ว่าด้วยความตาย

คงมีใครอีกหลายคน ที่เคยสงสัยว่าหลังจากเราตายไปแล้วจะเป็นอย่างไร สุดแล้วแต่ความเชื่อใครความเชื่อมัน หรืออาจจะตายแล้วจบก็ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดก็ได้(ประมาณว่าเลวเกินกว่าวัฏจักรจะรองรับเลยให้หลับไปนานๆ จนลืมหมดทุกอย่างหรือเรื่องซาแล้วค่อยเกิดมาใหม่ให้พ่อแม่ที่เคลียร์ตนเองจนพร้อมจะเลี้ยงดูลูกของตนให้เป็นคนดี(ดีอย่างแท้สำหรับวัฏจักร)ได้แล้วแล้วค่อยมาเกิด) ซึ่งธรรมชาติก็มีระบบเป็นวัฏจักร และคัดกรองกลั่นกรอง แม้แต่ กรองจิตวิญญาณและบำบัดจิต(เหมือนการบำบัดน้ำเสีย)

จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้ศึกษาโดย เคลียร์ตามสมมติฐาน สังเกตุ วิเคราะห์เรื่องราวมา (ทดลองตายชั่วขณะ) สังเกตุได้ว่า

เมื่อเราตายลง จิตที่เหมือนว่ายังไม่ดับยังคงอยู่ในร่างที่ดับ หากเป็นชาวพุทธก็คงเผา หรือฝังแบบชาวจีนชาวคริสต์ มุสลิม
หากแต่จิตยังคงอยู่ในร่างพร้อมข้อมูล พลังงานบวกและลบ(บุญ,บาป) ยังคงหมุนเวียน
หากฝังก็ต้องหมุนเวียนเรื่องราวเหมือนเข้าศาลตามคดีความ แต่พุทธนี่ดีหน่อยตรงที่มีเผาฌาปนกิจ(จ่ายสด)

แต่ก็ใช่ว่าจะง่าย เพราะความร้อนที่อาจปรับได้แล้วแต่จิตแล้วแต่กรรม ส่วนเวลาเสี้ยววินาทีที่ยาวนานสุดแล้วแต่กรรม

กรรมนั้นจะส่งผลให้ร้อนมาก-น้อย ยาวนาน-หรือสั้น

หากสำนึกได้(คิดความเข้มข้นเป็นเปอร์เซนต์ตามความจริงใจ) ก็สามารถลดความร้อนและเวลาลงได้
หากแต่การลนไฟนั้นจะไม่ตายทันทีเหมือนตอนมีชีวิตแล้วโดนไฟคลอกหรือจมน้ำตายมันง่ายไปที่จะเป็นแบบนั้น ที่เพียงฟุบเดียว สักพัก น็อค หลับสลบไม่รับรู้อะไรอีก แล้ววนลูปไปตื่นในครั้งที่ตื่นเมื่อล่าสุด จนกว่าจะถึงจุดตัดอายุกรรม
การลนไฟนีี้จะเหมือนไฟคลอกจนทนเจ็บไม่ไหวและไม่เจ็บจนชา แต่หากสุดก็จะวูบ ลูป ฟุบแล้วตื่นมาทนเจ็บต่อจนกว่าจะหมดกรรม หลังจากนั้นจึงเข้าสู่ช่วงเวลาที่ได้ไปเสวยบุญ(ได้ไปใช้พลังงานบวกที่ได้สะสมไว้) และระหว่างนั้น ก็สร้างกรรมใหม่เพิ่มอีก
แล้วมันดีหรือเปล่า(เรื่องไฟ)??? มันย่อมดีกว่า(มุมมองส่วนตัว แบบจ่ายสด งดเชื่อ) การอดทนเข้าศาลตัดสินว่าต้องบำเพ็ญตนเป็นประโยชน์หรือถูกตัดสิน(ขอเปรียบเทียบกับศาล) ให้กลายเป็นเปรตสัมพเวสีผีเร่ร่อน ต้องทนทุกข์ทมานชนิดผ่อนส่งกรรมแต่ผู้ที่ได้รับการอภัย(ลหุโทษ(เรื่องเล็กๆน้อยๆ เจ้ากรรมนายเวรไม่ถือสาเอาความ หรือที่คุณได้สำนึกเต็มขั้นก่อนตายแล้ว)ก็จะไม่ต้องไปเคลียร์ (ผ่านไปเลย) และถ้าไม่มีการต้องเคลียร์(หากเคลียร์หมดแล้ว)ก็จะได้ไปเสวยบุญเลย หรือไม่ก็โดนคาดโทษ(เพิ่งเล็ง)แค่นิดหน่อย
และผู้ที่ฝังหากพร้อมจ่ายสด ก็สามารถไหลลงแกนดาวเคราะห์(แกนโลก)เพื่อเข้าไปชำระด้วยไฟชำระได้เช่นกัน
#บางคนมีแต่ลหุโทษและเจ้ากรรมนายเวรไม่เอาความ ก็อาจจะแค่รู้สึกแค่ร้อนวูบๆวาวๆนิดหน่อย(เหมือนผิงไฟ) แล้วก็อาจข้ามมิติไปเลยโดยอาจเห็นเงารางๆของงานศพตัวเอง ซึ่งไปแบบไม่รู้ตัว(ตายไม่รู้ตัว)โดยที่แวดล้อมยังปกติทุกอย่าง คือรับรู้เรื่องแต่ไม่ได้ประสพพบเจอด้วยตัวเอง(อิสลามเรียกกรณีนี้ว่า อาบาดัน (ตายจากโลกเก่า โดยจิตยังคงเดินทางต่อไปอย่างต่อเนื่อง มักเป็นแบบตายไม่รู้ตัว))

สำหรับผู้ที่ไม่เลือกศาสนาก็จะได้แคลนสายวิทยศาสตร์ ซึ่งธรรมชาติจะปรับสมดุลพลังงานบวก-ลบที่เจ้าตัวสะสมไว้ เช่น ได้ตกอยู่ในสภาวะได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ โรคระบาด ปรากฏการณ์ต่างๆ ได้ทุกรูปแบบทุกจินตนาการ ผีดิบซอมบี้ เอเลี่ยนบุก มีสิทธิได้เจอหมด(ตามแต่ความเชื่อของใครของมัน *ตามกฏแรงดึงดูด) สุดแล้วแต่กรรม ถ้าสามัญๆธรรมดาๆ ก็อาจแจคพอร์ตแค่ประสบภัยพิบัติหรือโรคระบาดด้วยตัวเอง แต่ผู้ไม่เชื่อศาสนาและไม่เคารพธรรมชาติ ก็มักปลอบใจตัวเองประมาณว่ามันเพราะ "ความบังเอิญ"

แล้วพวกคุณล่ะ? ชอบแบบไหน

 

รบกวนถามคุณMUSAFAคะ..คือมีน้องเขยเป็นอิสลามค่ะ..และเคยมีอดีตแฟน.เป็นอิสลามค่ะ..เขาทั้ง2..เมื่อตายแล้วคือแฟนเก่าตายไปหลายปีแล้ว.(ป่วยตายและทำพิธีทางศาสนาอิสลามที่บ้านของเขาต่างจังหวัด).ตายใหม่ๆเขาก็มาหา..มากอดและร้องไห้โฮ..(คือก่อนตายเคยคุยกันไว้ว่า..ชีวิตหลังความตาย(โลกของความตาย)จะเป็นหรือมีสภาพลักษณะ..อย่างไร.แต่การมาของเขาพูดจาไม่รู้เรื่อง..ฟังไม่เป็นภาษา..ดิฉันเป็นชาวพุทธค่ะ..แน่นอนค่ะการเป็นแฟนกัน..เขาย่อมต่อต้านการเป็นพทธ..การทำบุญของฉันแน่นอน.แล้วเมื่อเขาตายทำให้ดิฉันรู้สึกสงสารเขาเป็นอย่างยิ่ง.เลยคิดหาหนทางช่วยเหลือเขาโดย..ซื้อชุดสีขาวยาวๆแบบโต๊ะอิหม่ามใส่เวลาละหมาด..นำไปบริจาคที่สุเหร่า.ตอนนั้นจ่ายไป2000กว่ามีความหวังว่า..เขาจะได้รับบุญบ้าง..หลังจากนั้นก็ฝันเห็นเขามาเรื่อยๆ..ส่วนมากจะไม่ได้ใส่เสื้อ..สรุปเอาเองว่ายังไม่ได้รับบุญ.และน้องเขยก็เช่นกันคือป่วยตาย..เขาผู้ตายทั้ง2รู้จักกัน..เขาทั้ง2พยายาม..ติดต่อดิฉันกับน้องสาว(เข้าฝัน)ประว่าให้ช่วยเหลือเขา..พวกเราช่วยกันอย่างเต็มที่ด้วยวิธีพุทธ..แต่เหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรเขาได้เลย..จนครั้ง1ฉันนอนเล่นตอนกลางวัน..เคลิ้มๆอยู่เขามาหา..และเหมือนเป็นกระแสวิทยุสื่อเข้ามาในสมอง..ก็มีการคุยกัน..ทางจิต..เขาพยายามจะถามว่า.เขา.ต้องทำอย่างไร.เขาถึงจะได้บุญกุศลจากดิฉัน..ฉันตอบว่า..เธอจงโมทนาซิ..เขาไม่เข้าใจ..เลยบอกเขาไปใหม่ว่าเธอจงยินดีในบุญที่ฉันทำให้ซิ.เธอยินดีซิเธอยินดีซิๆๆ..ดิฉันพูด(คิด)รัวๆแต่พลังที่ส่งไปนั้นติดๆดับๆ.ขาดๆหาย..รู้สึกเหนื่อยมาก.แล้วเขาก็หายวับไป(ตอนกลางวันนะ)..ดิฉันผุดลุกนั่ง..เศร้าและสงสารจับใจ..ไม่รู้ว่าเขาจะรับได้หรือเปล่า..

 

อยากถามMUSAFAว่า..1.การทำบุญแบบซื้อชุดละหมาดไป..บริจาค.กับทางสุเหร่า..คนตายจะได้รับบุญหรือไม่..2.การตาย..โลกของการตายของอิสลาม..เป็นอย่างไร..เหมือนกับพุทธหรือไม่..ในโลกของเขาความคิดของอิสลามตายแล้วไปไหน(กรณีไม่ได้เป็นกระกอบคุณงามความดีเป็นคนเทาๆ).3พวกเขาต้องเร่ร่อนเป็นสัมภเวสีใช่หรือไม่..3.เขามีสิทธิ์มีใจน้อมรับบุญในพุทธศาสนาหรือไม่..ถ้ารับเขาจะมีความผิดต่อองค์อัลเลาะห์หรือไม่..4.ถ้าเชื่อตามศาสนาอิสลาม..เขาต้องรอวันสุดท้ายหรือไม่(วันที่พระเจ้ามา).เขาถึงได้ไปเกิดใหม่.5เราจะทำบุญให้เขาต่อ..ในลักษณะนั่งสมาธิ..ใส่บาตร..สวดมนต์..เขาจะรับได้หรือไม่..เขามีสิทธิ์ได้เปลี่ยนภพภูมิของเขาหรือไม่อิสลาม(มีสวรรค์)หรือไม่..หมายถึงมีความเป็นอยู่ดีขึ้น..6.ในขณะที่เป็นวิญญาน.อิสลามมีการตามล่าจับวิญณานมาลงโทษหรือไม่..เพราะบางครั้งวิญณานน้้องเขยเหมือนโดนไล่ล่า..ต้องมีการแอบซ่อนตัว(เข้าฝันให้รู้)..เหมือนเขาต้องการที่พักพิง..อยากให้น้องสาวช่วย..และน้องเขยมาเข้าฝันหลายครั้งกับดิฉันอยากได้บุญ..อยากรู้โลกความตายของมุสลิมค่ะ.รบกวนคุณMUSAFA..ช่วยเล่าเป็นวิทยาทานเพื่อศีกษาค่ะ..บางครั้งดิฉันเคยคิดอยากถอดกายทิพย์ไปดูพวกเขา..ว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร..ลำบากหรือไม่โดนคุกคามจากวิญณานอื่นหรือไม่..อดอยากหรือหรือหิวโหยกันบ้างหรือไม่..แต่ก็ยังทำไม่ได้..รบกวนคุณช่วยตอบหน่อยนะคะ

 

1ได้รับครับ มันอยู่ที่ใจของผู้ให้
2โลกเดียวกันครับ ผู้ที่ฝังหากพร้อมจ่ายสด ก็สามารถไหลลงแกนดาวเคราะห์(แกนโลก)เพื่อเข้าไปชำระด้วยไฟชำระได้เช่นกันครัับ
3มีทุกรูปแบบครับ โดยศัพท์อิสลามเรียกจิตว่าญิน ญินสามารถยังคงวนเวียนกับความยึดติดได้เช่นกัน
-น้อมรับได้โดยไม่มีความผิด อัลลอฮ์ คือความบริสุทธิ์ทั้งปวงในธรรมชาติ อาจเรียกว่าพระธรรมชาติก็ได้ และอัลลอฮ์มีความยินดีในพระพุทธเจ้าครับ
4วันสุดท้ายคือวันที่เสียชีวิตจากสถานะมนุษย์ การตัดสินนั้นเกิดขึ้นตลอดเวลา โดยอัลลอฮ์(พระธรรมชาติ)ได้สร้างกฏแห่งกรรมให้ทำงานอัตโนมัติครับ
5ได้ครับ
6มีเช่นกัน แต่อาจเป็นญินชัยฏอน(ซาตานของคริสต์)จำแลงมา โดยโคลนนิ่งร่างเหยื่อแล้วอวตารสิงร่างนั้นมาหลอกเอาบุญ ตัวจริงอาจจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะส่วนใหญ่นิยมจ่ายสด(เข้าไฟ)แล้วไปโลกหน้า(สวรรค์)กันครับ

 

ขอบคุณ..MUSAFA..มากๆค่ะที่ได้เล่าเป็นวิทยาทานเพื่อการศึกษา..

 

ความเชื่อของแต่ละศาสนาไม่เหมือนกัน
แต่ธรรมชาติที่เป็นจริงย่อมมีแค่1เดียว
เหมือนปลูกอะไรก็ออกผลเป็นอย่างนั้น
ไม่เป็นอย่างอื่น คือธรรมขาติธรรมชาตจริง
หากปลุกส้ม ออกลูกเป็นกล้วย มันเป็นไปไม่ได้ มันผิดธรรมชาติ ดังนั้นธรรมชาติที่จริงจึงมีเพียง1 ความเชื่อที่ถูกตัองเป็นจริงก็มีแค่1 ต่อให้หลากหลายศาสนา ความเชื่อของศาสนาที่เป็นความจริงก็มีแค่1. ไม่มี 2.
เเกิดคำถาม แล้วความเชื่ิอของศาสไหนที่จริง
....ถ้าอิสลามจริง เขาคงไม่มา ติดต่อขอให้คุณที่เป็นชาวพุทธช่วยเหลือหรอกค่ะ
ความเห็นส่วนตัวนะคะ

 

สำหรับผู้ที่ไม่เลือกศาสนาก็จะได้แคลนสายวิทยศาสตร์ ซึ่งธรรมชาติจะปรับสมดุลพลังงานบวก-ลบที่เจ้าตัวสะสมไว้ เช่น ได้ตกอยู่ในสภาวะได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ โรคระบาด ปรากฏการณ์ต่างๆ ได้ทุกรูปแบบทุกจินตนาการ ผีดิบซอมบี้ เอเลี่ยนบุก มีสิทธิได้เจอหมด(ตามแต่ความเชื่อของใครของมัน หมกหมุ่น ฝักใฝ่ เชื่อมั่น *ตามกฏแรงดึงดูด และพลังงานบวก(บุญ) พลังงานลบ(บาป) ก็มีผลต่อการได้พบเจอ บุญเยอะหน่อย ชอบอะไรที่ไม่เบียดเบียนใครก็ได้เจอ บาปเยอะหน่อย เกลียดอะไรไม่ชอบอะไร ก็สามารถได้พบบ่อย) สุดแล้วแต่กรรม ถ้าสามัญๆธรรมดาๆ ก็อาจแจคพอร์ตแค่ประสบภัยพิบัติหรือโรคระบาดด้วยตัวเอง แม้แต่ในอนันตภพ(พหุภพ) มีหมดทุกจินตนาการ เพียงแต่อาจจะ1เดียวในดาว 1เดียวในแกแล็กซี่ 1เดียวในเอกภพ แม้แต่Uniqe สุดๆมีเพียง1เดียวในอนันตภพ(สุดแล้วแต่กรรมที่จะทำให้ได้พบ) แต่ผู้ไม่ที่เชื่อศาสนา(ขาดสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ)และหรือไม่เคารพธรรมชาติ ก็มักปลอบใจตัวเองประมาณว่ามันเพราะ "ความบังเอิญ"