ติดตามสถานะการณ์

UPDATE: สภาพบผู้ติดโควิด-19 จำนวน 2 ราย เป็นพนักงานเก็บจานและเสิร์ฟอาหารให้ รมต.-ส.ส. ยืนยันควบคุมการแพร่ระบาดได้
.
วันนี้ (18 มิถุนายน) นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวถึงมาตรการป้องกันโควิด-19 ของรัฐสภาว่า สภามีมาตรการอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด และยืนยันว่าไม่ได้หละหลวม แต่มาตรการต่างๆ แม้จะจัดให้รัดกุมก็ไม่สามารถที่จะป้องกันการติดเชื้อได้ 100% แต่เมื่อมีการติดเชื้อแล้วต้องควบคุมให้ได้ เพราะที่ผ่านมารัฐสภามีผู้ติดโควิด-19 แล้ว 19 ราย ซึ่งสามารถควบคุมไม่ให้มีการแพร่ระบาดเกิดขึ้นในสภาได้
.
สำหรับการพบผู้ติดเชื้อใหม่ในสภาขณะนี้มี 2 ราย รายแรกเป็นพนักงานเก็บจานผู้หญิง ทำงานในส่วนห้องอาหารชั้น 1 ซึ่งได้รับเชื้อมาจากลูกชาย และพบว่ามีผู้เสี่ยงสูง 4 ราย ยังไม่ทราบผล 2 ราย รอส่งตรวจอีก 2 ราย และมีผู้เสี่ยงต่ำ 2 ราย ซึ่งได้ให้กักตัว 14 วันแล้ว
.
ส่วนผู้ป่วยอีกรายเป็นผู้หญิงเช่นกัน ซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญของรัฐสภาที่ยังคงเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในรัฐสภา เพื่อบริการเสิร์ฟน้ำและอาหารให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และรัฐมนตรี (รมต.) บางคนในวันที่ 9 และ 10 มิถุนายน ซึ่งวันที่ 9 ได้ไปเสิร์ฟอาหารให้กับ รมต. ที่ชั้น 3 โซนห้องประชุม ส.ส. และในวันที่ 10 ได้เข้าไปเสิร์ฟอาหารภายในห้องทำงานของ ส.ส. ก่อนที่วันที่ 11 มิถุนายน จะมีไข้และปวดตามเนื้อตัว จึงไปตรวจหาเชื้อในวันที่ 15 มิถุนายน และพบว่าติดโควิด-19
.
ซึ่งกรณีนี้มีเจ้าหน้าที่รัฐสภาที่มีความเสี่ยงสูงจำนวน 4 ราย อยู่ระหว่างการรอผลตรวจ หลังไปตรวจเชื้อเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา และตรวจในวันนี้ (18 มิถุนายน) อีก 3 ราย และพรุ่งนี้ (19 มิถุนายน) อีก 1 ราย โดยทั้งหมดจะต้องกักตัวตามมาตรการ ส่วน รมต. ที่แม้ส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนนั้นก็ได้ไปตรวจหาเชื้อแล้วและไม่พบการติดเชื้อ โดย ส.ส. ที่ใกล้ชิดก็ได้แจ้งให้รับทราบแล้ว ขณะนี้รัฐสภาพบผู้ติดโควิด-19 รวม 19 ราย แต่ยืนยันว่าสามารถควบคุมการแพร่ระบาดภายในได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคลัสเตอร์รัฐสภา
.
ทั้งนี้ นพ.สุกิจ ยังกล่าวถึงการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในสัปดาห์หน้าที่จะมีการรวมตัวของ ส.ส. 500 คน และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 500 คนภายในรัฐสภาว่า รัฐสภามีความพร้อมในมาตรการ แต่ต้องยอมรับว่าการเว้นระยะห่างภายในห้องประชุมรัฐสภาในช่วงการลงมติทำได้ยาก แต่มั่นใจว่าการสวมใส่หน้ากากอนามัยจะสามารถป้องกันได้ และในระหว่างการประชุม ส.ส. และ ส.ว. สามารถเข้าไปรับฟังการประชุมภายในห้องทำงานส่วนตัวได้ เพื่อลดการรวมตัวภายในห้องประชุมพระสุริยัน
.
นพ.สุกิจ ย้ำด้วยว่า มาตรการของรัฐสภาในการป้องกันโควิด-19 ทั้งวันที่มีการประชุมและงดการประชุมได้จัดอย่างเหมาะสม ไม่ถึงขั้นไม่ให้บุคคลนอกเข้ามาไม่ได้ แต่จะไม่หละหลวมและเก็บรายละเอียดทุกแง่มุมภายในและนอกห้องประชุม โดยจะเข้มงวดอยู่เสมอ แต่แม้มาตรการจะเข้มงวด ก็จะต้องขึ้นอยู่กับการปฏิบัติด้วย เพราะไม่สามารถให้ทุกคนปฏิบัติตนได้อย่างเคร่งครัดทุกกรณี เช่น การประชุมสภาที่ประธานการประชุมต้องคอยกำชับ ส.ส. รักษาระยะห่าง ไม่ให้ ส.ส. ไปนั่งรวมกันเพื่อออกโทรทัศน์ แต่ยืนยันว่ารัฐสภายังสามารถรับมือการระบาดได้
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#COVID19NOW #ฝ่าวิกฤตโควิด19 #โควิด19 #COVID19 #TheStandardNews

 

UPDATE: สำรวจความคืบหน้าแผนเปิดประเทศของนานาชาติ ความหวังและโอกาสฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
.
อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นรายได้หลักสำหรับหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงไทย ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตแพร่ระบาดรุนแรงของโรคโควิด-19 ในช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก่อให้เกิดการปิดกั้นและจำกัดการเดินทางข้ามพรมแดน
.
โดยสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (World Travel and Tourism Council: WTTC) ประเมินความเสียหายที่เกิดกับธุรกิจในภาคการท่องเที่ยว คาดว่าสูงถึงเกือบ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เฉพาะสายการบินสูงถึง 1.26 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำให้แรงงานในอุตสาหกรรมนี้ต้องสูญเสียงานไปกว่า 62 ล้านตำแหน่ง
.
ความหวังในการพลิกฟื้นสถานการณ์ของทั่วโลกตอนนี้อยู่ที่การเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่สิ่งสำคัญคือแผนดำเนินการเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า จะไม่เป็นการนำผู้ติดเชื้อเข้าประเทศ
.
ซึ่งโมเดลในการเปิดรับนักเดินทางของหลายประเทศก็มีความแตกต่างกัน บางประเทศเริ่มอนุญาตเฉพาะผู้ฉีดวัคซีนแล้ว แต่อีกหลายประเทศยังจำเป็นต้องมีการตรวจเชื้อหรือกักตัวเพื่อเฝ้าระวัง
.
และนี่คือข้อมูลความคืบหน้าในแผนเปิดประเทศทั่วโลก ใครใช้โมเดลไหน และเดินหน้าไปไกลแค่ไหน และใครที่กำลังตามหลัง
.
ยุโรป
ประเทศในกลุ่ม EU ทยอยปรับเปลี่ยนกฎระเบียบเพื่อเปิดประเทศต้อนรับนักเดินทางอย่างช้าๆ โดยอนุญาตให้พลเรือนจากในกลุ่ม EU และนอก EU บางประเทศ สามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องตรวจเชื้อหรือกักตัวหากได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว
.
-ฝรั่งเศส
เปิดประเทศต้อนรับนักเดินทางต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสจากประเทศในกลุ่ม EU และนอก EU ได้แก่ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอิสราเอล สามารถเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องตรวจเชื้อ ส่วนนักเดินทางจากประเทศเหล่านี้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเข้าประเทศได้แต่จำเป็นต้องมีผลตรวจเชื้อเป็นลบ
.
วัคซีนที่อนุญาต คือวัคซีนที่ผ่านการรับรองจากองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (European Medicines Agency: EMA) ได้แก่ Pfizer-BioNTech, Moderna, AstraZeneca (ต้องฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้วอย่างน้อย 2 สัปดาห์ นับจากโดสสุดท้าย) และ Johnson & Johnson (เป็นวัคซีนแบบโดสเดียว ต้องฉีดครบโดสอย่างน้อย 4 สัปดาห์)
.
สำหรับประเทศนอกเหนือจากนี้ ซึ่งถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มบัญชีแดง (Red List) ของฝรั่งเศส ซึ่งรวมถึง แอฟริกาใต้ บังกลาเทศ ชิลี และโคลอมเบีย จะได้รับอนุญาตเข้าประเทศในกรณีจำเป็น แต่ต้องมีการกักตัวอย่างน้อย 7 วันแม้จะได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว
.
-สเปน
ไฟเขียวต้อนรับนักเดินทางที่ฉีดวัคซีนแล้วจากหลายประเทศในกลุ่ม EU และประเทศทั่วโลกส่วนใหญ่ เริ่มตั้งแต่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา สามารถเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว แต่ต้องแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบโดสอย่างน้อย 14 วัน
.
วัคซีนที่ได้รับอนุญาต ได้แก่วัคซีนที่ผ่านการรับรองจาก EMA หรือองค์การอนามัยโลก (WHO)
.
-กรีซ
เปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวจากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศในกลุ่ม EU สหรัฐฯ แคนาดา รัสเซีย และจีน โดยต้องมีทั้งใบรับรองการฉีดวัคซีนที่ฉีดครบโดสแล้วอย่างน้อย 14 วัน และผลตรวจเชื้อแบบ PCR ที่เป็นลบ แต่ยังมีการสุ่มตรวจเชื้อด้วยชุดตรวจแบบรวดเร็ว หรือ Rapid Test ที่สนามบิน
.
วัคซีนที่ได้รับอนุญาต ได้แก่ Pfizer-BioNtech, Moderna, AstraZeneca, Novavax, Johnson & Johnson, Sinovac, Sputnik V, Casino Biologics และ Sinopharm
.
-ไซปรัส
รัฐบาลไซปรัสประกาศเปิดประเทศเมื่อ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากหลายสิบประเทศทั่วโลก รวมถึงชาติสมาชิก EU ทั้งหมด และประเทศในเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) ตลอดจน แคนาดา อียิปต์ เซอร์เบีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ
.
ใช้ระบบสี เขียว ส้ม แดง ในการกำหนดว่านักเดินทางจากประเทศไหนต้องแสดงผลตรวจเชื้อ แต่สำหรับนักเดินทางที่ผ่านการฉีดวัคซีนครบโดสและมีเอกสารรับรองถูกต้อง จะได้รับการยกเว้นไม่ว่าจะมาจากประเทศที่อยู่ในกลุ่มสีไหน
.
วัคซีนที่อนุญาต ได้แก่ วัคซีนที่อนุมัติใช้งานใน EU ตลอดจน Sputnik V และ Sinopharm
.
-โครเอเชีย
โครเอเชียอนุมัติใช้บัตรผ่านเดินทาง หรือ Travel Pass สำหรับนักเดินทางที่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบโดสหรือพิสูจน์ได้ว่าหายจากการติดเชื้อโควิด-19 แล้ว
.
นักเดินทางจากประเทศในกลุ่ม EU และ EEA ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสีเขียว ต้องแสดงเอกสารผลตรวจเชื้อแบบ PCR ที่เป็นลบ หรือเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน หลังฉีดโดสแรกหรือโดสที่ 2 แล้วอย่างน้อย 14 วัน หากไม่มีเอกสารดังกล่าวต้องกักตัว 10 วัน
.
ประชาชนจากสหราชอาณาจักรหรือนอกกลุ่ม EU และ EEA จะได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศสำหรับการเดินทางในกรณีจำเป็นเท่านั้น และสำหรับประชาชนจากแอฟริกาใต้ บราซิล และอินเดีย จำเป็นต้องกักตัวไม่ว่าจะฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่
.
วัคซีนที่ได้รับอนุญาต ได้แก่ วัคซีนที่ EU อนุมัติใช้ และวัคซีน Sputnik V
.
-เยอรมนี
อนุมัติใช้บัตรผ่านเดินทางสำหรับนักเดินทางที่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบโดส หรือพิสูจน์ได้ว่าหายจากการติดเชื้อโควิด-19 แล้ว
.
ผู้เดินทางเข้าประเทศทุกคน ต้องกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียนดิจิทัลก่อนเดินทาง และสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศทางเครื่องบิน ต้องมีเอกสารรับรองผลตรวจเชื้อเป็นลบก่อนเดินทาง แต่ยกเว้นสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว
.
นักเดินทางจากประเทศนอกกลุ่ม EU และเขตเชงเกนจะได้รับอนุญาตเข้าประเทศเฉพาะการเดินทางที่จำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น ส่วนนักเดินทางที่มาจากประเทศที่ถูกจัดให้อยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูงต้องกักตัวอย่างน้อย 10-14 วัน
.
นักเดินทางจากประเทศที่ทางการเยอรมนีระบุว่าเป็นพื้นที่ระบาดของสายพันธุ์ที่น่ากังวล (Area of Variant of Concern) เช่น สหราชอาณาจักร บอตสวานา เนปาล หรือโมซัมบิก ต้องถูกกักตัวก่อนเข้าประเทศแม้ฉีดวัคซีนแล้ว
.
-ประเทศ EU อื่นๆ
ส่วนประเทศอื่นๆใน EU เช่น เดนมาร์ก สโลวีเนีย ลัตเวีย เอสโตเนีย ออสเตรีย โปแลนด์ และลิทัวเนีย มีมาตรการเปิดพรมแดนต้อนรับนักเดินทางต่างชาติคล้ายกับเยอรมนี โดยยังจำกัดการเข้าประเทศของนักเดินทางจากนอก EU ที่ไม่มีความจำเป็น และมีการยกเว้นการตรวจเชื้อหรือกักตัวสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว
.
เอเชีย
หลายประเทศในเอเชีย ยังคงเผชิญสถานการณ์ระบาดระลอกใหม่ที่รุนแรงและไม่น่าไว้ใจ ทำให้แผนเปิดประเทศสำหรับหลายประเทศถูกระงับหรือเลื่อนออกไป
.
-ไทย
ไทยอนุญาตให้นักเดินทางต่างชาติเข้าประเทศ ภายใต้ข้อกำหนดและมาตรการป้องกันที่เข้มงวด เช่น การกักตัว 14 วันเมื่อเดินทางมาถึง ขณะที่รัฐบาลผลักดันมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วในบางจังหวัด เช่น โครงการแซนด์บ็อกซ์ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งจะอนุญาตให้นักเดินทางที่ฉีดวัคซีนแล้วเข้าภูเก็ตได้โดยไม่ต้องกักตัว เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
.
-กัมพูชา
กัมพูชาเผชิญสถานการณ์ระบาดครั้งใหม่จนต้องมีการประกาศล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวในบางพื้นที่ แต่ในทางเทคนิคแล้วนักเดินทางจากต่างชาติยังสามารถเดินทางเข้าประเทศได้ ภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมที่เข้มงวด เช่น การตรวจเชื้อล่วงหน้า 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง และการกักตัว 14 วันเมื่อเดินทางถึง
.
-เวียดนาม
สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ระลอกล่าสุด ทำให้เวียดนามต้องระงับแผนเปิดประเทศระยะแรก ที่ตั้งเป้าเปิดการท่องเที่ยวแบบจับคู่เดินทางหรือ Travel Bubble ในแหล่งท่องเที่ยวเมืองชายหาดทางภาคกลาง ช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน โดยปัจจุบันทางการเวียดนามยังคงบังคับใช้มาตรการกักตัวสำหรับนักเดินทางที่มาจากต่างประเทศ
.
-ลาว
สปป.ลาว เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต่ำที่สุดในโลก แต่การเปิดพรมแดนต้อนรับนักเดินทางยังเป็นไปอย่างจำกัด โดยต้องมีการกักตัว 14 วัน ขณะที่สถานการณ์แพร่ระบาดที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ทางการต้องพิจารณาใช้มาตรการล็อกดาวน์บางพื้นที่เพื่อควบคุมการระบาด
.
-อินโดนีเซีย
อินโดนีเซียที่ตอนนี้เผชิญการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา กำลังผลักดันมาตรการเปิดรับนักเดินทางต่างชาติในหลายเกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ทั้งบาหลี บินตัน และบาตัม ภายใต้โครงการที่ชื่อว่า ข้อตกลงระเบียงการเดินทาง (Travel Corridor Agreement: TCA) ที่จะอนุญาตให้ประชาชนจากประเทศที่มีผู้ติดเชื้อต่ำและอัตราการฉีดวัคซีนสูง สามารถเดินทางไปยังเกาะเหล่านี้ได้ โดยกำลังมีการหารือข้อตกลงกับเนเธอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จีน และเกาหลีใต้
.
-สิงคโปร์
สิงคโปร์มีแผนเปิดประเทศระยะแรกด้วยการจับคู่ Travel Bubble กับฮ่องกง แต่แผนถูกเลื่อนออกไปจากสถานการณ์ระบาดที่รุนแรงขึ้นในปัจจุบัน ขณะที่รัฐบาลสิงคโปร์มีแผนเปิดประเทศต้อนรับนักเดินทางที่ฉีดวัคซีนแล้วในช่วงปลายปีนี้
.
-จีน
จีนยังคงเข้มงวดในมาตรการจำกัดการเดินทางเข้าประเทศของนักเดินทางต่างชาติ โดยอนุญาตเฉพาะนักเดินทางที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำธุรกิจและต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน เช่น มีเอกสารรับรองผลตรวจเชื้อเป็นลบและกักตัว 14-21 วันเมื่อเดินทางไปถึง
.
-ญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นยังคงปิดประเทศต่อเนื่อง ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 4 แม้จะมีความพยายามเร่งควบคุมสถานการณ์ เพื่อรองรับการเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาโตเกียวโอลิมปิกที่มีกำหนดเปิดฉากในเดือนกรกฎาคม ซึ่งปัจจุบันนักเดินทางต่างชาติยังไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศเพื่อไปร่วมชมการแข่งขัน ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนใช้ระบบพาสปอร์ตวัคซีนเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวในอนาคต
.
ตะวันออกกลางและแอฟริกา
.
-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ยังคงปิดพรมแดนและจำกัดการเดินทางเข้าประเทศของนักเดินทางจากต่างชาติ โดยกรุงอาบูดาบียังบังคับใช้มาตรการกักตัวสำหรับผู้ที่กลับจากต่างประเทศ ไม่เว้นผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ส่วนดูไบเปิดประตูรับนักเดินทางต่างชาติตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว แต่มีมาตรการป้องกัน เช่น จำเป็นต้องมีผลตรวจเชื้อเป็นลบก่อนเดินทาง
.
-ซาอุดีอาระเบีย
ยังไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่เริ่มอนุญาตให้ประชาชนเดินทางไปต่างประเทศได้ตั้งแต่เดือนนี้ หากได้รับการฉีดวัคซีนแล้วหรือยืนยันได้ว่าหายจากการติดเชื้อโควิด-19 แล้ว
.
-อียิปต์
พยายามผ่อนคลายมาตรการเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งลดค่าธรรมเนียมวีซ่าท่องเที่ยว และลดมาตรการควบคุมสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งชายหาด ร้านกาแฟและร้านอาหาร แต่ยังจำเป็นต้องมีการตรวจเชื้อก่อนเดินทางเข้าประเทศ
.
ละตินอเมริกาและแคริบเบียน
.
-บราซิล
เปิดพรมแดนรับนักท่องเที่ยว แต่จำเป็นต้องแสดงผลตรวจเชื้อ PCR ที่เป็นลบก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง และมีใบรับรองสุขภาพของนักเดินทางจากสายการบินก่อนขึ้นเครื่อง โดยต้อนรับนักท่องเที่ยวจากเกือบทุกประเทศ ยกเว้นสหราชอาณาจักร ให้พำนักอยู่ได้ 90 วัน
.
ส่วนการเดินทางเข้าประเทศทางเรือและทางบกถูกจำกัดสำหรับนักเดินทางที่ไม่ใช่พลเรือน ขณะที่การกักตัวจะใช้สำหรับนักเดินทางที่มีอาการและยินยอมรับการกักตัวเท่านั้น
.
-เม็กซิโก
เปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่โดยไม่มีมาตรการจำกัดการเดินทาง นักเดินทางไม่จำเป็นต้องกักตัวหรือมีผลตรวจเชื้อก่อนเข้าประเทศ ท่ามกลางความพยายามฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แต่สถานการณ์ในหลายเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยเฉพาะเมืองชายหาดอย่างแคนคูนและโกซูเมล กำลังมีอัตราการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อพุ่งสูง จนทำให้ทางการท้องถิ่นต้องมีมาตรการจำกัดจำนวนคนในที่สาธารณะ
.
สหรัฐฯ
.
สหรัฐฯ ยังคงจำกัดการเดินทางเข้าประเทศ สำหรับนักเดินทางจากชาติยุโรปส่วนใหญ่ ตลอดจนจีน อินเดีย และบราซิล โดยผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ ไม่เว้นแม้แต่พลเรือนอเมริกัน จำเป็นต้องผ่านการตรวจเชื้อก่อนขึ้นเครื่อง ขณะที่ทางการสหรัฐฯ ยังคงปิดพรมแดนติดกับแคนาดา โดยอนุญาตเฉพาะนักเดินทางที่มีความจำเป็น
.
ภาพ: Photo by Karl-Josef Hildenbrand / picture alliance via Getty Images
.
อ้างอิง:
https://www.dw.com/en/which-eu-countries-accept-vaccinated-travelers/a-57808870
https://www.channelnewsasia.com/new...pening-covid-19-pandemic-summer-2021-14894880
https://www.euronews.com/travel/2021/06/16/what-s-the-latest-on-european-travel-restrictions
https://www.exotravel.com/blog/en/a...ions-reopening-plans-booking-recommendations/
https://edition.cnn.com/travel/article/brazil-travel-covid-19/index.html
https://www.scmp.com/news/china/dip...ouble-bringing-down-chinas-coronavirus-travel

 

UPDATE: โฆษกรัฐบาลบอก 120 วันเปิดประเทศ เป็นแค่หลักการ ไม่ใช่การเคานต์ดาวน์ ทยอยเปิดทุกจังหวัดทั่วประเทศตามความพร้อม
.
วันนี้ (18 มิถุนายน) อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความชัดเจนการกำหนด 120 วันการเปิดประเทศที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแถลงการณ์ว่า 120 วันเป็นหลักการ ไม่ใช่เรื่องกดปุ่ม ไม่ใช่เรื่องการเคานต์ดาวน์ แต่เป็นการเริ่มทยอยเปิดโดยทุกจังหวัดทั่วประเทศต้องไปเตรียมความพร้อม บูรณาการในส่วนของตัวเอง เป็นแผนการดำเนินการในภาพใหญ่ อย่างเช่นที่จังหวัดภูเก็ตก็เป็นจังหวัดแรกเริ่ม เนื่องจากเขามีความพร้อมก็สามารถเปิดได้ก่อน ซึ่งก็ไม่ถึง 120 วัน
.
“โดยในวันที่ 25 มิถุนายนนี้ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตไปพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อไปดูความพร้อมอีกครั้ง ส่วน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้” อนุชากล่าว
.
นอกจากนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.อ. ประยุทธ์ ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ หยางซิน (Yang Xin) อุปทูตสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เพื่อเจรจาซื้อวัคซีนเพิ่มเติม ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้แจ้งต่อที่ประชุม ศบค. ว่า อุปทูตจีนยืนยันว่าจะส่งมอบวัคซีนเพิ่มเติมจากยอดที่ได้จองซื้อไว้ก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายน ประกอบไปด้วยวัคซีนยี่ห้อ Sinovac จำนวน 2 ล้านโดส และ Sinopharm อีก 1 ล้านโดส
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#TheStandardNews

 

อย. เผย ขายน้ำส้มได้ ไม่ต้องขออนุญาต หากผลิต-ขายเอง ยกเว้นทำส่งร้านค้า พร้อมยินดีให้คำปรึกษา

อย. แจงน้ำส้มที่ผู้ผลิตทำขายและจำหน่ายโดยตรงกับผู้บริโภค ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตกับ อย. แต่หากผลิตในสถานที่หนึ่งแล้วส่งไปขายตามร้านค้าต่างๆ ต้องขออนุญาตก่อน ซึ่ง อย. ยินดีให้คำปรึกษา และพร้อมอำนวยความสะดวกแก่ผู้ผลิตน้ำส้มบรรจุขวด ทั้งรายใหญ่และรายย่อยทุกราย โดยผู้ประกอบการในกรุงเทพฯ ติดต่อได้ที่ อย. และผู้ประกอบการที่อยู่ต่างจังหวัด ติดต่อได้ที่ สสจ.

นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวกรณีการขออนุญาตสถานที่ผลิตน้ำส้มนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงว่า กรณีที่ผู้ผลิตทำขาย และจำหน่ายโดยตรงกับผู้บริโภค ไม่จำเป็นต้องมาขออนุญาตกับ อย. แต่ต้องดำเนินการให้ถูกสุขลักษณะ สำหรับน้ำส้มที่ผลิตบรรจุลงในบรรจุภัณฑ์ปิดสนิทแล้วส่งไปขายตามร้านค้าต่างๆ ต้องขออนุญาตจาก อย. ก่อน และต้องมีฉลากแสดงชื่อสินค้า สถานที่ผลิต ส่วนประกอบ รวมถึงมีเลข อย. 13 หลักที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ซึ่งผู้ประกอบการสามารถศึกษารายละเอียดการยื่นคำขอจากคู่มือประชาชน ที่มีรายละเอียดขั้นตอนการขออนุญาต การตรวจประเมิน รวมทั้งเอกสารที่ต้องเตรียมไว้อย่างละเอียด

ทั้งนี้ อย. ยินดีให้คำปรึกษาและพร้อมอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายย่อยทุกราย สำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และผู้ประกอบการที่อยู่ในต่างจังหวัด สามารถติดต่อขออนุญาตที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวในที่สุด

#น้ำส้ม #น้ำส้มขวด #ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29

 

หมออินโดฯ 350 รายติดโควิด หลังฉีดซิโนแวคครบโดส หลายสิบรายต้องแอดมิท รพ.

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า หมอชาวอินโดนีเซียมากกว่า 350 ราย ติดเชื้อโควิด หลังจากฉีดวัคซีนซิโนแวค โดยในจำนวนนี้มีหลายสิบรายต้องแอดมิทเข้าโรงพยาบาล ท่ามกลางความกังวลว่า วัคซีนดังกล่าวจะสามารถป้องกันเชื้อไวรัสที่รุนแรงขึ้นได้หรือไม่

หมอส่วนมากที่ติดเชื้อโควิดไม่แสดงอาการ และต้องกักตัวที่บ้าน ส่วนอีกหลายสิบรายที่แอดมิทในโรงพยาบาล มีอาการไข้สูง และพบว่ามีระดับความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดลดลง

ที่ผ่านมา กลุ่มบุคลากรการแพทย์ในอินโดฯ เป็นกลุ่มแรกๆ ที่ได้รับวัคซีนตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยแทบทั้งหมดได้รับการฉีดวัคซีนโควิดของซิโนแวค

ขณะที่มีข้อมูลระบุว่า จำนวนบุคลากรทางการแพทย์ของอินโดนีเซีย ที่เสียชีวิตจากโควิดมีน้อยลงอย่างมาก จาก 158 ราย เมื่อเดือนมกราคม ลดลงมาอยู่ที่ 13 ราย ในเดือนพฤษภาคม ในจำนวนเหล่านี้ มีแพทย์ 5 ราย และพยาบาล 1 ราย ที่เสียชีวิตจากโควิด ทั้งที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว

สำหรับสายพันธุ์โควิดที่พบส่วนมากเป็นสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งยังไม่มีข้อมูลว่าวัคซีนซิโนแวคมีประสิทธิภาพในการต่อต้านสายพันธุ์ดังกล่าวได้มากน้อยเพียงใด

อินโดนีเซียเป็น 1 ในประเทศที่เผชิญโควิดรุนแรงที่สุดในเอเชีย มีผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 1.9 ล้านคน เสียชีวิต 53,000 คน นอกจากนี้ ยังมีแพทย์และพยาบาลเสียชีวิตทั้งหมดมากถึง 946 ราย

#ข่าวต่างประเทศ #ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29 #COVID #โควิด #วัคซีนโควิด #ฉีดวัคซีน #sinovac #ซิโนแวค #อินโดนีเซีย #โรคระบาด #Vaccine

 

คณะกรรมการที่ปรึกษาแห่งชาติด้านการสร้างภูมิคุ้มกันของแคนาดา (NACI) แนะนำชาวแคนาดาที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) เป็นโดสแรก ว่าควรรับวัคซีนของไฟเซอร์ (Pfizer) หรือโมเดอร์นา (Moderna) เป็นโดสที่สอง

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่าเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. คณะกรรมการฯ เผยว่าผู้รับวัคซีนของแอสตราเซเนกา สามารถเลือกได้ว่าจะรับวัคซีนตัวเดิมในโดสที่สอง หรือจะเปลี่ยนเป็นรับวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) ทว่าแนวปฏิบัติฉบับใหม่ที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (17 มิ.ย.) คณะกรรมการฯ ชี้ว่าหากได้รับวัคซีนของไฟเซอร์หรือโมเดอร์นาเป็นโดสที่สอง "จะเป็นการดีกว่า"

"เป็นเรื่องที่ดีกว่าหากผู้รับวัคซีนของแอสตราซเนกาเป็นโดสแรกเข้ารับวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอเป็นโดสที่สอง โดยอิงจากหลักฐานชิ้นใหม่ที่บ่งชี้การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นจากการฉีดวัคซีนแบบผสมชนิดกัน" คณะกรรมการฯ กล่าวในแถลงการณ์เมื่อบ่ายวันพฤหัสบดี (17 มิ.ย.)

คำแนะนำใหม่นี้อิงจากหลักฐานที่ว่าการได้รับวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอเป็นโดสที่สอง สามารถสร้างการตอบสนองทาง
ภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น รวมถึงความเสี่ยงที่ "ต่ำแต่ร้ายแรง" ของภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่เกิดจากวัคซีนของแอสตราเซเนกา โดยประชาชนยังคงสามารถเลือกรับวัคซีนของแอสตราเซเนกาได้หากต้องการหรือมีประวัติแพ้วัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ

"อย่างไรก็ดี ผู้ที่ได้รับวัคซีนของแอสตราเซเนกาทั้งสองโดสสามารถวางใจได้ว่ามันสามารถสร้างเกราะป้องกันที่ดี รวมทั้งป้องกันอาการรุนแรงและการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้ดีมาก" แถลงการณ์ระบุ

อนึ่ง ชาวแคนาดาได้รับวัคซีนของแอสตราเซเนกาหนึ่งโดส จำนวน 2.1 ล้านคน และได้รับวัคซีนดังกล่าวครบสองโดส
จำนวน 15,186 คน เมื่อนับถึงวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา

คณะกรรมการฯ เผยว่าชาวแคนาดาสามารถเปลี่ยนไปฉีดวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอได้ตามต้องการ เนื่องจากแคนาดากำลังจะได้รับวัคชื่นจากไฟเซอร์และโมเดอร์นาอีกจำนวนมากในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยมีกำหนดส่งถึงในเดือนนี้ จำนวน 14 ล้านโดส

ทั้งนี้ หลักฐานชิ้นใหม่จากการศึกษาในเยอรมนีชี้ว่าการวัคซีนของแอสตร้าเซเนกาโดสแรกและวัคซีนของไฟเซอร์โดสสองผสมกันสามารถสร้าง "การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ รวมทั้งต่อต้านโรคโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์ที่น่ากังวล (Variants of concern)" มากกว่าการฉีดแค่ว้คซีนแอสตร้าเซเนกาทั้งสองโดส

"หลักฐานยังชี้ว่าการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซเนกาเป็นโดสแรกตามด้วยวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเออย่างไฟเซอร์-ไบออนเทคเป็นโดสสองนั้นมีความปลอดภัย"

คณะกรรมการฯ ยังแนะนำว่าผู้รับวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอควรรับโดสสองด้วยวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอเช่นกัน ยกเว้นวัคซีนยี่ห้อเดียวกัน ไม่พร้อมใช้งานหรือไม่ทราบยี่ห้อของวัคซีนโดสแรกที่ฉีด โดยสามารถใช้วัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอต่างยี่ห้อกันได้

ขอบคุณภาพจาก แฟ้มภาพซินหัว

#โควิด #วัคซีน #วัคซีนโควิด #แอสตร้าเซเนกา #ไฟเซอร์ #โมเดอร์นา #แคนาดา #ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29

 

ศบค. ยกเลิกกักตัวฟรี คนไทยบินเข้าประเทศ จากนี้ต้องเสียค่าที่พักเอง เริ่ม 1 ก.ค.นี้

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. เผยว่า เรื่องการดำเนินการของสถานที่กักกันของรัฐ ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ในส่วนของ State Quarantine หรือ SQ มีการใช้เพิ่มมากขึ้นและมีประชาชนบางคนที่เดินทางไปกลับบ่อยจึงมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก จึงปรับให้ประชาชนทั่วไปที่เดินทางเข้ามาจะต้องเป็นการใช้ Alternative State Quarantine หรือ AQ แทน แต่ SQ ยังคงมีอยู่แต่สำหรับผู้ที่เปราะบาง รวมถึงข้าราชการ เป็นต้น ซึ่งเรื่องค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อทางภาครัฐจะช่วยออกค่าใช้จ่าย ส่วนค่าที่พักประชาชนจะต้องออกค่าใช้จ่ายเอง

ส่วนการถ่ายทำละครหรือรายการ มีข้อเสนอเพื่อพิจารณาในที่ประชุม คือ ให้มีผู้เข้าร่วมถ่ายทำได้ไม่เกิน 50 คน ให้ยกเว้นผู้ที่ไม่ต้องสวมใส่หน้ากากบางช่วงเวลา คือรายการละคร เฉพาะนักแสดงที่เข้าฉาก, รายการประกวดร้องเพลง เฉพาะผู้เข้าร่วมประกวดที่มีการจัดพื้นที่ไว้เฉพาะ, รายการเกมโชว์ เฉพาะผู้ร่วมรายการคราวละ 1 คน, ผู้ประกาศข่าว จะต้องจัดให้มีฉากกั้นและเว้นระยะห่าง อย่างน้อย 2 เมตรหรือตามความเหมาะสม

ทั้งนี้นายแพทย์ทวีศิลป์ ระบุว่า เปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต, จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่เกาะสมุย, เกาะพะงัน และเกาะเต่า โดยเน้นที่จังหวัดภูเก็ตเนื่องจากมีความพร้อมมากกว่า ซึ่งกลุ่มคนที่เดินทางมา จะต้องเป็นประเทศที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดว่ามีความเสี่ยงต่ำหรือเสี่ยงปานกลาง และต้องได้รับวัคซีนมาโดยกำหนดว่าต้องเป็นวัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุข โดยองค์การอาหารและยา หรืออย. กำหนด มี 5 ชนิด คือ แอสตราเซเนกา, ซิโนฟาร์ม, ซิโนแว็กซ์, โมเดอร์นา และ Johnson & Johnson ซึ่งต้องได้รับการฉีดอย่างน้อย 2 เข็ม และอย่างน้อย 14 วัน จึงจะเข้ามาในประเทศไทยได้ ซึ่งจะต้องอยู่ในจังหวัดภูเก็ตอย่างน้อย 14 วันหรือต้องกลับไปราชอาณาจักรเท่านั้น เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้มีการติดเชื้อ

ด้านหลักการการเปิดพื้นที่นำร่องในจังหวัดภูเก็ตและสุราษฎร์ธานี จะต้องมีมาตรการเพิ่ม 3 ข้อ คือ ให้มีการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19, เรื่องการเตรียมความพร้อมประชาชน และการเตรียมความพร้อมมาตรการการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรค

#ยกเลิกกักตัวฟรี #ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29

 

"โฆษกฯรัฐ" แจง 120 วันเปิดประเทศ ไม่ใช่การเคาท์ดาวน์ แค่สะกิดให้พื้นที่เตรียมตัว เผย "บิ๊กตู่' ยกหูคุยอุปทูตจีน มิ.ย.ได้วัคซีนเพิ่มอีก 3 ล้านโดส

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความชัดเจน การกำหนด 120 วันการเปิดประเทศ ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแถลงการณ์ ว่า 120 วันเป็นหลักการ ไม่ใช่เรื่องกดปุ่ม ไม่ใช่เรื่องการเคาท์ดาวน์ แต่เป็นการเริ่มทยอยเปิดโดยทุกจังหวัดทั่วประเทศต้องไปเตรียมความพร้อม บูรณาการในส่วนของตัวเอง เป็นแผนการดำเนินการในภาพใหญ่ อย่างเช่นที่จังหวัดภูเก็ต ก็เป็นจังหวัดแรกเริ่ม เนื่องจากเขามีความพร้อมก็สามารถเปิดได้ก่อน ซึ่งก็ไม่ถึง 120 วัน

โดยในวันที่ 25 มิ.ย.นี้ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน จะลงพื้นที่จังกวัดภูเก็ตไปพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อไปดูความพร้อมอีกครั้ง ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตในวันที่ 1 ก.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเช้าวันเดียวกันนี้นายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ นายหยาง ซิน (Mr. Yang Xin) อุปทูตสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เพื่อเจรจาซื้อวัคซีนเพิ่มเติม ทั้งที่นายกรัฐมนตรีได้แจ้งต่อที่ประชุม ศบค.ว่า อุปทูตจีนยืนยันว่าจะส่งมอบวัคซีนเพิ่มเติมจากยอดที่ได้จอดที่ได้จองซื้อไว้ก่อนหน้านี้ ในเดือนมิถุนายน ประกอบไปด้วยวัคซีนยี่ห้อซิโนแว็กซ์ จำนวน 2,000,000 โดสและซิโนฟาร์มอีก 1,000,000 โดส

#โควิด #โควิด19 #วัคซีนโควิด #ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29

 

แถลงcdc 18 มิถุนายน 2021 : ไต้หวันฉีดAZ พบผู้เสียชีวิตรวม29ราย?!

ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศ 187 ราย
(มาจากต่างประเทศ 1 ราย)
เสียชีวิต 21 ราย
ยอดสะสมผู้ติดเชื้อรวมทั้งหมด 12,210ราย
รักษาเรียบร้อย 6,873ราย
(คิดเป็น 56.3% )

ตอนนี้4-5วันนี้ ยอดผู้ติดเชื้อต่ำกว่า200 ยอดผู้เสียชีวิตคงที่อยู่ราวประมาณ20

ยอดผู้เสียชีวิตแบ่งตามเขตได้ดังนี้ (เขตเดิมๆที่เดิมๆ)

นิวไทเป 76
ไทเป 71
เหมียวลี่ 26 (โรงงานจิงหยวน)
เถาหยวน 6 (ลดลงมาก)
จีหลง 4
ไถจง 2
ฮวาเหลียน 1
ซินจู๋ 1

คำชี้แจงเรื่องพบผู้เสียชีวิตจากการฉีดวัคซีน
AZ (ซึ่งยังคงพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกจากเมื่อวาน ตอนนี้รวมทั้งหมดเป็น29ราย ล้วนเป็นผู้สูงอายุทั้งสิ้น)

จากสถิติหลายประเทศที่มีการฉีดวัคซีนAZ , Pfizer/BNT และ จอห์นสัน ล้วนพบผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น และหากไม่แยกกลุ่มอายุ ไต้หวันถือว่าพบผู้เสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนอยู่ในระดับกลางๆ ซึ่งหลายประเทศมีทั้งพบผู้เสียชีวิตสูงมากและต่ำแตกต่างกันไป

แต่หากเทียบเฉพาะเจาะจงผู้ได้รับวัคซีนโควิด19 มีอายุระหว่าง75ปีขึ้นไปและเสียชีวิต
โดยลองเทียบกับเกาหลีใต้ที่มีผู้สูงอายุรับวัคซีนจำนวนใกล้เคียง ถือว่า “ไต้หวันพบผู้เสียชีวิต(75+)จากการได้รับวัคซีนมีเปอร์เซนต์ต่ำกว่าเกาหลีใต้

ตัวเลขผู้สูงอายุ75ปี ที่เสียชีวิตต่อจำนวนผู้รับวัคซีน

เกาหลีใต้ 253,297ราย เสียชีวิต 37ราย
(คิดเป็นอัตราการเสียชีวิต 1.42%)

ไต้หวัน 229,566 ราย เสียชีวิต20ราย
(คิดเป็นอัตราการเสียชีวิต 0.87%)

ถึงอย่างไรทางรัฐบาลก็แนะนำว่าควรจะฉีดมากกว่า เพราะผู้สูงวัยที่มีโรคประจำตัวหากติดเชื้อโควิดมักมีอาการหนักเเละมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตสูง
(ตอนนี้หลายประเทศเอง และคนไต้หวันเองก็กังวลถึงผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการฉีดวัคซีนAZ ตอนนี้ผู้สูงวัยถอนตัวจากการฉีดวัคซีนAZ ตกลงถึง10-15% เพราะความกังวลเรื่องการเสียชีวิต)

CDC หลังจากมีการประชุมหารือถึงผู้สูงวัยเสียชีวิตจำนวนมากหลังจากฉีดวัคซีน จึงได้ข้อตกลงว่า

คำแนะนำ สำหรับผู้สูงวัย75+ ปี หากต้องการรับวัคซีน แพทย์ควรถามอาการโรคประจำตัวอย่างละเอียด ผู้สูงวัยที่มีโรคประจำตัวกำเริบ หรืออาการไม่มั่งคง แนะว่าอย่าเพิ่งรับวัคซีน และหลังฉีดวัคซีนแล้ว ขอให้คนในบ้านดูแลอาการอย่างใกล้ชิด ว่ามีการบ่งความผิดปกติหรือไม่ เพื่อรักษาได้ทัน

บางทีอาจอัพช้านะคะ บางทีกล่อมลูกสลบพร้อมลูกเลยค่ะ และหาเวลาว่างมาฟังย้อนหลัง เพราะช่วงนี้เหมือนมีเหตุการณ์ต่างๆสำคัญ ทั้งเรื่องผู้เสียชีวิตจากวัคซีน วัคซีนยี่ห้ออื่นจะนำเข้ามา และเรื่องการเมือง เลยรอฟังมาสรุปให้ลูกเพจฟัง❤️

 

Moderna 240,000โดสมาแล้ว‼️
ถึงไต้หวันเรียบร้อย16:25น.(เวลาไทเป) ซึ่งครั้งก่อนมา150,000โดส และประมาณ20นี้จะมาอีกล็อตที่เหลือ

 

ข่าวด่วน‼️ ตอนนี้16:00 น. กัวไถหมิงขอเข้าพบประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน เพื่อคุยเรื่องขอนำเข้าวัคซีน BNT :สรุปจะเอาไม่เอา?!

จากคำพูดของกัวไถหมิง เหมือนพรรคหมินจิ้นตั่งDPP พยายามหาข้ออ้างหาเหตุผลถ่วงเวลาในการนำเข้า กัวไถหมิงพยายามทำตามข้อเรียกร้องที่รัฐบาลตั้งหลายๆอย่าง จนสุดท้ายกัวไถหมิงไม่ยอมแพ้ ขอเข้าพบประธานาธิบดีโดยตรงเพื่อเจรจาเรื่องนี่เพราะเรื่องนำเข้าวัคซีนถูกถ่วงมาเป็นเดือนแล้ว จะขอเข้าถามเองเลย “สรุปจะเอายังไง จะเอาไม่เอาวัคซีน ถ้าไม่เอาก็พูดมาจะได้เลิกเดินเรื่อง สรุปฝ่ายบริหารรีบออกมาพูดว่า ไถจีเตี้ยนtsmc จะนำเข้าด้วย!!”

ล่าสุด เจ้าพ่อไถจีเจี้ยน (tsmc) ก็เข้ามาร่วมเรื่องนี้ด้วยบอกว่าจะนำเข้าวัคซีนเช่นกัน(รูป2) งานนี้ไม่รู้ใครลากไถจีเตี้ยนเข้ามา เข้ามาเอง แต่ดูเหมือนว่า แต่ดูแล้วคงไม่อยากให้ผู้นำเข้าวัคซีนมีแค่กัวไถหมิง (Foxconnรายเดียว) ถ้าพูดถึงเรื่องการเมือง กัวไถหมิงอยู่ฝั่งก๊กมินตั๋ง และคงเกรงว่าหากลงสมัครปธน.ครั้งหน้าจะนำมาอ้างหาเสียงได้ว่าวัคซีนนี้ กัวไถหมิงนำเข้ามา…(ฟังวิเคราะห์ข่าวอยู่มันส์มาก)

และตอนนี้มีข่าวว่าจะเปิดผู้นำเข้านั้นไม่ใช่มีแต่กัวไถหมิงฝ่ายเดียวเเล้ว มีอีก2 บริษัทยักษ์ใหญ่ของไต้หวันจะขอเป็นผู้นำเข้าด้วย หนึ่งในนั้นไถจีเตี้ยนบริษัทผู้ผลิตชิป และอุปกรณ์ต่างๆรายใหญ่ส่งออกระดับโลก

ตอนนี้รอดูว่า กัวไถหมิงจะเจรจาเป็นผลอย่างไร แต่ดูแล้วน่าจะมีหวังที่จะนำเข้าวัคซีนมา แต่ๆๆๆ กัวไถหมิงเคยบอกว่า วัคซีนFoxconnจะนำเข้าBNT จำนวน5ล้านโดสบริจาคแก่รัฐบาล ส่วนไถจีเตี้ยนก็น่าจะให้รัฐบาลเช่นกัน แต่เหมือนมีข้อแม้ว่าส่วนหนึ่งขอให้ฉีดแก่ พนักงานไถจีเตี้ยนก่อน

รอดูผลกันค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้านำเข้าได้ประชาชนก็ได้ประโยชน์ใครจะนำเข้ามาก็ตาม

ล่าสุด วัคซีน Moderna ที่นำมาโดยสายการบินไชน่าแอร์ไลน์ (CI) ลงจอดเรียบร้อยที่สนามบินเถาหยวนแล้วตอนนี้ 16:25 โดยมาทั้งหมด 240,000 โดส ซึ่งครั้งก่อนมา150,000 โดส และวันที่ 20 มิถุนายนนี้จะมาอีกล็อตที่เหลือ

สรุปคำแถลงcdc รอหน่อยนะคะ กำลังอัพ

 

วัคซีนโมเดอน่ามาแล้ว วันนี้หยุดพักเครื่องที่ดูไบ และลงจอด16:55ถึงสนามบินเถาหยวน และอีกล็อตมาถึงวันที่ 20 มิถุนายนนี้

https://www.google.com.tw/amp/s/udn.com/news/amp/story/122190/5540539

 

แม่ๆพ่อๆคะ กดเงินค่าบรรเทาทุกข์เลี้ยงดูบุตร ได้แล้ววันนี้ค่ะ (18/6)ที่ตู้ATM เพียง15วินาที เงิน10,000 ก็ออกมา

ดิฉันรีบเลยค่ะ กดได้แล้วนะคะวันนี้ จะมาอัพเดตให้ฟัง กดแค่เลขบัตรเจี้ยนป่าวของบุตร 12 หลักที่อยู่มุมล่างซ้ายเท่านั้น

บัตรเอทีเอมคุณจะลิงค์กับข้อมูลธนาคาร คือจะทราบเลยว่าเจ้าของบัตรatm เลขบัตรประชาชนคืออะไร(ใคร) ดิฉันตอนแรกสอดบัตรatm ดิฉันเอง มันขึ้นเลข ARC เรียบร้อย สรุปเงินไม่ออก ตายละทำไงดีล่ะ

ตู้ธนาคารอื่นไม่ทราบค่ะ แต่ธนาคารคาเท่ Cathay Bank มันลิงค์อัตโนมัติ ไม่ต้องกดบัตรประชาชนผู้ปกครองเลยค่ะ ดังนั้นแก้ไขอะไรไม่ได้

ดีค่ะคุณ ฉันมีบัตรATM ของสามีติดตัวเสมอค่ะคุณ ฉันเสียบบัตรนางลองครั้งที่2 เลขบัตรประชาชนนางขึ้นเองเลยไม่ต้องกรอก

กดเงินสดได้เลย10,000 ไวมากไม่ถึง15วินาทีค่ะคุณ

ปล.1 -คำแนะนำ ไปหยิบบัตรเอทีเอมของสามีชาวไต้หวันมาค่ะคุณ เป็นอันเรียบร้อย

ป.ล. 2 -บุตรอายุ0-2 ขวบ รัฐจะโอนเข้าบัญชีให้เลยค่ะ ลองเชคดูนะคะ

ป.ล. 3 -บุตร 1 คนได้10,000 / 2 คนก็20,000 ดังนั้นเลขบัตรสุขภาพลูก 1 ใบกดได้1 ครั้ง

ป.ล. 4 -มีปัญหาเรื่องค่าบรรเทาทุกข์เลี้ยงดูบุตรอันนี้ กด1988 หรือ (02)7752-3766

ป.ล.5 -หลายคนถามมามาก บุตรไม่มีเลขบัตรสุขภาพ บุตรไม่ได้อยู่ไต้หวัน กดได้ไหม
ตามเงื่อนไขต้องใช้เลขบัตรสุขภาพของลูกนะคะในการกรอกข้อมูล และเลขบัตรประชาชนของผู้ปกครองชาวไต้หวัน ดังนั้นหากมีคำถามโทรถามเบอร์ด้านบนนะคะ

 

โดนอีกราย! ปักกิ่งสั่งซีอีโอ “เหม่ยถวน” บ.แอปสั่งอาหารยอดนิยมจีน “ให้เก็บตัว” หลังโพสต์บทกวีโบราณจีนบนโซเชียลวิจารณ์ “สี”
.
.
.
.
.
เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – หวัง ซิ่ง กรรมการประธานบริษัทสั่งอาหารยอดนิยมของจีน เหม่ยถวน (Meituan) ถูกปักกิ่งเรียกตัวไปเข้าพบเมื่อไม่นานมานี้ ก่อนที่จะเตือนให้เก็บตัว เกิดขึ้นหลังในเดือนที่ผ่านมาได้โพสต์บทกวีจีนโบราณที่มีเนื้อหาถูกมองว่าเป็นการวิจารณ์รัฐบาลปักกิ่งและประธานาธิบดี สี จิ้นผิง
.
บลูมเบิร์ก สื่อธุรกิจของสหรัฐฯ รายงานวันศุกร(18 มิ.ย)ว่า หวัง ซิ่ง (Wang Xing) กรรมการประธานบริษัทสั่งอาหารยอดนิยมของจีน เหม่ยถวน (Meituan)ถูกเจ้าหน้าที่ปักกิ่งเรียกตัวเข้าพบเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากหวังได้โพสต์บทกลอนจีนโบราณชื่อ “The Book Burning Pit” เขียนในปลายราชวงศ์ถัง เนื้อหาเกี่ยวกับการเผาหนังสือของราชวงศ์ฉิน ก่อนจะถูกผู้ไม่รู้หนังสือโค่นล้มราชวงศ์ ทำให้โลกโซเชียลจีนตีความว่า โพสต์ดังกล่าวมีเป้าหมายวิจารณ์รัฐบาลจีนที่มีความเข้มข้นในเรื่องอำนาจนิยมและจำกัดการแสดงความคิดเห็นอย่างเข้มงวด
.
บีบีซี สื่อต่างชาติแปลบทกวีดังกล่าวว่า
.
“The Qin Dynasty is ruined with the burning of bamboos and fabrics.
The Hangu Pass and the Yellow River guarded the residence of the ancestor of the Chinese dragon in vain.
Before the ashes in the burning pit turned cold, a riot had already started in Shandong Province.
It turned out that Liu Bang and Xiang Yu were both uneducated people.”
.
และในภายหลัง หวัง ได้ลบโพสต์นั้นออก ในขณะที่เหม่ยถวนปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น
.
ซึ่งเวลาต่อมาหวังได้อธิบายว่าการโพสต์ของเขาตกเป็นเป้าของการมองระยะสั้นของอุตสาหกรรมของเขาเอง แต่ทว่านักลงทุนบางส่วนนั้นเทียบเคียงไปกับประเด็นการวิพากษ์วิจารณ์ของแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งบริษัทอาลีบาบาปีที่ผ่านมา
.
และความกังวลของนักลงทุนต่อการโพสต์บทกวีดังกล่าว ทำให้หุ้นของเหม่ยถวนในตลาดหลักทรัพย์มีมูลค่าลดลงกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 9.3 แสนล้านบาท) ภายในเวลาเพียงสองวันหลังจากนั้น
.
และเหมือนเช่นกับอาลีบาบา เหม่ยถวนนั้นถูกสั่งสอบสวนโดยผู้กำกับจีนต่อต้านการผูกขาด(antitrust) โดยชี้ไปที่พฤติกรรมการเป็นผู้ผูกขาดการทางการตลาดของธุรกิจการส่งอาหารในจีน โดยเหม่ยถวนถือเป็นยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ด้านการส่งอาหารมีส่วนแบ่งทางการตลาดราว 65% ส่วนอันดับ 2 คือ เอ้อเลอมา (Ele.me) มีอาลีบาบาถือหุ้น ซึ่งทางเหม่ยถวนมีฐานลูกค้าอยู่ไม่ต่ำกว่า 430 ล้านคน โดยเฉลี่ยแต่ละคนสั่งอาหารจากแอปปีละราว 26-27 ครั้ง และผลการถูกผู้กำกับจีนสอบทำให้มีนักวิเคราะห์บางส่วนชี้ว่า อาจจบลงที่การจ่ายค่าปรับกว่า 700 ล้านดอลลาร์
.
บลูมเบิร์กกล่าวว่า แหล่งข่าวเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ปักกิ่งเลือกที่จะไม่ใช้มาตรการรุนแรงกับหวังเพื่อไม่ต้องการได้รับเสียงวิจารณ์ว่าความผิดเล็กน้อยจะต้องจบลงที่การลงโทษอย่างหนักไปทุกครั้ง
.
ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะฉลองครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งซึ่งเป็นงานที่ยิ่งใหญ่และสำคัญ
.
สื่อธุรกิจชี้ว่า พบว่าหวังได้ทำการเก็บตัวไม่ให้เป็นข่าวนับมาตั้งแต่นั้น โดยในวันที่ 9 มิ.ยเขาได้ออกแถลงการณ์ระบุจุดยืนในการโพสต์บทกวีโบราณ และหลังจากนั้นเขาได้หยุดการโพสต์ของตัวเองจากโซเชียลมีเดีย Fanfou ที่ตัวเองเป็นผู้สร้างก่อนที่จะเกิดเหม่ยถวน ซึ่งก่อนเกิดเรื่องพบว่าหวังได้อัพเด็ตแอกเคาน์บน Fanfou ไม่ต่ำกว่า 2-3 ครั้งในแต่ละสัปดาห์
.
บลูมเบิร์กชี้ว่า ขณะนี้ปักกิ่งได้ใช้ความพยายามต่อการสอบสวนที่กว้างขวางขึ้นซึ่งถูกประกาศเมื่อเดือนเมษายนว่าทางเหม่ยถวนละเมิดต่อกฎหมายการผูกขาดผ่านการปฎิบัติหรือไม่ เป็นต้นว่า การแลกเปลี่ยนเชิงบังคับอย่างครอบคลุม ซึ่งฝ่ายบริหารเหม่ยถวนเดือนที่แล้วได้ประกาศว่าได้ตั้งทีมขึ้นมาเพื่อร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐในการสอบสวนคดีอื้อฉาวนี้ และประกาศที่จะทำตามอย่างเคร่งครัดกับแนวทางการปฎิบัติใหม่

 

รบนี้มี 2 ด้าน! “คิม จองอึน” ประกาศพร้อมเปิดเจรจา “ไบเดน” และเผชิญหน้าไปพร้อมกัน
.
.
.
.
.
.
เอเจนซีส์ – สำนักข่าวทางการเกาหลีเหนือรายงานวันศุกร์(18 มิ.ย)ว่า ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือแจ้งต่อพรรคแรงงานว่า เปียงยางจำเป็นต้องเตรียมพร้อมกับการเจรจาและการเผชิญหน้ากับสหรัฐฯภายใต้ผู้นำ โจ ไบเดน ใน 2 ทางพร้อมกัน
.
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้(18 มิ.ย)ว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการกลางพรรคแรงงานเกาหลีเหนือวันพฤหัสบดี(17) พบว่าผู้นำเกาหลีเหนือได้ออกมาแสดงยุทธศาสตร์ของเกาหลีเหนือที่จะมีต่อวอชิงตัน และและแนวโน้มนโยบายต่อรัฐบาลสหรัฐฯชุดใหม่” สำนักข่าวทางการเกาหลีเหนือ KCNA แถลง
.
ประธานาธิบดี คิม จองอึนย้ำถึงความจำเป็นการเตรียมความพร้อมของทั้งเตรียมการเจรจาและการเผชิญหน้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการเผชิญหน้าเพื่อ “ปกป้องต่อศักดิศรีประเทศ” และการรับรองอย่างแน่นอนต่อสิ่งแวดล้อมอย่างสันติ
.
KCNA กล่าวว่า ผู้นำเกาหลีเหนือยังเรียกร้อง “ให้มีการมีปฎิกริยาอย่างรวดเร็วและหนักหน่วงต่อการเปลี่ยนแปลงทางสถานการณ์ที่เกิดรวดเร็วและความพยายามอย่างมุ่งมั่นในการควบคุมอย่างคงที่ต่อสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี”
.
ด้านบีบีซี สื่ออังกฤษระบุว่า การออกมาแสดงความเห็นของคิมในครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในสัญญาณแรกๆที่ชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนืออาจจะเปิดกว้างความพร้อมต่อการเจรจากับสหรัฐฯ ซึ่งที่ผ่านมานับตั้งแต่ไบเดนเข้ารับตำแหน่งพบว่าความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและรัฐบาลไบเดนไม่สู้ดี และไบเดนเคยกล่าวอ้างไปถึงเกาหลีเหนือว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรงทางความมั่นคงของโลก และทำให้เกิดความไม่พอใจอย่างรุนแรงจากเปียงยางที่ชี้ไปว่า แถลงการณ์ของไบเดนชี้ว่า ไบเดนมีความตั้งใจที่จะยังคงนโยบายเป็นปฏิปักษ์กับทางเปียงยาง

 

ผู้ชมแตกตื่น!ฝูงหมาป่าอาละวาดไล่ล่านักแสดงระหว่างโชว์สดบนเวที(ชมคลิป)

คลิปวิดีโอหนึ่งกำลังเป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวางบนสื่อสังคมออนไลน์ ฝูงหมาป่าอาละวาดไล่ล่าบรรดานักแสดงทั่วเวที ระหว่างการแสดงสดในเมืองแห่งหนึ่งของจีน ก่อความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของนักแสดงและผูุ้ชม แต่ก็มีบางส่วนที่คิดว่ามันอาจเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการแสดง

วิดีโอดังกล่าว ซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ในโรงละครแห่งหนึ่ในเมืองซีอาน ถูกโพสต์ลงบนเว่ยปั๋ว สื่อสังคมออนไลน์ของจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และมันกลายเป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง เรียกผู้เข้าชมแล้วมากกว่า 433 ล้านวิว

ภาพในวิดีโอพบเห็นหมาป่าจำนวนหนึ่งวิ่งออกมาจากด้านหลังเวที วิ่งไปบนทางเดินระหว่างที่นั่งผู้ชมและไล่ล่านักแสดง ระหว่างการแสดงที่ใช้ชื่อว่า The Legend of Camel Bell ระหว่างนั้นหมาป่าและนักแสดงสู้กันบนเวที และมีช่วงหนึ่งหมาป่าเล่นงานนักแสดงจนล้มลงไปนอนกับพื้น

ในภาพดูเหมือนว่าจะไม่มีการสวมรายรัดฝูงหมาป่า ขณะที่ผู้ชมซึ่งนั่งอยู่ห่างจากเวทีไปไม่กี่เมตร ต่างพากันหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายภาพด้วยความตื่นตระหนก "ผมคงเสียสติถ้าไปนั่งอยู่ตรงนั้น" ผู้ใช้เว่ยปั๋วรายหนึ่งแสดงความคิดเห็นบนวิดีโอ ส่วนอีกคนตั้งข้อสงสัยว่า "มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดจริงหรือไม่"

ตัวแทนรายหนึ่งของ Huaxia Cultural Tourism สาขาซีอาน บริษัทซึ่งเป็นเาของโรงละครและเป็นผู้จัดการแสดงดังกล่าว ระบุในวันอังคาร(15มิ.ยย.) ว่า"ฝูงหมาป่าปลอดภัยและไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ"

"ฝูงหมาป่าเหล่านี้ถูกเลี้ยงให้เชื่องมา 3 ถึง 4 รุ่นแล้ว" ตัวแทนระบุ "พวกมันถูกเลี้ยงอย่างถูกกฎหมายและฝึกฝนโดยครูฝึกมืออาชีพที่มีใบรับรองมาตั้งแต่ปี 2018 และไม่เคยเกิดอุบัติเหตุใดๆในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา"

ตัวแทนรายนี้บอกต่อว่าเหตุสู้กันบนเวทีเป็นสิ่งที่ฝึกฝนกันมาแล้วหลายครั้ง และนักแสดงทั้งหมดจะสวมชุดป้องกันเพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้แล้วพวกเขายังกางตาข่ายป้องกันระหว่างเวทีกับที่นั่ง เพื่อกันไม่ให้ฝูงหมาป่าพุ่งไปหาผู้ชม

จากข้อมูลบนเว็บไซต์ของ Huaxia Cultural Tourism พบว่าฝูงหมาป่าจะปรากฏตัวเพียงแค่ฉากเดียวจากทั้งหมด 7 ฉากของการแสดง ซึ่งบอกเล่าประวัติศาสตร์ของเส้นทางสายไหม ที่มีเมืองซีอาน เป็นหนึ่งในศูนย์กลางหลัก

ตัวแทนระบุว่าในฉากดังกล่าว ฝูงหมาป่าจะสะท้อนถึงการเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตรายของกองทัพอูฐสมัยโบราณของจีน ที่ถูกใช้เป็นพาหนะมุ่งหน้าสู่เอเชียกลางเพื่อค้าขาย ในสมัยราชวงศ์ถัง ทั้งนี้ในการแสดงดังกล่าว มีการใช้หมาป่าทั้งสิ้น 30 วันและอูฐ 20 ตัว

(ที่มา:ซีเอ็นเอ็น)

ชมคลิปที่นี่ : https://mgronline.com/around/detail/9640000058892

 

สื่อตีพบคนชรา12รายตายหลังฉีด'แอสตร้าเซนเนก้า' แต่ทางการไต้หวันไม่ยืนยันเกี่ยวข้องกับวัคซีน

ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา มีรายงานว่าคนชรา 12 รายตามเมืองและเขตต่างๆ 8 แห่งทั่วไต้หวัน เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า อย่างไรก็ตามยังไม่ยืนยันว่าการตายดังกล่าวเกี่ยวข้องกับวัคซีน ตามรายงานของเว็บไซต์ข่าวไต้หวันนิวส์เมื่อวันพฤหัสบดี(17มิ.ย.) ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงว่าผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดนั้นล้วนแต่มีโรคประจำตัวป่วยเรื้อรังมานาน

ไต้หวันนิวส์รายงานว่าเพื่อตอบสนองกับเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในท้องถิ่นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทางการไต้หวันได้เริ่มฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าแก่ประชาชนในวันที่ 15 มิถุนายน โดยในบรรดา 2.68 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนกลุ่มแรกๆ ก็คือกลุ่มคนอ่อนแอทั้งหลาย อาทิคนสูงวัยที่พักอาศัยอยู่ตามบ้านพักคนชรามาอย่างยาวนาน คนป่วยฟอกไต และคนที่มีอายุ 75 ปีขึ้นไป

อย่างไรก็ตามเริ่มมีรายงายการเสียชีวิตในบรรดาผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนเหล่านั้น หลังพวกเขากลับที่พักอาศัย โดยจนถึงวันพฤหัสบดี(17มิย.) กระทรวงสาธารณสุขไต้หวันระบุว่ามีเมืองและเขตต่างๆ 8 แห่งรายงานพบผู้เสียชีวิตกะทันหันหลังฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 12 ราย ประกอบด้วยในกรุงไทเป 1 คน เขตนิวไทเป 3 คน ที่เทศมณฑลซินจู๋ 1 ราย ในเมืองซินจู๋ 1 ราย เขตไถ่จง 3 ราย เขตฉางฮวา 1 ราย ในเมืองเจียอี้ 1 ราย และ 1 รายในเกาสง ตามรายงานของสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเอส

อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่ยืนยันว่าการตายเหล่านี้เป็นผลจากอาการไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีนหรือไม่

นับตั้งแต่เริ่มฉีดวัคซีนแก่ประชาชนในเดือนมิถุนายน ศูนย์บัญชาการกลางโรคระบาด(ซีอีซีซี) ยืนยันอย่างเป็นทางการว่ามีแค่ 2 เคสเท่านั้นที่เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า

ปัจจุบันซีอีซีซียังอยู่ระหว่างการสืบสวนว่าการเสียชีวิตของทั้ง 2 คน เป็นผลจากอาการไม่ถึงประสงค์จากการฉีดวัคซีนหรือไม่ ทั้งนี้จนถึงวันที่ 16 มิถุนายน มีประชาชนเข้ารับวัคซีนอย่างน้อยๆ 1 โดสแล้วกว่า 1.916 ล้านคนในไต้หวัน

ในจำนวนผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนเหล่านี้ ทางซีอีซีซีได้รับรายงานเคสต้องสงสัยอาการไม่พึงประสงค์รุนแรง 133 ราย ในนั้นรวมถึง 2 รายที่เสียชีวิต นอกจากนี้ยังพบผู้มีอาการแพ้รุนแรง 8 รายและอาการข้างเคียงรุนแรงอื่นๆอีก 123 ราย

รายงานข่าวระบุว่าผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน 12 ราย มีอายุระหว่าง 59 ปี ถึง 97 ปี ในนั้น 6 คนป่วยเป็นโรคเรื้อรังมานาน 3 รายเป็นโรคอัลไซเมอร์ ส่วนที่เหลืออีก 3 คนยังไม่ทราบประวัติทางสุขภาพ

ทางโฆษกของซีอีซีซี ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวมีผู้เสียชวิตหลังรับวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า โดยระบุจากข้อมูลของระบบรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีน(VAERS) พบว่าความจริงคือมีผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 11 รายในไต้หวัน และในนั้น 8 ราย เป็นบุคคลที่มีอายุเกิน 75 ปี

โฆษกระบุว่าส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตเป็นคนชราที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง พร้อมบอกต่อว่าจากการชันสูตรพบมีอยู่ 2 รายที่เสียชีวิตจากโรคเรื้อรังที่ตัวเองป่วยอยู่ ขณะที่สาเหตุของการเสียชีวิตของรายอื่นๆนั้นยังอยู่ระหว่างการสืบสวน

ทั้งนี้โฆษกบอกต่อว่าเหตุเสียชีวิตในเคสเร็วๆนี้จำเป็นต้องทำการสืบสวนให้กระจ่างชัด พร้อมสัญญาว่าทางซีดีซีซีจะเดินหน้าติดตามเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีน และเขาเรียกร้องให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าวัคซีนมีความปลอดภัย

โฆษกเน้นย้ำว่าจนถึงตอนนี้ในไต้หวันยังไม่มีรายงานการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 โดยตรง

(ที่มา:ไต้หวันนิวส์)

 

ตัวกลายพันธุ์พ่นพิษ!UKติดเชื้อโควิดรายวันคืนระดับหมื่น แต่ตายน้อยแค่19คน

สหราชอาณาจักรในวันพฤหัสบดี(17มิ.ย.) รายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รายวันพุ่งขึ้นแตะระดับ 11,007 คน การปรากฏตัวของตัวกลายพันธุ์เดลตาผลักให้ตัวเลขดีดตัวเหนือ 10,000 รายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตามยอดผู้เสียชีวิตนั้นยังคงอยู่ในระดับต่ำ

เมื่อวันจันทร์(14มิ.ย.) รัฐบาลอังกฤษเพิ่งประกาศเลื่อนแผนปลดข้อจำกัดโควิด-19 ทั้งหมดที่เหลืออยู่ออกไป 1 เดือน สืบเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่พบครั้งแรกในอินเดีย

รัฐบาลระบุว่าต้องเลื่อนแผนปลดข้อจำกัดออกไป 4 สัปดาห์ เพื่อเปิดทางให้ประชาชนอีกหลายล้านคนเข้ารับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดส

แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งแตะ 11,007 คนในวันพฤหัสบดี(17มิ.ย.) แต่อัตราการเสียชีวิตนั้นยังคงอยู่ในระดับต่ำแค่ 17 ราย ในขณะที่เชื่อกันว่าวัคซีนทั้งหลายมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันอาการป่วยหนักจากการติดเชื้อโควิด-19 ตัวกลายพันธุ์

อย่างไรก็ตามมีความกังลว่าเคสผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตดีดตัวขึ้นเป็นเงาตามตัว ดังเช่นการแพร่ระบาดระลอกที่ผ่านๆมาหรือไม่

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ของระลอกที่ผ่านๆมาจนถึงระลอกปัจจุบัน คร่าชีวิตผู้คนในสหราชอาณาจักรรวมกันแล้ว 127,945 ราย

รายงานของรัฐบาลที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดี(17มิ.ย.) พบเคสผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทวีคูณทั่วอังกฤษ โดยมีแรงขับเคลื่อนส่วนใหญ่มาจากกลุ่มคนที่ยังไม่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีน

(ที่มา:เอเอฟพี)

 

ครั้งที่2รอบสัปดาห์!อิสราเอลถล่มทางอากาศฉนวนกาซาทั้งคืน ตอบโต้ลูกโป่งเพลิงของฮามาส

ฝูงบินของกองทัพอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มเป้าหมายต่างๆในฉวนกาซาตลอดทั้งคืนวันพฤหัสบดี(17มิ.ย.) จนถึงเช้าวันศุกร์(18มิ.ย.) เป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ หลังจากพวกนักรบฮามาสในดินแดนปาเลสไตน์ปล่อยลูกโป่งเพลิงเข้าสู่เขตแดนทางใต้ของอิสราเอลอีกครั้ง

ลูกโป่งเพลิงและการโจมตีทางอากาศถือเป็นความรุนแรงหนล่าสุดที่เพิ่มแรงกดดันถาโถมเข้าใส่ข้อตกลงหยุดยิงอันเปราะบางระหว่างอิสราเอลและนักรบฮามาสผู้ปกครองฉนวนกาซา โดยข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าวมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ช่วยยุติการสู้รบหนักหน่วงยืดเยื้อนาน 11 วัน

"ในวันที่ผ่านมา ลูกโป่งวางเพลิงถูกปล่อยออกมาจากฉนวนกาซา ลอยเข้าสู่ดินแดนของอิสราเอล" กองทัพอิสราเอลระบุในถ้อยแถลง "ในการตอบโต้ เครื่องบินขับไล่โจมตีเขตทหารและฐานยิงจรวดแห่งหนึ่งขององค์กรก่อการร้ายฮามาส"

ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีในฉนวนกาซาของปาเลสไตน์ ก็รายงานได้ยินเสียงระเบิดเช่นกัน ซึ่งทางกองทัพอิสราเอลระบุว่าพวกเขาเล็งเป้าหมายเล่นงานที่ตั้งต่างๆทั้งในกาซาซิตีและในเมืองข่านยูนิส ทางใต้ของฉนวนกาซา

สำหรับลูกโป่งเพลิงเป็นอุปกรณ์ก่อเหตุพื้นฐาน โดยมีเจตนาวางเพลิงใส่พื้นที่เพาะปลูกและพุ่มไม้ที่อยู่โดยรอบฉนวนกาซา และหน่วยดับเพลิงอิสราเอลที่เข้าดับไฟอันมีชนวนมาจากอุปกรณ์ดังกล่าว ระบุว่านักรบปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ปล่อยลูกโป่งเพลิงลอยเข้ามา 3 วันติดต่อกันแล้วในวันพฤหัสบดี(17มิ.ย.)

หลังลูกโป่งเพลิงถูกปล่อยออกมาระลอกแรกเมื่อวันอังคาร(15มิ.ย.) กองทัพอิสราเอลได้ทำการโจมตีแก้แค้นเป็นชุดๆในช่วงเช้าวันพุธ(16มิ.ย.) ทว่าลูกโป่งเพลิงยังถูกปล่อยออกมาไม่หยุด กระตุ้นให้กองทัพอากาศอิสราเอลต้องปฏิบัติการโจมตีระลอกสองตลอดคืนวันพฤหัสบดี(17มิ.ย.) จนถึงเช้าวันศุกร์(18มิ.ย.)

ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มฉนวนกาซาในสัปดาห์นี้ เป็นการลงมือครั้งแรกภายใต้รัฐบาลใหม่ของอิสราเอลที่นำโดยนายนาฟตาลี เบนเนตต์ หลังจากรัฐบาลผสมที่มีความแตกต่างทางอุดมการณ์ของเขาเขี่ย เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีที่ครองเก้าอี้มาอย่างยาวนานพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันอาทิตย์(13มิ.ย.) ที่ผ่านมา

อาวีฟ โคฮาวี ผู้บัญชาการกองทัพอิสราเอลออกคำสั่งในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี(17มิ.ย.) ให้ทางกองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอลยกระดับการเตรียมพร้อมและเตรียมการสำหรับเหตุการณ์ต่างๆนานา ในนั้นรวมถึงการหวนคืนสู่ความเป็นปรปักษ์กับฮามาส

"กองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอลจะเดินหน้าโจมตีศักยภาพทางทหารและโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นขององค์กรก่อการร้ายนี้ และให้พวกฮามาสรับผิดชอบทุกๆเหตุการณ์ที่ปรากฎในฉนวนกาซา" ถ้อยแถลงระบุ

การปะทะรอบใหม่นี้มีขึ้นในขณะที่อียิปต์ ซึ่งเป็นคนกลางเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างสองฝ่าย กำลังพยายามหาทางสร้างความมั่นคงแก่ข้อตกลงหยุดหยิง

ความขัดแย้งระหว่างสองฝ่าย เข่นฆ่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปกว่า 260 คน ในนั้นบางส่วนเป็นนักรบ ส่วนทางฝั่งอิสราเอล มีผู้เสียชีวิต 13 ราย ในนั้นมีทหาร 1 นาย

(ที่มา:เอเอฟพี)

 

#ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย ‘#รักแห่งเอกวาดอร์’ #คุณหมอหล่อ #แพทย์หญิงสวย #สู้โควิดจนป่วยเฉียดตายสองหน!!

ตำนานรักบทใหม่ล่าสุดแห่งกรุงกีโต ประเทศเจ้าเสน่ห์แห่งทวีปอเมริกาใต้ นามว่า เอกวาดอร์ เป็นรักระหว่างรบในสงครามโรคระบาดโควิด-19 เมื่อนายแพทย์เดวิด บาลเญโฮ และแพทย์หญิงมาเบลิน โบนีลญา คู่หมั้นคู่หมายผู้พรั่งพร้อมและน่านับถือในอุดมคติแห่งการรับใช้ประชาชน ออกมาประกาศบนทวิตเตอร์ เลื่อนวันแต่งงาน ณ 23 พฤษภาคม 2020 ออกไปไม่มีกำหนด เพื่อทุ่มเทตนเองในภารกิจรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งมากมายมหาศาลระดับศูนย์กลางการแพร่ระบาดในเอกวาดอร์ ผู้คนกดดวงใจชื่นชมมากกว่า 1 ล้านราย

เกือบหนึ่งปีแห่งการรักษาผู้ป่วยอย่างหักโหม คุณหมอสุดหล่อจิตใจสูงส่งตกเป็นเหยื่อของไวรัสร้าย ป่วยหนัก ถึงขั้นที่ต้องเข้าไอซียู สอดท่อช่วยหายใจเนิ่นนานเกินครึ่งเดือน แพทย์หญิงผู้เป็นคู่หมั้นร้องไห้น้ำตาเจียนจะเป็นสายเลือดเพราะคุณหมอเดวิดมีโอกาสรอดเพียงไม่ถึง 10% ผู้คนในโรงพยาบาลฉลองวันเกิดเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2021 ให้แก่คุณหมอเดวิดโดยที่เจ้าตัวยังอยู่ในภาวะไม่รู้สึกตัว

***#เอกวาดอร์เป็นศูนย์การระบาดรุนแรงของโรคโควิด-19 #ในลาตินอเมริกาตั้งแต่เมษายน2020

เชื้อโรคร้ายโควิด-19 แพร่มาถึงเอกวาดอร์เมื่อ 29 กุมภาพันธ์ 2020 เมื่อผลการทดสอบคุณย่าวัย 71 ปีผู้ซึ่งเดินทางกลับจากประเทศสเปน สู่บ้านสุดหรูในเมืองกวัยอาคิล แคว้นกวัยอัส พบว่าติดเชื้อโควิดแน่นอน หลังจากนั้น โรคระบาดโควิด-19 แพร่ลามอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียงเดือนกว่า ศักยภาพของโรงพยาบาลที่จะรับผู้ป่วยโควิดเริ่มเต็มล้น มีการปฏิเสธไม่รับคนไข้เพิ่ม

ในเดือนเมษายน 2020 หลายพื้นที่ในกวัยอาคิล ตกอยู่ในสภาพอันน่าเวทนา โดยมีการนำศพทิ้งไว้ข้างถนนหลายร้อยราย เพราะโรงเก็บศพและสุสานมีพื้นที่ไม่เพียงพอจะรองรับ และในเดือนเมษายนนี้เองที่ประเทศอันงดงามอย่างเอกวาดอร์ถูกประกาศเป็นศูนย์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในลาตินอเมริกา

ทั้งนี้ นิวยอร์กไทม์รายงานว่ายอดผู้เสียชีวิตในช่วงระหว่าง 1 กุมภาพันธ์ – 15 เมษายน 2020 น่าจะมากกว่า 7,600 ราย และในช่วงเดือนมีนาคม-กันยายน น่าจะไม่น้อยกว่า 36,200 ราย

***#กรุงกีโตของคุณหมอเดวิดกลายเป็นศูนย์การระบาดโควิด-19 #แห่งเอกวาดอร์เมื่อกรกฏาคม2020

ขณะที่บุคลากรด้านสาธารณสุขของเอกวาดอร์รณรงค์เอาจริงเอาจังให้ประชาชนตื่นตัวกับการป้องกันตนเองจากไวรัสวายร้าย แต่เอกวาดอร์ก็ยังถูกโควิด-19 บุกโจมตีหนักหนามากขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง โดยในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2020 ที่สถิติผู้ติดเชื้อใหม่สะสมขึ้นเป็น 31,881 ราย และยอดตายตั้งแต่ต้นปีจรดถึงกลางพฤษภาคมสูงกว่า 19,200 รายตามประมาณการของไฟแนนเชียลไทมส์ นั้น กรุงกีโตซึ่งคุณหมอเดวิดกับคุณหมอมาเบลินทำงานรักษาผู้ป่วยได้กลายเป็นพื้นที่สีแดงในทิศทางขาขึ้น แบบว่าไม่เห็นวี่แววการแตะจุดสูงสุดเมื่อใดเลย

จำนวนผู้ป่วยด้วยโรคโควิด-19 ทะยานสูงเสียดฟ้า ในกลางเดือนพฤษภาคมโรงพยาบาลเดล อิเอส กีโต ซัวร์ ต้องออกมาประกาศว่าหมดความสามารถที่จะรับผู้ป่วยเพิ่มได้อีก เพราะอัตราผู้ป่วยใหม่สูงเกินศักยภาพจริงๆ

สื่อใหญ่แห่งเอกวาดอร์ เอลยูนิเวอร์โซรายงานเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2020 ว่าโรงพยาบาลเดล อิเอส กีโต ซัวร์ มีเตียงรองรับผู้ป่วยได้ 350 เตียง กับอีก 10 เตียงในแผนกไอซียู และ 9 เตียงสำหรับดูแลฉุกเฉินชั่วคราวรอส่งต่อ และเมื่อเกิดวิกฤตโรคระบาดร้ายแรง ก็ได้นำเตียงเบียดเพิ่มเข้าไปเป็น 600 เตียง กับเพิ่มเป็น 49 เตียงในไอซียู

ในแวดล้อมของวิกฤตแห่งความตายกับการรักษาผู้ป่วยให้รอดชีวิต คุณหมอเดวิด วัย 27 ปี ผู้เป็นหมอประจำบ้านอาวุโสที่สุด และได้รับมอบหมายจากโรงพยาบาลให้ดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มอาการรุนแรง คุณหมอพ่อพระแห่งโรงพยาบาลเดล อิเอส กีโต ซัวร์ มุ่งมั่นที่จะจ่อมจมตนเองลงไปภารกิจอันหนักหน่วงเพื่อรักษาชีวิตของคนไข้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ด้วยเหตุนี้ ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2020 อันเป็นวันกำหนดจัดงานแต่ง สองคุณหมอตัดสินใจถ่ายภาพคู่สุดน่ารักและนำขึ้นเป็นสเตตัสบนทวิตเตอร์ เพื่อประกาศเลื่อนกำหนดงานแต่งออกไปก่อน เพราะจะขอทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถให้แก่การรักษาดูแลผู้ป่วยโควิด-19 พร้อมขอร้องให้ประชาชนดูแลป้องกันตนเองทั้งสวมหน้ากากทั้งล้างมือทั้งรักษาระยะห่าง

ในการนี้ หนุ่มหล่อ-สาวสวย ถ่ายภาพคู่ถือป้ายแจ้งข่าว 2 ภาพ ภาพหนึ่งสวมชุดแพทย์แบบปกติ ยิ้มสดชื่นกับกล้อง มือโอบไหล่ประคองกัน อีกภาพหนึ่งสวมชุดป้องกันการติดเชื้อพร้อมหน้ากากพลาสติกใสป้องกันใบหน้าและจูจุ๊บน่าเอ็นดู ข้อความบนป้ายแจ้งข่าว 2 อันนี้ ถูกนำไปเขียนเป็นสเตตัสของคุณหมอเดวิดว่า

“วันนี้เคยกำหนดเป็นวันพิเศษของเรา 23 พฤษภาคม 2020 แต่แทนที่จะเป็นอย่างนั้น เรามาทำงานให้แก่พวกท่าน ขอให้ดูแลตนเองให้ดี อย่าการ์ดตกนะ” สื่อยักษ์เอลกอมเมอร์ซิโอรายงานข่าวไว้อย่างนั้น

สเตตัสอันแสดงน้ำใจใหญ่หลวงที่สองคุณหมอเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อชีวิตและความปลอดภัยของประชาชน เป็นที่ประทับใจของผู้คนทั่วเอกวาดอร์และในหลากหลายประเทศ จนกลายเป็นไวรัล มีผู้คนกดชื่นชมมากกว่า 1 ล้านครั้ง ขณะที่สื่อมวลชนมากมายนำไปเสนอข่าวความรักหวานในอุดมการที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง

การตัดสินใจของนายแพทย์เดวิดและแพทย์หญิงมาเบลิน คู่หมั้นคู่หมายขวัญใจประชาชน เป็นการเลือกที่ถูกต้องอย่างยิ่ง กล่าวคือ ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2020 จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกรุงกีโตพุ่งแซงหน้าเมืองกวัยอาคิล พร้อมกับเป็นศูนย์การระบาดของโรคโควิด-19 ในเอกวาดอร์ ยิ่งกว่านั้น ในวันที่ 11 สิงหาคม แคว้นปิชินชาของกรุงกีโตก็แซงแคว้นกวัยอัสของเมืองกวัยอาคิล ในวิกฤตการณ์แห่งแคว้นที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงสุดของประเทศ

***#แปดเดือนหลังประกาศเจตจำนงเพื่อประชาชน #คุณหมอพ่อพระถึงคราวเสียท่าแก่โควิด-19

เดือนสิงหาคม 2020 เป็นช่วงเวลาน่าใจหายสำหรับเอกวาดอร์อย่างแท้จริง ยอดผู้ป่วยติดเชื้อใหม่พุ่งทะลุเพดานหนึ่งแสนรายในวันที่ 16 สิงหาคม ตามรายงานข่าวของบีบีซี ซึ่งระบุตัวเลขที่ระดับ 100,688 ราย

แต่ชาวเอกวาดอร์เสียขวัญครั้งใหญ่ในเดือนมกราคม 2021 เมื่อสื่อมวลชนมากมายรายงานว่าคุณหมอพ่อพระ นายแพทย์เดวิด บาลเญโฮ ติดเชื้อ SARS-CoV-2 โดยมีอาการนิวมอเนียรุนแรงหลังจากทุ่มเททำงานดูแลรักษาผู้ป่วยโควิดกลุ่มอาการสาหัสเนิ่นนานมากกว่าสิบเดือน และเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม 2021 ต้องเข้ารักษาตัวในแผนกไอซียูที่เจ้าตัวเข้าๆ ออกๆ ดูแลรักษาคนไข้มากมายนับไม่ถ้วน

ด้านแพทย์หญิงมาเบลิน โบนีลญา ก็ติดเชื้อโควิดด้วย แต่มีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย

กระนั้นก็ตาม คุณหมอนางฟ้าทุกข์ตรมอย่างที่สุด เพราะอาการป่วยของคู่หมั้นรุนแรงระดับที่ว่าโอกาสรอดชีวิตอยู่ที่ระดับต่ำไม่ถึง 10%

คุณหมอมาเบลิน วัย 26 ปี ให้สัมภาษณ์เอพีว่าในวันที่โพสต์ภาพประกาศเลื่อนวันแต่งงานออกไปโดยไม่มีกำหนดนั้น เธอเศร้ามาก เธอเผยความรู้สึกต่อการได้แต่งงานกับคุณหมอเดวิดว่าเป็นความฝันหวานๆ ที่เธอรอคอย

“มันเป็นความฝันจริงๆ ค่ะ ดิฉันไม่ทราบนะคะว่าผู้หญิงทั้งหลายคิดอย่างไร แต่สำหรับดิฉัน มันคือความฝันที่จะได้ก้าวออกจากบ้านในชุดสีขาว และได้แต่งงานกับเดวิด มันเป็นความปรารถนาของดิฉันค่ะ” คุณหมอนางฟ้าบอกอย่างนั้น

***#เห็นผู้ป่วยโควิดอาการหนักรอดบ้างตายบ้าง #รู้ซึ้งว่าความร้ายแรงของโควิด-19 #นั้นรวดร้าวราวใด

วิกฤตการณ์สาธารณสุขในเอกวาดอร์ที่ปรากฏชัดเจนในเดือนมีนาคม 2020 แล้วลุกลามแพร่ระบาดจนสาหัสเกินควบคุม ทุกๆ วันจะมีผู้ป่วยหลายร้อยรายมาที่โรงพยาบาลเดล อิเอส กีโต ซัวร์ แห่งเขตกีโตตอนใต้ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในประกันสังคม ทางโรงพยาบาลสามารถรองรับผู้ป่วยได้น้อยกว่าจำนวนผู้ป่วยที่ผุดขึ้นมาเรื่อยๆ รายชื่อผู้รอคิวให้เตียงว่างเพื่อเข้ารับการรักษานั้น ยาวเหยียดอย่างที่สุด

“นับเป็นเดือนๆ ที่มีผู้ป่วยอาการหนักรายแล้วรายเล่าถูกส่งเข้าแผนกไอซียู และมีมากมายเลยที่เสียชีวิต มันเป็นสภาพที่ย่ำแย่มาก บ่อยครั้งที่ผมกลับบ้านร้องไห้ ผมเป็นผู้ที่ต้องโทรศัพท์แจ้งญาติของผู้ป่วยทราบข่าวการเสียชีวิตของท่านนั้นท่านนี้” เดวิด คุณหมอพ่อพระกล่าว

ในเดือนมกราคมที่แพทย์ทั้งสองท่านเริ่มมีอาการของโรคโควิด-19 โดยที่ว่าคุณหมอเดวิดทรุดหนักอย่างรวดเร็ว และอาจารย์หมอบอกว่าจะต้องสอดท่อช่วยหายใจอย่างน้อยเจ็ดวันเพื่อรักษาชีวิตให้รอดจากความตาย

“ผมไม่เคยรู้สึกกลัวมากขนาดนั้นมาก่อนเลยครับ” นายแพทย์ผู้เสียท่าแก่ไวรัสร้ายเล่าถึงประสบการณ์ตรงในระหว่างให้สัมภาษณ์แก่เอพี

ในขณะที่ยังมีเรี่ยวแรงพอจะเขียนข้อความลงในกระดาษ คุณหมอพ่อพระคุยกับประชาชนที่ติดตามอยู่ในทวิตเตอร์ว่า

“เมื่อครั้งที่ผมมีโอกาสได้ทำงานใกล้ชิดกับอาจารย์หมอเมาริซซิโอ คาบเบร่รา ในแผนกไอซียู ท่านสอนว่าผู้ป่วยที่สอดท่อหายใจนั้นต้องติดชื่อและรายละเอียดให้ชัดเจน ผมชื่อดอกเตอร์เดวิด ผมมีความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะมีชีวิตอยู่รอดและทำให้ความฝันของผมเป็นจริง คือ แต่งงานกับผู้หญิงที่ผมรัก สร้างครอบครัว ในปีนี้ ผมจะได้เดินทางไปสเปนเพื่อศึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านเอ็มไออาร์ ผมทราบว่าทุกคนจะดูแลรักษาผมอย่างดีที่สุด” นายแพทย์ฮีโร่ของมหาชนเขียนอย่างนั้น พร้อมขอร้องเหมือนทุกครั้งว่า ดูแลรักษาความสะอาดและหมั่นล้างมือนะครับ ขอบคุณที่พยายามดูแลตนเอง เอล กอมเมอร์ซิโอ รายงานอย่างละเอียด

***#อาจารย์หมอให้หายใจผ่านท่อและอยู่ในภาวะไม่รู้สึกตัว17วันจนพ้นภัยโควิด #แต่พบวิกฤตรอบใหม่

ในวันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม 2021 อาจารย์หมอเมาริซซิโอจัดการให้เดวิดหายใจผ่านท่อและให้อยู่ในภาวะไม่รู้สึกตัว ความทรงจำของเดวิดหยุดลงเพียงเท่านั้น แต่ความทุกข์ทรมานขั้นสุดของคู่หมั้นสาวเพิ่งเริ่มต้น

แพทย์หญิงมาเบลินไม่เคยลืมความสะเทือนใจที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่เคยประสบมาว่า ในปลายเดือนมกราคม ขวัญยี่หวาของเธอยังไม่พ้นจากโรคร้ายแม้จะรักษาตัวมาเกือบสองสัปดาห์เต็มแล้ว ยิ่งกว่านั้นเธอได้รับแจ้งว่า

“เดวิดป่วยหนักหนามากๆ และโอกาสรอดชีวิตได้นั้นน้อยนิดแค่ 10%” มาเบลินร้องไห้เหมือนเด็ก ไม่อาจจะควบคุมตนเองได้ แต่ในที่สุดก็ต้องปลุกความเข้มแข็งขึ้นมา เพื่อแจ้งข่าวไปยังคุณพ่อคุณแม่ของคู่หมั้น

ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดครบอายุ 28 ปีนั้นคุณหมอเดวิดยังไม่รู้สึกตัวอยู่ในไอซียู และยังไม่พ้นภาวะหมิ่นเหม่ว่าจะอยู่หรือจะไป

นางฟ้ามาเบลินกับเพื่อนในโรงพยาบาลของเดวิดมาชุมนุมกันข้างโรงพยาบาลพร้อมนำเค้กวันเกิด และร่วมกันร้องเพลง “แฮปปี้ เบิร์ธเดย์” ผ่านโทรโข่ง พร้อมกับจับมือต่อกันเป็นรูปหัวใจ

และแล้ว ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ หลัง 17 วันแห่งการรักษาตัว เดวิดฟื้นขึ้นจากภาวะไม่รู้สึกตัว และปลอดภัยจากโรคโควิด-19

กระนั้นก็ตาม เดวิดซึ่งถูกสอดท่อหายใจและอุปกรณ์การแพทย์มากมายเนิ่นนานสองสัปดาห์ครึ่ง มีอาการติดเชื้อรุนแรง ซึ่งเป็นภัยคุกคามชีวิตรายการใหม่ ในครั้งนี้ เดวิดต่อสู้กับความทุกข์จากโรคภัยนาน 30 วัน จึงหายจากโรคติดเชื้อมาได้

คุณหมอเดวิดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชได้ แต่ยังมีอาการอัมพาตทั่วทั้งใบหน้า ตลอดจนปัญหากล้ามเนื้อหมดแรงเพราะมิได้เคลื่อนไหวร่างกายนานต่อเนื่องเกือบสองเดือน พ่อพระของประชาชนไม่สามารถยกแขนได้ และเมื่อจะต้องสื่อสาร ก็ทำได้เพียงการกระพริบตา

“ผมต้องรับกายภาพบำบัดเพื่อหัดพูด หัดเดิน และหัดทำสิ่งต่างๆ ทั้งหมด” นายแพทย์เดวิดเล่าอย่างนั้น

เขาบอกว่าส่วนที่ทำให้ไม่สบายใจที่สุดคือ เมื่อนึกถึงว่า “มาเบลินทุกข์ใจเพียงใดตลอดช่วงที่ผมไม่รู้สึกตัว และคุณพ่อคุณแม่ทุกข์ใจเพียงใด และที่แย่กว่าทุกสิ่งคือ ผมทำให้ทุกคนลำบากกันมากเลย”

ทั้งนี้ สองคุณหมอรุ่นใหม่ไฟแรง ผู้สละความสุขส่วนตัวและอุทิศตนเพื่อประชาชน ให้สัมภาษณ์แก่เอพีเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2021 หลังจากที่นายแพทย์เดวิดฟื้นจากวิกฤตสุขภาพเป็นอย่างดีแล้วว่า ทั้งสองอยู่ระหว่างรอว่ากรมทะเบียนราษฎร์จะให้วันแต่งงานมาเป็นวันใด โดยคาดว่าไม่น่าจะเกินปลายมิถุนายน

คู่หมั้นผู้ที่ได้พิสูจน์รักแท้อันสุดแสนทรหดจะจัดงานแต่งเป็นพิธีเล็กๆ มีเพียงสมาชิกครอบครัวเข้าร่วมได้ไม่กี่คนตามข้อกำหนดของรัฐบาล หลังจากนั้น ในต้นเดือนกรกฎาคม ก็ถึงกำหนดเดินทางไปประเทศสเปนเพื่อศึกษาต่อเป็นแพทย์เฉพาะทาง

“ตั้งแต่ก่อนจะล้มป่วย ผมคิดเสมอว่าคนเราต้องให้คุณค่าแก่สิ่งเล็กๆ ทั้งหลาย ครู่ยามเล็กๆ ทั้งปวง ตอนนี้ผมยิ่งเชื่อในเรื่องนี้มากกว่าที่เคยเป็นมา การได้เดินจูงมือกับหมอมาเบลินคือครู่ยามที่ยิ่งใหญ่สำหรับผมครับ” นายแพทย์เดวิด บาลเญโฮ ทิ้งท้ายอย่างโรแมนติกวิ้งๆ ด้วยแสงวิบๆ แห่งดาวฤกษ์ดวงที่ชื่อว่าความรักอันมั่นคง

โดย รัศมี มีเรื่องเล่า

(ที่มา: เอพี เอล ยูนิเวอร์โซ เอล กอมเมอร์ซิโอ บีบีซี วิกิพีเดีย รอยเตอร์ ทวิตเตอร์ เว็บไซต์องค์การ Undark.org)

บรรยายภาพ1
คุณหมอเดวิดและคุณหมอมาเบลิน แพทย์รุ่นใหม่ไฟแรงแห่งโรงพยาบาลเดล อิเอส กีโต ซัวร์ ถ่ายภาพขึ้นทวิตเตอร์ เมื่อ 23 พฤษภาคม 2020 แจ้งเลื่อนกำหนดงานแต่งออกไปก่อน เพราะขอทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถให้แก่การรักษาดูแลผู้ป่วยในกรุงกีโต พร้อมขอให้ประชาชนดูแลป้องกันตนเอง อย่าการ์ดตก สเตตัสนี้เป็นที่ประทับใจของผู้คนจนกลายเป็นไวรัล มีสื่อมวลชนนำไปเสนอข่าวด้วยความชื่นชม

บรรยายภาพ2
แพทย์หญิงมาเบลิน โบนีลญารักคู่หมั้นรูปหล่อ หัวใจสุดยอดพระเอกของเธออย่างที่สุด เธอบอกว่า มันคือความฝันที่จะได้ก้าวออกจากบ้านในชุดสีขาว เพื่อไปยังโบสถ์และแต่งงานกับเดวิด

บรรยายภาพ3
โรคระบาดโควิด-19 แพร่ลามไปตามแคว้นต่างๆ ทั่วเอกวาดอร์อย่างรวดเร็ว โดยกรุงกีโต แห่งแคว้นปิชินชา เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีอัตราการติดเชื้อใหม่สูงมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งว่าในในเดือนกรกฎาคม 2020 สถานการณ์สาหัส โดยมีอัตราการติดเชื้อใหม่สูงแซงหน้าเมืองกวัยอาคิลซึ่งคุมสถานการณ์ดีขึ้นและอัตราการติดเชื้อใหม่ชะลอตัวลง

บรรยายภาพ4
นายแพทย์เดวิด บาลเญโฮและคู่หมั้นแสนรัก แพทย์หญิงมาเบลิน โบนีลญา จูจุ๊บอวดความรักมั่นคงระหว่างกัน ในมือของทั้งสองคือภาพถ่ายแห่งตำนานรักระหว่างรบกับโรคระบาดโควิด-19 ที่เกือบจะคร่าชีวิตคุณหมอพ่อพระไปแล้ว ด้านท่านผู้ชมที่ช่วยเชียร์พ่อพระและคุณหมอนางฟ้าของประชาชน พลอยสบายใจ หมดทุกข์หมดโศกไปด้วย

บรรยายภาพ5
สเตตัสบนทวิตเตอร์ของนายแพทย์เดวิด บาลเญโฮ พร้อมภาพถ่ายคู่กับคู่หมั้นสาวแสนสวย แพทย์หญิงมาเบลิน เพื่อแจ้งเจตจำนงที่จะเลื่อนการจัดงานแต่งออกไปก่อน เพราะจะขอทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถให้แก่การรักษาดูแลผู้ป่วยโควิด-19 พร้อมขอร้องให้ประชาชนดูแลป้องกันตนเองทั้งสวมหน้ากากทั้งล้างมือทั้งรักษาระยะห่าง สเตตัสนี้กลายเป็นไวรัลทั่วเอกวาดอร์และในหลายหลากประเทศ โดยมีการกดชื่นชมมากกว่า 1 ล้านครั้ง

บรรยายภาพ6
ร่างไร้ลมหายใจของคุณทวดฮอร์เก้ วินเซส ผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ณ สิริอายุ 86 ปี พักอยู่บนพื้นห้องนอนในบ้านที่เมืองกวัยอากิล รอให้เจ้าหน้าที่มารับไปดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ร่างของคุณทวดนอนรอเจ้าหน้าที่มาสองวันแล้ว โดยที่ญาติ 3 รายต้องอดทนกับกลิ่นอันดุเดือดในท่ามกลางอากาศร้อนจัดของเดือนเมษายน เพราะทำใจไม่ได้ที่จะนำคุณทวดไปวางข้างถนนเหมือนที่ชาวเมืองจำนวนมากทำกัน ภาพจากเว็บไซต์ขององค์การ Undark.org

บรรยายภาพ7
คุณหมอนางฟ้าเอาภาพประทับใจสองภาพที่แฟนคลับแห่งคุณหมอเดวิดจดจำได้ดี นำขึ้นโพสต์บนทวิตเตอร์ของคู่หมั้น พร้อมกับภาพถ่ายกระดาษข้อเขียนถึงประชาชนว่า “ผมชื่อดอกเตอร์เดวิด ผมมีความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะมีชีวิตอยู่รอดและทำให้ความฝันของผมเป็นจริง คือ แต่งงานกับผู้หญิงที่ผมรัก สร้างครอบครัว” เอล กอมเมอร์ซิโอ รายงานอย่างนั้นในวันที่ 18 มกราคม พร้อมระบุว่าผู้ที่ติดตามในทวิตเตอร์พากันสวดภาวนาและเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าคือแพทย์ที่เหนือกว่าแพทย์ทั้งมวล พระองค์จะพาให้คุณหมอเดวิดพ้นจากโรคภัยครั้งนี้

บรรยายภาพ8
นายแพทย์เดวิด บาลเญโฮโอบไหล่คู่หมั้นสุดสวย แพทย์หญิงมาเบลิน โบนีลญา และยิ้มเปี่ยมสุขกับกล้องของช่างภาพเอพีที่บ้านในกรุงกีโต เอกวาดอร์ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2021