พระสมเด็จไตรมาส ๙ ผงวิเศษหลวงพ่อนุ่ม หลวงพ่อชม วัดนางใน อ่างทอง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,690
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1727326313120.jpg FB_IMG_1727326315836.jpg
    เหรียญพระพุทธสุริโยทัยสิริกิติทีฆายุมงคล สมโภชพระเจดีย์ศรีสุริโย จ.อยุธยา ปี 2534 จัดสร้างพิธีใหญ่
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จเป็นองค์ประธาน โดยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้กองบัญชาการทหารสูงสุดดำเนินการจัดสร้างพระพุทธปฏิมากร “พระพุทธสุริโยทัยสิริกิตฑีฆายุมงคล” เพื่อประดิษฐานในองค์พระเจดีย์ และทำพระราชพิธีสมโภชเจดีย์ศรีสุริโยทัย พร้อมเปิดอาคารนิทรรศการเกียรติประวัติของสมเด็จพระสุริโยทัย ในวันที่ 31 สิงหาคม 2534
    โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์วิชัย สิทธิรัตน์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นผู้เขียนแบบและปั้นองค์พระพุทธปฏิมากร เป็นพระพุทธปฏิมากรทรงเครื่องปางประทานพร สมัยอยุธยาตอนกลาง ก่อนจะมีการปั้นหุ่นหล่อพระพุทธปฏิมากรนี้ ทรงโปรดฯให้ตั้งพิธีมังคลาภิเษก เสกดินและน้ำพระพุทธมนต์ในอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อนำไปประกอบกรรมวิธีปั้นผิวนอกที่จะหล่อ
    ในการนี้กองบัญชาการทหารสูงสุด ได้จัดสร้างพระพุทธปฏิมากรองค์ทองคำและเงิน ทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 นอกจากนี้ยังผลิตเนื้อโลหะปิดทองและเนื้อโลหะรมดำ รวมทั้งเหรียญรูปไข่ เพื่อให้ประชาชนผู้มีความเลื่อมใสในพระมหากรุณาธิคุณพระสุริโยทัยได้มีโอกาสนำไปสักการะบูชาอีกด้วย
    พิธีมหาพุทธาภิเษก มีพระเกจิอาจารย์เข้าร่วมหลายรูป อาทิ
    1. สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานจุดเทียนชัย
    2. หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่
    3. หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    4. หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว
    5. หลวงปู่ทิม วัดพระขาว
    6. หลวงพ่อรวย วัดตะโก
    7. หลวงปู่กาหลงเขี้ยวแก้ว วัดเขาแหลม
    8. หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง
    9. หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน
    10. หลวงพ่อพุธ วัดป่าสาลวัน
    11. หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง
    12. หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม
    13. หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม ฯลฯ เป็นต้น
    ขอบพระคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20240916_040019.jpg IMG_20240916_040040.jpg IMG_20240916_035949.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2024
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,690
    ค่าพลัง:
    +21,337
    3215.jpg
    หลวงปู่ลือ ได้ธุดงค์ไปพร้อมกับ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น และเพื่อสหธรรมิกจำนวนมากมาย เช่น หลวงปู่สิม หลวงปู่ชอบ หลวงปู่ขาว หลวงปู่จาม พระอาจารย์จวน พระอาจารย์ฝั้น อาจารย์ชา หลวงพ่อบุญมา วิเวกไปตามป่าเขาโปรดญาติโยมโดยทั่วแถบภาคอีสานและภาคเหนือ ขณะร่วมธุดงค์เมื่อถึงจุดหมายต่าง ๆ ก็แยกย้ายกันปักกลดฝึกกรรมฐาน พอถึงเวลา 4 โมงเย็นของทุกวันก็จะพร้อมเพรียงกันเพื่อรับฟังโอวาทธรรมจากหลวงปู่มั่น
    ในระหว่างที่ท่านอบรมกรรมฐานท่านมักจะกล่าวยกย่องหลวงปู่ลือเสมอว่าเป็น "พระใจเด็ดใจเพชร" สหธรรมมิกที่ร่วมคณะมาด้วยจึงสมญานามว่า "พระลือโลก…ผีย่าน(ผีกลัว)"
    หลังจากแยกย้ายคณะธุดงค์ หลวงปู่ลือได้ออกธุดงค์ไปตามลำพังเพื่อหาสถานที่วิเวกฝึกกรรมฐานไปจนถึงฝั่งประเทศลาว และแผ่เมตตาแก่ญาติโยมชาวลาว เป็นเวลานาน จึงข้ามมาฝั่งไทย ท่านไปพบทหารกลุ่มหนึ่งกำลังสู้รบกับ ผกค.(ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์) ท่านจึงสละชายจีวรมอบแก่ทหารเหล่านั้น เพื่อปกป้องคุ้มครองผองภัยอันตรายทั้งปวง จนทหารกลุ่มนั้นแคล้วคลาดกลับที่ตั้งโดยปลอดภัยทุกคนชาวบ้านดอนตาลดง ผกค. ในยุคนั้นจึงขนานนามทหารกลุ่มนั้นว่า "ทหารผีสิง" เพราะโดยปกติจะไม่มีใครรอดพ้นดงกับระเบิดและฝ่าแนวกระสุนออกมาได้เลย ทำให้ผู้คนทุกสารทิศที่ได้ยินกิตติศัพท์ หลวงปู่ลือ จึงหลั่งไหลกันไปกราบไหว้นมัสการ
    ปัจจุบันหลวงปู่ลือ ได้ชราภาพมากแล้วจึงได้ปรารภกับลูกศิษย์ว่าต้องการสร้างวิหารเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปและมณฑป ครอบรอยเท้าของท่าน ซึ่งสมัยอดีตชาติของท่านเป็นฤาษีได้เหยียบเอาไว้ในบริเวณวัดป่านาทามวนาวาส เพื่อให้อนุชนได้สักการบูชา
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระบูชา 170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20240920_093855.jpg IMG_20240920_093812.jpg IMG_20240920_093741.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2024
  3. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,892
    ค่าพลัง:
    +6,814
    -ขอจองครับ
     
  4. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,143
    ค่าพลัง:
    +1,186
    จองครับ
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,690
    ค่าพลัง:
    +21,337
    fb_img_1699426935027-jpg-jpg.jpg
    ประวัติพระครูนิเวฐปัญญาภรณ์ (หลวงพ่อปัญญา ปัญญาทีโป)

    ศิษย์กรรมฐานหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ศิษย์เอกและบุตรบุญธรรม หลวงพ่อโอด วัดจันเสน

    หลวงพ่อปัญญา ท่านเกิดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2494 ณ. บ้านเลขที่ 97 หมู่ 6 ต.พรหมนิมิต อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ บิดาชื่อ พ่อตา วิเชียร มารดาชื่อ แม่เผื่อน วิเชียร ในวัยเยาว์นั้น เด็กชายปัญญา มักจะขี้โรคเจ็บป่วยบ่อยๆบิดา มารดา จึงยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของ หลวงพ่อโอด วัดจันเสน เมื่อหลวงพ่อโอด รับเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว ได้ทำพิธีบรรพชาบวชเป็นสามเณร ให้ในวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2509 สามเณรปัญญา ได้รับใช้ หลวงพ่อโอด วัดจันเสน อย่างใกล้ชิดตลอดมา จนกระทั่งอายุ 22 ปี จึงทำพิธีอุปสมบท ณ.อุโบสถ วัดจันเสน โดยมี พระครูนิสัยจริยคุณ (หลวงพ่อโอด) วัดจันเสน เป็นพระอุปปัชฌาย์ พระครูลำใย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดบุตร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ปัญญาทีโป” อุปปัชฌาย์ให้ความหมายว่า ผู้มีปัญญาดุจประทีป หลังจากบวชแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดจันเสนเช่นเดิม โดยได้ศึกษาพระปริยัติธรรม สอบได้นักธรรมชั้นตรี ชั้นโท และชั้นเอก แล้วเดินทางไปศึกษาบาลี จบประโยค 1 - 2 จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระเลขานุการเจ้าคณะอำเภอตาคลี ซึ่งสมัยนั้น หลวงพ่อโอด ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอ เป็นเจ้าอาวาส วัดกกกว้าว เป็นพระครูสัญญาบัตร เป็นเจ้าคณะตำบล เป็นพระอุปัชฌาย์ เป็นประธานหน่วยอบรมประชาชน ตามลำดับ

    ศึกษาพระกรรมฐาน และ พระเวทย์อาคม

    หลวงพ่อปัญญาท่านได้เริ่มศึกษาพระเวทย์อาคมต่างๆจากหลวงพ่อโอด วัดจันเสน ซึ่งเป็นหลานของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ และหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล ได้ถ่ายทอด วิชาอาคมต่างๆ ตลอดจนวิชาการเพ่งแผ่พลังจิต ให้กับหลวงพ่อปัญญาทั้งหมด ตั้งแต่เป็นสามเณร จนถึงวันที่หลวงพ่อโอดละสังขาร

    ศึกษากรรมฐาน

    เมื่อครั้งเป็นสามเณร หลวงพ่อปัญญาได้เริ่มศึกษาพระกรรมฐานจากหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ซึ่งจะเห็นหลวงพ่อปัญญา ติดตามหลวงพ่อโอดอยู่เสมอ วันหนึ่งหลวงพ่อพรหม ได้เล่าเรื่องราวการธุดงค์ให้ หลวงพ่อปัญญาฟัง หลวงพ่อปัญญาเกิดความสนใจ จึงได้ศึกษาวิชาสมถะกัมมัฏฐาน วิปัสสนากัมมัฏฐาน วิชาอาคมต่างๆ กับหลวงพ่อพรหม จนหมดสิ้น พอสำเร็จวิชาแล้วหลวงพ่อพรหม จึงมอบชานหมากให้เป็นที่ระลึกว่า ครั้งหนึ่งเคยมาฝึกกับหลวงพ่อพรหม

    นอกจากนี้

    หลวงพ่อปัญญา ยังได้เรียนวิชาอาคมต่างๆกับ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม และ หลวงพ่อเจ๊ก วัดระนาม จ.สิงห์บุรี อีกด้วย

    ด้านวัตถุมงคล

    หลวงพ่อปัญญา ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายอย่าง ทั้งพระเครื่อง และ เครื่องรางของขลัง ซึ่งทุกอย่างที่ท่านสร้างและปลุกเสกล้วนแล้วแต่ มีประสบการณ์อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งทางด้าน มหาอุด คงกระพัน กันภัยแคล้วคลาด เมตตา โชคลาภ ป้องกันเขี้ยวงาและเหล่าวิญญานร้ายต่างๆ

    รู้วาระจิตและวันละสังขาร

    ในวันที่ 11 ธันวาคม 2559. ได้มีคณะผ้าป่าจาก ก.ท.ม.มาทอดที่วัดเพื่อหาปัจจัยบูรณะอุโบสถวัดกกกว้าว หลังจากทอดผ้าป่าเสร็จ ท่านได้เรียกพระอาจารย์ต้น ซึ่งเป็นพระเลขาฯและศิษย์ใกล้ชิด เข้าไปหา และได้กล่าวกับเจ้าภาพผ้าป่าว่า ให้มอบปัจจัยถวายพระอาจารย์ต้นจำนวนหนึ่ง และ สั่งให้พระอาจารย์ต้นไปเอาวัตถุมงคลที่กุฏิท่านกลับไปอีกจำนวนหนึ่ง และกำชับว่านี่เป็นปัจจัยเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น ถ้าหลวงพ่อไม่อยู่แล้ว จะได้ไม่เดือดร้อนจากนั้นท่านได้กล่าวขอบคุณกับคณะผ้าป่า เหมือนเป็นการอำลาครั้งสุดท้าย แต่ไม่มีใครเคลือบแคลงในคำพูดของท่าน จากนั้น ในเวลา 22.25 น.ของคืนวันที่ 11 ธันวาคม 2559. หลวงพ่อได้จาก เหล่าศิษยานุศิษย์ไปด้วยอาการอันสงบ ณ.กุฏิของท่าน สิริอายุ 65 ปี 43 พรรษา
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญอาร์มเล็ก รุ่นแรก เนื้อทองแดง
    หลวงพ่อปัญญา ปัญญาทีโป
    (พระครูนิเวฐปัญญาภรณ์)
    วัดกกกว้าว ต.ช่องแค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ปี36 รุ่นประสบการณ์ ฉีดยาไม่เข้า

    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240923_132142.jpg IMG_20240923_132207.jpg
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,690
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1187170-4b85b.jpeg 1187170-58bf4.jpg
    พระผงผานไถ รุ่นรวยพลิกแผ่นดิน พิมพ์ใหญ่
    หลวงพ่อทองกลึง วัดเจดีย์หอย จ.ปทุมธานี ปี ๒๕๕๑
    เนื้อว่านแดงหลวงพ่อชื่น วัดในปราบ ร่วมปลุกเสก
    โดยหลวงพ่อทองกลึง ท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อสละ วัดประดู่ทรงธรรม, หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค, หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราชวรวิหาร, หลวงปู่บุตร วัดบางเดื่อ, หลวงปู่รอด วัดเกริน, หลวงพ่อสาลี่ วัดสองพี่น้อง, หลวงปู่เส็ง วัดบางนา เป็นต้น
    วัตถุมงคลที่ท่านจัดสร้างน่าบูชาเป็นอย่างมาก
    “ผานไถ” ถือเป็นเครื่องรางของขลังอีกชิ้นหนึ่งที่มีการสร้างขึ้นมาแต่ครั้งโบราณกาล มีอิทธิคุณเด่นมากมายยิ่งนัก ในเรื่องโชคลาภโภคทรัพย์ แม้กระทั่งผานไถที่มีการใช้งานจริง เมื่อมีการปลดระวาง ชาวบ้านต่างนำมาเก็บไว้บูชาเพื่อให้มีโชคลาภวาสนา โดยในปัจจุบันมีผู้สร้าง “ผานไถ” แล้วมีประสบการณ์ มีชื่อเสียงจนเป็นที่เลื่องลือกันอย่างกว้างขวางมีเพียง 2 รูป นั่นก็คือ หลวงพ่อชื่น วัดในปราบ และหลวงพ่อทองกลึง วัดเจดีย์หอย นั่นเอง
    เหรียญผานไถรุ่นนี้หลวงพ่อทองกลึงท่านสร้างขึ้นโดยรวบรวมมวลสารผานไถเก่าจำนวนมาก แผ่นยันต์เกจิคณาจารย์ต่างๆ ที่เน้นเรื่องโชคลาภโภคทรัพย์มากมาย รวมถึงมีพระคณาจารย์ร่วมอธิษฐานจิตผานไถรุ่นนี้นับร้อยรูป พิธีเททองและอธิษฐานจิต มีพระเกจิคณาจารย์ 2 รูป เป็นประธาน ซึ่งนั่นก็คือ หลวงพ่อชื่น วัดในปราบ และหลวงพ่อทองกลึง วัดเจดีย์หอย ซึ่งทั้งสองรูปนี้ต่างก็เชี่ยวชาญในวิชา และการสร้างผานไถ
    ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ผานไถรุ่นนี้จึงมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก นอกจากนี้ยังใช้ทำน้ำมนต์ไล่ภูติผีปีศาจ ไล่ของออกจากผู้ที่ถูกแฝงได้ชะงัดยิ่งนัก จัดเป็นของดีราคาไม่แพง ผู้สนใจรีบเก็บสะสมกันก่อนที่จะหายากในอนาคต
    เหรียญผานไถรุ่นนี้หลวงพ่อทองกลึงท่านสร้างขึ้นโดยรวบรวมมวลสารผานไถเก่าจำนวนมาก แผ่นยันต์เกจิคณาจารย์ต่างๆ ที่เน้นเรื่องโชคลาภ โภคทรัพย์ มากมาย รวมถึงมีพระคณาจารย์ร่วมอธิษฐานจิตผานไถรุ่นนี้นับร้อยรูป
    พิธีเททองและอธิษฐานจิตผานไถ มีพระเกจิคณาจารย์ 2 รูปเป็นประธานอธิษฐานจิต ซึ่งนั่นก็คือ "หลวงพ่อชื่น วัดในปราบ "และ "หลวงพ่อทองกลึง วัดเจดีย์หอย" ซึ่งทั้งสองรูปนี้ต่างก็เชี่ยวชาญในวิชาและการสร้างผานไถ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ผานไถรุ่นนี้จึงมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240927_091000.jpg IMG_20240927_091022.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2024
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,690
    ค่าพลัง:
    +21,337
    530319_381685888548625_1528071543_n.jpg
    หลวงปู่ให้ข้อคิดในเรื่องวัตถุมงคลไว้ว่า “วัตถุมงคลเป็นสิ่งที่ให้ระลึกถึงคุณงามความดีองค์ที่ท่านสร้าง ท่านสร้างด้วยความดี ท่านจะคุ้มครองคนทำดี ท่านเตือนให้กำหนดพุทโธตลอดเวลา ไม่มีอะไรเหนือกรรม กรรมดีพระคุ้มครอง ไม่มีอะไรศักด์สิทธิ์เหนือกว่ากรรม กรรมดีพระคุ้มครอง ไม่มีอะไรศักดิ์สิทธิ์เหนือกว่ากรรมได้เลย หมดอายุขัยก็คุ้มครองไม่ได้ แรงอะไรก็ไม่เท่าแรงกรรม วัตถุมงคลท่านจะช่วยได้บางโอกาสเท่านั้น อย่าประมาทกรรม ไม่มีอะไรเหนือกรรม จงทำดีให้มาก”
    ๏ พระธรรมเทศนา
    หลวงปู่ท่านบอกว่า การรับรู้เรื่องของคนอื่นมันไม่เหมือนรู้เรื่องตนเอง รู้ตนเองเห็นเองหายสงสัย ใครจะว่าอย่างไรก็หมดสงสัย เหมือนรับประทานอาหาร คนอื่นบอกว่าอร่อย แต่เราไม่ได้รับประทานด้วยก็ไม่หายสงสัย คนเคยไปกรุงเทพฯ มีพระแก้วมรกตก็ไม่สงสัย เพราะเคยไปเห็นมาแล้วด้วยตนเอง
    ท่านสอนว่าเรียนรู้เรื่องทางโลกมันไม่รู้จบรู้สิ้น เรียนอันนั้นเหลืออันนี้อยู่ตลอดไป คนทั้งหลายไม่สนใจจิตใจตนเอง สนใจแต่เรื่องที่ก่อให้เกิดความทุกข์วิปโยควังเวง เรียนทางโลกไม่เหมือนเรียนทางธรรม เรียนทางธรรมไปสิ้นสุดที่นิพพาน ใครไปถึงนิพพานก็จบ
    ตามพินัยกรรม หลวงปู่เนย สมจิตฺโต ท่านสั่งห้ามไม่ให้มีการกระตุ้นหัวใจ หรือต่อเครื่องช่วยหายใจ เมื่อมรณภาพแล้ว ท่านห้ามไม่ให้ฉีดยาฟอร์มาลีน ห้ามไม่ให้เก็บสรีระไว้ที่หีบแช่เย็น และห้ามไม่ให้จุดธูปเทียนบูชา สำหรับการจัดงานประชุมเพลิง ท่านสั่งห้ามไม่ให้ขอพระราชทานเพลิง ให้ทำพิธีภายใน ๗ วัน หรืออย่างช้า ไม่เกิน ๕๐ วัน ให้จัดงานให้เรียบง่ายที่สุด
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงปู่เนย ๒ เหรียญคู่
    ..บูชา 230 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240927_091635.jpg IMG_20240927_091609.jpg IMG_20240927_091702.jpg IMG_20240927_091740.jpg IMG_20240927_091813.jpg IMG_20240927_091847.jpg IMG_20240927_091541.jpg
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,690
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้จัดส่ง
    1727422473373.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,690
    ค่าพลัง:
    +21,337
    spd_20161011205316_b-jpg.jpg th318-jpg.jpg B%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B3-jpeg.jpg fb_img_1726998158526-jpg.jpg
    ปิดตาพ้นบ่วงมาร พิมพ์เล็ก ครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาตรตากผ้า ครูบาหล้า วัดป่าตึง ลำพูน หลวงปูครํ่า วัดวังหว้า ระยอง
    พระปิดตาพ้นบ่วงมาร เป็นพระปิดตาที่ทางคณะศิษย์รัศมีพรหมได้จัดสร้างขึ้นในปีพ.ศ 2526 เพื่อได้มีการแจกจ่ายผู้ที่มาร่วมทำบุญสร้างอนุเสาวรีย์ครูบาพรหมมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า โดยสูตรพระเนื้อผงชุดนี้เป็นเดิมที่ อาจารย์หมอสมสุข คงอุไร เคยสร้างพระเนื้อผงของหลวงพ่อพรหม ถาวโร วัดช่องแค พระสมเด็จปัจเจกโพธิ หรือสมเด็จปัจเจกธรรม ครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย พระชุดเนื้อผงต่างๆของครูบาขันแก้ว อุตตฺโม วัดสันพระเจ้าแดง
    เดิมทีพระปิดตาชุดนี้มีทั้งหมด 3 พิมพ์
    1.พิมพ์ใหญ่(ตัวอย่างที่นำมาลงให้ชมนี้ ขนาดสูง3.5 ซ.ม กว้าง3 ซมหนา1 ซ.ม)
    2.พิมพ์กลาง(พิมพ์นี้ได้ถวายให้ ณวัดป่าตึง เรียกว่า ปิดตาป่าตึง)
    3.และพิมพ์เล็ก (ถวายวัดวังหว้้า ออกให้บูชาในนามปิดตาพ้นบ่วงมาร วัดวังหว้า) โดยทั้ง 3 พิมพ์นี้ข้างหลังได้โรยไหมเจ็ดสีที่ปลุกเสกโดยหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ทุกองค์
    เป็นความคิดของอาจารย์หมอสมสุขที่ต้องการที่จะสร้างถวายให้ วัดพระพุทธบาทตากผ้าโดยขอเมตตาจากครูบาพรหมมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า ปลุกเสกพระชุดนี้ใน วันที่14 เดือน สิงหาคม พ.ศ.2527 คราวที่ครูบาได้นำอนุเสารีย์ท่านมาประดิษฐานที่วัดพระธาตุดอยน้อย อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ด้วยที่ครูบาพรหมาท่านกล่าวว่า สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ท่านไม่สามารถลืมได้เลยเพราะเป็นสถานที่ท่านได้มาบรรลุธรรมและเป็นที่แห่งแรกที่มาธุดงค์เมื่ออายุ24 พรรษาที่4 ได้อธิฐานจำพรรษาที่วัดพระธาตุดอยน้อยเป็นระยะเวลา3เดือน
    เมื่อขนย้ายอนุเสาวรีย์มาถึงวัดพระธาตุดอยน้อยแล้ว ครูบาพรหมมา ท่านได้นั่งหาสถานที่ว่าจุดไหนควรจะตั้งอนุเสาวรีย์ โดยท่านได้เข้าไปนั่งในพระอุโบสถ เข้านิโรธสมาบัติและปลุกเสกพระปิดตาชุดนี้เป็นระยะเวลา2ชั่วโมงกว่าๆ เมื่อท่านปลุกเสกและหาสถานที่ตั้งอนุเสาวรีย์ได้แล้วท่านก็บอกกับ อาจารย์หมอสมสุขว่า พระปิดตาและวัตถุมงคลอื่นๆปลุกเสกเสร็จหมดแล้ว (โดยที่ท่านเข้านิโรธสมาบัติปลุกเสกแบบพระอริยะเจ้าครั้งสุดท้ายในชีวิตท่าน) หลังจากนั้นอีก3วัน ทางคณะศิษย์รัศมีพรหมได้ทราบข่าวการมรณะภาพของครูบาวัดพระพุทธบาทตากผ้า อ.หมอสมสุขท่านจึงเรียกพระปิดตารุ่นนี้ว่า
    "พระปิดตาพ้นบ่วงมาร" เพื่อที่ว่าได้รำลึกถึงท่านครูบาพรหมา แห่งวัดพระพุทธบาททตากผ้า ว่าจิตของท่านได้หลุดพ้นแห่งกิเลสเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง
    และหลังจากนั้น อาจารย์หมอท่านก็นำพระปิดตาชุดนี้ไปขอเมตตาครูบาหล้า วัดป่าตึง และหลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า ระยองปลุกเสกอีกจนถึงปี พ.ศ.2528 พระปิดตาชุดนี้ไม่ค่อยมีเห็นตามสนามพระทั่งไปสักเท่าไหร่เพราะเป็นการสร้างให้กับบรรดาคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก แต่ก็มีหลุดไปบ้าง ซึ่งไม่ค่อยมีใครรู้ประวัติ ผมเลยขออนุญาตฺนำประวัติพระชุดนี้นำมาเผยแพร่ เพื่อที่ใครมีจะได้รู้ถึงประวัติที่แท้จริงว่าที่มาเป็นแบบไหน
    ใครมีพระปิดตาชุดนี้บูชาติดตัวอยู่ผมก็ดีใจด้วยนะครับ ถือว่าเป็นพระปิดตาที่สมบูรณ์ที่สุดผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพระอริยะเจ้าที่แท้จริงได้เมตตาปลุกเสกด้วยการเข้านิโรจธสมาบัติก่อนมรณะภาพ แค่3 วัน และนำไปไห้พระอริยะเจ้าอีก2 รูปปลุกเสกอีก
    พุทธคุณนั้นเป็นเมตตาร่มเย็นดั่งปรกติวิสัยแห่งครูบาพระพุทธบาทตากผ้า หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า เป็นโชคลาภโภคทรัพย์แก่ผู้ที่บูชา ปลดภัยจากภยันตรายทั้งปวง ถือว่าเป็นที่สุดแห่งพระปิดตาก็ว่าได้ครับ
    ปิดตาพ้นบ่วงมาร พิมพ์เล็ก ครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาตรตากผ้า ครูบาหล้า วัดป่าตึง ลำพูน หลวงปูครํ่า วัดวังหว้า ระยอง
    พระปิดตาพ้นบ่วงมาร เป็นพระปิดตาที่ทางคณะศิษย์รัศมีพรหมได้จัดสร้างขึ้นในปีพ.ศ 2526 เพื่อได้มีการแจกจ่ายผู้ที่มาร่วมทำบุญสร้างอนุเสาวรีย์ครูบาพรหมมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า โดยสูตรพระเนื้อผงชุดนี้เป็นเดิมที่ อาจารย์หมอสมสุข คงอุไร เคยสร้างพระเนื้อผงของหลวงพ่อพรหม ถาวโร วัดช่องแค พระสมเด็จปัจเจกโพธิ หรือสมเด็จปัจเจกธรรม ครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย พระชุดเนื้อผงต่างๆของครูบาขันแก้ว อุตตฺโม วัดสันพระเจ้าแดง
    เดิมทีพระปิดตาชุดนี้มีทั้งหมด 3 พิมพ์
    1.พิมพ์ใหญ่(ตัวอย่างที่นำมาลงให้ชมนี้ ขนาดสูง3.5 ซ.ม กว้าง3 ซมหนา1 ซ.ม)
    2.พิมพ์กลาง(พิมพ์นี้ได้ถวายให้ ณวัดป่าตึง เรียกว่า ปิดตาป่าตึง)
    3.และพิมพ์เล็ก (ถวายวัดวังหว้้า ออกให้บูชาในนามปิดตาพ้นบ่วงมาร วัดวังหว้า) โดยทั้ง 3 พิมพ์นี้ข้างหลังได้โรยไหมเจ็ดสีที่ปลุกเสกโดยหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ทุกองค์
    เป็นความคิดของอาจารย์หมอสมสุขที่ต้องการที่จะสร้างถวายให้ วัดพระพุทธบาทตากผ้าโดยขอเมตตาจากครูบาพรหมมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า ปลุกเสกพระชุดนี้ใน วันที่14 เดือน สิงหาคม พ.ศ.2527 คราวที่ครูบาได้นำอนุเสารีย์ท่านมาประดิษฐานที่วัดพระธาตุดอยน้อย อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ด้วยที่ครูบาพรหมาท่านกล่าวว่า สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ท่านไม่สามารถลืมได้เลยเพราะเป็นสถานที่ท่านได้มาบรรลุธรรมและเป็นที่แห่งแรกที่มาธุดงค์เมื่ออายุ24 พรรษาที่4 ได้อธิฐานจำพรรษาที่วัดพระธาตุดอยน้อยเป็นระยะเวลา3เดือน
    เมื่อขนย้ายอนุเสาวรีย์มาถึงวัดพระธาตุดอยน้อยแล้ว ครูบาพรหมมา ท่านได้นั่งหาสถานที่ว่าจุดไหนควรจะตั้งอนุเสาวรีย์ โดยท่านได้เข้าไปนั่งในพระอุโบสถ เข้านิโรธสมาบัติและปลุกเสกพระปิดตาชุดนี้เป็นระยะเวลา2ชั่วโมงกว่าๆ เมื่อท่านปลุกเสกและหาสถานที่ตั้งอนุเสาวรีย์ได้แล้วท่านก็บอกกับ อาจารย์หมอสมสุขว่า พระปิดตาและวัตถุมงคลอื่นๆปลุกเสกเสร็จหมดแล้ว (โดยที่ท่านเข้านิโรธสมาบัติปลุกเสกแบบพระอริยะเจ้าครั้งสุดท้ายในชีวิตท่าน) หลังจากนั้นอีก3วัน ทางคณะศิษย์รัศมีพรหมได้ทราบข่าวการมรณะภาพของครูบาวัดพระพุทธบาทตากผ้า อ.หมอสมสุขท่านจึงเรียกพระปิดตารุ่นนี้ว่า
    "พระปิดตาพ้นบ่วงมาร" เพื่อที่ว่าได้รำลึกถึงท่านครูบาพรหมา แห่งวัดพระพุทธบาททตากผ้า ว่าจิตของท่านได้หลุดพ้นแห่งกิเลสเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง
    และหลังจากนั้น อาจารย์หมอท่านก็นำพระปิดตาชุดนี้ไปขอเมตตาครูบาหล้า วัดป่าตึง และหลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า ระยองปลุกเสกอีกจนถึงปี พ.ศ.2528 พระปิดตาชุดนี้ไม่ค่อยมีเห็นตามสนามพระทั่งไปสักเท่าไหร่เพราะเป็นการสร้างให้กับบรรดาคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก แต่ก็มีหลุดไปบ้าง ซึ่งไม่ค่อยมีใครรู้ประวัติ ผมเลยขออนุญาตฺนำประวัติพระชุดนี้นำมาเผยแพร่ เพื่อที่ใครมีจะได้รู้ถึงประวัติที่แท้จริงว่าที่มาเป็นแบบไหน
    ใครมีพระปิดตาชุดนี้บูชาติดตัวอยู่ผมก็ดีใจด้วยนะครับ ถือว่าเป็นพระปิดตาที่สมบูรณ์ที่สุดผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพระอริยะเจ้าที่แท้จริงได้เมตตาปลุกเสกด้วยการเข้านิโรจธสมาบัติก่อนมรณะภาพ แค่3 วัน และนำไปไห้พระอริยะเจ้าอีก2 รูปปลุกเสกอีก
    พุทธคุณนั้นเป็นเมตตาร่มเย็นดั่งปรกติวิสัยแห่งครูบาพระพุทธบาทตากผ้า หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า เป็นโชคลาภโภคทรัพย์แก่ผู้ที่บูชา ปลดภัยจากภยันตรายทั้งปวง ถือว่าเป็นที่สุดแห่งพระปิดตาก็ว่าได้ครับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระปิดตาพ้นบ่วงมารพิมพ์เล็ก ครูบาพรหมมาเข้านิโรธสมาบัติปลุกเสกอธิฐานจิต ให้บูชา 1,500 บาทครับ

    img_20240922_154035-jpg.jpg img_20240922_154103-jpg.jpg
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,690
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1727441664237.jpg
    ประวัติหลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง อยุธยา
    หลวงพ่อเชิญ เกิดในตระกูล กุฎีสุข ที่หมู่บ้านดงตาล ตำบลโผงเผง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง เมื่อวันศุกร์ ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 6 ปีมะแม ตรงกับวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2450 มีโยมบิดาชื่อ นายเคลือบ โยมมารดาชื่อ นางโล่ โดยที่หลวงพ่อเชิญเป็นบุตรของพี่น้องทั้งหมด 3 คน น้องสองคนเป็นฝาแฝดหญิงทั้งคู่ ชื่อ นางเจียม และ นางจอม
    เมื่อหลวงพ่ออายุได้ 5 ขวบ โยมมารดาก็ถึงแก่กรรม จึงต้องอยู่ในความเลี้ยงดูของโยมบิดาแต่ผู้เดียว ยามใดที่โยมบิดาไปทำไร่ไถนา ท่านต้องรับภาระเลี้ยงดูน้องสาวฝาแฝดแทนถึง 2 คน นับเป็นความยากลำบากมากทีเดียว เพราะขณะนั้นท่านเองเพิ่งจะมีอายุ 5-6 ขวบเท่านั้น
    เมื่อท่านอายุได้ 8 ขวบ โยมบิดาพาไปฝาก หลวงพ่อขาบ วัดฤาชัย ที่ตำบลกุฎี ในอำเภอผักไห่ อันเป็นถิ่นกำเนิดของโยมบิดา เพื่อให้เล่าเรียนหนังสือ โดยที่หลวงพ่อเชิญเล่าเรียนหนังสืออยู่กับหลวงพ่อขาบ 2 ปี จนสามารถอ่านออกเขียนได้พอสมควร
    หลวงพ่อขาบขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลกุฎี เห็นว่าหลวงพ่อเชิญเป็นเด็กดี ขยันหมั่นเพียร เฉลียวฉลาดและว่านอนสอนง่าย จึงนำไปฝาก พระครูบวรสังฆกิจ หรือ หลวงพ่อเพิ่ม วัดโคกทอง ซึ่งเป็นเจ้าคณะอำเภอเสนา
    หลวงพ่อเพิ่มองค์นี้เป็นพระอาจารย์ที่มีความรู้ด้านปริยัติธรรมสูงส่ง เชี่ยวชาญทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน เพียงพร้อมด้วยศีลจารวัตรเคร่งครัดพระธรรมวินัย นอกจากนี้ยังเชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนโบราณ และเรืองวิทยาคมขลัง เนื่องจากเป็นศิษย์หลวงปู่กลั่น วัดพระญาติ และ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อีกด้วย
    ดังนั้นหลวงพ่อเพิ่มจึงมีชื่อเสียงด้านแก้คุณแก้การกระทำทางไสยศาสตร์และรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ชื่อเสียงของหลวงพ่อเพิ่มสมัยนั้นจึงโด่งดังไม่ต่างกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งเป็นสหธรรมิกที่มีอายุแก่กว่าหลวงพ่อเพิ่ม 5 ปี
    ในสมัยนั้นหลวงพ่อปานท่านมาพำนักที่วัดโคกทองเสมอ เมื่อปี พ.ศ.2467 หลวงพ่อเพิ่มสร้างศาลาการเปรียญ หลวงพ่อปานยังมาช่วยยกเสาเอกให้ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่หลวงพ่อเพิ่มไม่เคยสร้างพระเครื่องไว้เลย ชนรุ่นหลังจึงไม่มีใครรู้จักท่าน
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่หลวงพ่อเพิ่มทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์เพียงอย่างเดียวคือ แผ่นอิฐลงอาคมที่ก้นบ่อน้ำมนต์ 2 แผ่น อีกแผ่นหนึ่งเป็นของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งกล่าวกันว่าน้ำมนต์ในบ่อนั้นศักดิ์สิทธิ์มาก หลวงพ่อเชิญท่านนำมารดให้กับลูกศิษย์ลูกหาอยู่เสมอ
    บรรพชาและอุปสมบท หลวงพ่อเชิญมาอยู่วัดโคกทองคอยรับใช้หลวงพ่อเพิ่มอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติหน้าที่การงานอย่างสม่ำเสมอ ด้วยความวิริยะอุตสาหะและเชื่อฟังคำสั่งสอนของหลวงพ่อเพิ่มเป็นอย่างดี
    หลวงพ่อเชิญบรรพยาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 16 ปี ในวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ.2466 หลวงพ่อเพิ่มเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่ออายุครบบวชจึงอุปสมบทต่อโดยมิได้ลาสิกขา ณ พัทธสีมาวัดโคกทอง ในวันที่ 1 มิถุนายน 2470 โดยมีพระอาจารย์องค์แรกคือ หลวงพ่อขาบ วัดฤาไชย เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเพิ่ม วัดโคกทอง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดแจ่ม วัดโคกทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาเป็นภาษาบาลีจากพระอุปัชฌาย์ว่า "ปุญฺญสิริ"
    การศึกษาและพระปริยัติธรรม หลวงพ่อเชิญอุปสมบทอุปสมบทแล้วอยู่ช่วยหลวงพ่อเพิ่มบูรณะวัดโคกทองเรื่อยมา พร้อมกันนั้นได้ศึกษาพระปริยัติธรรมโดยสอบได้นักธรรมตรีตั้งแต่เมื่อยังเป็นสามเณรในปี พ.ศ.2469 แล้วสอบได้นักธรรมโทในปีแรกที่อุปสมบท และอีก 8 พรรษาต่อมาจึงสอบได้นักธรรมเอก
    สาเหตุที่หลวงพ่อเชิญสอบได้นักธรรมเอกช้า เนื่องจากไม่มีเวลาอ่านหนังสือ เพราะเอาเวลาส่วนใหญ่ช่วยงานหลวงพ่อเพิ่มในการบูรณะพัฒนาวัดด้วยความอุตสาหะ ในปี พ.ศ.2474 จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นฐานานุกรมที่ พระสมุห์เชิญ
    ปี พ.ศ.2478 สอบได้นักธรรมเอก พร้อมกับได้รับการแต่งตั้งเป็น พระปลัด ในปี พ.ศ.2480 ท่านจึงต้องทำหน้าที่ทุกอย่างแทนหลวงพ่อเพิ่ม ปฏิบัติภารกิจในตำแหน่งเลขานุการเจ้าคณะอำเภอเสนา ไม่ว่าจะเป็นการต้อนรับแขก ดูแลพระภิกษุสามเณรภายในวัด และเป็นผู้จัดสถานที่ให้กับคนเจ็บที่มารักษาตัว
    แม้แต่ศาสนกิจนอกวัดเกี่ยวกับราชการคณะสงฆ์ เทศนาตามกิจนิมนต์ หรือการเข้าประชุมตามพระเถระกำหนด และออกตรวจตราตามบริเวณวัดและสอบนักธรรมสนามหลวง ภารกิจเหล่านี้ตกอยู่กับท่านเพียงองค์เดียวเท่านั้น นับเป็นภารกิจที่หนักมาก แต่หลวงพ่อเชิญก็สามารถปฏิบัติด้วยความเรียบร้อยเสมอมาจวบจนหลวงพ่อเพิ่มถึงแก่กาลมรณภาพในปี พ.ศ.2491
    พ.ศ.2491 รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดโคกทอง
    พ.ศ.2492 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโคกทอง
    พ.ศ.2505 เป็นเจ้าคณะตำบลกุฎี และเป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พ.ศ.2509 เป็นพระอุปัชฌาย์จารย์
    พ.ศ.2511 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ราชทินนามที่ พระครูวิชัยประสิทธิคุณ
    พ.ศ.2517 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท
    พ.ศ.2522 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก
    พ.ศ.2524 สำนักนายกรัฐมนตรี ถวายพัดชั้นพิเศษในฐานะที่เป็นผู้อุปการะโรงเรียนวัดโคกทอง (บวรวิทยา)
    พ.ศ.2532 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร ประทานพัดพัฒนาที่มีผลงานดีเด่นแก่หลวงพ่อเชิญ
    การศึกษาพระเวทวิทยาคม หลวงพ่อเชิญเป็นพระอาจารย์ที่มีมากครูมากอาจารย์ เพราะท่านมีใจรักทางด้านพระเวทวิทยาคมมากกว่าการศึกษาด้านพระปริยัติธรรม เมื่อได้รับการปูพื้นฐาน โดยที่ หลวงพ่อเพิ่ม เป็นพระอาจารย์องค์แรกที่ถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างๆ ให้ อาทิ
    การศึกษาอักษรสมัยทั้งภาษาไทยและภาษาขอม การท่องบ่นมนต์คาถา การลงอักขระเลขยันต์ แพทย์แผนโบราณ ยาแก้กันกระทำคุณไสย์ นั่งเจริญสมาธิภาวนาพระกรรมฐาน ตลอดทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน มาตั้งแต่หลวงพ่อเชิญมีอายุเพียง 10 ขวบ
    ในคราวที่บวชเณรแล้วได้ติดตามหลวงพ่อเพิ่มไปซื้อซุงที่ชัยนาท ได้ไปกราบนมัสการ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อเพิ่ม หลวงพ่อเชิญจึงโชคดีได้วิชาบางประการมาจากพระปรมาจารย์อันยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงเกรียงไกรอย่างหลวงปู่ศุข
    เมื่ออุปสมบทในพรรษาแรกก็ไปขึ้นพระกรรมฐานกับ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก แล้วเดินทางไป ๆ มา ๆ ร่ำเรียนวิชากับหลวงพ่อจงมากมายเป็นระยะเวลาหลายปี
    หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค สหายทางธรรมของหลวงพ่อเพิ่ม ชอบมาพำนักที่วัดโคกทอง หลวงพ่อเชิญก็ฝากตัวเป็นศิษย์คอยปรนนิบัติรับใช้แล้วติดตามพายเรือไปส่งและพักเรียนวิชาที่วัดบางนมโคเป็นประจำ
    ในปี พ.ศ.2473 หลวงพ่อเพิ่มพาท่านไปฝากตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์อีกรูปหนึ่งของท่านคือ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ซึ่งขณะนั้นหลวงพ่อกลั่นชราภาพมากแล้ว
    ในปี พ.ศ.2482 หลวงพ่อเชิญเกิดอาพาธด้วยโรคตาอักเสบจึงเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อพักรักษาตัวอยู่กับ หลวงปู่กล้าย วัดหงษ์รัตนาราม บางกอกใหญ่ เลยได้รับการแนะนำวิชาการต่าง ๆ จากหลวงปู่กล้ายอีกรูปหนึ่ง
    ขณะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เวลานั้นวัสดุก่อสร้างขาดแคลน การบูรณะวัดก็หยุดชะงักลง หลวงพ่อเชิญจึงถือโอกาสเรียนวิชาแพทย์แผนโบราณว่าด้วยสาขาเวชกรรมกับ ครูนพ ที่โรงเรียนประทีป ตลาดพลู เป็นเวลา 2 ปีด้วยกัน
    นอกจากนั้นยังมีพระอาจารย์เรืองวิชาที่มีชื่อเสียงในอยุธยาที่หลวงพ่อเชิญเคยไปขอศึกษาวิชามาก็มี หลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดใน หลวงพ่อแจ่ม วัดบัวหัก และหลวงพ่อแพ วัดกลางคลอง ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่เป็นพระอาจารย์ยุคเก่าที่เรืองวิชาทั้งสิ้น
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญเสาร์ ๕ หลวงพ่อเชิญวัดโคกทองหลังยันต์เกราะเพชรปี๒๕๓๓
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240927_195605.jpg IMG_20240927_195519.jpg
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,690
    ค่าพลัง:
    +21,337
    _24_176.jpg _1_735.jpg
    พระเทพวราลังการ หรือ หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ วัดเลยหลง อ.เมือง จ.เลย อธิษฐานจิตวันที่ 17 พฤษภาคม 2523 หลวงปู่เป็นศิษย์รุ่นใหญ่องค์หนึ่งในท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และเป็นพระมหาเถระที่ทำให้ผมหายซื่อบื้อไปได้เยอะเมื่อสมัยที่ผมยังเข้าใจว่าท่านเจ้าคุณนรรัตนฯ เป็นพระภิกษุรูปเดียวในโลกที่สามารถนั่งฟังเทศน์และอธิษฐานจิตวัตถุมงคลได้ตลอดรุ่ง หรืออย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมงในแต่ละคราวได้อย่างมหัศจรรย์สุดแสน ทั้งนี้โดยไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนอิริยาบถเลยแม้แต่น้อย แล้ววันหนึ่งในปี พ.ศ.2518 เมื่อวัดศรี-สุทธาวาส หรือ วัดเลยหลง ของท่านเอง กรรมการวัดได้ขอร้องท่านทำเหรียญรุ่นแรกอย่างเป็นทางการและจัดพุทธาภิเษกแบบยิ่งใหญ่ หลวงปู่ศรีจันทร์เป็นองค์ประธานแล้วท่านก็กระทำมหาอภินิหาร นั่นคือนั่งบนธรรมาสน์ จับสายสิญจน์สงบจิตสู่องค์ฌานตั้งแต่ 6 โมงเย็นวันนี้จนกระทั่ง 6 โมงเช้าวันรุ่งขึ้นรวมเวลา 12 ชั่วโมงเต็มโดยไม่ขยับสรีระใด ๆ เลย สมาธิจิตอันแข็งแกร่งเยี่ยงนี้แหละที่ท่านได้ถ่ายทอดไว้แล้วในเหรียญหมดห่วงรุ่นนี้
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับเรื่องเล่าคนละรุ่นกับพระผงรุ่นนี้นะครับ แค่นำสื่อให้ เห็นถึงการอธิฐานจิตปลุกเสกของหลวงปู่
    พระผงรูปเหมือนหลังโต๊ะหมู่หลวงปู่ศรีจันทร์วัดเลยหลง
    พระบูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240928_145103.jpg IMG_20240928_145009.jpg IMG_20240928_144933.jpg
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,690
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1727709433240.jpg
    รูปหล่อหลวงปู่หงษ์ ใต้ฐานอุดผงมหาลาภ ตอกโค๊ตด้านหน้าสังฆาฎิ ปี 53 (พระครูปราสาทพรหมคุณ)หรือหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ วัดเพชรบุรี (สุสานทุ่งมน) ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ สุดยอดวัตถุมงคลเครื่องรางของคลังสายเขมร เมตตามหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย ค้าขายร่ำรวย อธิฐานจิตปลุกเสก ประดุจคาถาและประจุธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เข้าสู่วัตถุมงคล เพื่อความสมบูรณ์ตามประเพณี และความศักดิ์สิทธิ์ เข้มขลังถูกต้อง เพื่อประสงค์จะให้ผู้ที่เคารพศรัทธาในองค์หลวงปู่ ที่จัดสร้างขึ้นในครั้งนี้มีไว้บูชาที่บ้านหรือติดตัว จะอยู่เย็นเป็นสุข คุ้มภัยกันภัย และมีความเจริญรุ่งเรือง ในหน้าที่การงาน ค้าขายร่ำรวย โชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย ดีนักแล ฯยอดพระเกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมีแห่งแดนอีสาน หลวงปู่ท่านมีพระเวทวิทยาคมมีพลังจิตญานสูง วัตถุมงคลที่ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสก ล้วนแล้วแต่ศักดิ์สิทธิ์เข้มขลัง ท่านมีบุญญาบารมีมากเป็นที่เคารพบูชา เป็นที่พึ่งของ ของเหล่าบรรดายานุศิษย์และประชาชนทั่วประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านเลยทีเดียว เคยมีผู้สามารถสัมผัส และจับพลังจิตได้ลองสัมผัสพลังจิตวัตถุมงคลของหลวงปู่ หลายท่านบอกว่ามีพลังจิตสูงมาก ดังนั้นวัตถุมงคลของท่านจึงเป็นสุดยอดของดีที่ควรมีไว้บูชาเป็นอย่างยิ่ง นะโม ๓ จบ นะเมติ ๑๒ ดีนักแล
    ในครั้งนั้นอาจารย์ยุทธท่านเล่าให้ฟังว่า.....มีอยู่เช้าวันหนึ่งหลวงปู่ท่านได้ไหว้พระสวดมนต์เสร็จเรียบร้อยดีแล้ว ท่านก็จุดธูปขึ้นมาแล้วอธิษฐานว่า
    "ในชาตินี้เกิดมานั้นคนเยอะมากมายไปหมดจริงๆจะช่วยเหลือให้ครบทุกคนนั้นก็คงจะยากจะไม่หมด เอาอย่างนี้ดีกว่าใครก็ตามที่ได้เคยเกิดเป็น พ่อ แม่ ลูก ญาติ มิตร เคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันมาก่อนก็ขอให้ได้พบเจอกัน เราจะได้ช่วยเหลือให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆนาๆไปได้ ขอครูบาอาจารย์ได้เรียกหาให้คนเหล่านั้นได้กลับมาได้พบเจอเพื่อช่วยเหลืออุปถัมภ์ซึ่งกันและกันต่อไป"
    นี่คือความเมตตาของพระโพธิสัตว์ของหลวงปู่ของพวกเรา ท่านรู้ว่าในอนาคตต่อไปนั้นจะยากลำบากเหลือแสนท่านจึงอยากให้ศิษย์ท่านทุกๆคนได้ผ่านพ้นจากปัญหาอุปสรรค์ต่างๆไปให้ได้ท่านจึงอธิษฐานอย่างนั้น
    ใครรู้บ้างว่าทำไมหลวงปู่จึงต้องสวดมนต์วันละหลายๆครั้ง เหตุเพราะหลวงปู่ท่านบอกว่ากลัวลูกศิษย์จะแพ้เขาท่านจึงสวดมนต์หลายๆครั้งเพื่ออราธนาบารมีครูบาอาจารย์มาช่วยศิษย์ท่านทุกๆคนให้ชนะเขาในทุกๆเรื่อง จากสวดทีแรก 3 เวลาต่อวัน เดี๋ยวนี้ท่านสวดแทบจะทุกลมหายใจ พราะอะไร เพราะว่าหลวงปู่ท่านว่าคนเกิดมาเยอะเหลือเกินเกิดมามากมายจริงๆเราต้องสวดเยอะอย่างนี้แหละลูกศิษย์ของเราจะได้ชนะเขาในทุกๆเรื่องไป
    "ผีตายโหง ผีตายทั้งกลม นั่นเฮี้ยนไหม!" (หลวงปู่ท่านพูดถาม)
    เราก็ว่า "เฮี้ยนครับ"
    หลวงปู่ตอบ "คอยดูเรานะ ตายไปแล้วเฮี้ยนกว่านั้นหลายร้อยพันเท่า หากหลวงปู่ตายแล้วให้เอาน้ำผึ้งกรอกปากหลวงปู่นะแล้วเอาไว้ในโลงสัก 1-2 ปีเสร็จแล้วก็เปิดโลงเอาร่างหลวงปู่จับขึ้นยืนไว้ มือหนึ่งถือไม้เท้าจะได้ไปช่วยศิษย์ได้ไวๆ มือหนึ่งถือไม้เรียวจะได้ใช้ตีศิษย์ดื้อๆและใช้ตีคนที่มาทำร้ายศิษย์ หนึ่งนาทีเราจะนิรมานกายลงมาช่วย 100 ร่าง ไม่ต้องกลัวหลวงปู่ตายไปแล้วจะมาช่วยได้ไวและเร็วกว่าเก่ามากๆนัก...ตอนนี้ร่างกายมันไม่อำนวยต้องขอบารมีครูบาอาจารย์ท่านช่วยไปก่อน.....ถึงเวลาเราแล้วคอยดูละกันจะเห็นไว้มากกว่านี้หลายเท่า"
    แล้วท่านก็หัวเราะแบบอารมณ์ดีตามปกติของท่าน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    รูปหล่อหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ปี๒๕๕๓
    ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240930_221513.jpg IMG_20240930_221539.jpg IMG_20240930_221635.jpg
     
  13. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,143
    ค่าพลัง:
    +1,186
    โอนแล้วครับ 3/10/67 เวลา 07.39 น.จำนวน 200 บ.จัดส่งที่เดิมครับ
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,690
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1727959477260.jpg


    ผ้ายันต์ ค้าขายรุ่งเรือง หลวงพ่อแนมวัดเขาหน่อ นครสวรรค์ ปลุกเสก มนต์จินดามณี ปี๒๕๓๓ ที่ระลึกในงานผูกพัทธสีมา หลวงพ่อแนมวัดเขาหน่อเป็นเกจิอาจารย์อีก ๑ รูปที่สำเร็จวิชามนต์จินดามณี
    ให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20241003_210504.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2024
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,690
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1728351185609.jpg
    525e0-2525b8-2525b1-2525e0-2525b8-252581-2525e0-2525b8-2525a9-2525e0-2525b9-25258c22-jpg.4080152.jpg 5e0-2525b8-252599-2525e0-2525b8-25258d-2525e0-2525b8-2525b2-2525e0-2525b8-2525931111-jpg.4080165.jpg 5e0-2525b8-252599-2525e0-2525b8-25258d-2525e0-2525b8-2525b2-2525e0-2525b8-2525932222-jpg.4080167.jpg
    พระรอดเชียงดาว สร้างตามคำสั่งหลวงปู่เทพโลกอุดร รุ่น 1 บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมกล่องเดิมๆ
    อ.ศักดาได้รับคำสั่งจากหลวงปู่เทพโลกอุดร ให้ไปพบพระครูบาอินทร ปัญญาวัฒโน ที่วัดสันป่ายางหลวง อ.เมือง จ.ลำพูน เมื่อเมษายน 2534 โดยบอกว่าครูบาอินทรนั้น อดีตชาติท่านเป็นผู้สร้าง "พระรอดมหาวัน" ลำพูน
    ปัจจุบันครูบาอินทร อายุ 30 กว่าปี ท่านได้นำพระรอดที่ท่านได้สร้างในปัจจุบันชาติให้ดู ข้างหลังมีอักษร อ.อ่าง ซึ่งเป็นชื่อย่อของท่าน ท่านบอกว่าท่านสร้างได้เพียง 60,000 องค์ แต่เวลานี้แจกเกือบหมดแล้ว มีผู้นำไปใช้อยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาด พวกนักเลงตีไก่เอาไปแช่น้ำทำน้ำมนต์อาบน้ำให้ไก่ เวลาไก่ชนกันไม่มีแตกเลย พวกเกณฑ์ทหารเอาไปอม ภาวนาพุทธังรอด ธัมมังรอด สังฆังรอด จับใบดำใบแดง ไม่มีใครถูกทหารแม้แต่คนเดียว
    พระครูบาอินทรบอกให้อ.ศักดา ทำต่อ ให้สร้างพระรอดเชียงดาวเป็นจำนวน 84,000 องค์ ให้ครบ 84,000 พระธรรมขันธ์ จะได้แจกจ่ายให้แก่บรรดาลูกศิษย์ป้องกันตัว และครูบาอินทรได้มอบแม่พิมพ์และสอนวิธีการสร้าง "พระรอด" ให้กับอ.ศักดา สกุลพนารักษ์ และมอบผงดินที่ยังเหลืออยู่ให้ด้วย
    ด้านหลังพระรอดเชียงดาว เป็นอักษร ศ.ศาลา และมีเลข 1 กำกับรุ่น
    พระรอดเชียงดาวทุกรุ่น บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
    เงาสีน้ำตาลขนาดใหญ่เฝ้าดูการผสมผงพระรอดเชียงดาว พร้อมทั้งให้คำแนะนำวิธีการผสมผงอยู่ตลอดเวลา อันเป็นนิมิตหมายว่า เทพ พรหม เบื้องบนท่านรับรู้และวิญญาณของทหารกล้าบรรพบุรุษของเรา ที่ได้อุทิศเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อพิทักษ์แผ่นดินไทย ได้มาร่วมอนุโมทนาในการสร้าง "พระรอดเชียงดาว"
    ส่วนผสมสำคัญในการสร้างพระรอดเชียงดาว
    1.ผงอิทธิเจ ตามถ้ำศักดิ์สิทธิ์
    2.ดินจากสถานที่ประสูตร ตรัสรู้ ปรินิพพาน
    3.ดินจากคันธกุฎี ของพระอรหันต์ทั้ง 8 พระองค์ สมัยพุทธกาล เช่น ของพระสีวลี พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร พระอานนท์ ฯลฯ
    4.น้ำศักดิ์สิทธิ์จากแม่น้ำคงคา จากสระสรงน้ำตามอารามต่างๆ ณ.สถานที่ซึ่งพระพุทธเจ้าเคยประทับจำพรรษา
    5.ใบโพธิจากต้นศรีมหาโพธิ์ วัดพุทธเคยา ฯลฯ
    6.ดินผงจากกระถางธูป ที่บูชาหลวงปู่เทพโลกอุดร
    7.ผงหินพระฤาษี หรือหินหมากพร้าว
    8.พระธาตุพระสีวลี นำมาบรรจุใน "พระรอดเชียงดาว รุ่นพิเศษบรรจุพระธาตุพระสีวลี"
    9.เพชรหน้าทั่ง อานุภาพน้องเหล็กไหล นำมาบรรจุใน "พระรอดเชียงดาว รุ่นพิเศษบรรจุเพชรหน้าทั่ง"
    พระรอดเชียงดาวได้สร้างและทำพิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2537
    เหตุมหัศจรรย์ในวันที่ทำพิธีพุทธาภิเษก "พระรอดเชียงดาว"
    1.ได้นิมนต์พระอริยสงฆ์ จากจังหวัดสุพรรณบุรี มาจำนวน 9 รูป แต่ท่านมาได้ 8 รูป ขณะที่กำลังตัดสินใจจะไปนิมนต์พระมาเพิ่มอีก 1 รูป ให้ครบ 9 รูป ก็มีพระภิกษุรูปหนึ่ง ไม่ทราบมาจากที่ใด เดินเข้ามาในห้องพิธี แล้วเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษก
    2.ในวันนั้น เมื่อพระกลับไปหมดแล้ว อ.ศักดาถามว่าใครนิมนต์พระรูปนั้นมา ปรากฎว่าไม่มีใครทราบเลย ขณะที่กำลังงงอยู่นั้น หลวงปู่เทพโลกอุดรได้ผ่านญาณอ.ศักดา แล้วทำพิธีปลุกเสก "พระรอดเชียงดาว" ท่ามกลางคณะผู้ร่วมพิธีนับร้อยคน
    3.เมื่อหลวงปู่เทพโลกอุดรผ่านญาณนั้น มีพลังบางอย่างเกิดแสงสว่างไสวไปทั่วห้องพิธี เมื่อถ่ายรูปออกมากปรากฎ แสงสีเหลือง แดง ขาว สว่างไสว เป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง หลวงปู่เทพโลกอุดรท่านมาทำพิธีปลุกเสก "พระรอดเชียงดาว" เกือบครึ่งชั่วโมงจึงกลับไป
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    .............
    ปัจจุบัน ครูบาอินทร มีชื่อเสียง โด่งดังมาก หลังจากมีการเผยแพร่ประวัติอ.ไพศาล แสนไชย ติดต่อเจ้ากรรมนายเวร เพื่อขอขมากรรม แนะนำให้ไปกราบขอคำชี้แนะ
    ให้บูชา1500 บาทครับ

    IMG_20241008_081846.jpg IMG_20241008_081912.jpg IMG_20241008_081817.jpg
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,690
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1728364265139.jpg

    ประวัติหลวงปู่เล็ก อินทสะระ วัดบ้านหนอง
    หลวงพ่อ วัดบ้านหนอง
    หรือหลวงปู่เล็ก วัดบ้านหนอง ท่านเกิดปี มะแม 25 พ.ค. 2437 ท่านบวชเมื่อปีมะโรงอายุ 22 ปี ณ วัดอินทาราม (ตลุก) อ.สรรพยา จ.ชัยนาท พระอุปัชฌาชย์ของท่านคือ หลวงพ่อคง วัดใหม่บำเพ็ญบุญ ห้วยกรด พระคู่สวด คือท่านเจ้าคุณอุดร อยู่วัดโพธิ์ และพระสมุห์เชิด ท่านบวชตั้งแต่เป็นสามเณร และไม่เคยสึกออกจาก ร่มกาสาวพัสตร์
    หลวงพ่อเล็ก หรือหลวงปู่เล็กท่านจำพรรษาอยู่ที่ วัดตลุก 4-5 ปีกับพระอาจารย์องค์สำคัญคือ หลวงพ่ออ่ำแห่งวัดตลุก ท่านศึกษาวิชาจากหลวงพ่ออ่ำ แห่งวัดตลุก พระอาจารย์ของท่าน เป็นพระผู้ทรงคุณวิเศษเรื่องเวทย์อภิญญา สำเร็จวิชาธาตุ ทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ สามารถเปลี่ยนธาตุต่างๆ ได้ จากดินเป็นน้ำเป็นลมหรือไฟก็ได้ หลวงพ่ออ่ำท่านเป็นพระสมัยเดียวกัน กับหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ที่นับว่าเรืองวิชาอาคมสูงองค์หนึ่ง "ปากท่านศักดิ์สิทธิ์มาก" แม้แต่ "เรือกลไฟที่กำลังแล่นมาท่านบอกให้หยุดได้ทันที" ท่านยังเป็นพระที่ เก่งทางรักษาโรคด้วยสมุนไพร และถอนคุณไสยต่างๆ อภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ ของหลวงพ่ออ่ำ ยังมีอีกมาก แต่ไม่อาจนำมาลงได้หมด ที่นี้เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น
    หลวงพ่อเล็ก หรือ หลวงปู่เล็ก อินทสะระท่านเป็นพระสุปฏิปันโนองค์หนึ่งแห่งวัดบ้านหนอง ที่ชาวบ้านหนองเลื่อมใส
    เมื่อสมัยที่ท่านจาริกธุดงค์นั้น หลวงปู่เล็กได้ยึดหลักประการแรกคือ ทำตนให้สะอาดบริสุทธิ์ด้วยศีลอย่างเคร่งครัด เพราะพระอาจารย์ของท่าน คือหลวงพ่ออ่ำ สอนย้ำแล้วย้ำอีกก่อนจะอนุญาตให้ท่านออกธุดงค์ว่า พระธุดงค์ถ้าศีลไม่บริสุทธิ์ เมื่อไรก็มักจะเกิดมีเหตุร้ายขึ้นอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอเพราะผีสางเทวดาสิ่งลี้ลับอาถรรพณ์ ตลอดจนสัตว์ร้ายต่างๆ มีความเคารพนับถือผู้มีศีลสะอาด บริสุทธิ์ หากผู้ใดเป็นสมณะที่มีศีลด่างพร้อยย่อมจะถูกภัยอันตรายเล่นงานเอาได้ไม่รู้ตัว
    หลวงปู่เล็กเดินธุดงค์ควัตรบำเพ็ญทางจิตแล้ว ท่านยังได้พยายามเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ผู้ยอดยิ่ง ที่ซ่อนเร้นอยู่อย่างสันโดษตามถ้ำ ตามป่าลึกเพื่อขอฝากตัวเป็นศิษย์ ศึกษาเพิ่มเติมในทางพุทธาคมไสยเวทอันลึกลับมหัศจรรย์ ซึ่งแต่ละสำนักหรือเกจิอาจารย์ย่อมจะมีฤทธิ์ไม่เหมือนกันทุกอย่าง ต่างก็เก่งไม่เท่ากันไปคนละแนวทางไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้นในสมัยก่อนนั้นการแสวงหาครูบาอาจารย์หลายๆ องค์ จึงเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อจะได้รับวิทยายุทธทางจิตศาสตร์มหัศจรรย์ให้กว้างขวาง ไม่ยึดติดคับแคบ หลงตนเองอยู่ในสำนักอาจารย์แห่งเดียว
    หากเราท่านจะได้พิจารณาอย่างลึกซึ้งด้วยจิตใจเป็นธรรมแล้ว จะเห็นว่าหลวงปู่หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์นับตั้งแต่โบราณสมัยสืบเรื่อยมา พวกท่านศึกษาไสยเวท พุทธาคมควบคุู่ไปกับกรรมฐาน เมื่อมีความเชี่ยวชาญแล้วก็มักจะสร้างพระเครื่องและของขลังเป็นงานอดิเรก ซึ่งเป็นงานพิเศษสำคัญยิ่งเพื่อความเพลิดเพลินส่วนตัว
    การที่พวกท่านสร้างสรรค์พระเครื่องก็ดี สร้างเครื่องรางของขลังต่างๆ ก็ดี ล้วนดำเนินการอยู่ในกรอบของ "นักบุญ" ผู้ดำเนินปฎิปทา ความประพฤติการปฎิบัติ จริยธรรมในแนวทางห่างไกลจากกิเลสอาสวะมากแล้ว เบื่อหน่ายชือชาต่อทางโลกอันมีแต่ทุกข์ มุ่งบำเพ็ญแต่ในทางสันโดษมักน้อย เจริญศีลภาวนาหวังเอามรรคผลเป็นที่ตั้ง
    จุดมุ่งหมายของพวกท่านในการสร้างสรรค์พระเครื่องและเครื่องรางของขลังต่างๆ ก็เพื่อจูงในศรัทธามหาชนให้เข้าวัด เข้าหาทางพระศาสนา เป็นการสืบต่อพระศาสนาให้ยืนยาวออกไปเป็นประการแรก และประการต่อมาก็ด้วยมีเมตตาธรรมอย่างกว้างขวางลึกซึ้งต่ออนุชนรุ่นหลังทั้งหลาย โดยพวกท่านพิจารณาหยั่งรู้ได้ด้วยกระแสญาณว่า อนุชนรุ่นหลังใกล้กึ่งพุทธกาลและเลยกึ่งพุทธกาลไปแล้ว นับว่าจะมีแต่เผชิญกับภัยอันตรายนานัปการน่าหวาดเสียวยิ่งนัก หากได้มีพระเครื่องหรือเครื่องรางไว้ติดตัวเพื่อเป็นเครื่องอุ่นใจ ก็ย่อมจักช่วยคุ้มครองป้องกันผ่อนหนักเป็นเบา หรือช่วยให้ปลอดภัยเป็นสวัสดิมงคลทั้งตนเองและหมู่คณะจักเป็นเครื่องบำรุงศรัทธาความเลื่อมใสในอนุชนนั้นๆ มีจิตใจฝักใฝ่ในศีลธรรมพระศาสนายิ่งขึ้นไปอีก
    หลังจากที่หลวงปู่เล็กได้ท่องเที่ยวธุดงค์ บำเพ็ญภาวนาทางจิตใจรับความสงบในพระสมาธิธรรม และเจริญญาณเมตตาตลอดจนศึกษาพุทธาคม จากครูบาอาจารย์หลายสำนักพอสมควรแล้ว ท่านก็มาจำพรรษาที่วัดบ้านหนอง ตำบลตลุก อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ก่อนที่จะมาจำพรรษาอยู่วัดนี้ ท่านเคยจำพรรษาวัดอื่น มาแล้วในสมัยธุดงค์ เพราะการเที่ยวธุดงค์นั้นเมื่อใกล้พรรษาก็จะหาวัดใดวัดหนึ่งจำพรรษา ครั้งออกพรรษาแล้วจึงจะธุดงค์ต่อไปอีก ยกเว้นพระธุดงค์บางองค์หรือบางหมู่ที่จะอธิษฐานเข้าพรรษาตามถ้ำเขาลำเนาไพร ตามสภาวะความเหมาะสม หลวงปู่เล็กเลยจำพรรษาเท่าที่จำได้มี วัดดอนรังนก วัดโสภาราม เป็นต้น
    ท่านได้เริ่มสร้าง "อิทธิวัตถุ" เป็นเหรียญรุ่นแรก ที่วัดบ้านหนอง เหรียญรุ่นนี้ท่านลงเหล็กจารกำกับทุกเหรียญ เวลานี้หายากแล้ว ใครมีไว้ก็หวงแหนเพราะมีประสบการณ์ในความศักดิ์สิทธิ์ มหัศจรรย์ยอดเยี่ยมในทุกด้านทั้งเมตตามหานิยมคงกระพันหนังเหนียวและมหาอุด รวมทั้งแคล้วคลาด สำหรับเหรียญรุ่นต่อมาคือเหรียญรุ่น ๒ รุ่น๓ พอจะหาได้ในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้าน แต่คงจะไม่ปล่อยให้ใครง่ายๆ เพราะหวงแหนเอาไว้ป้องกันตัวเอง
    หลวงปู่เล็ก ก็มีบุคลิกและอัธยาศัยสมถะพูดน้อย ถ้าใครไม่ถามท่านจะไม่พูดอะไรเลยได้ แต่นั่งสงบเงียบอยู่ตลอดทั้งวัน ดังนั้นเรื่องพูดโอ้อวดคุณวิเศษของตน จึงเป็นสิ่งที่ท่านไม่ประพฤติเลย ท่านสงบเสงี่ยมเจียมตัว แต่ความเป็นจริงแล้ว ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เปี่ยมล้น ไปด้วยจิตภูมิธรรมขั้นสูง ทรงคุณระดับขั้นอิทธิอภิญญาณ เป็นที่ประจักษ์รู้เห็น ในหมู่ศิษยานุศิษย์ และผู้มีวาสนาได้ใกล้ชิดกราบไหว้ท่านมาแล้ว เป็นต้นว่า
    ๑ มีวาจาสิทธิ์ พูดอะไรเป็นเช่นนั้น
    ๒ มีตาทิพย์
    ๓ หายตัวได้
    ๔ ถ่ายรูปไม่ติด
    ๕ อิทธิวิธี หรือ ทรงฤทธิ์
    วิชา๕ ประการนี้ หลวงพ่ออ่ำ วัดตลุก ผู้เป็นอาจารย์ใหญ่ได้ประสิทธิ์ ประสาทให้แก่หลวงปู่เล็กอย่างเต็มภูมิ และท่านยังได้รับการเสริมวิชชามหัศจรรย์ดังกล่าวนี้ให้มีอานุภาพยิ่งขึ้น จากครูบาอาจารย์เถื่อนถ้ำและสำนักสำคัญๆ อีกหลายแห่งจนครบวงจรหรือสมบูรณ์แบบใน "วสีภาวะ" หรือความเชี่ยวชาญในการสำแดงให้สัมฤทธิ์ผลในชั่วพริบตานั่นแลฯ
    จะได้สาธกยกตัวอย่างประกอบดังต่อไปนี้ ซึ่งสดับตรับฟังจากชาวบ้านที่มีประสบการณ์และเป็นผู้มีศีลธรรมไม่พูดเหลวไหลไร้สาระ ดังนั้นคำพูดของบุคคลดังกล่าวพึงเชื่อถือได้
    รายแรก คือ "ครูสอน" อยู่บ้านหนอง ได้ถ่ายรูปหลวงปู่เล็กโดยพลการเมื่อเอาฟิล์มไปล้างปรากฏว่าถ่ายติดแต่ฉากหลัง หรือ แบ็คกราวน์ส่วนภาพหลวงปู่เล็กถ่ายไม่ติด
    เรื่องถ่ายภาพไม่ติดนี้ มักปรากฏกับพระเกจิอาจารย์ดังๆอยู่เสมอเป็นเรื่องที่ช่างภาพกล่าวขวัญกันมาหลายสิบปีแล้ว พลังจิตมหัศจรรย์เป็นของมีจริง ครูบาอาจารย์หลวงปู่หลวงพ่อ ท่านไม่พอใจจะให้ถ่ายรูปของท่านเพียงแต่ท่านกำหนดจิตว่าไม่ให้ถ่ายติด อำนาจพลังจิตนั้นก็จะไปทำปฏิกิริยาทางฟิสิกส์เคมีหรือแปรธาตุ ให้เปลี่ยนแแปลงหมดสิ้น
    ทีนี้มาว่าถึงตาทิพย์ของหลวงปู่เล็ก
    วันหนึ่งนายประชาอยู่บ้านหนองใกล้ๆวัดนั่นเอง ได้ซื้อแตงโมลูกใหญ่สีเขียวอมดำไป ถวายหลวงปู่เล็ก แตงโมพันธุ์นี้คนขายยืนยันว่ามีเนื้อสีแดงแจ๋หวานจ๋อย และได้ผ่าลูกอื่นๆให้คนซื้อกินเห็นชัดๆ ว่าทุกลูกเนื้อแดงหวานกรอบจริง
    แต่หลวงปู่เล็กบอกนายประชาว่า แตงโมลูกนี้เนื้อขาวซีดไม่เข้าท่า ซื้อมาทำไม เนื้อขาวซีดไม่หวานกรอบ
    นายประชาก็เถียงหลวงปู่เล็กว่า เนื้อแดงแน่เพราะซื้อจากเจ้าเดียวกันนี้คนอื่นที่ซื้อผ่าดูก็เห็นเนื้อแดงแจ๋ทุกราย ไป และแตงโมลูกนี้ที่เขาซื้อมาแม่ค้าก็ยืนยันว่าเนื้อแดงหวานกรอบแน่นอน ถ้าไม่จริงยินดีรับคืน ว่าแล้วนายประชาก็ผ่าแตงโมลูกนี้ถวายหลวงปู่เล็ก
    เมื่อผ่าออกมาก็ต้องตะลึงตาค้าง เพราะเนื้อในแตงโมขาวซีดเหมือนสำลี เหมือนดังที่หลวงปู่เล็กมองเห็นด้วยตาใน หรือทิพย์จักษุญาณ ของท่าน
    นี้แสดงว่าตาทิพย์ของหลวงปู่เล็กแหลมคมน่าอัศจรรย์จริงๆ
    ในด้านวาจาสิทธิ์ ของหลวงปู่เล็ก ได้เกิดขึ้นกับกระทาชายคนหนึ่งชาวบ้านใกล้วัดของท่านนั่นเอง แต่ไม่เอ่ยชื่อให้เขาได้อาย จึงสมมุติชื่อว่า "ทิดมาก" คว้าแหเดินผ่านวัดจะไปทอดแหหาปลาในที่ของวัด บังเอิญหลวงปู่เล็กเห็นเข้าก็เตือนสติว่า
    "ไอ้ทิด ปลาวัดมันร้อนเหมือนไฟ เอ็งจะจับเอาปลาวัดไปกินมันก็เป็นบาป ซ้ำแหของเอ็งจะวายวอดหมดจะบอกให้"
    ทิดมากหัวเราะขบขัน เรื่องอะไร จะไปเชื่อหลวงตาวัยใกล้เข้าเมรุ อันว่าพระสงฆ์องค์เจ้าก็ดีแต่เขียนเสือให้วัวกลัว เทศน์ๆสอนๆ ให้แต่ชาวบ้านกลัวนรก และเอาสวรรค์เข้าล่อ ซ้ำยังเตือนให้นึกถึงแต่ความตาย วันละร้อยหนพันหน ไม่ประมาทซึ่งตรงกันข้ามกับพวกพ่อค้าพูดคุยกันแต่เรื่องความร่ำรวย
    วันนั้นทิดมากทอดแหจับเอาปลาในวัดตัวโตๆได้เกือบเต็มข้อง พอถึงบ้านก็ทั้งต้มทั้งแกงและย่างไฟจิ้มแจ่วล่อกันพุงกางทั้งครอบครัว อิ่มหมีพีมันจนต้องเรอออกมาดังๆแสนจะสุโขเสียนี่กระไร ปลาวัดมันช่างเนื้อนุ่มหวานมันอย่าบอกใคร วันรุ่งขึ้นทิดมากตื่นอนขึ้นมากก็รู้สึกร้อนอกร้อนใจอย่างไรพิกล จะว่าท้องไส้วิปริตเพราะอาหารเป็นพิษก็ไม่ใช่ มันหงุดหงิดขุ่นมัววิตกกังวลอะไรก็ไม่รู้จึงเดินถอนหายใจเฮือกๆออกมาหยุดยืนที่นอกชานแหงนหน้าขึ้นฟ้าสูดเอาอากาศโล่งๆเข้าปอดเป็นการขับไล่อารมณ์เครียด
    หลวงปู่เล็ก วัดบ้านหนองได้เคยเอ่ยกับลูกศิษย์ใกล้ชิดคนหนึ่งว่าปลัดขิก ถ้าเป็นของดีจริงต้องวิ่งได้ ว่ายน้ำได้ ถ้าจับปลัดขิกใส่บาตรมันจะวิ่งเลาะขอบบาตรดังแกรกๆจะออกไปเที่ยว ศิษย์คนนั้นไม่เชื่อจะเป็นไปได้ หลวงปู่เล็กมีเมตตาแสดงให้ดู โดยให้ศิษย์รายนี้เอาบาตรใส่น้ำจนเต็มหลังจากนั้นหลวงปู่เล็กท่านก็เอาปลัดขิกที่ท่านปลุกเสกแล้วใส่ลงไป ปรากฏมหัศจรรย์ ปลัดขิกตัวนั้นวิ่งแหวกน้ำในบาตรไปรอบๆ ราวกับมังกรตาเดียวที่มีชีวิตจิตใจ ทำเอาศิษย์ถึงกับผงะตาค้างด้วยความขนพองสยองเกล้า นับตั้งแต่นั้นมาศิษย์รายนี้ก็เชื่อมั่นว่าปลัดขิกที่หลวงปู่เล็กทำการปลุกเสกมาตลอดพรรษามีอภินิหารจริงๆปราศจากข้อสงสัย
    ตอนที่หลวงปู่เล็กมาเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านหนอง ใหม่ๆนั้น ท่านได้แจกปลัดขิกและตะกรุด ตลอดจนรูปถ่ายของท่านที่ปลุกเสกแล้วให้แก่ศรัทธาญาติโยมชาวบ้านในจำนวนไม่มากนักต่อจากนั้นมาหลายปีท่านก็ไม่ยอมทำอีกทั้งๆที่ลูกศิษย์ลูกหาได้อ้อนวอนรบเร้าให้ท่านทำแต่ท่านก็เฉยเสีย
    หลวงปู่เล็ก นับว่าเป็นพระที่อาวุโสองค์หนึ่ง ของชาวจังหวัดชัยนาท ที่น่าเคารพนับถือ และกราบไหว้ ท่านไม่เคยคุยโม้โอ้อวด ไม่ถือชั้นวรรณะ ท่านมีเมตตา และสันโดษ ทุกวันนี้ มีคนเดินทางไปกราบสรีระท่านเสมอ ทั้งใกล้และไกล คนแถวบ้านหนองทราบกันดีว่า "ปากท่านศักดิ์สิทธิ์" แม้แต่ชานหมากของ ยังมีผู้นำไปบูชาติดตัว พุทธคุณในวัตถุมงคล ของท่านที่ปลุกเสก ลูกศิษย์ทั่วไปต่างกราบและ ประจักษ์กันดีว่า พุทธคุณดีเด่นครบทุกด้านเป็นอย่างไร
    เวลาท่านปลุกเสกพระ บางคนจะเห็นลำแสงพวยพุงวิ่งไปตามสายสินธ์เลยทีเดียว ชานหมากของท่านเรียกว่า ไม่มีได้เจอเพราะ ศิษย์ต่างเก็บกันหมด ไม่มีให้เห็นกันเลย ท่านเป็นพระที่ถือธุดงค์ เป็นอาจิณ แม้ตอนที่ท่านอาพาธอยู่ ท่านก็ไม่ละทิ้งธุดงค์ และท่านมีความเมตตาต่อลูกศิษย์ทุกคนที่ไปหา แม้ร่างกายจะไม่ไหวแล้ว แต่หากต้องการให้ท่านได้ช่วยเป่ากระหม่อมให้ ท่านก็ทำให้ ถึงแม้จะนอนอยุ่ก็ตามที วัตถุมงคลของท่านปัจจุบันหาไม่ค่อยได้แล้วครับ เชื่อว่า คนมีก็หวงและเก็บหมด เพราะเชื่อมั่นในพุทธคุณและความเข้มขังในองค์พระที่ท่านปลุกเสก หลายๆคนบอกว่ามีพระเครื่องของท่านแล้ว สบายใจ ทำการค้าขาย ก็เจริญรุ่งเรืองดี ไม่ติดขัด ยิ่งเก็บมาก ก็ยิ่งมีทรัพย์มาก ว่ากันอย่างนั้นครับ
    หลวงปู่เล็กนั้นแม้ท่านจะชราภาพ อายุถึง 97ปีในปี พ.ศ.2534 แต่ท่านก็ยังมีความจำดี ไม่เสื่อมคลาย ท่านยังปลุกเสกวัตถุมงคลได้ จนกระทั่งปลายปี 2534 หลวงปู่เล็กได้อาพาธหนักได้เข้ารักษาตัวที่รพ.ชัยนาท (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นรพ.ชัยนาทนเรนทร)จนกระทั่งเข้ารักษาตัวในห้องไอซียู จนถึงเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2535 หลวงปู่เล็กได้ละสังขาร มรณภาพจากไปอย่างสงบ ท่ามกลางความเสียใจของศิษย์และชาวบ้านหนอง ตลอดจนชาวชัยนาท ได้มาร่วมงานศพของหลวงปู่เล็กกันมากมาย
    แรกเริ่มทีเดียวทางวัดได้ตั้งสวดพระอภิธรรม แต่เมื่อตั้งศพสวดพระอภิธรรมนานๆเข้าได้สังเกตุเห็นร่างของหลวงปู่เล็ก ไม่เน่าเปื่อยไปตามกาลเวลา ทางวัดจึงปรึกษาหารือกัน สรุปว่าเก็บร่างหลวงปู่เล็กไว้ในโลงแก้วเพื่อให้ศิษย์และประชาชนทั่วไปมากราบไหว้ หลวงปู่เล็ก อินทะสะระ จนถึงปัจจุบัน
    คาถาเสกข้าว หลวงปู่เล็ก วัดบ้านหนอง
    นะปัญญา ปะที ปะชะ ลิโต
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    รูปหล่อหลวงปู่เล็กวัดบ้านหนอง
    ให้บูชา 320 บาทค่าจัดส่งเดือน 30 บาทครับ
    IMG_20241008_081707.jpg IMG_20241008_081747.jpg IMG_20241008_081648.jpg
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,690
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1728463515216.jpg
    พระนิมิตรมงคลหลวงพ่อพยุงวัดบัลลังก์สุพรรณบุรี
    เรื่อง....หลวงพ่อปราบผี
    เรื่ิองที่จะเล่าให้ท่านทั้งหลายได้ฟังนี้ เกิดขึ้นเมื่อปี ๒๕๓๖ ซึ่งในขณะนั้น อาตมาอายุ ๑๔ ปี ในปีนั้นมีพระจำพรรษา ๑๐ กว่ารูป สามเณรมี ๒ องค์ คืออาตมาและสามเณรหัส เดิมทีอาตมามีความศรัทธาหลวงพ่ออยู่แล้ว เพราะได้ยินได้ฟังเรื่องราวของท่านมาจากบิดา ของอาตมาเอง ซึ่งแกจะเล่าเรื่องของหลวงพ่อให้ฟังมาตั้งแต้ยังเด็ก คล้ายนิทานที่ผู้ใหญ่เล่าให้เด็กฟังก่อนนอน เรื่องที่แกเล่าให้ฟังนั้นส่วนมากเป็นเรื่องในสมัยที่แกบวชอยู่จำพรรษา กับหลวงพ่อที่วัดบัลลังก์ โดยแกเล่าให้ฟังถึงปฏิปทา และอิทธิปาฏิหารของหลวงพ่อให้ฟังอยู่เป็นประจำ แต่อาตมาไม่เคยเห็นกับตาเลยสักครั้ง จนได้มาบวชอยู่กับท่าน จึงได้เห็นปฏิปทาของท่าน ว่าเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ตามที่โยมบิดาเล่าให้ฟังทุกประการ และในปีนั้นเอง อาตมาได้เห็นอิทธิฤทธิ์ ในพลังจิต และวิชาอาคมของท่านอย่างแท้จริง
    เรื่องมีอยู่ว่า ในสมัยนั้นจะมีญาติโยมเดินทางมาหาหลวงพ่อเป็นประจำ เรียกว่าไม่ขาดสาย เลยในแต่ละวัน ซึ่งหลวงพ่อท่านก็จะนั่งพับเพียบต้อนรับสาธุชนที่เดินทางมากราบนมัสการ อยู่ที่กุฏิหลังเก่า ซึ่งกุฏิหลังนี้ ท่านอยู่จำพรรษามาตั้งแต่ปี ๒๕๒๕ เป็นต้นมา
    การนั่งของท่านนั้นเป็นภาพที่คุ้นตากันดีในหมู่สานุศิษย์ ที่เดินทางไปกราบท่าน คือท่านนั่งพับเพียบตลอดทั้งวัน ไม่ขยับเลย ไม่ว่าใครจะไปจะมา ท่านก็นั่งอยู่อย่างนั้น แต่การต้อนรับญาติโยมนั้น โดยปกติก็ตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ น. จนถึง ๑๑.๐๐ น.และช่วงเวลา ๑๓ .๐๐ น.จนถึง ๑๘.๐๐ น.เป็นประจำ ถ้าวันไหนมีญาติโยมมากันมาก ฉันเพลเสร็จท่านก็ออกมารับญาติโยมเลย บรรดาพระเณรที่เป็นอุปฐาก จะรู้หน้าที่ดี คือหลังจาก ๑๘.๐๐น.แล้ว ท่านจะสรงน้ำ พระเณรที่อุปฐากก็จะปิดประตูเหล็ก ที่ท่านนั่งรับแขกอยู่ จนกระทั่งวันหนึ่งในพรรษานั้น ก่อนที่ท่านจะเข้าสรงน้ำ ท่านได้สั่งอาตมาไว้ว่า วันนี้อย่างเพิ่งปิดประตู เดี๋ยวจะมีคนมาหา แล้วท่านก็เข้าห้องไป อาตมาจึงเข้าไปเตรียมน้ำสรง และบริขารถวาย น้ำที่สรงนั้นจะเป็นน้ำอุ่น ในขณะนั้นที่วัดไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ต้องต้มน้ำใส่กา แล้วนำไปเทผสมน้ำเย็นให้ได้หนื่งถัง ส่วนผ้าบริขารของท่านที่ใช้ในการสรงน้ำก็มี สบง ๑ ผืน อังสะ ๑ ผืน ผ้าขนหนู ๓ ผืน คือ สำหรับเช็ดหน้าผืนหนึ่ง เช็ดตัวผืนหนึ่ง เช็ดเท้าผืนหนึ่ง การถวายน้ำสรงท่านนั้น พระเณรอุปฐากต้องทำด้วยความนอบน้อม คล่องแคล่ว และรวดเร็ว จึงจะถูกนิสัยกับองค์ท่าน
    . ดังนั้นพระเณรที่คอยอุปฐากหลวงพ่อจึงมีเพียงสองรูปเท่านั้น คือ พระอรุณ(พระใหญ่) และอาตมาซึ่งเป็นสามเณรอีกองค์หนึ่ง เท่านั้น ส่วนมากบรรดาพระเณรทั้งหลายไม่ค่อยเข้าไปอุปฐากองค์ท่าน เพราะถ้าเข้าไปสนิทกับองค์ท่านแล้ว เกรงว่าจะไม่ได้สึก ซึ่งองค์ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะปกติองค์ท่านก็นิ่งเฉยอยู่แล้ว หลังจากองค์ท่านสรงน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็พักอิริยาบท อยู่ในห้องโดยมีอาตมาเป็นผู้ถวายการนวด จนถึงทุ่มครึ่ง องค์ท่านก็ลุกขึ้นครองจีวร แล้วออกมานั่งที่รับแขกของท่าน .ซึ่งขณะนั้นอาตมาคิดว่าท่านหรือโยมคงนัดกันไว้ อาตมาก็นั่งอยู่แถวนั้นเผื่อองค์ท่านจะเรียกใช้ อีกอย่างเป็นเวลาวิกาล หากผู้ที่มาเป็นผู้หญิงทั้งหมดก็ไม่ต้องด้วยพระวินัย อาตมาจึงคอยสังเกตุการณ์อยู่แถวนั้น
    จนกระทั้งเวลาล่วงไปถึง ๒๐.๐๐ น.กว่าๆ ได้มีรถยนต์คันหนึ่งแล่นเข้ามาในวัด ในขณะที่รถคันนั้นแล่นเข้ามา บรรดาสุนัขทั้งหลายก็พากันส่งเสียงเห่าหอนจนดังไปทั้งวัด รถคันนั้นแล่นมาจอดใต้ต้นพิกุล หน้าหอสวดมนต์ ครู่หนึ่งก็มีผู้ชาย ๕ คน ผู้หญิง ๒ คน ลงจากรถ แล้วช่วยกันฉุดกระชากลากจูงผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ลงจากกระบะรถ ซึ่งมีหลังคาอยู่ด้วย ผู้หญิงคนนั้นปากก็พูดว่า กูไม่ไป อย่ามายุ่งกับกู พูดอยู่อย่างนี้ บรรดาสุนัขเจ้ากรรมทั้งหลายก็ส่งเสียงหอนกันไม่เลิก จนอาตมาขนลุกไปทั้งตัว ต้องเข้าไปอยู่ใกล้ๆหลวงพ่อ จึงพอหายกลัวไปได้บ้าง ส่วนคนพวกนั้นกว่าจะขึ้นมาได้ ก็ต้องช่วยกันจับแขน จับขาผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา พอมาถึงหลวงพ่อ ผู้หญิงคนนั่นก็ด่าหลวงพ่อเป็นการใหญ่ ซึ่งท่านก็เฉยไม่แสดงอาการอะไร จนผู้หญิงคนนั้นเลิกด่า ท่านจึงถามโยมที่มาว่า #มาแต่ไหนกันเล่า โยมตอบว่ามาจากหนองปลาไหลครับ ท่านก็ถามอีกว่า เป็นอะไรมาล่ะ โยมที่มาก็แย่งกันเล่าให้ท่านฟังว่า ไม่รู้มันเป็นอะไรหลวงพ่อ มันไปไร่กลับมาตอนค่ำ มันก็มีอาการแปลกๆ กลางวันมันเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ปิดประตูหน้าต่างหมด ข้าวปลาไม่กินเลย มันจะกินแต่ของสดๆคาวๆเท่านั้นแหละ พาไปหาหมอ หมอตรวจดูก็ไม่เป็นอะไร บางคนก็ว่าผีเข้า หมอผีที่เขาว่าเก่งๆก็ไปหามาทั่วก็ไม่หาย พระอะไรที่ว่าเก่งๆก็ตระเวนไปหามาหลายวัดแล้วหลวงพ่อ จนมีคนเขาบอกว่าให้พามาหาหลวงพ่อนี่แหละ จึงได้พากันมา กว่าจะมาถึงก็ต้องถามเขามาเรื่ิิอย นี่ก็เป็นมา ๗ วันแล้ว ถ้าหลวงพ่อรักษาไม่หาย ก็จะไม่รักษาแล้วล่ะ จะปล่อยให้มันตายไปนี่แหละ ไม่รู้ตะทำยังไงแล้วหลวงพ่อ
    . เมื่ิอถึงตอนนี้หลวงพ่อท่านได้ถามผู้หญิงที่ป่วยว่า เอ็งเป็นอะไร ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ตอบ ท่านจึงถามอีกว่า เอ็งชื่ออะไร ผู้หญิงคนนั้นตอบว่า บอกไม่ได้ ท่านก็ถามอีกว่า ใครใข้เอ็งมา ผู้หญิงคนนั้นก็ตอบว่า ยอกไม่ได้ โยมที่มาด้วยกันก็ช่วยถามอีกว่า มึงก็บอกท่านไปสิ ผู้หญิงคนนั่นก็ตอบว่าบอกไม่ได้ เขาไม่ให้บอก โยมก็ถามอีกว่าใครไม่ให้บอก เขาก็ตอบว่าบอกไม่ได้ เขาไม่ให้บอก ตอบอยู่อย่างนั้น หลวงพ่อจึงถามว่า เอ็งจะเอาอะไร รึจะกินอะไร ผู้หญิงคนนั่นตอบทันทีเลยว่า อยากจะกินใส้หมู ไส้ไก้ หลวงพ่อท่านก็ตอบไปว่า ที่วัดนี้ไม่มีให้หรอก ไส้หมู ไส้ไก่อะไรนั้นน่ะ มีแต่น้ำมนต์นี่แหละ เอาไปกินก่อน ว่าแล้วท่านก็ใช้แก้วตักน้ำมนต์ในบาตร ซึ่งอยู่ข้างๆท่านส่งให้ โยมที่เป็นผู้ชายค่อนข้างอายุมากหน่อยก็รับน้ำมนต์จากท่านไปให้หญิงคนนั้นกิน แต่หญิงคนนั้นไม่ยอมกินปัดป้องเป็นพัลวัน พอน้ำมนต์หก รดถูกตัว ก็กรีดร้องอย่างโหยหวล จนพระเณรที่อยู่ตามกุฏิแตกตื่นมาดูกันทั้งวัด เมื่อหญิงคนนั้นไม่ยอมกินน้ำมนต์ ท่านจึงเอาน้ำมนต์พรมให้ หญิงคนนั้นก็ร้องดิ้นไปดิ้นมาอยู่อย่างนั้น ปากก็ร้องว่าร้อนๆไม่หยุด จากนั้นหลวงพ่อท่านก็นั่งดูอยู่ครู่หนึ่ง ท่านจึงหยิบด้ายมงคลที่ีอยู่ข้างๆมาจับเป็นมงคลคล้ายสร้อย แล้วบริกรรมอยู่ครู่หนึ่ง ท่านก็บอกว่า เอ้าเอาไปสวมคอดูซิ โยมผู้ชายคนเดิมก็รับด้ายมงคลไป หญิงคนนั้นพอเห็นด้ายมงคลเข้าไปใกล้ตัวเท่านั้นแหละ รีบถอยหลังหนี โยมที่มาด้วยกันต้องช่วยกันจับไว้ แต่หญิงคนนั้นก็ดิ้นจนสุดฤทธิ์ พอได้จังหวะ โยมผู้ชายก็เอาด้ายมงคลใส่คอทันที พอด้ายมงคลใส่เข้าไปเพียงศรีษะเท่านั้น หญิงคนนั้นก็กรีดร้องอย่างสุดเสียง แล้วมีอาการประหนึ่งว่าโดนถีบอย่างแรงหงายท้องทันที พอดีกับโยมที่นั่งอยู่ข้างๆรับศรีษะเอาไว้ทัน หญิงคนนั้นก็แน่นิ่งไป ตลอดเวลาที่หญิงคนนั้นร้องอยู่ สนัขทั้งหลายก็หอนโหยหวลอยู่อย่างนั้น พอหญิงคนนั้นนิ่งไป บรรดาสุนัขก็หอนรับกันไปเป็นทอดๆ ตั้งแต่กุฏิหลวงพ่อจนถึงท้ายวัดเลยทีเดียว
    . เมื่ิอสงบลงแล้ว หญิงคนนั้นก็รู้สึกตัวแต่ก็งงไปหมด ถามว่าที่นี่ที่ไหน แล้วฉันเป็นอะไร พวกที่พามาก็อนะนำให้กราบหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านก็ถามว่า เป็นอย่างไรบ้าง
    เขาตอบว่า ไม่รู้สึกตัวเลยหลวงพ่อ จำได้ว่าไปจุดมันจนเย็นค่ำจึงกลับบ้าน พอเดินมาผ่านจอมปลวกใหญ่ข้างทางก็ไม่รู้ตัวอีกเลย จนถึงตอนนี้แหละ
    หลวงพ่อท่านจึงแนะนำว่าหากพวกเรารู้จักไหว้พระ สวดมนต์ ก็จะไม่มีภูติผี ปีศาจ อะไรมากล้ำกราย แล้วท่านก็พรมน้ำมนต์ให้ทุกคนที่มา แต่โยมเขาขอด้ายมงคลเอาไปใส่คอด้วย ท่านก็ทำให้ทุกคน แต่ละคนก็ขอนำไปเผื่อลูกหลานอีก .ซึ่งท่านก็ทำให้ตามประสงค์ จากนั้นพวกโยมก็พากันกราบลากลับ เมื่อโยมลงจากกุฏิหลวงพ่อแล้ว อาตมายังสงสัยอยู่จึงเข้าไปถาม โยมที่มาว่า โยมนัดหลวงพ่อไว้หรอ เขาตอบว่าเปล่า ไม่ได้นัด ตั้งใจอธิฐานมาตั้งแต่บ้านว่าจะมาขอให้เจอหลวงพ่อ แล้วก็มากันเลย แล้วโยมก็พากันขึ้นรถกลับไป และเวลากลับนี้ สุนัขก็ไม่ได้หอนรับเหมือนตอนที่มา ตอนนั้นอาตมาสงสัยว่าหลวงพ่อรู้ได้อย่างไร ว่าใครจะไปจะมา อีกอย่างในขณะปี ๒๕๓๖ นั้นที่วัดบัลลังก์ก็ยังไม่มีโทรศัพย์ใช้เลย เพิ่งจะมีโทรศัพย์ใช้ครั้งแรกเมื่อปลายปี ๒๕๓๗ แต่หลวงพ่อก็ไม่ได้ใช้ รองเจ้าอาวาสเป็นผู้ใช้อีกต่างหาก จากเรื่องนี้ จึงทำให้เห็นได้ว่า #หลวงพ่อท่านมีอภิญญาสมาบัติและญาณอันแก่กล้า สมกับเป็นพระผู้เป็นที่พึ่งของประชาชนโดยแท้
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20241008_082046.jpg IMG_20241008_082108.jpg IMG_20241008_082025.jpg
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,690
    ค่าพลัง:
    +21,337
    หลวงพ่อสนิท.jpg
    หนึ่งในจำนวนครูบาอาจารย์ที่สร้าง " จระเข้โทน " ได้มีชื่อเสียงและมีประสบการณ์สูงนั้น ต้องยกให้พระครูเวทย์วินิฐ หรือ หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย นั่นเอง ท่านก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยการสร้างจระเข้โทนนั้นท่านศึกษาเล่าเรียนมาจากพระอาจารย์เส็ง มีศักดิ์เป็นลุงแท้ๆ ของท่าน ตัวพระอาจารย์เส็งนี้ได้ศึกษาวิชามาจากที่ใดไม่อาจทราบได้ (ส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะมาจากทางเขมร) และท่านเองก็พยายามคะยั้นคะยอให้ หลวงพ่อสนิทตั้งใจศึกษาเรียนวิชานี้จากท่าน
    เพราะท่านทราบว่าต่อไป หลวงพ่อสนิท จะต้องเป็นผู้นำวิชาการสร้างจระเข้โทนนี้ไปช่วยคนได้อีกมาก และรับมรดกชิ้นนี้จากท่านไป ซึ่งหลังจากพระอาจารย์เส็ง ได้ถ่ายทอดวิชาจระเข้โทนนี้ให้หลวงพ่อสนิทได้ไม่นาน ท่านก็ได้ลาสิกขาบท ไปครองเรือน และถึงแก่กรรมในเวลาต่อมา
    เสกจระเข้จากไม้ และหิน ให้มีชีวิต
    เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของจระเข้โทนของพระอาจารย์เส็งนั้นครั้งหนึ่ง หลวงพ่อสนิทท่านเคยเล่าให้ฟังว่า สมัยแรก ๆ ท่านไม่เคยเชื่อเรื่องนี้มาก่อน พระอาจารย์เส็งจึงพาท่านไปที่ริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง และได้หยิบจระเข้ออกจากย่าม 4 ตัว เป็นเนื้อไม้ทองหลาง 2 ตัว เนื้อหินแกะ 1 ตัว และเนื้อไม้คูณอีก 1 ตัว จากนั้นก็บริกรรมคาถาสักพักแล้วโยนลงแม่น้ำทั้ง 4 ตัว สักพักเห็นจระเข้เป็น ๆ ตัวใหญ่มาก 4 ตัวลอยขี้นมาบนผิวน้ำ น่าเกรงขามมาก เพราะทุกตัวขยับเขยื้อนมีชีวิตจริง ๆ สักพักพระอาจารย์เส็งท่านก็เอามือตบไปที่น้ำในริมตลิ่งเบาๆ สักพักหนึ่ง
    จระเข้เหล่านั้นก็คลานมาใกล้ ๆ แล้วก็กลับร่างเป็นจระเข้โทนตัวเล็กๆเท่าเดิม แต่ครั้งนั้นมีที่ว่ายกลับเข้าฝั่งมาจริงๆ เพียง 3 ตัว หายไป 1 ตัว พยายามมองไปเท่าไรก็หาไม่เจอ ก็เลยเป็นอันว่าจระเข้หายไป 1 ตัว จากนั้นเป็นต้นมา ด้วยประจักต์สายตาต่อวิชาอาคมนี้ หลวงพ่อสนิทท่านจึงหายสงสัยและตั้งใจศึกษาเล่าเรียนในอาคมนี้ และท่านก็ยังบอกด้วยว่าจระเข้จะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 7 วันเท่านั้น!! และจะกลับเป็นร่างเดิมหลังจาก 7 วันไปแล้ว
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงกลีบบัวประทานพรซุ้มจระเข้ หลวงพ่อสนิท หมอลำบัวลอย นครนายก
    ๓ องค์ ๓ สี ครบชุด
    ให้ บูชา 520 บาท ค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20241011_005812.jpg IMG_20241011_005830.jpg IMG_20241011_005848.jpg IMG_20241011_005905.jpg IMG_20241011_005925.jpg IMG_20241011_005942.jpg IMG_20241011_010002.jpg IMG_20241011_010017.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2024
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,690
    ค่าพลัง:
    +21,337
    2398-a6de.jpg
    เหรียญนี้สร้างในปี 2534 แต่ถูกนำมาแจกจ่ายในปี 2536 เพราะหลวงพ่อเข้าที่ภาวนาปลุกเสกอย่างสุดกำลังท่าน ถึง 3 ปี จนท่านปรารภถึงการเข้าสมาธิปลุกเสกและการจารว่า “ไม่สะดุดเลย” ใครที่บ่นอยากได้เหรียญหลวงปู่เผือกรุ่นแรกจงเบาใจเถิด ด้วยหลวงพ่อพูดถึงสีหบรรลือภายหลังการเสกว่า “ไม่ต้องไปหาเหรียญขี่สิงห์หรอก เอาเหรียญนี้ไปใช้แทนกันได้เลย” นี่คือประกาศนียบัตรโบว์แดง
    ด้านหน้าเหรียญ รูปหลวงปู่เผือก (พระครูธรรมโกศล) นั่งสมาธิเหนือกอบัวเกี่ยวพันเป็นสายก้านขด ประกอบด้วยก้าน, ใบ และดอก ข้างละ 3 ดอก อุปมาชีวิตของเวไนยสัตว์ที่จะตรัสรู้ธรรม อักขระวงกลมรอบองค์หลวงปู่เผือก เป็นคาถาบารมี 30 ทัศ อักขระบนสุดเขียนว่า อรหํ สุคโต ภควา นโม พุทธายะ ได้แก่ แม่ธาตุใหญ่ หรือหัวใจอดีตพระ พุทธเจ้า 5 พระองค์ นะ หัวใจเทพชุมนุมบนศีรษะพญาราชสีห์ ซ้าย-ขวา เป็นยันต์รูป พระภควัมบดี เป็นลายเส้นสวยงามมาก แท้จริงคือ ฒ้อ ขัดสมาธิ ได้แก่ ศิล สมาธิ ปัญญาล่างเป็น นะพุทธซ้อน หรือ นะทรงแผ่นดิน ซ้าย-ขวา เป็นปถมัง 108 ขวาสุด จารอักขระว่า อรหํ พุทโธ ใต้ฐานพระภควัมบดี ซ้าย-ขวา มี นะ มะ พะ ธะ (ธาตุ 4) ตรงกลาง มี นะ ฤ ฤา, ล่างใต้สุดเป็น นะบิด นะป้อง นะคุ้ม นะกัน, ตัวสุดท้าย พุทธโธคุ้ม จารขมวดเป็นยันต์ไว้ 3 รอบ มีอักษรเขียนว่า พุทธอุทยานธรรมโกศล
    ด้านหลังเหรียญ เป็นรูปพระนารายณ์ ทรงครุฑยุดนาค รอบด้านเป็น นะปถมัง 108 ใต้ลงมาเป็น นะ หัวใจเทพชุมนุม ที่จารไว้มี นะบิด นะป้อง พุทโธคุ้ม, ใต้ลงมาเป็น นะ ฤาชา, หัวใจเทพชุมนุน หนุมาน และองคต เป็นพระคาถาพระเจ้า 5 พระองค์ และฐาตุ 4 เขียนยันต์ล้อมตัวอักษรมีระเบียบ ได้สัดส่วน คมชัด อ่อนไหวคล้ายฉัพพัณณรังส่ล่างสุดจารนะปิด นะป้อง นะคุ้ม นะกัน มีอักษร พ.ศ. 2534
    เอกลักษณ์สำคัญ สูงสุด การสร้างเหรียญ สีหบรรลือ
    ความมุ่งหมาย การสร้างเหรียญ สีหบรรลือ อัครมังคลธิคุณ สุดยอดแห่งสยาม อาศัยพุทธจริยวัตนในข้อทีว่า เมื่อพระพุทธองค์จะทรงตรัสอะไรในที่ประชุมพุทธสาวกและพุทธบริษัท แม้ที่สุดท่ามกลางเจ้าลัทธิทั้งหลาย พุทธดำรัสเปรียบดังบันลือมหาสุรสิงหนาท ดุจพญาราชสีห์ ที่ไม่มีผู้ใดอาจสามารถโต้แย้งแข่งกับพุทธองค์ได้เลยแสดงถึงพุทธบารมี ปรากฎหลักฐานใน อาฏานาฏิยสูตรโดยละเอียด แม้พุทธองค์เสด็จประทับนั่งก็ดุจพญาราชสีห์ มีความสง่างาม เช่น พุทธศิลป์ในรูปแห่งพุทธปฎิมา สมัยเชียงแสนเรียกว่า พระสิงห์ หรือแม้พุทธองค์จะเสด็จบรรทม ก็บรรทมแบบ สีหไสยาสน์ คือมีสติกำหนดจะทรงลุกขึ้นตลอดเวลา
    เหรียญนี้สร้างอภินิหารและประสบการณ์ในโลกแห่งขลังอย่างไม่รู้จบ เล่ากัน 7 วัน 7 คืนก็ไม่หมด ขลังขนาดที่คนถูกปล้นบ้าน โจรยิงปืนเข้าใส่แบบเผาขน แค่ทีวีคั่น 3-4 นัด ไม่ลั่นสักโป้ง โจรตกใจเผ่นหนีไม่ได้อะไรติดมือไปเลย เจ้าบ้านหายตระหนกก็แปลกใจเป็นหนักหนา ด้วยตนไม่ได้แขวนพระหรือพกของดีอะไร ทำไมผู้ร้ายยิงไม่ออก สุดท้ายก็ขนหัวลุก เพราะไปเห็นเหรียญหลวงปู่เผือกรุ่นแรก วางอยู่บนหลังทีวีขลังขนาดนั้น
    ทุกวันนี้คนอยากได้ ต้องทำใจสุดๆ เพราะหายากเหลือใจ ราคาแพงเป็นหมื่นอีกตะหาก มิหนำซ้ำของปลอม ก็เหมือนซะไม่มี ไม่จำเป็นต้องเล่นตามเขาดอก เพราะเชื่อว่า “หลวงพ่อเก่งขึ้นทุกวัน”
    “สีหบรรลือ” เป็นเหรียญรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสตัดมุม สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2534 มีเนื้อทองคำเงิน ทองแดง วัตถุประสงค์ที่จัดสร้างขึ้นเพื่อ
    1. เป็นอนุสรณ์ระลึกถึงพระคุณของหลวงปู่เผือก และทำบุญอายุสรงน้ำ
    2. ก่อสร้างและปฏิสังขรณ์เสนาสนะ
    เหรียญสีหบรรลือ มีด้วยกัน 2 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ยาว 4.5 ซม. กว้าง 4 ซม. และพิมพ์เล็ก ยาว 3 ซม. กว้าง 2.5 ซม. ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่เผือกนั่งสมาธิเหนือกอบัว ล้อมด้วยพระคาถาบารมี 30 ทัศ ซ้าย-ขวา เป็นยันต์พระภควันบดี ข้างใต้เป็นนะทรงแผ่นดิน เหนือศีรษะสิงหราชเป็นยันต์หัวใจเทพชุมนุม พร้อมด้วยนะปถมัง 108 ด้านหลังรูปพระนารายณ์ทรงครุฑยุดนาค ให้ผลทางมหาอำนาจปราบภัยพาลทุกสิ่งรอบด้านเป็นนะปถมัง 108 ใต้ลงมาเป็นหัวใจเทพชุมนุมลงมาอีกเป็นนะฤาชา ซ้าย เป็นรูปหนุมานถือพระขรรค์ขวาเป็นองคต ทั้ง 2 ล้อมด้วยอักขระพระเจ้า 5 พระองค์ และธาตุ 4 ดิน น้ำ ไฟ ลม เพื่อหนุนให้มีชีวิตเป็นตัวเป็นตนขึ้นในนิมิต
    เหรียญสีหบรรลือ สี่เหลี่ยมจตุรัส ตัดมุม มีความหมายลึกซึ้งเกี่ยวแก่รูปธรรมและนามธรรม อันหลวงพ่อสาลีโข ได้ถ่ายเทความรู้สึกที่แฝงอยู่ในจิตของท่านให้เห็นเด่นชัดแห่งสภาวธรรมที่ เป็น โลกิยะ และ โลกุตตระ ประเภทโลกิยธรรมนั้น สำหรับผู้ยังปรารถนาเกี่ยวข้องอยู่กับโลก ยังไม่เบือหน่ายต่อการเวียนว่ายตายเกิด จึงต่างกันโดยการพ้นทุกข์ชนิดหยาบ ชนิดกลาง และชนิดละเอียด แต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ประการสุดท้ายคือ พ้นจากทุกข์ หรือความหลุดพ้น นับว่าหลวงพ่อสาลีโข เป็นพระเถระผู้ชาญฉลาดจึงใช้คติธรรมอันมีอยู่สั่งสอนตามขั้นตอน ดังกล่าว
    ส่วนที่หลวงพ่อสาลีโข ให้ความหมายด้วยการตัดที่มุมทั้ง 4 ของเหรียญ หรือสร้างเป็นรูปเหรียญกลม 3 รอบ ดังได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น ส่วนความหมายที่ลึกซึ้งคือ อริสัจจ์ 4 อันได้แก่ทุกข์ สมห์ทัย นิโรธ และมรรค และตัดกิเลสอีก 4 ตัว โลภะ , โทสะ , โมหะ และ อวิชชา เสียได้ ชีวิตก็จะเป็นอนันตสันติ เป็นความปรารถนาสูงสุด
    อีกประการหนึ่ง หลวงพ่อสาลีโข ท่านให้ความว่า เมือตัดกเลส 4 กองได้แล้ว ก็จะมี พรหมวิหารธรรม 4 หรือ พรหมธรรม มีธรรมเป็นเครื่องอยู่อันประเสริฐหรือที่อยู่อันประเสริฐของใจ
    ปฎิมากรรม สูงสุด เหรียญ สีหบรรลือ เป็นประติมากรรมปั้นนูน โดยปฏิมากรผู้มีชื่อเสียงของประเทศไทย คือ คุณแหลมสิงห์ ดิษฐพันธุ์ ย่อส่วนให้เล็กตามขนาดของเหรียญ จึงคมชัด มีความงามเป็นเอก เป็นมงคลอิทธิวัตถุที่ทรงคุณค่ายิ่ง จัดเป็นเหรียญ สุดยอดแห่งสยาม สำเร็จเป็น ธาตุกายสิทธิ์ จัดหายากยิ่งในอนาคต
    สร้างในปี 2534 แต่ถูกนำมาแจกจ่ายในปี 2536 เพราะหลวงพ่อเข้าที่ภาวนาปลุกเสกอย่างสุดกำลังท่าน ถึง 3 ปี จนท่านปรารภถึงการเข้าสมาธิปลุกเสกและการจารว่า “ไม่สะดุดเลย” ใครที่บ่นอยากได้เหรียญหลวงปู่เผือกรุ่นแรกจงเบาใจเถิด ด้วยหลวงพ่อพูดถึงสีหบรรลือภายหลังการเสกว่า “ไม่ต้องไปหาเหรียญขี่สิงห์หรอก เอาเหรียญนี้ไปใช้แทนกันได้เลย” นี่คือประกาศนียบัตรโบว์แดง
    มั่นใจของท่านขนาดที่ว่ารถเบนซ์ประจำวัดที่นายทหารผู้ใหญ่ถวายมาให้หลวงพ่อใช้พร้อมกับพลขับนั้นไม่ปรากฏการเจิม มีเพียงเหรียญสีหบรรลือ เนื้อเงินเลี่ยมแขวนติดกระจกหน้ารถอยู่เหรียญเดียว ลงคนเสกมั่นใจ คนแขวนอย่าสงสัยเลย
    อุปเท่ห์การใช้เหรียญ สีหบรรลือ
    อัครมังคลาธิคุณวัตถุ สุดยอดแห่งสยามที่สร้างขึ้น เป็นเหรียญรูปหลวงปู่เผือก (พระครูธรรมโกศล) และเหรียญรูป หลวงพ่อสาลีโข (พระอาจารย์สมภพ เตชปุญโญ) จัดเป็น เตโชปุญญากร เพื่อความเป็นสิริมงคล คุ้มครองป้องกัน แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง บังเกิดความสุขด้วยโภคทรัพย์ ลาภ ยศ บริวาร และเมตตามหานิยม เป็นที่รักแห่งเทพยดาทั้งหลาย ทุกท่านที่นำไปใช้จะต้องมีศิล มีสัตย์ ไม่นำไปเพื่อเบียดเบียนผู้อื่น ของดีมีคุณค่าจะรักษาไว้ได้ จะอยู่กับคนที่ดีนอกและดีใน
    อาราธนาวิธี ก่อนจะใช้เหรียญ สีหบรรลือ และมงคลวัตถุต่างๆ ให้อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และบารมีหลวงปู่เผือก และหลวงพ่อสาลิโข และคุณครูบาอาจารย์ แล้วตั้ง มโน (3 จบ) จากนั้น จึงภาวนาปริกรรมคาถา 9 จบ ดังนี้
    - อะระหัง สุคะโต ภะคะวา
    - นะโม พุทธายะ
    - สีหะนาทัง นะทันเต เต
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทตามข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 420 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20241011_181412.jpg IMG_20241011_181507.jpg
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,690
    ค่าพลัง:
    +21,337
    2398-a6de.jpg
    เหรียญอาจารย์สมภพ เตชปุญโญ หลวงพ่อสาลีโข รุ่นพิเศษ 4 มหาปราบ ปี2531 จัดสร้างเป็นที่ระลึกในการทำบุญอายุครบ 50 ปี เหรียญ 4 มหาปราบ คือ พระนารายณ์ทรงสุบบณ์ ทรงครุฑา สุครีพ องคต และหณุมาน เหรียญรุ่นนี้มีสองขนาดคือ ขนาดธรรมดาเท่าเหรียญกลมปกติจะมีห่วงและขนาดใหญ่ไม่มีห่วง จัดเป็นวัตถุมงคลที่น่าบูชาของท่านอีกรุ่นครับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงพ่อสมภพหลังนารายณ์ทรงครุฑหยุดนาค บูชา 320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20241011_181303.jpg IMG_20241011_181332.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...