ร่วมทำบุญบูชา ชุดเก่าตะกรุดดอกครูนามธรรมบุญหนุนส่งวาสนานำพา(เอื้อบุญ) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. techapunyo

    techapunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +1,730
    ร่วมกิจกรรม รับแจกลูกอม

    เวลาทำบุญควรอธิษฐานอย่างไร?

    คนส่วนใหญ่เวลาทำบุญมักจะอธิษฐานว่า ขอให้รวย ขอให้สุขภาพแข็งแรง ขอให้ได้เลื่อนตำแหน่ง ฯลฯ

    แต่ที่จริงแล้วมีคำอธิษฐานที่ง่าย สั้น ครบวงจร และเป็นประโยชน์ครบถ้วนกว่ามาก

    "หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ" เคยสอนเรื่องนี้ไว้ว่า เวลาทำบุญให้อธิษฐานสั้น ๆ ไปเลยว่า

    "ขอให้พบแต่ความดี ... ไม่มีความทุกข์"

    เพราะคำว่า "ความดี" นั้นรวมครบหมด ทั้งรวย สุขภาพดี มียศตำแหน่ง มีคนรักและเมตตา ฯลฯ

    ส่วน "ความทุกข์" นั้นก็หมายถึงตัดสิ่งไม่ดีออกหมดทุกอย่าง ไม่มีทุกข์ ไม่มีโรคภัย ไม่มีอุปสรรค ไม่มีศัตรู ฯลฯ

    ที่สำคัญคือ การพบแต่ความดีนั้นสำคัญมาก

    เพราะถึงแม้เราจะขอพรจนร่ำรวยได้จริง แต่ถ้าไม่มีความดี เงินนั้นเราอาจเอาไปเล่นพนัน ไปซื้อยาบ้า สุดท้ายก็พาไปนรก

    แม้จะมียศตำแหน่ง แต่ถ้าปราศจากความดีก็อาจเอาตำแหน่งนี้ไปข่มเหงรังแกคนอื่น คดโกงประเทศชาติ ก็มีนรกเป็นที่ไป

    หรือแม้จะมีแต่คนรัก คนเมตตา แต่ถ้าหากเราไม่ดี เราก็อาจกลายเป็นคนเจ้าชู้ หลอกคนนี้ให้รัก คนนั้นให้หลง สุดท้ายก็ทะเลาะตบตีกันและไปนรกกันทั้งหมู่

    "การขอให้พบความดี" จึงถือเป็นพรอันสำคัญที่สุด เพราะผู้ที่จะทำความดีต้องมีปัญญาพอที่จะรู้ว่าความดีมีประโยชน์เช่นใด

    ดังนั้น เมื่อมีปัญญา แม้จะเกิดมาจนก็ใช้ปัญญาหาเงินจนรวยได้ แม้จะเกิดมาต่ำต้อยก็ใช้ปัญญาทำงานหายศตำแหน่งมาได้ไม่ยาก หรือแม้จะเกิดมาไม่มีใครรัก แต่หากมีปัญญารู้จักพูดจา ใคร ๆ ก็จะหันมารัก

    ที่สำคัญคือ เมื่อมีปัญญาก็รู้ว่า ความชั่วไม่มีประโยชน์และไม่ควรทำ ความดีมีแต่ประโยชน์และควรทำ ดังนั้นจึงเป็นผู้มีความสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า มีแต่สุคติเป็นที่ไป ใครอยู่ใกล้ก็มีความสุข

    ดังนั้น เวลาทำบุญครั้งใด อธิษฐานง่าย ๆ ก็ได้เช่นกันว่า

    "ขอให้พบแต่ความดี ... ไม่มีความทุกข์"!!
     
  2. SIR2010

    SIR2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,956
    ค่าพลัง:
    +5,662
    lp-dool.gif
    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
    วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์

    จิตส่งออกนอก เพื่อรับสนองอารมณ์ทั้งสิ้น เป็นสมุทัย
    ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอกแล้วหวั่นไหว เป็นทุกข์
    จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
    ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นนิโรธ
     
  3. Akkra1978

    Akkra1978 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    255
    ค่าพลัง:
    +1,490
    ขอร่วมกิจกรรมครับ

    น้ำตาและมหาสมุทรทั้ง 4

    ภิกษุทั้งหลาย! สังสารวัฏนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน น้ำตาที่หลั่งไหลของพวกเธอผู้ท่องเที่ยวไปมา คร่ำครวญร้องไห้อยู่ เพราะประสบสิ่งที่ไม่พอใจ เพราะพลัดพรากจากสิ่งที่พอใจ โดยกาลนานนี้ กับน้ำในมหาสมุทรทั้ง 4 สิ่งไหนจะมากกว่ากันฯ

    ภิกษุเหล่านั้นทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกข้าพระองค์ย่อมทราบธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วว่า น้ำตาที่หลั่งไหลออกของพวกข้าพระองค์ ผู้ท่องเที่ยวไปมา คร่ำครวญร้องไห้อยู่ เพราะการประสบสิ่งที่ไม่พอใจ เพราะการพลัดพรากจากสิ่งที่พอใจ โดยกาลนานนี้แหละ มากกว่า ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง 4 ไม่มากกว่าเลยฯ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถูกละๆ พวกเธอทราบธรรมที่เราแสดงแล้วอย่างนี้ ถูกแล้ว น้ำตาที่หลั่งไหลออกของพวกเธอ ผู้ท่องเที่ยวไปมา โดยกาลนานนี้แหละ มากกว่า ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง 4 ไม่มากกว่าเลย พวกเธอได้ประสบมรณกรรมของมารดา ตลอดกาลนาน น้ำตาที่หลั่งไหลออกของเธอเหล่านั้น ผู้ประสบมรณกรรมของมารดา คร่ำครวญร้องไห้อยู่ เพราะประสบสิ่งที่ไม่พอใจ เพราะพลัดพรากจากสิ่งที่พอใจ นั่นแหละ มากกว่า ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง 4 ไม่มากกว่าเลย พวกเธอได้ประสบมรณกรรมของบิดา ของพี่ชายน้องชาย พี่สาวน้องสาว ของบุตร ของธิดา ความเสื่อมแห่งญาติ ความเสื่อมแห่งโภคะ ได้ประสบความเสื่อมเพราะโรค ตลอดกาลนาน น้ำตาที่หลั่งไหลออกของเธอเหล่านั้น ผู้ประสบความเสื่อมเพราะโรค คร่ำครวญร้องไห้อยู่ เพราะประสบสิ่งที่ไม่พอใจ เพราะพลัดพรากจากสิ่งที่พอใจ นั่นแหละมากกว่า ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง 4 ไม่มากกว่าเลย ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าสงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้ พอทีเดียวเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอเพื่อจะคลายกำหนัด พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้ฯ

    พระไตรปิฎก เล่มที่ 16 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 8 สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่ทรงพล ET 7947 0540 8 TH

    พี่ศิระ ET 7947 0541 1 TH

    พี่ฐิตกาญจน์ ET 7947 0542 5 TH
     
  5. แปดเหลี่ยม

    แปดเหลี่ยม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2013
    โพสต์:
    831
    ค่าพลัง:
    +559
    ร่วมเล่นเกมครับ
    D05E6946-C9B3-460F-BAAB-1087CAF06E3F.jpeg
     
  6. thitiwatyu

    thitiwatyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2010
    โพสต์:
    379
    ค่าพลัง:
    +343
    ขอร่วมกิจกรรมครับ
    มโน ปุพพังคมา ธัมมา มโน เสฏฐา มโน มยา -ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จแล้วด้วยใจ.....

    จิตเป็นใหญ่ เป็นผู้บงการกาย-วาจา และรับผลจากการคิด-พูด-ทำนั้นๆด้วย หลักสำคัญที่สุด คือ สติ เจริญไว้เสมอเพื่อให้ไปควบคุมจิต ให้รู้เท่าทันตามความเป็นจริงไว้เสมอพระอรหันต์ไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่า มีสติรู้เท่าทันในทุกๆอิริยาบถ ทุกๆอารมณ์ (แปลคำตอบของอ.คุณแม่เกษร สุทธจิตฯ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2017
  7. P Safe

    P Safe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +328
    :ร่วมเล่นเกมส์ครับ

    ถ้าจิตยอมรับในกฎไตรลักษณ์ จิตจะปล่อยวางในขันธ์ห้าเองใช่ไหมคะ ?
    ตอบ : ถ้ายอมรับในกฎไตรลักษณ์จะปล่อยวางในทุกเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะขันธ์ ๕

    ถาม : ตอนที่ปฏิบัติวันนี้ โยมพิจารณาในกฎของไตรลักษณ์ ว่าที่ทุกข์เพราะจิตไม่ยอมรับในกฎไตรลักษณ์จริง ๆ แล้วก็เกิดความรู้สึกเบา สว่าง สบาย เป็นเพราะเหตุใดคะ โยมทำผิดหรือไม่คะ ?
    ตอบ : ขอให้ทำผิดแบบนี้บ่อย ๆ..!

    ถาม : ถ้าจิตยอมรับในกฎของไตรลักษณ์จริง จะพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดไหมคะ ?
    ตอบ : ยอมรับอย่างแท้จริง ปล่อยวางได้ทุกอย่างก็ไปได้ แต่ถ้ายอมรับแล้วปล่อยวางไม่หมดก็ไปไม่ได้

    การยอมรับกฎของไตรลักษณ์นั้นมีตามลำดับชั้น ยอมรับแบบปุถุชน ยอมรับแบบผู้ทรงฌาน ยอมรับแบบพระอริยเจ้า เพราะฉะนั้น...ไม่ใช่ยอมรับเฉย ๆ แล้วจะไปได้ ต้องยอมรับแบบปล่อยวางได้ทั้งหมดด้วย

    พระอาจารย์เล็ก. วัดท่าขนุน
     
  8. Passion309

    Passion309 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2016
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +11
    ร่วมเล่นเกมส์ครับ
    หลวงปู่รับนิมนต์ไปโปรดญาติโยมที่กรุงเทพฯ เมื่อ ๓๑ มีนาคม ๒๕๒๑ ในช่วงสนทนาธรรม ญาติโยมสงสัยว่าพุทโธ เป็นอย่างไร หลวงปู่ได้เมตตาตอบว่า

    เวลาภาวนาอย่าส่งจิตออกนอก ความรู้อะไรทั้งหลายทั้งปวงอย่าไปยึด ความรู้ที่เราเรียนกับตำหรับตำรา หรือจากครูบาอาจารย์ อย่าเอามายุ่งเลย ให้ตัดอารมณ์ออกให้หมด แล้วก็เวลาภาวนาไปให้มันรู้ รู้จากจิตของเรานั่นแหละ จิตของเราสงบเราจะรู้เอง ต้องภาวนาให้มากๆเข้า เวลามันจะเป็น จะเป็นของมันเอง ความรู้อะไรๆให้มันออกมาจากจิตของเรา

    ความรู้ที่ออกจากจิตที่สงบนั่นแหละเป็นความรู้ที่ลึกซึ้งถึงที่สุด ให้มันรู้ออกมาจากจิตนั่นแหละมันดี คือจิตมันสงบ

    ทำจิตให้เกิดอารมณ์อันเดียว อย่าส่งจิตออกนอก ให้จิตอยู่ในจิต แล้วให้จิตภาวนาเอาเอง ให้จิตเป็นผู้บริกรรมพุทโธ พุทโธอยู่นั่นแหละ แล้วพุทโธ เราจะได้รู้จักว่า พุทโธ นั้นเป็นอย่างไร แล้วรู้เอง...เท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรมากมาย.

    จาก หลวงปู่ฝากไว้ ของ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2017
  9. progress por

    progress por สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2015
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +45
    ร่วมเล่นเกมส์
    "พระในเรือน"

    .....พระพุทธเจ้าย้ำหนักย้ำหนาว่า การอุปัฏฐากเลี้ยงดูบิดามารดาเป็นมงคลอันสูงสุด มงคล ก็หมายถึงสิ่งที่ดีงามในชีวิตของเรา ผู้มีความสำนึกในพระคุณของบิดามารดาย่อมเป็นผู้ที่มี กาย วาจา สงบเรียบร้อย ใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความกตัญญูกตเวที รู้จักบุญคุณของบิดามารดา

    ถ้าหากเราเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่เราไม่ดี เราไปตักบาตรพระล้านครั้ง ไม่เท่าเรายื่นอาหารให้คุณพ่อคุณแม่เรารับประทานเพียงครั้งเดียว คนเราในเมื่อเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ไม่ดี ไปเที่ยวหาเลี้ยงคนอื่นมันจะมีประโยชน์อะไร

    เรามีมือสองข้าง ก่อนจะยกมือไหว้คนอื่น ให้ประคองไหว้พ่อแม่ของเราก่อน ก่อนจะออกจากที่หลับที่นอน ให้กราบหมอน ๓ ที ประนมมือขึ้นเหนือหว่างคิ้ว อธิษฐานจิตว่า เราขอกราบไหว้บิดามารดาของเรา แล้วจึงค่อยไปไหว้คนอื่น ถ้าเรามีทรัพย์สมบัติสิ่งของ ก่อนที่หยิบยื่นให้ใครต่อใคร ควรจะประเคนให้บิดามารดาของเราก่อนอื่น.

    "หลวงพ่อพุธ ฐานิโย" พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  10. พิชญากร

    พิชญากร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    909
    ค่าพลัง:
    +5,261
    -:- สังโยชน์ ๑๐ -:-

    สังโยชน์ แปลว่า กิเลสเป็นเครื่องร้อยรัดจิตใจให้ตกอยู่ในวัฏฏะ มี ๑๐ อย่างด้วยกันคือ
    ๑. สักกายทิฏฐิ เห็นว่าร่างกายเป็นเรา เป็นของเรา เรามีในร่างกาย และร่างกายคือเรา (คำว่าร่างกายในที่นี้หมายถึงขันธ์ ๕)
    ๒. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในคุณพระรัตนตรัย โดยคิดว่าอาจช่วยให้บรรลุผลไม่ได้จริง
    ๓. สีลัพพตปรามาส รักษาศีลแบบลูบๆ คลำๆ คือไม่รักษาศีลจริงจังเคร่งครัดตามสมควร
    ๔. กามฉันทะ มีจิตมั่วสุมหมกมุ่น ใคร่อยู่ในกามารมณ์เป็นปกติ
    ๕. พยาบาท มีอารมณ์ผูกโกรธ จองล้างจองผลาญเป็นปกติ
    ๖. รูปราคะ ยึดถือมั่นในรูปฌาน โดยคิดว่ารูปฌานเป็นคุณธรรมพิเศษสูงสุดที่ทำให้พ้นจากวัฏฏะ
    ๗. อรูปราคะ ยึดมั่นในอรูปฌาน โดยคิดว่าอรูปฌานเป็นคุณพิเศษที่ทำให้พ้นจากวัฏฏะ
    ๘. มานะ มีอารมณ์ถือตัวถือตน ถือชั้นวรรณะเกินพอดี
    ๙. อุทธัจจะ มีอารมณ์ฟุ้งซ่าน ครุ่นคิดอยู่ในอกุศล มีอกุศลวิตกเป็นอารมณ์
    ๑๐. อวิชชา มีความคิดเห็นว่า โลกามิสเป็นสมบัติที่ทรงสภาพไม่เปลี่ยนแปลงไม่สลายตัว
    กิเลสทั้ง ๑๐ ประการนี้ ท่านเรียกว่า สังโยชน์ เพราะเป็นกิเลสเครื่องร้อยรัดจิตใจของสัตว์ผู้ข้องให้จมอยู่ในวัฏฏะ

    นักเจริญวิปัสสนาญาณต้องรู้ไว้ และพยายามกำจัดกิเลสทั้ง ๑๐ ประการนี้ให้เด็ดขาดไปเป็นขั้นๆ ตามกำลังของสมาธิ และวิปัสสนาญาณ

    ผู้ใดกำจัดกิเลสนี้ได้ตั้งแต่ข้อ ๑ ถึงข้อ ๓ ท่านว่าท่านผู้นั้นได้บรรลุพระโสดาและพระสกิทาคา

    ถ้าตัดกิเลสได้ ๕ ข้อ คือ ข้อ ๑ ถึงข้อ ๕ ท่านว่าท่านผู้นั้นได้บรรลุพระอนาคามี

    ถ้าตัดกิเลสได้เด็ดขาดหมดทั้ง ๑๐ ข้อ ท่านผู้นั้นได้บรรลุพระอรหัตตผล


    หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
    คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน หน้า 22
     
  11. อนันตภพ

    อนันตภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,175
    ค่าพลัง:
    +2,969
    คำสั่งสอนของพระพุทธองค์นั้นเล่า
    จะมาจากสรวงสวรรค์
    พระเจ้าประทานให้ก็มิใช่
    เป็นสัจธรรมความจริง
    หรือสภาวธรรมที่มีอยู่ตามธรรมชาติ

    สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
     
  12. ไปในภพภูมิ

    ไปในภพภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +433
    คนฉลาดทำเคราะห์ให้เป็นโอกาส
    แต่คนประมาททำโอกาสให้เป็นเคราะห์

    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต)
     
  13. นิติทอง

    นิติทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +585
    ร่วมเล่นเกมส์ครับ images (1).jpeg
     
  14. PALA 5

    PALA 5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    293
    ค่าพลัง:
    +822
    ขอร่วมกิจกรรม

    ธรรมะบางข้อของ บรมครูพระเทพโลกอุดร

    ๑. ธรรมะของท่านต้องเกิดจากการปฎิบัติเท่านั้น
    ๒. ต้องมีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก
    ๓ อยากรู้ธรรมะหรือคำสอนของท่านให้ดูจิตตนเอง
    ๔. ให้รักผู้อื่นเหมือนที่รักตน
    ๕. ให้ทำตัวเหมือนน้ำ
    - น้ำไปได้ทุกสถานที่ อยู่ในน้ำ ในอากาศ ในดิน
    - น้ำอยู่ได้ทุกสภาวะ เป็นไอน้ำ เป็นน้ำ เป็นน้ำแข็ง
    - น้ำให้ความชุ่มชื่น สดชื่น แก้กระหาย น้ำให้ชีวิต และทำลายชีวิต
    - น้ำให้ความความเย็น ให้ความร้อน
    - น้ำมีรูปร่างต่าง ๆ กันตามรูปร่างของภาชนะ
    - น้ำใช้ล้างความสกปรกให้สะอาด ฯลฯ
     
  15. chaiwatana

    chaiwatana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +279
    ร่วมเล่นเกมส์ครับ

    หากยังแสวงหา แสดงว่าเรายังขาด ยิ่งดิ้นรนมากยิ่งแสดงถึงความขาดมาก สมัยเรียนใหม่ๆผมเคยนั่งสมาธิจนสงบเป็นสุขระดับนึงแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่เข้าภาวะนั้นอีก จึงร้อนรนคิดหาเหตุผลแสวงหาหนทาง พอไปกราบหลวงปู่ทองสุข (วัดโพธิ์ชัยนิมิต(วัดบ้านเมืองเจีย)) ท่านก็คงทราบ เลยแก้กรรมฐานคลายความกังวลให้ ท่านพูดเพียงว่า....ของมันมีอยู่ในตน ไม่ต้องแสวงหา ดูไปดูมาก็เจอเอง ยิ่งแสวงหา จิตยิ่งห่างจากกาย ความเป็นหนึ่งก็จะหายไป......คำพูดท่านน้ำเสียงท่านสีหน้าท่าน ทำให้ผมไว้ใจและเลิกกังวลอยากได้ ในที่สุดก็ได้พบภาวะนั้นอีกแสนบ่อยเหมือนท่านว่ายิ่งหายิ่งห่าง
    Cr : Facebook คมเดช โพนเงิน
     
  16. ไทร..เทวา

    ไทร..เทวา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2017
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +10
    ขอร่วมกิจกรรม...
    เรื่อง "การสร้างบุญเมื่อพอแล้วพอที่ใจ"

    นี่ละการสร้างบุญสร้างกุศลเมื่อพอแล้วมาพอที่ใจนะ
    เพราะใจเป็นดวงแสวงหาเสาะๆ อยู่อย่างนั้นตลอด
    พอใจพอความดีทั้งหลายแล้วปล่อยหมดโดยสิ้นเชิง
    ให้พากันสร้างนะความดี มีวันเต็มวันพอได้
    ถ้าสร้างแต่กิเลสแล้วไม่มีวันพอ เดินไปตามถนนหนทางก็เห็น
    ไปที่ไหนหรูหราฟู่ฟ่า เวลาตายแล้วก็ทิ้งเกลื่อน
    ไม่เห็นมีอะไรติดเนื้อติดตัวไป

    ถ้าเป็นฝ่ายสร้างเป็นกุศลแล้ว ตายแล้วติดไปเลย ติดเจ้าของไปเลย
    ถ้าเป็นเรื่องของโลกๆ สร้างด้วยความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม
    ให้เขายกยอปอปั้นอย่างนี้แล้วก็เป็นโมฆะไม่เกิดประโยชน์อะไร
    สร้างให้เป็นบุญเป็นกุศลจริงๆ
    ได้พอแล้วพอ ไม่เอาอะไรแหละ
    ...ที่มาหลวงตามหาบัว..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2017
  17. BKSK

    BKSK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +158
    ขอร่วมกิจกรรมครับ
    ยอดคำสอน

    พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท) วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี
    ถ้าเราเอาชนะตัวเอง

    มันก็จะชนะทั้งตัวเองชนะทั้งคนอื่น

    ชนะทั้งอารมณ์ ชนะทั้งรูป ทั้งเสียง ทั้งกลิ่น

    ทั้งรส ทั้งโผฎัฐพพะ

    เป็นอันว่าชนะทั้งหมด
     
  18. ออนเนอร์

    ออนเนอร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +258
    จงมองตนเองเพื่อแก้ไข
    และมองคนอื่นเพื่อให้อภัย
    จะอยู่สุขใจ และเป็นอิสระ

    หลวงปู่ศรี มหาวีโร
     
  19. กัญจน์11

    กัญจน์11 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2016
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +109
    ร่วมเล่นเกมส์
    การเตือนผู้อื่น
    ไม่ให้หลงผิดได้นั้น
    เป็นสีงที่ดี
    แต่การเตือนตน
    ให้ได้ดีกว่า
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
     
  20. paramajan_t

    paramajan_t Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +112
    ร่วมเล่นเกมส์ครับ

    เรื่อง "บัวใต้น้ำดีเด่น ฉลาดเกินธรรม เก่งเกินกรรม"


    ...ไปเถอะไปถือศีลภาวนา มันเป็นเรื่องดี คนบางคนอยู่วัดนาน เข้าวัดนาน จนยึดว่าวัดเป็นของเขา ของวัดเป็นของเขา พระในวัดก็เป็นพระของเขา อยู่จนชิน ชินบาปชินกรรม ไปวัดแทนที่จะไปเอาบุญไปเอาความดี กลับไปจับผิดจับชั่วคนอื่น พระท่านเทศน์ท่านสอนก็ไม่ฟังซะแล้ว หูมันสูงกว่าธรรมะ สูงกว่าพระเทศน์ บางคนมีตำแหน่งหน้าที่ในวัด บางคนมีหน้าที่ทางสังคม เป็นครูเป็นอาจารย์ เลยเป็นกะลาคว่ำ ฝนตกไม่เข้าในกะลา คนแบบนี้หลวงปู่เรียก "พวกบัวใต้น้ำดีเด่น"

    ปทปรมะ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนโง่นะ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนไม่เข้าวัดนะ บางคนฉลาดเกินธรรม ฉลาดเกินกรรม ฉลาดมากๆ ก็ไม่เห็นธรรมนะ ฉลาดในทางโลก ในทางถือตัวถือตนคิดว่าตนสูงกว่าคนอื่น จนลืมว่าดอกบัวของตัวเองกำลังหันลงสู่โคลน มีแต่นับวันจะจมลงเรื่อยๆ บัวชนิดนี้ บางดอกเป็นดอกเตอร์ บางดอกเป็นอาจารย์ บางดอกเป็นพลโท พลเอก บางดอกเป็นมรรคทายกก็มี นั้นหล่ะหลวงปู่จึงเรียก "บัวใต้น้ำดีเด่น"

    (คติธรรมจาก หลวงปู่หา สุภโร วัดสักกะวัน)
     

แชร์หน้านี้

Loading...