ฟื้นจากนรก

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย เกตุวดี, 9 มิถุนายน 2014.

  1. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    [​IMG]

    เรื่องจากนิตยสารกรรมทันตา

    เรื่องโดยนายชาลี/ตึกแฝด จากประสบการณ์ตายแล้วฟื้น ไว้เตือนสติให้มนุษย์ทำแต่ความดี

    เรื่อง ฟื้นจากนรก (ผมจึงหมั่นทำความดี และดูแลพ่อแม่ให้ดีกว่าเก่า)

    ผมเป็นคนที่กลัวความตายมากๆ เพราะผมเคยได้ยินมาว่า ถ้าใครต้องตายต้องไปอยู่นรก! และนรกเป็นสถานที่ที่น่ากลัวมาก ผมจึงไม่อยากตาย...แต่ความตายใครจะไปหยุดยั้งได้ เมื่อถึงเวลาทุกคนก็ต้องลาโลกนี้ แล้วความตายก็มาถึงตัวผม!!!

    "ลี เอ็งขึ้นไปบนคานนั้น แล้วทาสีตรงส่วนยอดให้เสร็จภายในเวลา 20 นาทีนะ"

    "ได้ครับนาย"

    ก่อนที่ผมจะตาย ผมมีหน้าที่ในการทำงานเป็นคนรับจ้างทาสีตึก ผมรับงานมาจากนายมาในเวลาเกือบเที่ยง ซึ่งช่วงนั้นแดดร้อนมาก แต่เนื่องจากงานเร่งด่วน ผมจึงไม่อาจปฏิเสธการทำงานครั้งนี้ได้ แล้วผมก็ปีนขึ้นไปบนไม้คานทาสีที่ทำไว้ก่อนหน้านั้น เมื่อไปถึงผมก็ยืนขึ้นโดยมือหนึ่งจับแปรง ส่วนอีกมือหนึ่งจับกระป๋องสี...ละเลงฝีแปรงพร้อมกับร้องเพลงด้วยอารมณ์สุนทรี

    "พอทราบอายุขวัญตา น้องเอยพี่มานั่งทำตาพริบๆ น้องอายุสามสิม...สามสิบ...ทำไมยังแจ๋ว"

    "ไอ้ลี แดดร้อนๆ ยังงี้ ยังมีอารมณ์ร้องเพลงอีกนะเอ็ง"

    "ก็เพราะมันร้อนนะซิ ข้าถึงร้องจะได้คลายร้อนลงบ้าง"

    ผมชอบร้องเพลงทุกครั้งที่ทำงานและวันนั้นผมก็ฮัมเพลงไปด้วยทาสีไปด้วย เพื่อจะได้มีความสุขในการทำงาน แต่ฉับพลัน! เสียงเพลงของผมต้องหยุดลง โดยที่ผมไม่รู้ตัว!

    "ตึง!"

    "เฮ้ย! เสียงอะไรวะ!"

    "ว้าย! ลีตกลงมาจากคานชั้นบน"

    ร่างของผมร่วงลงมาสู่พื้นโดยที่ผมก็ไม่รู้ว่าหล่มลงมาได้ยังไง และที่สำคัญคือผมไม่รู้ว่าผมเจ็บปวดทรมารหรือเปล่า เพราะผมผมดลมหายใจเมื่อหัวโหม่งพื้น!

    "ไอ้ลีตายแล้ว!"

    “เฮ้ย! มันอาจมาตายก็ได้ เพราะพื้นดินที่มันหล่นมามีหญ้าขึ้นหนาไม่ใช่พื้นที่แข็ง แล้วหัวมันก็ไม่เละด้วย..ลองเขย่าตัวมันซิ เผื่อว่ามันจะฟื้น”

    “ไม่ฟื้นหรอกครับนาย ไอ้ลีมันหมดลมไปแล้ว”

    ผมตกตึกที่สูง 3 ชั้น แต่ร่างกายไม่แหลกสลาย หรือมีเลือดออกเลยแถมหัวสมองยังไม่แตกกระจายเหมือนคนตกตึกทั่วไป สาเหตุก็มาจากตรงที่ที่ผมตกมาเป็นพื้นดินที่ยังไม่ปรับหน้าดิน บริเวณนั้นยังเป็นพื้นหญ้าและดินด้านล่างก็ไม่แข็งมาก..หญ้าอาจรับร่างผมไว้ แล้วในขณะเดียวกันยมฑูตก็มารับวิญญาณผมด้วยเช่นกัน

    “ไปกับข้า ข้ามารับเจ้าไปยังเมืองนรก!”

    “หา! นรก! นี่ผมตายแล้วเหรอครับท่าน”

    “ก็ใช่นะซิ..นั่นไงร่างเจ้านอนอยู่นั่น”

    ผมก็ไม่รู้ตัวว่า ทำไมอยู่ดีๆ ผมถึงลุกขึ้นมาได้ แล้วก็พูดคุยกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม ซึ่งคนผู้นั้นแต่งกายไม่เหมือนกับคนทั่วไป คือเขาไม่สวมเสื้อ แต่มีสร้อยสีทองเส้นใหญ่คล้องบ่าพาดเฉียงๆ 2 เส้น แล้วก็นุ่งโจงกระเบนสีแดงเลือดนก คนผู้นี้ไม่สวมรองเท้า แต่มีกำไลข้อเท้าใส่อยู่ทั้ง 2 ข้าง

    ผมงงกับการแต่งตัวของเขา และกะว่าจะเอ่ยปากถาม แต่ยังไม่ทันที่ผมจะอ้าปาก เขาก็พูดกับผมเสียก่อน แล้วคำพูดของเขาก็ทำให้ผมรู้โดยปริยายว่าคนผู้นั้นไม่ใช่คนธรรมดา แต่เขาเป็นยมฑูต ผู้มารับวิญญาณของผม ยมฑูตบอกให้ผมหันไปดูร่างที่นอนอยู่ ผมจึงรู้ว่าวิญญาณของผมต่างหากที่ลุกขึ้นมา ซึ่งนั่นก็แสดงว่าผมได้ตายไปแล้วตามคำพูดของท่านยมฑูต และตอนนี้ผมกำลังจะไปยังนรก! ที่ที่ผมไม่เคยใฝ่ฝันว่าจะได้พบเห็น แต่ก็ต้องไปเห็นโดยไม่อาจปฏิเสธได้

    “เจ้าตามข้ามา”

    วิญญาณผม ตามท่านยมฑูตไปอย่างว่าง่ายโดยที่เท้าของผมไม่ได้ก้าวเดินเลย แต่ผมก็ไม่รู้ว่าผมเคลื่อนที่ไปได้ยังไง แถมตัวยังลอยขึ้นสูงขึ้น และเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไป เปรียบเสมือนกับการเหาะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่จริงๆ แล้วผมดิ่งลงนรกต่างหาก!

    “ถึงประตูนรกแล้ว...เอามือมาข้าจะพาเจ้าเข้าไป”

    ผมมาถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งตรงนั้นเป็นประตูบานใหญ่ที่ปิดตายอยู่แต่พอท่านยมฑูตจับมือผม ประตูบานนั้นก็เปิดอ้า แล้วทันใดนั้นผมก็ถูกท่านยมฑูตกระชากมือให้เข้าไปยังข้างใน

    “โอ๊ยยยย!”

    เมื่อเข้าไป ผมก็พบว่าตัวผมนั้นหมุนเคว้งเหมือนลูกข่าง แต่ไม่นานก็กลับคืนมาสภาพเดิม คือทรงตัวให้ตั้งตรงได้ โดยที่ท่านยมฑูตมาจับแขนผมไว้ แล้วท่านก็พาผมลงสู่พื้น

    “ปึง!”

    “ทะ...ที่นี่หรือครับคือนรก”

    “ใช่! นรก! เจ้ามาถึงแล้ว และต่อไปนี้เจ้าก็ต้องอยู่ชดใช้กรรมที่นี่”

    “ใช้กรรม! ผมต้องชดใช้ยังไงครับ”

    “ข้าจะพาเจ้าไปพบท่านพญามัจจุราช ท่านจะเป็นผู้บอกเจ้า ว่าเจ้าควรชดใช้กรรมเช่นไร”

    จากนั้น ผมก็ถูกพาตัวมายังห้องๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นห้องที่สวยงามมาก ภายในนั้นตกแต่งด้วยผ้าม่านสีทองเหลืองอร่ามและมีแท่นบัลลังก์ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงกลาง โดยบนแท่นนั้นมีคนผู้หนึ่งซึ่งน่าเกรมขามนั่งอยู่ ซึ่งไม่บอกก็คงรู้ว่าท่านคือพญายมหรือพญามัจจุราชนั่นเอง!

    “นั่งลง”

    เมื่อผมเดินมา ผมก็ถูกท่านยมฑูตสั่งให้นั่ง ซึ่งผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย จากนั้นท่านยมฑูตก็พูดกับท่านพญายมว่า...

    “ข้าพานายชาลี โดดคำสอน มาแล้ว”

    “ดี..ท่านสุวรรณ เจ้าคนนี้มีกรรมและบุญอะไรบ้าง บอกข้ามาซิ”

    “ขอรับ...กรรมดี กตัญญูต่อพ่อแม่ พ่อป่วยเป็นอัมพาต แต่เจ้าคนนี้ก็ดูแลพ่อเป็นอย่างดี แถมยังต้องเลี้ยงดูแม่ที่แก่ชราด้วย และยังมีกรรมดีที่ครั้งหนึ่งเคยช่วยเหลือคนที่กำลังตาย ให้รอดตายด้วยการขึ้นไปปลดเชือกที่แขวนคอเข้าไว้ ขอรับ”

    “แล้วกรรมชั่วละ มันทำอะไรไว้บ้าง”

    “หลักใหญ่ๆ ก็ไม่มีขอรับ จะมีก็กรรมเล็กๆ แค่ตบยุง ฆ่ามดหรือแมลงที่มาสร้างความรำคาญให้กับพ่อที่นอนป่วยอยู่”

    “ก็ถือว่ามันทำกรรมชั่วเพื่อบุพการีของมัน..เอาละ! งั้นข้าจะส่งเจ้าไปยังสวรรค์!”

    “ท่านครับ!”

    “อะไรเหรอ ท่านสุวรรณ”

    “แต่ว่าเจ้าคนนี้ ยังไม่หมดอายุไขครับท่าน เขายังมีอายุยืนยาวอยู่อีกหลายปี”

    “อ้าว! แล้วนี่ท่านยมฑูต ท่านไปรับตัวมันมาทำไม..รีบนำมันกลับไปเดี๋ยวนี้”

    คำพูดทุกคำที่ท่านพญายมกับท่านสุวรรณพูดกันนั้น ผมได้ยินอย่างชัดเจน ว่าผมมีกรรมชั่วกรรมดรอะไรบ้างและเรื่องที่สำคัญคือผมยังไม่ถึงเวลาตาย! แต่เกิดความผิดพลาดทางนรก ทำให้ท่านยมฑูตไปรับตัวผมมา

    “เจ้าชาลี ข้าจะพาเจ้ากลับไปยังที่ที่เจ้าจากมา”

    “ดีครับท่าน ท่านรีบพาผมไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”

    ผมดีใจที่จะได้กลับไปโลกมนุษย์เร็วๆ แต่ยังไม่ทันที่ท่านยมฑูตจะพาผมไป ท่านพญามัจจุราชผู้เป็นใหญ่ในนรก ก็พูดสวนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดังก้องกังวานว่า...

    “ยมฑูต ก่อนที่จะพามันไป ให้มันได้ไปเห็น พวกที่ตกอยู่ในขุมนรกก่อน”

    “ขอรับท่าน”

    จากนั้น ผมก็ถูกท่านยมฑูตจูงมือเดินออกมา จากห้องที่สวยงามแห่งนั้นแล้วก็มาโผล่อีกห้องหนึ่งซึ่งมิดชิด แต่ไม่นานก็มีแสงสว่างเกิดขึ้น แล้วผมก็เห็นคนมากมายกำลังได้รับการทรมาน...

    “โอ้ย..อย่าฉีกปากฉันเลย จับเจ็บ...โอ๊ยยย”

    “เจ้ามันปากร้าย ด่าได้กระทั่งพ่อแม่ เจ้าจะได้ รับความทรมานไปแบบนี้อีกนานเท่านาน”

    “ร้อนๆ ช่วยฉุดข้าให้ออกไปจากกองไฟนี่ที”

    “เจ้าต้องร้อนไปแบบนี้อีกหลายชั่วกัปชัวกัลป์เพราะตอนที่เจ้ามีชีวิตอยู่ เจ้าใช้ให้แม่ทำงานหาเงินมาให้เจ้าเสพยา แล้วพอแม่หามาให้เจ้าไม่ได้ เจ้าก็ทุบตีแม่ บาปกรรมเจ้ามันหนักหนานัก เจ้าต้องโดนทั้งเหล็กที่แหลมคมคอยทิ่มแทง แถมยังโดนไฟเผาใหม้กายอยู่อย่างนี้”

    ผมได้เห็นคนมากมายได้รับการลงโทษ แล้วก็ได้ยินยมบาลผู้มีหน้าที่ลงทัณฑ์คนเหล่านั้นพูด ก็ทำให้ผมทราบว่าเขาได้ทำกรรมอะไรไว้ถึงต้องรับโทษกรรมแบบที่เห็น ซึ่งเมื่อผมรับรู้แล้ว ผมก็คิดว่าถ้าได้กลับไปยังโลกมนุษย์ ผมจะไม่ทำกรรมอะไรทั้งนั้น และต้องสะสมเป็นบุญเพียงอย่างเดียวเพราะการทำบุญจะส่งให้ผมไปสวรรค์..

    “ถ้าเจ้าทำตัวเหมือนที่ผ่านมาเจ้าต้องได้ไปอยู่บนนั้นแน่ๆ”

    “ทะ..ท่านยมฑูต ท่านรู้ความคิดของผมด้วยเหรอ”

    “รู้ซิ แล้วก็รู้ด้วยว่า ตอนนี้ใจเจ้าไปอยู่ที่ไหน เจ้าอยากกลับบ้านเร็วๆ ใช่มั้ย”

    “ครับท่าน...ท่านรีบพาผมไปทีเถอะครับ”

    “ได้..งั้นจับมือข้าไว้ให้แน่นๆ”

    ท่านยมฑูตรับรู้ความคิดของผมซึ่งท่านรู้ว่าผมอยากกลับไปยังโลกมนุษย์โดยเร็ว ท่านจึงรีบพาผมมาโดยขากลับนี้ผมได้ใช้เวลาเดินทางเพียงเสี้ยววินาที เพราะเมื่อท่านยมฑูตได้จับมือผมแล้วความมืดมิดก็เข้ามาบดบัง จากนั้นแว้บเดียวผมก็มาถึงยังร่างของผม...

    “นายครับ ป่านนี้ตำรวจยังไม่มาเลย แล้วศพไอ้ลีจะเอายังไงครับนาย”

    “ปล่อยไว้อย่างนี้ก่อน เพราะถึงยังไงเราก็ต้องรอตำรวจเขา..เราจะเข้าไปแตะต้องศพไม่ได้หรอก เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าทำลายหลักฐาน”

    “แค่เอาผ้าไปคลุมร่างไอ้ลีมันไว้...ก็ไม่ได้เหรอครับนาย”

    “ถ้าเอาผ้าคลุมอย่างเดียวคงได้...แกจัดการก็แล้วกัน”

    ร่างผมยังคงนอนอยู่ในพงหญ้าตามสภาพเดิมที่ผมเห็นในตอนแรก ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าผมนอนอยู่แบบนั้นนานเท่าไหร่ แต่เดาว่าคงยังไม่ข้ามคืน เพราะเพื่อนร่วมงานของผมกับเจ้านายก็ยังใส่ชุดเดิมที่ก่อนที่ผมตายก็เห็นเขาในชุดนั้น ซึ่งก็แสดงว่าคนทั้งหมดยังไม่กลับบ้านและทุกคนยังคงเศร้าสลดยืนดูศพอยู่

    “ก่อนที่เพื่อนเจ้าจะเอาผ้ามาคลุม เจ้ารีบเข้าร่างไป แล้วเจ้าจะได้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง”

    ผมเห็นหัวหน้างาน เดินถือผ้าขาวมา ซึ่งจากการพูดคุยของเขากับนาย ผมก็รู้ได้ว่าเขาจะเอาผ้านั้นมาปิดร่างผมไว้และเมื่อปิดก็จะกลายเป็นว่าผมได้ตายไปแล้วจริงๆ ท่านยมฑูตจึงรีบให้วิญญาณผมกลับเข้าสู่ร่าง ซึ่งผมก็ไม่รอช้า ผมเดินผ่านร่างหัวหน้างาน แล้วมุ่งตรงไปยังร่างของผมที่นอนอยู่ จากนั้นก็นั่งยองๆ ลง แล้วท่านยมฑูตก็ดันวิญญาณผมให้ทับไปบนร่าง

    “เฮ้ย! ผีหลอก! ไอ้ลีขยับตัว”

    “พี่ตี๋ ผมยังไม่ตาย”

    ผมรู้ว่าการตายแล้วฟื้นไม่ได้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ เมื่อผมหมดลมหายใจแล้ว กลับขยับตัวขึ้นมาได้อีกครั้ง แน่นอนคนที่เห็นย่อมคิดว่าผมต้องเป็นผีแน่ๆ แต่เนื่องจากช่วงนั้นเป็นเวลากลางวันที่ยังคงมีแสงอาทิตย์ส่องอยู่ หัวหน้างานที่เห็นผมเป็นคนแรก จึงหยุดชะงัก แล้วเข้ามาจับตัวผม

    “เป็นไปได้ยังไงวะ...ไอ้ลีมีลมหายใจขึ้นมาอีกครั้ง!..นะ..นายครับ อะ..ไอ้ลี ครับนาย”

    “ลี ทำไม!” นายเข้ามาดูซิครับ มันพูดได้แล้วก็ขยับตัวด้วยครับ

    “มะ...ไม่ใช่ผีนะ”

    “ไม่ครับนาย มันหายใจอยู่ แล้วตัวมันก็อุ่นด้วย”

    ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้น รีบกรูกันเข้ามาหาผม แล้วก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า...

    “ตายแล้วฟื้น!”

    ผมตกมาจากตึกสูงเกือบ 3 ชั้น แล้วหัวก็โหม่งลงพื้น ผมตายไปชั่วครู่ เพียงเวลาแค่ประมาณ 20 นาทีแต่ก็ฟื้นขึ้นมา ซึ่งเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ แต่ก็เกิดขึ้นจริงกับผม...ผมจึงเล่าประสบการณ์ที่ไปนรกให้ใครต่อใครฟังพร้อมทั้งเขียนเรื่องของผมส่งมายังหนังสือ ‘กรรมทันตา’ เพื่อให้คนที่อ่านรับทราบว่า ขุมนรกนั้นมีจริงคนที่ทำกรรมอะไรไว้ต้องไปชดใช้กรรมที่นั่น และกรรมแต่ละกรรมก็โหดร้ายเกินคำบรรยาย ซึ่งผมไม่อยากรับกรรมใดๆ ที่เห็นมาเลย

    เมื่อผมมีโอกาสฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ผมจึงหมั่นทำความดีและดูแลพ่อแม่ให้ดีกว่าเก่า เพราะผมรู้ว่าบุญที่ทำให้กับผู้ให้กำเนิดเรานั้นมันมากมายใหญ่หลวงนั้น ซึ่งนำพาให้เราขึ้นสวรรค์ อีกทั้งถ้าเราทำบาปไม่มากมาย บุญนั้นอาจเอามาหักลบให้เรารับกรรมได้น้อยลง

    “พ่อครับ..ผมไปซื้อรถเข็นมาแล้ว ผมจะอุ้มพ่อนั่งรถไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ นะครับพ่อ”

    “ดี..พ่ออยากไปวัด พาพ่อไปหน่อยละลี”

    พ่อเป็นอัมพาตเดินไม่ได้มานานนับ 10 ปี แต่ด้วยฐานะที่ยากจนของผม ผมจึงไม่มีปัญญาซื้อรถเข็นให้พ่อนั่ง แล้วพาพ่อไปไหนต่อไหน ซึ่งเรื่องนี้ผมรู้สึกเสียใจมาตลอด แต่ด้วยความจนผมต้องรอเงิน ซึ่งก็นานพอดู กว่าที่ผมจะเก็บเงินได้ เพราะครั้งใดที่ได้เงินมา ก็มีความจำเป็นต้องนำเงินนั้นไปใช้จ่ายอย่างอื่นเสียหมด

    “ค่าไฟ 500 ค่าน้ำ 200 แล้วยังมีค่าอะไรอีกแม่”

    “ยาพ่อเอ็งหมดทุกอย่างเลย แล้วก็ค่าผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่พ่อเอ็งนุ่งอีก เออ..ข้าวสาว กะปิ น้ำปลาในครัวก็หมดแล้วนะลี”

    ผมต้องนำเงินที่หามาได้ใช้ในสิ่งที่จำเป็นก่อนแล้วก็หมดทุกครั้ง รถเข็นของพ่อผมจึงมีอันต้องรอไปก่อน..จนกระทั่งผมตาย! แต่กลับฟื้นขึ้นมา สิ่งดีๆ ก็เข้ามาในชีวิตของผม

    “ลี ฉันจะให้นายมาเป็นหัวหน้างานคนที่ 2 แล้วปรับเงินเดือนขึ้นให้ด้วย และนี่เงินค่าทำขวัญที่นายควรได้รับจากอุบัติเหตุในการทำงาน”

    “1 แสนบาท! ทำไมถึงมากจังเลยครับนาย...นายไม่ต้องให้ผมมากขนาดนี้ก็ได้ เพราะผมก็สะเพร่าเองที่ไม่ระวังตัว ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันอันตราย แต่ผมก็ไม่หาอะไรมารัดเอวไว้ให้แน่นหนาตามที่นายเคยบอกไว้”

    “เรื่องนั้นถือว่าเป็นบทเรียนก็แล้วกัน คราวหน้าก็ระมัดระวังให้มากกว่านี้...ส่วนเงินเนี่ยรับไปเถอะฉันให้เพราะเห็นว่าลีเป็นลูกน้องที่ดีของฉัน”

    อยู่ดีๆ ผมก็ได้เงินจำนวนมากมาแบบไม่คาดฝัน ผมจึงนำเงินนั้นไปซื้อรถให้พ่อ แล้วก็พาพ่อเดินเล่นทุกเช้า และพ่อก็ยังมีโอกาสได้ไปเที่ยวยังที่ห่างไกลจากบ้านและวัดอีกด้วย

    “ลีไปอารถใครเขามาขับนะลูก”

    “รถประจำตำแหน่งครับพ่อ นายให้เอาไว้ใช้ในงาน แล้วก็ให้ผมนำกลับบ้านได้...พ่อครับวันหยุดนี้ ผมจะพาพ่อกับแม่ไปเที่ยวทะเล เราไปหาของทะเลกินกันให้อร่อยเลยนะพ่อ”

    “ไปทะเล...ดีจังพ่ออยากไปมานานแล้ว”

    “แม่ก็อยากไป งั้นแม่ไปจัดกระเป๋าก่อนนะลี”

    ชีวิตของผมดีวันดีคืน แถมผมยังมีความสุขขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะผมได้ทำความดีกับพ่อแม่ ซึ่งความดีที่ผมทำนี้ คือบุญที่หนุนนำให้ผมเจอแต่สิ่งดีๆ

    “พ่อครับ แม่ครับ...ขอบคุณนะครับ ที่ยังมีชีวิตอยู่ให้ผมได้ทำความดีให้กับพ่อแม่”

    ใครที่ยังมีพ่อแม่ยู่บนโลกนี้จงหมั่นทำดีกับทานเอาไว้นะครับบุญจะได้หนุนนำเหมือนอย่างผมแล้วก็พบแต่สิ่งดีๆ อย่างที่ผมพบอยู่ในขณะนี้...


    ภาพประกอบจากเน็ต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 มิถุนายน 2014
  2. babybee19

    babybee19 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +58
    สาธุค่ะ
     
  3. bk_chai

    bk_chai Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +88
    สาธุ สาธุ สาธุ
    .
     
  4. ร้อนแรง

    ร้อนแรง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +716
    การที่ได้มีโอกาศทำความดี(ทำบุญ)กับคุณพ่อ+คุณแม่ นับว่าเป็นบุญอันประเสริฐที่สุด
    เพราะพระพุทธเจ้าเคยตรัสสรรเสริญว่า คนเช่นนี้เป็นคนดี
    และขอให้ภูมิใจได้เลยว่า*****ข้างบนท่านเห็น---อย่าไปสนใจว่า--ทำความดีไม่มีคนเห็น--
     
  5. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    [quote*****ข้างบนท่านเห็น---อย่าไปสนใจว่า--ทำความดีไม่มีคนเห็น--[/quote]

    จากประโยคนี้มีเรื่องเล่าค่ะ

    เคยมีความรู้สึกว่าเป็นทุกข์อย่างมาก ท้อใจในการทำความดี ถึงขั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่คิดจะฆ่าตัวตาย
    พอวันรุ่งขึ้น ช่วงสายๆ ญาติสนิทที่อยู่บ้านใกล้ๆ มาที่บ้านเพื่อที่จะมาเล่าว่าได้ฝันแปลกมากเมื่อคืนนี้ ว่ามีชายรูปร่างสูงใหญ่มากแต่งตัวคล้ายกับผู้ดีชาวอังกฤษ หน้าตาเหมือนชาวอินเดีย แต่ผิวขาว สูงอายุแล้ว
    มาเข้าฝันให้มาบอกเราว่า จงอย่าท้อถอยในการทำความดี การทำความดีหรือความชั่วถึงแม้อยู่เพียงลำพัง อย่าคิดว่าไม่มีใครเห็น ขอให้กระทำความดีต่อไป แล้วชีวิตของเจ้าจะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ
    ญาติคนนั้นเขางงมากไม่เข้าใจความหมายจึงรีบมาเล่าให้ฟัง
    นี่ถ้าเป็นเราฝันเองก็ต้องคิดไปว่าเป็นเพราะเราคิดมากจึงเก็บมาฝัน
    แต่นี่ท่านผู้นั้นซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใครกลับไปเข้าฝันญาติเพื่อให้มาเตือนสติเรา
    ทำให้เราฉุกคิดตั้งสติขึ้นมาได้
    แสดงให้รู้ว่า การกระทำของมนุษย์ทุกคน คงมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งคอยจ้องมองดูอยู่ตลอด ขอให้ทำความดีกันทุกคนนะคะ :d
     
  6. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ท้าวเวสสุวัณโณ มรณัง สุขขัง อะหัง สุคะโต นะโมพุทธายะฯ

    พญายมราช ท้าวเวสสุวรรณ คือเทพแห่งความตายองค์เดียวกัน
     
  7. อำนวยกรณ์

    อำนวยกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    515
    ค่าพลัง:
    +1,931
    สาธุ ขอบคุณที่นำมาแบ่งปัน
     
  8. ร้อนแรง

    ร้อนแรง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +716
    จากประโยคนี้มีเรื่องเล่าค่ะ

    เคยมีความรู้สึกว่าเป็นทุกข์อย่างมาก ท้อใจในการทำความดี ถึงขั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่คิดจะฆ่าตัวตาย
    พอวันรุ่งขึ้น ช่วงสายๆ ญาติสนิทที่อยู่บ้านใกล้ๆ มาที่บ้านเพื่อที่จะมาเล่าว่าได้ฝันแปลกมากเมื่อคืนนี้ ว่ามีชายรูปร่างสูงใหญ่มากแต่งตัวคล้ายกับผู้ดีชาวอังกฤษ หน้าตาเหมือนชาวอินเดีย แต่ผิวขาว สูงอายุแล้ว
    มาเข้าฝันให้มาบอกเราว่า จงอย่าท้อถอยในการทำความดี การทำความดีหรือความชั่วถึงแม้อยู่เพียงลำพัง อย่าคิดว่าไม่มีใครเห็น ขอให้กระทำความดีต่อไป แล้วชีวิตของเจ้าจะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ
    ญาติคนนั้นเขางงมากไม่เข้าใจความหมายจึงรีบมาเล่าให้ฟัง
    นี่ถ้าเป็นเราฝันเองก็ต้องคิดไปว่าเป็นเพราะเราคิดมากจึงเก็บมาฝัน
    แต่นี่ท่านผู้นั้นซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใครกลับไปเข้าฝันญาติเพื่อให้มาเตือนสติเรา
    ทำให้เราฉุกคิดตั้งสติขึ้นมาได้
    แสดงให้รู้ว่า การกระทำของมนุษย์ทุกคน คงมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งคอยจ้องมองดูอยู่ตลอด ขอให้ทำความดีกันทุกคนนะคะ :d
    [/QUOTE]

    อันที่จริงการกระทำการใดๆที่จะสำเร็จ มันต้องมีความอดทน+อดกลั้น+เพราะผลของความดีจะส่งผลให้ประสพความสำเร็จ+จะมีคนให้ความช่วยเหลือ แม้เราไม่รู้จักเขาก่อนเลย+ผมเอาใจช่วยน้องนะครับ+ผมได้รับมาแล้วเต็มๆ ภูมิใจได้เลยครับว่า**ไม่ผิดวังแน่นอน**
     
  9. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    ขอบพระคุณค่ะสำหรับข้อคิด และกำลังใจจากคุณสีหราช
    เราก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ (f)
     
  10. ร้อนแรง

    ร้อนแรง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +716
    ของฝากที่ดีที่สุดสำหรับ**คนดีทุกๆคน**
    โทษของกามและกามสัญญา(เหมือนเขียงสับเนื้อนั้นเป็นไฉน)
    กลัวว่าคุณ จะพลาดไม่ได้อ่านครับ

    http://palungjit.org/threads/โทษของกามและกามสัญญา-เหมือนเขียงสับเนื้อนั้นเป็นไฉน.206877/
     
  11. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    ขออนุโมทนาค่ะ ขอบพระคุณคุณสีหราชที่นำมาให้อ่านค่ะ :cool:
     
  12. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +2,515
    อนุโมธนาด้วยคะ ขอให้ทุกท่านรักพ่อแม่มากๆนะคะ ปฏิบัติต่อท่านให้ดี ก่อนจะสายไป พวกเราชาวพุทธ กราบพระพุทธ กราบพระธรรม กราบพระสงฆ์แล้ว ก็อย่าลืมกราบพ่อแม่ตัวเองด้วย
     
  13. ร้อนแรง

    ร้อนแรง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +716

แชร์หน้านี้

Loading...