พระพากุลเถระ ตอน อานิสงส์จากการทำให้พระภิกษุหายจากอาพาธ

ในห้อง 'บุญ-อานิสงส์การทำบุญ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 15 พฤษภาคม 2018.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,449
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018

    LpJarunSmatiNoSpending.jpg
    พระพากุลเถระ ตอน อานิสงส์จากการทำให้พระภิกษุหายจากอาพาธ
    เรียบเรียงจาก : อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา ติกนิบาต


    : อรรถกถา อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เอตทัคคบาลี

    580314-d-1.jpg
    1) ส่งผลให้พระพากุลเถระได้เป็นหนึ่งในผู้สำเร็จอภิญญาใหญ่

    การที่พุทธสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งจะได้อภิญญาใหญ่ ต้องมีบุญบารมีที่สั่งสมมาอย่างเต็มเปี่ยม เพราะในสมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง จะมีผู้ที่สำเร็จอภิญญาใหญ่ได้เพียง 4 ท่านเท่านั้น และพระสาวกที่เหลือแม้จะได้อภิญญา แต่ก็ไม่เรียกว่าได้อภิญญาใหญ่ เพราะสามารถระลึกชาติย้อนไปได้เพียงแสนกัปเท่านั้น แต่ท่านผู้บรรลุอภิญญาใหญ่ จะสามารถระลึกชาติได้ถึงหนึ่งอสงไขยกับอีกแสนกัป

    มาในยุคพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ผู้ที่สำเร็จอภิญญาใหญ่มีเพียง 4 ท่านเช่นกัน คือ พระสารีบุตรเถระพระมหาโมคคัลลานเถระ พระนางภัททากัจจานาเถรี (พระนางยโสธราพิมพา) และหนึ่งในนั้นก็คือ พระพากุลเถระ
    2) ส่งผลให้พระพากุลเถระไม่เคยอาพาธ

    ชีวิตของพระพากุลเถระตลอด 160 ปี ไม่เคยป่วยหรืออาพาธใด ๆ เลย แม้เพียงจะใช้ 2 นิ้วจับก้อนของหอมสูดดม เพราะมีอาการวิงเวียนก็ไม่เคยเกิดขึ้น หรือแม้เกิดอาพาธด้วยระยะเวลาสั้น ๆ เหมือนช่วงเวลารีดนมโคเสร็จก็ไม่เคย ด้วยเหตุนี้ท่านจึงไม่เคยฉันยา แม้เพียงสมอชิ้นหนึ่ง
    3) ส่งผลให้พระพากุลเถระปรินิพพานด้วยวิธีพิเศษ

    เนื่องจากตลอดชีวิตของท่านไม่เคยอาพาธเลย แต่ท่านรู้กาลปรินิพพานของท่านด้วยญาณทัสนะ และเมื่อท่านพบว่
    ได้มาถึงเวลาแล้ว จึงดำริว่า แม้เราจะมีชีวิตอยู่ก็อย่าได้เป็นภาระแก่ภิกษุเหล่าอื่นเลย สรีระของเราแม้ปรินิพพานแล้ว ก็อย่าให้ภิกษุสงฆ์ต้องเป็นกังวลเลยจากนั้นจึงเข้าเตโชธาตุปรินิพพาน โดยปรากฏเปลวไฟลุกขึ้นท่วมสรีระ ผิวหนัง เนื้อและโลหิตถูกเผาไหม้สิ้นไปเหมือนเนยใส ยังคงเหลืออยู่เพียงแต่ธาตุที่มีลักษณะดังดอกมะลิตูม
    4) ส่งผลให้พระพากุลเถระเป็นผู้มีอายุขัยยืนยาวกว่าค่าเฉลี่ยของอายุมนุษย์ในยุคนั้น

    ในยุคที่พระพากุลเถระมาเกิด มนุษย์ในยุคนั้นมีอายุเฉลี่ยที่ 100 ปี แต่ด้วยบุญที่พระพากุลเถระสั่งสมมาดีแล้วทำให้ท่านมีอายุยืนยาวกว่ามนุษย์ในยุคนั้น คือ 160 ปี ซึ่งมากกว่ามนุษย์ปกติทั่วไป

    580314-d-2.jpg
    5) ส่งผลให้พระพากุลเถระ แม้จะอายุมากถึง 80 ปีแล้ว ก็ยังแข็งแรง สามารถออกบวชได้อย่างสะดวกง่ายดายโดยไม่เป็นภาระแก่ใคร

    ปกติคนทั่วไปออกบวชตอนอายุ 80 ปี ก็จะเป็นภาระต่อผู้อื่นอย่างมาก เนื่องด้วยสภาพร่างกายไม่แข็งแรงพออีกทั้งเวลาจะบำเพ็ญสมณธรรมก็จะทุกข์ทรมาน เพราะสังขารไม่เอื้ออำนวย แต่ด้วยบุญที่พระพากุลเถระสั่งสมมาทำให้ท่านออกบวชได้แม้วัยจะถึง 80 ปี อีกทั้งยังสามารถปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ(Meditation)ได้โดยไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่เมื่อย ตลอดทั้ง 80 พรรษา
    6) ส่งผลให้พระพากุลเถระไม่ต้องให้สามเณรมาคอยอุปัฏฐากเลย

    เป็นธรรมดาที่คนอายุมากย่อมต้องมีคนมาคอยดูแลหรือแม้แต่พระภิกษุเองเมื่ออายุมาก ก็ต้องมีสามเณรมาคอยอุปัฏฐากดูแล แต่ด้วยบุญที่พระพากุลเถระสั่งสมมาแม้อายุมาก ท่านก็ยังคงความแข็งแรงช่วยเหลือตัวเองได้ทุกอย่างทุกประการ
    7) ส่งผลให้พระพากุลเถระมีสุขภาพดีมาก โดยไม่ต้องใช้ตัวช่วยในการบรรเทาความปวดเมื่อยตามร่างกายเลย

    โดยทั่วไปสังขารมนุษย์มักจะมีทุกขเวทนาจากการปวดเมื่อยตามร่างกาย และยิ่งอายุมากขึ้น ก็จะหลีกเลี่ยงอาการเช่นนี้ได้ยาก แต่สำหรับพระพากุลเถระแล้วท่านไม่มีความเมื่อย ฉะนั้นจึงไม่ต้องให้ใครมาบีบนวดเลย อีกทั้งยังไม่ต้องอบตัวในเรือนไฟ หรือใช้จุณอาบน้ำ (ผงขัดตัว) เพราะมีสุขภาพผิวที่ดีอยู่แล้ว

    580314-d-3.jpg
    8) ส่งผลให้พระพากุลเถระ มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยปัจจัย 4 โดยไม่มีความขัดสนขาดแคลนใด ๆ เลย เช่น

    8.1) เป็นผู้มีจีวรใช้สอยเหลือเฟือ ทั้ง ๆ ที่ในสมัยนั้นพระภิกษุต่างได้รับความลำ บากมากในเรื่องการหาจีวรมาใช้สอย เพราะต้องบังสุกุลผ้ามาช่วยกันตัด เย็บ ย้อมและกว่าจะได้แต่ละผืนต้องเสียเวลา เสียกำลังคนไปมากแต่ด้วยบุญที่พระพากุลเถระสั่งสมมา ทำให้ท่านไม่ต้องเสียเวลาไปหา ไปตัด ไปเย็บ ไปย้อมจีวรแต่อย่างใด

    ด้วยเหตุนี้ จึงทำ ให้ท่านมีเวลานั่งสมาธิปฏิบัติธรรมเจริญสมาบัติมากกว่าภิกษุทั่วไปการที่ท่านมีจีวรใช้อย่างเหลือเฟือ เพราะบุญที่สั่งสมมาบันดาลให้ท่านไปเกิดในตระกูลมหาเศรษฐีและมีพ่อแม่ที่มียศใหญ่ถึง 2 ตระกูล ซึ่งต่างมีหน้าที่ทำจีวรส่งไปถวายให้ท่านใช้สอย โดยครึ่งเดือนแรก ตระกูลของท่านที่อยู่เมืองโกสัมพีจะส่งไปถวายผืนหนึ่ง และพอเวลาผ่านไปอีกครึ่งเดือน คนในตระกูลที่อยู่เมืองพาราณสีก็จะทำจีวรอีกผืนหนึ่งไปถวาย สลับกันไปถวายทุกครึ่งเดือนไม่ขาดเลย อีกทั้งจีวรของท่านยังเป็นจีวรที่ประณีต ทำด้วยผ้าเนื้อละเอียด ซึ่งเอามาย้อมแล้วใส่ในผอบส่งไปถวาย โดยจะวางไว้ให้ที่ประตูห้องน้ำ ในเวลาที่พระเถระสรงน้ำเสร็จก็จะนุ่งห่มจีวรที่วางไว้ และท่านก็บริจาคจีวรเก่าให้บรรพชิตทั้งหลายไป
    580314-d-4.jpg

    8.2) มีภัตตาหารอุดมสมบูรณ์เลิศรส แม้จะอยู่ในป่าและไม่ได้รับกิจนิมนต์

    พระพากุลเถระ ท่านถือธุดงค์อยู่ป่าเป็นวัตร จึงไม่รับกิจนิมนต์ไปฉันในบ้านใครเลยตลอดชีวิต แม้เป็นอย่างนี้ท่านก็ไม่ลำบากด้วยข้าวปลาอาหารใด ๆ เลย ตรงกันข้ามด้วยบุญในตัวท่าน กลับทำให้ได้ภัตตาหารอันประณีตเลิศรส โดยไม่ต้องเสียเวลารับกิจนิมนต์แล้วดึงเวลาปฏิบัติธรรมของท่านไป เพราะชาวเมืองและคนในตระกูล 2 นครของท่าน ได้เตรียมอาหารเลิศรสแล้วพากันมาใส่บาตรท่านอย่างเนืองนิตย์มิได้ขาดเลย
    580314-d-5.jpg
    9) ส่งผลให้พระพากุลเถระสามารถถือธุดงค์ข้อ “เนสัชชิกธุดงค์” คือ นั่งเป็นวัตรอย่างอุกฤษฏ์ได้ตลอดชีวิต

    ปกติการที่คนทั่วไปจะถือธุดงค์ข้อนี้ได้ จะต้องมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงมาก เพราะไม่สามารถนอนได้เลย และที่น่าทึ่ง คือ พระพากุลเถระไม่เคยเหยียดหลังบนเตียง หรือ แม้แต่การเอนหลังพิงพนักตลอด 80 ปีที่ท่านบวช จนกระทั่งปรินิพพาน เนื่องจากพระพากุลเถระมีสุขภาพดีเป็นเลิศ แม้ไม่ได้นอน สภาพร่างกายก็ยังแข็งแรง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ท่านได้เปรียบ คือ มีเวลานั่งสมาธิปฏิบัติธรรมสั่งสมความบริสุทธิ์หยุดนิ่งได้มากกว่าภิกษุรูปอื่น ๆ
    580314-d-6.jpg
    10) ส่งผลให้พระพากุลเถระสามารถถือธุดงค์ข้อ “อรัญญิกธุดงค์” คือการอยู่ป่าเป็นวัตรอย่างอุกฤษฏ์ได้ตลอดชีวิต

    การถือธุดงค์ข้อนี้ก็เช่นกัน การจะอยู่ป่าโดยไม่อาศัยอยู่ในวัดเลย ก็จะต้องโดนลม โดนฝน โดนแดด โดนสภาพอากาศที่แปรปรวน ซึ่งถ้าใครสุขภาพไม่ดี ก็จะอยู่ไม่ได้แต่สำหรับพระพากุลเถระแล้ว ท่านแข็งแรงมากไม่ว่าจะเผชิญกับสภาพแวดล้อมแบบไหน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ท่านสามารถถือธุดงค์ข้อนี้เป็นวัตรได้ตลอดชีวิต
    ...................................... EndLineMoving.gif
    :- https://www.dmc.tv/pages/เคล็ดลับสุ...น-อานิสงส์จากการทำให้พระภิกษุหายจากอาพาธ.html
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,449
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    พระพากุลเถระ ตอน ได้เป็นเอตทัคคะด้านมีอาพาธน้อย
    ในชาติสุดท้าย สมัยพระสมณโคดมพุทธเจ้า
    เรียบเรียงจาก : อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา ติกนิบาต
    : อรรถกถา อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เอตทัคคบาลี
    580313-d-1.jpg

    ในภัทรกัปนี้ พระพากุลเถระได้มาเกิดในตระกูลมหาเศรษฐี แห่งนครโกสัมพี ช่วงก่อนที่พระสมณโคดมพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้น และในระหว่างที่ท่านถือปฏิสนธิอยู่ในครรภ์มารดา ก็ทำ ให้ตระกูลของท่านประสบลาภผลอันเลิศถึงขนาดทำ ให้มารดาของท่านคิดว่า ลูกของเราคนนี้ต้องเป็นเด็กมีบุญญาธิการ และถ้าลูกคนนี้เป็นผู้ไม่มีโรคและมีอายุยืนอยู่ได้นานขนาดไหน ก็จะเป็นผู้บันดาลสมบัติให้แก่เราตลอดกาลยาวนานขนาดนั้น


    เมื่อคิดดังนี้ จึงเอาลูกไปอาบน้ำในแม่น้ำยมุนา เพราะสมัยนั้นใคร ๆ ก็จะเอาเด็กมาอาบน้ำในแม่น้ำสายนี้ เพราะมีธรรมเนียมถือกันว่า ถ้าเอาเด็กลงอาบน้ำในแม่น้ำนี้ จะทำ ให้เป็นผู้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ

    ครั้นเมื่อพวกพี่เลี้ยงพาพากุลกุมารไปอาบน้ำ ก็มีปลาใหญ่ตัวหนึ่งสำ คัญว่าทารกเป็นอาหาร จึงกลืนทารกเข้าไปในท้อง

    แต่ด้วยบุญของทารกน้อยพากุละ ทำ ให้ทารกรู้สึกประหนึ่งเหมือนเข้าไปสู่ห้องนอนแล้วหลับไปเท่านั้นตรงกันข้าม ด้วยเดชแห่งทารก ปลาที่กลืนกินทารกเข้าไปกลับรู้สึกทรมานเหมือนกลืนภาชนะร้อนลงไป จึงทำ ให้ปลาผู้โชคร้ายตัวนั้นมีกำลังว่ายต่อไปได้ 30 โยชน์ แล้วไปติดอวนของชาวประมงเมืองพาราณสี และเมื่อชาวประมงได้นำ ปลาออกจากอวนแล้วปลาก็ตายทันที จึงทำให้ชาวประมงหาบปลาใส่คานร้องประกาศขายไปทั่วเมืองว่าจะขายปลาตัวนี้ด้วยราคาหนึ่งพันกหาปณะ

    ครั้นเมื่อชาวประมงหาบปลามาถึงประตูเรือนของเศรษฐีตระกูลหนึ่ง ภริยาเศรษฐีเห็นเข้าก็ถูกใจ จึงถามว่าจะขายเท่าไร ชาวประมงแทนที่จะตอบตามราคาที่ตั้งใจไว้ กลับตอบไปว่า ขายหนึ่งกหาปณะ นางจึงรีบซื้อไว้ทันที

    ปกติภริยาเศรษฐีจะไม่ชอบทำ ปลา แต่วันนั้น ด้วยบุญของทารกดลใจให้นางวางปลาไว้บนเขียง แล้วลงมือผ่าข้างหลังปลาด้วยตัวนางเอง ซึ่งปกติแล้วจะต้องผ่าที่ท้อง และทันใดนั้นเอง นางก็เห็นทารกผิวดั่งทองอยู่ในท้องปลา จึงเกิดปีติยินดี เพราะตระกูลของนางมีสมบัติมากถึง 80 โกฏิ แต่ไม่มีบุตรผู้สืบสกุล

    ด้วยเหตุนี้นางจึงอุ้มเด็กไปให้เศรษฐีผู้เป็นสามีดูท่านเศรษฐีก็ดีใจให้คนตีกลองประกาศข่าวไปทั่วพระนครในทันที จากนั้นก็พากันอุ้มทารกน้อยไปยังพระราชสำนักเพื่อกราบทูลพระราชาว่า “ขอเดชะ...ข้าพระพุทธเจ้าได้พบทารกในท้องปลา ข้าพระพุทธเจ้าจะต้องทำ ประการใด” พระราชาตรัสว่า.. “ทารกอยู่ในท้องปลาได้อย่างปลอดภัยแปลว่าทารกนี้เป็นผู้มีบุญ ดังนั้นให้ท่านจงเลี้ยงไว้เถิด”

     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,449
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    (ต่อ)
    580313-d-2.jpg

    จากนั้นข่าวนี้ก็ได้แพร่สะพัดออกไปถึงนครโกสัมพีว่ามีตระกูลเศรษฐีตระกูลหนึ่งได้พบทารกในท้องปลาทำ ให้มารดาเดิมของทารกทราบข่าว จึงไม่รอช้า รีบเดินทางไปเล่าความเป็นมาและแสดงความเป็นเจ้าของทารกนั้นให้ภริยาเศรษฐีเมืองพาราณสีฟัง แต่ไม่สามารถตกลงกันได้จึงพากันไปยังพระราชสำนักให้พระราชาเป็นผู้ตัดสินซึ่งพระราชาก็ตัดสินให้ทั้ง 2 ฝ่าย รับเป็นผู้เลี้ยงดูทารกน้อยนี้ร่วมกัน โดยให้ชื่อว่า พากุลกุมาร หมายความว่าเติบโตขึ้นเพราะ 2 ตระกูลเลี้ยงดู

    นับจากนั้น ด้วยบุญของพากุลกุมารจึงทำ ให้ทั้ง 2 ตระกูล ประสบลาภยศเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่งยวด และต่างได้สร้างปราสาทให้ท่านพากุละไว้ใน 2 พระนคร แล้วบำรุงบำเรอด้วยหญิงฟ้อนรำ ซึ่งท่านพากุละจะอยู่นครละ 4 เดือน เมื่อครบ 4 เดือน ก็จะนั่งเรือเดินทางกลับไปยังอีกนครหนึ่ง สลับไปมาอย่างนี้



    580313-d-3.jpg


    แม้ท่านพากุละจะต้องเดินทางโดยทางเรือก็จริง แต่ก็ไม่ลำบากประการใดเลย เพราะเรือที่ใช้เดินทางนั้น เป็นเรือที่ทั้ง 2 ตระกูล ให้ช่างสร้างขึ้นเป็นพิเศษโดยสร้างมณฑปอย่างดีไว้ในนั้น อีกทั้งยังมีหญิงฟ้อนรำ คอยบำรุงบำเรอให้ความเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ท่านพากุละเสวยสุขบันเทิงในสมบัติตลอดกาลยาวนานจนอายุครบ 80 ปีบริบูรณ์

    จากนั้นไม่นาน ท่านพากุละก็ได้ทราบข่าวการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์เสด็จจาริกมาถึงกรุงโกสัมพีพอดี ท่านพากุละจึงได้เดินทางไปเข้าเฝ้าโดยนำของหอมและมาลัยไปสักการะยังสำนักพระศาสดา และเมื่อท่านพากุละฟังธรรมจบก็เกิดศรัทธาออกบวชทันทีและทำความเพียรอยู่แค่ 7 วัน พออรุณวันที่ 8 ก็บรรลุอรหัตผลพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาในวัย 80 ปี
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,449
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    (ต่อ)

    580313-d-4.jpg

    เมื่อท่านได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ก็ได้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่พุทธบริษัทเพราะท่านเป็นผู้ปฏิบัติเคร่งครัดในธุดงค์ ข้อ “เนสัชชิกธุดงค์” คือ การสมาทานธุดงค์ด้วยการอยู่นอิริยาบถ 3 คือยืนเดินและนั่งโดยไม่นอนเลยและข้อ “อรัญญิกธุดงค์” คือ การสมาทานธุดงค์ด้วยการอยู่ป่าเป็นวัตร โดยตั้งแต่บวชมา ท่านไม่เคยจำพรรษาในวัดเลย นอกจากนี้ท่านยังเป็นผู้ที่ไม่มีโรคเบียดเบียนไม่เคยต้องให้หมอรักษาพยาบาล ไม่เคยฉันยาใด ๆ แม้แต่ผลสมออันเป็นยาสมุนไพรแม้เพียงผลเดียว เพราะว่าท่านไม่เคยป่วยเลย ทั้งนี้เป็นเพราะอานิสงส์แห่งการทำให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเหล่าพระภิกษุหายจากอาพาธด้วยการถวายยา การสร้างกัปปิยกุฏิ (เรือนพยาบาล)สร้างวัจจกุฏิ (ส้วม) และจัดตั้งยาใช้และยาฉันสำหรับภิกษุสงฆ์ไว้ครบถ้วนทุกอย่าง

    จากการประกอบเหตุไว้ในอดีตชาติเช่นนี้ จึงทำให้ท่านมีอายุขัยยืนยาวถึง 160 ปี แล้วเข้าปรินิพพาน


    *พระพากุลเถระ เอตทัคคมหาสาวกผู้มีอาพาธน้อย*
    :- https://www.dmc.tv/pages/เคล็ดลับสุ...ลเถระ-ตอน-ได้เป็นเอตทัคคะด้านมีอาพาธน้อย.html
     

แชร์หน้านี้

Loading...