องการค้ำประกันการกู้ยืมใดๆ ขอให้ผู้ค้ำประกันตระหนักว่า จะเป็นภาระผูกพันทางกฎหมาย โดยขอให้ผู้กู้ยืมชำระหนี้เป็นปกติเพื่อไม่ให้ถูกฟ้องร้อง จนเดือดร้อนถึงผู้ค้ำประกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบิดามารดาและญาติๆ และกองทุนขอให้ผู้กู้ยืมรุ่นพี่ทุกท่านตระหนักถึงการชำระคืนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้แก่รุ่นน้องต่อไป

    The post กยศ. ชี้แจงเหตุลูกกู้เรียน ไม่จ่ายหนี้! บ้านพ่อโดนขายทอดตลาด เพราะขาดการติดต่อชำระหนี้ appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ญี่ปุ่นพับแผนตั้งระบบมิสไซล์ ‘เอจิส’ ของสหรัฐฯ เล็งใช้แผนโจมตีก่อนแทน
    จีนประกาศยกเลิกแผนการติดตั้งระบบขีปนาวุธป้องกันอากาศยานของสหรัฐฯ แล้วเพราะค่าใช้จ่ายสูงและไม่ปลอดภัย และกำลังพิจารณาใช้มาตรการโจมตีก่อนแทน
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.8 ที่ จ.เลย บ้านสั่นทั่วเมือง รุนแรงมากกว่าทุกครั้ง

    เมื่อเวลา 21.37 น.วันที่ 25 มิ.ย.2563 ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากกองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ว่า เครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ตั้งอยู่ที่ อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำหมานตอนบน ต.น้ำหมาน อ.เมืองเลย จ.เลย ส่งสัญญาณว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.8 ที่ความลึก 5 กม . มีศูนย์กลางอยู่ที่ อ.เมืองเลย จ.เลย และมีประชาชนพื้นที่ต่างๆของ จ. เลย แจ้งถึงแรงสั่นสะเทือนว่ามีความสั่นสะเทือนที่ บ้านหนองผักก้าม หมู่ 13 ต.เมือง อ.เมืองเลย ถึง ความรู้สึกบ้านเดี่ยว 1 ชั้น รู้สึกเหมือนคนจับบ้านเขย่า หน้าต่างกระจกมีเสียงดังเหมือนมีคนเคาะหรือทุบ ส่วน ต. กุดป่อง (เขตเทศบาลเมืองเลย) และ ต.ชัยพฤกษ์ อ.เมืองเลย บ้านเดี่ยวมากกว่า 1 ชั้น 2 ชั้น เตียงสั่น พื้นสั่น หอพักภูกระดึง มหาวิทยาลัยราชภัฎเลย หอพัก อพพาร์ทเมนท์ แฟลต แมนชั่น รู้สึกตึกสั้นไหว เสียงดังแรงสั่นจนรู้สึกได้
    ประชาชนแจ้งอีกว่า มีพื้นที่ได้รับแรงสั้นสะเทือนอีกคือ หมู่ 5 บ้านห้วยทรายคำ หมู่ 9 ต.นาแขม อ.เมืองเลย บ้านสั่นสะเทือน มีเสียงดัง เหมืองแรงยางรถบรรทุกพลิกคว่ำเช่นเดียวกับบ้านนาสี ต.จอมศรี อ.เชียงคาน และ พื้นที่ อ.ท่าลี่ ก็รู้สึกได้เช่นกัน และครั้งนี้น่าจะมีความรุนแรงมากกว่าทุกๆครั้งที่มีศูนย์จากที่ จ. เลย ขณะนี้ทางราชการ ฝ่ายปกครองป้องกัน ฝ่ายความมั่นคง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งออกไปสำรวจบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบเป็นการด่วนแล้ว

    The post เกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.8 ที่ จ.เลย บ้านสั่นทั่วเมือง รุนแรงมากกว่าทุกครั้ง appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    2 ปีที่รอคอย เหตุอีโบลาระบาดครั้งรุนแรงที่สุดในดีอาร์คองโก จบลงแล้ว
    ดีอาร์คองโกประกาศ สิ้นสุดการระบาดของไวรัสอีโบลาครั้งรุนแรงที่สุดในภาคตะวันออกของประเทศแล้ว หลังจากระบาดมานานเกือบ 2 ปี มีผู้เสียชีวิต มากกว่า 2,200 ศพ
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สารหนูในเห็ดหอมแห้ง
    เห็ดหอม เป็นวัตถุดิบที่นำมาปรุงอาหารได้ทั้งแบบสดและแบบแห้ง ส่วนใหญ่ใช้ใส่ในเมนูอาหารจีนเพิ่มให้รสชาติอร่อย มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวและชาวจีนยังเชื่อว่า เห็ดหอมเป็นยาบำรุงกำลังชั้นดี
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

    เห็ดหอม เป็นวัตถุดิบที่นำมาปรุงอาหารได้ทั้งแบบสดและแบบแห้ง ส่วนใหญ่ใช้ใส่ในเมนูอาหารจีนเพิ่มให้รสชาติอร่อย มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวและชาวจีนยังเชื่อว่า เห็ดหอมเป็นยาบำรุงกำลังชั้นดี มีสรรพคุณทางยามากมาย แต่การนำเห็ดหอมแห้งมาปรุงอาหารควรซื้อจากร้านค้าที่มั่นใจได้ถึงคุณภาพ ความสะอาด ปลอดภัย เพราะแทนที่จะได้รับประโยชน์อาจมีสารหนูปนเปื้อน

    สารหนู เป็นโลหะหนักที่พบได้ตามธรรมชาติ ดิน แหล่งน้ำ ในพืชและสัตว์ทะเล สารหนู มีการนำมาใช้เป็นวัตถุดิบผลิตยากำจัดศัตรูพืช ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าวัชพืช น้ำยาถนอมเนื้อไม้ สารหนูที่พบปนเปื้อนในวัตถุดิบอาหารเช่น เห็ดหอม เกิดจากการที่เกษตรกรใช้ดิน น้ำและวัสดุที่ปนเปื้อนสารหนูมาใช้เพาะเห็ดหอม ยิ่งหากเพาะในพื้นที่ใกล้แหล่งอุตสาหกรรม ใช้ดิน หรือวัสดุที่มีสารหนูปนเปื้อนจะทำให้เห็ดหอมมีการดูดซึมสารหนูไว้ในเห็ดได้มากขึ้น

    หากบริโภคเห็ดหอมที่ปนเปื้อน สารหนูจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย 80-90% และขับออกทางปัสสาวะใน 2 วัน แต่ถ้าได้รับสารดังกล่าวติดต่อเป็นเวลานานจะสะสมในร่างกายทำให้เกิดเป็นแผล หรือเป็นรูที่ช่องจมูก ผิวหนังหนาขึ้นมีรอยด่างดำที่ผิวหนัง ชาตามปลายมือปลายเท้า แขนและขาอ่อนเพลียตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 414) พ.ศ.2563 เรื่องมาตรฐานอาหารที่มีสารปนเปื้อน กำหนดให้พบสารหนูในอาหารอื่นๆ (รวมเห็ดหอมแห้ง) ไม่เกิน 2 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม

    เพื่อความปลอดภัยในชีวิต สถาบันอาหาร ได้สุ่มตัวอย่างเห็ดหอมแห้งจำนวน 5 ตัวอย่าง จาก 2 ร้านค้าย่านเยาวราช และ 3 ยี่ห้อ จากตลาดซุปเปอร์มาร์เกตในกรุงเทพฯ นำมาวิเคราะห์ ผลปรากฏว่า พบสารหนูปนเปื้อนในเห็ดหอมแห้งทั้ง 5 ตัวอย่าง พบปริมาณปนเปื้อนน้อยมาก และไม่เกินค่ามาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข.

    ไทยรัฐ+สถาบันอาหารโครงการอาหารปลอดภัย

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กรมชลฯเตือนรับมือแล้งในหน้าฝน ชะลอปลูกข้าวนาปี-ใช้น้ำประหยัด
    เตือนทุกฝ่ายใช้น้ำอย่างประหยัด เพราะตั้งแต่ปลาย มิ.ย.-กลาง ก.ค.นี้จะมีปริมาณฝนตกน้อย เกิดภาวะฝนทิ้งช่วง หรือสถานการณ์แล้งในหน้าฝน
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

    นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ เตือนทุกฝ่ายใช้น้ำอย่างประหยัด เพราะตั้งแต่ปลาย มิ.ย.-กลาง ก.ค.นี้จะมีปริมาณฝนตกน้อย เกิดภาวะฝนทิ้งช่วง หรือสถานการณ์แล้งในหน้าฝน ล่าสุด ณ วันที่ 17 มิ.ย.2563 ผลการเพาะปลูกข้าวนาปีทั้งประเทศมีการทำนาปีไปแล้ว 4.43 ล้านไร่ หรือ 26% ของแผนการปลูกข้าวทั้งหมดที่วางไว้ 16.79 ล้านไร่

    ด้านนายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อน ปี 2563 มีปริมาตร 30,765 ล้าน ลบ.ม.หรือ 43% ของความจุอ่างฯ และมีปริมาตรน้ำที่ใช้การได้เพียง 7,484 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งปริมาตรน้ำน้อยกว่าปีก่อน 5,563 ล้าน ลบ.ม. และจากการติดตามสภาพฝนที่ตกในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำพบว่าปริมาณฝนที่ตกในลุ่มน้ำปิง วัง ยม และน่าน ยังอยู่ในเกณฑ์ไม่มากนัก

    “การทำนาในปีนี้ทำได้น้อยกว่าปีก่อนค่อนข้างมาก เพราะปริมาณน้ำต้นทุนมีน้อย และกรมชลประทานเก็บน้ำสำรองไว้เพื่อการอุปโภคบริโภค ส่วนการทำการเกษตรสนับสนุนให้ใช้น้ำฝน ซึ่งขณะนี้ฝนเริ่มทิ้งช่วง จึงขอความร่วมมือจากชาวนาและเกษตรกรชะลอทำการเกษตรจนกว่าจะมีฝนใหม่ลงมา เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อพืชเกษตร และหวังว่าหลังฝนทิ้งช่วง ชาวนาจะสามารถทำนาได้ตามเป้าหมายที่วางไว้”.

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ป้องกันการละลายของธารน้ำแข็งในอิตาลี
    ในภาคเหนือของอิตาลีนั้น มีรายงานว่าธารน้ำแข็งเปรเซนา (Presena glacier) ได้สูญเสียปริมาตรไปมากกว่า 1 ใน 3 นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2536 ความกังวลในสัญญาณความสูญเสียนี้ทำให้นักอนุรักษ์
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

    ในภาคเหนือของอิตาลีนั้น มีรายงานว่าธารน้ำแข็งเปรเซนา (Presena glacier) ได้สูญเสียปริมาตรไปมากกว่า 1 ใน 3 นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2536 ความกังวลในสัญญาณความสูญเสียนี้ทำให้นักอนุรักษ์ พยายามที่จะหยุดยั้งให้ได้และต้องแข่งกับเวลา เมื่อการละลายของธารน้ำแข็งไม่เคยรั้งรอเช่นกัน ดังนั้น เมื่อฤดูเล่นสกีสิ้นสุดลง จึงมีการใช้ผ้าใบกันน้ำ สีขาวผืนใหญ่มาคลุมธารน้ำแข็งป้องกันแสงอาทิตย์

    เนื่องจากพื้นธารน้ำแข็งเปรเซนามีการหดตัว อย่างต่อเนื่อง จึงต้องใช้ผ้าใบคลุมให้มากที่สุด ซึ่งมีการวางแผนว่าจะคลุมให้ได้ 100,000 ตารางเมตร ผ้าใบกันน้ำเป็นแบบจีโอเท็กซ์ไทล์ (Geotextile) ที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้ป้องกันการพังทลายของดิน ควบคุมอุณหภูมิดินและปริมาณน้ำ การนำมาคลุมธารน้ำแข็งก็เพื่อให้สะท้อนแสงอาทิตย์ และรักษาอุณหภูมิให้ต่ำกว่าผิวภายนอก เป็นการรักษาธารน้ำแข็งและหิมะให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นั่นเอง

    น้ำแข็งในแถบอัลไพน์กำลังได้รับการปกป้องจากภาวะโลกร้อน ซึ่งบริเวณชายแดนระหว่างแคว้นลอมบาร์เดียและภูมิภาคเทรนติโน อัลโต อาดิจ ได้มีการคลี่แผ่นผ้าใบคลุมหิมะเป็นแถบยาวครอบคลุมพื้นที่ที่ระดับความสูง 2,700-3,000 เมตร.

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เราไปเที่ยวกัน ใจป้ำจัดส่วนลดเที่ยวพัทยา 50% จำกัด 8,000 สิทธิ์เท่านั้นรีบหน่อย

    ข่าวล่าสุด เราไปเที่ยวกัน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานพัทยา ร่วมกับเครือข่ายภาคเอกชน โรงแรม แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ รวมถึงสถานบริการอาทิ ร้านนวด ร้านอาหาร จัดกิจกรรมพร้อมสิทธิ์สุดพิเศษในชื่อโครงการ TAT Hot Deal@Pattaya Chonburi ด้วยการมอบส่วนลดสุดพิเศษถึง 50% เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนกว่า 8,000 สิทธิ์

    โดย TAT Hot Deal@Pattaya Chonburi เป็นการมอบส่วนลดให้ไปเลย 50% โดยมีสิทธิ์พิเศษในการลดหย่อนทั้ง โรงแรม แหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร และสปา รวมกว่า 100 แห่ง โดยนักท่องเที่ยวสามารถซื้อบัตรกำนัล หรือ เวาเชอร์ ของสินค้า และบริการต่างๆ ได้ผ่าน Online Platform

    ทั้งนี้การยืนยันสิทธิ์ไปยังสถานประกอบการที่ซื้อเวาเชอร์ไว้ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกวันเดินทางไปใช้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม จนถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563

    ด้าน นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า “เมืองพัทยาได้เตรียมความพร้อมในการจัดระเบียบแหล่งท่องเที่ยวสาธารณะ เช่น ชายหาดพัทยา ชายหาดจอมเทียน และชายหาดอื่นๆ สำหรับรองรับการท่องเที่ยวเป็นอย่างดีตามแนวทาง New Normal เพื่อสร้างมาตรฐานด้านการท่องเที่ยวของเมืองพัทยา และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อน

    นอกจากนี้ เมืองพัทยายังได้รับความร่วมมือจากสถานประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอย่างดี เกี่ยวกับการปฏิบัติตามแนวทางด้านสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 นอกจากนี้ เมื่อสถานการณ์ COVID-19 ได้คลี่คลายจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เมืองพัทยาเตรียมการที่จะจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการเดินทางมาท่องเที่ยวต่อไป

    นางปิ่นนาถ เจริญผล ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา กล่าวว่า “กิจกรรม TAT Hot Deal @ Pattaya Chonburi จัดขึ้น เพื่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญแก่นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการภาคธุรกิจท่องเที่ยวของชลบุรี ให้ได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

    การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือของเครือข่ายพันธมิตรทางการตลาดของ ททท. ที่ได้ร่วมกันมอบส่วนลดสินค้าและบริการท่องเที่ยว ทั้งโรงแรม แหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร และสปา จากราคาพิเศษ 50 %

    รวมถึงเป็นการบอกกล่าวไปยังนักท่องเที่ยวถึงความพร้อมของเมืองพัทยา สำหรับต้อนรับการกลับมาเยือนอีกครั้งของนักท่องเที่ยว ภายหลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้คลี่คลายลงไปจนปริมาณผู้ติดเชื้อจังหวัดชลบุรีกลายเป็นศูนย์

    อีกทั้งแต่ละสถานประกอบการได้มีการเตรียมความพร้อมของสถานที่และการบริการ เพื่อสร้างความมั่นใจ และความปลอดภัยด้านสุขอนามัยให้นักท่องเที่ยวได้มีความอุ่นใจและได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการเดินทางท่องเที่ยวเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี

    นายพิสูจน์ แซ่คู นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก และนายเอกสิทธิ์ งามพิเชษฐ์ นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา กล่าวว่า “ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวทั้ง โรงแรม แหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร และสปา ได้ร่วมกับ ททท. เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นการท่องเที่ยวของพัทยา ชลบุรี ด้วยการมอบส่วนลดพิเศษ 50 % ให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทย

    โดยมีโรงแรมทุกระดับราคา แหล่งท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวได้หลากหลายกลุ่ม ร้านอาหารที่มีบรรยากาศสวยงาม อาหารทะเลอร่อย และสปาที่ได้มาตรฐาน เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อเป็นทางเลือกให้นักท่องเที่ยวได้ตัดสินใจเลือกซื้อ และวางแผนการเดินทางได้เป็นอย่างดี

    The post เราไปเที่ยวกัน ใจป้ำจัดส่วนลดเที่ยวพัทยา 50% จำกัด 8,000 สิทธิ์เท่านั้นรีบหน่อย appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

     

แชร์หน้านี้

Loading...