ทำบุญพระปลอมบวชได้ขึ้นสวรรค์ ทำบุญกับพระอรหันต์ตกนรก

ในห้อง 'บุญ-อานิสงส์การทำบุญ' ตั้งกระทู้โดย na_krub, 1 พฤศจิกายน 2012.

  1. na_krub

    na_krub "นโม ธรรมะสุขัง อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +2,916
    เป็นเรื่องจริงอิงตามหลักพระพุทธศาสนา หากเราปรับเจตนาให้เป็นบุญย่อมสำเร็จตามประสงค์ สามีภรรยาคู่หนึ่ง เป็นคนยากจนมาก หาเลี้ยงชีพด้วยการขอทาน เดินทางมาอาศัยอยู่ที่ศาลาข้างถนนแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่นอกกำแพงเมือง ในขณะที่พักอยู่นั้น ภรรยาซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์เกิดอาการแพ้ท้อง อยากจะบริโภคอาหารที่พระราชาเสวย ที่เป็นอาหารอันประณีต จึงอ้อนวอนสามีให้ไปหามาให้ บอกว่าหากมิได้บริโภคอาหารที่ต้องการนี้จะต้องตายเป็นแน่แท้ ฝ่ายสามีจำทนคำอ้อนวอนต่อไปไม่ไหว และเกรงว่านางจักตาย
    เช้าวันหนึ่งได้เดินทางไปสังเกตการณ์ที่หน้ามหาราชวัง เห็นพระราชาถวายอาหารบิณฑบาตแก่พระภิกษุในวันธรรมสวนะซึ่งเป็นไปตามประเพณี ดังนั้นจึงคิดอุบายปลอมตัวเป็นพระภิกษุ และได้ทำการซักซ้อมเป็นอย่างดี พอวันพระมาถึง ก็เดินตามหลังพระภิกษุที่ออกรับบิณฑบาต ด้วยความระมัดระวังตัวมาก ดูเหมือนเป็นผู้สำรวมยิ่งกว่าพระจริงที่เดินนำหน้า ขณะนั้นพระราชาลงมาจากพระราชวัง เพื่อถวายอาหารบิณฑบาต เมื่อทอดพระเนตรเห็นพระภิกษุเดินด้วยกิริยาอาการสำรวมมากเช่นนั้น ทรงจินตนาการว่า"ภิกษุนี้มีกิริยาอาการสำรวมน่าเลื่อมใสเป็นหนักหนา คงเป็นพระที่ทรงคุณวิเศษสักอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นแม่นมั่น" จึงเกิดพระราชศรัทธา ทรงสั่งอำมาตย์คนสนิทให้นำพระกระยาหารที่จะเสวยในวันนั้นมาใส่ลงในบาตจนหมดด้วยจิตที่เลื่อมใสยิ่ง เมื่อพระภิกษุปลอมรับอาหารแล้วจึงให้พรด้วยเสียงอันกังวานไพเราะแล้วจึงเดินจากไป ด้วยอาการสำรวมยิ่ง ดังนั้นด้วยความเลื่อมใสอันมีอยู่มากมายในพระทัยของพระราชา และด้วยความปลื้มปิติในบุญกุศล จึงรับสั่งอำมาตย์คนสนิทให้รีบสะกดรอยตามไปเพื่อให้รู้ว่าพระท่านมาจากไหน จะไปพักที่ไหน เพื่อว่าวันต่อไปจะนิมนต์มารับบาตรในพระราชวังอีก ฝ่ายพระภิกษุปลอมนั้น เมื่อได้อาหารเต็มบาตสมความปราถนาแล้วก็ดีใจ รีบเดินไปจนสุดกำแพงพระราชวังเมื่อเห็นว่าปลอดผู้คนแล้ว จึงเปลื้องจีวรและสบงออกเป็นเพศคฤหัสถ์ตามเดิม แล้วนำพระกระยาหารนั้น ไปให้ภรรยาแพ้ท้องบริโภคตามความประสงค์ อำมาตย์ซึ่งสะกดรอยติดตามมา ได้เห็นพฤติการณ์นั้นโดยตลอด ก็บังเกิดความตกใจและสังเวชใจคิดว่ามาเจอคนที่ปลอมตัวเป็นพระเสียแล้ว จึงเข้าไปหวังจะจับไปรับโทษ แต่ด้วยความสงสาร มองเห็นภรรยาของเขาท้องแก่และอ้างเหตุผลดังกล่าวแล้ว จึงเกิดความเห็นอกเห็นใจ ทำได้เพียงขับไล่สามีภรรยานั้นไป และห้ามกลับมาที่เมืองนี้อีกเป็นเด็ดขาด หลังจากนั้นก็ได้เดินทางกลับไปเฝ้าพระราชา พระราชาจึงตรัสถามว่า "ได้ความว่าอย่างไร บอกมาเร็วๆ พระนั้นอยู่วัดไหน" อำมาตย์จึงใช้กุศโลบายเพื่อรักษาศรัทธาของพระราชาไว้ กราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงคุณอันประเสริฐ ข้าพระพุทธเจ้าได้สะกดรอยตามพระรูปนั้นไป จนออกนอกกำแพงพระราชวัง พอตามไปสุดพระราชวังโน้น ท่านก็หายวับไปทันที" (ในที่นี้ หมายถึงหายจากความเป็นพระกลายเป็นคฤหัสถ์ไป)
    พระราขาได้ฟังดังนั้นทรงโสมนัสมาก มิได้ซักความเพิ่มเติมอีก ทรงคิดเอาเองว่า "บุญของเราแท้ๆที่ได้ถวายทานแด่พระอรหันต์ทรงคุณวิเศษ ท่านเป็นพระอรหันต์จริงๆปาฏิหาริย์หายตัวได้ ทานที่ได้ถวายท่านในวันนี้มีอานิสงส์มาก เป็นทางที่ประเสริฐอย่างแน่ๆ"
    พระราชาทรงบังเกิดความปีติเบิกบานใจในบุญที่ได้ทำเป็นยิ่งนัก ไม่นานหลังจากนั้นพระราชาก็เสด็จสวรรคต ไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และก่อนที่จะสวรรคต พระองค์ได้ทรงกำชับเหล่าอำมาตย์ไว้ว่า เมื่อพระองค์สวรรคตแล้ว ให้ทำบุญอุทิศส่วนกุศล เพื่อเจาะจงพระองค์ด้วย จากนั้นอำมาตย์คนสนิทก็สถาปนาตนเป็นพระราชาแทน
    ในคราวนั้นได้มีพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปหนึ่งเพิ่งออกจากฌาณสมาบัติ ได้เที่ยวจารึกไปในพระนครเพื่อบิณฑบาต พระราชาองค์ใหม่ก็ลงมาใส่บาตรในวันพระตามประเพณี ได้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปนั้นก็ได้นิมนต์ท่านเข้าไปรับภัตตาหารในพระราชวัง แต่ในใจก็ยังรู้สึกคลางแคลงสงสัยในพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปนั้นตลอดเวลา เนื่องจากครั้งก่อนเจอพระปลอมบวชเข้า จึงเกรงว่าครั้งนี้ก็จะเป็นพระปลอมบวชเช่นกัน โดยหารู้ไม่ว่าภิกษุที่ตนได้ถวายภัตตาหารอยู่นั้นคือ พระปัจเจกพุทธเจ้าผู้สิ้นกิเลสอาสวะแล้วสิ้นเชิง เมื่อได้ประมาทแล้วในพระอริยะบุคคลโดยไม่รู้ตัว เพราะบุคคลไม่อาจทราบได้ว่า ภิกษุรูปใดเป็นอริยะบุคคลหรือไม่เป็นอริยะบุคคลหรือเป็นผู้ทุศีล (เหตุเพราะว่าพระอริยะบุคคลใดก็ตามท่านจะไม่สามารถประกาศได้ว่าตนนั้นเป็นอริยะบุคคลแล้ว) ฉะนั้นการถวายทานแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าในครั้งนี้นอกจากจะไม่เกิดกุศลแล้ว ยังทำให้พระราชานั้นได้หนทางไปสู่อบายในโลกหน้าโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย
    เรื่องนี้สอนว่าการทำบุญกับพระ หรือถวายของพระ หรือพระจะทำอะไรไม่ถูกใจเราหรือทำผิดอะไรก็ตาม เราอย่าไปคิดไม่ต้องสนใจ ถ้าท่านไม่ดีทำอะไรไม่ถูกต้อง จะมีเจ้าหน้าที่และเวรกรรมจัดการท่านเอง ส่วนเรานั้น เมื่อทำบุญแล้ว ถ้าเราไม่คิดมาก ทำใจให้สบาย ไม่ไปสอดส่องตำหนิติเตียนท่าน ไม่เสียดายของที่ทำบุญ ให้คิดถึงแต่บุญกุศลที่เราทำไป เราจะไม่ตกนรก เราจะขึ้นสวรรค์ทันทีทันใดเพราะจิตใจเรามีแต่ความอิ่มเอมเปรมปรีย์ เกิดปีติสุขใจปลื้มใจมากๆ ที่ได้ทำบุญที่เป็นเช่นนี้เพราะนรกสวรรค์อยู่ที่ใจและความคิด เราต้องคิดในแง่ดี คิดเป็นบุญกุศลคิดให้สุขสบายใจเสมอๆ เราจะไม่ทุกข์เลย

    คัดมาจากหนังสือ "ดีชั่ว รู้หมด แต่อดใจไม่ไหว"
     
  2. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,687
    ค่าพลัง:
    +12,591
    ก็จริงนะคับ ก่อนทำก็เลือกให้ดีก่อน เมื่อตกลงใจแล้วก็ไม่ต้องสงสัยแล้ว ส่วนจะได้พบเนื้อนาบุญที่ดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับวาสนาของเราเอง

    ถ้าวาสนาดีก็จะพบพระสุปฏิปันโน พระขีณาสพเสมอๆ ถ้าไม่ค่อยมีวาสนาจะทำบุญครั้งใดก็มักจะได้พบกับอลัชชีร่ำไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...