นั่งข้ามเวทนา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย jumook, 6 มีนาคม 2011.

  1. คนไทบ้านๆ

    คนไทบ้านๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2018
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +267
    ตรงนี้อย่าไปเข้าใจว่าผมมีปัญญาลึกซึ้งอะไรนะครับ แค่เห็นตามความเป็นจริงได้เฉยๆ ครับ ไม่มีอะไร ก็ค่อยๆกระชับความรู้ความเห็นเข้ามา ๆเอง จากรู้เยอะๆ รู้กระจัดกระจายไปหมด ค่อยๆรวมศูนย์ไปที่การเห็นตรงในความหลงสังขารความปรุงแต่งไปเอง หลงฟุ้งซ่าน ทั้งๆที่สัจธรรมความจริงก็อยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่อนุสัยความเคยชิน จริตหรืออุปนิสัย และวิบากกรรม มักจะเข้ามาแทรกซ้อน ทำให้ไม่อาจเห็นตรงๆ ลงใจยอมรับตามความเป็นจริงได้เสียทีเท่านั้นเอง พอเริ่มเก็ท เริ่มสังเกตในจุดนี้เป็น ก็เริ่มเข้าทางมาเลย จะเข้าถึงแค่ไหนอยู่ที่ความแก่กล้าของอินทรีย์พละแล้วครับ

    ถึงตอนนั้นบางทีมีอีกเรื่อง ต้องตัวใครตัวมันครับ อย่าให้ใครหรืออะไรมาแทรกซ้อน ต้องเป็นตัวของตัวเองจริงๆ ทำได้ไหมครับ เรียกว่า ต้องโดนถีบส่งกันเลยทีเดียว อย่างพวกติดดี ติดศรัทธาแรงกล้านี่ เขาจะไม่ค่อยรู้ตัวเองว่าติดนะ ต้องโดนถีบส่งแรงๆสถานเดียวครับ ให้มันพลิกคว่ำพลิกหงายหลายตลบ เหมือนคนไร้ญาติขาดมิตรนั่นแหละครับ ถึงจะได้สติกันจริงๆ เบาอ่อนควรแก่งานมาเลย ทีนี้ถึงค่อยว่ากันไป ตามแต่วาสนาเหตุปัจจัยต่อไป
     
  2. digimon1234

    digimon1234 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +35
    ระหว่างทิ้งธรรม หรือดับธรรม รึธรรมดับ มันต่างกันใหมคับ รึอย่างเดียวกัน
     
  3. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    ลองดู ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร ครับ
    อาจได้ข้อคิด
     
  4. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014

    ประมาณนี้ครับ

    ทิ้งธรรม คือ การหลงผิด หรือ มิฏฉาทิฏฐิ หรือ การยอมแพ้

    ละทิ้งธรรม คือ การปล่อยวาง ธรรมะที่คิดว่ามีจริง ซึ่งความจริงไม่มี ถูกสมมุติขึ้นทั้งนั้น

    ดับธรรม คือ อรหันตมรรค หรือ การกำลังดับธรรมที่เผลอไปหลงยึด

    ธรรมดับ คือ อรหันตผล หรือ การดับธรรมที่เผลอไปหลงยึดได้แล้ว
     
  5. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014

    ราคือ มหายาน ย่อมเข้าใจ หลักอนัตตา ได้ดี
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    สภาวะดับ หรือ ที่ชอบเรียกให้ดูหล่อๆว่านิโรธฯนั้น
    มันเป็นสภาวะที่ อยู่เหนือการใช้ตัวจิต
    และการใช้กาย ในการนำเข้าแล้วครับ

    ถ้ายังมีการใช้จิตนำ หรือ กายนำ
    ไม่ใช่สภาวะดับครับ แต่กำลังที่เข้าได้
    สามารถใช้งานทางด้านๆอื่นๆได้อยู่

    การที่จิตซักดวงจะไปถึงสภาวะดับได้
    นั่นคือ ตัวจิตจะต้องเคยใช้งานทางจิตมาก่อน
    ระยะเวลาหนึ่ง และจนกระทั่งรู้สึกเกิดเวทนาที่จิต
    และก็มาทิ้งพวกความสามารถต่างๆเหล่านั้น
    ให้ได้ก่อน คือทิ้งไปเลย ที่ไม่ทิ้งกัน เพราะว่า
    กลัวว่ามันจะหายไปหรือเสื่อม(พวกนี้เป็นตัวหลงอย่างหนึ่ง)

    พอทิ้งได้จริงๆ การใช้งานทางจิตแบบที่จำเป็นต้องใช้
    ก็จะเป็นแบบ ใช้งานแบบจิตเหนือจิต คือไม่มีตัวจิต
    เข้าไปกระทำ (พวกที่รู้อัตโนมัติ ขณะใช้งานทางจิตว่า
    ต้องทำโน้นนี่นั่นต่อ ตรงนี้เป็นวิตกวิจารณ์อยู่
    การใช้งานทางจิตแบบนี้ยังไม่ใช่จิตเหนือจิต
    แต่ก็สามารถใช้ในบางกรณีเฉพาะได้อยู่
    แต่ใช้แล้วต้องทิ้งเป็น คลายเป็น)

    แล้วต่อจากนั้น ค่อยมาเน้นวิปัสสนาต่อ
    จนกระทั่ง ตัวโทสะ โมหะ โลภะ ในจิต
    ที่จะไปดึงเอา ลาภ ยศ สุข สรรเสริญภายนอก
    เข้ามานั้น มันน้อยลงไปตามลำดับ

    หลังจากนั้นก็ค่อยมาดูตามวาระ
    ว่าจิตมันจะเข้าได้หรือไม่ได้ของมันเองครับ.....
    ดวงจิตที่มีแต่สัมผัสภายใน ไม่เคยใช้งานทางจิต
    ใดๆมาก่อนที่เป็นประโยชน์ เป็นรูปธรรมขึ้นมา
    หรือเกิดมาไม่เคยฝึกกรรมฐานใดๆสำเร็จซักอย่าง
    หรือไม่มีความสามารถใช้งานทางจิตได้จริง
    อย่าไปคิดถึงเรื่องสภาวะดับ เพราะพูดยังไงก็ไม่ถูกครับ

    และการทำเอา ไม่ใช่สภาวะดับนะครับ ย้ำว่า
    การใช้ความชำนาญ วิธีการใดๆ ตลอดจน
    กำลังจิต สมาธิในการเข้า ไม่ใช่สภาวะดับ
    เพราะสภาวะดับ นั้น แม้เข้าไปได้
    ไม่ใช่ว่าตนจะบรรลุหรือจะนิพพงนิพานอะไรนะครับ
    ในสภาวะดับนั้น มันจะไม่มีเชื้อที่จะก่อให้มีการเกิดขึ้นได้
    ถ้าเราเข้าไปได้ มันก็จะ ค่อยๆฟอก ตัวโทสะ โมหะ โลภะ
    ที่มีอยู่ในจิตตั้งแต่เราจะมีกายนั้น ให้ค่อยๆน้อยลง น้อยลงไป
    เท่านั้นเอง ซึ่งส่งผลให้ในเวลาปกติ จิตดวงนั้น
    จะเร็ว และรู้เท่าทัน ทั้ง ๓ ตัวนี้ได้เร็วขึ้น


    แต่ในระดับโปรซีรีย์หรือครูบาร์อาจารย์ท่านหลาย
    ท่านเข้าได้นาน จนกระทั่ง ตัวเชื้อที่มันมีอยู่ในจิต
    มันไม่สามารถที่จะมีอะไร มาสร้างให้มันเกิดหรือก่อตัวได้อีกครับ
    เพราะท่านมีความสามารถในการเข้าได้นานนั่นเองครับ

    ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟังครับ
     
  7. เพ็ชร คมปภ้สษ์

    เพ็ชร คมปภ้สษ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2019
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +11
    บังเอิญ กำลังหาผู้มีประสบการณ์การนั่งสมาธิแล้วเกิดเวทนาทางกายน่ะครับ กระทู้นี้จึงขึ้นมาให้อ่าน อ่านแล้ว เหมือนผมมาก ผมกระนั่ง ได้ประมาณ 40-50 นาทีครับ แล้วเวทนาก็เกิด เหน็บชา สองข้างข้างซ้ายจะหายไปก่อนส่วนข้างขวาที่ทับซ้ายอยู่นี้และครับ ตัวเวทนามาก เหน็บชารุนแรงมาก ต่อด้วยอาการเจ็บเข่าข้างขวาจะแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ข้างซ้ายกับมีไม่อาการอะไรเลยหลังจากเหน็บหาย แค่อาการชาๆแบบสบายๆ ต่อมาก็ก้นทั้งสองข้างจากการนั่งนาน และหลังเพราะหลังเริ่มตกลงไม่ตรงเหมือนตอนแรกเริ่มงอลง จะเริ่มปวด สู้มาถึงประมาณชม.หนึ่งได้ เจ้าเวทนามันบีบคั้นจิตมาก จนทนไม่ได้ต้องยอม มันเพราะคิดว่าช่วงก่อนเกิดเวทนา เรานั่งสบายมาก จิตรวมบ้างวูบลงแล้วสว่างขึ้นมาบ้าง บางที่ก็ตกภวังค์ แช่นิ่งบ้าง บ้างที่ก็ไม่สงบ บางที่ปิติเกิด แสงสีจร้าไปหมด ก็เลยออกจากสมาธิ เป็นอยู่แบบนี้ มาตลอดผมนั่งมาจะไปปีแล้วครับ เช้าเย็น แต่จะมีอาการอื่นๆอีกที่ไม่ได้เขียนบอกครับ เพิ่งจะสู้กับเวทนาวันนี้และครับ ช่วงเช้ากับเย็น ตัดสินใจสู้ ในช่วงเช้า ใช้ความอดทนมากจริงๆ ทรมารมากจริงๆ ผมใช้ภาวนาพุทโธ แบบเร็วๆพุทเข้าโทออกแบบหายใจสั้นๆถี่ๆ เพื่อให้จิตมันจับลมให้ได้เพื่อไม่ให้จิตมันไปจับเวทนา บอกเรยครับไม่อดทนจริงไม่ผ่านจริงๆ จะยอมแพ้อยู่หลายรอบ ผ่านไปไม่รู้ประมาณไหนครับเวลาว่าสู้กับเวทนานานแค่ไหนจิตมันจับลมได้ครับ อาการบีบคั้นเริ่มเบา ตัวเริ่มชาจนถึงใบหน้า เหน็บเริ่มคลายตัว อาการเจ็บเข่าเจ็บก้น เริ่มเบาความสว่างเริ่มมา ตัวเริ่มเกร็งจากอาการปิติเพราะความเจ็บปวดมันค่อยๆสลายไปจนหมด มีแต่ความว่างอีกครั้ง มาดูเวลาจะเกือบสองชั่วโมงครับ ความสุขเกิดเมื่อเวทนาดับ คำถามจึงมีขึ้นในใจ ว่า เราต้องสู้กับเวทนาทุกครั้งและจะต้องเจอกับเจ้าเวทนาตลอดเพราะช่วงเย็น ก็สู้กับเวทนาอีก เหมือนเดิมทุกอย่างอาการ แล้วเมื่อเราผ่านเวทนาแล้วจะไปต่อยังไง ครับ
     
  8. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    เวทนา ก้เหมือนกับ ความฝัน ที่คุณ
    พยายามไป ควบคุม ครอบงำ มัน

    เรัยนธรรมะ ควร ฟังธรรมให้เข้าใจ

    จะไปลุยๆ สู้ แบบไม่ทำความเข้าใจ
    แล้วให้ ปัญญา เกิด เปนเรืองที่.......
    ( ละไว้ )

    นะ

    เวทนา ก้เหมือนกับ ความฝัน เปน
    เพียงธรรม หรือ ปรากฏการณ์ ที่
    วิจิตร มีความหลากหลายทาง
    รายละเอียดเรื่องราว

    แต่ถ้า ฟังธรรมให้เข้าใจ จะเหน
    กิจเดียวรสเดียว คือ ดับทั้งสิ้น

    การข้ามเวทนา จึงเปน อุปทาน
    ใน อดีตบ้าง ในอนาคตบ้าง(เดี๋ยว
    คืนนี้จะข้าม) ในปัจจุบันบ้าง(ตอน
    นี้ จิตดี๊ดี เหนเวทนาตลอดเปน
    อุเบกขา ชินชากะมันแระ)

    ตายเปล่า

    ธรรม เราขุดกันที่ รากเง้า ต้นตอ
    ของมันเมื่อ ต้นไม้ขาดรากแล้ว
    ความลังเลใจว่า พรุ่งนี้ปฏิบัติ
    ยังไงต่อ มันจะหายไปเรียกว่า
    เข้าถึงอริยสัจจสี่ แล้ว แลอยู่...

    ต้นตอของเวทนา เกิดจากการ
    มีกายและ หรือ มีจิต

    ต้นตอความฝัน เกืดจาก มีกาย มีจิต

    ตราบใด้ ยังมี ความถือผิด ว่า กาย
    เปนเรา จิตเปนเรา รากมันงอกหยั่ง
    ในสังสารวัฏ ไม่จบสิ้น พรุ่งนี้ยังไง
    ต่อ เขาว่ามันเปน เมืองขวด ก้เชื่อ
    ตามเขาไปไม่จบสิ้น

    ......
    ......
     
  9. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ตอน ผมฝึกนั่งสมาธิ ระลึกได้ว่า
    พวก โกเอนขาดก้ดี แจร๋นฐิติทำโม
    ก้ดี เน้นกันนัก ข้ามเวทนา ขาชา
    เหน็บกินเปนได้ โลห์ ใบประกาศนีย
    บัตร

    ผมก้เลย นึกขึ้นมาเล่นๆ ก้ ถ้าเหน็บ
    มันกิน แล้วจะเดินไม่ได้ ลุกไม่ได้
    จริงหรือ

    ก้เลย ทำใจ ซื่อๆ ไม่เอา มารยาสาไถย

    เหน็บมันกิน ดั่งเข็มแสนเล่มทิ่มแทง
    ก้ ทำใจ รู้ซื่อๆ รู้เฉยๆ เดียวมันก้
    หาย ก้เลยลองเดิน ใน ขณะที่เข็ม
    พันเล่ม ทิ่มแทงปลายประสาท ให้
    คนธรรมดา งอขเ งอขิง น้ำตาไหล
    ฟูมฟายว่า เดินไม่ได้แล้วหนอ เดิน
    ไม่ได้อีกแล้วหนอ.....

    เชื่อไหม จริงๆ มันเดินได้ ไม่ต้อง
    ไปเชื่อ กาย เส้นเอน ไขข้อ ที่มัน
    รั้งให้ งอขดงอขิง .....ไม่ไปเชื่อ
    มัน รู้ซื่อๆ ลงในกาย ใจ ตั้งมั่น
    เปนกลาง ลงไตรลักษณ์ เสียก้
    จบเรื่อง...

    ปล. บังเอิญเหนสีผม จขกท ก้ ขอ
    ประทานโทษ ว่า อย่าฝึกแบบที่ว่า
    นั้น หากกระดูกเปราะจะโทษกรรม
    ฐานเลิกปฏิบัติเอา เพราะ รักกาย
    มากกว่า ธรรม สัจจ ความจริง
     
  10. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ปล.2 ที่ วางจิตวางใจ เดินทั้งๆที่เหน็บ
    กิน ..... อันนี้ไม่ใช่ อยู่ดีๆ ก้ลุกเดิน

    แต่เกิดจาก ตั้งแต่เด็กๆ เวลาผมว่าย
    น้ำสนุกมาก แล้ว ตะคริวกิน หากเปน
    คนอื่น คงงอขด งอขิง จมน้ำตาย....
    แต่ผม จะปล่อยมันกิน แล้วว่ายน้ำต่อ
    ด้วย ระยางค์ที่เหลือ ปล่อยมันกิน
    ไป ขอสนุกกับการ ว่ายน้ำต่อ

    ทำให้ มีใจเหน การก้าวข้าม อาการ
    กระซิบหลอก อันเกิดจาก อุปาทาน
    ในการมีกาย มีจิต รู้ซื่อๆ รู้เฉยๆ
    เปน ไม่ได้อุปาทานว่า ต้องมี ฌาณ
    แฌณ มา อัปปานง อัปปานา
    แล้วถอยมา พินาเวทนา กาย
    จิต ธรรม แบบสาวกธรรม สอนอริยสัจจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2019
  11. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ลอง ดูนะ ครับ เหนกด ถูกใจ...

    คงไม่ใช่ ถูกใจ เข้าใจ ...อาจแค่
    ให้ คะแนน ทีอุตสาห์ ตอบ

    ยังไงเสีย ก้ แสดงถึง ความใจ
    กว้าง จิต ผ่อง! แผ้ว ( ไม่ยึดกาย
    ไม่ยึดจิต เหมือน ละตะคริว ละ
    เวทนา นั่นแหละ )

    ใช้ ใจ ผ่องแผ้ว นั้น ยกเหน อริยสัจจ

    เหน วิมุตติ เข้ามาตรงๆเลย อย่า
    ไป ท่ามาก ต้องมีนั่งข้ามเวทนา
    ต้องเหาะได้ทั้งฝัน ทั้งความจริง

    การตรัสรู้ จะใช้อะไรก้ได้ ใช้
    สัทธาในความเพียร ก้ได้

    ใช้ความสัทธาใน นิพพาน ของ
    ศาสดาไปตรงๆ ก้ได้

    สัทธาวิมุตติ จึงมี

    ปัญญาวิมุตติ จึงมี

    ทิฏฐิปัตต จึงมี

    ส่วน

    กายสักขี ( เหนกายเปนที่ประชุม
    รวมแห่งอวิชขา ทั้งดุ้น ) นั้นมี
    เพียงส่วนน้อย
     
  12. เพ็ชร คมปภ้สษ์

    เพ็ชร คมปภ้สษ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2019
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +11
    ขอบคุณครับ ผมก็หาแนวทาง การปฎิบัติไปเรยๆครับ
     
  13. เพ็ชร คมปภ้สษ์

    เพ็ชร คมปภ้สษ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2019
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +11
    คำแนะนำนั้นดีเสมอครับ สำหรับผู้สงสัย ก็เป็นแนวทางสำหรับคนฝึกใหม่ครับ คนที่ฝึกใหม่ๆ ความสงสัยมันเยอะน่ะครับ ขอบคุณจริงๆ เห็นเจ้าของกระทู้ลงมาได้อ่านแล้ว มาตรงกับผมพอดี และเห็นลงคำสอนหลวงพ่อจรัลมา ด้วย เพราะเคยฟังท่านเหมือนกันว่าให้ทนดู อยู่กับมัน จึงได้ลองปฏิบัติตามครับ คำตอบจึงออกมาว่าทุกอย่างมีเกิดต้องมีดับไปเป็นธรรมดาครับ
     
  14. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    เวลา ปรารภ แบบนี้

    อย่า ปรารภผ่านๆ

    ให้กำหนดรู้ "ฉันทะ เปน มูล" เหตุ
    ของการ เวียนว่าย ทำตามๆกันไป
    เข้ามา เลย

    ถ้า ยัง อาลัย อาวรณ์ ฤทธิ เหาะเหิน
    เดินอากาศ ให้ กระทำในใจ ระลึก
    "ผัสสาหาร" ก้ พวก ปิติ5 นั่นแหละ
    แต่ไม่ใช่ เหนปิติ เฉพาะ นั่งข้าม
    เวทนา

    การ ฝึกตามรูปแบบ เพื่อให้ เข้าใจ
    รส หริอ อาการ ปิติ ทั้ง5

    เสร็จแล้ว ให้หัดสังเกต ทุกขณะจิต
    นั่น ปิติ5 มันมีอยู่ เปนปรกติของจิต
    ทุกดวง ....

    หาก จับต้องได้ การภาวนา จะไม่มี
    กาลิเกโอ อีก แต่จะเปน อกาลิโก
    แค่คุณเพียง ฉลาด เอหิปัสสิโก

    ก้จะ น้อมจิต โอปานยิโก เอา ปิติ5
    ที่เกิดร่วมกับจิต ตามธรรมชาติของ
    จิตที่มันแปรปรวน แปรธาตุ ของมัน
    เองตลอดเวลา เอามาเปน ต้นทุน
    การภาวนา

    แบบนี้ ก้จะต่างจาก เหน "ฉันทะ
    เปนมูล" ผลิกมาเปนเหน "ผัสสะ..
    คือการขยุ้มรวม" กันเปนสรรพ
    สังขารกายา แบบนี้ก้สามารถ
    ตรัสรู้ได้ ไม่ต่างกัน

    ( ฟังให้ดีๆ นะ ถ้า ฟังยังไม่เข้าใจ
    จะให้ ราคา การภาวนา ตามก้น
    คนอื่น "เปนใหญ่" )
     
  15. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    การกด อนุโมทนา กดไลค์ กดไม่ไลค์

    อันนี้ ก้ ลองฝืนๆ บ้าง

    ไปให้ ราคา ทำเปน สรณะ

    ตัวนี้แหละ ตัวพ่อ "ญานม้วนเสื่อ"

    เวลาปฏิบัติ พอไปเหน แง่มุมใด
    ที่ตรงกันกับ ที่เรา กดไลค์ กด
    อนุโมทนา ไว้ สังเกตเลย

    จิตจะส่งออก เลิกนั่ง เลิกปฏิบัติ
    อยากเสวนา จะจ๋า ว่า ข้าพึ่งรู้
    พึ่งเหนมา เหมือนกัลล เว้ยเฮ้ย


    อย่าประมาท แม้น สังขารเล็กๆน้อยๆ

    มันจะเหมือน เราถ่มน้ำลายขึ้นฟ้า
    ( เปน สำนวนของ พระพุทธเจ้า
    นะครับ เพื่อขี้ว่า มันจะย้อนมา
    อนากุลา ภายหลัง )

    ให้เอา ธรรม เปนใหญ่

    อย่าเอา การประจบ สอพลอ (ฉันทะ
    ธรรมแบบมี อาสวะ เปนใหญ่)

    พ่อแม่ครูบาฯ เวลา ท่านเล่า ธรรมมะ
    ท่านไม่มี อนุโมทนา ปะเหลาะๆ

    ท่านจะ เงียบๆ
     
  16. Pngtree

    Pngtree เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +1,335
    สมาธิยังไม่มั่นคงจริง ต้องสู้กับเวทนาตลอดนั่นแหล่ะค่ะ วันนี้ได้สภาวะ อีกวันก็ไม่จำเป็นว่าต้องเหมือนเดิม เวทนาก็กอดกันกับจิตเหมือนเดิม

    อนุโมทนาในความเพียรที่สู้กับเวทนาค่ะ ในความอดทนมีของดีในนั้น .....ส่วนตัวกลัวตัวนี้ที่สุด คือเวทนา เพราะมันจะมีอิทธิพลมาก ในจิตสุดท้ายก่อนตาย เหมือนที่ ลพ.จรัญท่านบอก เวทนานั่ง ยังเทียบไม่ได้กับเวทนาเจ็บป่วย

    มีอีกตัว แยกเวทนา (ไม่ข้ามเวทนา) จิตจะแยกออกจากเวทนา แบบน้ำกับน้ำมัน แยกได้นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับกำลังสมาธิเรา และจะไม่เข้าฌาน นั่งนานกี่ชม. ก็ได้ เป็นตัวปัญญาตัวนึงค่ะ ฝึกสติรู้ตามจริงเยอะๆ วันนึงจะเจอตัวนี้ค่ะ
     
  17. ไม่ใช่ตัวตน

    ไม่ใช่ตัวตน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2018
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +175
    พิฬา, การกด อนุโมทนา กดไลค์ กดไม่ไลค์

    อันนี้ ก้ ลองฝืนๆ บ้าง

    ไปให้ ราคา ทำเปน สรณะ

    ตัวนี้แหละ ตัวพ่อ "ญานม้วนเสื่อ"

    เวลาปฏิบัติ พอไปเหน แง่มุมใด
    ที่ตรงกันกับ ที่เรา กดไลค์ กด
    อนุโมทนา ไว้ สังเกตเลย

    จิตจะส่งออก เลิกนั่ง เลิกปฏิบัติ
    อยากเสวนา จะจ๋า ว่า ข้าพึ่งรู้
    พึ่งเหนมา เหมือนกัลล เว้ยเฮ้ย


    อย่าประมาท แม้น สังขารเล็กๆน้อยๆ

    มันจะเหมือน เราถ่มน้ำลายขึ้นฟ้า
    ( เปน สำนวนของ พระพุทธเจ้า
    นะครับ เพื่อขี้ว่า มันจะย้อนมา
    อนากุลา ภายหลัง )

    ให้เอา ธรรม เปนใหญ่

    อย่าเอา การประจบ สอพลอ (ฉันทะ
    ธรรมแบบมี อาสวะ เปนใหญ่)

    พ่อแม่ครูบาฯ เวลา ท่านเล่า ธรรมมะ
    ท่านไม่มี อนุโมทนา ปะเหลาะๆ

    ท่านจะ เงียบๆ

    5gEn.jpg
     
  18. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    ธรรมแท้จะไม่มีสิ่งที่ปรากฎได้
    ธรรมใดมีสิ่งที่ปรากฎได้
    ย่อมเป็นสังขารธรรมทั้งสิ้น
     
  19. ชมทรัพย์

    ชมทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    552
    ค่าพลัง:
    +248
    รวมกำลังใจให้เข้มแข็ง ตั้งตัวรู้ขึ้นมาให้ได้ กำหนด ไม่จี้ก็แยก ไม่แยกก็จี้ไปที่เวทนา ใช้สติจดจ่อแยก เวทนา กาย จิต ออกจากกัน กำหนดรู้สอนตนว่า นี่กาย นี่เวทนา นี่จิต กำหนดไล่ไปไล่ไปจนตัวรู้เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ

    จนต่างอันต่างอยู่ ต่างอันต่างจริง ให้มันขาดจากกันเหมือนตัดแขนขาด หรือแผ่นดินแยกออกเป็นทวีป จะเปลี่ยนความเห็นเรา เหล่านี้ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน เป็นความเห็นที่กลับคืนไม่ได้ นี่วิธีข้ามเวทนาแบบหนึ่ง
     
  20. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,154
    ข้าพเจ้าขออนุโมทนาในธรรมทุกท่นก้วยความเคารพครับ

    จากที่คุณปวีได้บอกถึงการแยกเวทนา ข้าพเจ้ามีเรื่องอยากเล่าประสบการณ์ให้คุณเพ็ชรได้ลองพิจารณาดูครับ

    เมื่อคุณเกิดเวทนา ลองจี้เข้าไปตรงจุดที่เกิดเวทนา เช่น เมื่อมีอาการปวดเข่าระหว่างนั่ง ตั้งสติรู้ไปตรงที่เข่าที่ปวดนั้น ค่อยๆไล่หาดูจุดที่เป็นต้นกำเนิดของอาการปวด ประครองรู้ไว้
    แล้วคุณจะเห็นว่ามันไม่มีอาการปวด แต่มันเป็นการ
    บีบแน่น มีอาการตุ๊บๆของเลือดที่พยายามผ่านตรงจุดที่ถูกบีบรัดนี้ และหรือเห็นความร้อนที่บริเวณนี้ (ตรงนี้คือ เวทนากาย) ทีนี้เมื่อคุณตั้งสติรู้ตรงจุดนี้ได้มั่นคง จะรู้สึกว่าความทรมานจากความเจ็บปวดหายไปบ้างเดี๋ยวก็โผล่มาบ้าง เดี๋ยวแรงบ้างเดี๋ยวเบาบ้าง เอ...แต่เราเห็นแล้วว่าความทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดมันไม่ได้อยู่ตรงนี้ ทีนี้เราค่อยๆไล่การรู้นี้ถอยออกมาจากเข่าที่ปวด เราจะเจอกับอาการทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวด ซึ่งตรงนี้คือ (เวทนาจิต)
    ตั้งสติให้รู้ไว้ตรงนี้ (หรือจะลองไล่ไปมาดูระหว่างเวทนากายกับเวทนาจิตดูก็ได้)
    ดูจนกว่าจะเป็นจากเราปวดเป็นเราเห็นความปวด
    แล้วคุณจะเริ่มเข้าใจเองครับ

    คงเล่าแค่เบื้องต้นพอนะครับ

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปทุกท่านครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...