รบกวนถามผู้รู้เรื่องภูมิจิตครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย หัดเดิน, 17 พฤศจิกายน 2011.

  1. หัดเดิน

    หัดเดิน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +1
    ขออภัยครับเพิ่งสมัคร ยังไม่ทราบว่าห้องไหนเป็นห้องไหน เลยขอถามซ้ำนะครับ(พอดีไปตั้งกระทู้นี้ไว้ที่ห้องวิทยาศาสตร์ครับ)

    ขอรบกวนท่านผู้รู้ช่วยแนะนำเรื่องการปฏิบัติด้วยครับ

    ผมยังไม่เคยจิตรวมถึงขั้นอัปปณาครับ นานๆทีถึงจะได้อุปจาร การปฏิบัติส่วนใหญ่จะใช้วิธีกำหนดรู้รอบ(เหมือนรู้พร้อมไปทั้งตัวแต่ไม่ทราบว่าเรียกว่าอะไรนะครับ) บางครั้งก็กำหนดลงที่จิตเลยประมาณว่าดูที่ตัวจิตขณะนั้นว่าเป็นอย่างไร แล้วกำหนดให้มันผ่องใส ไม่แน่ใจว่าเรียกว่าปีติได้รึเปล่านะครับ ลักษณะจิตขณะที่กำหนดจะมีความสุขสบาย สว่างผ่องใส บางครั้งที่เจ็บไข้ก็ใช้วิธีนี้กำหนดช่วยครับลดความทุรนทุรายได้พอสมควรครับ

    สิ่งที่ผมเริ่มเข้าใจคือ เรื่องรูปกับนามครับ ในตอนนี้เห็นเรื่องเวทนาชัดมากขึ้น จนเกิดความรู้ขึ้นมาว่าหากผมสามารถละเวทนา(จิต)ได้ ผมจะไม่ต้องตกนรกอีกตลอดกาล เพราะถึงตกไปนรกก็ทำอะไรจิตดวงนี้ไม่ได้ และตอนนี้ผมก็ไม่ต้องการเกิดอีก ไม่ต้องการแม้กระทั่งว่าจะไปไหนด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่ายังต้องไปเพราะยังยึดมั่น ยังโลภ โกรธ หลง ครบถ้วนเลยครับ


    ภูมิจิตและความเข้มแข็งของผมตอนนี้ก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ยังไม่ใกล้เคียงพระอริยะซักนิดเลยด้วยซ้ำ บางครั้งตั้งใจจะนั่งเพื่อดูความเจ็บปวดแล้วจะได้ทำความเข้าใจและปล่อยวาง แต่พอผ่านไปได้ไม่เกินสองชั่วโมงผมก็ทนไม่ไหวแล้วครับ

    มีอยู่วันหนึ่งหลังจากนั่งคิดอะไรเพลินๆ แล้วเกิดความรู้(น่าจะเป็นความรู้จากการคาดหมายเอานะครับ)ขึ้นมาว่า ทุกดวงจิตไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันเลย ต่างอันต่างอยู่ สิ่งต่างๆจะมีอยู่ก็ต่อเมื่อจิตแต่ละดวงเข้ามายึดเกี่ยวเอง

    ไม่ทราบว่าที่ผมเข้าใจมาอย่างนี้ถูกหรือผิดประการใดครับ และต้องปรับปรุงแก้ใข หรือต้องพัฒนาอีกอย่างไรบ้างครับ
     
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ปฏิบัติได้ดีมากเลยนะครับ....ความจริงไม่รู้ว่าจะบอกอย่างไรนะ....สิ่งที่คุณปฏิบัติอยู่ถูกแล้วนะครับ.....ขอเพียงคุณปฏิบัติอย่างนี้ต่อไป...ดีแน่นอนครับ....

    ปัญหาที่คุณถามต่อไปก็คือในเรื่องของสมาธิขั้น อัปนาสมาธิ....ถ้าคุณต้องการทรงได้สมาธิในขั้นอัปนาสมาธิได้นั้น ให้คุณหากรรมฐานกองหนึ่ง ผมแนะนำสายกายนะครับ....แนะนำ กรรมฐาน ใน สติปัฏฐานสูตร ส่วนของอานาปานบรรพ (อานาปานุสสติกรรมฐาน ในกรรมฐาน 40)....คุณสามารถศึกษาเนื้อความเพิ่มเติมได้ในพระสูตร แล้วคุณก็ปฏิบัติตามนั้นเลยนะครับ....คือฐานของการเจริญสติในด้านอื่นๆคุณทำได้ค่อนข้างดีแล้ว....จริงๆถ้าคุณฝึกอานาจะมีส่วนช่วยกันอยู่นะครับ....คุณเพิ่มตรงส่วนนี้เข้าไป....ไม่นานก็ทำได้ครับ....

    แนะนำเพิ่มอีกจุดนะครับ...

    ในส่วนของจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน หน้าที่ของคุณคือมีสติระลึกรู้อย่างเป็นธรรมชาติของมันนะครับ..รู้อย่างที่มันเป็น....คุณไม่ต้องไปแทรกแซงปรุงแต่งจิตนะครับ...แค่นี้พอแล้วนะครับ...หน้าที่คุณมีแค่นี้ ..เป็นเพียงแค่ผู้รู้ผู้ดูที่ดี พอแล้ว...ไม่นานคุณก็จะสามารถรู้ได้ตามความเป็นจริงของจิตเอง...


    โมทนาสาธุบุญนะครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2011
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ยังคลายใจออกจากความคิดที่เกิดจากจิต ความคิดที่เกิดจากขันธ์ 5 นามธรรมไม่ได้ อาจจะเผลอไปคิดว่า ทั้งสองความคิดนี้ เป็นตัวสติเป็นปัญญา แล้วเผลอนำไปพิจารณาได้นะครับ...
    ลองดูนะครับว่า ทราบทั้งสองความคิดนี้หรือยังว่า กิริยาเป็นอย่างไร ลักษณะความคิดทั้งสองเป็นอย่างไร..
    อนุโมทนาสาธุครับ
     
  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เอ่อ ต้องขออภัยที่จะต้องพูดว่า อย่าไปฟังความเห็น 3 ห่างได้เป็นห่าง พวกนี้
    พวกที่ไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว อยากจะทำตัวเป็นผู้รู้ แต่เนื้อแท้ๆสิ่งที่เขาพูด เขาไปจำวาทะ
    และวางมาดให้เหมือนกับ พระ พวกนี้ถึงมีสมาธิ เมื่อนั่งใกล้แล้วพาเราไปนรก

    ส่วน ความเห็น 2 ก็ว่ากันไป ตามหน้าที่ของเขา ที่จะชักชวนให้เขวในทางปฏิบัติ พอ
    เขวได้ที่ก็จะชักเข้าสู่กรรมฐานที่ตนยึดมั่น ก็เลยแนะนำแบบ คาบลูกคาบดอก ไปเรื่อยๆ

    * * * *

    คำถามของคุณ คือ ภูมิจิต ซึ่งก็จะมีคำว่า ภูมิธรรม ด้วย จะใช้คู่กัน แต่เวลาใช้เราก็
    ฝช้ตามระดับความสามารถ ซึ่งมีแยกแยะ จำแนกได้มากมาย แต่หาก เอาคำสองคำ
    นี้ไปคุยกับความเห็น 3 เขาก็จะลากไป ภูมิอริยะ หรือ ภวมัยยปัญญา ท่าเดียว

    ซึ่งจริงๆ ภูมิจิต ภูมิธรรม ไม่มีอะไร จะเป็น สุตมัยยปัญญาที่แจ่ม หรือ จินตมัยยปัญญา
    ที่เฉียดญาณ ก็ได้

    เอาเรื่อง เข้าปิติ ได้รวดเร็วก่อน : ตรงนี้ก็ทำไปอย่างนั้นเลย ระลึกปั๊ป แล้วเข้าเลย จะ
    ได้แบบขณะที่ระลึก หรือ ได้ระดับเป็นวิบากผลยาวนาน ก็ว่ากันไป ตรงนี้เรียกว่า มีภูมิ
    จิตภูมธรรม ในการ "เข้าปิติโดยไม่ลำบาก"

    ส่วนเรื่อง ดูเวทนา : อันนี้ต้องปรับความเข้าใจใหม่ ต้องตั้งไว้ในใจใหม่ว่า "เวทนา
    ภาวนา" ไม่มีในธรรมวินัยนี้ แต่ "เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน" มี สองอันนี้แตกต่าง
    กัน ผู้ภาวนาที่คล่องเข้าปิติได้รวดเร็วมักเข้าใจผิด เพราะเข้า ปิติ ปั๊ป มันจะสุข เลย
    จับเวทนามาภาวนา คือ มาเพิ่ม ทำให้มันเพิ่ม ทำให้มันเจริญ ยิ่งทำ ยิ่งเพิ่ม หมาย
    จะไปเพิ่มมัน แต่พอไปทำอย่างนั้นปั๊ป โดนมันหลอกครับ พอหมดสุข หมดปิติ กาย
    คุณ จิตใจคุณ จะเร้าร้อนกระสับกระส่าย แบบน้อยนิดมหาศาล คือ มันขยับนิดเดียว คุณ
    ก็เลิกทำกรรมฐานทันที นั้นแหละ มันหลอก และ "เวทนาภาวนา" ไม่มี ไม่มีการฝึกแบบนี้

    แล้ว เวทนานสติปัฏฐานเป็นอย่างไร เราอาศัยมันระลึกเพื่อดู เกิดดับ ครับ แค่นี้แหละ
    เราอาศัยดู ความพอใจ ยินดี ยินร้าย แสร้งวางเฉยๆ แล้วตามเห็น อาการเหล่านี้เกิดดับ

    จึงไม่ใช่การจับ ไม่ใช่การจี้ ไม่ใช่การเพ่งเข้าไปให้มันชัด ปักเข้าไปให้จี๋ ซึ่งมันจะเพิ่ม
    ท่าเดียว เพราะ เวทนาลองปักเข้าไปในนามรูป แล้ว มีแต่ ภพ เท่านั้นที่เกิด มีแต่ ภพ
    นั้นที่พอกพูล ไม่ใช่การออกจากภพ เบื่อหน่ายภพ คลายออกจากภพ แถมมันยังรอ
    คิดดอกเบี้ยแสนสาหัส ....แต่ มีบางสำนักใช้วิธีนี้ ..คือ เขาใช้เพื่อไปถึงบางอ้อว่า
    อ้าว "กูภาวนาผิด" ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

    * * * *

    สำหรับ การเห็นว่า จิตนี้เป็นสภาพธรรม อย่างหนึ่ง ไม่ใช่คน และ ไม่เกี่ยวข้องกับ
    ใครเลย อันนี้ก็เป็น ภูมิจิต ภูมิธรรม ที่ดีมาก ซึ่งเป็นลักษณะของ สุตมัยปัญญาที่
    บริบูรณ์ และ จินตมัยปัญญาที่บริบูรณ์ ทำหน้าที่ปรากฏแก่จิต เพื่อชักชวนให้ปฏิบัติ
    เพื่อ ถึงเป้าหมายการเห็นตวามความเป็นจริง ด้วยเนื้อหาสัจจนี้ ซึ่ง ก็มีมรณะสัญญา
    ที่สมบูรณ์กำกับเพิ่มอีกด้วย ( การปรารภไม่เกิด การปรารภไม่ลงนรก )

    ซึ่งจะเห็นว่า เมื่อ ปรารภออกมาแล้ว จิตมันจะงอกลับไปพิจารณาจิต ทันที

    นั่นคือ การปรารภถึง การมีอยู่ของกิเลส และการดับไปของกิเลส

    สรุปแล้ว คุณก็แค่ เข้าใจให้ได้ว่า ตอนนี้ "จิต" ที่ไม่ใช่ตัวคุณ เขากำลังยก
    การปฏิบัติอะไรให้คุณพิจารณา คือ เขากำลังพร้อมที่จะยกการดูการปรากฏ
    ของ "โลภ โกรธ หลง"

    จิตมีโลภะรู้ว่ามีโลภะ จิตไม่มีโลภะก็รู้ว่าไม่มีโลภะ
    จิตมีโทษะรู้ว่ามีโทษะ จิตไม่มีโทษะก็รู้ว่าไม่มีโทษะ
    จิตมีโมหะรู้ว่ามีโมหะ จิตไม่มีโมหะก็รู้ว่าไม่มีโมหะ

    ทำคู่ หรือ ควบ หรือ สลับกับ การเข้าปิติอย่างรวดเร็ว เข้าแล้วก็รักษาไว้สักระยะ
    แล้วปล่อยให้มันคลายตัว ตอนมันคลายตัว เราก็ ย้อนกลับมาดูที่ "จิต" ที่ไม่ใช่
    คุณ หากมันไม่ย้อน คุณย้ำ "มรณสัญญา" ตามไว้ จนมันพากลับมาดู อุปกิเลส
    ทั้ง3 แล้ว ดูมันผ่านมา ผ่านไป ไม่ต่างกับ ปิติ และ สุข ที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป
    คลายไป ทำมากๆ ดูเนืองๆ

    ผลที่ได้คือ มันจะไปย้ำความเห็น สุตมัยปัญญา จินตมัยยปัญญา ที่ว่าด้วย "จิต" เป็น
    สภาพธรรมอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่ละดวงต่างอยู่ แต่ เกี่ยวพันกันก็เพราะ กรรมเวร
    หรือ สังสารวัฏ จนกว่าจะเห็น ทุกขสัจจ ว่า นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์
    ไม่มีอะไรดับ แล้ว ความเห็นที่ว่า "จิต" เป็นสภาพ "ธรรมหนึ่ง" จะค่อยปรากฏแนบ
    สนิทกับ "สุตมัยยปัญญา จินตมัยยปัญญา" โดยการ ร้อยเข้ามาด้วย "ภวมัยปัญญา"

    พอปัญญาทั้ง 3 นี่สบกัน ไม่เหลื่อมกัน ไม่มีอะไรก้ำเกินกัน ไม่มีการกำเริบกลับ คุณ
    จะรู้ถึง ภูมิจิต ภูมิธรรม ที่ รู้ได้คนเดียว เป็น ปัจจัตตัง

    * * * *

    อนึ่ง อัปปนาสมาธิ หากเป็น สมาธิของพุทธศาสนา คุณจะเข้าได้ 4 ครั้ง แต่ละครั้ง
    จะให้ มรรคผล

    แต่ อัปปนาสมาธิที่เป็น สมาธินอกศาสนา จะเข้าได้ออกได้ มากครั้ง เข้าไปแล้วออก
    มาแล้วก็ไม่ได้อะไร ผ่านไปสองแสนอสงไขย ก็ยังไม่ได้อะไร นอกจากจะได้ทราบ
    ว่า "อ้าวกูภาวนผิดอัปปนานี่หว่า" พอแจ้งอย่างนั้นปั๊ป ก็อาจเขี้ยวหมากแหลกแล้วค่อย
    เห็นทางที่ใช่เข้ามาอีกที ดังนั้น ใครจะเล่นอัปปนาแบบนี้ก็ได้ไม่ว่า แต่ต้อง ตั้งจิต
    สดับธรรมดังว่านี้ไว้ด้วย ว่า "มันไม่ใช่ทางตรง"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2011
  5. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ท่านครับ...อันนี้ท่านไปพิจารณาแต่ใดมา...ทำไมท่านถึงคิดว่าทำได้เพียงแค่ ๔ ครั้งแค่นั้นเหรอครับ...ผมเพิ่งเคยได้ยินครั้งแรก.. ....

    พระพุทธองค์ไม่ได้ทรงตรัษไว้อย่างนี้นะครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2011
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ตัวอย่าง กรณีที่คุณดูมันไม่ทัน หรือ ลืมยกดู

    ตอนปรารภแบบนี้ จิตมีโมหะ จึงปรารภ ซึ่งแน่นอนหละว่า ดูไม่ทันกันหลอก ต้องฝึกอีกนาน
    ดังนั้น ตอนนี้มันจะปรารภ หรือ ไม่ปรารภ ก็ค่อยๆ ตามรู้ไปก่อน

    ตามธรรมชาติของจิต พอไหลลงต่ำ คือ ไหลไปใน โมหะ ปรารภอย่าข้างบนนั้นแล้ว
    กิเลสตัวต่อมาคือ "โลภะ" ก็เข้าห้อมล้อมอย่างรวดเร็ว พาไปสู่การ ปรุงการปฏิบัติ
    เพื่อเป็นเพื่ออยู่แล้วค่อยดู แทนการ ปฏิบัติไปอย่างปรกติเพื่ออาศัยระลึก แสบ
    ไหมครับกิเลส

    ก็แน่นอนครับ กิเลสเขามา 3 เสมอ หากไม่ทัน เขาก็จะต้องเดินจนครบ 3 เสมอ
    และ ช่วงนี้บ้างก็เรียกว่า ช่วงคิดดอกเบี้ย ช่วงเอาคืน แต่หากพูดตามพุทธวัจนะ
    คือช่วง "เวทนากรุมรุมจิต" ซึ่งก็แน่นอนว่า ช่วงนี้คือ จิตมีโทษะ เล่นงานแล้ว

    หากเผลอทำแบบนี้บ่อยๆ จะถูกหลอกให้ ท้อใจ จะโดนมันหลอกว่า ปฏิบัติแล้ว
    ไม่ได้อะไร แถมได้ความเผ็ดร้อน จิตใจของนักปฏบัติจะค่อย ตั้ง ไปทางที่ผิด
    จะมี มิจฉาทิฏฐิมาปิดบัง เรื่อยๆ หากมันปิดสำเร็จ คุณจะกลับไปใช้ชีวิตแบบ
    โลกๆ โดยขาดการปฏิบัติไปเลย

    แต่ถ้าปฏิบัติถูกนะครับ มันขยับปั๊ป เราพิจารณา

    มันพาเราไปทำปั๊ป เราพิจารณาจนเกิด ธรรมสังเวช สะเทือนใจ
    แล้วเกิด วิริยะ

    นี่ถ้าเกิดแบบนี้ ชีวิตคุณจะไม่ว่างเว้นการปฏิบัติเลย ในชีวิตประจำวัน
    ก็ภาวนาได้ พอว่างจากงานประจำคุณก็จะ"สับปิติ"เร่งความเพียรได้
    เวลากลับออกไปใช้ชีวิตประจำวัน ก็จะเห็นชัดขึ้น ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
    ไม่เพียร(อยากปฏิบัติ) ไม่พัก(จมโลก) ย่อมถึงมหาสมุทรได้
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ถ้าเป็น "มรรค" มันก็เข้าได้ 4 ครั้ง

    แต่ถ้าเป็น "ผลจิต" จะแสนโกฏิ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก หากปราถนา

    ผมได้ยินมาอย่างนี้

    ส่วนคุณ เข้านิพพาน ยังเข้าเป็นว่าเล่นเลย ประสาอะไรกับ
    เรื่อง ฌาณที่ต่ำต้อยกว่า ดังนั้น คุณ ฟังมาแบบนั้น ก็ฟัง
    ไปเถอะ เนาะ
     
  8. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ไม่ถูกหลอกนะครับ....มรรคผลแน่นอนว่าบรรลุได้ ๔ ครั้ง...บรรลุแล้วบรรลุเลย...แต่ในเรื่องของการปฏิบัติ ฌาน ไม่ได้จำกัดไว้แต่เพียงแค่ ๔ ครั้งหลอกนะครับ...ตามหลักฐานที่มีไว้ก็คือ...

    .............................................................

    ฌาน ๔ นำไปสู่นิพพาน

    ปัญหา ลำพังการทำสมาธิจนได้ฌาน จะสามารถนำไปสู่นิพพานได้หรือไม่ ?

    พุทธดำรัสตอบ “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนแม่น้ำคงคาไหลไปสู่ทิศตะวันออก หลั่งไปสู่ทิศตะวันออก บ่าไปสู่ทิศตะวันออกฉันใดภิกษุเจริญพอกพูนซึ่งฌาน ๔ ย่อมเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพานฉันนั้น....
    “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฌาน ๔ อันภิกษุพึงเจริญเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละสังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องบน ๕ (คือ รูป ราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา) เหล่านี้แล”

    ฌานสังยุต มหา. สํ. (๑๓๐๑-๑๓๐๔ )
    ตบ. ๑๙ : ๓๙๒-๓๙๓ ตท. ๑๙ : ๓๖๐-๓๖๑
    ตอ. K.S. ๕ : ๓๗๒<!-- google_ad_section_end -->


    ....................................................................

    อันนี้เป็นเพียงแค่บางส่วนจาก ฌานสังยุต ...ถ้าทำได้เพียงแค่ ๔ ครั้ง เป็นไม่ไม่ได้เลยที่สมเด็จท่านจะทรงกล่าวแนะนำว่า พอกพูน(ทำให้มาก)...

    การกล่าวได้ว่าทำได้เพียงแค่ ๔ ครั้ง....เป็นไปไม่ได้เลย...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2011
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ก็นั่นแหละครับ คุณ ยกมา ก็ยกอันนี้ แต่ ที่ผมสดับมา เข้านิพพาน อย่างมาก
    เข้าได้ 4 ครั้ง หากเข้าครั้งเดียว นั่นก็แปลว่า มันมี 4 ครั้งเกิดติดต่อกัน เรียก
    ว่า แทงตลอด จาก โสดาบัน ไปถึง อรหันต์

    แต่ สำหรับคุณ ภาณุเดช นี่ เข้านิพพาน เป็นว่า เล่นไง

    เอาไฟฉายส่องหน้าปั๊ป ไปนิพพานแล้ว ไปเจอพระพุทธเจ้าแล้ว ไปเจอโน้น
    สมเด็จองค์ปฐมแล้ว ฌาณ4ได้มาง่ายๆแค่ๆไฟฉาย4ก้อนเต็มกำลัง

    ก็ว่ากันไปนี่ครับ คุณเข้าได้แบบนั้น เข้าได้เป็นว่าเล่น ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธว่า
    ผมไม่เคยสดับมาอย่างคุณ และก็ไม่ปฏิเสธการเข้านิพพานได้ของคุณ

    เพียงแต่ว่า ผมสดับมาอย่างอื่นด้วย ผมก็พูดสิ่งที่สดับมาอย่างอื่นด้วย

    ก็แค่เล่าถึง สิ่งที่สดับมา

    เรื่องที่คุณภาณุเดชจะเข้านิพพานเป็นว่าเล่น ผมก็สดับได้ รับฟังได้

    ไม่เห็นแปลกอะไร
     
  10. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ท่านพูดอะไรอยู่หรือครับ....ผมพูดถึงเรื่องฌาน ๔ อยู่นะ.....
     
  11. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อ้าว ก็พูดถึง ฌาณ4 ไง

    คุณบอกว่า ฌาณ4ของคุณ เข้าได้หลายครั้ง แต่ละครั้งเข้าได้ คุณก็
    น้อมไปสู่นิพพานไง พวกคุณเลยเข้า นิพพานได้หลายครั้ง เพราะ
    ได้ฌาณ4 หลายครั้ง

    ก็ ไม่เห็นมีอะไรขัดแย้งนี่

    คุณพูดว่า ฌาณ4เข้าได้หลายครั้ง ฌาณ4เป็นไปเพื่อน้อมสู่นิพพาน

    แล้ว คุณก็เข้านิพพานได้หลายครั้ง ก็ว่ากันไปสิครับ ไม่ได้ขัดแย้งอะไร

    มันฟังแล้ว งง ตรงไหน หละนี่

    นี่อย่าบอกนะว่า คุณนึกถึงพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าไม่ปรากฏตาม
    ความสำเร็จด้วยใจของคุณทันที

    ถ้ายัง ก็รีบไปฝึก เนาะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2011
  13. จิตโต

    จิตโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +163
    นิวรณ์ นิสัยสันดานเหมือนเดิม กี่ปีๆไม่เคยเปลี่ยน
    ชอบวางมาดเป็นผู้ทรงภูมิ พูดจีบปากกระแนะกระแหน แดกดันใส่ร้ายคนอื่น
    ทั้งๆที่ ตัวเองภาวนาไม่เป็น ทำสมาธิจิตใจไม่เคยสงบ เป็นพวกนกแก้วนกขุนทอง
    ฟุ้งซ่านจินตนาการไปเรื่อยๆ โง่แล้วยังทำตัวเป็นงั่ง บรมกระบือ
    เลิกทำตัว...อวดฉลาด น่าจะไปหาปี๊ปมาคลุมหัว เอากระด้งแทนปีก ถือสากกระเบือ
    กินตับ ตับ...ตับ
     
  14. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ออ...อย่างนั้นหลอกเหรอครับ....อันนี้ผมก็ไม่ได้ทราบหลอกนะว่าใครกันแน่ที่งง....เอาเป็นว่าถ้าท่านเห็นตามที่ว่า การทำให้มากซึ่งฌาน ๔ เป็นผลน้อมนำไปสู่นิพพานได้ ก็ได้ชื่อว่าเห็นตามพระพุทธองค์...

    ซึ่งเป็นไปไม่ได้ตามที่ท่านกล่าวไว้ข้างต้นว่าเข้าได้ ๔ ครั้ง....ถือว่าเรื่องนี้ก็คงเข้าใจพ้องต้องกันแล้ว....
     
  15. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ทำให้มาก กับทำให้สำเร็จ เหมือนกันไหมอ่ะครับคุณพี่Phanudet
     
  16. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    พระท่านว่า ฟังธรรม ก็ต้องน้อมเข้ามาพิจารณาให้แยบคาย แล้วกระทำ คือพิสูจน์ด้วยกาย และใจ เมื่อแรกยังไม่เชื่อ เพราะเรายังเป็นคนธรรมดา ที่ยังไม่มี สัมมาสติ สัมมาสมาธิ จึงต้องเพียรกระทำให้เห็นจริง ตามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงชี้ทางไว้ขอรับ
     
  17. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งจะทำอะไรให้มากได้ แน่นอนว่าต้องทำให้สำเร็จก่อนนะครับ....
     
  18. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ถูกต้องแล้วนะครับ...พระท่านกล่าวไว้ดีแล้ว....
     
  19. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ถ้าเป็นอย่างที่คุณพี่กล่าวก็ต้องทำนิพพานให้สำเร็จก่อน แล้วจึงทำนิพพานให้มากๆ
     
  20. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ผมกล่าวถึง ฌาน ๔ นะครับ...เพราะว่าผมยกพระพุทธพจน์ ในเรื่องของ ฌาน ๔ นำไปสู่นิพพาน มากล่าวถึง....
     

แชร์หน้านี้

Loading...