พระมรณภาพสังขารไม่เน่าเชื่ออีก๕วันฟื้น

พระมรณภาพสังขารไม่เน่าเชื่ออีก 5 วันฟื้น

​

<TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top></TD><TD vAlign=top>ผู้มาร่วมงานเผาศพตะลึง"พระ"มรณภาพมาแล้ว 4 วัน ร่างไม่เน่าเปื่อย เนื้อตัวยังอุ่น ๆ เหมือนคนนอนหลับปกติ ญาติระงับพิธีฌาปนกิจกลางคัน ต้องเผาเพียงโลงเปล่าไปก่อน เชื่อเป็นเรื่องปาฏิหาริย์เพราะศพแช่ไว้ในโลงเย็นตลอดเวลา ไม่ได้ฉีดฟอร์มาลิน จึงน่าจะเน่าส่งกลิ่นเหม็น พี่ชายเผยผู้ตายพูดก่อนมรณภาพว่าจะออกธุดงค์เที่ยวป่า 10 วัน และจะมีปาฏิหาริย์อีกครั้งหลังจากเคยตายแล้วฟื้น ขณะที่พระร่วมวัดระบุผู้ตายถอดจิตได้ รอลุ้นอีก 5 วันจะมีปาฏิหาริย์กลับวัดได้หรือไม่ ส่วนนักเสี่ยงโชคไม่พลาดตีเป็นเลขเด็ด กันคึกคัก

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ม.ค ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายพนม เย็นสบาย นายกเทศบาลตำบลม่วงหวาน อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ว่าเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้ไปร่วมเป็นประธานพิธีฌาปนกิจศพพระทอง สา อนิโม อายุ 37 ปี ที่วัดป่าหายโศก ต.ม่วงหวาน หลังจากเจ้าภาพได้เชิญขึ้นเป็นประธานทอดผ้าบังสุกุล และวางดอกไม้จันทน์เสร็จแล้ว ก็ได้รับแจ้งว่าไม่สามารถเผาศพพระรูปดังกล่าวได้ เนื่องจากร่างกายไม่เหมือนคนตาย เพราะเนื้อตัวยังอุ่น ๆ เหมือนคนนอนหลับปกติ ทางญาติ จึงนำร่างไร้วิญญาณของพระทองสามาตั้งไว้ในศาลาพักศพ แล้วเผาเพียงโลงเปล่า

ทางด้านนายบุญเพ็ง ขันตีกรม อายุ 42 ปี ผู้เป็นสัปเหร่อ และเป็นพี่ของพระทองสา เปิดเผยว่าตามปกติแล้วศพชาวบ้านที่เสียชีวิตจะต้องเผาที่เมรุ แต่ศพพระจะเผาร่วมกับญาติโยมไม่ได้ จำต้องสร้างกองฟอนขึ้นมาใหม่เพื่อเผาต่างหาก หลังจากประธานวางทอดผ้าบังสุกุลและวางดอกไม้จันทน์ ตามธรรมเนียมของชาวอีสาน สัปเหร่อจะทำการพลิกศพในโลงศพ เพื่อนำสิ่งของที่อยู่ในโลงศพออก และพลิกศพให้ตะแคง ขณะที่สัปเหร่อพลิกศพพระทองสา สังเกตเห็นว่าตามใบหน้า ข้อมือ และฝ่ามือ มีเหงื่อออกมากเหมือนคนกำลังนอนหลับ สร้างความแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ปรึกษากันระหว่างญาติ ๆ ว่าจะยังไม่เผาศพพระทองสา โดยเผาเพียงโลงเปล่าเท่านั้น

นายบุญเพ็งกล่าวต่อไปว่า พระทองสาบวชมาแล้ว 8 พรรษา และจำพรรษาอยู่ที่วัดสมบูรณ์สันติธรรม บ้านห้วยหินลาด ต.ม่วงหวาน เป็นพระปฏิบัติในทางธรรม ชอบศึกษาเรื่องลี้ลับ คาถาอาคม และจิตวิญญาณ หลังจากบวชได้ออกธุดงค์ไปทั่ว โดยก่อนหน้านี้พระทองสาเคยบอกกับตนว่า เคยตายมาแล้วครั้งหนึ่งเป็นเวลา 7 วัน ซึ่งครั้งนั้นแพทย์ลงความเห็นว่าเป็นโรคกระเพาะอาหาร แต่ก็ฟื้นคืนมาได้ แต่ตนเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง เพราะไม่เห็นกับตา นอกจากนี้พระทองสายังเล่าเรื่องปาฏิหาริย์อีกว่า บางครั้ง จะมีฝูงผึ้งจำนวนมากมาเกาะที่คางโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ไม่ได้ทำอันตราย ก่อนมรณภาพผู้ตายได้บอกกับตนเและญาติโยมว่าจะออกเที่ยวป่า 10 วัน แล้วจะมีเรื่องปาฏิหาริย์อีกครั้ง

จากนั้นในช่วงเช้าวันที่ 21 ม.ค. 52 พระทองสาได้มรณภาพในกุฏิวัดสมบูรณ์สันติธรรม ชาวบ้านจึงแจ้งให้ ร.ต.ท.ทวี ไชยสีดา ร้อยเวร สภ.น้ำพอง มาชันสูตรศพซึ่งนอนคลุมโปงด้วยผ้าห่มนวมอยู่ในกุฏิ สภาพศพไม่มีร่องรอยถูกทำร้ายร่างกาย จึงนำส่งโรงพยาบาลน้ำพอง เพื่อให้แพทย์ตรวจสอบหาสาเหตุการตาย และแพทย์ลงความเห็นว่าหัวใจล้มเหลวฉับพลัน

ขณะที่พระอชิโต อัตติวีโร พระผู้บรรยายธรรมในงานศพพระทองสา และจำพรรษาวัดเดียวกัน เปิดเผยว่าพระทองสาได้ถอดจิตแจ้งให้ตนทราบว่า จะออกเที่ยวป่าหรือธุดงค์ทางจิตเป็นเวลา 10 วัน ซึ่งการถอดจิตวิญญาณครั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละคน โดยขณะถอดจิตนั้นตนได้มาแสดงธรรมป่าช้าแตก (หมายถึงชาวบ้านหันหน้าเข้ามาฟังธรรมะจนล้นป่าช้า) ให้ญาติโยมได้รับทราบและเข้าใจ เพื่อให้เห็นว่าทุกวันนี้ชาวบ้านขาดความสามัคคีกันในหมู่คณะ พระทองสาคงเห็นว่าการที่จะช่วยให้ชาวบ้าน เห็นถึงธรรมะเรื่องความสามัคคี ควรจะแสดงปาฏิหาริย์อะไรบางอย่างเกิดขึ้น โดยจะต้องแสดงธรรมให้ครบ 10 วัน ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันที่ 5 ยังเหลืออีก 5 วัน แต่จะต้องนำร่างของพระทองสา กลับวัด แต่หลังจาก 10 วันไปแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด จะเกิดปาฏิหาริย์หรือไม่ต้องคอยดู

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความประหลาดใจให้กับประชาชนที่มาร่วมงานศพเป็นอย่างมาก ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไป ต่าง ๆ นานา ว่าพระรูปดังกล่าวมีบุญมาก เพราะโดยปกติแล้วคนตายมาแล้ว 4 วัน และศพก็แช่ไว้ในโลงเย็นที่อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง โดยก่อนนำศพมาเผาต้องถอดปลั๊กออกก่อน 18 ชั่วโมง ซึ่งน่าจะส่งกลิ่นเหม็น หรือมีแมลงวันตอม เนื่องจากทางโรงพยาบาลไม่ได้ฉีดฟอร์มาลินให้กับศพ จากปาฏิหาริย์ดังกล่าวทำให้ชาวบ้านที่มา ร่วมงานพากันตีเป็นเลขเด็ด คือ 2515 ซึ่งเป็นพ.ศ.เกิดของพระทองสา รวมทั้งอายุ 37 ปี และวันมรณภาพ 21 ม.ค. 52.

--------------

วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2552 เวลา 16:48 น.
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=189016&NewsType=1&Template=1


</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

น่าจะเป็นการถอดจิตครับ

 

ขอกราบโมทนาสาธุครับ สาธุ...