ประเพณีวันสารทไทย

ในห้อง 'บุญ-อานิสงส์การทำบุญ' ตั้งกระทู้โดย na_krub, 15 ตุลาคม 2012.

  1. na_krub

    na_krub "นโม ธรรมะสุขัง อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +2,916
    ประเพณีวันสารทเดือนสิบ

    การทำบุญวันสารทเดือนสิบหรือภาษาท้องถิ่นเรียกว่า วันชิงเปรตนั้นในเดือนสิบ(กันยายน) มีการทำบุญที่วัด 2 ครั้ง
    ครั้งแรกวันแรม 1 ค่ำเดือนสิบเรียกว่าวันรับเปรต
    ครั้งที่สองวันแรม 15 ค่ำ เดือนสิบเรียกว่าวันส่งเปรต
    การทำบุญทั้งสองครั้งเป็นการทำบุญที่แสดงถึงความกตัญญูต่อบุพการีผู้ล่วงลับไปแล้วโดยอุทิศส่วนกุศลไปให้วิญญาณของบรรพบุรุษที่ตกอยู่ในเปรตภูมิเป็นคติของศาสนาพราหมณ์ที่ผสมในประเพณีของพุทธศาสนาพุทธศาสนิกชนนิยมไปทำบุญ ณวัดที่เป็นภูมิลำเนาของตนเพื่อร่วมพิธีตั้งเปรตและชิงเปรตอาจสับเปลี่ยนกันไปทำบุญ ณ ภูมิลำเนาของฝ่ายบิดาครั้งหนึ่งฝ่ายมารดาครั้งหนึ่งจึงทำให้ผู้ที่ไปประกอบ อาชีพจากถิ่นห่างไกลจากบ้านเกิดได้มีโอกาสได้กลับมาพบปะสังสรรค์และ รู้จักวงศาคณาญาติเพิ่มขึ้น
    ขนมเดือนสิบจัดขึ้นโดยเฉพาะใช้ในโอกาสทำบุญเดือนสิบที่จำเป็นมี 5 อย่าง คือ
    1.ขนมลาเป็นสัญลักษณ์แทนเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม
    2.ขนมพองเป็นสัญลักษณ์แทนแพสำหรับญาติผู้ล่วงลับใช้เดินทาง
    3.ขนมกง ( ขนมไข่ปลา )เป็นสัญลักษณ์แทนเครื่องประดับ
    4.ขนมเจาะรูหรือขนมเจาะหูหรือขนมเบซำเป็นสัญลักษณ์แทนเงินสำหรับใช้จ่าย
    5. ขนมบ้าเป็นสัญลักษณ์แทนสะบ้าสำหรับใช้เล่นสะบ้าในวันสงกรานต์
    ในวันแรม 1 ค่ำเดือนสิบชาวบ้านจัดภัตตาหารไปทำบุญที่วัดชาวบ้านเรียกวันนี้ว่าวันชิเปรตเป็นวันที่ยมบาลเปิดนรกปล่อยเปรตชนมาเยี่ยมลูกหลานลูกหลานก็ทำบุญต้อนรับครั้งหนึ่งใน วันแรม 15 ค่ำเดือนสิบเรียกว่าวันส่งเปรตเป็นวันที่เปรตชนต้องกลับยมโลกลูกหลานก็จะทำบุญเลี้ยงส่งอีกครั้งหนึ่ง


    ประเพณีปฏิบัติ

    ก่อนวันงาน ชาวบ้านจะทำขนมที่เรียกว่า กระยาสารท และขนมอื่น ๆ แล้วแต่ความนิยมของแต่ละท้องถิ่น
    ในวันงาน ชาวบ้ายจัดแจงนำข้าวปลา อาหาร และข้าวกระยาสารทไปทำบุญตักบาตรที่วัดประจำหมู่บ้าน
    ทายก ทายิกา ไปถือศีล เข้าวัด ฟังธรรม และรักษาอุโบสถศีล นำข้าวกระยาสารท หรือขนมอื่นไปฝากซึ่งกันและกันยังบ้านใกล้เรือนเคียง หรือหมู่ญาติมิตรที่อยู่บ้านไกลหรือถามข่าวคราวเยี่ยมเยือนกัน บางท้องถิ่นทำขนมสำหรับบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แม่พระโพสพ ผีนา ผีไร่ด้วย เมื่อถวายพระสงฆ์เสร็จแล้วก็นำไปบูชาตามไร่นา โดยวางตามกิ่งไม้ต้นไม้ หรือที่จัดไว้เพื่อการนั้นโดยเฉพาะ


    ความเชื่อ

    วันสารท เป็นวันที่ถือเป็นคติและเชื่อสืบกันมาว่า ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว จะมีโอกาสได้กลับมารับส่วนบุญจากญาติพี่น้องที่ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้น จึงมีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ญาติในวันนี้และเชื่อว่า
    หากทำบุญในวันนี้ไปให้ญาติแล้วญาติจะได้รับส่วนบุญได้เต็มที่และมีโอกาสหมดหนี้กรรม และได้ไปเกิดหรือมีความสุข อีกประการหนึ่งสังคมไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม ทำนาเป็นอาชีพหลักในช่วงเดือน 10 นี้ ได้ปักดำข้าวกล้าลงในนาหมดแล้ว กำลังงอกงาม และรอเก็บเกี่ยวเมื่อสุก จึงมีเวลาว่างพอที่จะทำบุญเพื่อเลี้ยงตอบแทน และขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือแม่พระโพสพ หรือผีไร่ ผีนา ที่ช่วยรักษาข้าวกล้าในนาให้เจริญงอกงามดี และออกรวงจนสุกให้เก็บเกี่ยวได้ผลผลิตมาก

    วันเวลา

    การกำหนดทำบุญวันสารท มีความคลาดเคลื่อนกันบ้างในแต่ละท้องถิ่นของไทย เช่นภาคกลาง กำหนดในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 ภาคใต้ กำหนดในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 เป็นวันรับตายาย และวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 เป็นวันส่งตายาย ชาวมอญ กำหนดวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 อย่างไรก็ตาม สารทไทยโดยทั่วไป ในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 เนื่องจากนับถัดจากวันสงกรานต์ ตามจันทรคติจนถึงวันสารทจะครบ 6 เดือน พอดี


    ประเพณีสังวร

    วิธีปฏิบัติในการทำบุญวันสารทจะมีความแตกต่างกันออกไป แล้วแต่หมู่ชน และขนบธรรมเนียมประเพณีตามภูมิภาค ควรยอมรับว่าแต่ละท้องถิ่นมีความแตกต่างกัน และปฏิบัติตามแต่ละท้องถิ่นจะนิยม การทำบุญวันสารท ควรถือเป็นการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ญาติสนิทมิตรสหายทั้งที่ล่วงลับไปแล้วและยังมีชีวิตอยู่เพราะเป็นช่วงที่ว่างจากการทำนาบ้างหรือไม่เร่งรัดเหมือนกับช่วงปักดำ หรือช่วงเก็บเกี่ยว การไปวัดฟังธรรมในอดีต มักเป็นเรื่องของคนเฒ่าคนแก่เป็นส่วนใหญ่ในวันเช่นนี้ควรส่งเสริมให้เด็ก เยาวชนและคนหนุ่มสาว ไปวัดทำบุญและรักษาศีลให้มากขึ้น เพราะเป็นวัยที่ยังมีพลังที่จะเป็นหลักต่อไปในอนาคต และเป็นช่วงเวลาที่ไม่เร่งรัดงานมากนัก

    กิจกรรมวันสารท

    ให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว การตักบาตรจึงมีลักษณะที่แตกต่างกันไปในลักษณะที่แตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่นนั้น ๆ การตักบาตรที่สำคัญในแต่ละท้องถิ่นได้แก่ ตักบาตรขนมกระยาสารท ขนมกระยาสารทเป็นขนมประจำวันสารทในทุกท้องถิ่นของประเทศไทย ซึ่งจะขาดเสียมิได้ด้วยมีความเชือที่ว่า ถ้าไม่ได้ใส่บาตรขนมกระยาสารทในวันสารทไทยแล้ว ญาติผู้ล่วงลับก็จะไม่ได้ส่วนบุญส่วนกุศลที่กระทำในวันนั้น ขนมกระยาสารทมีส่วนประกอบ คือ ข้าวตอก ข้าวเม่า ถั่ว งา และน้ำตาล นำทั้งหมดมากวนเข้าด้วยกัน เมื่อสุกแล้วจึงนำมาปั้นเป็นก้อนกลม หรือจะตัดเป็นแผ่นก็ได้ ตักบาตรน้ำผึ้ง
    เป็นที่นิยมในบางท้องถิ่นเท่านั้น โดยส่วนใหญ่มักเป็นชาวไทยมอญ ที่นิยมตักบาตรน้ำผึ้ง ประเพณีการตักบาตรน้ำผึ้ง เนื่องจากมีเรื่องเล่าตามพุทธประวัติว่า "ในสมัยพุทธกาลพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จจำพรรษา ณ ป่าปาริไลยก์ เพียงพระองค์เดียว แต่มีผู้ถวายอุปัฏฐากเป็นช้างปาริเยยกะ เป็นผู้คอยถวายน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค และลิงเป็นผู้หาผลไม้มาถวาย วันหนึ่งลิงได้นำน้ำผึ้งมาถวาย การถวายน้ำผึ้งจึงเป็นประเพณีปฏิบัติตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา"
    ฟังธรรมเทศนา
    ถือศีลภาวนา
    ปล่อยนกปล่อยปลา

    พระสงฆ์ควรเป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่ประเพณีวันสารทให้ประชาชนเข้าใจและรู้ซึ้งถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริง เพื่อส่งเสริมให้สามารถปฏิบัตได้อย่างถูกต้อง ควรส่งเสริมฟื้นฟูประเพณีวันสารท ให้มีการปฏิบัติกันอย่างกว้างขวางในหมู่คนไทยทุกกลุ่ม เพื่อเป็นที่รู้จักและแพร่หลายต่อไป


    แหล่งที่มา ขอขอบคุณเว็บ http://www.school.net.th/library/create-web/10000/sociology/10000-10526.html
    ที่ได้นำบทความดีๆมาให้อ่านกัน


    เช้านี้ได้มีโอกาสไปทำบุญที่วัดประชุมราษฏร์ โดยไม่ได้ตั้งใจมาเท่าไหร่ คิดว่าเป็นวันพระธรรมดา แต่ความรู้สึกบอกว่าให้ไปให้ได้ หลังจากทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เตรียมอาหารคาว หวาน น้ำ มุ่งหน้าไปที่วัด เมื่อเดินทางไปถึงก็นำอาหารใส่บาตรเรียบร้อย จากนั้นมานั่งรอฟังเทศน์ เมื่อพระท่านเทศน์พูดถึงวันสำคัญของวันนี้ ว่าเป็นวันสารทไทยถึงกับงงไม่ใช่น้อย นี่เราเกือบพลาดวันสำคัญอีกวันหนึ่งแล้วสิเนี่ย สงสัยมีผู้ดลใจเยอะเลยได้มา ความสำคัญของวันสารทนี้ก็ได้นำมาให้อ่านกัน เพื่อประดับความรู้ของอีกหลายท่านที่ยังไม่ทราบ ที่สำคัญเป็นวันสุดท้ายของผู้ที่อยู่ในภพภูมิของเปรตที่ต้องกลับไปยังสถานที่ที่ตนเองมา ก่อนหน้านี้ถ้าผู้ที่ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้แล้ว ก็คงช่วยพวกเค้าได้มากพอสมควร วันนี้เป็นวันที่พวกเค้าเหล่านั้นกลับ อย่าลืมช่วยกันส่งผลบุญให้พวกเค้าเหล่านั้นได้ติดตัวไปด้วย เพื่อที่เค้าทั้งหลายจะได้ไปยังสู่ภพภูมิที่ดียิ่งๆขึ้นไป ได้พบหนทางแห่งการพ้นทุกข์ และได้พบหนทางแห่งการปรินิพพาน


    อนุโมทนาบุญแด่ผู่ที่ใฝ่ในธรรมมะทุกๆท่านนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ


     

แชร์หน้านี้

Loading...