เว็บพลังจิต บทสวดมนต์ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏก อานุภาพหลังการสวดยิ่งใหญ่มาก

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 26 สิงหาคม 2006.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,025
    <CENTER>บทสวดมนต์ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏก อานุภาพหลังการสวดยิ่งใหญ่มาก </CENTER>
    <!--detail--><!--images--><!--images-->บทสวดมนต์
    ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏก
    คำนำ
    หนังสือเล่มที่ท่านอ่านอยู่ขณะนี้ ได้อ่านแล้วทำให้เกิดจากแรงบันดาลใจ อยากจะเผยแพร่ให้ผู้อื่นได้อ่าน รับรู้และเข้าใจ จึงได้นำหนังสือนี้มาปรึกษาพระคุณเจ้าว่า ใคร่จะพิมพ์เผยแพร่ต่อไป จะได้หรือไม่ พระคุณเจ้าได้บอกว่า นับเป็นธรรมทานที่ยากยิ่ง ก่อให้เกิดสุขโดยทั่วและยาวนาน จึงเป็นจุดเร่งความคิดผลิดหนังสือเล่มนี้ให้สู่ท่านทั้งหลาย ด้วยอำนาจแห่งความตั้งใจที่ได้สร้างหนังสือนี้ ขอให้ผลบุญนี้ ส่งเสริมให้ครอบครัวมีความสุข มีความเจริญและประสบผลสำเร็จในสิ่งปรารถนา และขออุทิศส่วนกุศลจากการสร้างหนังสือยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก คาถาชินบัญชรและรวบรวมคาถาของพระเกจิอาจารย์ทั้งหลาย ซึ่งเป็นรากแก้วของพระพุทธศาสนานี้ ให้แก่เทพทั้ง ๑๖ ชั้นฟ้า ๑๕ ชั้นดิน บิดา มารดา บรรพบุรุษ ครูอาจารย์ผู้มีพระคุณ ญาติสนิทมิตรสหาย เจ้าที่เจ้าทาง เจ้ากรรมนายเวร ทั้งอดีตชาติและปัจจุบันชาติ ท่านพญายมราช ตลอดจนสรรพสัตว์ทั้งหลาย และดวงวิญญาณที่ไร้ญาติทั่วไป ขอจงร่วมอนุโมทนาในบุญกุศลโดยถ้วนทั่วกัน เทอญ


    ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก ต้นฉบับเดิม

    ต้นฉบับเดิมเปิดกรุได้ที่เมืองสวรรคโลก จารเป็นอักษรขอม จารึกไว้ในใบลาน โบราณาจารย์จึงได้แปลเป็นอักษรไทย หลวงธรรมาธิกรณ์ (พระภิกษุแสง)ได้มาแต่พระแท่นศิลาอาสน์ มณฑลพิษณุโลก

    มีคำกล่าวในหนังสือนำนั้นว่า ผู้ใดมียอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกไว้ประจำบ้านเรือน มีอานิสงส์ยิ่งกว่าได้สร้างพระเจดีย์ทองคำสูงเทียมเทวโลกและป้องกันภยันตรายต่าง ๆ ทำมาหากินเจริญ ฯลฯ

    ต่อมามีผู้นิยมสร้างหนังสือนี้ขึ้น โดยเชื่อว่าผู้ใดสร้าง ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกนี้เป็นธรรมทาน และสวดมนต์สักการะบูชาเป็นประจำ จะมีผลานิสงส์สุดที่จะพรรณ นาให้ทั่วถึงได้ นับเป็นมหากุศลอันยิ่งใหญ่ จะมีความสุขสิริสวัสดิ์เจริญต่อไปทั้งปัจจุบันกาลและอนาคตภายภาคหน้า ตลอดทั้งบุตรหลานสืบไป ด้วยอำนาจของความเคารพในพระคาถานี้

    ประวัติต้นฉบับเดิมกล่าวว่า หนังสือยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกนี้ มีคำกล่าวไว้ในหนังสือนำว่าเป็นพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ ถ้าผู้ใดได้สวดมนต์ภาวนาทุกเช้าค่ำแล้ว เป็นการบูชารำลึกถึงพระพุทธเจ้า ผู้นั้นจะไม่ไปตกอบายภูมิ แม้ได้บูชาไว้กับบ้านเรือน ก็ป้องกันอันตรายต่าง ๆ จะภาวนาพระคาถาอื่น ๆ สัก ๑๐๐ ปี อานิสงส์ก็ไม่สูงเท่าภาวนาพระคาถานี้ครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่า อินทร์ พรหม ยมยักษ์ ที่มีอิทธิฤทธิ์ จะเนรมิตแผ่นอิฐเป็นทองคำก่อเป็นพระเจดีย์ ตั้งแต่มนุษย์โลกสูงขึ้นไปจนถึงพรหมโลก อานิสงส์ก็ยังไม่เท่าภาวนายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกนี้ และมีคำอธิบายคุณความดีไว้ในต้นฉบับเดิมนั้นอีกนานับปการ ฯ

    ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกนี้ ถ้าผู้ใดบริจาคทรัพย์สร้างถวายพระภิกษุสงฆ์ สามเณร ญาติ-มิตรสหาย หรือสวดจนครบ ๗ วัน ครบอายุปัจจุบันของตน
    จะบังเกิดโชคลาภทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรือง จะพ้นเคราะห์ ปราศจากทุกข์โศกโรคภัยและภัยพิบัติทั้งปวง ฯ

    ผู้ใดตั้งจิตเจริญภาวนายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกวันละสามจบ จะไม่มีบาปกรรม ทำสิ่งใดจะได้สมความปรารถนา สวดวันละเจ็ดจบ กระดูกลอยน้ำได้


    พิธีไหว้พระ
    และสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก

    ก่อนเข้าห้องบูชาพระ ควรอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดและนุ่งห่มให้เรียบร้อย เข้านั่งที่ด้วยความสำรวมกายใจ ตั้งจิตให้แน่วแน่เพ่งตรงยังพระพุทธรูป ระลึกถึงพระรัตนตรัย ค่อยกราบ ๓ หน แล้วสงบจิตระลึกถึงพระคุณของบิดามารดา ซึ่งเป็นพระอรหันต์ของบุตร

    จากนั้นจึงจุดเทียนบูชา ให้จุดเล่มด้านขวาของพระพุทธรูปก่อน แล้วจุดเล่มด้านซ้ายต่อไป จุดธูป ๓ ดอก เมื่อจุดเทียนธูปที่เครื่องสักการบูชาเสร็จแล้วเอาจิต (นึกเห็น) พระพุทธองค์มาเป็นประธาน พึงนั่ง ชายพึงนั่งคุกเข่า หญิงนั่งท่าเทพนม ประนมมือ ตั้งใจบูชาพระรัตนตรัย นมัสการพระรัตนตรัย นมัสการพระพุทธเจ้า ไตรสรณคมน์และนมัสการพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ แล้วจึงเจริญภาวนายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก จะเพิ่มความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น จะเกิดพลังจิตและมีความมั่นคงในชีวิต พึงทราบด้วยว่า การเจริญภาวนาทุกครั้งต้องอยู่ในสถานที่อันสมควร ขอให้ทำจิตตั้งมั่นในบทสวดมนต์ จะมีเทพยดาอารักษ์ทั้งหลายร่วมอนุโมทนาสาธุการขออย่าได้ทำเล่น จะเกิดโทษแก่ตนเอง

    ยิ่ง ทำ ยิ่ง ได้ ยิ่ง ให้ ยิ่ง มี



    อานิสงส์การสร้างและสวด
    ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก เป็นธรรมทาน

    โบราณท่านว่า ผู้ใดได้พบยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกนี้แล้ว ท่านว่าเป็นบุญตัวอันประเสริฐนัก เมื่อพบแล้วให้พยายามท่องบ่นสวดภาวนาอยู่เป็นนิตย์ตราบเท่าชีวิต จนทำลายขันธ์จากมนุษย์โลก แล้วก็จะไปยังเกิดในสัมปรายภพสวรรค์สุคติภพด้วยพระอานิสงส์เป็นแน่แท้

    ถ้าผู้ใดจะสวดขออานุภาพให้ผู้ป่วยไข้อาการจะดีขึ้น จะสวดแผ่กุศลอุทิศไปให้ บิดา มารดา หรือครูบาอาจารย์ อุปัชฌาย์ ผู้มีพระคุณของท่านแล้ว ให้เขียน จิ เจ รุ นิ และชื่อท่านนั้น ๆ ใส่กระดาษก่อนสวดทุกครั้ง เมื่อสวดกี่จบครบตามที่เราต้องการแล้วให้นำกระดาษนั้นเผาไฟ และกรวดน้ำโดยคารวะ บอกชื่อฝากพระแม่ธรณีนำกุศลอันนี้ให้ท่านผู้นั้น ได้ตามความปรารถนาของเราทุกครั้ง

    ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บจากเจ้ากรรมนายเวร

    กิจการงานเจริญรุ่งเรือง อุดมด้วยโภคทรัพย์

    ผู้ใดอุทิศบุญกุศล อันเกิดจากการสร้าง ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกนี้ให้ ปู่ย่า ตา ยาย บิดา มารดา ฯ บุตร หลาน ที่อยู่เบื้องหลังมีความเจริญรุ่งเรือง

    บิดา มารดา จะมีอายุยืน

    สามีภรรยา รักใคร่ดีต่อกัน บุตรหลานเป็นคนดี

    ปฏิสนธิวิญญาณบุตร เกิดมาเฉลียวฉลาด ปัญญาดี เลี้ยงง่าย สุขภาพดี

    วิญญาณของบรรพบุรุษจะสู่สุคติภพ

    เสริมบุญบารมีให้ตนเอง

    แคล้วคลาดจากอันตรายต่าง ๆ

    เมื่อสิ้นอายุขัยจะไปสู่สุคติภูมิ

    ขอตั้งสัตยาธิษฐาน ขอความเจริญรุ่งเรือง จงบังเกิดแก่ท่านผู้สร้าง ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกนี้ เพื่อความงอกงามในพระบวรพระพุทธศาสนาสืบไป.

    คำบูชาพระรัตนตรัย

    โย โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
    อิเมหิ สักกาเรหิ , ตัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ
    โย โส สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
    อิเมหิ สักกาเรหิ , ตัง ธัมมัง อะภิปูชะยามิ
    โย โส สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    อิเมหิ สักกาเรหิ , ตัง สังฆัง อะภิปูชะยามิ

    คำนมัสการพระรัตนตรัย

    อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา
    พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ ๑ หน)
    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
    ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ ๑ หน)
    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    สังฆัง นะมามิ (กราบ ๑ หน)

    คำนมัสการพระพุทธเจ้า

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

    คำนมัสการไตรสรณคมน์

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

    ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

    ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

    ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

    ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

    ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

    ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

    คำนมัสการพระพุทธคุณ
    พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ

    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสามระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ ฯ
    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ ฯ
    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลี กะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ ฯ
    ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก ต้นฉบับเดิม


    ๑.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา สัมมาสัมพุทโธ วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา วิชชาจะระณะ สัมปันโน วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา สุคะโต วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา โลกะวิทู วะตะ โส ภะคะวา .
    อะระหันตัง สะระณัง คัจฉามิ.
    อะระหันตัง สิระสา นะมามิ.
    สัมมาสัมพุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.
    สัมมาสัมพุทธัง สิระสา นะมามิ.
    วิชชาจะระณะสัมปันนัง สะระณัง คัจฉามิ.
    วิชชาจะระณะสัมปันนัง สิระสา นะมามิ.
    สุคะตัง สะระณัง คัจฉามิ.
    สุคะตัง สิระสา นะมามิ.
    โลกะวิทัง สะระณัง คัจฉามิ.
    โลกะวิทัง สิระสา นะมามิ.

    ๒.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะนุตตะโร วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา ปุริสะทัมมะสาระถิ วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา สัตถา เทวะมะนุสสานัง วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา พุทโธ วะตะ โส ภะคะวา.
    อะนุตตะรัง สะระณัง คัจฉามิ.
    อะนุตตะรัง สิระสา นะมามิ.
    ปุริสะทัมมะสาระถิ สะระณัง คัจฉามิ.
    ปุริสะทัมมะสาระถิ สิระสา นะมามิ.
    สัตถา เทวะมะนุสสานัง สะระณัง คัจฉามิ.
    สัตถา เทวะมะนุสสานัง สิระสา นะมามิ.
    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.
    พุทธัง สิระสา นะมามิ. อิติปิ โส ภะคะวา ฯ

    ๓.
    อิติปิ โส ภะคะวา รูปะขันโธ อะนิจจะลักขะณะ-ปาระมิ จะ สัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา เวทะนาขันโธ อะนิจจะลักขะ-ณะปาระมิ จะ สัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา สัญญาขันโธ อะนิจจะ-ลักขะณะ ปาระมิ จะ สัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา สังขาระขันโธ อะนิจจะ-ลักขะณะปารมิ จะ สัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา วิญญาณะขันโธ อะนิจจะ-ลักขะณะปาระมิ จะสัมปันโน.

    ๔.
    อิติปิ โส ภะคะวา ปะฐะวีธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อาโปธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา เตโชธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา วาโยธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อากาสะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิโส ภะคะวา วิญญาณะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา จักกะวาฬะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.

    ๕.
    อิติปิ โส ภะคะวา จาตุมมะหาราชิกาธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ตาวะติงสาธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ยามาธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ตุสิตาธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา นิมมานะระตีธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา กามาวะจะระธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา รูปาวะจะระธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะรูปาวะจะระธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา โลกุตตะระธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.


    ๖.
    อิติปิ โส ภะคะวา ปะฐะมะฌานะธาตุสะมาธิ-ญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ทุติยะฌานะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ตะติยะฌานะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา จะตุตถะฌานะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ปัญจะมะฌานะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.

    ๗.
    อิติปิ โส ภะคะวา อากาสานัญจายะตะนะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา วิญญานัญจายะตะนะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อากิญจัญญายะตะนะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา เนวะสัญญานาสัญญายะตะนะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.

    ๘.
    อิติปิ โส ภะคะวา โสตาปัตติมัคคะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา สะกิทาคามิมัคคะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะนาคามิมัคคะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัตตะมัคคะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา โสตาปัตติผะละธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา สะกิทาคามิผะละธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะนาคามิผะละธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัตตะผะละธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.

    ๙.
    กุสะลา ธัมมา อิติปิ โส ภะคะวา อะอา ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ชัมพู ทีปัญจะ อิสสะโร กุสะลา ธัมมา นะโม พุทธายะ
    นะโม ธัมมายะ นะโม สังฆายะ ปัญจะ พุทธา นะมามิหัง อา ปา มะ จุ ปะ, ที มะ สัง อัง ขุ, สัง วิ ธา ปุ กะ ยะ ปะ, อุปะสะชะสะเห ปาสายะโส ฯ
    โส โส สะ สะ อะ อะ อะ อะ นิ เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ
    นา วิ เว,อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ, อิสวาสุ, สุสวาอิ กุสะลา ธัมมา จิตติวิอัตถิ.

    ๑๐.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง อะอา ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ สาโพธิปัญ จะ อิสสะโร ธัมมา.
    กุสะลา ธัมมา นันทะวิวังโก อิติ สัมมาสัมพุทโธ สุคะลาโน ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.
    จาตุมมะหาราชิกา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา อิติ วิชชาจะระณะสัมปันโน อุอุ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.
    ตาวะติงสา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา นันทะ ปัญจะ สุคะโต โลกะวิทู มะหาเอโอ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.
    ยามา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา พรหมาสัททะ ปัญจะสัตตะ สัตตาปาระมี อะนุตตะโร ยะมะกะขะ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.
    ตุสิตา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา ปุยะปะกะ ปุริสะทัมมะสาระถิ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.
    นิมมานะระตี อิสสะโร กุสะลา ธัมมา เหตุโปวะ สัตถา เทวะมะนุสสานัง ตะถา ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.
    ปะระนิมมิตะวะสะวัตตี อิสสะโร กุสะลา ธัมมา สังขาระขันโธ ทุกขัง ภะคะวะตา ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ ฯ
    พรหมา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา นัตถิปัจจะยา วินะปัญจะ ภะคะวะตา ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ.

    ๑๑. นะโม พุทธัสสะ นะโม ธัมมัสสะ นะโม สังฆัสสะ พุทธิลาโภกะลา กะระกะนา เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหนตุ หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    นะโม พุทธัสสะ นะโม ธัมมัสสะ นะโม สังฆัสสะ วิตติ วิตติ วิตติ มิตติ มิตติ มิตติ จิตติ จิตติ วัตติ วัตติ มะยะสุ สุวัตถิ โหนตุ หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะสาวัง มะหาอินทะสาวัง พรหมะสาวัง มะหาพรหมะสาวัง จักกะวัตติสาวัง มะหาจักกะวัตติ-สาวัง เทวาสาวัง มะหาเทวาสาวัง อิสีสาวัง มะหาอิสีสาวัง มุนีสาวัง มหามุนีสาวัง สัปปุริสะสาวัง มหาสัปปุริสะสาวัง พุทธะสาวัง ปัจเจกะพุทธะสาวัง อะระหัตตะสาวัง สัพพะสิทธิวิชชาธะรานังสาวัง สัพพะโลกาอิริยานังสาวัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหนตุ.

    สาวัง คุณัง วะชะ พะลัง เตชัง วิริยัง สิทธิกัมมัง ธัมมัง สัจจัง นิพพานัง โมกขัง คุยหะกัง ทานัง สีลัง ปัญญา นิกขัง ปุญญัง ภาคะยัง ยะสัง ตัปปัง สุขัง สิริ รูปัง จะตุวีสะติเทสะนัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหนตุ หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ ฯ

    ๑๒. นะโม พุทธัสสะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทะนาขันโธ สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ วิญญาณะขันโธ นะโม อิติปิโส ภะคะวา.

    นะโม ธัมมัสสะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะ-ขันโธ เวทะนาขันโธ

    สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ วิญญาณะขันโธ นะโม สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม. สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ วิญญาณะขันโธ นะโม สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ วาหะปะริตตัง.

    นะโมพุทธายะ มะอะอุ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา ยาวะตัสสะ หาโยโมนะ อุอะมะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัต-ตา อุอะมะอะ วันทา

    นะโม สังฆัสสะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทะนาขันโธ

    นะโม พุทธายะ นะอะกะติ นิสะระณะ อาระปะขุทธัง มะอะอุ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา ฯ


    คำกรวดน้ำ ของยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก


    อิมินา ปุญญะกัมเมนะ ด้วยเดชะผลบุญของข้าพเจ้า ได้สร้างและสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกนี้ ขอให้ค้ำชู อุดหนุน คุณบิดามารดา พระมหากษัตริย์ ผู้มีพระคุณ ญาติกา ครู อุปัชฌาย์ อาจารย์ เจ้ากรรมนายเวร มิตรรักสนิท เพื่อนสรรพสัตว์น้อยใหญ่ พระภูมิเจ้าที่ เจ้ากรุงพาลี แม่พระธรณี แม่พระคงคา แม่พระโพสพ พญายมราช นายนิริยบาล ท้าวจะตุโลกะบาลทั้งสี่ ศิริคุตอำมาตย์ ชั้นจาตุมมะหาราชิกาเบื้องบน สูงสุดจนถึงภวัคคะพรหม และเบื้องล่างต่ำสุด ตั้งแต่โลกันตมหานรกและอเวจีขึ้นมา จนถึงโลกมนุษย์ สุดรอบขอบจักรวาล อนันตจักรวาล คุณพระศรีรัตนตรัย และเทพยดาทั้งหลาย ตลอดทั้งอินทร์ พรหม ยมยักษ์ คนธรรพ์ นาคา พระเพลิง พระพาย พระพิรุณ ท่านทั้งหลายที่ต้องทุกข์ขอให้พ้นจากทุกข์ ท่านทั้งหลายที่ได้สุขขอให้ได้สุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป ด้วยเดชะผลบุญแห่งข้าพเจ้าอุทิศให้ไปนี้ จงเป็นอุปนิสัยปัจจัยให้ถึงพระนิพพานในปัจจุบัน และอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญ ฯ พุทธัง อะนันตัง ธัมมัง จักกะวาลัง สังฆัง นิพพานะปัจจะโย โหนตุ.

    โบราณว่าผู้ใดสร้างบุญกุศลและได้สวดภาวนายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกเป็นประจำจะมีอานิสงส์มาก เมื่อป่วยหนักให้ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย ครั้นกำลังจะสิ้นใจผู้อยู่ใกล้บอกนำว่า อะระหัง หรือ พุทโธ เรื่อย ๆ เมื่อถึงแก่กรรม จงเขียน จิ. เจ. รุ. นิ. บนแผ่นทองหรือแผ่นเงิน ใบลาน, กระดาษ แล้วม้วนเป็นตะกรุด (ห้ามคลี่) ใส่ปากให้ไปสู่สุคติในสัมปรายภพสวรรค์ด้วย


    อานิสงส์การสวดและภาวนา ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก


    ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกเป็นพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ ไว้สำหรับสวดและภาวนาทุกเช้าคำ เพื่อความสวัสดีเป็นสิริมงคลแก่ผู้สาธยาย อันเป็นบ่อเกิด มหาเตชัง มีเดชมาก มหานุภาวัง มีอานุภาพมาก และมีลาภยศ สุขสรรเสริญ ปราศจากทุกข์โศกโรคภัย อุปัทวันตราย และความพินาศทั้งปวง ตลอดทั้งหมู่มารร้ายและศัตรูคู่อาฆาตไม่อาจแผ้วพานได้

    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง เป็นต้น ถ้าสาธยายหรือภาวนาแล้วจะนำมาซึ่งลาภยศ สุขสรรเสริญและปราศจากอันตรายทั้งปวง ตลอดทั้งเป็นการระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า เป็นการเจริญพระพุทธานุสติ วิปัสสนากัมมัฏฐานเป็นแดนเกิดของสมาธิอีกด้วย

    อะระหันตัง สะระณัง คัจฉามิ เป็นต้น เมื่อสาธยายหรือภาวนาแล้ว เป็นการมอบกายถวายชีวิตไว้กับองค์พระพุทธเจ้า หรือเอาองค์พระพุทธเจ้าเป็นตาข่ายเพชรคอยปกป้องคุ้มครองรักษาชีวิตให้ปราศจากเวรภัย

    อิติปิโส ภะคะวา รูปะขันโธ เป็นต้น เมื่อสาธยายหรือภาวนาแล้ว ขออาราธนาบารมีธรรมของพระพุทธองค์สิงสถิตในเบญจขันธ์ของเราเพื่อให้เกิดพระไตรลักษณญาน อันเป็นทางของพระนิพพานสืบต่อไป

    อิติปิ โส ภะคะวา ปะฐะวีธาตุสะมาธิญาณสัมปันโน เป็นต้น เมื่อสาธยายหรือภาวนา ขออำนาจสมาธิญาณของพระพุทธองค์เป็นไปในธาตุ ในจักรวาล ในเทวโลกหรือในกามาวจรภูมิ รูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และในโลกุตรภูมิ ขอจงมาบังเกิดในขันธสันดานของข้าพเจ้าหรือเรียกว่าเป็นการเจริญสมถภาวนา อันเป็นบ่อเกิดแห่งรูปฌาน อรูปฌาน อภิญญา เป็นการเจริญวิปัสสนา อันเป็นบ่อเกิดแห่งมรรคผลนิพพาน เป็นการหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง ฯ

    กุสลา ธัมมา อิติปิโส ภะคะวา เป็นต้น เป็นการสาธยายหัวใจพระวินัยปิฎก หัวใจพระสุตตันตปิฎก หัวใจพระอภิธรรมปิฎก และเป็นหัวใจพระเจ้า ๕๐๐ ชาติ พระเจ้า ๑๐ ชาติ และหัวใจ อิติปิ โส ตลอดทั้งหัวใจอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก เมื่อภาวนาแล้วจะนำลาภ ยศ ฐาบรรดาศักดิ์ ทั้ง อายุ วรรณะ สุขะ พละ และจะป้องกันสรรพภัย ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความสวัสดิมงคลแก่ตนและบุตรหลานสืบไป

    อินทะสาวัง มหาอินทะสาวัง เป็นต้น เมื่อสาธยายหรือภาวนาแล้วมีทั้งอำนาจ ตบะ เดชะ ความสุข ความเจริญรุ่งเรืองทุกประการ

    พระอริยสงฆ์เจ้าทั้งหลายต่างก็กล่าวเน้นว่า พระพุทธศาสนาเป็นของจริงของแท้ที่เรายึดมั่นเป็นหลักชัยแห่งชีวิตได้ ยิ่งมีการปฏิบัติธรรมทั้งทาน ศีล ภาวนา สม่ำเสมอความสุขความเจริญเกิดขึ้นแก่ตนแน่ อย่าสงสัย การรวยทรัพย์สินเงินทองไม่ได้ก่ออานิสงส์ ไม่เท่ากับรวยบุญรวยกุศล ซึ่งจะบังเกิดความสุขความเจริญในปัจจุบัน และตามติดวิญญาณไปทุกภพทุกชาติด้วย

    ฉะนั้น ชาวพุทธทั้งหลาย จงเจริญภาวนา ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกทุกเช้าค่ำเถิด จะบังเกิดความสวัสดิมงคลแก่ตนและครอบครัว ให้มีความร่มเย็นเป็นสุขโดยทั่วหน้า


    นมัสการพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์


    นะโม เม สัพพะพุทธานัง
    ตัณหังกะโร มะหาวีโร
    สะระณังกะโร โลกะหิโต
    โกณฑัญโญ ชะนะปาโมกโข
    สุมะโน สุมะโน ธีโร
    ปะทุโม โลกะปัชโชโต
    ปะทุมุตตะโร สัตตะสาโร
    สุชาโต สัพพะโลกัคโค
    อัตถะทัสสี การุณิโก
    สิทธัตโถ อะสะโม โลเก
    ปุสโส จะ วะระโท พุทโธ
    สิขี สัพพะหิโต สัตถา
    กะกุสันโธ สัตถะวาโห
    กัสสะโป สิริสัปปันโน
    เตสาหัง สิระสา ปาเท
    วะจะสา มะนะสา เจวะ
    อะโนมะทัสสี ชะนุตตะโม
    สะยะเน อาสะเน ฐาเน อุปปันนานัง มะเหสินัง
    เมธังกะโร มะหายะโส
    ทีปังกะโร ชุตินธะโร
    มังคะโล ปุริสาสะโภ
    เรวะโต ระติวัฑฒะโน
    นาระโท วาระสาระถี
    สุเมโธ อัปปะฏิบุคคะโล
    ปิยะทัสสี นะราสะโภ
    ธัมมะทัสสี ตะโมนุโท
    ติสโส จะ วะทะตัง วะโร
    วิปัสสี จะ อะนูปะโม
    เวสสะภู สุขะทายะโก
    โกนาคะมะโน ระณัญชะโห
    โคตะโม สักยะปุงคะโวฯ
    วันทามิ ปุริสุตตะเม
    โสภิโต คุณะสัมปันโน
    วันทาเมเต ตะถาคะเต
    คะมเน จาปิ สัพพะทา


    ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้าทั้งหลายทั้งปวง ผู้แสวงหาคุณอันใหญ่ซึ่งได้อุบัติแล้วคือ พระตัณหังกรผู้กล้าหาญ พระเมธังกรผู้มียศใหญ่ พระสรณังกรผู้เกื้อกูลแก่ชาวโลก พระทีปังกรผู้ทรงไว้ซึ่งปัญญาอันรุ่งเรือง

    พระทีปังกรผู้ทรงไว้ซึ่งปัญญาอันรุ่งเรือง พระโกณฑัญญะผู้เป็นประมุขแห่งหมู่ชน พระมังคละผู้เป็นบุรุษประเสริฐ พระสุมนะผู้เป็นธีรบุรุษมีพระหฤทัยงาม พระเรวะตะผู้เพิ่มพูนความยินดี พระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยพระคุณ พระอโนมทัสสีผู้สูงสุดอยู่ในหมู่ชน พระปทุมะผู้ทำให้โลกสว่าง พระนารทะผู้เป็นสารถีประเสริฐ พระปทุมุตตระผู้เป็นที่พึ่งของหมู่สัตว์ พระสุเมธะผู้หาบุคคลเปรียบมิได้ พระสุชาตะผู้เลิศกว่าสัตว์โลกทั้งปวง พระปิยทัสสีผู้ประเสริฐกว่าหมู่นรชน พระอัตถทัสสีผู้มีพระกรุณา พระธรรมทัสสีผู้บรรเทาความมืด พระสิทธัตถะผู้หาบุคคลเสมอมิได้ในโลก พระติสสะผู้ประเสริฐกว่านักปราชญ์ทั้งหลาย พระปุสสะผู้ประทานธรรมอันประเสริฐ พระวิปัสสสี ผู้หาที่เปรียบมิได้ พระสิขีผู้เป็นศาสดาเกื้อกูลแก่สรรพสัตว์ พระเวสสภู ผู้ประทานความสุข พระกกุสันธะ ผู้นำสัตว์ออกจากกันดารตัวกิเลส พระโกนาคมนะผู้หักเสียซึ่งข้าศึกคือกิเลส พระกัสสปะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริ พระโคตมะผู้ประเสริฐแห่งหมู่ศากยราช

    ข้าพเจ้าขอกราบไหว้พระบาท ของพระพุทธเจ้าเหล่านั้นด้วยเศียรเกล้า และขอกราบไหว้พระพุทธเจ้าเหล่านั้นผู้เป็นบุรุษอันสูงสุด ผู้เป็นตถาคตด้วยวาจาและใจทีเดียว ทั้งในที่นอนในที่นั่ง ในที่ยืน และแม้ในที่เดินด้วยในกาลทุกเมื่อ ฯ

    ตัณ เม สะ ที โก มัง สุ เร โส อะ ปะ นา ปะ สุ สุ ปิ

    อะ ธะ สิ ติ ปุ วิ สิ เว กุ โก กะ โค นะมามิหัง

    พระนามพระพุทธเจ้า ตั้งแต่พระองค์แรกถึงพระองค์ปัจจุบัน โบราณาจารย์ท่านถือว่าเป็นพระคาถาแก้วสารพัดนึก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 เมษายน 2010
  2. pong-sit

    pong-sit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,626
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,781
    โอ้ววว เยี่ยม...
     
  3. แคท

    แคท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +1,666
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" width="100%" UNSELECTABLE="on"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">ขออนุโมทนาค่ะ
    ขอคัดลอก ไป เผยแพร่ต่อคะ
    </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. tawatd

    tawatd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +2,020
    ต้องการคำอธิบายถึงคุณของพระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกตามตำราโบราณหาได้ที่ใหนครับ
     
  5. varanyo

    varanyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    925
    ค่าพลัง:
    +3,373
    ขอเชิญผู้เจริญทั้งหลายนำไปสวดกันเถอะครับสุดยอดจริงๆ...
    ผมสวดทุกวัน...เช้า-เย็น...แล้วอย่าลืมแผ่เมตตาด้วยนะครับ...
    สาธุ...สาธุ...สาธุ...อนุโมทามิ
     
  6. ยอดยาหยี

    ยอดยาหยี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    576
    ค่าพลัง:
    +2,697
    ชอบบทสวดนี้มากค่ะ สวดแล้วรู้สึกดีมากค่ะ และเป็นบทสวดแรกที่ตั้งใจสวดเลย ชอบมากค่ะ
     
  7. littlelucky

    littlelucky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +1,938
    .........บทสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏกนี้ เป็นพระพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ สรรเสริญพระพุทธคุณ และสาธยายหัวใจพระวินัยปิฏก พระสุตตันตปิฏก พระอภิธรรมปิฏก (๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์) ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หัวใจพระเจ้า ๕๐๐ ชาติ หัวใจพระเจ้า ๑๐ ชาติ หัวใจอิติปิโส ตลอดจนหัวใจอื่นๆ เป็นจำนวนมากล้วนเป็นการเพิ่มบารมีบุญกุศล ถ้าผู้ใดได้สวดภาวนาทุกเช้าค่ำแล้ว จักเป็นการบูชารำลึกถึงพระพุทธเจ้า ผุ้นั้นจะไม่ไปตกอบายภูมิแม้ได้บูชาไว้กับบ้านเรือนก็ป้องกันอันตรายต่างๆ จะภาวนาพระคาถาอื่นๆ สัก ๑๐๐ ปี อานิสงค์ก็ไม่สูงเท่าภาวนาพระคาถานี้ครั้งหนึ่ง

    .........ต้นฉบับเดิมเปิดกรุได้ที่เมืองสวรรคโลก จารเป็นอักษรขอมจารึกไว้ในใบลาน โบราณจารย์จึงแปลเป็นอักษรไทย หลวงธรรมาธิการณ์ (พระภิกษุแสง) ได้มาแต่พระแท่นศิลาอาสน์ มณฑลพิษณุโลก

    .........ผู้ใดได้สร้างยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏกนี้เป็นธรรมทาน และไว้สวดมนต์สักการะบูชาผลานิสงค์สุดที่จะพรรณาให้ทั่วถึงได้เป็นมหากุศลอันยิ่งใหญ่ จะมีความสุขศิริสวัสดิ์ บังเกิดโชคลาภ ทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรือง พ้นเคราะห์ปราศจากทุกข์โศกโรคภัย เจริญต่อไปทั้งในปัจจุบัน และอนาคตกาล ตลอดจนบุตรหลานสืบไป ด้วยอำนาจของพระคาถานี้ผู้ใดตั้งจิตเจริญ ภาวนายอดพระกัณฑ์ไตรปิฏกวันละ ๓ จบ จะไม่มีบาปกรรม ทำสิ่งใดจะได้สมความปรารถนา สวดวันละ ๗ จบ หมดเคราะห์หมดโศกทุกประการ ฯ

    อานิสงค์การสวดภาวนา ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏก

    ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏก เป็นพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ ไว้สำหรับสวดภาวนาทุกเช้าค่ำ
    เพื่อความสวัสดีเป็นสิริมงคลแก่ผู้สาธยาย อันเป็นบ่อเกิด มหาเตชัง มีเดชมาก
    มหานุภารัง มีอานุภาพมากและมีลาภยศ สุขสรรเสริญ ปราศจากทุกข์โศกโรคภัย
    อุปัทวันตรายและความพินาศทั้งปวง ตลอดทั้งหมู่มารร้าย และศัตรูคู่อาฆาตไม่อาจแผ้วพาลได้

    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง เป็นต้น ถ้าสาธยายหรือภาวนาแล้วจะนำมาซึ่งลาภยศ สุขสรรเสริญ
    และปราศจากอันตรายทั้งปวง ตลอดทั้งเป็นการระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า เป็นการเจริญพระ
    พุทธานุสติวิปัสสนากัมมัฎฐาน เป็นแดนเกิดของสมาธิอีกด้วย

    อะระหันตัง สะระณัง คัจฉามิ เป็นต้น เมื่อสาธยายหรือภาวนาแล้ว เป็นการมอบกายถวายชีวิต
    ไว้กับองค์พระพุทธเจ้าหรือเอาองค์พระพุทธเจ้าเป็นตาข่ายเพชรคอยปกป้อง คุ้มครองรักษา
    ชีวิตให้ปราศจากเวรภัย

    อิติปิ โส ภะคะวา รูปะขันโธ เป็นต้น เมื่อสาธยายหรือภาวนาแล้ว ขออาราธนาบารมีธรรมของ
    พระพุทธองค์สิงสถิตในเบญจขันธ์ของเรา เพื่อให้เกิดพระไตรลักษณาญาน อันเป็นทางของ
    พระนิพพานสืบต่อไป

    อิติปิ โส ภะคะวา ปะฐะวีธาตุสัมมาธิญานะ สัมปันโน เมื่อสาธยายหรือภาวนา ขออำนาจสมาธิญาณของพระพุทธองค์เป็นไปในธาตุ ในจักวาล ในเทวโลกหรือในกามาวจรภูมิ รูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และในโลกุตตรภูมิ ขอจงมาบังเกิดในขันธ์สันดานของข้าพเจ้า หรือเรียกว่าเป็นการเจริญสมถภาวนาอันเป็นบ่อเกิดแห่งรูปฌาณ อรูปฌาณ อภิญญา เป็นการเจริญวิปัสสนา อันเป็นบ่อเกิดแห่งมรรคผลนิพพาน เป็นการหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวงฯ

    กุสะลา ธัมมา อิติปิ โส ภะคะวา เป็นต้น เป็นการสาธยายหัวใจพระวินัยปิฏก หัวใจพระสุตตันตปิฏก หัวใจพระอภิธรรมปิฏก และเป็นหัวใจพระเจ้า ๕๐๐ ชาติ พระเจ้า ๑๐ ชาติ และหัวใจอิติปิโส ตลอดทั้ง หัวใจอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก เมื่อภาวนาแล้วจะนำลาภ ยศฐาบรรดาศักดิ์ ทั้ง อายุ วรรณะ สุขะ พละและจะป้องกันสรรพภัยต่างๆ เพื่อให้เกิดความสวัสดิ์มงคลแก่ตน และบุตรหลานสืบไป

    อินทะสาวัง มหาอินทะสาวัง เป็นต้น เป็นการตั้งสัจจะเอาคุณแห่งพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าพระอรหันต์ เป็นต้น ขอจงมาบันดาลให้เกิดความสวัสดีเป็นสิริมงคลด้วยอำนาจแห่งคุณธรรม ซึ่งมีพลังอันได้แก่ความเพียร ขอให้การงานจงสัมฤทธิผล ขอให้ถึงซึ่งพระนิพพาน ความหลุดพ้น ด้วยอำนาจแห่งทาน ศีล และปัญญาอันเฉียบคม ขอให้บุญจงบันดาลให้เป็นผู้มีตบะ ประสบแต่ความสุขด้วยสัจจะนี้ ขอความสวัสดีจงมีเมื่อสาธยายและภาวนาแล้ว ย่อมทำให้มีอำนาจ ตบะ เดชะ ความสุข ความเจริญรุ่งเรืองทุกประการ

    นะโม พุทธัสสะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา เป็นต้น เป็นการขออาราธนาบารมีแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย ขอให้มาสถิตประดิษฐานในเบญจขันธ์ของเรา เพื่อให้เกิดพระไตรลักษณญาณ อันจะเป็นทางไปสู่พระนิพพาน


    นะโม พุทธายะ มะอะอุ เป็นต้น เป็นการนอบน้อมต่อพระพุทธเจ้าผู้ทรงแสดงให้เห็นถึงสัจธรรมความจริง กล่าวคือ ความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ (ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้) และความไม่มีตัวตน

    พระอริยสงฆ์เจ้าทั้งหลายต่างกล่าวเน้นว่า พระพุทธศาสนาเป็นของจริงของแท้ที่เรายึดมั่นเป็น
    หลักชัยแห่งชีวิตได้ ยิ่งมีการปฎิบัติธรรมทั้งทาน ศีล ภาวนา สม่ำเสมอ ความสุข ความเจริญ
    เกิดขึ้นแก่ตนแน่อย่าสงสัย การรวยทรัพย์สินเงินทองไม่ได้ก่ออานิสงฆ์ ไม่เท่ากับรวยบุญรวยกุศลซึ่งจะบังเกิดความสุขความเจริญในปัจจุบัน และติดตามวิญญาณไปทุกภพทุกชาติด้วย

    ฉะนั้น ชาวพุทธทั้งหลายจงเจริญภาวนา ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏกทุกเช้าค่ำเถิด จะบังเกิด
    ความสวัสดิมงคลแก่ตนและครอบครัว ให้ท่านมีความร่มเย็นเป็นสุขโดยทั่วหน้า

    เมื่อท่านเจริญภาวนายอดพระกัณฑ์ไตรปิฏกแล้ว หากเจริญวิปัสสนาสมาธิต่อ จะได้อานิสงส์สูงมาก

    อานิสงฆ์ของการให้ธรรมะเป็นทาน
    • กรรมเวรจากอดีตชาติจะได้ลบล้าง
    • หนี้เวรจะได้คลี่คลายพ้นภัยจากทะเลทุกข์
    • โรคภัยไข้เจ็บจากเจ้ากรรมนายเวรจะพ้นไป
    • กิจการงานจะราบรื่นสมความปรารถนา
    • บารมีคุ้มครองลูกหลานให้อยู่เย็นเป็นสุข
    • ลูกหลานที่ดื้อรั้นจะกลายเป็นคนดี
    • พ่อแม่จะมีสุขภาพแข็งแรงและอายุยืนนาน
    • วิญญาณของผู้ที่เราเคารพและศักการะได้ไปสู่สุคติ
     
  8. ichikung

    ichikung สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +11
    ขอบคุนคับ
     
  9. Nagaman

    Nagaman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    2,041
    ค่าพลัง:
    +6,329
    ผมสวดทุกวันเลยครับบทนี้^^
     
  10. Pariyawit

    Pariyawit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2008
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +777
    จิ เจ รุ นิ
    เจ รุ นิ จิ
    รุ นิ จิ เจ
    นิ จิ เจ รุ

    อนุโมทนา สาธุ ครับ
     
  11. Snow

    Snow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    698
    ค่าพลัง:
    +2,385
    กำลังพยายามอยู่ค่ะ
     
  12. สร้อยกัทลี

    สร้อยกัทลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +1,272
    สวดคาถาอัญเชิญเทวดาก่อนสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏก เหล่าเทวดาจะได้ร่วมอนุโมทนาด้วยค่ะ
     
  13. wiraj

    wiraj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2010
    โพสต์:
    390
    ค่าพลัง:
    +1,620
    ร่วมยืนยันอานุภาพของคาถานี้ครับ ตอนเด็กๆอยู่ประมาณป.5-ป.6 ปี 2525-2526 ผมได้บทสวดนี้มา ผมก็นำมาเปิดอ่านแบบพยายามอ่านนะครับ ไม่ได้นั่งสวดเป็นทางการหน้าพระพุทธรูป ผมได้กลิ่นดอกมะลิหอมกรุ่นขึ้นมาทันที ตอนเด็กๆก็แปลกใจครับ ก็เลยสวดเป็นประจำจนถึงทุกวันนี้ อยากบอกครับว่าอย่าไปสนใจคำแปลมากเกินไป เราตั้งใจสวดทำใจให้สงบ น้อมถึงพระรัตนตรัย แล้วจะประสบกับอานุภาพด้วยตัวเองครับ
     
  14. prapaisri

    prapaisri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +152
    ขออนุโมทนา สาธุค่ะ โดยส่วนตัวดิฉัน เมื่อมีเวลาก็จะชอบสวดมนต์ แบบพกหนังสือติดตัวเลย เวลาไหนที่ว่าง ใจว่างๆ ก็จะชอบหยิบขึ้นมาสวด ถ้าเป็นบทพระกัณฑ์ไตรปิฎกนี้ ถ้ามีเวลาน้อยเราก็สวดแค่ครึ่งเดียวพับไว้ มีเวลาค่อยมาสวดต่อ ถ้ามีเวลามากก็สวดทีเดียวจบไปเลย หรืออาจหลายๆครั้งในวันเดียวเท่าที่มีเวลา ถ้าเหนื่อยมากๆก็ฟังเสียงเทศน์ เสียงสวดมนต์ค่ะ แม้ยามใดที่ทำงานอยู่ถ้าสามารถสวดบทสั้นๆได้ก็จะพยายามสวด บางครั้งก็สวดไปฟุ้งไปค่ะ เริ่มใหม่ทุกวัน ยามใดที่ดิฉันตั้งใจสวดพระคาถายอดพระไตรปิฎกนี้จะรู้สึกถึงความเย็นภายในจิต จะมีความเย็นๆตรงกลางกระหม่อม เสียงที่สวดจะเปลี่ยนเป็นเพราะและกังวาล เหมือนกับว่าขณะที่สวด เราได้ยินและหยุดฟังเสียงตัวเองไปด้วย ถ้าสวดติดต่อกันสม่ำเสมอจะมองดูคนและสัตว์ล้วนเป็นแค่โคลงกระดูกค่ะ
     
  15. SALEEN

    SALEEN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +130
    ขออนุโมทนาอย่างสูงครับ
    ขออนุโมทนาอย่างสูงครับ
    ขออนุโมทนาอย่างสูงครับ
    ขออนุโมทนาอย่างสูงครับ
    ขออนุโมทนาอย่างสูงครับ
    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  16. The Jude

    The Jude เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +109
    แม้จะเป็นคนที่ไม่ค่อยได้สวดมนต์เท่าไหร่

    แต่ยอดพระกัณฑ์ฯ เป็นบทสวดที่ผมชอบมากที่สุดบทนึง ขอยืนยันด้วยบางสิ่งที่สัมผัสได้ ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏกเป็นบทสวดที่มหัศจรรย์ที่สุดบทนึงครับ ลองสวดดูนะครับ

    อนุโมทนา สาธุครับ
     
  17. แพรแพร

    แพรแพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +638
    สวดบ้าง เว้นไปนานไม่ได้สวดบ้าง

    นานๆจะได้สวดสักครั้ง ถ้าฮึดทีก็สวดที

    แต่ส่วนใหญ่แอบขึ้เกียจง่วงทุกทีเลย อิอิ
     
  18. k_g

    k_g เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +170
    อนุโมทนา สาธุ ด้วยคนค่ะ
    ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏกเป็นบทสวดที่ศักดิ์สิทธิ์จริงๆค่ะ

    ใครที่เริ่มฝึกใหม่ๆ อาจจะเหนื่อยหน่อยเพราะว่าบทสวดค่อนข้างยาว
    แต่พอสวดไปนานๆ เข้า จะพบว่าบทสวดดูสั้นมากจริงๆ ค่ะ :)
     
  19. jsoc

    jsoc Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +54
    อยากทราบว่าเนื้อความเต็มๆจากต้นฉบับดิมของคาถานี้ทั้งหมดน่ะครบ มีท่านใดพอจะหามาให้อ่านกันได้บ้างครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...