รวมเรื่องชวนขนหัวลุก 8X

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย olj, 17 มิถุนายน 2006.

  1. olj

    olj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +2,443
    ทุกเรื่องก๊อปมาหมด ถือว่าเป็นของฝากละกัน จริงบ้าง แต่งบ้าง ถือว่าอ่านเพื่อความบันเทิง หรือว่าแต่งขึ้นทั้งหมดก็อ่านดูละกัน (ไม่รู้ว่าจะบันเทิงหรือเปล่า)

    เรื่องแรก ผีหลอก

    เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์รถเก๋งที่พาผมโลดแล่นผ่านความมืด บนถนนสายเปลี่ยว สายตาของผมได้แต่จ้องไปข้างหน้าตามแรงไฟส่อง ด้วยความหวาดกลัว 21:17 pm.เป็นเวลาที่แสดงอยู่ที่หน้าปัดรถ เงามืดพริ้วไหวของต้นไม้ด้วยแรงลมสองข้างทางด้วยความมืด ภายใต้จิตสำนึกอันอ่อนล้า จำได้ว่า ตั้งแต่ที่ขับรถสู่ทางสายนี้ ยังไม่เห็นรถที่วิ่งสวนหรือตามมาเลยสักคัน

    บรรยากาศที่เงียบสงัดมักจะตามมาด้วยพายุร้าย ไม่มีสิ่งอื่นใดที่จะดังแข่งกับเสียงรถ ผมไม่กล้าเปิดเทปหรือวิทยุฟัง เพราะมันจะทำให้โสตประสาทในการได้ยินเสียงจากนอกรถหมดไป ความอ่อนล้าเหน็ดเหนื่อยทำให้สมองไม่รับรู้สิ่งที่มันปรากฎเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหน้า รถวิ่งไปอย่างปกติ

    ฉับพลันเกิดแสงสว่างจ้าส่องมาจากทางข้างหน้า ผมตกตะลึงสุดขีดกับแสงสว่างที่เกิดขึ้นสัญชาตญาณของการมีชีวิตบอกให้รับรู้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น แทบจะทันทีที่เสียงดังสนั่น ก็เกิดเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นมาติดๆ

    เอี๊ยด! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!

    ผมผวาสะดุ้งจนตัวกระแทกพวงมาลัยแสงสว่างวาบๆจากสายฟ้าที่แหวกอากาศลงมา มันส่งเสียงดังเปรี๊ยง เปรี๊ยง อยู่ไม่ไกล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2006
  2. olj

    olj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +2,443
    เรื่องที่สอง + !!! ผี !!! + ในรถมือสอง ถึงว่า ทำไมรถมันโคตรถูก......ดีครับ

    ทุกๆคน ผมมีเรื่องมาเล่าให้ฟัง จากประสบการณ์จริง เมื่อตอนซื้อรถมือสอง ผมซื้อรถมาคันหนึ่ง ราคา 2 แสนกว่า ซึ่งตอนนั้นราคานี้ถือว่าถูกมากๆ

    ผมตระเวนหาเลือกรถอยู่หลายเต็นท์ จนมาเจอเต๊นท์หนึ่ง แล้วก็เห็นรถคันที่ว่า ผมถูกใจมาก และที่ถูกใจยิ่งกว่าคือเรื่องราคา ผมถามเขาว่า ทำไมถูกจัง รถมีอุบัติเหตุหรือไง? หรือว่าเอาไปยำมา ทางเต็นท์บอกว่า เจ้าของเขารวย แล้วก็จะไปเมืองนอกหลายปี เลยรีบขาย ผมเลยคิดว่า หวาวววว เสร็จกรู.. โอกาศดีมาถึงแล้ว ได้รถถูกแน่ๆเลยเรา โชคดีมาก..

    แต่ว่ามันไม่เป็นแบบนั้นสิครับ เมื่อวางเงินดาวน์และทำเรื่องต่างๆเสร็จ

    ผมเอารถมาใช้ได้ประมาณเดือนกว่า และตอนนั้นขับรถไประยอง กะจะไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ซึ่งผมก็นัดเพื่อนไว้ที่ระยอง ซึ่งผมขับรถไปคนเดียว ขณะที่ผมขับไปนั้น ผมก็นั่งฟังเพลงเบาๆอยู่ในรถ และก็มืดมากแล้ว ผมเหลือบไปมองรถหลังทางกระจก ผมถึงกับตกใจ เพราะว่า มีเหมือนเงาดำๆนั่งมาข้างหลัง ผมอึ้งมากๆ แต่ก็คิดว่าตาฝาดไป ขับไปได้สักพัก ตัวผมก็รู้สึกเย็นวูบ เหมือนมีอะไรมาสัมผัส และก็รู้สึกแปลกๆ คือ เหมือนมีคนนั่งรถมาด้วย (ความรู้สึกแบบนี้คนไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอกครับ) มันรู้สึกหวิววๆยังไงชอบกล..
    ผมพยายามที่จะทำใจให้นิ่งๆไม่คิดอะไร แต่ขับรถไป สักพักเพลงเสือกเงียบหายเฉยๆอย่างนั้นหละ เครือ่งเสียงในรถอยู่ๆมันก็ดับไปเฉยๆ เลยยิ่งเงียบเข้าไปใหญ่ ผมก็ตกใจ ว่ามันดับได้ไงวะ เลยยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ ใจก็คิดไปว่า รถคันนี้มันมีผีหรือปล่าววะ... ผมพยายามไม่สนใจ หลับหูหลับตาขับไปเรื่อยๆ จนผ่านทางแยก ซึ่งตอนนั้นมืดมาก ผมกำลังเลี้ยวรถเพื่อไปทางแยกขวา ระหว่างที่เลี้ยว เห็นเงาคนเดาๆยืนอยู่ริมทางแยก ผมตกใจมากๆครับ ขนลุกวูบไปทั้งตัวทั้งหัว แล้วเงาดำๆนั่นก็หายไป ผมกลัววววววว ที่สุด เงาคนหรือคนที่ใหนจะมายืนตรงนั้นหละ ผมเลยรีบเหยียบรถอย่างแรง และขับไปเรื่อยๆขณะที่กำลังกลัว อยู่ๆเครื่องเสียงมันก็ดังพรึ่บ+!! ขึ้นมาเฉยเลย ผมถึงกับสะดุ้งเฮือกกก...ใจหายหมด เมื่อขับไปได้เรื่อยๆ ผมก็แวะเข้าปั๊มน้ำมัน แล้วก็ขับต่อ ใจน่ะอยากให้ถึงไวๆ

    และแล้วก็ถึงช่วงที่ผมกลัวที่สุดคือ ขณะที่เลี้ยวเข้าซอยใหญ่ใกล้จะถึงบ้านพักเพื่อน แมร่งงง ดันมีคนยามแก่ๆเผ้าร้านแถวนั้นหันมามอง แล้วก็ทำท่าตกใจ แล้วร้องเหมือนว่า "เฮ๊ยยย ผีๆๆ ผีๆๆ" แล้วก็วิ่งไปหลังร้านหายไปเลย ผมละเสียววูบใจคอไม่อยู่กับตัวแล้ว น้ำตาใหลเพราะความกลัว เลยเหยีบอย่างแรงจนถึงบ้านเพื่อน และเพื่อนมันก็ออกมา ผมลงไปบ้านเพื่อน สักพักแม่ของเพื่อนก็เดินออกมาทักผม และพูดว่า "ดีจ้าหนุ่ม แล้วทำไมปล่อยให้เพื่อนหนุ่มนั่งอยู่ในรถคนเดียวแบบนั้นหละ ไม่ชวนเพื่อนลงมาด้วย" ผมตกใจกลัวสุดขีดกระโดดกอดคอเพื่อนแล้วก็ร้องไห้ และบอกว่าผมมาคนเดียว ผีๆๆอยู่ในรถแน่ๆ หลังจากนั้นขากลับผมไม่กลับคนเดียว ชวนเพื่อนๆหลายๆคนให้มันนั่งรถกลับกับผมด้วย

    และตอนหลังผมหาทางที่จะสืบเรื่องนี้กลับเพื่อน เลยไปเต๊นท์อีกครั้งแล้วก็ประมาณว่า ถามๆเกี่ยวกับว่าเจ้าของรถอยู่แถวใหนยังไง เขาก็ไม่ยอมบอก แต่ตอนหลังก็รู้จนได้ว่าอยู่แถวใหน

    ผมขับไปแถวนั้นกับเพื่อนๆ เพื่อไปตามอู่ ตามร้านรถต่างๆ จนได้ความมาว่า รถคันนี้น่ะ เจ้าของตายแล้ว เป็นวัยรุ่น ขับรถซิ่ง มาแต่งรถอู่นั้นประจำ และญาติๆเขาก็เพิ่งเคลมออกมาขาย

    หลังจากนั้นผมก็ไม่ใช้รถคันนั้นอีก ผ่านไป 2 เดือนผมก็เลยขายรถ ในราคาที่ไม่แพง โคตรถูกมากๆ และเต๊นท์ก็ซื้อไป (ที่ใหม่นะครับ)
    รถสีดำ โหลดเตี๊ย ผมขายไปแล้วครับ แถวๆเต็นท์ใหนไม่บอกดีกว่า..

    http://www.funwhan.com/story/show.php?story_id=40
    http://www.funwhan.com/index.php หน้าแรก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2006
  3. olj

    olj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +2,443
    เรื่องที่สาม เหตุเกิดที่แยกเมืองทอง 1 ปากเกร็ด มุ่งหน้า ไปหลักสี่ ที่แยกนั้นกลางคืนมีร้านขายข้าวต้มมักจะเกิดอุบัติเหตุ รถชนกันที่แยกนั้น ส่วนใหญ่ สาหัสถึงตาย ฝ่าไฟแดงก็มี ชนรถที่จอดตรงร้านข้าวต้มก็บ่อย ลองอ่านดูละกัน

    เรื่อง เรื่องประหลาดบนถนนสายปากเกร็ด

    สวัสดีครับทีมงานทุกคน ผมมีเรื่องประหลาดจะเล่าให้ฟังมันเกิดกับผมเมื่อตอนกลางปีที่แล้วนี้เองครับ เรื่องมีอยู่ว่า ผมกับเพื่อนตั้งแต่เรียนจบกันมาก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกันเท่าไหร่ พอได้ข่าวว่าเพื่อนเปิดท้ายขายของอยู่ที่ห้าง บิ๊กซีแถวจังหวัดนนทบุรี

    ผมจึงนัดกับเพื่อนอีกคนว่าจะไปหาเพื่อนกัน บ้านผมอยู่แถวสมุทรปราการครับก็เลยต้องขับรถ ไปไกลหน่อย

    พอไปถึงที่ที่เพื่อนขายของอยู่ก็ช่วงเย็นๆแล้ว แต่เผอิญพอไปถึงฝนมันตกพอดี เพื่อนผมเลยถือโอกาสไม่ ขายของเราก็นั่งคุยกันอยู่สักพักเพราะไม่เจอกันนาน

    เพื่อนผมก็เลยบอกว่าไปหาอะไรดื่มกันที่ถนนข้าวสารไหมแต่ต้องเอา ของไปเก็บที่คอนโดก่อน

    พวกเราก็เลยนั่งรถไปที่คอนโดเพื่อน ระหว่างทางเพื่อนผมเล่าให้ฟังว่าเมื่อประมาณตอนช่วง เมษายน คนที่พักอยู่คอนโดเดียวกันแต่อยู่ชั้น 3 (เพื่อนผมอยู่ที่ชั้น 5) เกิดอุบัติเหตุ เขาขับรถกันไปแล้วเกิดรถชนตาย ทั้งคันเลย เพื่อนผมบอกว่าประมาณ 3 คนได้เขาเล่าว่าเหมือนโดนไฟครอกตาย

    หลังจากนั้นพอไปถึงคอนโดเพื่อนผมก็ ต้องเดินขึ้นไปบนชั้น 5เพราะว่าลิฟเสียและต้องเดินผ่านชั้น 3 ด้วย เพื่อนผมยังบอกอีกว่าตอนเขาเสียกันใหม่ๆ คนที่อยู่ ชั้น 3 นั้นนอนกันไม่ค่อยได้เพราะมีเสียงคนร้องไห้ตลอดเลย

    หลังจากเอาของไปเก็บแล้วผมและเพื่อนก็ไปหาอะไรดื่มกัน ที่ถนนข้าวสาร พอเสร็จแล้วผมก็ต้องมาส่งเพื่อนที่คอนโดที่ปากเกร็ดอีก ตอนขากลับผมกลับมากัน 3 คน พอผมขับรถมา ถึงช่วงหนึ่งรถกำลังข้ามสะพานผมก็หันไปมองกระจกหลังและมามองที่หน้ารถต่อ แต่ผมต้องเหยียบเบรกกะทันหันเพราะ ว่าผมเจอรถอีกคันหนึ่งมาอยู่ด้านหน้ารถผมซึ่งมาจากไหนไม่รู้ แต่ที่แปลกก็คือรถคันนั้นมันใสครับคือสามารถมองเห็นรถ คันข้างหน้าอีกคันหนึ่งได้เลย

    เพื่อนผมที่นั่งมาด้วยกันก็ถามว่าเบรกทำไม

    ผมก็บอกว่าไม่เห็นรถคันหน้าเหรอ

    แต่เพื่อนผม บอกว่าไม่เห็น เห็นแต่ว่ามีรถคันหลังจะชนรถผมอยู่แล้ว

    พอเพื่อนบอกยังงั้นผมเลยเงียบไปเลยและขับรถต่อไปเพื่อส่ง เพื่อนที่ปากเกร็ด

    พอส่งเพื่อนเสร็จแล้วผมก็ขับรถต่อเพื่อจะกลับบ้านกับเพื่อนอีกคน แต่เพื่อนผมที่นั่งข้างกันเขาหลับ ผมก็ ขับมาเรื่อยๆ ตามทางที่จะทะลุมาที่หลักสี่ แต่พอมาถึง 4 แยกหนี่งประมาณ 100 เมตรก่อนถึงไฟแดง

    ผมขับมาเห็นว่า รถผมต้องติดไฟแดงเป็นคันแรกแน่ๆ

    แต่พอจะถึงไฟแดง เพื่อนผมก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาและบอกก็ตะโกนให้ผมเบรคผมก็เบรค

    พอเบรค เสร็จผมก็ต้องตกใจเพราะว่ามีรถจอดติดไฟแดงก่อนหน้าผมถึง 3 คัน

    แต่ตอนแรกที่ผมเห็นคือไม่มีรถจอดติดไฟแดงสัก คัน พอเจออย่างงั้นผมก็เลยจอดรถที่ปั้มน้ำมันรอจนฟ้าเริ่มสว่างจึงขับรถกลับบ้าน เพราะว่าผมไม่กล้าที่จะขับรถต่อไป เลยครับ

    (แต่เพื่อนผมไม่ได้บอกว่ารถคันที่เกิดอุบัติเหตุนั้นเกิดที่ใด)

    ผมก็ไม่รู้ว่าจะเป็นรถคันที่เกิดอุบัติเหตุหรือเปล่าแต่ ผมจำรถคันนั้นได้เป็นรถสีม่วงครับ มันคงเป็นประสบการณ์ที่ผมคงไม่ลืมได้เลยครับ ขอบคุณครับ
    จากคุณ เต้ย ผู้ชมส่งมา
    http://www.shockfmonline.com/exp/story713.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2006
  4. olj

    olj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +2,443
    นี่ก็อีกเรื่องที่ก๊อปมาจากเว๊ปช๊อคออนไลน์ ของพี่ป๋องอีกเรื่อง

    ป่าโบราณอาถรรพ์ ตอนที่1

    สวัสดีครับ พี่ป๋อง และพี่ ๆ ทีมงานทุกคนนะครับ

    ผมติดตามรายการของพี่มาตลอดตั้งแต่ผมมีโอกาสเข้ามาเรียนที่กรุงเทพครับและผมก็มีเรื่องเล่าที่เป็นประสบการณ์ของผมเองครับ

    เมื่อตอนประมาณ 2 ปีที่แล้วช่วงปิดภาคเรียนผมมีโอกาสไปล่าสัตว์ตอนกลางคืนที่อุทยานแช่งชาติเวียงโกศัยซึ่งเป็นเขตติดต่อระหว่างจ.แพร่ กับ ลำปาง ซึ่ง อ.แม่ทะ จ.ลำปางเป็นบ้านของผมเอง แล้วมันก็ติดกับอุทยานแห่งชาติแห่งนี้

    คืนนั้นคุณพ่อชวนผมว่าเราไปล่าสัตว์กันซึ่งผมเองก็ชอบการลุยป่าแบบนี้อยู่แล้วแต่การไปเที่ยวป่าล่าสัตว์กลางคืน

    ครั้งนั้นก็เป็นครั้งแรกของผมพอไปถึงที่บริเวณป่าก็ต้องจอดรถไว้ข้างนอกเพื่อที่เสียงรถจะได้ไม่ไปรบกวนสัตว์ป่าแล้วก็เดินเท้าเข้าไปเป็นระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร

    ระหว่างที่เดินไปผมก็คุยกับคุณพ่อตามประสาพ่อลูกแล้วผมก็เอ่ยขึ้นว่า"พ่อว่าป่านี้ดุหรือเปล่า"

    แล้วคุณพ่อก็พูดว่า "อย่าไปพูดอย่างนั้นเข้าป่าอย่าพูดถึงเรื่องพวกนี้"

    ผมก็พูดเชิงเล่น ๆ ว่า "พ่อกลัวหล่ะซิครับ" แล้วก็พูดต่อ โดยที่คุณพ่อไม่ทันจะท้วงอะไร

    "ถ้าเป็นผมไม่กลัวหรอก มาซิจะจับไปอยู่ในบ้านผีสิงแข่งกับ Dream World ซะเลย

    "ทันใดนั้นก็เหมือนกับว่ามีลมวูบใหญ่พัดผ่านตัวผมไปแต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไร

    แล้วคุณพ่อก็ด่าผมแล้วบอกให้รีบขอขมาเจ้าป้าเจ้าเขาซะแล้วก็เร่งเดินเท้าเพื่อที่จะได้ถึงที่ห้างล่าสัตว์ก่อนมืดซึ่งห้างล่าสัตว์นี้ก็เป็นของใครก็ไม่ทราบ สูงจากพื้นประมาณ 6 เมตร เราก็นั่งรอสัตว์ป่าอยู่ประมาณ 4 ชั่วโมงได้

    เวลานั้นก็เป็นเวลาประมาณ 5 ทุ่มได้ก็เริ่มเสียงของสัตว์ป่าตัวเล็ก ๆ ออกหากินนั่นก็คือกระต่ายนั่นเองแล้วก็เล็งปืนไปที่กระต่ายสีน้ำตาลตัวนั้น เสียงปืนนัดแรกก็ดังขึ้นแต่ไม่โดนกระต่ายตัวนั้น แล้วทันใดนั้นหลอดไฟที่คุณพ่อใช้ก็ดับขึ้นมาดื้อ ๆโดยไม่ทราบสาเหตุ และก็ใช้การไม่ได้

    คุณพ่อหาหลอดไฟสำรองในถุงย่ามแต่ไม่มีเพราะว่าคุณพ่อลืมมันไว้ในรถที่จอดห่างจากที่นั่นตั้ง 5 กิโลเมตรแล้วก็เอาที่ไฟติดตัวผมอยู่ ไป เพื่อที่จะส่องทางไปเอาหลอดไฟซึ่งเป็นของสำคัญมากในการล่าสัตว์ แล้วทิ้งไฟฉายไว้ให้ผม

    ช่วงระยะเวลาที่คุณพ่อเดินทางไปเอาหลอดไฟนั้นผมก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรซักอย่างมาหายใจอยู่ข้างผมผมก็หันไปมองแต่ไม่มีอะไร

    ผมคิดว่าผมหลอกตัวเอง แล้วซักพักก็ได้ยินเสียงเหมือนมีสัตว์ฝูงใหญ่มาขุดอะไรอยู่ที่ใต้ห้างล่าสัตว์ผมก็เอาไฟส่องดูก็เป็นหมูป่า 4 ตัวกำลังใช้ปากของมันขุดดินอยู่แล้วผมก็ปิดไฟนั่งอยู่เฉย ๆ ด้วยความเงียบที่ว่ายุงก็ห้ามตบเด็ดขาดมีแต่เสียงของลมหายใจกับ กับเสียงสัตว์ป่าเล็ก ร้องระงมทั่วป่าเ

    วลาหลังจากที่คุณพ่อไปเอาหลอดไฟนั้นผ่านไปเพียงแค่ 1ชั่วโมงเท่านั้นผมก็ได้ยินเสียงคุณพ่อเรียกลงมาจากห้างซึ่งผมคิดว่าคุณพ่อไม่น่าจะมาถึงที่ห้างเร็วถึงขนาดนี้

    เพราะว่าตอนขามาเราก็ใช้เวลาเดินทางตั้ง 1 ชั่วโมงครึ่ง ถ้าไปกลับก็ต้อง 3ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยและยิ่งเป็นการเดินทางในตอนกลางคืนด้วยย่อมต้องลำบากกว่าตอนกลางวันแน่นอน

    และที่สำคัญคุณพ่อกำชับไว้ว่าห้ามลงจากห้างเด็ดขาด ตอนที่คุณพ่อไม่อยู่แล้วก็พยายามหลับตาเพื่อที่จะได้ตั้งจิตคิดอธิษฐานถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้วทำสมาธิอยู่พักหนึ่งเสียงแรกนั้นก็หายไปแล้วผมก็เริ่มรู้แล้วว่าเสียงนั้นไม่ใช่เสียงคุณพ่อแน่นอนแล้ว

    การรอคอยคุณพ่อของผมก็ผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งก็เกือบจะตีสองแล้วในเวลานั้น แล้วก็มีเสียงคุณพ่อมาเรียกอีกทีซึ่งครั้งนี้ก็น่าจะเป็นคุณพ่อของผมจริง ๆเพราะก็ใกล้เคียงกับเวลาที่คุณพ่อควรจะมาถึงได้แล้วแล้วเสียงนั่นก็บอกให้ผมลงมาจากห้าง แล้วก็บอกว่าหาของไม่ได้แล้วก็จะกลับบ้านแล้ว ผมก็เชื่อปีนบันไดลงมาจากห้างเดินตามใครที่ไม่ใช่คุณพ่อของผมไป ผมเดินตามหลังไปได้ประมาณ 20 นาที อยู่ดี ๆคน ๆ นั้นก็หายไปต่อหน้าต่อตา

    ตอนนั้นผมก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ธรรมดาแล้วตอนนี้แล้วผมก็วิ่งกลับหลังเพื่อที่จะมาที่ห้างเดิมแต่ผมก็มีความรู้สึกว่าเหมือนผมวิ่งเข้าป่าไปอย่างไม่รู้ตัวพร้อมกับความกลัวผมก็ได้ทิ้งสิ่งของและไฟส่องทางผมไประหว่างทางผมวิ่งโดยที่ไม่ได้มองข้างหลังเลย

    จนกระทั่งเหนื่อยผมก็ได้พักใต้ต้นไม้ใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหนแล้วก็นั่งพักใต้ต้นไม้ต้นนั้นแล้วท่ามกลางความมืดนั้นก็เริ่มปรากฏร่างของคนจำนวนมากเอาเป็นว่ามีประมาณ 100คนได้ มีทั่งเด็กและผู้ใหญ่และก็คนแก่แต่ตาทุกคนแดงก่ำการแต่งตัวเป็นการแต่งตัวแบบคนเหนือโบราณคือที่เป็นผู้ชายไม่ใส่เสื้อเลยแม้แต่คนเดียว ผู้หญิงนุ่งผ้าถุงสั้นแค่เข่าผ้าโพกหัว เสื้อเป็นแบบคอเหมือนเสื้อคอวี แต่เป็นเสื้อทอด้วยมือ สีดำแล้วพูดภาษาอะไรก็ไม่ทราบซึ่งผมก็ฟังไม่รู้เรื่อง จะว่าเป็นภาษาเหนือก็ไม่ใช่แต่เสียงนั่นเหมือนเสียงบ่นพึมพำมากกว่า

    แล้วผมก็รู้ว่าไม่ใช่คนแน่นอนแล้วก็ได้วิ่งต่อไปทางด้านหลังต้นไม้ แล้ววิ่งไปได้สักพักผมก็เจอลำธารน้ำไหลเสียงดังไปไกลมาก ผมก็ได้แหวก พุ่มไม้เล็ก ๆ เพื่อที่ได้ทะลุไปสู่ลำธารแต่แล้วเมื่อผมทะลุลำธาร ผมก็เห็นคนเป็นผู้หญิงที่ใส่ชุดคล้าย ๆกับคนที่ผมกำลังวิ่งหนีมา กำลังซักผ้าอยู่เยอะมาก ประมาณ 10 กว่าคนได้คุยกันด้วยสำเนียงและภาษาเดิม และผมก็ได้วิ่งลงไปตามลำธารเพราะผมคิดว่าถ้าวิ่งลงไปตามลำธารจะต้องหมู่บ้านคนแน่นอน

    ตอนนั้นผมต้องค่อย ๆเดินเพราะว่ารองเท้าของผมไม่มีแล้วไม่รู้ว่ามันหลุดหายไปตอนไหนและช่วงเวลานั้นก็ใกล้สว่างแล้วแต่ผมยิ่งเดินก็เหมือนกับยิ่งเดินเข้าป่าลึกเข้าไปทุกที พ่อเช้าผมเริ่มหิวเดินมาที่แห่งหนึ่ง มีต้นขนุนจำนวนมากขึ้นอยู่ซึ่งแต่หล่ะต้นมีขนาดใหญ่มากและลูกของมันก็เยอะมาก

    ผมดูนาฬิกาก็เป็นเวลาประมาณ 7โมงเช้าแล้วและเรื่องที่ผมหายตัวไป ตอนนั้นผมคิดว่าทางบ้านก็คงรู้แล้วและเวลานั้นผมก็หิวมากก็ไม่รู้จะกินอะไร แล้วก็ได้ปีนขึ้นบนต้นขนุนได้ขนุนสุกลูกหนึ่งลูกใหญ่มากผมก็ได้กินขนุนลูกนั้นได้นิดเดียวเพราะมันมีขนาดใหญ่มากก็ต้องทิ้งไปเพื่อที่จะได้เดินทางหาทางออกจากป่านี้ แล้วผมก็เดินทางต่อซึ่งป่าที่ผมเดินเข้าไปต้นไม้ยิ่งมีขนาดใหญ่ขึ้น และก็มีพวกมอสขึ้นเต็มไปหมดเลย

    พอเดินไปอีกนิดหนึ่ง ก็เป็นป่าต้นไผ่แล้วผมก็เดินทะลุป่าไผ่ไป ซึ่งผมต้องคอยดึงหนามไผ่ออกจากเท้าด้วยแล้วก็เริ่มมีแสงสว่าง ผมก็คิดว่าผมจะเจอบ้านคนแล้วแต่ความจริงแล้วผมได้เดินขึ้นไปยอดเขาซึ่งมาชื่อว่า "ยอดสันป่าดำเปียง" ข้างบนมีแกลบข้าว ซึ่งเป็นลักษณะแกลบที่เป็นการตำ หรือว่าการซ้อมมือมีที่ตำข้าว กระด้งและอุปกรณ์ในการตำข้าวอย่างพร้อมเพรียงเรื่องที่ผมเล่ามันยาวมาก มีต่อตอนที่ 2 ครับ

    จาก Bhatajarin Roadsoponwanisayakun
    http://www.shockfmonline.com/exp/story053/story053.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2006
  5. olj

    olj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +2,443
    เรื่อง คืนพระจันทร์เต็มดวง

    สวัสดีครับผม ประสบการณ์นี้เกิดขึ้นกับผมเมื่อประมาณ 2 เดือนกว่าที่ผ่านมา

    ตอนนั้นผมไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อน (ขอใบ้ว่าอยู่แถว ๆ ภาคตะวันตก เป็นจังหวัดใหญ่) ผมจำได้ติดตาเลยครับกับภาพที่เห็นตอนนั้น

    เรื่องของเรื่องก็คือ ผมกับเพื่อนอีก 1 คนกำลังขับรถมอเตอร์ไซค์ไปซื้อของมากินกันตอนกลางคืน ตอนที่ขับรถออกไปกันก็ประมาณ 6 โมงเย็นแล้วครับ และแน่นอนต่างจังหวัด 6 โมงเย็นมันก็มืดแล้ว ไฟข้างทางก็มีสลัว ๆ บ้าง ตอนไปก็ไม่มีอะไรหรอกครับ

    แต่ตอนกลับนั้นสิ ผมจำไม่ผิดน่าจะประมาณสัก 3 ทุ่มครับ เพราะผมกับเพื่อนแวะกินอาหารกลางทางเพราะหิว ตอนนั้นแสงสว่างจากดวงจันทร์เต็มดวงสาดส่องลงมา ทำให้มองเห็นถนนได้ เพื่อนผมเป็นคนขับรถมอเตอร์ไซค์ครับ มันขับอย่างเร็วเพื่อที่จะไม่ให้เพื่อน ๆ ที่อยู่ที่บ้านพักรอนาน

    แต่ระหว่างนั้นขณะที่รถขับผ่าน ผมก็เหลือบไปเห็นทุ่นอะไรก็ไม่รู้สีขาว ๆ อยู่ตรงกลางถนน เพื่อนผมเห็นก็หยุดรถทันที พวกผมอยู่ห่างจากทุ่นสีขาว ๆ นั่นประมาณ 7 เมตรได้ครับ

    จนผมกับเพื่อนแน่ใจแล้วว่าทุ่นที่ว่านั้นมันเหมือนกับศพคนที่นำผ้าขาวมาพันกันรอบตัว (เหมือนมัมมี่) แต่ลักษณะจะหันหลังให้พวกผม

    ผมกับเพื่อนตกใจมากครับ นึกว่ารถขนศพทำศพตกไว้หรือเปล่า หรืออาจเป็นพวกมิจฉาชีพมาคอยดักปล้นอยู่ เพราะแถวนี้มีการปล้นฆ่ากันตายอยู่บ่อยครั้ง

    ผมกับเพื่อนถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลยครับ เมื่อไอ้ทุ่นที่ลักษณะคล้ายศพที่ผมว่า มันหันมานอนหงานหน้าขึ้นฟ้า แล้วก็ค่อย ๆ เอี้ยวตัวหันหน้ามาหาพวกผม ด้านหน้าของมันเต็มไปด้วยเลือด มันน่ากลัวมากเลยครับ

    ผมกับเพื่อน ๆ จะกลับไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ตามเดิมก็ใช่ที่ เพราะกลัวเจ้าสิ่งนั้นมันจะมาทำอะไร

    จู่ ๆ เจ้าศพผีที่ว่ามันลุกขึ้นมา แล้วเดินเข้ามาหาพวกผมอย่างช้า ๆ พวกผมไม่รออะไรอีกแล้วครับ รีบขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ขับกลับไปทางเดิมทันที

    ผมเหลียวหันมามองดูมัน ปรากฎว่าจากที่มันเดินเข้ามาหาผม มันค่อย ๆ วิ่งเข้ามาเรื่อย ๆ ครับ ผมบอกให้เพื่อนขับรถหนีเร็ว ๆ

    แต่ในที่สุดรถมอเตอร์ไซค์ของผมก็ล้มลงอย่างจัง ผมกับเพื่อนไถลไปตามถนนกับรถ สักพักทุกอย่างก็อยู่ในความเงียบสงบครับ มีแต่แสงจันทร์สว่างสาดส่องมา ไม่มีรถสักคันที่วิ่งผ่านมาทางนี้ ผมได้สติอยู่ครับเลยหันไปหาเพื่อน เห็นเพื่อนผมสลบอยู่ ผมพยายามลุกแต่ก็ลุกไม่ไหว และแล้วศพที่ผมเห็นมันก็ค่อย ๆ ชะโงกหน้ามาหาผม มันมีกลิ่นเหม็นสาบมากครับ ผมตกใจกลัวสุดขึดเลยหมดสติไป รุ้สึกตัวอีกทีก็เห็นตัวเองนอนอยู่ที่โรงพยาบาลกับเพื่อนแล้ว เหตุการณ์สยองขวัญของผมก็มีเท่านี้แหละครับ

    จากคุณ ธนพนธ์ ยิ่งยง ผู้ชมส่งมา
    http://www.shockfmonline.com/exp/story530.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2006
  6. olj

    olj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +2,443
    เรื่อง ชีวิตหลังความตาย

    เมื่อต้นปี 46 พี่สะใภ้ของผมได้เสียชีวิตลงเนื่องจากอุบัติเหตุ

    พี่สะใภ้ผมชื่อ นา เป็นคนนั่งและมีเพื่อนผู้ชายอีกคนเป็นคนขับ ซึ่งบริเวณที่เกิดเหตุเป็นทางเบี่ยง (ทางโค้งเล้ก ๆ ประมาณ 20 องศง) และมีต้นไม่ใหญ่ขนาด 2 คนโอบอยู่ข้างทาง

    หลังงานศพผ่านไป แม่พี่นาได้ไปให้หลวงพ่อที่นับถือกันลองสื่อถึงวิญญาณของพี่นาด้วยวิธีการเข้าทรง

    ครั้งแรกที่ไปนั้นก็บอกหลวงพ่อว่าจะมาให้ช่วยเข้าทรงหาลูกสาวให้

    หลวงพ่อถามกลับมาทันทีว่า ผู้หญิงคนที่ใส่เสื้อสูทสีน้ำตาลทับเสื้อเชิ๊ตขาวใช่มั๊ย เห็นมานั่งร้องไห้แถวนี้หลายวันแล้ว จะได้เรียกมาถูกคน

    แม่พี่นาก็บอกว่าใช่ เพราะเป็นชุดที่พี่นาใส่วันเกิดเหตุ

    จากนั้นก็เริ่มพิธีเข้าทรง แม่พี่นาก็ถามว่าทำไมถึงเกิดอุบัติเหตุ คนขับหลับในหรือเปล่า

    พี่นาในร่างหลวงพ่อก็บอกว่า เปล่า เหมือนมีอะไรก็ไม่รู้วิ่งตัดหน้ารถ เพื่อนเขาก็เลยหักหลบก็เลยเสียหลัก

    (ซึ่งในการพูดคุยครั้งนี้ เสียงที่ได้ยินก็เป็นเสียงหลวงพ่อ แต่ลักษณะการพูดจาเป็นแบบของพี่นาเด๊ะ ๆ เราที่มาโดยไม่เต็มใจครั้งแรก ถึงกับขนลุกเลย)

    แม่ก็ถามต่อว่า นาตายคาที่หรือเปล่า

    พี่นาก็บอกว่า เปล่า ยังไม่ตาย ยังร้องให้คนช่วยอยู่

    (พี่ชายผมได้ถามคนแก่ที่เลี้ยงควายอยู่ตรงใกล้ ๆ ที่เกิดเหตุในวันนั้น เขาบอกว่าได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วย แต่ไม่กล้าเข้าไปช่วยเพราะรถมันมีควันออกมาและกลัวว่ารถจะระเบิด)

    แล้วอยู่ดี ๆ ก็วูบไป รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นงานศพของตัวเองแล้ว พูดจบพี่นาก็ร้องไห้ แล้วพูดต่อไปว่า วันเผาก็ได้ยินอู๊ด(พี่ชายผม)จุดธุปเรียกให้กลับบ้านด้วยตอนเผาแล้ว แต่กลับมาก็ไม่รู้อู๊ดไปไหน ไปตามที่ทำงานก็ไม่เจอ แล้วพี่นาก็บอกด้วยว่า ยังรับไม่ได้กับสภาพนี้ อยากกลับไปอยุ่กับอู๊ดกับลูก

    พอผมได้ฟังผมก้น้ำตาไหลด้วยความสงสาร วันนั่นเรากลับบ้านด้วยความหดหู่ พร้อมทั้งไปเอาเสื้อผ้าพี่นาที่ทิ้งไว้ที่ทำงานตามที่พี่นาบอกมาเผาไปให้แก พี่นาแกเพิ่งจะอายุ 38 ปี เท่านั้นเอง แต่ก็ต้องมาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง

    ยังไงถ้าเรื่องนี้มีความดีที่พอจะเป็นอุทาหรณ์เตือนสติผู้อ่านได้ ขอยกความดีและผลบุญกุศลนั่นให้พี่นาผู้ล่วงลับด้วยนะครับ

    จากคุณ ติ๊ด ผู้ชมส่งมา
    http://www.shockfmonline.com/exp/story468/story468.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2006
  7. olj

    olj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +2,443
    ขอไว้อาลัยแด่เธอผู้จากไป ขอให้ไปสู่สุขติเถิดนะ

    เรื่องนี้เป็นเรื่องของเพื่อนร่วมโรงเรียนของดิฉันเอง เราไม่ได้มีความรู้จักมักจี่อะไรกันนักหรอก เพียงแต่ว่าอยู่โรงเรียนเดียวกันก็เท่านั้น ขอใช้ชื่อสมมุติให้เธอก็แล้วกันนะคะ เธอชื่อ"อุ๊" อุ๊เป็นนักเรียนที่เรียนเก่ง หน้าตาดี ผิวพรรณสวย สะอาดสะอ้าน เธอเป็นคนที่อ่อนโยนมาก ใครเห็นใครก็รัก จะไปใหนก็มีแต่คนชอบ และสิ่งที่ทำให้ดิฉันจดจำเธอได้นั่นก็เพราะว่า เพื่อนของดิฉันแอบชอบเธอนั่นเอง จึงมักจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังบ่อยๆ

    อุ๊ เป็นรุ่นพี่ของดิฉัน 2 ปี สมัยที่ฉันเรียนอยู่ ม.1 เธอก็อยู่ ม.3 จนเธอจบมัธยมศึกษาตอนต้นไป แล้วก็คงไปเรียนต่อที่อื่น รู้สึกว่าเธอจะสอบเข้าโรงเรียนใกล้ๆบ้านเธอ เพราะว่าเธออยู่โรงโป๊ะ จังหวัดชลบุรี แต่ที่โรงเรียนของเธอนั้นอยู่อีกที่ ต้องนั่งรถค่อนข้างใกล ข้อมูลส่วนมากที่ดิฉันรู้ ส่วนใหญ่ก็มาจากเพื่อนของ ดิฉันที่แอบชอบเธอนั่นเอง

    ดิฉันเรียนที่นี่จนถึง ม.3 และเพื่อนของดิฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรอุ๊ หรือ พี่อุ๊อีกแล้ว เนื่องจากว่า พอเธอจบ ม.3 ออกไป เพื่อนดิฉันก็เลยไม่ได้เห็นเธออีก จนมาวันนึงที่อยู่ๆเมื่อได้ฟังเรื่องนี้แล้วก็ใจหาย ทั้งดิฉันและเพื่อนต่างก็รู้สึกอึ้งไปตามๆกัน

    เมื่อวันหนึ่งที่เรากำลังจะเรียนวิชาพระพุทธศาสนากัน ขณะที่กำลังรออาจารย์อยู่ สักพักก็มีนักเรียนคนหนึ่งมาบอกว่าอาจารณ์ให้นั่งอ่านหนังสืออยู่กับห้อง อาจารย์ไปธุระ งานเผาศพของศิษย์เก่า วันนั้นเราก็ไม่ได้คิดอะไร จนสักพักก็มีอาจารย์อีกท่านหนึ่งเข้ามาที่ห้อง แล้วก็บอกว่า "พวกเธอ นั่งอ่านหนังสือ ทำรายงานกันไปเงียบๆนะ อย่าเสียงดังกันล่ะ อาจารย์เขาไปงานศพ" เพื่อนนักเรียนในห้องคนหนึ่ง ก็เลยทำอาจารย์คนนั้น "อาจารย์ครับ ใครตายเหรอครับ" อาจารย์คนนั้นก็เลยบอกว่า "

    รุ่นพี่เรียนดีของพวกเธอน่ะ โดนคนเมายาบ้า มันเข้ามาในบ้าน แล้วก็เอาค้อนทุบหัวเอา แล้วก็โขมยเงินไป" พวกเราได้ยินแล้วก็สลดใจ แต่พอเพื่อนคนนั้นย้อนถามอาจารย์ว่าคนที่ตายเป็นใคร ดิฉันและเพื่อนก็ถึงกับอึ๊งเข้าไปใหญ่
    อาจารย์บอกว่า รุ่นพี่ที่ตายชื่อ นางสาว..... นามสกุล.... ชื่อเล่นของเธอคือ "อุ๊"(นามสมมุติ) บ้านอยู่แถวโรงโป๊ะ เป็นเด็กเรียนดี มีหน้ามีตาของโรงเรียนเราน่ะ เมื่อดิฉันและเพื่อนได้ยินก็ใจหายวูบไปเลย โธ่! ไม่น่าเลยนะ สวยก็สวย น่ารักอีกด้วย เรียนก็เก่ง แต่ว่าไม่น่าอายุสั้นเลย สงสารพ่อแม่ของเธอจริงๆ
    วันรุ่งขึ้นอาจารย์พระพุทธของเราจึงเข้ามาที่ห้องเรียน แล้วก็เลยเล่าเอาไว้เป็นอุทาหรณ์ให้ฟัง

    http://www.funwhan.com/story/show.php?story_id=15
     
  8. olj

    olj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +2,443
    ฝีมือน้องเขา

    สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่เปิดเว็บนี้ทุกท่านผมมีประสบการณ์ตอนผมอยู่ป.3ครับ

    ประมาณตีสองผมได้เดินทางไปเยี่ยมญาติที่ราชบุรีเพราะถ้าไม่ไปตอนนี้ก็ไม่ทันตักบาตรตอนเช้าครับ

    พ่อผมขับรถไปบนเส้นทางถนนลูกรังสองข้างทาง เป็นป่าทึบ ด้วยความง่วงพ่อผมจึงขับด้วยความเร็วแค่ 40กม.เท่านั้น(ปกติจะขับถึง90-120กม.)

    ประมาณตี2ครึ่ง ตาของพ่อผมก็ไปสะดุดกับบางอย่างที่ข้างทาง (เพราะกริยาของพ่อมันฟ้อง)

    พ่อผมจึงจอดรถและลงไปดูพร้อมกับผม

    ผมจึงเห็นผู้หญิงกับเด็กนอนอยู่ข้างทาง

    พ่อผมจึงพยุงแม่เด็ก ส่วนผมอุ้มเด็กเข้าทางเบาะหลัง

    ก่อนพ่อผมสตาร์ทรถแม่ของเด็กจึงพูดว่า"ช่วยพาฉันไปส่งโรงพยาบาลหน่อยค่ะๆๆๆ"ซ้ำกันหลายครั้ง

    พ่อผมจึงสตาร์ทรถแล้วขับรถออกไป หลังจากนั้นนัยน์ตาเจ้ากรรมที่กำลังมองกระจกรถก็เห็นแม่เด็กยื่นหัวออกมาแล้วพูดว่า

    "ช่วยพาฉันไปส่งโรงพยาบาลหน่อยค่ะๆๆๆๆ"

    จนผมกับพ่อรู้สึกว่าเจอดีเข้าให้แล้ว

    ก็เลยพยายามหาร้านขายของข้างทาง เจอร้านบะหมี่เกี๊ยว

    พ่อผมจึงจอดรถ

    แล้วพ่อผมกับผมลงไปบอกเจ้าของร้านว่าผีหลอก

    เจ้าของร้านกับพ่อผมจึงไปดูจึงเห็นว่าสองแม่ลูกนั้นหายไปเเล้ว เหลือไว้แค่น้ำโคลนแฉะเต็มเบาะหลัง

    เจ้าของร้านบะหมี่เกี๊ยวจึงเล่าว่า ที่นี่มีแม่ลูกโดนรถชนตายโดยเด็กโดนชนก่อนแล้วแม่เข้าไปอุ้มเด็กแล้วก็โดนชนอีกที ตัวเด็กตายคาที่ แล้วก็ถูกนำส่งโรงพยาบาล แม่ของเด็กก็ตาย หลังจากนั้นพ่อผมก็ไม่กล้าขับรถไปแถวนั้นอีกเลยนอกจากจำเป็นเท่านั้น

    http://www.tantee.net/board/user/topic_view.php?viewstr=jadai_clup,1,41
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2006
  9. olj

    olj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +2,443
    เท่านี้ยังไม่พอ ก็ขอเชิญที่นี่เลยครับมีอีก 8 เรื่อง

    http://www.geocities.com/konhualook/index2.html ขนหัวลุก

    1. เสียงปริศนา
    2. ท่องนรก
    3. ศพตายท้องกลม
    4. สองผู้เฒ่าในยามราตรี (ต้องขอบคุณ คุณสุภาพร ที่ส่งเรื่องผีมาให้)
    5. สัมภเวสี
    6. อาถรรพณ์เรื่อนไทย
    7. อาจารย์ห่วงสอน
    8. นางตานีโกรธ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2006
  10. olj

    olj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +2,443
    หรือจะเป็นที่นี่
    http://www.geocities.com/ghostaon/

    ห้องใต้บันได

    http://www.geocities.com/ghostaon/ban.html
    บ้านร้าง..สยอง เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของชายกลุ่มหนึ่งที่ต้องการลองของ

    http://www.geocities.com/ghostaon/glass.html
    ผีถ้วยแก้ว&วิธีเล่น

    ข้อควรระวัง!! การเล่นผีถ้วยแก้วพึงระวังและสำเหนียกอยู่เสมอว่า เมื่อตัดสินใจที่จะเล่นสื่อสารกับวิญญาณบางสิ่งที่มองไม่เห็นตัวแล้วนั้นต้องระมัดระวังให้ดี

    ผู้เล่นควรจะ เป็นผู้ที่มีสุขภาพดีและมีจิตแน่วแน่ในการที่จะเรียนรู้และสื่อสารอย่างบริสุทธิ์ใจอย่าให้ถ้วยแก้วเปิดก่อนจบการเล่น

    เพราะเชื่อถือกันว่าวิญญาณจะ อยู่ในถ้วยแก้วนั้นจนกว่าจะจบการเล่นทั้งนี้และทั้งนั้นเมื่อวิญญาณที่ออกจากถ้วยแก้วไปแล้วอาจมีใจอยากติดต่อสื่อสารกลับมาบ้างหรืออาจมีมิตรใจที่ไป เยี่ยมเยือนเพื่อนสนิทที่ร่วมคุยร่วงสนทนานั้นบ้าง ผู้เล่นก็ควรจะเตรียมพร้อมและทำใจเพราะของอย่างนี้มันแล้วแต่กรณี

    และห้องภาพ
    http://www.geocities.com/ghostaon/gallery.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2006
  11. olj

    olj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +2,443
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=14617 วัดพระบาทน้ำพุ..อ่อนแรง รายจ่าย 3.5 ล้าน/เดือน

    http://www.helpaids.worldmedic.com/thammarak/index.htm วัดพระบาทน้ำพุ

    ช่วยกันบริจาค คนละนิด คนละหน่อย วัดอยู่ได้ ชาวบ้านก็อยู่สบาย สงสารเขานะ เขาอาจจะดำเนินชีวิตพลาดไป (เคยอ่านเจอมาว่า สิ่งที่ทำแล้ว ทำคืนไม่ได้เลย สำนวนของหมอนักเขียน) ถ้าเกิดกับเราเอง เราก็คงจะแย่นะ ญาติก็ทิ้งไม่มีใครดูดำดูดีกันเลย ก็ต้องขอความช่วยเหลือจากท่านนักบุญทั้งหลาย ไม่ต้องมาก คนละนิด คนละหน่อย นะ นะ นะ ช่วยเพื่อนมนุษย์กันนะ สวัสดี
    ซึ่งท่านสามารถบริจาคโดยโอนเงินผ่านธนาคาร ดังนี้.-

    >> > ทางธนาคารโดยเข้าบัญชี “กองทุนอาทรประชานาถ”
    ธนาคารกรุงเทพ สาขาลพบุรี เลขที่บัญชี289-0-84697-1

    >> > ธนาคารทหารไทย สาขาลพบุรี เลขที่บัญชี 304-2-41277-9

    >> > ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนสุรสงคราม เลขที่บัญชี174-2-39000-0

    >> > ธนาคารไทยพานิชย์ สาขาลพบุรี เลขที่บัญชี579-2-33730-7

    >> > ธนาคารกรุงศรีอยุธยาสาขาลพบุรี เลขที่บัญชี111-1-47300-7

    >> > ธนาคารนครหลวงไทย สาขาลพบุรี เลขที่บัญชี340-2-14976-0

    >> > ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขานางเลิ้ง
    เลขที่บัญชี000-2-12022-0

    หรือจะติดต่อโดยตรงกับ พระอุดมประชาทร
    > วัดพระบาทน้ำพุ ลพบุรี
    > โทรศัพท์ 0-1831-3441 หรือ 036-413805 ต่อ 106
    > โทรสาร 036-422600
    ผู้สนใจสมทบกองทุนเพื่อมูลนิธิธรรมรักษ์นิเวศน์
    ติดต่อได้ที่

    ธนาคารกรุงเทพ สาขาลพบุรี บัญชีออมทรัพย์เลขที่ ๒๘๙-๐-๘๔๖๙๗-๑

    ธนาคารทหารไทย สาขาลพบุรี บัญชีออมทรัพย์ชื่อมูลนิธิธรรมรักษ์
    เลขที่ ๓๐๔-๒-๔๑๒๗-๙

    ร่วมบริจาค
    ทางไปรษณีย์โดยธนาณัติหรือตั๋วแลกเงินในนาม
    ดร.พระครูอาทรประชานาถ
    วัดพระบาทน้ำพุ ตำบลเขาสามยอด อำเภอเมือง ลพบุรี ๑๕๐๐๐
     
  12. olj

    olj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +2,443
    ที่ชวน ๆ น่ะ ผมก็ทำนะ
    วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ.2549 ได้โอนเงินไปแล้ว 500.00บาท
     
  13. phaktee

    phaktee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +98
    หง่ะ ป่าโบราณ ไม่มีตอนที่ 2 อ่ะ ค้างเลย
     
  14. เหมยหลินจอมขมังเวทย์

    เหมยหลินจอมขมังเวทย์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +34
    อ่านมันส์เลย เยอะดีจัง



    ค่ะ ไม่มีต่อหรอ ?
     
  15. humanbeing

    humanbeing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +214
    ขอบคุณจขกท ที่มาบอกบุญ และ นำเรื่องผีมาลงค่ะ

    ทำบุญให้วัดพระบาทน้ำพุ ครั้งละ 9 บาท ก็ได้นะคะ ทางโทรศัพท์ (แต่เคยมีคนบอกว่า ทำได้เฉพาะคนที่ใช้ AIS เท่านั้น เปลี่ยนมาใช้ DTAC เลยยังไม่ได้ลองค่ะ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...